Skip to content

สรุปเนื้อเรื่อง Sweetheart (2019) ที่รัก มันอยู่ในเกาะ

เนื้อหานี้มีการสปอยล์ Sweetheart (2019)

เนื้อเรื่อง Sweetheart (2019)

เจนน์ ถูกคลื่นซัดมาเกยอยู่บนชายหาด ณ เกาะร้างแห่งหนึ่ง เธอเป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์เรืออัปปาง เมื่อได้สติ เธอก็พบว่า แบรดนอนอยู่บนชายหาดไม่ห่างจากเธอ เขานอนแน่นิ่งขณะที่ท้องของเขามีปะการังขนาดใหญ่ปักคาอยู่ เจนน์เมื่อเห็นเช่นนั้นก็ทำอะไรไม่ถูก พยายามตะโกนร้องหาความช่วยเหลือ พร้อมกับร้องเรียกหา ลูคัส แฟนหนุ่มของเธอ หากแต่ไร้เสียงตอบรับจากผู้ใดกลับมา

และเมื่อดึงสติกลับมาได้ เจนน์พยายามรักษาบาดแผลของแบรด หากแต่ว่าบาดแผลมันหนักหนาเกินกว่าที่จะยื้อชีวิตเขาเอาไว้ได้ ก่อนตายแบรดทิ้งคำถามปริศนาเอาไว้ว่า “เธอเห็นมันหรือเปล่า ?”

เจนน์หยิบปืนยิงพลุสัญญาณออกจากเสื้อชูชีพของแบรด จากนั้นเธอได้เดินสำรวจพื้นที่ภายในเกาะ พบว่าเป็นเกาะที่มีขนาดค่อนข้างเล็ก และก็พบข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นของที่ใช้กันในยุค 90 เจนน์ได้เก็บกล่องไม้ขีดไฟ และของบางอย่างที่สามารถใช้ประโยชน์ได้เอาไว้

คืนนั้น เกิดพายุทำให้ฝนตกอย่างหนัก และเมื่อเจนน์ตื่นมาในตอนเช้า เธอพบปลาตายเป็นจำนวนมากถูกคลื่นซัดมาอยู่บนชายหาด และฉลามที่มีบาดแผลเป็นรอยขนาดใหญ่อยู่ด้านข้าง จากนั้นเธอก็เดินสำรวจพื้นที่ไปจนพบหลุมฝังศพ ซึ่งน่าจะเป็นหลุมฝังศพสมาชิกในครอบครัวของเจ้าของเครื่องใช้ต่าง ๆ ที่พบก่อนหน้านี้ นั่นทำให้เจนน์คิดจะนำศพแบรดไปฝังเช่นกัน เธอลากศพแบรดที่ตอนนี้ส่งกลิ่นเหม็นเป็นอย่างมาก มาฝังไว้ในหลุมทรายที่ขุดเตรียมเอาไว้ตรงบริเวณชายหาด

เช้าวันรุ่งขึ้น เจนน์พบว่าร่างของแบรดหายไปจากหลุมฝังศพ เหลือทิ้งไว้แค่กองคราบเลือด และมันทำให้เธอรู้ว่า เธอไม่ได้อยู่ที่นี่เพียงลำพัง เจนน์จึงได้นำไม้มาเหลาปลาย เพื่อทำเป็นหอกป้องกันตัวเอง

Sweetheart 2019

รุ่งขึ้นอีกวัน เจนน์เห็นกระเป๋าเดินทางของเธอลอยอยู่ เธอจึงว่ายน้ำออกไปเอา ณ จุดที่กระเป๋าลอยอยู่ เจนน์ได้ดำลงไปใต้น้ำ ทำให้เห็นหลุมดำขนาดใหญ่ที่ก้นมหาสมุทร

คืนเดียวกันนั้น เจนน์ได้ยินเสียงเครื่องบิน ๆ มา เธอจึงยิงพลุสัญญาณออกไป แต่ดูเหมือนว่ามันจะไร้ประโยชน์ และในขณะที่ลูกไฟกำลังล่วงลงสู่พื้นมหาสมุทร ทำให้เธอได้เห็นเงาของสิ่งมีชีวิตกำลังเดินขึ้นมาจากน้ำมุ่งหน้ามาหาเธอ เจนน์รีบวิ่งหนีทันที ก่อนที่จะคว้าหอกที่ทำเอาไว้ แล้วไปหาที่ซ่อนตัวอยู่ในป่า ระหว่างที่ซ่อนตัว เจนน์ได้เห็นช่วงขาของมัน ซึ่งแน่นอนว่า มันไม่ใช่มนุษย์หรือสัตว์ชนิดใดที่มีใครเคยพบเห็นมันมาก่อน และเมื่อมันหาเธอไม่พบ มันก็ล่าถอยกลับลงไปในมหาสมุทร เจนน์คิดในใจว่า เจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้แหละที่เอาศพของแบรดไป

