Skip to content
พี่ฉอด สายทิพย์ ชี้แจงดราม่า ป้าซุ่มไม่อั้น ใน Club Friday Show

คิด วิเคราะห์ แยกแยะ คำชี้แจงของ พี่ฉอด ต่อกรณีดราม่า #ป้าซุ่มทุ่มไม่อั้น

หลังเกิดดราม่า #ป้าซุ่มทุ่มไม่อั้น ลากยาวบานปลาย กลายเป็นที่สุมหัวรวมตัวกันของเหล่านักขุด พยายามคุ้ยเรื่องราวของ พี่ฉอด สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา กับเด็กในสังกัดคนนั้นคนนี้ โดยเฉพาะ เอส วรฤทธิ์ กับ ว่าน ธนกฤต ที่โดนพุ่งเป้าเป็นพิเศษ

ประเด็นสำคัญ ที่คนในโซเชียลต้องการคำตอบ คือ ?

หลายคนอาจจะแยกแยะประเด็นไม่ออก เข้าใจว่ามีเรื่องราวที่พี่ฉอดต้องชี้แจงเยอะ แต่ในส่วนประเด็นที่คนในโลกโซเชียลสงสัยที่สำคัญที่สุด จริงๆแล้ว มีแค่ประเด็นเดียว คือ การใช้อำนาจ หรือเส้นสายส่วนตัว ไปในทางกลั่นแกล้งคนอื่น เพื่อเหตุผลส่วนตัว (กรณี หยาด เป็นต้น) ซึ่งเป็นส่วนที่ ทุกคนรอดู จากการชี้แจงของพี่ฉอดในรายการ Club Friday Club ช่วงเย็นของวันนี้ (15 กรกฎาคม 2560)

แต่การชี้แจงความยาวกว่า 20 นาทีนั้น กลับไม่มีประเด็นนี้ แต่เลือกชี้แจงประเด็นที่เป็นเรื่องซุบซิบหยุมหยิม ที่หากคนตามทัน ก็จะรู้อยู่แล้วว่ามันเป็นข่าวโคมลอย เป็นข่าวที่เรียกกระแสของหัวหนังสือเท่านั้น เช่น กรณี กฤษ เป็นต้น ซึ่งคนที่ติดตามข่าวมาโดยตลอด ก็จะรู้ว่าเรื่องนี้ไม่มีเค้าความจริงเลย

ส่วนเรื่องที่คลุมเครือมาตลอดคือ เรื่องนางเอก Y หรือได้รับการเปิดเผยต่อมาว่าคือ หยาดทิพย์ ก็ยังเป็นเรื่องที่เป็นปริศนาอยู่ต่อไปว่า โดนกลั่นแกล้งจริง ตามที่มีข่าวก่อนหน้านี้หรือไม่

สรุป คือ พี่ฉอดเลือกที่จะพูดในส่วนที่ไม่จำเป็นต้องพูด แต่ไม่พูดเรื่องที่คนสงสัยคลุมเคลือ

คำชี้แจงของพี่ฉอดทั้งหมด

“รายการมีการคุยกับแขกรับเชิญก่อนแล้วว่าสามารถพูดเรื่องอะไรได้บ้าง ซึ่งทางตัวแขกรับเชิญเองก็ไม่ได้ติดใจอะไร ตัวรายการเป็นการเอาประสบการณ์เรื่องชีวิต รวมถึงเรื่องความรักมาแชร์ประสบการณ์กับผู้ชม ถ้าคนที่ได้ดูการสัมภาษณ์ของโฟร์เต็มๆ จะรู้ว่าโฟร์ไม่ได้ตำติอีกฝ่ายอย่างเดียว เขาพูดในหลายแง่มุม ในมุมของความความรักจะมองว่าของตัวเองถูก ไม่มีถูกผิด แต่ล่ะคนมีเหตุผลของตัวเอง อยู่ที่เจตนาที่จะเรียนรู้”

