Skip to content

สรุปเนื้อเรื่องซีรีส์ Snowpiercer ซีซั่น 1 (2020) ปฏิวัติฝ่านรกน้ำแข็ง

สปอยล์ Snowpiercer ซีซั่น 1 : โลกถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็ง มนุษย์กลุ่มเดียวที่รอดชีวิตอาศัยอยู่บนรถไฟยักษ์ที่เดินทางวนรอบโลกโดยไม่มีหยุด พวกเขาต้องอยู่ร่วมกันท่ามกลางความสมดุลอันเปราะบาง

EP.1 สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง

เจนนิเฟอร์ คอนเนลลี (Jennifer Connelly) in Snowpiercer

จากสภาวะโลกร้อนที่กลายเป็นปัญหาใหญ่ของโลก น้ำแข็งแทบทุกก้อนละลายกลายเป็นน้ำ สิ่งมีชีวิตทุกสายพันธุ์ค่อย ๆ เริ่มสูญพันธุ์หายไป ผู้เชี่ยวชาญทางด้านวิทยาศาสตร์ต่างพากันคิดค้นวิธีที่จะทำให้โลกเย็นลง วิธีที่พวกเขาใช้กลับได้ผลเกินคาด โลกเย็นลง… หากเพียงแต่ว่า มันทำให้โลกเย็นเกินไปจนกลายเป็นน้ำแข็งไปจนถึงแกนโลก

คุณวิลฟอร์ด คือมนุษย์เพียงคนเดียวที่มองเห็นว่า สิ่งเหล่านี้จะนำหายนะมาเยือนโลกและเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาจึงได้เตรียมสร้างรถไฟขนาดยักษ์เพื่อใช้เป็นที่หลบภัย ขบวนรถไฟนี้มีชื่อว่า สโนว์เพีร์ซเซอร์ (Snowpiercer) เป็นขบวนรถไฟขนาดยักษ์ที่มีความยาว 1,001 ตู้โดยสาร ที่จะออกเดินทางรอบโลกโดยไม่มีการหยุด

แต่รถไฟขบวนนี้ ต้อนรับเฉพาะผู้โดยสารที่มีตั๋วเท่านั้น คนเหล่านี้คือพวกคนรวย ซึ่งหลายคนก็เป็นสาเหตุของความวิบัติในครั้งนี้

เมื่อถึงเวลาที่รถไฟจะออกเดินทาง ฝูงชนซึ่งก็คือพวกคนจนที่ไม่มีปัญญาซื้อตั๋ว ก็มารวมตัวกันบุกแนวกั้นและกองกำลังรักษาความปลอดภัย เพื่อหวังจะอพยพขึ้นรถไฟไปด้วย ซึ่งก็มีจำนวนหนึ่งสามารถขึ้นรถไฟไปได้ คนพวกนี้ถูกเรียกว่า คนท้ายขบวน

ผู้โดยสาร 3,000 คน กับระยะเวลาการเดินทางที่ผ่านไป 6 ปี 9 เดือน 26 วัน อุณหภูมิด้านนอกอยู่ที่ -119.6 องศาเซลเซียส คนท้ายขบวนได้วางแผนก่อการจราจลขึ้น จากความอดอยากเนื่องจากอาหารที่ได้รับแจกถูกตัดปริมาณลงอย่างต่อเนื่อง

แต่ก่อนที่พวกคนท้ายขบวนจะลงมือ อังเดร เลย์ตัน หนึ่งในกลุ่มก่อจราจล ถูกเรียกตัวโดย เมลานี คาวิลล์ ผู้อ้างตัวว่าเป็นหัวหน้าแผนกต้อนรับของวิลฟอร์ดอินดัสทรีส์ หญิงสาวผู้มีหน้าที่ดูแลทุกอย่างบนรถไฟให้ดำเนินไปอย่างราบรื่น

เลย์ตัน ถูกขอให้ช่วยไขคดีฆาตกรรม เพราะเขาคืออดีตนักสืบคดีฆาตกรรมคนเดียวบนรถไฟ ซึ่งทำให้เขาได้เห็นความเป็นอยู่ของคนในส่วนอื่น ๆ ของรถไฟ ที่แตกต่างกันแบบฟ้ากับเหว ของคนท้ายขบวนอย่างพวกเขา

เลย์ตันได้พบ ซาร่าห์ ฟาห์รามี อดีตภรรยา ที่ไม่ได้เจอกันมานาน 5 ปี ตอนนี้เธอตกเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยในการฆาตกรรม ฌอน ไวส์

ตาเฒ่าอีวาน วันนี้เป็นวันเกิดของเขาในวัย 84 ปี เขาคือคนที่ถูกยกให้เป็นคนที่แก่ที่สุดบนรถไฟ ว่าที่จริงเขาคือคนที่แก่ที่สุดในโลก หลังจากฉลองวันเกิด เขาก็ผูกคอตาย และนี่คือชนวนเหตุที่คนท้ายขบวนเริ่มก่อการจราจลขึ้น

