Skip to content

สรุปเนื้อเรื่องซีรีส์ It’s Okay to Not Be Okay | ซีรีส์เกาหลีจาก Netflix

สรุปเนื้อเรื่องซีรีส์ It’s Okay to Not Be Okay : เรื่องราวความรักของคนที่ไม่เชื่อในความรัก ระหว่างชายหนุ่มที่มีพี่ชายเป็นออทิสติก กับหญิงสาวนักเขียนหนังสือเด็กที่เป็นโรคแอนตี้โซเชียล แล้วความรักครั้งนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร ? | Netflix

สารบัญ

สปอยล์ซีรีส์ It's Okat to Not Be Okay

คำเตือน : เนื้อมีการสปอยล์ซีรีส์ It’s Okay to Not Be Okay

หลีกเลี่ยงการสปอยล์โดยการอ่านเรื่องย่อแทน
เรื่องย่อซีรีส์ It’s Okay to Not Be Okay

  • ชื่อซีรีส์ : It’s Okay to Not Be Okay | เรื่องหัวใจ ไม่ไหวอย่าฝืน | 사이코지만 괜찮아 | Psycho But It’s Okay
  • แนว : โรแมนติก ดราม่า แฟนตาซี
  • ผู้ผลิต : tvN (เกาหลีใต้)
  • สตรีม : เสาร์ – อาทิตย์ 21.00 น. ทาง Netflix เริ่มตอนแรก 20 มิ.ย. 2020 (16 ตอน)

EP.1 : หนุ่มน้อยผู้โตมาด้วยฝันร้าย

โกมุนยอง (ซอเยจี) นักเขียนหนังสือเด็กชื่อดัง เธอเป็นผู้หญิงสวย รวย แต่งตัวดีมีรสนิยม แถมยังประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน เรียกได้ว่าเธอมีทุกอย่างที่ผู้หญิงสมัยใหม่ควรจะมี หากแต่เบื้องลึกภายในจิตใจของเธอนั้นกลับแตกต่างออกไป โกมุนยองมักแสดงออกถึงท่าทีที่เย็นชา และแข็งกระด้างหยาบคายอย่างร้ายกาจ โดยไม่สนใจความรู้สึกของคนรอบข้าง

ขณะที่โกมุนยองกำลังนั่งทานอาหารอยู่ภายในร้านอาหารแห่งหนึ่ง มีเด็กน้อยที่เป็นแฟนคลับเดินปรี่เข้ามาขอลายเซ็นและถ่ายรูป แฟนคลับตัวน้อยชื่นชมโกมุนยองเป็นอย่างมาก บอกว่าเธอสวยเหมือนดั่งเจ้าหญิงในหนังสือนิทาน เมื่อได้ยินคำชื่นชมเช่นนั้น โกมุนยองจึงกระซิบที่ข้าง ๆ หูของเด็กน้อยว่า “เธอไม่ใช่แฟนคลับของฉันหรอก เพราะในนิทานของฉัน แม่มดต่างหากที่สวย ถ้าชอบความสวยก็ต้องชอบแม่มด เพราะในนิทานของฉันแม่มดสวยเสมอ” เมื่อแฟนคลับตัวน้อยได้ยินเช่นนั้น จึงร้องไห้และวิ่งหนีออกไปทันที ! แต่ดูเหมือนว่า โกมุนยองจะไม่รู้สึกรู้สากับสิ่งที่ตัวเองเพิ่งกระทำลงไป เธอนั่งกินสเต็กของตัวเองต่ออย่างหน้าตาเฉย และหลังจากเช็กบิลค่าอาหารเป็นที่เรียบร้อย เธอก็เอามีดหั่นสเต็กติดตัวกลับไปด้วย เนื่องจากเธอรู้สึกชอบมีดเล่มนี้มากเป็นพิเศษ

โกมุนยองมีนัดที่จะต้องไปอ่านนิทานให้เด็ก ๆ ที่โรงพยาบาลฟัง ณ โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นที่ ๆ มุนคังแท (คิมซูฮยอน) ทำงานเป็นผู้ดูแลผู้ป่วยแผนกจิตเวช เขาเป็นคนที่ทุ่มเทกับการทำงานมาก และเขายังมีพี่ชายชื่อ มุนซังแท (โอจองเซ) ที่เป็นออทิสติก นั่นหมายความว่า เขาต้องทำงานดูแลผู้ป่วยโรคจิต และยังต้องดูแลพี่ชายที่เป็นออทิสติกอีกด้วย

พยาบาลนับจูรีพยายามติดต่อโกมุนยองให้เซ็นเอกสาร เพื่อยินยอมให้ทำการผ่าตัดพ่อของเธอ แต่ดูเหมือนว่าโกมุนยองไม่สนใจแม้แต่น้อย เพราะในความคิดของเธอ พ่อได้ตายจากไปแล้ว

ก่อนถึงเวลาอ่านนิทานให้เด็ก ๆ ที่โรงพยาบาลฟัง โกมุนยองออกมานั่งสูบบุหรี่ที่บริเวณสวนของโรงพยาบาล ซึ่งเป็นเขตห้ามสูบบุหรี่ มุนคังแทเห็นจึงเดินมาขอร้องให้เธอดับบุหรี่ทิ้ง โกมุนยองสบตามุนคังแทด้วยสีหน้าอันเรียบเฉย พร้อมกับถามเขาว่าเชื่อเรื่องโชคชะตาหรือเปล่า พูดจบเธอก็ทิ้งบุหรี่ลงในแก้วกาแฟของมุนคังแท และพูดขึ้นมาว่า การมีคนมายืนต่อหน้าในเวลาที่ต้องการ แบบนี้นี่แหละที่เรียกว่าโชคชะตา ก่อนจะเดินจากไป

ระหว่างที่เด็ก ๆ กำลังฟังโกมุนยองเล่านิทานอย่างเพลิดเพลิน คนไข้โรคจิตคนหนึ่งก็หนีออกมาจากที่กักตัวเพื่อหวังจะมาตามหาลูกสาว ทำให้โกมุนยองโกรธเป็นอย่างมาก ที่การเล่านิทานของเธอต้องยุติลงแบบนี้

ระหว่างนั้น โกมุนยองได้เผชิญหน้ากับคนไข้โรคจิตคนนั้น ทำให้เกิดการต่อสู้กัน ขณะที่คนไข้กำลังบีบคอเธออยู่นั้น โกมุนยองก็หวนคิดถึงบาดแผลในใจของตัวเองในอดีต และเห็นภาพพ่อกำลังบีบคอเธออยู่ แต่เดชะบุญ มุนคังแทมาช่วยเธอไว้ได้ทัน โกมุนยองอาศัยจังหวะที่มุนคังแทกำลังมัดมือคนไข้ เธอคว้ามีดออกมากะว่าจะสั่งสอนคนไข้คนนั้น แต่มุนคังแทก็ใช้มือของตัวเองรับมีดเอาไว้ จนเลือดไหลออกมาเป็นทางหยดลงบนพื้นไม่หยุด !

หลังเหตุการณ์นั้น มุนคังแทโดนไล่ออก ต่อมาคนไข้ที่ก่อเรื่องก็ตายอย่างเป็นปริศนา …

มุนซังแท พี่ชายออทิสติกของมุนคังแท เป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือนิทานของโกมุนยองเป็นอย่างมาก เขารักและหวงขนาดที่ว่า ต้องเอาหนังสือนิทานทั้งหมดไปนอนกอดไว้ เพราะกลัวว่ามุนคังแทจะแอบเอาหนังสือของเขาไปทิ้งอีก

มุนคังแทนอนไม่หลับ จึงได้หยิบเอาหนังสือนิทานเรื่อง ‘หนุ่มน้อยผู้โตมาด้วยฝันร้าย’ มาอ่าน ด้านโกมุนยองก็นอนไม่หลับเช่นกัน เธอหยิบรูปถ่ายที่ถูกฉีกขึ้นมาดู พร้อมกับตกอยู่ในห้วงความทรงจำที่แสนเจ็บปวดของเธอกับพ่อ …

ประธานอี นัดให้มุนคังแทมาพบที่สำนักพิมพ์เพื่อขอโทษและจ่ายค่าชดเชยให้ (กรณีที่ถูกโกมุนยองใช้มีดแทงเข้าที่มือ) ขณะกำลังนั่งรอ โกมุนยองเดินเข้ามาคุยกับมุนคังแท ซึ่งเธอคิดว่าเขาอยากได้เงิน แต่จริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ต้องการสิ่งใดเพื่อเป็นการชดใช้เลย นอกจากขอมองตาของเธออีกสักครั้ง เพื่อที่เขาจะได้ระลึกนึกถึงเด็กสาวที่เขาเคยชอบในวัยเด็ก …

EP.2 : คุณหนูรองเท้าแดง

มุนคังแทบอกว่า โกมุนยองมีแววตาเหมือนคนที่เขาเคยชอบในวัยเด็ก และเด็กสาวคนนั้นก็เคยช่วยชีวิตเขาเอาไว้ เธอมีแววตาที่ไร้ความอบอุ่นโดยสิ้นเชิง และมันเป็นความทรงจำในวัยเด็กที่ไม่ดีเอาเสียเลย

เมื่อประธานอีมาถึง เขาได้นำเงินสดใส่กล่องน้ำผึ้งเพื่อมาให้มุนคังแท แต่ชายหนุ่มปฎิเสธ เพราะสิ่งที่เขาต้องการเป็นเพียงลายเซ็นของโกมุนยอง เพื่อจะเอาไปให้พี่ชายของเขาเท่านั้น

หลังจากมุนคังแทเดินจากไป โกมุนยองได้แต่ยืนมองชายหนุ่มอยู่บนระเบียงของสำนักงานบริษัทอันหรูหราทันสมัย เธอได้แต่บ่นพึมพำคนเดียวว่า “อยากได้ ๆ ๆ” และจึงสั่งให้ ยุนซึงแจ ลูกน้องสาวไปสืบเรื่องของเขาโดยกำชับไม่ให้ประธานอีรู้เรื่องเป็นอันขาด

มุนคังแทเอาหนังสือนิทานเรื่องเด็กน้อยซอมบี้พร้อมลายเซ็นของโกมุนยองไปให้พี่ชาย แต่ปรากฏว่า กลับพบคำเชิญให้มุนซังแทไปร่วมงานเปิดตัวหนังสือเล่มใหม่ ถึงจะได้ลายเซ็นพร้อมได้ถ่ายรูปคู่อีกด้วย เมื่อรู้เช่นนั้น ทำให้มุนซังแทตื่นเต้นมากที่จะได้พบกับนักเขียนผู้เป็นไอดอลของเขา

ณ โรงงานที่มุนคังแทมาทำงานเป็นพนักงานขนของ นัมจูรีได้แวะมาหา เธอแนะนำว่าตอนนี้ที่โรงพยาบาลจิตเวชรื่นรมย์ที่เธอทำงานอยู่ กำลังรับสมัครผู้ดูแลคนป่วยที่มีประสบการณ์ มุนคังแทสนใจงานนี้ แต่เมื่อรู้ว่าโรงพยาบาลนี้ตั้งอยู่ที่เมืองซองจินบ้านเกิดของเขา ทำให้มุนคังแทแฟลชแบ็กถึงเรื่องราวในอดีตที่ต้องสูญเสียแม่ ในภาพแฟลชแบ็ก พี่ซังแทเอาแต่พูดว่าเป็นเพราะผีเสื้อทำให้แม่ตาย และผีเสื้อจะตามฆ่าเขาด้วย มุนคังแทรู้ว่าเขาจะถูกส่งไปอยู่ที่ศูนย์ดูแลเด็ก และพี่ชายของเขาจะถูกส่งไปที่สถานสงเคราะห์เด็กพิเศษ มุนคังแทจึงพาพี่ชายหนี มันเป็นความทรงจำที่เขายากจะลบมันออกไป เหมือนดั่งว่าเขามีความทรงจำอันเลวร้ายกับผีเสื้อ

มุนคังแทพาพี่ชายมางานเปิดตัวหนังสือของโกมุนยองตามคำเชิญ แม้ว่าใจจริงเขาไม่อยากมางานนี้ก็ตาม ขณะที่พี่ซังแทมองเห็นเด็กที่ใส่ชุดไดโนเสาร์ยืนต่อแถวอยู่ด้านหน้า เขาจึงเดินไปหาและท่องลักษณะของไดโนเสาร์ต่าง ๆ นานา พ่อแม่ของเด็กไม่พอใจจึงผลักเขาล้มลงพร้อมทั้งเข้าทำร้าย ทำให้พี่ซังแทเกิดคุ้มคลั่งขึ้นมา

มุนคังแทรีบวิ่งเข้าไปปลอบใจพี่ชาย เหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ในสายตาของโกมุนยอง ตอนนี้เธอกำลังตัดสินใจว่าจะจัดการกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้อย่างไรดี ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจเดินมาขอให้พ่อเด็กขอโทษเธอ ที่ทำให้งานต้องเกิดเรื่องวุ่นวาย จากนั้นเธอก็จิกผมของเขาต่อหน้าผู้คนที่อยู่ตรงนั้น และว่าแม่ของเด็กว่า “อีนังบ้า” (คำเดียวกับที่แม่เด็กใช้ว่าพี่ซังแท)

นักวิจารณ์หนังสือเดินผ่านมา และพูดจาดูถูกโกมุนยอง ด้วยความโกรธเธอง้างมือจะตบหน้านักวิจารณ์หนังสือคนนั้น แต่มุนคังแทคว้ามือเธอไว้ได้ทัน นักวิจารณ์หนังสือคิดว่ามุนคังแทเป็นแฟนของโกมุนยอง จึงได้เอ่ยปากเตือนมุนคังแทว่าให้ระวังตัวเอาไว้ให้ดี เพราะแม่ของโกมุนยองอยู่ดี ๆ ก็เสียชีวิตอย่างเป็นปริศนา ส่วนผู้เป็นพ่อก็ต้องเข้าโรงพยาบาลจิตเวช

หลังจากนักวิจารณ์ปากเสียเดินจากไปสักพัก โกมุนยองตามมาจะเอาเรื่องกับนักวิจารณ์คนนั้นอีกครั้ง ทั้งสองพูดคุยกันและเธอก็โดนคุกคามทางเพศด้วยคำพูด จนทำให้เธอคิดจะเอาคืน และเกือบจะใช้ปากกาจิ้มเข้าไปที่เบ้าตาของนักวิจารณ์คนนั้น แต่สุดท้าย เธอใช้นิ้วจิ้มไปที่หน้าผากจนนักวิจารณ์จอมหื่นตกบันไดลงมา พร้อมกับเงินที่ปลิวกระจัดกระจายจากกล่องน้ำผึ้งในมือ (ที่แท้นักวิจารณ์คนนี้ก็รับเงินมาจากประธานอี)

ระหว่างอยู่บนเปลพยาบาล นักวิจารณ์ผู้มีฉายาหมาบ้าก็ตะโกนออกมาไม่หยุดว่า “นังปิศาจ ฉันจะทำให้พวกแกไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด”

หลังจากเหตุการณ์สงบลง มุนคังแทพยายามสอนวิธีตั้งสติระงับความโกรธให้โกมุนยอง โดยเขาจะยืนอยู่ข้างหลัง และให้เธอสูดหายใจเข้าปอดลึก ๆ พร้อมทำมือไขว้ที่หน้าอกเป็นรูปกากบาท มุนคังแทอธิบายว่า ท่านี้เรียกว่าท่ากอดแบบผีเสื้อ ใช้รักษาผู้ที่มีบาดแผลในใจ ทันใดนั้นเอง โกมุนยองหันกลับมา พร้อมกับโน้มคอมุนคังแทเข้ามาใกล้ ๆ และพุดว่า คนที่มีบาดแผลในใจจะต้องต้องเผชิญหน้ากัน ไม่ใช่กอดด้านหลังกัน

โกมุนยองขอให้มุนคังแทมาเป็นโค้ชให้เธอ ไว้คอยเตือนสติยามที่เธอโกรธ แต่เขาปฏิเสธและพูดกลับไปว่า ”ไม่ต้องมาพบกันอีก” แต่โกมุนยองตามตื้อไม่เลิก มุนคังแทจึงบอกเหตุผลไปว่า เขาควรหลีกเลี่ยงคนอย่างเธอ เพราะไม่ว่ายาชนิดใดก็ไม่สามารถรักษาอาการที่เธอเป็นอยู่ให้หายขาดได้ เพราะเธอเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เกิด โกมุนยองจึงตอกกลับไปว่า นั่นเป็นเพราะเขาขี้ขลาดและกลัวเธอต่างหาก

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันงานเปิดตัวหนังสือ ทำให้โกมุนยองกลายเป็นข่าวฉาวโฉ่ และมีความพยายามในการขุดคุ้ยพฤติกรรมแปลก ๆ ของเธอในอดีตออกมาโจมตี จนทำให้มีเสียงเรียกร้องให้ถอนชื่อเธอออกจากการชิงรางวัลแอนเดอร์เซน (รางวัลใหญ่ของวงการหนังสือเด็ก) เคราะห์ซ้ำกรรมซัด หนังสือเด็กน้อยซอมบี้ก็ยังถูกสั่งให้ยกเลิกวางจำหน่าย เพราะภาพประกอบที่ดูโหดร้ายเกินไปสำหรับเด็ก

ในขณะที่ทุกคนในสำนักพิมพ์กำลังเครียดจัดกับปัญหาที่เกิดขึ้น โกมุนยองก็ไม่รู้ร้อนรู้หนาวขับรถไปเมืองซองจินด้วยความเร็ว

ประธานอีพยานามโทร. ตามโกมุนยอง แต่เมื่อโกมุนยองรับสาย เธอกลับเล่าเรื่องนิทาน คุณหนูรองเท้าแดง ให้ประธานอีฟัง เธอเล่าว่า … สาวน้อยที่สวมรองเท้าสีแดงไปทุกที่ ไม่เว้นแม้แต่สถานที่ ๆ ควรสำรวม เพราะรองเท้าแดงคู่นั้นทำให้เท้าทั้งสองเต้นรำได้เองโดยไม่หยุด และมันไม่สามารถถอดออกได้ ต่อให้ตัดข้อเท้า รองเท้าแดงก็ยังคงถูกสวมอยู่อย่างนั้น เปรียบเสมือนบางสิ่งที่ตัดให้ตายอย่างไรก็ตัดไม่ขาด

โกมุนยองสวมรองเท้าสีแดงไปหามุนคังแทที่โรงพยาบาลจิตเวชรื่นรมย์ เธอพูดกับตัวเองว่าตอนนี้เธอพบรองเท้าสีแดงของเธอแล้ว

มุนคังแทถาม “คุณมาทำอะไรที่นี่ ?” โกมุนยองตอบกลับไปว่า “ก็มาเพราะคิดถึงไง”

EP.3 : แม่มดแห่งป่าที่หลับใหล

ในขณะที่โกมุนยองบอกมุนคังแทว่า “ก็มาเพราะคิดถึงไง” นัมจูรีก็เดินผ่านมาได้ยินพอดี (ดูเหมือนนัมจูรีจะแอบชอบมุนคังแทอยู่นะ) โกมุนยองขยับตัวเข้าไปใกล้พร้อมกับชมว่าหล่อกว่าตอนเด็กเยอะเลย นั่นทำให้มุนคังแทแปลกใจว่าทำไมเธอใช้คำพูดเหมือนรู้จักเขามาตั้งแต่เด็ก แต่สิ่งที่เหนือไปกว่านั้นคือ เขาต้องการรู้ให้ได้ว่าเธอต้องการอะไรกันแน่ และเขาพร้อมจะยอมให้ในสิ่งที่เธอต้องการ เพื่อแลกกับการที่ไม่ต้องมายุ่งกับเขาอีก แต่โกมุนยองกลับตอบไปว่า สิ่งที่ต้องการคือตัวมุนคังแท เพราะความงดงามในตัวเขา เป็นสิ่งที่เธออยากได้

ผอ. โรงพยาบาลจิตเวชรื่นรมย์ ขอพบโกมุนยอง และขอให้เธอมาช่วยสอนในโปรแกรมบำบัดผู้ป่วยด้านวรรณกรรมอาทิตย์ละสองครั้ง แต่เธอไม่รับปาก แถมยังฉีกกระดาษแสดงรายการโปรแกรมที่ ผอ. ยื่นให้ทิ้ง ผอ. จึงมองว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ก้าวร้าวอย่างร้ายกาจ และระหว่างนั้น โกมุนยองก็แอบขโมยตุ๊กตาไม้ไสยศาสตร์ที่เธอชอบในห้องของผอ. ติดมือมาด้วย

