กว่าเราจะได้เห็น ละคร บุพเพสันนิวาส ที่ประสบความสำเร็จ ขึ้นแท่นละครอันดับหนึ่งของยุคทีวีดิจิตอล ต้องมีองค์ประกอบหลายส่วนเข้าด้วยกัน แต่ส่วนที่สำคัญมากเป็นลำดับต้นๆ คือ ผู้เขียนบท
โดยล่าสุด เพจ อีจัน บันเทิง ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ อ.ศัลยา ผู้เขียนบทละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส ที่สำคัญ ท่านอาจารย์ยังเป็นผู้เขียนบทละครดังๆ มาแล้วหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น ดอกส้มสีทอง, ข้ามสีทันดร, รากนครา, แก้วหน้าม้า และเรื่องอื่นๆ อีกนับร้อยเรื่องด้วยกัน
อ.ศัลยา เล่าว่า การเขียนนิยายกับการเขียนบทละครโทรทัศน์นั้นแตกต่างกัน ในละครนั้น มีหลายเบรก คนดูก็อยู่ในบ้าน นั่งกินข้าว เล่นเน็ต นั่งพักผ่อน การจะดึงความสนใจจากคนเหล่านั้นย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อได้รับงานมาก็จะอ่านก่อนหนึ่งครั้งเพื่อดูโครงเรื่อง จากนั้นก็อ่านอย่างละเอียด และต้องเรียบเรียงเหตุการณ์ต่างๆ เพราะว่าในนิยายจะไม่เล่าเรียงลำดับเหตุการณ์เหมือนในละคร
ส่วนการเขียนบทละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส รอมแพง (ผู้เขียนนิยาย บุพเพสันนิวาส) สามารถหาข้อมูลได้อย่างถูกต้อง เหมาะสมเป็นส่วนใหญ่ และในส่วนที่เป็นความน่ารักของการะเกด สามารถเอามาใส่ได้เลย แต่ในเรื่องของประวัติศาสตร์ รอมแพงเขียนไว้อย่างคร่าวๆ ในส่วนนี้ต้องใช้เวลาศึกษาหาข้อมูลกันนานเลยทีเดียว
สำหรับเรื่องนี้ ต้องใช้เวลาเขียนนานกว่า 2 ปี และน่าจะเป็นเรื่องที่ใช้เวลาเขียนนานที่สุดเท่าที่เคยเขียนมา หนึ่งตอนใช้เวลาเขียนหนึ่งเดือน นั่นเป็นเพราะต้องหาข้อมูลประกอบ ดังนั้นเมื่อเขียนแล้ว ก็แก้แล้วแก้อีก เพื่อให้มั่นใจว่า ถูกต้องสมบูรณ์ที่สุด
ในส่วนของพี่หมื่นนั้น ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์แทบจะไม่มีข้อมูลเลย ทั้งที่เป็นถึงตรีทูต ส่วนใหญ่เป็นข้อมูลเกี่ยวกับโกษาปาน ว่าเป็นคนสง่า พูดเพราะ อย่างโกษาปานเองมีการบอกว่า มีเมียถึง 22 คน
ด้าน แม่หญิงจันทร์วาด ในหนังสือนั้นจะลงเอยกับหลวงศรียศ ต้นตระกูลบุนนาค หากแต่เมื่อนำมาทำเป็นละครแล้ว ทั้งสองคนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย ระหว่างครอบครัวของโกษาเหล็ก และครอบครัวบุนนาค แต่ก็ต้องเคารพบทประพันธ์
อย่างกรณีของศรีปราชญ์เอง ก็ไม่มีตัวตน แต่ก็ไม่ตัดทิ้ง ใส่ไปให้ครบ ส่วนตรงไหนที่ไม่ถูกต้องก็ใส่ไปแค่นิดหน่อย
Photos : Broadcast Thai Television
Source : เพจ อีจัน บันเทิง