หน่วยรปภ. เข้ามาเก็บศพตาเฒ่าอีวาน จังหวะนั้นเอง พวกท้ายขบวนก็เริ่มก่อการ พวกเขาฆ่ารปภ.ไป 6 คน และจับอีกหนึ่งเป็นตัวประกัน แต่จังหวะเดียวกันนั้น เลย์ตันก็กลับมาท้ายขบวนพอดี เขาจึงพยายามขอเข้าไปเจรจา ก่อนที่หัวหน้าหน่วยรปภ. จะตัดสินใจสั่งฆ่าล้างบาง

เลย์ตันพูดโน้มน้าวเพื่อน ๆ ของเขาให้หยุด เพราะตอนนี้เขามีแผนการที่ดีกว่า ตัวเขาจะรับสืบสวนคดีฆาตกรรม เพื่อจะได้อยู่หัวขบวนเพื่อเป็นไส้ศึก และเมื่อทุกอย่างพร้อม วันนั้นจะลงมือก่อการปฎิวัติอีกครั้ง

หลังจากผ่านวันที่แสนวุ่นวาย เมลานีคุยกับคนขับรถไฟด้วยอารมณ์ผ่อนคลาย ทำให้ได้รู้ว่า แท้จริงแล้วเธอคือคุณวิลฟอร์ด และดูเหมือนว่ามันจะเป็นความลับที่เธอปิดบังเอาไว้ ไม่ให้ผู้โดยสารคนใดได้ล่วงรู้

EP.2 เตรียมรับแรงกระแทก

ผู้นำก่อการจราจลทั้ง 3 คน ถูกลงโทษด้วยการทำให้หลับไหลอย่างไม่มีกำหนดในห้องลิ้นชัก (พวกเขาถูกทำให้หลับด้วยกระบวนการวิทยาศาสตร์ และเก็บไว้ในลิ้นชัก ที่มีลักษณะเดียวกับลิ้นชักเก็บศพในโรงพยาบาล)

อีกด้าน ผู้เป็นแม่ก็ยอมรับโทษแทนลูกสาวตัวน้อย ที่เข้าไปร่วมในการจราจล และช่วยสังหารรปภ.ไป 6 คน การลงโทษคือการตัดแขน เธอจะถูกราดน้ำที่แขน และนำแขนยื่นออกไปนอกรถไฟที่มีอุณหภูมิ -119 องศาเซลเซียส แขนของเธอจะถูกทำให้แข็ง หลังจากนั้น ค้อนขนาดใหญ่จะทุบลงไปที่แขนของเธอจนแหลก เป็นความเจ็บปวดที่ไม่มียา หรือหมอช่วยบรรเทา

การสืบสวนของเลย์ตันดำเนินต่อไป ภายใต้การช่วยเหลือของ ทิลล์ รปภ.สาว เขาและเธอไปที่ห้องชันสูตรศพ เมื่อพิจารณาจากสภาพศพของ ฌอน ไวส์ ทำให้เลย์ตันตั้งสมมติฐานขึ้นมาว่า ฆาตกรใช้เชือกรัดคอก่อนที่จะตัดอวัยวะเพศ เป็นการทรมานเพื่อเค้นหาความจริงบางอย่าง ส่วนขาและแขนทั้ง 2 ข้างที่ถูกตัด เกิดจากคนฆ่าวัวที่มาเจอศพภายหลัง และตัดแขนขาเพื่อนำไปประกอบอาหาร

เลย์ตันได้พบซาราห์อีกครั้งที่คลับไนต์คาร์ ซาราห์บอกความลับที่เธอรู้มาว่า ฌอน ไวส์ เป็นสายให้กับคุณวิลฟอร์ด เพื่อสืบความเป็นไปของผู้โดยสารชั้น 3

จากข้อมูลทั้งหมด ทำให้เลย์ตันปะติดปะต่อเรื่องราวได้ว่า จริง ๆ แล้ว คุณวิลฟอร์ดไม่ได้ต้องการตัวฆาตกร หากแต่ต้องการรู้ว่า ตอนที่ ฌอน ไวส์ ถูกทรมานเขาได้เผยความลับอะไรของวิลฟอร์ดออกไปบ้าง

ขณะเดียวกัน รถไฟได้วิ่งผ่านแนวภูเขา ทำให้เกิดแรงสั่งสะเทือนจนทำให้เกิดหิมะถล่มขนาดใหญ่ แม้ว่ารถไฟยังสามารถวิ่งต่อไปได้ แต่แรงกระแทกทำให้กระจกของห้องเลี้ยงวัวแตก และความเย็นยะเยือกก็ทำให้วัวชุดสุดท้ายบนโลกถูกแช่แข็งตายทั้งหมด รวมถึงคนฆ่าวัวด้วย