รุ่งขึ้น เจนน์พยายามหนีออกไปจากเกาะ ด้วยการกางกระเป๋าเดินทางออก และนำเสื้อชูชีพ 2 ตัวยึดติดเอาไว้ โดยเธอคาดหวังว่า จะสามารถลอยอยู่บนกระเป๋าเดินทางนั้นได้ในท้องมหาสมุทร แต่ในความเป็นจริง มันไม่สามารถแม้แต่จะพยุงตัวเธอให้อยู่ได้ด้วยซ้ำ

คืนนั้น เจนน์จึงนอนหลบเจ้าสัตว์ร้ายอยู่ภายในซากโพรงต้นไม้ขนาดใหญ่ แต่ระหว่างที่กำลังนอนอยู่ เจ้าสัตว์ร้ายก็พยายามเข้าทำร้ายเธอ ณ เวลานั้น เจนน์แสดงออกถึงความหวาดกลัวเป็นอย่างมาก แต่หลังจากใช้ความพยายามอยู่นาน มันก็ไม่สามารถพังโพรงไม้ได้ สุดท้ายจึงล่าถอยกลับไป

วันต่อมา เจนน์จับปลาตัวเล็กเพื่อทำเป็นเหยื่อล่อฉลาม แล้วเธอก็ใช้หอกเสียบเข้ากลางหัวของมันพอดี เธอร้องออกมาด้วยความสะใจกับความแม่นยำในของการใช้หอกของตัวเอง ฉลามตัวนี้เธอไม่ได้จะนำมันมากินเป็นอาหาร หากแต่เธอนำมันผูกเชือกแขวนไว้กับต้นไม้ เพื่อเป็นเหยื่อล่อเจ้าสัตว์ร้ายตัวนั้น โดยเธอซ่อนตัวอยู่ในหลุมใกล้ ๆ ที่ขุดเอาไว้ ด้วยต้องการจะเห็นเจ้าสัตว์ร้ายนั้นอย่างเต็ม ๆ ตา หากทว่า เธอเผลอหลับไป และเมื่อตื่นขึ้นมา ก็ปรากฏว่า ฉลามที่ผูกเอาไว้ได้หายไปแล้ว

อีกวัน เจนน์พบศพของ แซค ลอยมา แต่สภาพของศพมีแค่ครึ่งท่อนบน และบริเวณใบหน้าก็เป็นแผลยาว เป็นภาพที่ไม่ชวนมองยิ่งนัก เธอลากศพขึ้นมาผูกไว้กับต้นไม้ด้วยความทุลักทุเลและสะอิดสะเอียน หลังจากนั้นก็ซ่อนตัวเพื่อรอดูเจ้าสัตว์ประหลาดอีกครั้ง คราวนี้เธอเห็นมัน ตัวมันใหญ่และแข็งแรงมาก ขนาดคว้าเอาศพของแซคที่แขวนอยู่ไปอย่างง่ายดาย และแม้ว่าในเวลานั้น เธอจะได้ยินเสียงเครื่องบินกำลังบินผ่านไป แต่ก็ไม่สามารถส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือได้

หลังจากนั้น เจนน์พยายามคิดหาวิธีเอาตัวรอด โดยการเอาผ้าใบมาทำเป็นเปลผูกไว้บนสุดระหว่างต้นมะพร้าว เธอคิดว่าวิธีนี้จะทำให้เธอปลอดภัยจากเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนั้นได้ หากแต่ความเป็นจริงกลับตรงกันข้าม กลางดึกคืนนั้น ระหว่างที่เธอนอนอยู่ เจ้าสัตว์ร้ายมันได้คว้าเธอจนหล่นลงมาจากเปล จากนั้นเธอก็พยายามวิ่งหนีเอาตัวรอด ในขณะที่มันวิ่งไล่ตาม เจนน์ก็แทงมันด้วยหอก และมันก็เข้าทำร้ายเธอเช่นกัน จังหวะเดียวกันนั้น ได้เกิดฟ้าร้องและฝนตกลงมาพอดี ทำให้เจ้าสัตว์ร้ายหนีลงท้องน้ำมหาสมุทรไป