โกมุนยองเดินดุ่ม ๆ มา เปิดเข้าห้องเปลี่ยนชุดโดยไม่บอกกล่าว ทำให้เธอเห็นมุนคังแทในสภาพที่ท่อนบนเปลือยเปล่า ซิกแพ็กเป็นลูก ๆ ทำให้โกมุนยองอยากสัมผัสยิ่งนัก เธอเดินตรงไปหมายมั่นที่จะสัมผัสร่างอันเปลือยเปล่าของมุนคังแท แต่เขากลับผลักเธอออกไป ในขณะที่นัมจูรีก็บังเอิญมาเห็นภาพบาดตาบาดใจอีกครั้ง …

โกมุนยองขับรถไปยังปราสาทร้างกลางป่าลึก มันเป็นปราสาทต้องคำสาปที่พ่อเธอสร้างไว้ตั้งแต่ตอนเธอเกิด เพื่อเป็นที่ให้แม่ของเธอมีสมาธิในการเขียนนิยาย ปราสาทแห่งนี้เคยได้รางวัลสถาปัตยกรรมยอดเยี่ยมเมื่อนานมาแล้ว แต่ตอนนี้มันกลายเป็นปราสาทร้างซึ่งเป็นที่ ๆ แม่ของเธอพบจุดจบโกมุนยองเดินเข้าไปพร้อมกับตุ๊กตาไม้ไสยศาสตร์ เมื่อเข้าไปที่ห้องนอน เธอก็ล้มตัวลงนอนบนเตียง และหลับไป …

โกมุนยองฝันถึงนิทานเรื่องเจ้าหญิงที่ถูกคำสาปของแม่มด คำสาปที่ว่านี้จะทำให้เจ้าหญิงโดนเข็มเย็บผ้าทิ่มแทงจนตาย แม้ว่าพระราชาได้ทำลายเข็มทุกเล่มทั่วทั้งแผ่นดินไปหมดแล้ว แต่เจ้าหญิงก็ยังโดนหนามกุหลาบทิ่มแทงจนสลบไป ต้องรอให้เจ้าชายมาจุมพิตเท่านั้น เจ้าหญิงจึงจะฟื้นตื่นขึ้นมาได้

จากนั้นโกมุนยองก็ฝันเห็นผู้หญิงที่จมน้ำตายต่อหน้าเธอในวัยเด็ก เธอตกใจตื่นและร้องไห้ เธอนึกถึงท่าการกอดแบบผีเสื้อที่มุนคังแทเคยสอนไว้ ขณะที่ทำท่านั้น เธอจินตนาการว่ามุนคังแทมาปลอบใจและเช็ดน้ำตาให้เธอ และโอบกอดเธอด้วยความเสน่หาที่มีให้กันเช่นคู่รัก

ประธานอีโทร. หาโกมุนยองเพื่อให้กลับมาแก้ข่าวฉาวที่เกิดขึ้น แต่เธอกลับเสนอให้เล่นข่าวว่า ที่เธอหายไปเพราะไปดูแลพ่อที่ป่วยเป็นโรคสมองเสื่อม

มุนคังแทประหลาดเป็นอย่างมากที่เห็นโกมุนยองมาสอนผู้ป่วยที่ห้องบำบัด เธอบอกว่าจะเธอมาเป็นผู้สอนวรรณกรรมให้กับผู้ป่วย หลังจากนั้นเธอได้เล่าความฝันให้มุนคังแทฟังว่าเขากำลังปลอบใจเธอและให้เธอทำท่ากอดแบบผีเสื้อ เมื่อได้ยินเช่นนั้นมุนคังแทจึงขอให้หยุดพูดและพยายามเดินหนีไป โกมุนยองจึงตะโกนถามด้วยเสียงอันดังลั่นว่า “อยากจะมีอะไรกับฉันไหม ?” มันทำให้เขารู้สึกอับอายมาก ๆ

ควอนกีโดลูกชายของ ส.ส.ควอนมันซู มารักษาตัวที่โรงพยาบาล ควอนกีโดมีอาการไบโพลาร์ เขาชอบเรียกร้องความสนใจ

เกิดเหตุวุ่นวายขึ้น เมื่อควอนกีโดหนีออกจากโรงพยาบาล จากภาพกล้องวงจรปิด เขาวิ่งตัดหน้ารถของโกมุนยอง โดยเปิดชุดคลุมเพื่อโชว์ของลับ แต่กลายเป็นโดนโกมุนยองตอกกลับไปว่า นัองชายของเขาตัวเล็กกระจิ๊ดริดน่ารักเสียเหลือเกิน เล่นเอาควอนกีโดถึงกับหน้าเอ๋อไปเลย จะเล่นกับใครไม่เล่นมาเล่นกับโกมุนยอง !

โกมุนยองคิดแผนอะไรบางอย่างได้ จึงชวนควอนกีโดขึ้นรถไปด้วย ซึ่งเป็นจังหวะที่มุนคังแทนั่งรถสวนทางเห็นพอดี เขาจึงออกมายืนกลางถนนเพื่อหวังจะให้โกมุนยองหยุดรถ และเธอก็หยุดรถตรงหน้าเขาจริง ๆ แต่ระยะห่างจากตัวรถกับตัวเขามันเล็กน้อยเส้นยาแดงผ่าแปดมาก ๆ เล่นเอาคนที่เห็นเหตุการณ์หัวใจแทบวาย แต่มุนคังแทก็ทำได้เพียงแค่นั้น เพราะโกมุนยองก็ขับรถหนีออกไปได้อยู่ดี

โกมุนยองมาที่ตลาดแห่งหนึ่งที่ ส.ส.ควอนมันซู กำลังทำการหาเสียงเลือกตั้ง เธอให้ควอนกีโดวิ่งขึ้นไปบนเวทีปราศรัย และบอกว่าเขาเป็นลูกชายคนเล็กของ ส.ส.ควอนมันซู หลังจากนั้นเขาก็เล่าว่าตัวเองเป็นคนที่โง่ที่สุดในบรรดาพี่น้องทั้งหมด ทำให้โดนพ่อตีเป็นประจำ และเวลาทำผิดก็จะโดนพ่อขัง พ่อทำเหมือนเขาเป็นคนไร้ตัวตน เขาจึงชอบทำอะไรบ้า ๆ เพื่อให้พ่อหันมาสนใจเขาบ้าง จนกระทั่งเขากลายเป็นคนบ้าจริง ๆ

มุนคังแทตามมา และได้ยืนดูเหตุการณ์ด้วยความเหนื่อยใจ โดยโกมุนยองพูดกับเขาว่า ควอนกีโดนี่สนุกจริง ๆ เลย มุนคังแทจึงถามกลับ “ฉันควรเล่นสนุกกับเธอด้วยดีไหม ?”

EP.4 : เด็กน้อยซอมบี้

ควอนกีโดพูดกับมุนคังแทว่า วันนี้เป็นวันที่เขาสนุกมากที่สุดในชีวิต แต่เมื่อแม่ของควอนกีโดเดินมา เธอตบหน้าลูกชายโรคจิตของตัวเองพร้อมกับดุด่าว่ากล่าวชุดใหญ่ โดยทิ้งท้ายก่อนจะเดินจากไปว่า “เจ้าลูกโง่ !”

เหตุการณ์ที่เห็นตรงเบื้องหน้า มันทำให้มุนคังแทแฟลชแบ็กชีวิตในวัยเด็กของตัวเอง ตัวเขาเองก็ไม่ต่างอะไรกับควอนกีโดเลย แม่สนใจแต่พี่ซังแทพี่ชายออทิสติก โดยลืมไปเลยว่าแม่ยังมีลูกอีกคนที่ต้องให้ความสนใจ ฝนตกแม่ก็กางร่มให้แค่พี่ชายทิ้งเขาให้ตากฝนโดยไม่สนใจใยดี ยามนอนก็เอาผ้าห่ม ๆ ให้พี่ชายเพราะกลัวว่าจะหนาว โดยไม่สนใจเขาเลยว่าจะหนาวสักแค่ไหน … ในใจของเด็กชายมุนคังแทต้องการกอดอันอบอุ่นของแม่เพียงสักเล็กน้อยก็ยังดี หากแต่มันไม่เคยมีความรู้สึกเช่นนั้นเลย

ประธานอีร้อนใจเป็นอย่างมาก ที่คำสั่งระงับการจำหน่ายหนังสือเด็กน้อยซอมบี้ได้รับการอนุมัติ ถ้าจะให้บริษัทอยู่รอด เขาต้องทำให้โกมุนยองกลับมาเขียนงานชิ้นใหม่โดยเร็วที่สุด และนั่นหมายถึงเขาต้องไปเมืองซองจินเพื่อพาตัวเธอกลับมาให้ได้

เหตุการณ์ที่ควอนกีโดก่อกวนการหาเสียงกลายเป็นข่าวใหญ่ และมันสร้างปัญหาให้กับทางโรงพยาบาลด้วย ผอ. ถามนัมจูรีในฐานะที่รู้จักกับโกมุนยองตั้งแต่ยังเด็กว่าควรจะจัดการอย่างไรดี นัมจูรีอั้ม ๆ อึ้ง ๆ ครุ่นคิดพักหนึ่งแล้วตอบไปว่า “ควรจะไล่เธอออกไปจากโรงพยาบาล เธอเป็นคนที่ไม่ควรอยู่ที่นี่ค่ะ” แต่เหมือนผอ.จะยังไม่ตัดสินใจตามที่นัมจูรีเสนอ อย่างไรก็ตาม ต่อมานัมจูรีก็รู้สึกไม่ดีที่เธอใช้วิธีนี้เพื่อกำจัดโกมุนยอง คนที่ตอนนี้ได้กลายเป็นขวากหนามหัวใจของเธอ

มุนคังแทเลือกที่จะนั่งรถมากับโกมุนยอง และบอกให้นัมจูรีกลับไปคนเดียว ซึ่งแม้เธอจะไม่แสดงอาการใด ๆ ออกมา แต่ก็รู้ได้ทันทีจากแววตาว่า ผิดหวังที่ได้ยินชายที่ตัวเองแอบชอบจะนั่งรถไปกับผู้หญิงอื่น

มุนคังแทกับโกมุนยองนั่งรถมาด้วยกัน ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้น แต่แล้วโกมุนยองก็พูดถึงเรื่องลูกคนเล็กที่พ่อแม่ไม่สนใจขึ้นมา โดยที่เธอไม่รู้เลยว่า มันเป็นคำพูดที่จี้ใจดำของมุนคังแท เขาบอกให้เธอหยุดรถทันทีและเดินจากไป โกมุนยองก็ยังงง ๆ ว่าตัวเองทำอะไรผิดจึงพยายามง้อ และบอกรักมุนคังแทออกมาหลายครั้ง แต่เขาก็ไม่มีทีท่าจะหันกลับมาสนใจเธอเลยแม้แต่น้อย จนทำให้โกมุนยองคลั่งร้องตะโกนเอะอะโวยวายไม่หยุด

โกมุนยองเดินทางมาที่โรงพยาบาลเพื่อจะมาพาพ่อของตัวเองเดิน ตามสัญญาที่ให้ไว้กับผอ. เพราะเธอคิดว่าอาจจะเป็นวิธีที่ทำให้มุนคังแทหายโกรธ แต่กลับกลายเป็นว่า พ่อของเธอกระโจนเข้าบีบคอเธอจนล้มลงไปบนพื้น พร้อมทั้งด่าว่าลูกตัวเองว่า “นังปิศาจ !” หลังพยายามจับตัวพ่อของเธอออกไป โกมุนยองนอนร้องไห้พร้อมทั้งหัวเราะออกมา เหมือนกับจะหัวเราะให้กับโชคชะตาที่มาเล่นตลกกับชีวิตของเธอ

ระหว่างนั้น มุนคังแทโดนส.ส.ควอนมันซู พ่อของควอนกีโดตบหน้าด้วยความโกรธ ที่ปล่อยให้ลูกชายโรคจิตของเขาไปสร้างความวุ่นวายในการหาเสียงเลือกตั้ง

โกมุนยองเมื่อรู้ว่ามุนคังแทโดนตบหน้าก็โกรธแทน คิดจะไปเอาคืนให้ แต่มุนคังแทกับพูดตอกกลับไปว่า “ทำไมเธอต้องมาโกรธแทน คนอย่างเธอรู้ตัวหรือเปล่าว่าทำไมถึงโกรธ เพราะในใจเธอมันเหมือนกระป๋องที่ว่างเปล่า เธอไม่รู้ถึงจิตใจคนอื่นหรอก” คำพูดนี้ทำเอาโกมุนยองอึ้งน้ำตาซึม ในขณะที่มุนคังแทเดินจากไป

เหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางหัวใจของโกมุนยอง เธอเดินเหมือนร่างไร้วิญญาณไปตามถนน … มุนคังแทนังรถเมล์ผ่านมาเห็น แต่ก็ไม่ได้นึกสนใจอะไร

มุนคังแทกลับมาถึงที่พัก เขาได้หยิบหนังสือ ‘เด็กน้อยซอมบี้’ ขึ้นมาอ่านเพราะสะกิดใจคำพูดของโกมุนยองที่ว่า มันมีสารที่เธอต้องการจะสื่อซ่อนอยู่ …

“เด็กชายคนหนึ่ง เกิดในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง เขาเป็นเด็กที่ผิวขาวซีดและลูกตาโตมาก เมื่อเด็กคนนั้นโตขึ้น แม่ของเขารู้ได้เองว่าเด็กคนนี้ไม่มีความรู้สึกใด ๆ เป็นแค่ซอมบี้ที่ต้องการอาหารเท่านั้น ดังนั้นเพื่อไม่ให้คนในหมู่บ้านรู้ แม่จึงขังเขาไว้ในห้องใต้ดิน และทุกคืนเธอก็แอบไปขโมยสัตว์เลี้ยงบ้านอื่นมาให้เขากิน และแอบเลี้ยงเขาเช่นนั้น อีกวันหนึ่งไก่ อีกวันหนึ่งหมู

“ผ่านไปหลายปี จนอยู่มาวันหนึ่งโรคระบาดมาเยือนหมู่บ้าน สัตว์เลี้ยงที่เหลืออยู่พากันตายหมด ผู้คนก็ตายไปมากเช่นกัน ส่วนคนที่เหลือรอดก็ออกจากหมู่บ้านไปกันหมด แต่แม่ก็ไม่สามารถทิ้งลูกไว้ได้ ในที่สุดก็ตัดขาข้างหนึ่งของตัวเองให้ลูกที่ร้องด้วยความหิวกิน วันต่อมาก็ตัดแขนข้างหนึ่ง ตัดทุกอย่างให้ไปจนหมด ในที่สุดเมื่อเธอเหลือเพียงลำตัว เธอก็โผล่เข้าสู่อ้อมกอดของลูกน้อยเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อมอบส่วนที่เหลือของตัวเองให้ ลูกน้อยกอดแม่ที่เหลือเพียงลำตัวไว้แน่นด้วยแขนทั้งสองข้างแล้วพูดออกมาเป็นครั้งแรก แม่ช่างอบอุ่นเหลือเกิน”

มุนคังแทอ่านจบถึงกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ เขาร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด นี่คือสารที่โกมุนยองต้องการสื่อหรือ ? “สิ่งที่ลูกต้องการคือกินให้หายหิว หรือโหยหาความอบอุ่นจากแม่กันแน่ ?” มุนคังแทรู้ได้ในทันทีว่า เขาและเธอมีความเจ็บปวดในวัยเด็กที่เหมือนกัน

ตอนนี้ มุนคังแทนึกถึงโกมุนยองที่กำลังเดินตากฝนอยู่ เขารีบยืมรถมอเตอร์ไซค์เพื่อนแล้วรีบบึ่งไปหาเธอทันที เขาถอดเสื้อคลุมให้เธอ เหมือนกับที่เขาอยากให้แม่ห่มผ้าห่มให้เขา ยามที่เขาต้องการความอบอุ่น ทั้งคู่ได้แต่มองตาและกอดเพื่อถ่ายเทความอบอุ่นให้แก่กันและกันท่ามกลางสายฝน

EP.5 : ราพันเซลแห่งปราสาทต้องคำสาป

หลังจากที่มุนคังแทไปรับโกมุนยองแล้ว เขาพาเธอไปที่โมเตลแห่งหนึ่ง และได้พบกับลูกชายเจ้าของที่มีท่าทีแปลก ๆ (เบตส์โมเตล ซีรีส์เลือกชื่อโมเตลและสร้างองค์ประกอบ เหมือนเป็นการยกย่องหนังในตำนานเรื่อง Psycho) แต่เมื่อมุนคังแทได้รู้ว่า โกมุนยองเดินตากฝนโดยที่ไม่พกเงินหรือโทรศัพท์ติดตัว จึงออกอาการหัวเสียเป็นการใหญ่ ที่ว่าหากเขาไม่ไปรับเธอจะทำอย่างไร เธอกลับตอบไปแบบยียวนกวนประสาท “ก็คงจะเดินตากฝนไปทั้งคืน” ทำให้เขาของขึ้นและใส่อารมณ์กลับไป แต่ทว่าโกมุนยองก็คือโกมุนยอง เธอไล่ต้อนจนเขาไปไม่เป็น จนกระทั่งเขาจะไปเปิดห้องพัก แต่ตัวเขาเองก็ไม่มีเงินติดตัวมาเช่นกัน เลยต้องจำใจพาสาวเจ้าไปพักที่บ้านของเขา

มุนคังแทแอบพาโกมุนยองมาอยู่ที่ห้องเช่า โดยกำชับว่าห้ามไปยุ่งกับพี่ชายของเขาเป็นเด็ดขาด และได้นำอาหารที่แม่ของนัมจูรีทำเอาไว้ให้ ขึ้นมากินที่ห้องกับโกมุนยองที่ห้อง หลังกินเสร็จ ขณะที่มุนคังแทกำลังล้างจาน โกมุนยองได้บอกให้เขารีบมานอนและพูดว่า “น่าอร่อย” แต่ดูเหมือนชายหนุ่มจะไม่ต้องการให้เธอนอนค้าง โดยจะให้ค่าแท็กซี่กลับ แต่สาวนักเขียนไม่ยอมและตะโกนเรียก “พี่ซังแท ๆ ๆ” จนสุดท้ายเขาก็ต้องยอม โดยให้พี่ชายตัวเองไปนอนกับเพื่อนที่พักอยู่ชั้นล่าง โดยโกหกว่าท่อน้ำในห้องแตก

ทั้งสองนอนคุยกันเรื่องเด็กหญิงที่ช่วยชีวิตมุนคังแทเอาไว้ในวัยเด็ก เขาบอกว่าอยากลืมเรื่องราวนั้น แต่ไม่ใช่เพราะเด็กสาวไม่ดี แต่เป็นเพราะตัวเขาเลวต่างหาก ที่ทิ้งเด็กสาวคนนั้นไป

ในตอนเช้าตรู่ ขณะที่มุนคังแทยังคงหลับอยู่ นัมจูรีออกเวรดึกกลับมา ได้ขึ้นไปหามุนคังแทเพื่อจะเอานมกล่องไปให้ แต่กลับพบโกมุนยองยืนสูบบุหรี่อยู่ที่ระเบียง ทั้งคู่เริ่มปะฉะดะกันทางวาจา ต่างฝ่ายต่างพยายามให้อีกฝ่ายเลิกยุ่งกับชายที่ตัวเองต่างชอบ จนความอดทนของนับจูรีหมดลงหลังจากโดนโกมุนยองด่าว่า “สตอไร้เดียงสา แกล้งทำเป็นตีสองหน้า” นัมจูรีได้ตบหน้าโกมุนยองฉาดใหญ่ แล้วทั้งคู่ก็เริ่มส่งเสียงทะเลาะกันรุนแรงมากขึ้น ทำให้คนในบ้านทั้งหมด รวมถึงมุนคังแทเดินมาดู

มุนคังแทขอลากโกมุนยองออกมาจากบ้าน โดยให้เงินค่ารถแท็กซี่กลับ และบอกว่าเขาไม่ใช่ของ ๆ เธอ ก่อนที่เขาจะเดินจากไป เธอชวนเขาให้ย้ายออกจากบ้านซ่อมซ่อแห่งนี้เพื่อไปอยู่กับเธอ แต่เขาปฏิเสธ

ตัดภาพมาที่บริษัทฯ ประธานอีกำลังตกที่นั่งลำบากแบบสุด ๆ ตอนนี้บริษัทฯ กำลังจะเจ๊งจากภาวะหนี้สิ้นที่รุมเร้า เงินสดที่ขาดมือ และการเรียกค่าเสียหายสูงลิ่วของนักวิจารณ์หนังสือที่ถูกโกมุนยองใช้ดัชนีพิฆาตจิ้มหน้าผากจนตกบันได ทำให้ต้องเข้ารับการผ่าตัดเส้นเลือดในสมอง

ประธานอีมาหาโกมุนยองเพื่อเล่าถึงความล่มจมที่เกิดขึ้น และขอมาอยู่ด้วย แต่เธอปฏิเสธ โดยบอกว่าอีกไม่นานจะมีคนมาอยู่กับเธอ

นัมจูรีเจอมุจคังแทบนดาดฟ้าของโรงพยาบาลจิตเวชรื่นรมย์ เธอได้พยายามพูดให้ชายหนุ่มรู้ว่าเธอมีใจให้เขา แต่เขากลับบอกว่าอย่ามีใจให้เขาเลย แต่นัมจูรีก็ยังคงยืนยันที่จะชอบเขาต่อไป เพราะมันเป็นเรื่องของจิตใจเธอที่เขาบังคับไม่ได้ แต่ก็ขอร้องว่าขณะที่เขายังอยู่เมืองนี้ ขอให้อยู่ที่บ้านของเธอต่อไป เพื่อเห็นแก่แม่ของเธอที่ชอบเขามาก ๆ อีกอย่างพี่ชายของเขาก็ดูมีความสุข

โกมุนยองเดินทางมาที่โรงพยาบาล เพื่อชวนพี่ซังแทไปไปที่ปราสาทต้องคำสาป และดูเหมือนว่าพี่ซังแทจะชอบที่นี่มาก ๆ โกมุนยองจึงได้ยื่นสัญญาว่าจ้างวาดภาพให้เขาเซ็น และชวนให้มาอยู่ด้วยกัน

เมื่อมุนคังแทรู้ว่าพี่ชายตัวเองออกไปกับโกมุนยอง เขาจึงโทร. หาเธอและเตือนว่าอย่ายุ่งกับพี่ของเขา เธอจึงบอกให้เขามาหาพี่ชายที่ปราสาทต้องคำสาป แต่ …

โกมุนยองแปลกใจมาก ๆ ที่มุนคังแท ไม่ถามถึงที่อยู่ของปราสาทเลยสักคำ เขาจึงเผยความจริงที่ว่า เขาเคยไปที่นั่นมาแล้ว ทำให้โกมุนยองรู้ว่า แท้ที่จริงแล้วมุนคังแทรู้มาตลอดว่าตัวเธอคือเด็กผู้หญิงคนนั้น ที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ !

ขณะที่มุนคังแทกำลังเดินทางไปที่ปราสาทต้องคำสาป โกมุนยองได้เล่านิทานให้พี่ซังแท ที่กำลังอยู่ในสภาพเมาไวน์ฟัง เรื่องมีอยู่ว่า …

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วในป่าลึก มีสาวน้อยคนหนึ่ง อาศัยอยู่ในปราสาทต้องคำสาป แม่ของสาวน้อยบอกกับเธออยู่เสมอว่า เพราะลูกพิเศษมาก ไม่มีทางปรับตัวใช้ชีวิตในโลกภายนอกได้ ลูกจะต้องอาศัยอยู่ในปราสาทหลังนี้เท่านั้น แต่สำหรับสาวน้อย ประสาทนั้นเหมือนคุกไม่มีผิด เธอเลยอธิษฐานกับดวงจันทร์มาเสมอ ได้โปรดส่งเจ้าชายรูปงามมาช่วยหนูออกไปจากประสาทนี้ที “จะมาวันนี้ไหม หรือว่าจะมาพรุ่งนี้นะ ?” สาวน้อยเฝ้ารออยู่ทุกวี่ทุกวันตรงระเบียงปราสาท จนกระทั่งวันหนึ่ง ก็มีเด็กชายคนหนึ่งมาหาเธอที่ประตูรั้ว สาวน้อยรีบวิ่งจะไปหาเด็กชายคนนั้น แต่ทว่าเธอโดนแม่ของเธอห้ามเอาไว้ สาวน้อยจึงเดินไปหาเด็กหนุ่มที่ประตูรั้ว และคว้าดอกไม้ที่เขาเอามาให้ทิ้งลงพื้น ก่อนที่จะเอาเท้าขยี้มันจมดิน

ภาพตัดกลับมา เป็นเหมือนเหตุการณ์ในอดีตกับปัจจุบันทับซ้อนกัน ต่างกันแค่เพียง สาวน้อยที่วันนี้ได้กลายเป็นนักเขียนนิทานผู้โด่งดัง และเด็กชายที่วันนี้กลายเป็นผู้ดูแลผู้ป่วยจิตเวช

ภาพนั้น ภาพที่โกมุนยองยืนเฝ้ารอเจ้าชายอยู่ที่ระเบียง ส่วนมุนคังแทก็กำลังแหงนหน้ามองเด็กสาวที่ช่วยชีวิตเขาไว้ เธอกำลังยืนรอเขาอยู่ ณ ปราสาทต้องคำสาปแห่งนี้ …

EP.6 : ความลับของเคราน้ำเงิน

มุนคังแทเดินเข้ามาในปราสาท พบพี่ซังแทนอนกอดขวดไวน์อยู่บนโซฟา เขาจึงเดินไปหาโกมุนยองที่กำลังยืนรออยู่ที่ระเบียงปราสาท เธอยิงคำถามใส่เขาทันที “รู้ตั้งแต่เมื่อไรว่าฉันเป็นใคร ?” ชายหนุ่มตอบ “คงจะเป็นวันนั้น ที่ฉันได้สบตาเธอครั้งแรก” (วันที่โกมุนยองใช้มีดหั่นสเต็กแทงที่มือเขา) “ฉันรู้ว่าเธออยากให้ฉันจำเธอได้ แต่ฉันอยากจะเลี่ยง ฉันอยากทำเป็นไม่รู้ ไม่สนใจต่อไป”

มุนคังแทอธิบายความรู้สึกที่อยู่ในใจมายาวนานว่า เพราะเด็กหญิงคนนั้นช่วยชีวิตเขาเอาไว้ แต่เขาก็หนีไปอย่างขี้ขลาด หลังจากนั้นก็หนีมาตลอด เขาจึงอยากจะให้มันจบไปสักที “ขอบคุณนะ ที่วันนั้นเธอช่วยฉันขึ้นมาจากธารน้ำแข็ง ขอโทษที่ชอบเธอแต่ดันหนีไป ฉันเสียใจที่ฉันเดินหันหลังกลับไป วันนั้นที่ฉันมาที่นี่ แล้วไม่ได้พูดเรื่องนี้ มันคงทำให้ฉันค้างคาใจ เลยทำให้ลืมเธอไม่ได้”

โกมุนยองพยายามขอร้องให้มุนคังแทดูแลเธอด้วยอีกคน เธอต้องการเขามาก ๆ แต่เขาก็ปฏิเสธ แล้วบอกว่าแค่ดูแลพี่ซังแทคนเดียวก็พอแล้ว ตอนนี้เขาไม่อยากเป็นคนที่ใคร ๆ ต้องการอีกต่อไป แต่ …

โกมุนยองก็คือโกมุนยอง ที่ไม่ยอมให้ใครปฏิเสธสิ่งที่เธอต้องการ เป็นเพียงแต่ว่าคน ๆ นั้นคือมุนคังแท ชายหนุ่มผู้เย็นชาและแสดงออกเหมือนคนไร้ความรู้สึก เขาตอกกลับไป “ฉันเลยขอบคุณไง เพราะวันนั้นเธอช่วยชีวิตฉันเอาไว้ ชีวิตฉันถึงได้น่าสมเพชแบบนี้ !”

ระหว่างนั้น พี่ซังแทตื่นมาพอดี พร้อมกับคำพูดที่ทำให้มุนคังแทโกรธจัดถึงกับขึ้นเสียงใส่พี่ชายของตัวเอง “บ้านนี้ก็เป็นบ้านของเรา ฉันทำสัญญาไว้แล้ว ตอนนี้ฉันกลายเป็นนักวาดเหมือนกันแล้วนะ” พร้อมกับยื่นหนังสือสัญญาว่าจ้างวาดรูปประกอบนิทานให้ดู แต่มุนคังแทกลับทำสิ่งที่ไม่คาดคิด เขาฉีกหนังสือสัญญาวาดภาพต่อหน้าพี่ชายออทิสติกของเขา ตอนนี้สถานการณ์เลวร้ายขึ้นไปอีก

พี่ซังแทชาร์จเข้าใส่พร้อมทำร้ายทุบตีมุนคังแทอย่างรุนแรงต่อเนื่องพักใหญ่ และแน่นอนว่าผู้เป็นน้องชายไม่ตอบโต้พี่ชายของตัวเอง เขาได้แต่เอามือปัดป้องไว้เท่านั้น จนโกมุนยองเข้ามาปลอบพี่ซังแท และขอให้เขาหยุดทำร้ายน้องชายตัวเองได้แล้ว เหตุการณ์จึงคลี่คลาย

ก่อนมุนคังแทจะเดินจากไป โกมุนยองได้ชี้ให้เขาต้องตัดสินใจเลือกว่า จะทิ้งพี่ชายเอาไว้ หรือจะยอมตัวติดกับเขาไปตลอดชีวิต และอย่าลังเลเหมือนคนโง่อย่างตอนนั้น

มุนคังแทเดินออกมาจากปราสาท ทิ้งพี่ชายและเด็กหญิงที่เคยช่วยชีวิตเขาเอาไว้ ภาพแฟลชแบ็กถึงเหตุการณ์ในวัยเด็กผุดขึ้นในหัวของเขา …

ด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ เด็กชายมุนคังแทตวาดใส่แม่ตัวเองว่า เขาไม่ได้เป็นของมุนซังแท “คนอย่างพี่ ตายไปซะได้ก็ดี !” หลังจากนั้น ทั้งคู่ได้ไปเล่นที่ธารน้ำแข็ง พี่ซังแทเกิดตกลงไปในน้ำอันหนาวเหน็บ มุนคังแทในตอนแรกตัดสินใจเดินหนีโดยไม่คิดจะช่วย เขาตั้งใจจะปล่อยให้พี่ชายตัวเองจมน้ำตายไปต่อหน้าต่อตา แต่เหมือนความลังเลทำให้เด็กหนุ่มเปลี่ยนใจ เขากระโดดลงไปช่วยพี่จนขึ้นจากน้ำมาได้ หากแต่ว่าตอนนี้ตัวเขาเองต่างหากที่ขึ้นจากน้ำไม่ได้ เขากำลังจะตาย …

เด็กหญิงโกมุนยองที่เฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ตั้งแต่ต้น เธอกำลังเด็ดกลีบดอกไม้เหมือนกับเป็นการเสี่ยงทายว่าจะเข้าไปช่วยดีหรือไม่ “ช่วย หรือไม่ช่วยดีนะ ?” แต่ไม่ว่าผลเสี่ยงทายจะออกมาอย่างไร เธอก็ตัดสินใจไปช่วยเขาให้รอดพ้นจากความตายใต้ธารน้ำแข็งอันหนาวเหน็บ

มุนคังแทกลับมาที่ห้องเช่าตัวคนเดียว ระหว่างนั้นความลังเลที่เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของเขาก็เริ่มทำงานอีกครั้ง แม่ของนัมจูรีมาคุยกับมุนคังแท และได้รู้ว่าพี่ซังแทกำลังจะได้รับโอกาสให้เป็นนักวาดภาพประกอบนิทาน เธอจึงสนับสนุนอย่างเต็มที่ ความเป็นผู้ใหญ่ใจดีของแม่นัมจูรีเหมือนเป็นไฟนำทาง … เขาตัดสินใจย้ายไปอยู่กับโกมุนยองที่ปราสาทต้องคำสาป เพื่อความฝันของพี่ชายตัวเอง

ตอนนี้ ในปราสาทมีระเบิด 2 ลูก ที่พร้อมจะทำทุกสิ่งพังพินาศ ลูกหนึ่งออทิสติก ลูกหนึ่งต่อต้านสังคม หากแต่ว่าถ้ามีสลักนิรภัยที่ควบคุมระเบิดทั้งสองได้ ทุกอย่างก็น่าจะราบรื่น และตอนนี้สลักนิรภัยได้มาอยู่ที่ปราสาทแห่งนี้แล้ว สลักนิรภัยที่เย็นชาไร้ความรู้สึกมีชื่อว่า มุนคังแท

ทุกอย่างเหมือนกับเข้าที่เข้าทางไปในทางที่ดี โดยเฉพาะความสัมพันธ์ของมุนคังแทกับโกมุนยอง หากแต่ว่า ที่โรงพยาบาลจิตเวชรื่นรมย์ คนไข้ป่วยทางจิตหญิงคนหนึ่งได้สะกิดแผลในใจอันดำมืดเกี่ยวกับแม่ของโกมุนยองขึ้นมา บาดแผลที่ฝังรากลึกมายาวนานมากกว่า 20 ปี คนไข้หญิงคนนั้นคิดว่าตัวเองเป็นแม่ของโกมุนยอง แต่ในท้ายที่สุดโกมุนยองก็พูดกับคนไข้หญิงคนนั้นว่าแม่เธอได้ตายจากเธอไปนานแล้ว “แม่หัวแตก เลือดไหลเป็นทาง แขนขาบิดเบี้ยวขาดรุ่งริ่ง รอยเลือดพวกนั้น ยังติดอยู่ที่พื้นห้องอยู่เลย”

บาดแผลที่ยากจะลืมที่ฝังแน่นลึกลงไปถึงก้นบึ้ง ลึกลงไปยิ่งกว่าชั้นจิตใต้สำนึก ว่าที่จริงมันอาจไม่ใช่บาดแผล แต่ความดำมืดมันหล่อหลอมจนกลายเป็นหนึ่งเดียวกับตัวตนของเธอ โกมุนยอง

มุนคังแทสังเกตเห็นอาการของโกมุนยองเปลี่ยนไป เธอซึมและเงียบจนน่าเป็นห่วง กระทั่งตกกลางคืน เธอฝันถึงแม่ เธอฝันว่าแม่จะฆ่ามุนคังแท เจ้าชายที่เธอเฝ้ารอตั้งแต่ในวัยเด็กเพื่อที่จะพาเธอออกไปจากปราสาทต้องคำสาปแห่งนี้ โกมุนยองตัวเกร็งและกรีดร้องออกมาทั้งน้ำตาบนเตียงนอน มุนคังแทได้ยินจึงรีบเข้ามาดูและเข้าไปปลอบเธอว่า มันเป็นเพียงแค่ฝันร้าย

โกมุนยองในสภาพที่จิตใจอ่อนแอเปราะบาง เธอพยายามไล่ให้มุนคังแทหนีไป หนีจากแม่ของเธอ แต่มุนคังแทเลือกที่จะอยู่ เขากอดเธออยู่บนเตียงนอนของเธอ พร้อมกับพูดว่า “ฉันจะไม่หนีไปไหนทั้งนั้น”

EP.7 : เจ้าหมาในวันใบไม้ผลิ

มุนคังแทเฝ้าโกมุนยองจนนั่งฟุบหลับไปจนถึงตอนเช้า เมื่อตื่นมาเขาได้เห็นโกมุนยองจ้องอย่างไม่ละสายตา และถามว่ามาทำอะไรที่นี่ ? มุนคังแทจึงบอกว่าเมื่อคืนเธอมีไข้ และจะออกไปซื้อยามาให้

วันนี้ มุนคังแทโดดงานหนึ่งวัน เพราะเขาคิดว่าวันนี้เขาควรจะอยู่เป็นเพื่อนโกมุนยอง …

ระหว่างที่โกมุนยองอยู่บ้าน เธอยังคงนึกถึงภาพจำตอนที่แม่หวีผมให้ แม่บอกเธอว่าต้องไว้ผมยาวและห้ามตัดเด็ดขาด แต่โกมุนยองในวัยเด็กบอกว่าเบื่อที่จะไว้ผมยาว แม่จึงแสดงความโกรธด้วยการปาหวีใส่ และตะคอกบังคับให้เธอเชื่อฟังคำสั่ง

โกมุนยองในปัจจุบันลุกจากเตียงแล้วหยิบกรรไกรขึ้นมาเพื่อจะตัดผม แต่ขณะที่เธอกำลังง้างกรรไกร ในหัวของโกมุนยอง ก็มีเสียงร้องของผู้หญิงปริศนาร้องดังขึ้นมาเพื่อขอความช่วยเหลือ พร้อมกันนั้น เธอจึงขว้างกรรไกรใส่กระจกหน้าโต๊ะเครื่องแป้งจนแตก ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ประธานอีมาถึงพอดี

ประธานอีที่ดูเหมือนจะรู้จักสิ่งที่โกมุนยองเป็นอยู่ตอนนี้ดี จากการที่ได้ร่วมงานกันในระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา หากเธอนึกถึงแม่จนหลอนเหมือนผีอำเมื่อไร อาการเธอจะเริ่มแย่ลงเรื่อย ๆ เขาจึงพยายามบังคับให้เธอกลับกรุงโซลไปกับเขาเพื่อให้ลืมแม่ของเธอ แต่โกมุนยองไม่ยอม แม้จะถูกประธานอีกระชากลากถูอย่างไรเธอก็ไม่ยอม ทันใดนั้น พระเอกขี่ม้าขาวมุนคังแทก็กลับมาพอดี และได้ทำการลากประธานอีออกไปนอกบ้าน

มุนคังแทบอกให้เธอล็อกประตูบ้านเพื่อความปลอดภัย จังหวะนั้นเขาเห็นกระจกหน้าโต๊ะเครื่องแป้งที่แตกร้าว ทำให้เขาชวนโกมุนยองออกไปนั่งรถกินลม เพื่อที่จะได้สบายใจขึ้น

ระหว่างอยู่บนรถมุนคังแทถามว่า “อยากไปไหน ?” โกมุนยองรีบตอบแบบไม่ต้องคิดเลยว่า “โมเต็ล” มุนคังแททำเป็นไม่สนใจคำตอบและเปลี่ยนคำถาม “อยากกินอะไร ?” อีกเช่นเคย สาวนักเขียนตอบกลับทันทีว่า อยากจะกินเขา มันทำให้มุนคังแทไม่พอใจ จนในที่สุดโกมุนยองก็ยอมให้เขาพาเธอไปที่ไหนก็ได้ตามใจ

มุนคังแทพาโกมุนยองไปกินเนื้อย่าง ระหว่างที่กินกันอย่างเอร็ดอร่อย จู่ ๆ สาวเจ้าก็พูดขึ้นมาว่า “เคยนอนกับผู้หญิงหรือเปล่า ?” เจอคำถามนี้ไป น้ำในปากของมุนคังแทถึงกับพุ่งออกมา … บทสนทนาหลังจากนั้น เหมือนกับทั้งสองพยายามจูนความสุดโต่งของแต่ละฝ่าย โกมุนยองทำอะไรโดยไม่คิด ส่วนมุนคังแทก็อดทนจนกลายเป็นความเย็นชา เมื่อเขาดูเหมือนจะเป็นคนที่เป็นสลักนิรภัยให้เธอตอนที่เธอจะทำเรื่องเลวร้าย ทีนี้เธอจะเป็นตัวปลดสลักนิรภัยให้เขา ให้ได้หลุดจากกรอบเพื่อที่เขาจะได้ใช้ชีวิตของตัวเองบ้าง

หลังจากกินเนื้อย่างเสร็จ มุนคังแทพาโกมุนยองมาเดินเล่น ระหว่างนั้น โกมุนยองได้แย่งโทรศัพท์ของเขาเพื่อที่เขาจะไม่ต้องไปสนใจอย่างอื่น ทันใดนั้นเอง นัมจูรีก็โทร. เข้ามา โกมุนยองเป็นคนรับสาย และบอกว่าที่มุนคังแทโดดงานในวันนี้ก็เพื่อมาเที่ยวเล่นกับเธอ เมื่อนัมจูรีได้ฟังเช่นนั้น แทนที่จะเดินกลับบ้าน เธอเปลี่ยนทิศทางไปร้านสะดวกซื้อเพื่อกินเหล้าประชดรักทันที