ปัญหาใหญ่ได้เกิดขึ้นแล้ว มันไม่ใช่แค่การเสียเนื้อวัวไปเท่านั้น แต่ยังเสียปุ๋ย อาหารเลี้ยงเชื้อ รวมถึงก๊าซมีเทนที่ได้จากมูลวัวอีกด้วย ยังไม่นับการที่ต้องลดความเร็วรถไฟลง 12% ส่งผลให้ไฟและน้ำบนรถไฟจะต้องถูกจำกัดการใช้

ความเป็นกบฎยังเต็มเปี่ยมอยู่ในตัวของเลย์ตัน เขาอาศัยช่วงจังหวะที่เจ้าหน้าที่บนรถไฟกำลังวุ่นกับปัญหาที่เกิดขึ้น ก่อความวุ่นวายขึ้นอีกครั้ง แต่ก็ลงเอยเหมือนเช่นเคย เขาโดนจับได้และถูกซ้อมอย่างหนัก

ในสมองความคิดเลย์ตันนั้น มองรถไฟขบวนนี้เป็นเพียงแค่ ป้อมปราการแห่งชนชั้น ซึ่งเป็นความคิดที่ถูกส่งต่อ ๆ กันมาของพวกท้ายขบวน ความรุนแรง การก่อจราจล การฆ่า การปฏิวัติ คือวิธีเดียวที่จะทลายป้อมปราการนั้น

หากแต่ในมุมมองของคุณวิลฟอร์ด (ซึ่งก็คือเมลานี) กลับมองว่า รถไฟขบวนนี้ทำให้คนรอดตาย 3,000 คน บนโลกที่สิ่งมีชีวิตทุกชนิดถูกแช่ด้วยน้ำแข็ง ความสมดุลจึงเป็นสิ่งจำเป็นบนรถไฟขบวนนี้ ในขณะที่พวกท้ายขบวนแทบไม่ได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์กับรถไฟขบวนนี้เลย

EP.3 การเข้าถึงคืออำนาจ

เมื่อความไม่สลบเกิดขึ้นบนรถไฟอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเหตุฆาตกรรมที่ยังหาตัวฆาตกรตัวจริงไม่ได้ การก่อจราจลของพวกท้ายขบวน ความเสียหายของตัวรถไฟ ซึ่งทำให้เสียวัวชุดสุดท้ายของโลกไป และส่งผลให้ต้องใช้มาตราการตัดส่วนแบ่งอาหาร ตัดน้ำ ตัดไฟ ซึ่งทำให้พวกผู้โดยสารชั้น 3 เริ่มจะรวมตัวกันเพื่อเตรียมนัดหยุดงานประท้วง

แม้ว่าพวกหัวขบวนจะเป็นผู้กุมอำนาจบนรถไฟ ประหนึ่งหัวสมอง แต่จำนวนของพวกท้ายขบวนกับพวกชั้นสามเมื่อรวมกันแล้วเป็น 70% ของประชากรบนรถไฟทั้งหมด คนพวกนี้เป็นแรงงาน ประหนึ่งแขนขาที่ทำงานตามคำสั่งของสมอง

เมลานีรู้ดีว่าไม่อาจปล่อยให้ความไม่พอใจลุกลามบานปลายออกไป เธอจึงเลือกใช้วิธีสุดคลาสสิกในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ด้วยการเบี่ยงเบนความสนใจด้วยความบันเทิง เธอสั่งให้จัดงานไฟต์ไนต์ขึ้นทันที โดยรางวัลของผู้ชนะคือการได้อัปเกรดจากผู้โดยสารชั้น 3 มาเป็นชั้น 2 โดยเมลานีคาดว่า งานไฟต์ไนต์จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้โดยสารชั้น 3 และเป็นการเตือนผู้โดยสารชั้นหนึ่งด้วยว่า ตัวเองโชคดีแค่ไหนที่มีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่น ๆ

ด้านเลย์ตันก็ได้รู้ความจริงที่ว่า คุณวิลฟอร์ด ส่ง ฌอน ไวส์ ไปหาข้อมูลของยาเสพติดที่มีชื่อว่า โครโนล ที่มีการแอบซื้อขายกันอย่างลับ ๆ ในตลาดมืด และก็สืบจนได้รู้ความจริงว่า โครโนลที่แพร่ระบาดมีแหล่งที่มาจากหมอรถไฟ ซึ่งมันเป็นยาชนิดเดียวกับที่ทำให้นักโทษหลับ ก่อนที่จะถูกขังเอาไว้ในห้องลิ้นชัก

