Skip to content
ดีเจเคนโด้ เล่าประสบการณ์เป็นไบโพลาร์ ย้ำ ไม่ได้เข้าข้าง เสก โลโซ

ดีเจเคนโด้ เล่าประสบการณ์เป็นไบโพลาร์ ย้ำ ไม่ได้เข้าข้าง เสก โลโซ

เป็นอีกมุมหนึ่งของ เสก โลโซ ในฐานะผู้ป่วยโรคไบโพลาร์ ที่เราจะได้ทำความเข้าใจกันมากขึ้น เพราะปัจจุบันมรผู้ป่วยเป็นโรคนี้เป็นจำนวนมาก ทั้งรู้ตัวและไม่รู้ตัว เมื่อ ดีเจเทวดา หรือ ดีเจเคนโด้ เกรียงไกรมาศ พจนสุนทร ได้ออกมาเล่าประสบการณ์การตรง จากคนที่ป่วยเป็นโรคไบโพลาร์

ซึ่งดีเจเคนโด้ออกตัวว่า การออกมาครั้งนี้เพื่อทำความเข้าใจ ไม่ได้เข้าข้าง โดยข้อความทั้งหมดมีดังนี้

เข้าใจไม่ได้เข้าข้าง

ผมพูดเต็มปากว่าพี่เสกป่วยจริง เพราะได้โทรคุยกับทนายส่วนตัว แกรักษามาสามปี แต่ที่ยังไม่หายเพราะแกไม่มีวินัยในการรักษา ของพวกนี้ต้องพยายามมากพอสมควรยาครึ่งหนึ่ง จิตบำบัดครึ่งหนึ่ง พี่เสกแกไม่มีทั้งสอง ยาก็ขาด วินัยก็ไม่มี สาเหตุคือไม่ใช่พี่เสกผู้ป่วยก็ดำเนินชีวิตตามขั้นตอนของโรค แมเนียระยะคึกคักมากปกติ คือระยะนี้แหละ เจ้าโปรเจค สมองแล่น ขนาดโดนจับยังยิ้มหัวเราะ (คุณคิดว่ามันปกติรึ) ออกจากคุกก็จะไปซื้อที่ดิน ตรรกะไม่มีแล้ว นี่คืออาการของโรคล้วนๆ

พี่เสกขาดผู้ดูแล ผู้ป่วยจะหายปัจจัยหลักๆคือผู้ดูแล ผู้ดูแลเขามีโรงเรียนให้เรียน แม่ผมก็เรียนเพราะต้องดูแลลูกที่เป็นไบโพลาร์ถึงสองคน! บางคนเถียงก็ใช้ยานิจนหลอนเป็นบ้า แยกส่วนกันนะครับ ยามีส่วนกระตุ้นอาการไบโพลาร์มาก พี่เสกคือผู้ป่วยที่ยังคงใช้ยา (อันนี้ประมวลตามข่าวที่ตรวจเจอ)

พูดเรื่องไบโพลาร์มานาน พูดกี่ครั้งก็เป็นเรื่องใหม่ แต่กว่าสองล้านคนที่เป็นผู้ป่วยจิตเวชที่เข้าระบบรักษาตามข้อมูลกรมสุขภาพจิต กลุ่มนี้และญาติไม่ต้องอธิบายกันแล้วว่า พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของลูกเรา ผัวเรา เมียเรา ตอนแรกก็ไม่เข้าใจแบบที่สังคมไล่พี่เสกไปตาย ผมก็เคยโดนไล่ไปตาย เพราะผมก็เกเรไม่ต่างพี่เสกแต่โชคดีไม่เคยใช้ยา กินแต่เหล้า กินเพียวเป็นขวด หรือจนกว่าคุณจะเป็น ญาติคุณจะเป็นคุณถึงจะเข้าใจว่า

โรคมีส่วนทำไห้พฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไปจริง

มันปวดร้าวมาก สำหรับผู้ป่วยทางจิตเวช บางคนฆ่าพ่อแม่ เอาปืนยิง (จิตเภท) เพราะมีคนกระซิบว่าให้ไปสังหารถ้าไม่ทำพ่อแม่จะตกนรก สมองมันเพี้ยนไปหมดแล้ว หูแว่ว ภาพหลอน พอเกิดเหตุการณ์สังคมก็รุมด่า ไอ้ชั่ว ไอ้เลว สัตว์นรกมาเกิด คือเขาไม่ได้ทำ พอเอาเขาไปรักษาอาการภาพหลอน หูแว่วหาย คุณคิดดูว่าเขาจะปวดร้าวเพียงใด #อย่าเพิ่งตัดสินคนด้วยความไม่เข้าใจหรือเข้าข้างคนเพราะรู้ไม่มากพอ

ผมเคยเป็นไม่ต่างจากพี่เสกและคนเป็นไบโพลาร์ทุกคนตอนแมเนียก็มีพฤติกรรมรุนแรงต่างกันออกไป เราควบคุมตัวเองไม่ได้หรอกเพราะเคมีในสมองเป็นแบบนั้น #สมองมันเป็นนายเรา ผู้ดูแลต้องวางแผนการรักษากับจิตแพทย์ ยิ่งรักษาช้าความเสียหายยิ่งมากขึ้น สุดท้ายถ้าพี่เสกลงสู่ขั่วซึมเศร้า มันไม่ใช่แค่ยิงปืนขึ้นฟ้านะสิ ศิลปินต่างชาติก็จบชีวิตด้วยการฆ่าตัวตายมาแล้วหลายคน เคริก โคเบน เอมี่ ไวท์เฮ้าส์

ผมไม่อยากใช้คำว่าให้โอกาส ผมไม่อยากใช้คำว่าเห็นใจ เพราะจะไปให้โอกาสและสงสารทำไมเพราะพฤติกรรมมันก็ชั่วจริง #ผมขอคำว่าเข้าใจแค่นี้พอเข้าใจจะนำไปสู่การให้แก่ผู้ป่วยจิตเวชในทุกๆโรค

เข้าใจแล้วจะไม่ตีตราบาป เข้าใจนำสู่การช่วยเหลือ เข้าใจสร้างสังคม เราจะเข้าใจกันและกัน

คำว่าเข้าใจผมว่ามันใช้ได้กับหลายๆอย่างในชีวิตเลยครับ คุณคงไม่มีความสุขหรอกถ้าคนที่คุณบอกสมควรตาย แล้วเขาตายในวันรุ่งขึ้น แม่บางคนด่าลูกมึงไปตายที่ไหนก็ไป แล้วลูกไปตายจริง หรือชาวเน็ตรุมไล่พี่เสกไปตาย ผมไม่เชื่อว่าคุณจะปรบมือ โพสว่า ดีจังโคตรดีใจตายแล้วว้อยย ผมไม่มีทางเชื่อว่าคุณจะรุ้สึกจริงอย่างที่คุณโพส ไม่มีทางจริงจริง เพราะวันนีงถ้าคุณเกิดความเข้าใจ มันจะไม่เป็นแบบนี้

ไม่ไล่ใครไปตายเพราะมันแค่อารมณ์มันไม่ใช่ความรู้สึกจริง

ขอบคุณที่อ่านจนจบ จากใจอดีตผู้ป่วยไบโพลาร์รับการรักษาอย่างจริงจัง พ.ศ. 2555 จนถึงปัจจุบัน

เคนโด้ 4 มกราคม 2561″

ดีเจเคนโด้ ในรายการ ข่าวใหญ่ ไทยแลนด์ ทางช่อง GMM25


Source: Facebook