โกมุนยองยังไม่เลิกหยอกมุนคังแทว่า ที่โดดงานก็เพื่อจะมาเดตกับเธอใช่ไหม และก็เอ่ยปากขอคบกับเขา แต่มุนคังแทนิ่งเงียบไปพักหนึ่งแล้วบอกสาเหตุที่โดดงานว่า “เมื่อคืนเธอพูดคำว่า ไปให้พ้น ทุกครั้งที่เธอไล่ มันทำให้ฉันคิดว่าควรอยู่กับเธอ”

ณ หน้าร้านสะดวกซื้อ ประธานอีนั่งรำพึงรำพันที่โกมุนยองไม่สนใจตัวเขาที่รู้จักกันมาเป็นสิบ ๆ ปี แต่กลับไปสนใจมุนคังแทที่รู้จักกันได้ไม่นาน ด้านนัมจูรีที่กำลังเมาปลิ้นอยู่ใกล้ ๆ กัน ก็บ่นว่าตัวเธอก็ร้ายได้ ด่าคนก็เป็นเหมือนกันนะ แล้วทั้งคู่ก็ป๊ะกัน นัมจูรีเมื่อรู้ว่าเป็นประธานอีเลยจัดมือตบเข้าที่หน้าไปหนึ่งฉาด ข้อหาที่ไม่ดูแลโกมุนยองให้ดี จนมาเป็นขวากหนามความรักของเธอ แต่นัมจูรีออกอาการไม่ได้เท่าไร ก็หน้าฟาดโต๊ะหมดสติไปเองด้วยความเมาซะอย่างนั้น … ต่อมานัมจูรีได้รู้จากปากแม่ว่า ประธานอีเป็นคนแบกเธอมาส่งที่บ้าน เธอจึงขายหน้ากับสิ่งที่ทำลงไป

ขณะนั่งรถกลับปราสาทต้องคำสาป โกมุนยองได้เผยความจริงบางอย่างออกมา หลังจากฝันเห็นแม่ทุกครั้งตื่นขึ้นมาเธอจะรู้สึกแย่ แต่วันนี้เธอไม่รู้สึกแบบนั้นเลย มุนคังแทแอบยิ้มเมื่อเห็นโกมุนยองวาดรูปหน้ายิ้มที่กระจกรถ ที่วาดขึ้นโดยใช้ไอน้ำจากลมหายใจของเธอ

มุนคังแทเอาน้ำดื่มไปให้คนไข้หญิงที่หาว่าโกมุนยองเป็นลูก ตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอจะสำนึกความจริงได้แล้วว่าลูกเธอตาย เธอเล่าถึงผ้าคลุมแบรนด์เนมราคาแพง มันเหมือนเป็นสัญลักษณ์ตัวแทนความผิดที่ค้างอยู่ในใจของเธอที่ด่าว่าลูกสาวก่อนที่เธอจะโดนรถชนตาย ระหว่างนั้น มุนคังแทก็นิ่งอึ้งนึกถึงภาพจำในอดีตของแม่ตัวเอง ที่รักแสดงออกว่ารักพี่ซังแทมากกว่าตัวเขา

หลังเลิกงานมุนคังแทซื้อเบียร์ไปนั่งดื่มกับแจซู เพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเด็ก บนดาดฟ้าที่บ้านเช่า เขาร้องไห้พร้อมกับพรรณนาว่า แม่จะรู้สึกผิดและเสียใจที่ทำต่อเขาบ้างไหม จังหวะนั้น แม่ของนัมจูรีมาพอดี เธอบอกว่าให้มุนคังแทเห็นใจหัวอกคนเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ที่ต้องเลี้ยงลูกสองคนโดยลำพัง โดยเฉพาะลูกที่ไม่ปกติอย่างมุนซังแท

มุนคังแทกลับมาปราสาทต้องคำสาปด้วยความเมา เมื่อประตูเข้าไปก็เจอโกมุนยองที่นั่งรอจนหลับ ทั้งคู่คุยกันสักพัก จนโกมุนยองชวนเขากินเหล้าอีก มุนคังแทก็เลยเอานิ้วดีดเข้าที่หน้าฝากโกมุนยองดัง ป๊อก และบอกว่า ถ้าเราสองคนเมากันทั้งคู่มันจะเกิดอะไรขึ้น แล้วก็เอาตุ๊กตาไล่ฝันร้ายที่เขาเย็บเองกับมือให้โกมุนยอง มันเป็นตุ๊กตาที่ไม่มีค่าราคาอะไรเลย หากแต่มันทำด้วยใจ โกมุนยองเอาตุ๊กตาตัวนี้ไปนอนกอด โดยขว้างตุ๊กตาไสยศาตร์ที่ขโมยมาจากห้องผอ. โรงพยายาลจิตเวชรื่นรมย์ทิ้งไป

มุนคังแทขึ้นไปนอนกอดพี่ซังแท และคุยเรื่องอดีตเกี่ยวกับแม่ มันทำให้ภาพจำดี ๆ ของแม่กลับเข้ามาในหัวเขา แท้ที่จริงแล้ว แม่ไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด แม่รักและห่วงเขาเหมือน ๆ กันนั่นแหละ เป็นเพียงแต่เขามักจะเลือกจำในส่วนที่เลวร้ายต่างหาก …

มุนคังแทนอนกอดพี่ชาย พร้อมกับเอ่ยปาก “คิดถึงแม่” พร้อมทั้งน้ำตาที่ไหลรินออกมาไม่หยุด

โกมุนยองมาที่โรงพยาบาลแล้วเพิ่งรู้ว่าคลาสของตนเองโดนยกเลิก เธอโกรธมาก เดินปรี่เข้าไปหาผอ. เพื่อจะเล่นงาน แต่ผอ. ก็นกรู้ตาไว วิ่งหนีจ้ำอ้าวอย่างกับนักวิ่งลมกรด แม้ว่าก่อนหน้านี้จะบอกกับคนไข้รายหนึ่งว่าตัวเองขาไม่ดีวิ่งไม่ไหว

จังหวะนั้น โกมุนยองก็เผชิญหน้ากับคนไข้ที่หาว่าเธอเป็นลูกพอดี โกมุนยองร้องถามหาความรับผิดชอบจากคนไข้รายนั้นเป็นผ้าคลุมราคาแพง ที่เป็นของที่ลูกสาวซื้อไว้ให้ก่อนโดนรถชนตาย ที่ทำให้คลาสของเธอโดนยกเลิก ซึ่งมุนคังแทก็รีบตามมาดูด้วยความเป็นห่วงว่าโกมุนยองจะสร้างเรื่องขึ้นมาอีก ในตอนแรกเขาคิดว่าคนไข้รายนั้นจะไม่ยอมให้ แต่เธอกลับยอมให้แต่โดยดี พร้อมกับบอกด้วยว่า เมื่อไม่มีผ้าคลุม เธอรู้สึกเบาตัวขึ้นมาก (เหมือนได้ปลดปล่อยสิ่งที่ค้างในใจ)

มุนคังแทยืนมองดูภาพวาดบนผนังกับโกมุนยอง ขณะนั้นก็ได้เล่านิทานของเธอเรื่อง เจ้าหมาในวันใบไม้ผลิ …

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีหมาน้อยตัวหนึ่ง ที่เก็บความรู้สึกเก่งมาก เจ้าหมาใช้ชีวิตโดยถูกผูกไว้ใต้ต้นไม้ซึ่งมีร่มเงา มันกระดิกหางเก่ง แถมยังน่ารักน่าเอ็นดูมาก ผู้คนในหมู่บ้านเลยพากันเรียกมันว่า เจ้าหมาในวันใบไม้ผลิ แต่ว่าเจ้าหมาที่ตอนกลางวันเล่นกับเด็ก ๆ อย่างสนุกสนาน เพราะตกดึกกลับส่งเสียงคราง แล้วแอบร้องไห้น่ะสิ ที่จริงเจ้าหมาในวันใบไม้ผลิ อยากจะปลดเชือกที่ล่ามไว้ แล้วไปวิ่งเล่นในทุ่งกว้างของฤดูใบไม้ผลิ แต่เพราะว่ามันทำแบบนั้นไม่ได้ เลยร้องไห้อย่างเศร้าสร้อยทุกคืน วันหนึ่ง หัวใจกระซิบถามเจ้าหมาในวันใบไม้ผลิว่า “นี่ ทำไมนายไม่ปลดเชือกที่ล่ามไว้แล้วหนีไปซะล่ะ ?” เจ้าหมาในวันใบไม้ผลิตอบ “ฉันโดนผูกมานานมาก เลยลืมวิธีปลดเชือกไปแล้ว !”

หลังเล่าจบ มุนคังแทก็ลูบหัวโกมุนยอง พร้อมกับบอกเธอว่า เก่งมากที่ช่วยปลดเชือกให้คนไข้คนนั้น

ขากลับ โกมุนยองเดินผ่านโกแดฮวาน พ่อของเธอซึ่งนั่งอยู่คนเดียว เขาพูดว่าเธอจะเป็นเหมือนแม่ และไม่มีทางหนีพ้น เธอเถียงว่าไม่เหมือนและเดินจากไป

เมื่อกลับถึงปราสาท โกมุนยองหยิบกรรไกรขึ้นมาตัดผมตัวเอง และเดินลงบันไดมาหามุนคังแทที่เพิ่งกลับมาถึง เธอพูดด้วยรอยยิ้มในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนว่า ตอนนี้ตัดเชือกทิ้งแล้ว แล้วมุนคังแทก็หัวเราะผมของเธอที่แหว่งจนดูตลก

จากนั้นมุนคังแทก็ช่วยแต่งผมให้ใหม่ โกมุนยองยืนดูตัวเองที่หน้ากระจกกับทรงผมใหม่และถามขึ้นมาว่า เธอสวยไหม ? มุนคังแทตอบด้วยรอยยิ้มแบบเปี่ยมสุข “สวยมาก” …

EP.8 : โฉมงามกับเจ้าชายอสูร

โกมุนยองบอกมุนคังแทว่าเหตุที่ตัดผม เพราะต้องการตัดขาดจากแม่ออกไปจากใจ ต่อไปนี้เธอจะเป็นอิสระ

มุนคังแทสังเกตเห็นความเปลี่ยนไปของโกมุนยองอย่างชัดเจน โดยเฉพาะรอยยิ้มที่แสดงออกถึงความสุข ซึ่งมันก็ทำให้เขาเผลอยิ้มออกมาด้วยยิ้มที่เปี่ยมสุขด้วยเช่นกัน

หากแต่ว่า พี่ซังแทกับไม่ชอบนักเขียนโกมุนยองในลุคผมสั้น เขาบอกว่าผมเธอทั้งยาว ทั้งสลวย การวิจารณ์ของพี่ซังแททำให้โกมุนยองโกรธมาก เมื่อเห็นท่าไม่ดี ด้วยกลัวว่าทั้งคู่จะทะเลาะกัน มุนคังแทจึงขอร้องให้โกมุนยองอย่างทะเลาะกับพี่ซังแท

ยูซึงแจสืบประวัติของนัมจูรีตามคำสั่งของประธานอี เมื่อมีข้อมูล ประธานอีจึงเดินหน้าจีบนัมจูรี พยาบาลสาวที่เขาปิ๊งตั้งแต่แรกเห็น โดยการเข้าทางแม่ และใช้วิธีไปขอเช่าบ้านของแม่นัมจูรี

ระหว่างเหตุการณ์ที่ พี่ซังแท, มุนคังแท และ โกมุนยอง กินจัมปงอยู่ ทำให้เราได้เห็นรอยร้าวที่เริ่มเกิดขึ้นในความสัมพันธ์ของพี่ซังแทกับโกมุนยอง ทั้งคู่ต้องการตัวมุนคังแท และไม่ต้องการให้อีกฝ่ายแย่งเขาไปเป็นของตัวเอง

โกมุนยองไปร้านกาแฟกับมุนคังแท จังหวะนั้นนักเขียนสาวเกิดเห็นบางสิ่งที่เธออยากได้ขึ้นมา เธอมองผู้ชายที่นั่งโต๊ะใกล้ ๆ (ชเวแดเนียล) อย่างไม่ละสายตา พร้อมเอ่ยปากออกมาว่า “อยากได้” สักพักผู้ชายคนนั้นก็เดินมาหาโกมุนยอง และบอกว่าเขาเป็นแฟนคลับ ด้วยความที่นักเขียนสาวให้ความสนิทสนมกับชายคนนั้น ขนาดให้กอดเอว ความหึงในตัวมุนคังแทก็ระเบิดฟุ้งออกมาทันที … หากแต่แท้ที่จริงแล้ว โกมุนยองอยากได้ปากกาของชายคนนั้น และเธอได้แอบขโมยมันมา แต่มุนคังแทไม่รู้

ผอ. โรงพยาบาล มีบางอย่างจะขอให้มุนคังแทช่วย เขาเลยได้ทียื่นข้อเสนอแลกกับการให้ โกมุนยองได้กลับมาสอนในคลาสเล่านิทาน

หลังโกมุนยองกลับมาที่ปราสาทต้องคำสาป เธอเกิดอาการเบื่อ จึงเดินไปหาพี่ซังแทโดยในมือก็ถือตุ๊กตาไล่ฝันร้ายที่มุนคังแทให้เอาไปด้วย เมื่อพี่ซังแทเห็นก็เกิดการแย่งกัน ต่างคนต่างคิดว่าตุ๊กตาไล่ฝันร้ายเป็นของตัวเอง ทั้งสองแย่งกันทำตุ๊กตาหัวขาดออกจากลำตัว ความรุนแรงเริ่มมากขึ้น ถึงขั้นตบตี …

ทันใดนั้น มุนคังแทก็กลับมาพอดี เขาตะโกนให้หยุดทะเลาะกัน และพยายามเข้าไปเคลียร์ เพราะแท้จริงมันเป็นความผิดเขาเองที่ไม่ขออนุญาตพี่ซังแท ก่อนที่จะเอาตุ๊กตามาให้โกมุนยอง หลังจากนั้น เขาก็เย็บต่อหัวกับตัวตุ๊กตาแล้วให้โกมุนยองกำไว้ในมือขณะที่เธอหลับบนโซฟา

โกมุนยองเล่านิทาน โฉมงามกับเจ้าชายอสูร ให้คนไข้ในคลาสฟัง …

อสูรที่โดนสาปและใช้ชีวิตตามลำพังอยู่ในปราสาท พาสาวงามเบลล์เข้ามาอยู่ในฐานะเชลย และเลี้ยงดูเพื่อให้เธอเชื่อง อสูรมีนิสัยเห็นแก่ตัวและก้าวร้าว นาน ๆ ทีถึงจะมีน้ำใจและรอยยิ้มสักครั้ง แต่สาวเบลล์ก็ยังประทับใจในตัวเขา และคิดไปเองว่า เธอจะต้องโอบกอดอสูรด้วยความรัก เพื่อจะเปลี่ยนแปลงเขาให้เป็นเจ้าชายได้ …

จังหวะนั้น มีคนไข้หญืงคนหนึ่งในคลาสแย้งขึ้นมาว่า มันไม่ใช่เรื่องชั้นต่ำที่จะเลี้ยงใครให้เชื่องได้ แต่มันคือ ความรักแท้ของสาวเบลล์ที่จะลดความดุร้ายของอสูร ปลอบโยนจิตใจที่มีบาดแผล มันคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ที่เรียกว่า ความรัก ! โกมุนยองได้ยินคำว่าความรักแล้วถึงกับอึ้งไปในทันที เธอแฟลชแบ็กภาพที่มุนคังแทกอดและปลอบโยนเธอในคืนที่ฝันร้าย และพึมพำออกมาว่า “ความรัก”

หลังจบคลาส โกมุนยอง ขณะที่นั่งสูบบุหรี่อยู่ ได้เห็นเหตุการณ์ที่แฟนเก่าของคนไข้ในคลาสเธอตามมาง้อ และเมื่อหญิงสาวไม่รับคำง้อเขาจึงโกรธใส่ ทำท่าจะลงมือทำร้าย ทันใดนั้น กระป๋องกาแฟจากมือโกมุนยองก็ถูกปาใส่เข้ากบาลของหนุ่มเลือดร้อนอย่างเหมาะเหม็ง !

โกมุนยองเดินอาด ๆ มาดแมน ๆ เข้าไปยืนประจันหน้ากับชายเลือดร้อนคนนั้นอย่างไม่เกรงกลัว จนกระทั่งสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ชายหนุ่มตบหน้าโกมุนยองลงไปกองกับพื้น !

แต่อยู่ไปไฉนเลย ก่อนที่ชายหนุ่มจะจัดการโกมุนยองซ้ำสอง มุนคังแทขี่ม้าขาวพุ่งเข้ามาด้วยความโกรธ มันเหมือนกับว่ากำแพงเหล็กของความอดทนที่เขามีได้ถูกทำลายลงไปแล้ว เขาตะบันหมัดเข้าใส่หน้าของชายหนุ่มเลือดร้อนอย่างแรง แต่ก่อนที่เขาจะกระหน่ำหมัดซ้ำ เสียงร้องเตือนให้เขาหยุดก็ดังขึ้นไม่หยุด …

ความโกรธของมุนคังแทค่อย ๆ เบาบางลง สติเริ่มกลับคืนมา เขาจึงเดินไปประคองโกมุนยองให้ลุกขึ้น ขณะที่เขาลูบแก้มของเธอด้วยความเป็นห่วง ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่โกมุนยองทิ้งก้อนหินที่เตรียมเอาไว้ตอบโต้หนุ่มเลือดร้อน

โกมุนยองกำลังครุ่นคิดว่า ทำไมชายที่มีความอดทนเป็นที่หนึ่งจึงได้ระเบิดอารมณ์ออกมาเช่นนี้ ? หรือจะเป็นเพราะความรัก ?