การสืบสวนของเลย์ตันคืบหน้าไปอย่างรวดเร็วจากการช่วยเหลือของซาร่าห์ ทำให้เขาได้พบกับ เทอเรนซ์ มาเฟียใหญ่ในตลาดมืด ซึ่งได้เล่าว่า เขาเห็นฌอนในคืนที่เขาถูกฆ่า ฌอนมาขายโครโนลกับชายอีกคน ซึ่งเป็นคนที่เทอเรนซ์ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน แต่เดาว่าน่าจะเป็นคนที่มาจากชั้นหนึ่ง เป็นชายอายุ 30 ต้น ๆ ผมเกรียนแบบสกินเฮด

เลย์ตันขอเมลานีไปพบโจซี่ เพื่อนสาวของเขาที่ท้ายขบวน เพื่อแลกกับข้อมูลฆาตกรที่เขาได้มา ระหว่างที่เลย์ตันคุยกับโจซี่ เขาได้จูบเธอเพื่อแอบส่งโครโนลที่ได้มาจากเทอเรนซ์ให้…

ในอีกทางหนึ่ง โครโนลคือใบเบิกทางให้สามารถเข้าถึงส่วนต่าง ๆ ของรถไฟได้… เมื่อมีโครโนล ก็สามารถเข้าถึง และมันนำมาซึ่งอำนาจ

ระหว่างที่นิกกี้นอนพักฟื้นอยู่ที่ห้องพยาบาล หลังถูกปลุกให้ฟื้นจากห้องลิ้นชัก ชายผู้มีรูปพรรณสัณฐานตรงกับที่เทอเรนซ์เล่าว่าเป็นผู้ฆ่าฌอนก็เข้ามาหาเธอ เขามาเพื่อให้แน่ใจว่าเธอจำไม่ได้ว่าเขาคือใคร

EP.4 ปราศจากผู้สร้าง

นิกกี้ถูกฆ่าโดยฆาตกรคนเดียวกับที่ฆ่า ฌอน ไวส์ ผู้มีชื่อว่า เอริก บอดี้การ์ดของครอบครัว ฟอลเจอร์ ซึ่งเป็นพวกผู้โดยสารชั้นหนึ่ง

เลย์ตันสืบจนรู้ตัวฆาตกรที่แท้จริงแล้วว่าคือ เอริก แต่การจะเข้าไปจัดการกับพวกผู้โดยสารชั้นหนึ่งนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ว่าที่จริงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยต่างหาก ในความคิดของเลย์ตัน แม้เขาจะเชื่อว่าความยุติธรรมมีอยู่จริง แต่มันไม่มีอยู่ที่หัวขนวนของรถไฟขบวนนี้อย่างแน่นอน แต่ความกังวลใจของเลย์ตันเรื่องการเข้าไปจัดการกับฆาตกรชื่อ เอริก ถูกคลี่คลาย จากการออกปากให้ความช่วยเหลือจากเมลานี

การสืบสวนของเลย์ตันคืบหน้าไปมาก ตอนนี้เขารู้แล้วว่า เอริกเป็นเพียงมือสังหารที่ทำตามคำสั่งของ แอลเจ ฟอลเจอร์ นายหญิงของเอริก เมื่อรู้ตัวฆาตกรและผู้จ้างวาน การวางแผนจับกุมตัวจึงได้เริ่มขึ้น และการต่อสู้จากการไล่ล่าทำให้เอริกถูกฆ่าตาย ขณะที่ แอลเจถูกจับในข้อหาก่ออาชญากรรม

ด้วยเซ้นส์ความเป็นนักสืบ ทำให้เลย์ตันเริ่มสงสัยในตัวตนที่แท้จริงของเมลานี ว่าแท้จริงแล้ว เธอนี่แหละคือคุณวิลฟอร์ด แต่ความลับนี้มิอาจแพร่งพราย เมลานีจึงวางยาเลย์ตัน และนำตัวเขาไปซ่อนเอาไว้ในที่ ๆ หนึ่ง บนรถไฟขนาดใหญ่ยักษ์ที่มีชื่อว่าสโนว์เฟีร์ซเซอร์แห่งนี้

EP.5 ความยุติธรรมไม่มีบนรถไฟขบวนนี้

แอลเจ ฟอลเจอร์ เธอเป็นลูกสาวของทนายความ ไลลาห์ และ โรเบิร์ต ฟอลเจอร์ ซึ่งเป็นผู้โดยสารชั้นหนึ่ง ไม่เพียงเท่านั้น คอบครัวของเธอยังเป็นผู้อุดหนุนเงินให้คุณวิลฟอร์ดในการสร้างสโนเพีร์ซเซอร์อีกด้วย พวกฟอลเจอร์คือผู้มีอิทธิผลในกลุ่มของผู้โดยสารชั้นหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย

การพิจารณาคดีของแอลเจกำลังเริ่มขึ้นในไม่ช้า ไลลาห์พยายามซักซ้อมคำให้การของลูกสาว ก่อนขึ้นให้การต่อหน้าคณะลกขุนที่เป็นกลุ่มผู้โดยสารชั้น 1 และชั้น 2 หากแต่ว่า ออดรีย์ ได้พยายามโน้มน้าวให้เมลานีเปลี่ยนแปลงรายชื่อคณะลูกขุนใหม่ โดยให้ผู้โดยสารชั้น 3 เข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินคดีความครั้งนี้ด้วย ออดรีย์ กล่าวว่า “ฉันเห็นคนที่ไม่รู้จักมากมายถูกแช่แข็ง ตอนนี้รู้แล้วว่า ฉันคิดผิดที่คิดว่าได้ตั๋วรถไฟแห่งเสรีภาพสำหรับการเอาชีวิตรอด เพราะความยุติธรรมไม่ได้ขึ้นรถไฟขบวนนี้มาด้วย” ซึ่งเมลานีก็ทำตามข้อเสนอของออดรีย์

เมลานีกับไลลาห์เผชิญหน้ากัน เมลานีเตือนไลลาห์ว่าอย่าเข้าไปแทรกแซงกระบวนการพิจารณาคดี แต่ไลลาห์ก็ตอกกลับเมลานีว่า เธอพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องลูกสาวของเธอ ไม่ว่ามันจะต้องแลกกับอะไรก็ตาม

แอลเจ ฟอลเจอร์ ถูกนำตัวศาลเพื่อขึ้นพิจารณาความผิด เธอพยายามแก้ต่างให้ตัวเองพ้นผิด ด้วยการปัดว่าตัวเองไม่ใช่ผู้บงการ หากแต่เป็นเพราะเธอรักเอริก เธอจึงเป็นเหยื่อของเอริก และแอลเจก็พูดสิ่งที่ทำให้คนที่รับฟังการพิจารณาคดีถึงกับช็อก เธอบอกว่า ฌอน ไวส์ คือสายของคุณวิลฟอร์ด และบอกว่าถ้าเธอได้รับการยกเว้นโทษ “เธอจะทำบางสิ่งให้กับเธอ” (เป็นคำพูดที่ไลลาห์สอนแอลเจ เพื่อต้องการจะพูดกับเมลานี หมายถึงถ้าเธอได้รับการโทษ เธอจะเปิดเผยความลับที่สำคัญให้ทุกคนบนรถไฟได้รู้) ความลับที่ว่า แท้ที่จริงแล้ว คุณวิลฟอร์ดเป็นเพียงตัวละครที่ถูกอุปโลกน์ขึ้นมาโดยเมลานี !

ทันใดนั้น เมลานีก็ตั้งสมมติฐานว่า ฌอน ไวส์ ได้รู้การทดลองในห้องลิ้นชัก และได้เอารายชื่อของผู้ที่ถูกเก็บอยู่ในห้องลิ้นชักออกมาเปิดเผย ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เธอจะยอมให้ความลับนี้แพร่งพรายออกไปไม่ได้เป็นเด็ดขาด (เมลานีวางแผนที่จะทำให้ห้องลิ้นชักรองรับคนได้ 400 คน เพื่อจุดประสงค์อะไรบางอย่างที่ยังไม่เปิดเผย)

สุดท้ายคณะลูกขุนก็มีมติเป็นเอกฉันท์ว่า แอลเจมีความผิดในข้อหาอาชญากรรมร้ายแรง ฆาตกรรม !

เมลานีปล่อยให้เป็นอย่างนั้นไม่ได้ เมลานีอ้างเป็นคุณวิลฟอร์ด เพื่อเข้ามาแทรกแซงคำตัดสินของคณะลูกขุน โดยให้เหตุผลเรื่องอายุแอลเจที่ยังเป็นเยาวชน… เมื่อมีการพลิกคำตัดสินความวุ่นวายจึงเกิดขึ้น

ระหว่างนั้นโจซี่กับพวกก็ตามหาเลย์ตันจนพบ และพาไปพักกับซาราห์ ซึ่งตอนนี้เลย์ตันก็ต้องเผชิญกับผลข้างเคียงของการใช้โครโนล เหมือนกับที่นิกกี้ต้องเจอ

EP.6 ปัญหาที่มาโดยไม่คาดคิด

มีการแจกใบปลิวในกลุ่มของผู้โดยสารชั้น 3 เพื่อเตรียมนัดหยุดงานประท้วง เพื่อตอบโต้ที่คุณวิลฟอร์ดเปลี่ยนคำตัดสินคดีแอลเจ

เมลานีเดินทางไปที่ตู้รถไฟชั้น 3 ท่ามกลางความชุลมุนวุ่นวายของฝูงชน เสียงด่าทอดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง “นางแพศยาตัวโกงกินแห่งวิลฟอร์ด” หรือแม้แต่คำด่าแรง ๆ อย่าง “อีชั่วฟาสซิสต์” แต่เธอก็เด็ดเดี่ยวพอที่จะก้าวเท้าเข้าไป และกล่าวต่อหน้าฝูงชนที่กำลังโกรธแค้นว่า “คุณวิลฟอร์ดจะสุ่มผู้ประท้วง 10 คน ส่งไปอยู่ท้ายขบวน มีคนท้ายขบวนอยู่ 400 คนที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อจะได้มาอยู่ที่ชั้น 3 จงปกป้องมันไว้ให้ดี”