“กับเรื่องที่เกิดขึ้น อยู่ๆก็รู้สึกว่าเป็นคนผิด ทั้งที่ไม่ได้ทำผิด นั่งสัมภาษณ์อยู่ 3 คน แต่กลายเป็นผิดอยู่คนเดียว จากนั้น ก็มีการขุดคุ้ยไปไกล ซึ่งฟังเหมือนกับถูกต้อง แต่อยากให้คิดอีกที สำหรับคนที่ตั้งคำถามว่าทำไมพี่ฉอดไม่เอาชีวิตของตัวเองมาสัมภาษณ์ หรือว่าเอาคนที่เกี่ยวข้องมาสัมภาษณ์ เราต้องย้อนกลับไปที่ว่าแขกที่มาออกรายการของเรา มาจากเขาสมัครใจที่จะมาพูดในรายการของเรา”

“โดยส่วนตัวไม่ชอบไม่พูดเรื่องของตัวเอง สังเกตในไอจีไม่ลงส่วนตัวจะลงแต่เรื่องงาน การไม่ได้ชอบพูดเรื่องตัวเองไม่ใช่เรื่องผิด อีกอย่างเป็นคนที่ชีวิตเปิดเผย เพราะมีคนแวดล้อมตัวเองเยอะมาก วันนึงมี 24 ชั่วโมง พี่จะอยู่ที่โล่งแจ้ง 20 ชั่วโมง ทุกคนเห็นว่าไปไหนกับใคร การที่ไปตั้งประเด็นดูเหมือนปกปิด สิ่งที่เป็นประเด็นตอนนี้ไม่เป็นปัญหากับชีวิตพี่เลย เพราะมันเป็นการพูดในกลุ่มโซเชียลกลุ่มหนึ่ง พี่ยังใช้ชีวิตปกติ ไม่มีคนเข้ามาถาม เพราะเขาเห็นชีวิตของพี่อยู่แล้ว ประเด็นที่ตั้งดูพี่มีเรื่องผู้ชายเยอะ โน้นนี้ ดูสวยมาก เพราะว่าถ้ามี คนก็คงเห็นกันหมด”

“ตอนนี้ พี่ตอบได้ทุกคำถาม เพราะทุกครั้งที่ทำอะไร จะกลับมาเช็คตัวเองตลอด แต่ขอให้มาถามกับพี่ วันนี้ กับการที่เราคิดการตัดสินใจกันไป มันง่ายเกินไปหรือเปล่า คนที่มาติดแฮชแท็ค เขาไม่รู้จริง ไม่รู้จักเรา ถ้าพี่เป็นคนผิด ก็แล้วไป แต่ถ้าไม่ได้ผิดล่ะ มันส่งผลกระทบอะไร พี่ไม่ได้พูดถึงตัวพี่คนเดียว ซึ่งก็อยากถามเหมือนกันว่า ความสนุกสะใจคุณให้อะไรกับคนอื่นบ้าง

“อย่างตัวพี่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คุณแม่ตกใจมาก ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรที่ผิด และไม่เคยทำอะไรที่เสียหายมาทั้งชีวิต แต่ส่งที่เกิดขึ้นมันส่งผลกระทบไปถึงคนรอบตัว วันนึ่งตื่นขึ้นมาก็กลายเป็นคนผิด คุณแม่พี่อายุ 80 กว่า พี่มีหน้าที่ไปทำความเข้าใจกับทุกคน มีหลายคนที่เข้ามาให้กำลังใจ ทั้งที่เขาไม่รู้จักพี่ ตรงนี้มันขึ้นอยู่ที่มุมมองของการเห็น ขอบคุณในความเชื่อมั่น อีกอย่างเวลาที่เราทำอะไร พี่มีคนรอบตัวเยอะ ถ้าทำอะไรผิดคนที่รู้ก่อนก็คือคนรอบตัว พี่อยู่ในสังคมนี้ต้องสบตาทุกคนได้ ขอบคุณที่ได้ออกมาชี้แจง”