อีกวันถัดมา มีแพชูชีพลอยมา เจนน์รีบว่ายน้ำเข้าไปหาทันที เธอดีใจมากเมื่อรู้ว่าคนในแพคือ ลูคัส แฟนหนุ่มของเธอ ซึ่งมากับ มีอา แฟนสาวของแบรด ในขณะที่เจนน์กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ เธอก็เข้าสวมกอดลูคัส จากนี้เธอไม่ต้องอยู่เอาชีวิตรอดเพียงลำพังอีกต่อไปแล้ว

หลังจากเจนน์ได้ทำอาหารให้ทั้งสองได้กินจนอิ่มท้อง เธอได้ร้องขอให้ทั้งหมดพากันหนีออกไปจากเกาะนี้โดยทันที ซึ่งมันทำให้ลูคัสกับมีอาประหลาดใจเป็นอย่างมาก แม้ว่าเจนน์พยายามเล่าเรื่องสัตว์ประหลาดที่ได้เจอ รวมถึงเหตุการณ์ที่มันทำร้ายเธอเกือบตาย หากแต่ว่า ลูคัสกับมีอาต้องการจะอยู่บนเกาะแห่งนี้ และคิดว่าสิ่งที่เจนน์เล่าเป็นเรื่องเหลวไหล

มีอาออกความเห็นว่า การลอยแพกลางมหาสมุทรมันไม่ใช่ความคิดที่ดี เพราะนั่นเป็นครั้งแรกในชีวิตของเธอที่รู้สึกใกล้ชิดกับความตาย แต่เจนน์กลับคิดต่างออกไป เธอยอมตายบนแพชูชีพกลางทะเลดีกว่าตายที่นี่ ด้านลูคัสเองก็เห็นตรงกันกับมีอา ลูคัสเริ่มตะคอกใส่เจนน์ ทั้งคู่เริ่มโต้เถึยงกัน มันทำให้เจนน์ตระหนักว่าไม่มีใครเชื่อคำพูดของเธอเลย (ตรงนี้ลูคัสใช้คำว่า “sweetheart” สวีตฮาร์ต ตะหวาดใส่เจนน์ ซึ่งเป็นจุดเชื่อมโยงเดียวที่สัมพันธ์กับชื่อเรื่อง)

เมื่อไม่มีใครเห็นด้วย เจนน์จึงพยายามขโมยแพชูชีพเพื่อหนีออกไปคนเดียว พร้อมด้วยอาหารที่เตรียมเอาไว้ แต่มีอาเกิดเห็นเสียก่อน ทั้งลูคัสและมีอาจึงได้ช่วยกับจับเจนเอาไว้ ท้ายที่สุด มีอาได้เอาไม้พายฟาดเข้าที่หน้าของเจนน์จนหมดสติไป

ในคืนเดียวกันนั้น เจนน์ได้สติขึ้นมา พบว่าตัวเองถูกมัดติดกับต้นไม้ เธอได้พยายามร้องขอมีอาให้แก้มัด แต่มีอาก็พูดถึงเรื่องการขโมยแพว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง และที่สำคัญเธอไม่เชื่อในสิ่งที่เจนน์พูดเลยแม้แต่น้อย เพราะในอดีตเจนน์ก็เป็นเช่นนั้นมาตลอด

จากนั้น ลูคัสก็มาคุยกับเจนน์ แต่ทั้งคู่โต้เถียงกัน โดยลูคัสบอกว่า หากเจนขโมยแพออกไปได้ โดยทิ้งเขากับมีอาเอาไว้ที่นี่ แล้วเกิดรอดชีวิตจากการลอยแพกลางมหาสมุทรจนมีคนช่วยได้จริงตามที่เจนน์คิด ต่อจากนั้นเจนน์จะไปไหน จะใช้ชีวิตต่ออย่างไร เพราะเจนน์ไม่มีอะไรเลย แม้แต่บ้านที่ใช้ซุกหัวนอน ทุกวันนี้เจนน์ใช้ชีวิตอยู่ได้ก็เพราะเงินของเขา แต่เจนน์ก็ตอบแทนเขาโดยการทิ้งเขาไว้ที่นี่ให้อดตาย ยังไม่นับกริยาอาการที่เจนน์แสดงบนเรือกับเพื่อน ๆ ของเขาก่อนที่เรือจะอัปปาง ซึ่งแสดงให้เห็นว่า เจนน์เป็นหญิงสาวที่ไม่เอาไหน