เลย์ตันเริ่มฟื้นจากผลอาการข้างเคียงของโครโนล เขาเล่าความลับของเมลานีให้โจซี่ฟังว่า วิลฟอร์ดไม่มีตัวตนจริงบนรถไฟขบวนนี้ วิลฟอร์ดเป็นแค่ภาพมายาภาพที่เมลานีสร้างขึ้น เพื่อให้คนบนรถไฟอยู่อย่างเป็นระเบียบ แต่จริง ๆ แล้วเมลานีคือคนกุมอำนาจทั้งหมด

หลังจากนั้นเลย์ตันได้รู้ว่า เมลานีคัดเลือกคนที่จะถูกทำให้หลับ แล้วเอาไปเก็บไว้ในห้องลิ้นชักจำนวนหลายร้อยคน และเขาก็เป็นหนึ่งในนั้น

ระบบไฮโดรลิกของรถไฟเสียหายหนัก ระบบรถไฟได้เปิดระบบ lockdown และสั่งให้ทุกคนหาที่ยึดจับเอาไว้เพื่อรับแรงกระแทก รถไฟกำลังจะตกรางในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ !

เลย์ตันเริ่มคุมสติตัวเองไม่อยู่ เขาซ่อนตัวรอดักจัดการเมลานี ในขณะที่เธอกำลังไปซ่อมรถไฟ ที่ตอนนี้เกิดความเสียหายร้ายแรง เลย์ตันใช้อาวุธจี้เมลานี แต่เธอก็พยายามอธิบายว่าสิ่งต่าง ๆ ที่เลย์ตันคิดมันผิด…

ห้องลิ้นชักจริง ๆ แล้วมันไม่ใช่คุก มันเป็นเหมือนเรือชูชีพต่างหาก ทุกคนบนรถไฟตอนนี้อยู่ในสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงมาก ๆ เช่น ถ้าความสงบภายในสังคมพังลง ถ้าทรัพยากรที่มีเริ่มไม่เพียงพอ หรือถ้ารถไฟหรือเครื่องจักรเกิดเสียหายขึ้นมา ความหวังสุดท้ายคือการรักษาชีวิตเอาไว้ในภาวะหลับไหล เพื่อรอวันที่ภาวะแช่แข็งบนโลกจบลง 400 ชีวิตที่ได้รับเลือกให้ถูกแช่แข็ง ถูกเลือกมาจากความหลากหลาย จากสุขภาพ และทักษะต่าง ๆ เพื่ออนาคตในภายภาคหน้า

เลย์ตันพยายามจะดื้อด้านโต้เถียงไม่หยุด โดยไม่ได้คิดเลยว่า ในตอนนี้คนบนรถไฟทั้งหมดที่เป็นมนุษย์ชุดท้ายบนโลกกำลังเสี่ยงอันตราย จนเมลานีต้องเอ่ยปากขอร้องให้ปล่อยเธอไปซ่อมรถไฟ ก่อนที่จะสายเกินไป

เมลานีเดินทางมาสมทบที่ด้านล่างกับช่างซ่อมรถไฟ เมลานีอาสาที่จะออกไปซ่อมไฮโดรลิค ที่อยู่ภายนอกบริเวณใต้ท้องรถไฟด้วยตัวเอง เธอกล่าวว่า “ฉันเป็นคนออกแบบรถไฟขบวนนี้ ฉันจะเป็นคนไปซ่อมมันเอง” ด้วยความเสี่ยง ความยากลำบาก และยังต้องแข่งกับเวลา สุดท้ายเมลานีก็ซ่อมสายไฮโดรลิกได้ ทำให้ทุกคนบนรถไฟรอดตาย โดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่า เธอเป็นคนช่วยให้พวกเขารอดชีวิต

หลังรอดตาย เลย์ตันกับโจซี่ก็มีเซ็กซ์กัน มันเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปีบนรถไฟ ที่เธอมีเซ็กส์ด้วยซ้ำไป

ด้านเมลานีได้เรียกตัวไมลส์มาที่ห้อง และบอกว่าคุณวิลฟอร์ดมีงานบางอย่างจะให้ทำ

EP.7 จักรวาลที่ไม่สนใจใยดี

เมลานีโปรโมตให้ไมลส์ขึ้นมาเป็นวิศวกรฝึกงานที่หัวรถจักร แทนวิศกรคนเดิมที่ตายไป

ด้านครอบครัวฟอลเจอร์ก็คิดวางแผนจะล้มเมลานี เพราะคิดว่าเธอมีอิทธิต่อคุณวิลฟอร์ดมากจนเกินไป โดยจะให้รูธขึ้นมาแทนนั่งตำแหน่งนี้แทนเมลานี เมื่อรูธได้ข้อเสนอของพวกฟอลเจอร์ ก็พยายามจะไปบอกกับเมลานี แต่ดูเหมือนว่าเมลานีอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่พร้อมจึงขึ้นเสียงใส่รูธ ตอนนี้เองทำให้รูธเกิดเปลี่ยนใจ

ระหว่างนั้นเมลานีก็พยายามตามล่าตัวเลย์ตัน เธอไปต่อรองกับซาราห์จนในที่สุดเธอก็ยอมร่วมมือด้วย และชี้เป้าไปที่โจซี หลังถูกจับ โจซีถูกทรมานโดยการใช้ท่อฉีดอากาศที่มีความเย็นติดลบเกินหนึ่งร้อยองศาใส่ที่นิ้วจนแข็ง และใช้ค้อนทุบจนละเอียด แต่ไม่ว่าจะอย่างไรโจซีก็ไม่ยอมปริปากบอกถึงที่ซ่อนของเลย์ตัน จนกระทั่งเธอตายในที่สุด

ด้านเลย์ตันจากความช่วยเหลือของออดรีย์ ได้นัดเจอกับ แอลเจ ฟอลเจอร์ เพื่อที่จะบอกความลับที่สกปรกที่สุดบนรถไฟขบวนนี้

EP.8 เหล่านี้คือสิ่งที่เขาเรียกว่าปฏิวัติ

การปฏิวัติได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ไมลส์ส่งสัญญาณให้ แอลเจ ฟอลเจอร์ เข้ามาในห้องเครื่องและแสดงให้เห็นว่า วิลฟอร์ดไม่ได้เป็นคนควบคุม Snowpiercer แอลเจได้พบว่าสิ่งที่เลย์ตันพูดเป็นความจริง เมลานีคือผู้คุมรถไฟขบวนนี้

เลย์ตันกับพวกออดรีย์กำลังดำเนินแผนการปฏิวัติที่ตู้โดยสารชั้นสาม

ไลลาห์ และ โรเบิร์ต ฟอลเจอร์ รวมถึง โนแลน ได้บอกข่าวสำคัญกับ รูธ ว่าวิลฟอร์ดไม่ได้อยู่บนรถไฟขบวนนี้ แต่รูธยังไม่ปักใจเชื่อ เพราะโนแลนเคยบอกกับเธอว่าเคยเจอวิลฟอร์ด แต่โนแลนอธิบายว่าเขาเคยเจอจริง แต่ตั้งแต่รถไฟเริ่มออกเดินทาง เขาก็ไม่เคยเจอวิลฟอร์ดอีกเลย

เมลานี ถูกเรียกตัวมาที่ตู้โดยสารชั้นหนึ่ง เธอพยายามดึงดันที่จะบอกว่าวิลฟอร์ดอยู่ในห้องเครื่อง แต่เหมือนจะไม่มีใครสนใจคำพูดเธออีกต่อไป โนแลนสั่งให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งหมดมารวมตัวที่ชั้นหนึ่ง แม้เมลานีจะสั่งรปภ. เหล่านั้นให้ประจำจุดเพื่อรักษาความเรียบร้อยบนรถไฟเช่นเดิม แต่ไม่มีใครฟังคำสั่งเธออีกต่อไป และสุดท้ายโนแลนก็สั่งรปภ. ให้จับตัวเมลานี

เมื่อรปภ. ลูกน้องของโนแลนเคลื่อนพลไปที่ตู้โดยสารชั้นหนึ่ง ตามที่เลย์ตันได้วางแผนเอาไว้ ทำให้การปฏิวัติของพวกผู้โดยสารชั้นสามได้ดำเนินไปตามแผน

รูธและโนแลนเข้าไปที่ห้องเครื่อง และได้พบความจริงที่ว่า วิลฟอร์ดตายไปตั้งแต่รถไฟเริ่มออกเดินทางแล้ว นับแต่นั้น เมลานีก็เป็นผู้คุมรถไฟขบวนนี้ทั้งหมดแทนในนามคุณวิลฟอร์ด

EP.9 รถไฟต้องการเลือด

พวกชั้นหนึ่งกำลังจะลงโทษประหารชีวิตพวกก่อการปฏิวัติที่ถูกจับเอาไว้ และได้ยื่นคำขาดให้เลย์ตันยอดจำนน ไม่เช่นนั้นจะรมก๊าซไอเย็นให้พวกท้ายขบวนหับพวกชั้นสามแข็งตายให้หมด ซึ่งตอนแรกเลย์ตันลังเลใจ แต่เมื่อรู้ว่าซาราห์กำลังตั้งท้องลูกของเขา เลย์ตันจึงยอมจำนน

เมลานีได้รับการช่วยเหลือก่อนจะถูกประหาร เมลานีได้พบเลย์ตันเพื่อให้ร่วมมือกันโค่นล้มพวกฟอลเจอร์ ซึ่งแผนของเธอก็คือ การทิ้งตู้โดยสารในส่วนที่พวกฟอลเจอร์และกองกำลังอาศัยอยู่ เมื่อถึงช่วงสับเปลี่ยนราง ซึ่งถ้าทำพลาดรถไฟจะไม่สามารถต่อติดกันได้อีก นั่นหลายถึงพวกส่วนหลังก็จะแข็งตาย สว่นหน้าก็จะอดตายเช่นกัน

เลย์ตันแอบเข้าไปปิดสวิตช์รักษาความปลอดภัย แต่ดูเหมือนว่าแผนการนี้ จะต้องแลกกับชีวิตของคนที่โดนพวกฟอลเจอร์จับตัวเอาไว้ เวลามันบีบจนไม่สามารถจะช่วยเหลือคนพวกนั้นได้ทัน เมื่อปิดสวิตช์รักษาความปลอดภัยได้เรียบร้อย ไมลส์ และ เบนเน็ตต์ จึงกดคำสั่งให้รถไฟทิ้งตู้โดยสาร 7 ตู้ออกจากขบวน พวกฟอลเจอร์และกองกำลัง รวมถึงนักโทษที่ถูกจับเอาไว้ตายทั้งหมด

เลย์ตันบอกกับเมลานีว่า เธอรู้อยู่แล้วว่ามีคนถูกขังอยู่ที่ตู้โดยสารนั้น เมลานีตอบว่า เธอรู้อยู่แล้วว่าเขาจะเลือกทิ้งคนพวกนั้น “นี่แหละคือสิ่งที่เราต้องใช้ชีวิตอยู่กับมัน ทุกวืนาทีที่เรายังคงอยู่ คุณยีงมีรถไฟ เลย์ตัน”

EP.10 994 ตู้โดยสาร

เหตุการณ์หลังจากการปฏิวัติสำเร็จ เมลานีได้มอบอำนาจการควบคุมสโนว์เพียร์ซเซอร์ทั้งหมดให้กับเลย์ตัน ซึ่งเขาคิดที่จะสร้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยขึ้นมาบนรถไฟขบวนนี้ที่มีความยาว 994 ตู้โดยสารแทนระบบเดิม

แอลเจ ฟอลเจอร์ เป็นผู้รอดชีวิต แต่อภิสิทธิ์ในฐานะของผู้โดยสารชั้นหนึ่งของเธอดูเหมือนจะไม่มีอีกต่อไป พวกท้ายขบวนดีใจเป็นการใหญ่กับอิสระภาพที่พวกเขาได้รับ ส่วนเมลานีก็ขอทำหน้าที่คุมหน้าเครื่องรถไฟเพียงอย่างเดียว และมันดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่เธอต้องการจริง ๆ ตั้งแต่แรก ไม่ใช่การทำหน้าที่คุมรถไฟในนามคุณวิลฟอร์ดอย่างที่ผ่านมา

เมื่อรถไฟเดินทางเข้าใกล้เมืองชิคาโก้ รถไฟได้ส่งสัญญาณว่าพบผู้รอดชีวิต สัญญาณนั้นมาจาก บิ๊กอลิซ รถไฟที่ถูกสร้างขึ้นด้วยเครื่องจักรชั่วนิรันดร์ ซึ่งเป็นต้นแบบของสโนว์เพียร์ซเซอร์

บิ๊กอลิซได้พยายามเชื่อมต่อกับสโนว์เพีร์ซเซอร์ เมลานีเป็นคนเดียวที่เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ คุณวิลฟอร์ดตัวจริงกำลังมายึดสโนว์เพียร์ซเซอร์คืน และประชาธิปไตยและความเท่าเทียมอย่างที่เลย์ตันปรารถนาก็จะไม่มีทางได้เกิดขึ้น เพราะคุณวิลฟอร์ดจะใช้ความศรัทธาที่คนมีต่อเขา กลับมากุมอำนาจบนรถไฟอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้ง

เลย์ตันพยายามจะกันไม่ให้คุณวิลฟอร์ดขึ้นมาบนสโนว์เพียร์ซเซอร์ แต่ไม่สำเร็จ

สักพัก เด็กสาววัยรุ่นโผล่ออกมาจากบิ๊กอลิซ และประกาศความต้องการที่จะให้ผู้ที่อยู่บนสโนว์เพียร์ซเซอร์ยอมจำนนแก่คุณฟิลฟอร์ด ทุกคนต่างตกตะลึง เมื่อเธอบอกว่าตัวเองคือ อเล็กซานดรา คาวิล ลูกสาวของเมลานีที่ทุกคนคิดว่าเธอได้ตายไปแล้ว !

Source : Netflix ซีรีส์ Snowpiercer ซีซั่น 1