แต่แทนที่จะเสียใจ มุนคังแทกลับดีใจ เมื่อเขาโดนสั่งให้พักงานและงดจ่ายเงินเดือนเป็นการลงโทษ เขาเหมือนได้ปลดปล่อยจากโลกที่เขาต้องอดทนมานาน เขาเดินไปหาโกมุนยองเพื่อทวงสัญญา ที่เธอเคยบอกว่าจะพาหนีเมื่อเขาต้องการ

มุนคังแทยื่นมือไปให้โกมุนยอง และบอกว่าตอนนี้เขาอยากไปเที่ยวเล่นกับเธอ ❤️

EP.9 : พระราชาผู้มีหูเป็นลา

หลังจากมุนคังแทให้โกมุนยองพาเขาไปเที่ยวเล่น เพราะเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต โกมุนยองจึงชวนคังแทไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติเซเรนเกตี ประเทศแทนซาเนีย ทวีปแอฟริกา แต่ทว่ามุนคังแทไม่มีพาสปอร์ต เขาจึงแนะนำให้ไปเกาะเซจูแบบไปเช้าเย็นกลับแทน แต่โกมุนยองต้องการไปพักค้างคืน แต่มุนคังแทบอกว่า หากค้างคืนก็ต้องพาพี่ซังแทไปด้วย ทำให้โกมุนยองหัวร้อนขึ้นมาทันทีเหยียบคันเร่งจมเท้า แล้วเบรกอย่างกระทันหันก่อนรถ VOLVO SUV คันโตจะพุ่งเข้าไปชนโขดหินริมทะเล เมื่อรถจอดนิ่งสนิท เธอก็ไล่มุนคังแทลงจากรถ และทิ้งเขาไว้ที่นั่น ด้านมุนคังแทก็ได้แต่หัวเราะกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

มุนคังแทแวะไปที่ร้านของแจซู เขาบอกกับเพื่อนสนิทว่าอยากไปเที่ยวเซเรนเกติ และฝากให้แจซูช่วยดูแลพี่ซังแทให้ด้วย

เมื่อมุนคังแทกลับมาที่ปราสาทต้องคำสาป จึงคุยกับโกมุนยองเรื่องไปเที่ยว และได้อธิบายว่า การไปเที่ยวสำหรับเขาแค่วันเดียวก็เกินพอแล้ว เป็นการออกนอกลู่นอกทางที่ฝันมาทั้งชีวิต และเขาไม่คิดว่าตัวเองจะบ้าถึงขนาดทนไม่ไหวไปชกหน้าคนอื่นแบบนั้น แต่โกมุนยองแย้งว่าเขาไม่ได้บ้า แต่เรียกว่าเท่ต่างหาก จบประโยคนี้ปุ๊บ มุนคังแทก็สบสายตาโกมุนยอง และในขณะที่ทั้งคู่กำลังจะจูบกันด้วยความเคลิบเคลิ้ม กวางในป่าก็ร้องดังขึ้นมาขัดจังหวะพอดิบพอดี ทำให้เหมือนว่าทั้งคู่จะตื่นขึ้นมาจากพะวัง ทุกอย่างหยุดชะงักทันที

ก่อนมุนคังแทจะออกไปเที่ยว เขาได้บอกให้พี่ซังแทไปรอที่บ้านกับแจซู และจะไปรับตอนดึก ๆ

ผอ. โรงพยาบาลฯ โทร. ให้มุนคังแทไปพบโดยด่วน และได้เล่าถึงข้อสันนิษฐานของตัวเองที่ว่า แม่ของโกมุนยองน่าจะยังไม่ตาย และถ้าเป็นเช่นนั้น อีกไม่นานเธอจะต้องกลับมาหาสามีและลูกของเธอ ผอ. จึงย้ำให้มุนคังแทดูแลโกมุนยองให้ดี ๆ และมุนคังแทก็ถามว่า คนที่ชอบแต่งตัวเวอร์วังอลังการเป็นคนแบบไหน ? ผอ. จึงบอกว่า เป็นการปกป้องตัวเอง เป็นเหมือนอาวุธที่มีไว้เพื่อปกป้องตัวตนที่อ่อนแอ ก็เหมือนกับเสื้อเกราะนั่นเอง

มุนคังแทพาโกมุนยองไปเที่ยวที่สะพานแกว่งอันยาวเหยียด ซึ่งเป็นสะพานที่เชื่อมระหว่างภูเขา 2 ลูกเข้าด้วยกัน โกมุนยองรู้สึกกลัวจึงขอขี่หลังมุนคังแท แต่เขาบอกให้เธอเดินและร้องเพลงไปด้วยเพื่อลดความกลัว แต่กลับกลายเป็นว่า เสียงร้องเพลงของโกมุนยองกลับน่ากลัวยิ่งกว่า 🙂

โมเมนต์ความหวานเริ่มได้ไม่เท่าไร โทรศัพท์ลึกลับก็เข้ามา เป็นคนไข้จากโรงพยาบาลที่โทร. มาขอให้มุนคังแทช่วยจ่ายค่าที่พักให้ ตอนแรกเขาจะไม่ยอมเพราะมันผิดกฎ แต่โกมุนยองไม่รอช้า ก็เดินไปชำระเงินให้เรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งเปิดห้องติดกันสำหรับเธอและมุนคังแทอีกด้วย โดยใช้ข้ออ้างที่ว่า จะได้เฝ้าคนไข้เพื่อกันคนไข้หนี

มุนคังแทโทรหาพี่ซังแท และบอกว่าคืนนี้คงต้องนอนค้างที่นี่ กลับไปนอนด้วยไม่ได้

โกมุนยองเล่าเรื่องเพื่อนสนิทในวัยเด็ก เธอเคยเป็นเพื่อนกับนัมจูรี ตอนนั้นจูรีถูกเพื่อน ๆ บูลลี่ ในขณะที่ไม่มีใครกล้ายุ่งเพราะกลัวเธอ นัมจูรีจึงขอเป็นเพื่อนกับเธอ แต่ตัวเธอต้องการให้นัมจูรีมีเธอเป็นเพื่อนเพียงคนเดียว จึงบอกให้คนอื่น ๆ ห้ามมายุ่งกับนัมจูรี มันทำให้นัมจูรีรู้สึกหวาดกลัว และความเป็นเพื่อนของทั้งสองก็ยุติลงนับแต่นั้น

พี่ซังแทนั่งวาดรูปทั้งคืนจนหลับคาโต๊ะ เมื่อตื่นมาในตอนเช้า และโทร. หาน้อง แต่กลับไม่สามารถติดต่อได้

มุนคังแทนำดอกไม้เหมือนกับที่เขาเคยให้โกมุนยองในตอนเด็กมาให้ และบอกว่าห้ามเหยียบทิ้งอีก มุนยองเอ่ยปากว่าดอกไม้สวย ด้านมุนคังแทก็บอกว่าเธอก็สวยเช่นกัน ทันใดนั้น สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น มุนคังแทโน้มตัวไปจูบเธอ และนึกภาพเด็กหญิงโกมุนยองตัวน้อยกำลังยิ้มอย่างมีความสุขขณะที่ถือช่อดอกไม้ของเขาอยู่ในมือ

มุนคังแทและโกมุนยองพาคนไข้มาส่งที่โรงพยาบาล ผู้ดูแลโอชายงเกิดไปได้ยินคนไข้ที่มุนคังแทพามาส่งเม้าท์ว่า นักเขียนโกมุนยองกับมุนคังแทพักที่โฮมสเตย์ด้วยกัน และอีกไม่นานทั้งคู่ก็จะแต่งงานกัน โอชายงจึงทำหน้าที่เป็นลำโพงไปกระจายข่าวนี้ให้พวกหมอและพยาบาลได้รู้ แล้วเรื่องก็ถึงหูพี่ซังแทจนได้ !

มุนคังแทไปหาพี่ซังแทซึ่งกำลังวาดรูปผนังบริเวณทางเดินของโรงพยาบาล มุนคังแทอ้างพี่ซังแทว่าที่ติดต่อไม่ได้เพราะแบตโทรศัพท์หมด และโกหกพี่ซังแทว่าไปกรุงโซลคนเดียว แต่ดูเหมือนว่าพี่ซังแทจะรู้ความจริง …

พี่ซังแทร้องโวยวายออกมาว่ามุนคังแทโกหก และถามด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความโกรธว่าระหว่างเขากับนักเขียนโกมุนยอง มุนคังแทชอบใครมากกว่ากัน มุนคังแทอึกอักและเลือกตอบว่าชอบพี่มากกว่า แต่พี่ซังแทไม่เชื่อและหาว่ามุนคังแทเป็นคนโกหกหลอกลวง พร้อมทั้งสาดน้ำล้างพู่กันใส่เต็มหน้ามุนคังแท

มุนคังแทพยายามขอโทษและบอกว่าเขาจะไม่ทำอีก พี่ซังแทจึงย้ำคำพูดของมุนคังแทตอนเด็กว่า “คนอย่างพี่ ตายซะได้ก็ดี” และย้อนเหตุการณ์ในวัยเด็กที่พี่ซังแทตกน้ำ แต่มุนคังแททิ้งไว้โดยไม่ช่วย และกะว่าจะปล่อยให้พี่ตายไปจริง ๆ ด้านโกมุนยองที่ยืนดูเหตุการณ์มาตลอด ทั้งยังเป็นคนที่อยู่ในเหตุการณ์ในวัยเด็กนั้นด้วย ถึงกับยืนน้ำตาไหล

จากนั้นพี่ซังแทก็ตะโกนออกมาซ้ำแล้วซ้ำอีกให้ทุกคนได้รู้ว่า “น้องชายพยายามฆ่าพี่ตัวเอง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ” มุนคังแทถึงกับช็อกไปในทันที พร้อมกับร้องไห้น้ำตาไหลหรากอย่างกับเด็ก ๆ และบ่นพึมพำในลำคอว่า “ไม่จริง ๆ ๆ” …

EP.10 : สาวน้อยเด็กเลี้ยงแกะ

หลังพี่ซังแทสติแตก ตะโกนลั่นโรงพยาบาลว่า “น้องชายพยายามฆ่าพี่ชายตัวเอง” ผอ. จึงสั่งให้ยาระงับประสาทเพื่อสงบสติอารมณ์และให้นอนพักอยู่ที่โรงพยาบาล

มุนคังแทเดินไปตามถนนแบบไร้จุดหมายโดยมีโกมุนยองเดินตามมาไม่ห่าง แล้วจู่ ๆ เขาก็บอกโกมุนยองไม่ต้องตามเขาอีก ด้านโกมุนยองพยายามที่จะบอกว่าเหตุการณ์ที่ธารน้ำแข็งมันเป็นอุบัติเหตุ และถึงแม้เขาจะเดินหนีไปในตอนแรก แต่สุดท้ายเขาก็กลับไปช่วยพี่ซังแท แต่ดูเหมือนว่ามุนคังแทจะเป็นคนเดียวที่รู้ว่าในใจตัวเองตอนนั้นคิดอย่างไร ซึ่งเขาบอกโกมุนยองไปว่า ตอนนั้นเขาอยากจะให้พี่ซังแทตายไปจริง ๆ แถมยังมาย้อนโกมุนยองอีกว่า “วันนั้นที่แม่น้ำ ช่วยฉันไว้ทำไม น่าจะปล่อยให้ตายไปซะ ถ้าฉันตายไปตั้งแต่ตอนนั้น ก็ไม่ต้องมามีชีวิตแบบนี้หรอก” ก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้โกมุนยองยืนน้ำตาไหลพรากไม่หยุดอยู่คนเดียว

หลังจากนั้น เมื่อเวลาช่วยให้หลาย ๆ อย่างคลี่คลายขึ้น ผอ. จึงให้มุนคังแทกลับมาทำงานที่โรงพยาบาลตามเดิม หลังจากสั่งให้พักงานไปเพียงไม่กี่วัน โดยให้เหตุผลว่าญาติคนไข้ที่มุนคังแทต่อยหน้าตัดสินใจที่จะไม่ฟ้องแล้ว

โกมุนยองมาหามุนคังแทที่โรงพยาบาล เพื่อเอากางแกงชั้นในไปให้ เพราะเห็นว่าเขาไม่ได้กลับบ้านมาหลายวัน ก่อนที่ทั้งคู่จะไปคุยกันที่ริมชายหาด และดูเหมือนว่ามุนคังแทจะพยายามบอกให้โกมุนยองเลิกยุ่งกับเขา เพราะเขาต้องอยู่กับพี่ซังแท เรื่องที่ผ่าน ๆ มาเป็นเพียงแค่เขาอยากทำตามในสิ่งที่เขาฝันไว้ก็เท่านั้น และสุดท้ายเขาก็เปรียบเธอเป็นเหมือนดอกไม้ไฟ ซึ่งเป็นเพียงกิจกรรมชั่วคราวเท่านั้น เมื่อเล่นสนุกพอแล้ว ก็สมควรจะหายวับไป มุนคังแทเดินจากไป โกมุนยองได้แต่ยืนร้องไห้อยู่ตรงนั้น พร้อมตะโกนไล่หลังไปว่า เธอไม่ใช่ดอกไม้ไฟแต่เป็นระเบิดที่เมื่อระเบิดแล้วจะไม่หายไป และจะฆ่าทุกคนให้หมด

หัวหน้าพยาบาลเอาตุ๊กตาไดโนเสาร์โดลี่ไปให้พี่ซังแท ทำให้อารมณ์ของพี่ซังแทผ่อนคลายลงไปมาก จนสามารถกลับบ้านได้

ระหว่างนั้น มุนคังแทได้ไหว้วานให้นัมจูรีไปเอาข้าวของพี่ซังแทที่ปราสาทต้องคำสาป …

นัมจูรีไปที่ปราสาทต้องคำสาปเพื่อไปเอาของตามที่มุนคังแทไหว้วาน ก่อนกลับนัมจูรีและโกมุนยองนั่งดื่มไวน์ด้วยกัน แต่ดูท่านัมจูรีจะชอบดื่มไวน์มาก ดื่มไม่หยุดจนเมา และก็เปลี่ยนนิสัยจากคนเรียบร้อยกลายเป็นคนปากร้ายขึ้นมาทันที เธอด่าว่าโกมุนยองชุดใหญ่ พร้อมทั้งตบโกมุนยองจนหน้าหันไปหนึ่งฉาด ก่อนที่ตัวเองจะล้มพับไป แต่ไม่ใช่เพราะฝีมือโกมุนยอง แต่เพราะเมาจนสลบเหมือดไปนั่นเอง …

มุนคังแทกลับมาที่บ้าน เมื่อมาถึง พี่ซังแทก็หลบเข้าไปอยู่ตู้เสื้อผ้า ด้านมุนคังแทที่อยู่ในสภาวะกดดันด้วยความรู้สึกผิด เขาได้ปล่อยโฮออกมาชุดใหญ่พร้อมกับเอ่ยปากขอโทษไม่หยุด จนพี่ซังแทยอมยกโทษให้

นัมจูรีตื่นขึ้นมาพร้อมกับท่าทางกังวลถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ว่าเธอทำอะไรหลุดโลกน่าอายไปบ้างหรือเปล่า จนได้รู้ว่าเมื่อคืนเธอได้ตะโกนด่ามุนคังแทไปชุดใหญ่เช่นกัน

ที่โรงพยาบาล ดูเหมือนจะมีความจริงบางอย่างเริ่มปรากฏออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนมากขึ้น นั่นก็คือ ความลับเกี่ยวกับแม่ของโกมุนยองที่หายสาบสูญ และผอ. วิเคราะห์ออกมาได้ว่า มีความเป็นไปได้สูงที่คนไข้หญิงพัคอ๊กนันจะเป็นโดฮีแจ แม่ของโกมุนยอง !

โกมุนยองมานั่งรอที่บันไดหน้าบ้านนัมจูรี เมื่อแม่ของนัมจูรีกลับมาก็แปลกใจที่เห็นโกมุนยอง ว่าที่จริงโกมุนยองเหงาและว้าเหว่มาก จึงอ้างว่าจะมากินข้าวตามที่แม่นัมจูรีเคยชวนไว้

หลังกินเสร็จ โกมุนยองก็เดินขึ้นไปหาพี่ซังแท และคืนตุ๊กตามังแท (ตุ๊กตาไล่ฝันร้าย) ให้เพื่อแลกเปลี่ยนกับการกลับมาเป็นคู่หูกันเหมือนเดิม แต่พี่ซังแทไม่เชื่อและหาว่าโกหก หลอกลวง เป็นคนไม่ดี เพราะคู่หูต้องไม่มีความลับต่อกัน การโกหกว่าไปเที่ยวเล่นคนเดียว แต่ที่จริงไปกันสองคนเป็นเรื่องไม่ดี โกมุนยองจึงได้เล่านิทานเรื่องเด็กเลี้ยงแกะให้ฟัง …

เด็กเลี้ยงแกะที่เปิดปากพูดออกมาเมื่อไร ก็จะพูดแต่เรื่องโกหก และหลอกคนทั้งหมู่บ้านว่ามีหมาป่าตัวใหญ่มาปรากฏตัว เหตุผลก็เพราะเหงา แต่เมื่อหมาป่ามาจริง ๆ จึงไม่ใครช่วยเด็กเลี้ยงแกะ ตอนนั้นถ้ามีใครสักคนเชื่อเขาและรีบมาช่วย เขาก็คงไม่ตาย

โกมุนยองกลับไปปราสาทอย่างโดดเดี่ยว …

ระหว่างนั้น เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นที่โรงพยาบาล คนไข้หญิงพัคอ๊กนันหนีออกจากโรงพยาบาล ตอนนี้มุนคังแทเริ่มต่อจิ๊กซอเรื่องราว ทำให้เขาได้มั่นใจว่า พัคอ๊กนันคือแม่ของโกมุนยอง และที่เธอเลือกที่จะหนีไปวันนี้ก็เพราะ วันนี้เป็นวันเกิดของโกมุนยอง เมื่อคิดได้เช่นนั้น เขารู้ได้ทันทีว่า เหตุร้ายน่าจะเกิดขึ้นกับโกมุนยอง เขาจึงรีบบึ่งรถไปหาโกมุนยองที่ปราสาทโดยทันที

ที่ปราสาทต้องคำสาป โกมุนยองได้ยินเสียงบางอย่าง จึงเดินไปเปิดประตู และเห็นพัคอ๊กนันยืนร้องเพลงวันเกิดให้เธอ “แฮปปี้เบิร์ธเดย์ทูยู” …

EP.11 : ลูกเป็ดขี้เหร่

คนไข้พัคอ๊กนันเดินเข้าไปที่ห้องหนังสือของโกมุนยอง เธอจะหยิบช่อดอกไม้แห้งของมุนคังแททิ้ง แต่โกมุนยองห้ามเอาไว้ พัคอ๊กนันจึงหยิบปากกาของโกมุนยองขึ้นมาเล่นแล้วเล่าว่า วันนี้ โกแดฮวาน พ่อของโกมุนยองทำร้ายเธอ เธอจึงมาปลอบใจและอวยพรวันเกิดโกมุนยอง คนไข้พัคอ๊กนันเล่าต่อว่าเธอเป็นแฟนหนังสือของนักเขียนแม่ของโกมุนยอง ทันใดนั้นโกมุนยองก็เข้าไปแย่งปากกาและกำปากกาเอาไว้แน่น แต่พัคอ๊กนันไม่ยอมปล่อยและเมื่อดึงกลับทำให้บาดมือโกมุนยองจนเลือดไหลออกมาเป็นทาง

มุนคังแทมาถึงและเห็นเลือด จึงรีบเข้าไปกอดโกมุนยอง และเมื่อมุนคังแทรู้ว่าพัคอ๊กนันได้หนีไปแล้ว เขาก็จะรีบไปตามหา แต่โกมุนยองพูดออกมาอย่างอารมณ์คนน้อยใจว่า มาตามหาคนไข้ไม่ใช่มาเพราะคิดถึงเธอ และเธอก็คงไม่มีความสำคัญอะไร โกมุนยองเดินกลับเข้าห้องนอนไปด้วยความน้อยใจ

มุนคังแทตามมาทำแผลที่มือให้ แต่โกมุนยองบอกว่าเธอไม่เจ็บแผลเท่ากับคำพูดที่เขาพูดกับเธอเมื่อวันก่อน และก็ต่อว่าเขาด้วยอารมณ์โกรธที่ไม่ให้ความสำคัญในวันเกิดของเธอ มุนคังแทขอให้เธอนับ 1 ถึง 3 เพื่อควบคุมสติ “หนึ่ง สอง สาม” ตัวมุนคังแทก็นับอยู่ในใจเช่นเดียวกัน และเมื่อทั้งสองนับถึงสาม พวกเขาทั้งคู่ก็จูบกันอย่างหวานซึ้ง หลังจากนั้นมุนคังแทก็อวยพรวันเกิดและบอกว่า เขาคิดถึงเธอ คำพูดแค่ประโยคเดียวสั้น ๆ ก็ทำเอาโกมุนยองถึงกับเขินอายจนหน้าแดง ด้านมุนคังแทก็หน้าแดงตัวแดงเช่นเดียวกัน แต่เพราะว่าเขาเป็นไข้ 😚

โกมุนยองเช็ดตัวให้มุนคังแทที่ไข้ขึ้นสูง จังหวะนั้นเขาดึงเธอเข้ามานอนในอ้อมแขน เขาบอกว่ารู้สึกดีที่ป่วยและมีคนดูแลอยู่ข้าง ๆ ทั้งสองนอนกอดกันอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งหลับไป

เช้าอีกวัน มุนคังแทได้เล่าเรื่องพี่ซังแทให้โกมุนยองฟังว่า พี่ซังแทมีแผลในใจ เพราะตอนที่แม่ถูกฆาตกรรมพี่ซังแทเป็นคนเดียวที่เห็นเหตุการณ์ เจ้าฆาตกรติดเข็มกลัดผีเสื้อ และเจ้าฆาตกรยังบอกด้วยว่า ถ้าพี่ซังแทเอาเรื่องนี้ไปบอกคนอื่นมันจะตามมาฆ่าเขาด้วย จากนั้นมาทำให้พี่ซังแทกลัวผีเสื้อ และก็ต้องย้ายบ้านไปเรื่อย ๆ เพราะเมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิที่มีผีเสื้อ พี่ซังแทก็จะฝันถึงคืนที่แม่ถูกฆ่า นี่เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้มุนคังแทบอกกับโกมุนยองว่า เขาจำเป็นต้องอยู่ดูแลพี่ชาย ในขณะที่เขาก็รักเธอเช่นกัน โกมุนยองเมื่อได้รับฟังเรื่องราวเช่นนั้นก็เผยให้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้า

มุนคังแทขับรถไปทำงานด้วยความสุขอันเต็มเปี่ยมหัวใจ … ที่โรงพยาบาลจิตเวชรื่นรมย์ คนไข้คนหนึ่งเล่าให้ผอ. ฟังว่า พัคอ๊กนันเคยเป็นนักแสดงตัวประกอบที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก ก่อนหน้านี้เธอทำศัลยกรรมมาหลายครั้ง และช่วงหลัง ๆ พัคอ๊กนันเริ่มทำตัวแปลก ๆ ชอบซ้อมการแสดงเพราะคิดว่าตัวเองยังเป็นนักแสดงอยู่