ระหว่างที่ ลูคัสกับเจนน์คุยกัน มีอาที่กำลังเดินเล่นอยู่บริเวณชายหาด ก็โดนเจ้าสัตว์ประหลาดเข้าทำร้าย แม้ลูคัสพยายามเข้าไปช่วย ด้วยการใช้คบไฟ แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถช่วยได้ มีอาถูกมันลากลงน้ำหายไป

เช้ารุ่งขึ้น ดูเหมือนว่าลูคัสจะไม่ทัดทานเรื่องการหนีไปจากเกาะนี้อีกต่อไป ทั้งคู่เตรียมเสบียงพร้อมด้วยอุปกรณ์ที่คิดว่าจำเป็นไปด้วย ในตอนแรกลูคัสยังกลัวเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนั้นอยู่ แต่เจนน์ก็บอกว่า เธอไม่เคยเห็นมันตอนกลางวัน ลูคัสจึงเบาใจ

ขณะที่แพชูชีพลอยห่างออกจากเกาะไปได้ไม่ไกลนัก ก็โดนโจมตีจากเจ้าสัตว์ร้ายตัวนั้น ทั้งคู่พยายามต่อสู้ แต่เจนน์ก็โดนมันลากลงไปในน้ำ (เป็นครั้งแรกที่เผยให้เห็นหน้าตาของเจ้าสัตว์ร้ายตัวนี้ มีแขนขาคล้ายกับมนุษย์ แต่มีหัวและครีบคล้ายปลาฉลาม) ในขณะที่มันกำลังลากเจนน์เข้าไปในหลุมดำใต้มหาสมุทร เธอได้แทงใส่ร่างมันด้วยมีดพก ทำให้มันปล่อยเธอ ในระหว่างนั้นลูคัสก็ดำน้ำเพื่อหวังจะเข้ามาช่วย แต่กลายเป็นว่าตัวเขาเองกลับถูกมันจับและลากเข้าไปในหลุมดำแทน ซึ่งเจนน์ได้แต่มองดูร่างของลูคัสค่อย ๆ โดนลากหายไป

เจนน์ว่ายน้ำกลับไปที่เกาะ โดยสิ่งแรกที่เธอทำคือ พยายามจุดไฟที่กำลังมอดดับให้ติดขึ้นมาอีกครั้ง เนื่องจากเธอได้ใช้ไม้ขีดไฟหมดไปแล้ว

ตอนนี้ดูเหมือนว่าเจนน์จะไม่มีทางเลือก นอกจากจะต้องสู้กับเจ้าสัตว์ร้ายตัวนั้น เธอได้เตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่สามารถใช้เป็นอาวุธได้ โดยได้นำเศษไม้แห้งที่ติดไฟได้ง่ายล้อมเป็นกับดักไว้ทั่วบริเวณ และเหลาไม้ทำเป็นหอกแหลมขนาดเล็กจำนวนมาก จากนั้นเธอก็เขียนจดหมายที่เล่ารายละเอียดเกี่ยวกับสัตว์ร้ายตัวนั้น เพื่อเป็นหลักฐานว่าเจ้าสัตว์ตัวนี้มันมีอยู่จริง (จะสังเกตได้จากบทสนทนาที่เจนน์คุยกับมีอาและลูคัส แสดงให้เห็นว่า ก่อนหน้าจะมาติดเกาะ เจนน์เป็นคนชอบโกหกหลอกลวง เป็นคนไม่เอาไหน ทำให้เป็นคนที่ไม่น่าเชื่อถือ การเขียนจดหมายเป็นการแสดงหลักฐานว่าสิ่งที่เธอเล่า เป็นเรื่องจริง)

และคืนนั้น สัตว์ร้ายก็โผล่มาอีกครั้ง เจนน์ล่อมันมายังกับดัก แล้วจุดไฟล้อมมันเอาไว้ ตอนนี้เจ้าสัตว์ร้ายดูจะแพ้เปรียบเจนน์อยู่ไม่น้อย ก่อนที่เจนน์จะหาจังหวะกระหน่ำแทงมันด้วยหอกนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดมันก็ล้มลงตรงหน้าเธอ

ตอนจบ Sweetheart (2019)

เจนน์เป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียว และสามารถฆ่าเจ้าสัตว์ประหลาดที่มีลักษณะครึ่งคนครึ่งฉลามได้ แต่เธอก็ยังติดอยู่บนเกาะนี้ต่อไปเพียงลำพัง

Source: Blumhouse Production’s YouTube

Tags: