คะแนน 7/10 ⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️
เป็นข่าวฮือฮาตั้งแต่เมื่อช่วงปลายปี 2018 เมื่อเทพเจ้าสายฟ้า คริส เฮมส์เวิร์ธ (Chris Hemsworth) เดินทางมาเมืองไทยเพื่อถ่ายทำหนังที่ใช้ชื่อว่า ธากา (Dhaka) ออกฉายบนแพลตฟอร์ม Netflix ตอนหลังเปลี่ยนชื่อมาเป็น Extraction โดยหนังเรื่องนี้ใช้งบประมาณในการสร้างมากกว่า 2,000 ล้านบาท (65 ล้าน USD)
เรื่องย่อ Extraction
ไทเลอร์ เรก (คริส เฮมส์เวิร์ธ) ทหารรับจ้าง อดีตหน่วยรบพิเศษของกองทัพออสเตรเลีย ได้เข้ามารับงานชิงตัว โอวี่ มหาจัน ลูกของเจ้าพ่อยาเสพติดของอินเดีย ที่โดนลูกน้องของ อาเมียร์ อาซีฟ เจ้าพ่อยาเสพติดเบอร์หนึ่งของบังกลาเทศ เจ้าของฉายา ปาโบล เอสโกบาร์ แห่งบังกลาเทศ ลักพาตัวไปเพื่อเรียกค่าไถ่
ปฏิบัติการเกิดขึ้นที่กรุงธากา ทุกอย่างดำเนินไปได้ตามแผน สามารถชิงตัวโอวี่มาได้ จนกระทั่งมีชายปริศนาพยายามจะเข้ามาชิงตัวโอวี่อีกทอดหนึ่ง ความวุ่นวายเริ่มต้นขึ้น ด้านอาเมียร์ก็สั่งให้ผู้พัน ส่งตำรวจทหารปิดเมืองไล่ล่าโอวี่กลับมา ทำให้ไทเลอร์ต้องตัดสินใจว่า จะทิ้งโอวี่ไว้แล้วตัวเองหนีไป หรือจะพาโอวี่หนีฝ่ากองกำลังทหารไปกับเขาด้วย…
ภาพรวม
ต้องบอกเลยว่า เรื่องนี้เหมาะสำหรับคนที่ชอบดูหนังแอ๊กชั่นขนานแท้ ที่เน้นความมันบู๊ล้างผลาญเป็นหลัก ซึ่งหนังเรื่องนี้มีฉากแอ๊กชั่นค่อนข้างดีมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ด้วยมือเปล่า ไปจนฉากที่ต้องบวกกันด้วยอาวุธมีด ปืน หรือระเบิด เรียกได้ว่าระห่ำสมชื่อจริง ๆ ยังไม่นับพวกเสียงซาวด์ที่ทำออกมาได้หนักแน่น ถ้าดูผ่านชุดเครื่องเสียงดี ๆ รับรองว่าฟินแน่นอน
หนังเป็นเรต 18+ เรียกว่าบู๊กันเลือดสาดโหดสลัด ฮาร์ดคอร์ในแบบที่สะเทือนอารมณ์ ขนาดคนไม่ชอบดูหนังแนวนี้ยังรู้สึกสนุก อันนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับ พ่อเทพเจ้าสายฟ้าไปเต็ม ๆ คือดูท่วงท่าการเคลื่อนไหวของพี่คริสก็รู้สึกสนุกแล้วล่ะ ลองคิดเล่น ๆ ถ้าเปลี่ยนจาก คริส เฮมส์เวิร์ธ เป็นนักแสดงคนอื่น คงจะกลายเป็นหนังเกรดรองไปเลย ว่าที่จริง เขาคือคนแบกหนังเรื่องนี้ทั้งเรื่อง
ส่วนที่ชอบมาก ๆ อีกอย่างคือการเกรดดิ้งสี ที่ใช้โทนสีออกเหลือง ๆ ในการฉายภาพเมืองธากา ทำให้มันได้ความรู้สึกเป็นเมืองที่ตกอยู่ในม่านหมอกของอาชญากร และการเลือกใช้สีเลือดให้ออกโทนดำ ๆ ทำให้มันดูสมจริงมากยิ่งขึ้น
และส่วนที่น่าสนใจต่อไปก็คือ การแปลงโฉมเมืองไทยให้กลายเป็นกรุงธากา เมืองหลวงของประเทศบังกลาเทศ ได้อย่างเนียนกริ๊บ อันนี้ต้องยกความดีความชอบให้ทีมงานโปรดักชั่นจริง ๆ
อีกส่วนสำคัญที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ ผู้กำกับฯ แซม ฮาร์เกรฟ (Sam Hargrave) ที่เป็นสตั๊นแมนตัวพ่อของฮอลลีวูด นั่นทำให้ฉากแอ๊กชั่นออกมาได้สมจริงมาก ถึงมากที่สุด
ข้อสังเกตอย่างหนึ่ง อาจจะดูแปลก ๆ ไม่ชินดาเท่าไร สำหรับหนังฮอลลีวูดที่ใช้นักแสดงสบทบแทบทั้งหมดเป็นคนอินเดีย และใช้โลเคชั่นในหนังเป็นประเทศบังกลาเทศ แต่ถ้ามีหนังแบบนี้ออกมาเยอะ ๆ ก็น่าจะชิน แต่ส่วนตัวตอนแรกรู้สึกขัด ๆ กับตัวละครนิก ที่ดูไม่ค่อยเข้ากับไทเลอร์ แต่ดูไปดูมาจนถึงตอนท้ายเรื่อง กลับมองว่านิกดูเท่ คม และมีเสน่ห์มาก
จุดเด่น
👍🏻 ฉากแอ๊กชั่นสุดมัน คือ ปกติหนัง Netflix จะทำตรงนี้ออกมาได้ไม่ดี แต่เรื่องนี้ต้องบอกว่า ดีขนาดที่ใกล้เคียงเทียบชั้นกับหนังโรงได้อีกสเต็ปหนึ่ง ตรงจุดนี้ต้องยกความดีให้ แซม ฮาร์เกรฟ สตั๊นตัวพ่อของฮอลลีวูด
👍🏻 คริส เฮมส์เวิร์ธ คนอะไรจะเก่งขนาดแบกหนังทั้งเรื่องได้ ลองคิดเล่น ๆ ว่า ถ้าไม่ใช่เขาเป็นมารับบทไทเลอร์ หนังเรื่องนี้จะกลายเป็นหนังเกรดรองทันที
👍🏻 โปรดักชั่นเนี๊ยบ เมื่อมี โจ และ แอนโธนี สองพี่น้องรุสโซ เป็นผู้อำนวยการสร้าง บวกกับเม็ดเงินมหาศาลของเน็ตฟลิกซ์ งานที่ได้จึงออกมาดี ถามว่าดีแค่ไหน คำตอบคือที่สุดเท่าที่เน็ตฟลิกซ์เคยทำหนังแนวนี้มา
จุดด้อย
👎🏻 บทที่อ่อนยวบ เบากว่าปุยนุ่น คือ หนังเรื่องนี้มาดีแทบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น นักแสดง โปรดักชั่น ฉากแอ๊กชั่น ดีหมด แต่มาจบ ตกม้าตายตรงบทนี่แหละ มันทำให้คนดูแทบไม่มีอารมณ์ร่วมไปกับตัวละครเลย โดยเฉพาะตัวเอกอย่างไทเลอร์ มีแค่การแทรกปมในใจที่เป็นภาพแฟลชแบ็กออกมาสั้น ๆ 2-3 ครั้งเท่านั้น ถ้ามีการปูบทตรงนี้เข้าไปดี ๆ น่าจะทำให้รู้สึกอินกับตัวเอกมากขึ้น
👎🏻 หนังมีความเนือย ๆ บางช่วง โดยเฉพาะตอนที่ไทเลอร์ไปหลบที่บ้านแกสปาร์ ถ้าคนดูที่ง่วง ๆ ก็จะหลับตรงช่วงนี้แหละ
สรุปรีวิว Extraction (2020)
แนะนำให้ดู แต่ถ้าไม่ดูก็ไม่ได้พลาดอะไรไป แต่ถ้าเป็นคนชอบหนังแอ๊กชั่น ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง
Source: Netflix Thailand’s Extraction