มุนคังแทไปเจอกระดาษโน้ตของพัคอ๊กนัน ซึ่งตัวหนังสือที่เขียนเอาไว้ถูกขีดฆ่า เขาจึงนำกระดาษโน้ตไปส่องแดดเพื่อค้นหาข้อความที่เขียนเอาไว้ …

มุนคังแทตัดสินใจเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับแม่และพี่ซังแทให้ผอ. ฟัง เพราะเขาต้องการให้ช่วย

โกมุนยองไปที่ร้านแจซู เธอพยายามทำให้พี่ซังแทกลับไปอยู่กับเธอที่ปราสาท โดยอ้างสัญญาการจ้างงานวาดรูป และหยิบรูปรถบ้านพร้อมเล่านิทานเรื่องใหม่ที่จะเขียนให้ฟัง แต่พี่ซังแทไม่สนใจและขอยกเลิกสัญญาจ้างงาน แต่โกมุนยองบอกว่าการยกเลิกฝ่ายเดียวต้องจ่ายค่าปรับหกเท่า และบีบบังคับให้เลือกว่าจะกลับไปทำงานหรือจะเสียค่าปรับ …

โกมุนยองไปหามุนคังแทและเล่าเรื่องพี่ซังแทให้ฟัง แต่มุนคังแทบอกว่าสิ่งที่เธอทำไม่ใช้การโน้มน้าวแต่เป็นการขู่ต่างหาก และได้แนะนำว่า เธอต้องทำตัวให้พี่ซังแทไว้ใจ และเชื่อว่าเธอไม่ได้มาแย่งเขาไปจากพี่ซังแท แต่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว

ที่บ้าน … พี่ซังแทกำลังนับเงินที่เก็บไว้เพื่อจะจ่ายค่าปรับให้โกมุนยอง จังหวะนั้น มุนคังแทจึงชวนคุยเรื่องการ์ตูน และถามว่าทำไมโกกิลดงด่าว่าคนอื่นแต่ก็ยอมให้อยู่ด้วย พี่ซังแทตอบว่าเพราะเป็นผู้ใหญ่ มุนคังแทจึงถามว่าพี่ซังแทเป็นผู้ใหญ่หรือเปล่า เขาก็ตอบกลับไปว่าตัวเองอายุ 35 แม้ว่าจะหน้าเด็กแต่ก็ไม่ใช่เด็กแล้ว มุนคังแทจึงสบช่องบอกว่า พี่เป็นผู้ใหญ่แล้วก็รับคนอื่นมาเป็นคนในครอบครัวได้เหมือนโกกิลดง

ยูซึงแจไปหาโกมุนยองที่ปราสาทตามคำขอของมุนคังแทที่ให้เธอมาอยู่เป็นเพื่อน โกมุนยองในตอนนี้มีท่าทีที่เปลี่ยนไปมาก เธอยิ้มและต้อนรับยูซึงแจ ทั้งสองได้คุยกัน ตอนหนึ่งโกมุนยองถามความเห็นว่า คิดอย่างไรที่พัคอ๊กนันเป็นแฟนคลับของแม่เธอ แต่กลับมาอวยพรวันเกิดให้เธอ ยูซึงแจบอกว่าไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะแฟนคลับส่วนมากจะสนใจข้อมูลทุกอย่างรวมถึงคนในครอบครัวของคนที่ตนเองชื่นชอบ

พี่ซังแทมาเอาค่าจ้างในการวาดภาพกับผอ. แต่กลับถูกปฏิเสธ ผอ. บอกว่าถ้าไม่วาดรูปผีเสื้อจะถือว่างานยังไม่เสร็จ พี่ซังแทถึงกับอารมณ์เสียเก็บอุปกรณ์การวาดภาพทั้งหมด และไปนั่งบ่นพึมพำอยู่ข้างเล้าไก่ และบอกกับน้องชายของตัวเองว่าจะไม่ยอมวาดรูปผีเสื้อเด็ดขาด

เมื่อกลับถึงบ้าน คังแทจึงถามว่าทำไมถึงไม่วาดรูปที่โรงพยาบาลต่อให้เสร็จ พี่ซังแทจึงบอกว่า ผอ. เป็นนักต้มตุ๋น ไม่จ่ายค่าวาดรูป แต่ดูเหมือนว่า มุนคังแทในตอนนี้จะไม่ใช่มุนคังแทคนเดิมแล้ว เมื่อถูกพี่ซังแทกัดแขน เขาจึงตีพี่คนบ้าง และระบายอารมณ์ออกมาว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาเป็นฝ่ายอดทนยอมให้พี่ทำร้ายมาตลอด พี่ซังแทก็ไม่ยอม ทั้งคู่จึงตีกัน (เป็นครั้งแรกในชีวิต)

หลังจากนั้น มุนคังแทบอกกับแจซูว่าเขารู้สึกโล่งใจที่ได้ตีกับพี่ซังแท เพราะมันเป็นหนึ่งในสิ่งที่เขาอยากทำตลอดทั้งชีวิต

มุนคังแทรับโกมุนยองออกไปกินอาหาร … มุนคังแทเล่าว่าเขาตีกับพี่ซังแท ตอนนี้เขาทำความฝันสำเร็จไปแล้ว 2 อย่าง เหลืออีกอย่างหนึ่งคือการใส่ชุดนักเรียนและได้ไปโรงเรียน 😲

ในความฝัน … มุนคังแทฝันว่าตัวเองเป็นเด็กนักเรียนมัธยม และชอบสาวคนหนึ่ง ซึ่งก็คือโกมุนยองที่แต่งตัวในชุดนักเรียน ขณะที่เดินตามตื๊อเธอพี่ซังแทก็วิ่งมาขัดจังหวะ จากนั้นพี่ก็ตะโกนเรียกโกมุนยอง เมื่อเธอเดินกลับมา ยังไม่ทันที่มุนคังแทจะแนะนำตัว โกมุนยองก็พูดขึ้นมาว่าเคยเห็นเขาแล้วที่โรงเรียน มุนคังแทนอนอมยิ้มฟินหนักมากถึงขั้นละเมอออกมา พี่ซังแทลุกขึ้นมาดูโปสเตอร์รูปใบหน้าของคนแต่ละอารมณ์ จากนั้นเขาก็หันไปมองน้องชายตัวเอง และพูดขึ้นมาว่าเพิ่งเห็นมุนคังแทมีความสุขเป็นครั้งแรกในชีวิต

ที่ปราสาท … โกมุนยองหยิบภาพถ่ายครอบครัวขึ้นมาดู ซึ่งในภาพนั้นมีเพียงเธอกับพ่อ ส่วนภาพของแม่นั้นถูกฉีกหายไป

พี่ซังแทนั่งมองกล่องเก็บเงินและโทรหามุนคังแท เพื่อนัดไปกินข้าวที่ตอน 6 โมงเย็น ด้านมุนคังแทก็แปลกใจเพราะพี่ซังแทไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน เมื่อโกมุนยองรู้เธอจึงตามไปและนั่งอีกโต๊ะหนึ่งใกล้ ๆ พี่ซังแทเอาใจน้องด้วยการหั่นอาหารให้ เมื่อเห็นน้องกินหมดแล้ว ก็ตักชิ้นสุดท้ายของตัวเองให้น้องกิน เมื่อนำเงินในกล่องออกมาชำระค่าอาหารแล้ว เขายังแบ่งส่วนหนึ่งให้น้องและบอกว่าเป็นค่าขนม พร้อมบอกว่าให้ใช้อย่างประหยัด และหากไม่พอให้บอกพี่ มุนคังแทยิ้มรับทั้งน้ำตา

เมื่อพี่ซังแทเดินผ่านโต๊ะโกมุนยอง เธอจึงยื่นบิลและบอกให้เขาเลี้ยงเธอด้วย แต่พี่ซังแทไม่สนใจ โกมุนยองวิ่งตามพี่ซังแทออกไป และจับแขนเขาเพื่อขอค่าขนมบ้างและบอกว่าเธอเป็นเด็กกำพร้า พี่ซังแทสะบัดแขนของเธออกและชวนมุนคังแทกลับบ้าน โกมุนยองจึงตะโกนออกมาว่าเธอก็ต้องการมีพี่ชายแบบเขาเช่นกัน พี่ซังแทจึงหันกลับมาและเรียกมุนคังแทและโกมุนยองให้กลับบ้านพร้อมกัน ทั้งสองคนจึงรีบวิ่งมาเกาะแขนพี่ซังแทและเดินไปพร้อม ๆ กัน

จากนั้นทั้ง 3 ก็กลับมาอยู่ที่ปราสาทตามเดิม แต่ …

ในคืนนั้นเอง ผู้หญิงลึกลับทาปากสีแดงสด ได้หยิบเข็มกลัดรูปผีเสื้อจากโต๊ะเครื่องแป้งที่อยู่ภายในห้องหนึ่งในปราสาทออกมา และแสงได้พาดผ่านทำให้เห็นเงาผีเสื้อตามห้องต่าง ๆ ในขณะที่ทุกคนกำลังหลับ และไปหยุดอยู่ที่เตียงของมุนคังแท !

EP.12 : โรมีโอแอนด์จูเลียต

3 คนใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข แม้พี่ซังแทกับโกมุนยองจะชอบเถียงกันบ่อย ๆ เพราะทั้งคู่มีนิสัยที่มีความดื้อและไม่ค่อยยอมคนเหมือน ๆ กัน แต่ก็เป็นการทะเลาะกันตามประสา ไม่ได้รุนแรงอะไร

ที่โรงพยาบาล … ผอ. ยืนยิ้ม เมื่อได้เห็นมุนซังแทกำลังเดินมา เมื่อซังแทมาหาผอ. ที่ห้อง ผอ. จึงอธิบายว่า เขาอยากให้ซังแทเลิกหนีผีเสื้อ เพราะเมื่อไรก็ตามที่พี่หนี น้องก็พลอยลำบากต้องหนีตามไปด้วย จากนั้นผอ. ก็เลยพยายามสอนว่า ผีเสื้อในภาษากรีกโบราณเรียกว่า ไซคี ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของการรักษา และเปรียบเทียบว่าในโลกนี้มีผีเสื้อดี ๆ มากกว่าผีเสื้อที่น่ากลัวมากมายนัก คำพูดของผอ. ทำให้ซังแทเก็บเอามาคิด

ด้านนัมจูรีดูเหมือนเธอจะเริ่มมีใจให้กับประธานอีมากขึ้นเรื่อย ๆ พอรู้ว่าประธานอีกลับบ้านเพื่อจะไปดูตัวเจ้าสาว เธอก็เก็บเอามาคิด งานนี้ประธานอีวางแผนใช้ให้ยูซึงแจเข้ามาช่วยกระตุ้น โดยแกล้งทำเป็นคุยเรื่องงานกับประธานอีทางโทรศัพท์ให้นัมจูรีได้ยิน ทำให้จากนัมจูรีอดคิดเรื่องที่ประธานอีไปดูตัวเจ้าสาวไม่ได้

ที่ปราสาท … โกมุนยองยั่วมุนคังแทให้ไปที่ห้องนอนของเธอ ซึ่งได้จัดเตรียมไวน์เอาไว้เป็นจำนวนมาก ว่าที่จริงเธอคิดจะมอมมุนคังแท แต่พอเอาเข้าจริง ตัวเธอกลับเป็นฝ่ายที่เมาไม่เป็นท่า จนมุนคังแทต้องเป็นฝ่ายที่อุ้มเธอไปนอนบนเตียง ก่อนที่จะจุ๊บอย่างแผ่วเบาพร้อมกับบอกฝันดี และเดินออกมา

มุนคังแทมาที่ห้องหนังสือ ซึ่งเป็นห้องทำงานของโกมุนยองและพี่ซังแท เพื่อจัดวางอุปกรณ์เครื่องเขียนต่าง ๆ เตรียมไว้ให้พี่ซังแทสำหรับการทำงาน แต่แล้วเขาก็พบซองจดหมายลึกลับที่คนไข้พัคอ๊กนันทิ้งเอาไว้ ในซองมีซากผีเสื้อที่ตายแล้วพร้อมกระดาษโน้ตที่เขียนว่า “ฉันไปหาเธอแล้ว” สิ่งที่ได้เจอทำให้มุนคังแทเริ่มเป็นกังวล เพราะคนที่ฆ่าแม่ของเขาได้ปรากฏตัวขึ้น ก่อนที่จะขยำผีเสื้อทิ้งด้วยอารมณ์โกรธที่ลุกโชนอยู่ภายใน

ที่โรงพยาบาลจิตเวชรื่นรมย์ … มุนคังแทตรวจดูสิ่งของที่ผิดกฎระเบียบของโรงพยาบาลภายในห้องคนไข้ เมื่อเขาเปิดตู้เก็บของ ๆ โกแดฮวาน (พ่อของโกมุนยอง) เขาเจอรูปครอบครัว ซึ่งเป็นรูปของพ่อแม่และโกมุนยองในวัยเด็ก แต่รูปมีรอยกระจกร้าวบดบังใบหน้าแม่ของโกมุนยอง หากแต่ทำให้เห็นเข็มกลัดรูปผีเสื้อที่ติดอยู่ที่หน้าอกเสื้อ

ผอ. กำลังคุยกับพี่ซังแท และมุนคังแทก็เข้ามา คุยกันได้สักพัก ผอ. ก็ให้พี่ซังแทเล่าถึงความทรงจำอันเลวร้ายเรื่องผีเสื้อ พี่ซังแทต้องรวบรวมความกล้าพักใหญ่ และเล่าออกมาว่า …

ในคืนที่กำลังเดินกลับบ้านกับแม่ เขาได้วิ่งแยกออกมาเพื่อไปไล่ตามแมว พอเดินกลับมาก็เห็นแม่นอนจมกองเลือดอยู่ที่อุโมงค์ โดยฆาตกรเป็นผู้หญิงใช้ปากกาแทงเข้าที่คอของแม่ หลังจากนั้นเธอก็เดินตรงมาหาเขาและพูดว่า ถ้าไปเอาเรื่องที่เห็นไปบอกคนอื่น เธอจะตามมาฆ่าเขาให้ตาย โดยฆาตกรหญิงรายนั้นมีเข็มกลัดรูปผีเสื้อติดอยู่ที่หน้าอก

มุนคังแทถึงกับตกใจ เพราะเขารู้ได้ในทันทีว่า ฆาตกรที่ฆ่าแม่ของเขาแท้จริงแล้วก็คือแม่ของโกมุนยองนั่นเอง เพราะเข็มกลัดรูปผีเสื้อที่พี่ซังแทเล่ามันมีลักษณะตรงกับรูปของแม่ของโกมุนยองทุกประการ มันทำให้เขารู้สึกโมโห อีกทั้งยังเสียใจมากที่ต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ เขาจึงหาทางระบายอารมณ์ด้วยการชกประตูซ้ำแล้วซ้ำอีก !

โกมุนยองมาที่โรงพยาบาล และได้เจอกับพี่ซังแท ทั้งคู่ก็เถียงกันเรื่องความเป็นครอบครัว โกมุนยองเลยบอกว่า การเป็นครอบครัวต้องมีภาพถ่ายร่วมกัน เธอจึงจองสตูดิโอถ่ายภาพครอบครัวเอาไว้ และได้ไปหามุนคังแทเพื่อนัดให้เขาไปถ่ายด้วยกัน แต่ …

สภาพจิตใจของมุนคังแทตอนนี้เหมือนโดนกดดันอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นความโกรธ ความเสียใจ หรือความรู้สึกผิดต่อแม่ ที่ตอนนี้เขารักกับผู้หญิง ที่แม่ของเธอเป็นคนฆ่าแม่ของเขา และรู้สึกผิดต่อพี่ซังแทที่เขาเคยให้สัญญาว่า ถ้าเจอคนที่ฆ่าแม่เขาจะเป็นคนฆ่าคน ๆ นั้นเอง แต่มาตอนนี้ ฆาตกรกลับกลายเป็นแม่ของโกมุนยอง ซึ่งเขาจะทำอย่างที่เขาเคยให้สัญญาเอาไว้กับพี่ซังแทไม่ได้อีกแล้ว สถานะเขาตอนนี้เหมือนกลืนไม่เข้าคลายไม่ออก ได้แต่หวังเพียงอย่างเดียวว่า อย่าให้โกมุนยองและพี่ซังแทมารับรู้เรื่องราวนี้อย่างที่เขาได้รับรู้เลย …

โกมุนยองโดนมุนคังแทตะคอกใส่ และไล่ให้ออกไป ด้านโกมุนยองก็งงว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมอยู่ดี ๆ ถึงได้โกรธ เธอได้แต่นั่งคิดว่าตัวเองทำอะไรผิดไป แต่คิดเท่าไรก็คิดไม่ออก

ด้านพี่ซังแทดูเหมือนจะรู้สึกตื่นเต้นกับการที่จะได้ถ่ายรูปครอบครัวมากเป็นพิเศษ เตรียมชุดสูทสุดเท่ พร้อมกับซ้อมท่าทางการถ่ายรูปออกมาให้ดูเท่ที่สุด

มุนคังแทนั่งอยู่ที่ห้องเล่านิทาน บนกระดานดำมีข้อความเขียนว่า “โรมีโอแอนด์จูเลียต” มันเหมือนกับเขาในตอนนี้ ที่เมื่อลูก ๆ รักกัน แต่ต้องมาเจออุปสรรคที่เกิดจากคนในครอบครัวได้ก่อขึ้น เป็นจังหวะเดียวกับที่ผอ. เดินเข้ามา มุนคังแทจึงเล่าเรื่องที่ว่าแม่ของโกมุนยองคือฆาตกรที่ฆ่าแม่ของเขาให้ฟัง เขาเล่าไปด้วยความเสียใจ น้ำตาไหลของมาไม่หยุด

มุนคังแทกลับมาที่ปราสาท และเดินไปหาโกมุนยองที่กำลังนอนอยู่ภายในห้อง เขาลูบแก้มเธอเบา ๆ และนึกถึงคำพูดของเธอที่พูดถึงแม่ว่า เธอเกลียดบ้านนี้เพราะพ่อก็เป็นบ้าที่นี่ ส่วนแม่ก็มาตายที่นี่ พ่อลากแม่ที่เลือดไหลนองออกจากหัวเอาไปขังไว้ที่ห้องใต้ดิน หลังจากนั้นแม่ก็หายตัวไป เธอไม่รู้ว่าแม่ยังอยู่หรือตายไปแล้ว มีพ่อคนเดียวเท่านั้นที่รู้ และถ้าแม่กลับมา เธอก็คงจะกลัวแม่ แต่ถึงอย่างไรแม่ก็ยังเป็นแม่ของเธออยู่ดี

พี่ซังแทเตรียมตัวออกไปถ่ายรูปครอบครัวกับโกมุนยอง แต่ดูเหมือนมุนคังแทจะยังไม่ยอมตื่น ว่าที่จริงเขากำลังครุ่นคิดถึงเรื่องราวต่าง ๆ สุดท้ายแล้วโกมุนยองจึงชวนพี่ซังแทออกไปถ่ายรูปกันสองคน

เมื่อไปถึงสตูดิโอ โกมุนยองกับพี่ซังแทกำลังจะถ่ายรูป แต่ก่อนที่ข่างภาพจะลั่นชัตเตอร์ มุนคังแทที่มาในมาดสุดเท่ ใส่สูทเซ็ตผมดูหล่อสุด ๆ เดินตรงเข้ามา แล้วถามมุนยองว่า “ยังไม่สายเกินไปใช่ไหม ?” แลัวทั้งสามก็ได้ถ่ายรูปครอบครัวด้วยรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข …

EP.13 : พ่อของ จางฮวา ฮงรยอน

หลังจากถ่ายรูปครอบครัวเรียบร้อยแล้ว ทั้ง 3 คนก็ไปที่ห้องสมุดศิลปะ โกมุนยองเห็นมุนคังแทหยิบหนังสือ เจ้าหมาในวันใบไม้ผลิ ขึ้นมาอ่าน เธอจึงเปรียบเทียบว่าเหมือนเขา จากนั้นมุนคังแทจึงบอกเธอว่าเขาเหนื่อยและเบื่อที่ต้องปกป้องดูแลคนอื่น เพราะเขาเกิดมาเพื่อทำหน้าที่นั้นให้พี่ จึงคิดว่ามันเป็นงานที่จำใจต้องทำ ต่อไปนี้เขาจะเปลี่ยนความคิดเป็นการปกป้องครอบครัวแทน โดยจะไม่ยอมให้ใครแตะต้องครอบครัวของเขาเด็ดขาด เมื่อโกมุนยองถามว่าในครอบครัวมีเธออยู่ด้วยหรือเปล่า มุนคังแทจึงกุมมือเธอและตอบว่า ในเมื่อถ่ายรูปร่วมกันแล้วก็ถือเป็นครอบครัว

แม่ของนัมจูรีนำอาหารเข้ามาให้ประธานอี จากนั้นก็ดื่มด้วยกัน แม่ของนัมจูรีพยายามชี้ช่องในการจีบลูกสาวของเธอให้ประธานอีได้รู้ คือ นัมจูรีต้องเป็นหัวหน้าครอบครัวนับตั้งแต่เสียพ่อไป ทำให้ไม่รู้จักวิธีพึ่งพาคนอื่น ดังนั้น ถ้ามีใครสักคนที่ทำให้เธอรู้สึกเป็นเหมือนพ่อ จะทำให้เธอรู้สึกเปิดใจให้

โกมุนยองนำรูปครอบครัวมาแขวนแทนรูปเก่า และตกแต่งบ้านใหม่เพื่อให้บรรยากาศโปร่งสบายกว่าที่เป็นอยู่ แต่มุนคังแทกลับชวนโกมุนยองไปอยู่ที่อื่น ด้านโกมุนยองเข้าใจว่าถึงเวลาต้องย้ายบ้านเพื่อหนีผีเสื้อ เธอจึงบอกว่าไม่ต้องกลัวเพราะเธอจะเป็นคนฉีกผีเสื้อเหล่านั้นเองกับมือ มุนคังแทจึงบอกว่า ต่อให้ผีเสื้อปรากฏตัวก็ห้ามฆ่าเด็ดขาด จากนั้นโกมุนยองก็เกี่ยวก้อยสัญญา พร้อมกับจูบมุนคังแทไปหนึ่งที เพื่อยืนยันสัญญา ❤️

มุนคังแทนำกระดาษโน้ตที่พัคอ๊กนันวางเอาไว้ไปให้ ผอ. วิเคราะห์ ซึ่งผอ. มีความเห็นว่า ข้อความนั้นน่าจะเป็นโดฮีแจ ผอ. คิดว่า เรื่องแปลก ๆ ที่เกิดขึ้นที่โรงพยาบาลน่าจะเกี่ยวกับเรื่องนี้ และบอกมุนคังแทว่าอย่าไว้ใจใคร รวมทั้งอย่าปล่อยพี่ซังแทอยู่คนเดียว

โกแดฮวานอาการโคม่า หัวหน้าพยาบาลจึงให้มุนคังแทแจ้งโกมุนยอง แต่เมื่อโกมุนยองรู้ข่าวพ่อ เธอก็ไม่สนใจที่จะไปเยี่ยม และเล่านิทานเรื่อง พ่อของจังฮวากับฮงรยอน ให้มุนคังแทฟัง ซึ่งทำให้เธอเกลียดพ่อมาก เพราะต่อให้ลูก ๆ ถูกแม่เลี้ยงรังแกแค่ไหน พ่อก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เธอจึงคิดว่าคนที่ละเลยไม่ใส่ใจ แย่ยิ่งกว่าคนที่ลงมือเสียอีก และสุดท้ายคนที่ลงมือฆ่าจังฮวาและฮงรยอน ก็คือพ่อนั่นเอง

ประธานอีมารอรับนัมจูรีที่ป้ายรถเมล์เนื่องจากเธอเลิกงานดึก และได้ยอมรับว่าโกหกเรื่องไปดูตัวผู้หญิง นัมจูรีจึงถามถึงสเปกผู้หญิงของเขา ประธานอีคิดถึงคำพูดของแม่นัมจูรีและตอบไปว่า สเปกผู้หญิงของเขาเป็นผู้หญิงที่พึ่งพาเขาได้ยามที่เหนื่อยล้า สามารถบ่นได้ทุกเรื่อง เหมือนพ่อกับลูกสาว เมื่อได้ยินเช่นนั้นนัมจูรีจึงว่าเขาเป็นคนโรคจิต

โกมุนยองโทรชวนนัมจูรีมาดื่มเป็นเพื่อนกันที่ปราสาท และดูเหมือนว่า ความสัมพันธ์ของเพื่อนเก่าคู่นี้จะพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้น โกมุนยองเล่าว่าเธอกลัวแม่มาก จึงพยายามเป็นลูกที่เชื่อฟังมาตลอด ตอนนั้นไม่มีใครช่วยเธอเลย นอกจากเด็กชายมุนคังแท เธออยากจะหนีไปกับเขา แต่ว่าแม่มาขวางไว้ พ่อเองก็ปล่อยให้เธอถูกเลี้ยงตามวิธีของแม่ โดยสิ่งเดียวที่พ่อทำให้เธอได้ ก็คือการเล่านิทาน ซึ่งเป็นครั้งเดียวเท่านั้น และความทรงจำครั้งเดียวนั้น มันไม่เคยหายไปจากความทรงจำของเธอเลยจนถึงเดี๋ยวนี้

หัวหน้าพยาบาลเข้ามาดูอาการของโกแดฮวาน เขาจึงเล่าให้เธอฟังว่า เขาทำบาปใหญ่หลวงและไม่ใครที่เขาจะขอให้ยกโทษให้เขาได้เลย จากนั้นหัวหน้าพยาบาลจึงกุมมือของเขาไว้ โกแดฮวานเล่าต่ออีกว่า เขาฆ่าภรรยาตัวเอง เพราะหลังจากที่เธอฆ่าคนอื่นตายเธอก็ยังฮัมเพลงไม่หยุด ตอนนั้นตัวเขาเพิ่งเป็นเนื้องอกในสมองชนิดร้ายแรงได้ไม่นาน

มุนคังแทเข้ามาพอดีจึงฟังเรื่องที่โกแดฮวานเล่าต่อว่า ในคืนนั้น เขาถามภรรยาว่าแม่บ้านหายไปไหน (แม่ของมุนคังแท) และเมื่อรู้ว่าเธอเป็นคนฆ่า เขาจึงรู้สึกเป็นห่วงมุนยองว่าจะกลายเป็นปีศาจเหมือนกับแม่ ซึ่งเธอเอาแต่หัวเราะชอบใจ เขาจึงผลักเธอตกลงมาจากชั้นบนและคิดว่าตายแน่ ๆ ตอนนั้นโกมุนยองเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง และจากนั้นเขาก็นำร่างของภรรยาไปขังไว้ในห้องใต้ดิน ต่อมาก็นำศพของภรรยาใส่กระเป๋าไปโยนทิ้งน้ำ โกมุนยองรู้ทุกอย่างแต่ไม่พูดอะไร โกแดฮวานบอกว่า ที่เขาจะฆ่าโกมุนยองก็เพราะ เขากลัวว่าเธอจะเป็นปีศาจเหมือนกับแม่ ทั้งๆ ที่เธอไม่ได้ผิดอะไรเลย …

โกแดฮวานสิ้นใจในเช้าวันนั้นเอง เมื่อเสร็จพิธีเก็บอัฐิ โกมุนยองมองไปที่อัฐิของพ่อ และนึกถึงนิทานที่พ่อเคยเล่าให้ฟัง “ณ ปราสาทแห่งหนึ่งในป่าลึก เจ้าหญิงผู้เลอโฉมได้ถือกำเนิดขึ้นมา พระราชาจึงจัดงานฉลองและเชิญจอมเวท 12 คนมาร่วมงาน และพ่อบอกว่าได้สร้างปราสาทแห่งนี้ไว้ให้เจ้าหญิงอย่างเธอ ขณะที่ทั้งประเทศกำลังรื่นเริงกับงานฉลองของเจ้าหญิง แม่มดที่กำลังโทสะก็ได้โผล่มาที่งานโดยไม่ได้รับเชิญ เพื่อทำลายงานฉลองของเจ้าหญิง …”

โกมุนยองปรึกษามุนคังแทเรื่องที่ว่าจะขายปราสาทหลังนี้ เพราะเธออยากเริ่มต้นชีวิตใหม่ โดยจะตั้งสำนักพิมพ์ให้ประธานอี และเอาเงินที่เหลือไปซื้อบ้านซื้อรถ และไปเที่ยวเล่นอย่างไร้จุดหมายด้วยกันสามคน มุนคังแทเห็นด้วย และขอให้เธอเลี้ยงเขาไปตลอดชีวิต

เช้านี้เมื่อทั้งสามคนไปถึงโรงพยาบาล และเดินไปดูรูปวาดที่ผนัง เมื่อพี่ซังแทเห็นรูปผีเสื้อซึ่งเขาไม่ได้วาดไว้ จึงเกิดอาการหวาดกลัวและพูดว่า นั่นคือผีเสื้อที่อยู่บนเสื้อของป้าที่ฆ่าแม่ โกมุนยองได้ยินดังนั้นจึงนึกถึงแม่ของตัวเองในชุดสีดำที่ติดเข็มกลัดนี้ และบอกว่ามันมีเพียงตัวเดียวในโลก พี่ซังแทยังคงพูดซ้ำคำเดิม ๆ ว่าผีเสื้อตัวนั้นฆ่าแม่ของเขา ทำให้โกมุนยองตกใจมาก ก่อนที่จะวิ่งหนีออกไป …

ในขณะที่หัวหน้าพยาบาลในชุดสีดำและติดเข็มกลัดผีเสื้อ กำลังขับรถและฮัมเพลงอย่างมีความสุข …

EP.14 : ปลาแองเกลอร์

ในขณะที่โกมุนยองกำลังวิ่งหนีออกไปนั้น มุนคังแทวิ่งตามออกไปและคว้ามือโกมุนยองเอาไว้ โกมุนยองจึงบอกกับมุนคังเทว่า ผีเสื้อบนเข็มกลัดที่เห็นนั้นเป็นของแม่ที่ออกแบบและสั่งทำขึ้นเป็นพิเศษ เธอไม่เข้าใจว่าทำไมผีเสื้อนั้นจึงไปอยู่บนผนังได้ และตอนนี้ เธอขอเวลาเพื่อคิดและอยู่คนเดียวสักพัก

พี่ซังแทเข้าไปแอบอยู่ใต้ซิงค์น้ำ มุนคังแทสัญญาว่าจะหาคนที่มาวาดรูปผีเสื้อบนผนังมาให้ได้ พี่ซังแทยอมออกมา และบอกว่าเขายังกลัวผีเสื้ออยู่ แต่ถ้ามีคนอยู่เคียงข้างเขาจะสามารถเอาชนะได้แน่นอน

ผอ. กับมุนคังแทเช็กกล้องวงจรปิดว่าใครเป็นคนวาดรูปผีเสื้อ และคน ๆ นั้นก็คือ หัวหน้าพยาบาล และหัวหน้าพยาบาลยังหันมายิ้มเยาะให้กับกล้องวงจรปิดอีกด้วย …

ตัดภาพกลับไปตอนที่หัวหน้าพยาบาลพูดกับโกแดฮวานว่า เธอรอคอยเวลานี้มานานกว่า 20 ปี ที่ปล่อยให้โกแดฮวานมีชีวิตอยู่ ก็เพราะอยากเห็นเขาเจ็บปวดและทรมาน สุดท้ายก็ตายอย่างน่าเวทนา สุดท้ายโกแดฮวานขอร้องโดฮีแจ (หัวหน้าพยาบาล) ว่าอย่าทำร้ายโกมุนยองเลย

โกมุนยองกลับไปที่ปราสาท และคิดถึงคำพูดที่แม่พูดกับเธอ และคิดเรื่องที่แม่ของเธอฆ่าแม่ของมุนคังแท ยิ่งคิดมากเท่าไร โกมุนยองก็ยิ่งเจ็บปวดเท่านั้น …

ประธานอีถามมุนคังแทว่า เกิดเรื่องที่เจ็บปวดหัวใจอย่างแสนสาหัสแบบนี้แล้ว จะยังอยู่เคียงข้างโกมุนยองต่อไปหรือเปล่า ? มุนคังแทตอบกลับแบบไม่ลังเลใจเลยว่า สำหรับเขาแล้ว โกมุนยองคือโกมุนยอง ไม่ใช่ลูกสาวของโดฮีแจ (คนที่ฆ่าแม่ของเขา) ประธานอีเล่าว่า โดฮีแจเกิดในครอบครัวแพทย์ แต่ไม่รู้เพราะอะไรถึงได้ลาออกกลางคันตอนเรียนแพทย์ปี 3 แล้วมาเป็นนักเขียน และเมื่อแต่งงานก็ตัดความสัมพันธ์กับครอบครัวตัวเอง และมาอยู่ที่ปราสาทแห่งนี้เพื่อเขียนนิยาย เขาเองอยู่กับโกมุนยองมานานกว่า 10 ปีก็รู้เพียงเท่านี้ และทำได้แค่สงสารเด็กน้อยอย่างโกมุนยองเท่านั้น

มุนคังแทบอกกับโกมุนยองว่า สำหรับเขานั้น เธอกับแม่ต่างกันโดยสิ้นเชิง ถึงเขาต้องตายเขาก็ไม่จากเธอไปไหน สำหรับเขาแล้ว โกมุนยองคือคนที่เขาชอบมาตั้งแต่เด็ก แต่โกมุนยองกลัยบอกว่ามุนคังแทว่าเสแสร้ง ก่อนจะเดินเข้าห้องไป และร้องไห้พร้องกับทำท่ากอดผีเสื้อกับตัวเองด้วยความเจ็บปวดหัวใจอย่างหาที่สุดมิได้

วันต่อมา … มุนคังแทบอกกับโกมุนยองว่า หัวหน้าพยาบาลเป็นคนวาดรูปผีเสื้อบนผนัง เมื่อได้ยินเช่นนั้น โกมุนยองจึงบอกให้ทุนคังแทและพี่ซังแทหนีไป แต่มุนคังแทเข้าสวมกอดโกมุนยองไว้ และบอกว่าเขาจะไม่ทิ้งและหนีไปไหนทั้งนั้น

พี่ซังแทกับแจซูมาที่ปราสาทเมื่อรู้ว่าโกมุนยองไม่สบาย พี่ซังแทเอาโจ๊กผักที่แม่ของนัมจูรีต้มมาให้ด้วย แต่โกมุนยองบอกให้พี่ซังแทกลับไปเพราะเธอรู้สึกผิดมาก เธอขอโทษพี่ซังแทและขอให้ยกโทษให้เธอ พี่ซังแทตักโจ๊กจะป้อนโกมุนยองและบอกว่า ถ้ากินโจ๊กพี่ซังแทจะยกโทษให้ โกมนุยองกินโจ๊กที่พี่ซังแทป้อน และพูดขอโทษพี่ซังแทซ้ำแล้วซ้ำอีก พี่ซังแทจึงบอกว่า เพราะโกมุนยองยอมกินโจ๊ก พี่ซังแทจึงยกโทษให้แล้ว แล้วพี่ซังแทก็เอาแขนเสื้อเช็ดน้ำตาให้โกมุนยอง …

พี่ซังแทเล่าให้มุนคังแทฟังว่า โกมุนยองขอโทษเขาและขอให้ยกโทษให้ พี่ซังแทจึงป้อนโจ๊กและยกโทษให้โกมุนยอง ด้านมุนคังแทได้ฟังแบบนั้น เขาดีใจและขอให้พี่ซังแทช่วยกอดและตบหลังเขา ปลอบใจเขา และถามพี่ซังแทว่าจะปกป้องเขาได้มั้ย พี่ซังแทที่กอดมุนคังแทเอาไว้ บอกว่าเขาจะปกป้องมุนคังแทและโกมุนยองเอง

มีซองเอกสารอยู่ที่ประตูหน้าปราสาท มุนคังแทเปิดซองออก ในนั้นมีหนังสือนิทานเรื่อง ปลาแองเกลอร์ เขาเปิดอ่าน …

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เด็กสาวที่แสนงดงาม เกิดในบ้านเศรษฐี เด็กน้อยซึ่งมีผิวขาวราวดอกแม็กโนเลียและงดงามอย่างมาก ถ้าเพื่อลูกของเธอแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเดือนหรือตะวัน แม่สัญญาว่าจะเอามาให้ลูกทุกอย่าง … พอลูกเริ่มกินข้าว แม่ก็ดีใจแทบจะกระโดดโลดเต้น … พอลูกเริ่มเดินได้ แม่ก็รีบเดินมาหา …

หลังจากที่เลี้ยงดูลูกมาจนกระทั่งเติบใหญ่ วันหนึ่งแม่ก็พูดว่า “ลูกรักของแม่ แม่คงต้องพักสักหน่อย จากนี้ไปป้อนข้าวแม่หน่อยนะ” ลูกบอกว่า “แม่คะหนูไม่มีมือเพราะไม่เคยใช้มันสักครั้ง มันเลยหายไปแล้ว” แม่จึงบอกให้ลูกน้อยช่วยแบกแม่หน่อย เพราะแม่เจ็บขา ลูกจึงบอกว่า “เท้าหนูก็ไม่มี เพราะแม่ให้หนูขี่หลังมาตลอด แต่ปากหนูกว้างมาก” และลูกน้อยก็อ้าปากออก แม่โกรธจัดและตะโกนบอกว่า แกไม่ใช่ลูกที่สมบูรณ์แบบ แต่คือปลาแองเกลอร์ที่ไร้ประโยชน์ที่รอแต่อ้าปากกิน แม่จึงโยนลูกลงทะเลไปไกลแสนไกล … หลังจากวันนั้น ว่ากันว่า เมื่อลมทะเลกระโชก เหล่ากะลาสีจะได้ยินเสียงเด็กร้องเรียกแม่ว่า “หนูทำอะไรผิดและขอให้แม่มารับเธอกลับไปที”

มุนคังแทอ่านนิทานจนจบ และมีข้อความเขียนไว้ว่า ถึงแม้หนังสือเล่มนี้จะเป็นงานชิ้นเดียวที่ล้มเหลวของลูก แต่เป็นเรื่องที่แม่ชอบมากที่สุด และผลงานที่ล้มเหลวจะต้องถูกกำจัดทิ้ง !

โกมุนยองหยิบนิยาย การสังหารของแม่มดตะวันตก ออกมา และโทร. หานักวิจารณ์หนังสือฉายาหมาบ้า นักวิจารณ์ที่เคยมีเรื่องกัน และบอกว่าหนี้ที่เธอติดไว้ เธออยากจะชดใช้ให้ … หลังจากนั้น มีข่าวออกมาว่า สำนักพิมพ์ซังซังอีซังจะตีพิมพ์หนังสือ การสังหารของแม่มดตะวันตก เล่มที่ 10 เร็ว ๆ นี้ ประธานอีจึงรีบไปหาโกมุนยองที่ปราสาททันที

หัวหน้าพยาบาลไปหาพี่ซังแท มุนคังแทโทร. หาพี่ซังแทแต่หัวหน้าพยาบาลเป็นคนรับสาย และบอกว่าเธออยู่ที่ปราสาท

มุนคังแทขอให้ประธานอีขับรถพาโกมุนยองหนีไปให้ไกลที่สุด เมื่อโกมุนยองจับพิรุธได้จึงบอกให้ประธานอีจอดรถ เธอรีบลงจากรถและวิ่งไปหามุนคังแท

เมื่อมุนคังแทไปถึงปราสาท ก็เจอพี่ซังแทนอนหมดสติอยู่ มุนคังแทรีบวิ่งเข้าไปเรียกพี่ซังแท ในขณะที่หัวหน้าพยาบาลยืนหัวเราะอยู่ …

EP.15 : พี่ชายที่แสนดี

พี่ซังแทดื่มเหล้าจนเมา โดฮีแจ (หัวหน้าพยาบาล) จึงแอบฉีดยาระงับประสาทให้พี่ซังแท

ต่อมาเมื่อมุนคังแทมาถึงที่ปราสาทและพยายามปลุกพี่ซังแท ด้านโดฮีแจก็ทำท่าทางยั่วยวนกวนประสาทด้วยการยืนหัวเราะไม่หยุด

หลังจากนั้น โดฮีแจเองก็ตะคอกใส่มุนคังแทว่า เป็นเพราะเขา โกมุนยองถึงได้เป็นแบบนี้ และผลงานที่ล้มเหลวก็ต้องถูกกำจัดทิ้ง จากนั้นเธอก็บอกให้มุนคังแทพาพี่ซังแทหนีไปให้ไกลจากโกมุนยอง แต่ดูเหมือนว่ามุนคังแทจะไม่ทำตาม โดฮีแจจึงบอกว่าสาเหตุที่ทำให้แม่ของมุนคังแทตายเป็นเพราะโกมุนยอง และเล่าเหตุการณ์ตอนนั้นให้ฟัง เรื่องมีอยู่ว่า …

ในตอนนั้น แม่ของมุนคังแททำงานเป็นแม่บ้านที่นี่ วันหนึ่งโดฮีแจมองลงมาจากระเบียงด้านบนและเห็นแม่ของมุนคังแทกำลังคุยอยู่กับโกมุนยองที่กำลังนั่งมองนกปีกหัก โกมุนยองคิดจะฆ่านกตัวนั้นเพราะถึงอย่างไรมันก็คงบินไม่ได้แล้ว ทำให้แม่ของมุนคังแทรู้สึกตกใจและนำเรื่องนี้ไปเล่าให้โดฮีแจฟัง แต่โดฮีแจกลับชมว่าโกมุนยองเก่ง จากนั้นแม่มุนคังแทแนะนำให้พาโกมุนยองไปรักษาที่โรงพยาบาลเดียวกับพี่ซังแท ทำให้โดฮีแจไม่พอใจอย่างมาก จนทำให้เธอฆ่าแม่ของมุนคังแท

เมื่อเล่าจบแล้ว โดฮีแจก็หัวเราะออกมาอย่างสะใจราวกับคนบ้า มุนคังแทยืนฟังทั้งน้ำตา และไม่เข้าใจว่าทำไมแม่เขาต้องตายด้วยเหตุผลเล็กน้อยเพียงเท่านี้ โดฮีแจจึงด่าทอแม่ของมุนคังแทที่มาว่าลูกสาวเธอเป็นเด็กโรคจิต โดยที่ไม่ได้ดูสารรูปตัวเองเลย เมื่อฟังเช่นนั้น มุนคังแทจึงโมโหอย่างที่เขาไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต จึงโถมเข้าไปบีบคอโดฮีแจ แต่ทันใดนั้นเอง คำพูดของโกมุนยองก็ผุดขึ้นมาหัวว่า “ถึงอย่างไร แม่ก็คือแม่”

เมื่อมุนคังแทปล่อยมือ โดฮีแจจึงคว้าเข็มฉีดยามาแทงเขาจนเซ ขณะเดียวกันนั้น โกมุนยองวิ่งเข้ามาต่อว่าแม่ของเธอ และบอกว่าเธอไม่ใช่ปีศาจเหมือนอย่างแม่ และคว้าปากกาหวังจะแทงแม่ตัวเอง แต่มุนคังแทเอามือรับไว้ และทวงสัญญาจากโกมุนยองว่า “ต่อให้ผีสื้อปรากฎตัว ก็ห้ามฆ่าเด็ดขาด” จากนั้นคังแทก็สลบไปเพราะฤทธิ์ยาสลบ โกมุนยองตกใจเป็นอย่างมากเพราะไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไ รหลังจากนั้น โดฮีแจต่อว่าโกมุนยองที่ตัดผม จากนั้นก็จิกผมเธอและสั่งให้เชื่อฟังแม่ โดฮีแจคว้าปากกาจะแทงมุนยอง แต่ทันใดนั้น …

พี่ซังแทฟื้นขึ้นมาพอดี จึงเอาหนังสือรวมนิทานเล่มหนาฟาดหัวโดฮีแจ และบอกว่าอย่ามายุ่งกับน้อง ๆ ของเขา !

ผอ. และเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึง โดฮีแจบอกผอ. ว่า ถึงอย่างไรเธอก็เป็นฝ่ายชนะ และพวกเขาสามคนไม่อาจอยู่ร่วมกันได้ เพราะมนุษย์เป็นพวกที่อ่อนแอเหมือนพวกคนไข้ที่โรงพยาบาล แต่ผอ. พูดว่า คนอ่อนแอต้องอยู่รวมกันและพึ่งพากันได้จึงเรียกว่ามนุษย์ และโดฮีแจก็ถูกตำรวจนำตัวไป

โกมุนยองนั่งกุมมือมุนคังแทและขอโทษทั้งน้ำตา ที่เขาต้องเจ็บตัวเพราะเธออยู่เสมอ และหากยังอยู่กับเธอก็จะมีแต่ความโชคร้าย

โกมุนยองขอให้เขาและพี่ชายไปจากที่นี่ เธอไม่ใช่กระป๋องเปล่า เพราะมีความรูสึกและจะไม่มีวันลืมที่เขาและพี่ชายต้องเจอเรื่องเลวร้ายที่นี่ก็เพราะเธอ และไม่อยากให้เขาต้องทรมานทุกครั้งที่เห็นหน้าเธอ มุนคังแทจึงบอกว่าต้องไม่ลืมและผ่านมันไปให้ได้ จึงจะเป็นผู้ใหญ่ที่จิตวิญญาณเติบโต ขอให้เธอคิดซะว่าผ่านฝันร้ายมาด้วยกัน ซึ่งตัวเขาเองต้องทำได้แน่ ๆ แต่โกมุนยองกลับบอกว่าเขาเสแสร้ง ทั้งที่เจ็บปวดจากสิ่งที่เกิดขึ้นแต่ทำเหมือนไม่เป็นไร เธอยืนกรานให้พวกเขาออกไปในวันพรุ่งนี้ และเธอต้องการอยู่คนเดียว

เช้าอีกวัน พี่ซังแทบอกว่า เป็นครอบครัวก็ต้องอยู่ด้วยกัน ถ้าจะไปก็ต้องพาโกมุนยองไปด้วย แต่ถ้าจะไล่พวกเขาสองคนก็ต้องข้ามศพพี่ซังแทไปก่อน …

มุนคังแทลาออกจากงานที่โรงพยาบาล และก็ได้ปรึกษากับผอ. ถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ผอ. บอกว่าไม่ว่าอยู่หรือไปก็เจ็บปวดเหมือนกัน ถ้าเป็นอย่างนั้นสู้อยู่ด้วยกันดีกว่า … จากนั้นมุนคังแทจึงขออนุญาตปลูกต้นไม้ไว้ที่สวนของโรงพยาบาล

ที่ปราสาท โกมุนยองบอกพี่ซังแทว่า เธอจะไม่ตีพิมพ์นิทานเรื่องนี้ และเมื่อมุนคังแทกลับมาก็ให้เก็บของออกไปเลย สัญญาวาดภาพถือว่ายกเลิก ทันใดนั้น พี่ซังแทจึงตะโกนออกมาซ้ำ ๆ ว่า ถ้าจะให้ไปจากนี้ต้องข้ามศพเขาไปก่อน

ประธานอีมาที่ปราสาท โกมุนยองยืนกรานที่จะไม่เขียนนิทานอีกต่อไปและจะขายปราสาทแห่งนี้ ต่อไปนี้เธอให้อิสระแก่เขาแล้ว และ ไม่ว่าประธานอีจะอ้อนวอนอย่างไร เธอก็ไม่เปลี่ยนใจและขอตัวไปพักผ่อนเพราะอดนอนมาทั้งคืน

ประธานอีบอกว่า เขาไม่ได้ต้องการเงินจากนิทานของโกมุนยอง แต่การเขียนนิทานเป็นช่องทางเดียวที่เธอสามารถสื่อสารกับโลก ซึ่งเป็นเหมือนปากและหลอดลมของเธอ และการบอกว่าจะเลิกเขียน นั่นก็แปลว่าเธอต้องการจะตายอยู่คนเดียว !

โกมุนยองนอนร้องไห้ขณะที่ฝันเห็นเหตุการณ์ร้าย ๆ ที่เพิ่งผ่านมา เมื่อมุนคังแทกลับมาเห็นจึงนำตุ๊กตามังแทใส่มือของเธอไว้ โกมุนยองรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาและขอให้เขาย้ายออกไปวันนี้ โดยที่มีแค่มังแทก็พอแล้ว มุนคังแทจึงเล่านิทานให้เธอฟัง …

“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีพี่น้องสองคนที่ยากจน แต่รักใคร่กลมเกลียวกัน เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยว คนพี่เป็นห่วงน้อง จึงเกี่ยวข้าวใส่กระสอบและแอบไปวางไว้ที่หน้าบ้านของน้อง ในวันเดียวกันนั้น บ้านพี่ที่มีสมาชิกครอบครัวเยอะ น้องก็เอาข้าวใส่กระสอบของตนเอง และแอบไปวางไว้หน้าบ้านพี่ เมื่อตื่นมาตอนเช้า กระสอบข้าวยังวางอยู่เหมือนเดิมที่หน้าบ้านทั้งสอง สองพี่น้องคิดว่ามันแปลก แต่พอตกดึกก็เอาข้าวใส่กระสอบและไปวางไว้ที่หน้าบ้านของกันและกันอีก พวกเขาทำแบบนี้ซ้ำซากอยู่หลายวัน และนิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า พี่น้องที่รักใคร่กลมเกลียวกัน ควรอาศัยอยู่บ้านหลังเดียวกัน เพื่อที่ว่าจะได้ไม่ลำบากกันเปล่า ๆ”

โกมุนยองนอนฟังอยู่ใต้ผ้าห่มและดูเหมือนว่าจะไม่อินกับนิทานที่มุนคังแทเล่า สุดท้ายมุนคังแทก็กลับห้องของตัวเองไป

มุนคังแท, ประธานอี, นัมจูรี รวมถึงคนอื่น ๆ วางแผนร่วมกันเพื่อพยายามช่วยโกมุนยองให้มูฟออนจากความเจ็บปวด …

นัมจูรีโทร. หาโกมุนยองตามแผน และขอให้ไปดูแม่ของเธอที่ป่วย เพราะเธอติดเข้าเวร โกมุนยองไปถึงบ้านนัมจูรีก็เห็นแม่ของนัมจูรีกำลังนั่งดูทีวีอย่างสบายใต โกมุนยองจึงต่อว่านัมจูรีว่าเป็นครตีสองหน้า จากนั้นแม่ของนัมจูรีจึงเรียกโกมุนยองกินข้าวที่เธอได้เตรียมไว้ให้ แม่จึงเฉลยว่าแผนการนี้ร่วมมือกันหลายคน โกมุนยองกินข้าวและถามทั้งน้ำตาคลอเบ้าว่า ทำไมทุกคนถึงดีกับเธอแบบนี้ แม่ตอบว่าเพราะความเอ็นดูในตัวเธอ

มุนคังแทและพี่ซังแทช่วยกันปลูกต้นไม้ที่สวนของโรงพยาบาลและแขวนรูปครอบครัวไว้ เพื่อเป็นตัวแทนของแม่ เมื่อใดที่คิดถึงแม่ก็ให้มาที่ต้นไม้นี้ จากนั้นพี่ซังแทก็คุยกับต้นไม้แม่และอวดว่า นี่เป็นรูปครอบครัวใหม่ของเขา และแนะนำว่าโกมุนยองสวยมาก แต่โดนมุนคังแทตัดผมสั้น …

วันต่อมามุนยองไปที่ต้นไม้นั้นเพื่อขอโทษแม่ของมุนคังแท ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่มุนคังแทแต่งตัวสุดเท่ในชุดสูทเดินมาที่เธอ และพยายามหยอดมุขตลกใส่โกมุนยอง แต่ดูเหมือนจะมุขแป๊กเพราะโกมุนยองไม่ขำ และเขาก็บอกว่าอยากเท่และจะพยายามเท่แบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ จึงขอให้เลิกไล่และยอมรับเขา โกมุนยองทำท่าทางไม่สนใจและเดินจากไป

มุนคังแทเดินตาม และขอให้โกมุนยองชดใช้ที่ทำให้มือเขาบาดเจ็บ โกมุนยองตอบเพียงว่า “ขอโทษ” แล้วเดินต่อไป แต่มุนคังแทกับทำสิ่งที่เหนือความคาดหมาย โกมุนยองถึงกับชะงัก มุนคังแทตะโกนว่า “ฉันรักเธอ” แต่แค่อึดใจเธอก็เดินต่อไป โดยมุนคังแทก็ยังคงเดินตามและตะโกนบอกรักไม่หยุดอยู่อย่างนั้น จนกระทั่ง …

กลับมาถึงที่ปราสาท มุนคังแทก็ยังบอกรักต่ออีก จนสุดท้ายโกมุนยองต้องเอ่ยปากออกมาว่า จะตีปากถ้ายังพูดออกมาอีก แต่ทว่ามุนคังแทคว้าโกมุนยองมาจูบเบา ๆ และอุ้มเธอมานั่งที่โต๊ะ จากนั้นคังแทก็ค่อย ๆ โน้มตัวก้มลงจูบอย่างแผ่วเบาและนุ่มนวล แบบที่ทั้งเธอและเขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน …

EP.16 (ตอนจบ) : ตามหาใบหน้าที่แท้จริง

พี่ซังแทไปนอนค้างกับแจซูเพื่อให้มุนคังแทกับโกมุนยองจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสอง … มุนคังแทให้โกมุนยองนอนหนุนตัก และเล่าให้โกมุนยองฟังว่า ที่นำรูปครอบครัวไปแขวนที่ต้นไม้ที่ปลูกไว้เป็นตัวแทนของแม่ ก็เพื่อให้แม่รู้จักโกมุนยอง ซึ่งเป็นสมาชิกใหม่ของครอบครัว ที่เป็นคู่หูของพี่ซังแท และยังเป็นคนที่เขารักอีกด้วย เขาบอกแม่ว่า ไม่ต้องห่วงเพราะตอนนี้เราทั้งสามคนได้เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว และคืนนั้นเอง …

โกมุนยองและมุนคังแทก็เป็นของกันและกัน 💑

แม่ของนัมจูรีดีใจมากเมื่อประธานอีบอกว่า พี่ซังแทจะได้เป็นนักวาดภาพจริง ๆ เสียที อีกไม่นานจะมีการเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการ และจะลองให้ทำงานกับนักเขียนนิทานคนอื่น ๆ เพราะโกมุนยองจะไม่เขียนนิทานไปอีกพักใหญ่

มุนยองไปหาโดฮีแจที่สถานกักกัน และบอกว่านี่จะเป็นครั้งสุดด้ายที่ได้เจอกัน ก่อนกลับโกมุนยองบอกกับแม่ของเธอว่าให้กินข้าวด้วย และจะพยายามลบแม่ออกไปจากสมองให้ได้ โดฮีแจตะโกนไล่หลังอย่างบ้าคลั่งว่า ไม่มีวันที่เธอจะลืมแม่ได้เด็ดขาด โกมุนยองจึงหันกลับมาว่า ผีเสื้ออาจจะเป็นไซโคสำหรับแม่ แต่สำหรับพวกเขา 3 คน ผีเสื้อคือการรักษาจิตวิญญาณ

หลังจากนั้น โกมุนยองไปที่โรงพยาบาลเพื่อดูภาพผีเสื้อที่โดฮีแจวาดไว้ที่ผนัง แต่พี่ซังแทกำลังทาสีกลบ และบอกว่าจะวาดผีเสื้อตัวใหม่ให้สวยกว่านี้

ประธานอีเอาหนังสือนิทาน การผจญภัยตามหาใบหน้าที่แท้จริง ที่พิมพ์เสร็จแล้วมาให้โกมุนยอง เมื่อพี่ซังแทได้เห็นก็ดีใจเป็นอย่างมากที่เห็นชื่อตัวเองอยู่บนหน้าปก และมีรูปของเขาอยู่ด้านใน ทั้งสามไปที่ต้นไม้ตัวแทนของแม่ด้วยกัน พี่ซังแทอวดแม่ว่าตอนนี้มุนซังแทได้เป็นนักวาดภาพประกอบแล้ว และเปิดหนังสือนิทานอ่านให้แม่ฟังพร้อมกับน้ำตาแห่งความดีใจของเขา ทั้งโกมุนยองและมุนคังแทก็ยืนมองพี่ซังแทด้วยน้ำตาแห่งความปิติ

มุนคังแทนำหนังสือนิทานมาให้แม่ของนัมจูรี และขอให้เธอเปิดอ่านข้างในซึ่งพี่ซังแทเขียนข้อความเอาไว้ว่า “ถึงแม่ไม่จริงที่แท้ ขอบคุณสำหรับอาหารอร่อย ๆ อยากกินทุกวันเลย ผมชอบคุณป้ามาก ๆ เลยครับ” ลงท้ายด้วยรูปหัวใจ 6 ดวง มุนคังแทอธิบายว่า พี่ซังแทหมายถึงแม่ไม่จริงแต่ชอบเหมือนแม่แท้ ๆ จากนั้นเขาก็ขอกอดเธอพร้อมคำขอบคุณ

นัมจูรีบอกประธานอีด้วยน้ำเสียงเศร้า ๆ ว่า เมื่อเขากลับไปกรุงโซลแล้วก็คงไม่ได้พบกันอีก แต่ประธานอีบอกว่าเขาจะไม่ไปกรุงโซลเพราะค่าเช่าแพง แต่จะเริ่มต้นใหม่ที่เมืองนี้ ที่ ๆ ซึ่งมีนัมจูรีอยู่ด้วย จากนั้นก็ค่อยเอื้อมมือไปจับมือของเธอ 💑

ระหว่างที่โกมุนยองและพี่ซังแทเดินจูงมือกัน ผอ. ก็ตะโกนเรียก และทำเซอร์ไพรส์มอบรถบ้านให้เป็นค่าตอบแทนที่พี่ซังแทวาดภาพบนผนังโรงพยาบาล โกมุนยองรีบวิ่งตามพี่ซังแทขึ้นไปบนรถด้วยความดีใจ ผอ. บอกกับมุนคังแทว่า สิ่งนี้ให้ด้วยใจและเป็นการขอโทษกับเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น

ทั้งสามไปเที่ยวเล่นและใช้ชีวิตอยู่กับรถบ้านด้วยกันอย่างมีความสุข …

เช้าอีกวันหนึ่ง พี่ซังแทขอให้มุนคังแทไปเที่ยวเล่นกับโกมุนยองสองคน เพราะเขามีนัดกับประธานอีเพื่อไปเริ่มงานใหม่ พี่ซังแทบอกว่า มีความสุขกว่าหากได้วาดภาพประกอบในนิทาน แต่มุนคังแทยังคงเป็นห่วงพี่ชาย หากแต่พี่ซังแทบอกว่ามุนคังแทเป็นของมุนคังแท และมุนซังแทก็เป็นของมุนซังแท เช่นกัน … สองพี่น้องกอดกัน

นิทาน การผจญภัยตามหาใบหน้าที่แท้จริง

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ ปราสาทในป่าลึกแห่งหนึ่ง มีคนสามคนอาศัยอยู่ด้วยกัน ทั้งหมดได้ถูกแม่มดเงาขโมยใบหน้าที่แท้จริงของตัวเองไป

คุณลุงกล่องพูดว่า “หากเราไม่อยากทะเลาะกันและอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ก็ต้องตามหาใบหน้าที่โดนขโมยไปกลับคืนมา” พวกเขาขึ้นรถบ้านเพื่อตามหาใบหน้าของตนเอง และได้พบกับแม่จิ้งจอกที่นั่งกอดเข่า ร้องไห้ฮือ ๆ อยู่กลางทุ่งหิมะ หนุ่มน้อยสวมหน้ากากถามแม่จิ้งจอกว่า “ทำไมถึงร้องไห้”

“อ๋อ ฉันออกมาหาอะไรกิน และลูกที่ฉันแบกไว้ข้างหลัง ได้ร่วงหล่นหายไปในทุ่งหิมะ” แม่จิ้งจอกที่น้ำตาแห้งเหือดไปจากใบหน้าแล้ว ก็ทุบอกร้องไห้ น้ำตาอุ่น ๆ ก็พรั่งพรูออกมาจากดวงตาของหนุ่มน้อยสวมหน้ากาก ทันใดนั้นเอง ทุ่มหิมะเริ่มละลายอย่างรวดเร็ว จึงได้พบลูกจิ้งจอกที่แข็งเป็นน้ำแข็งอยู่ที่นั่น …

ทั้งสามคนออกเดินทางต่อ และได้พบกับตัวตลกที่ถอดเสื้อเต้นรำอยู่ในสวนดอกไม้เสี้ยนหนาม เจ้าหญิงกระป่องเปล่าถามออกไปว่า ทำไมถึงแหวกเข้าไปในดงหนามและตั้งหน้าตั้งตาเต้น คำตอบที่ได้คือ เพราะคิดว่าทำแบบนี้แล้ว ผู้คนจะสนใจ แต่ว่ากลับพบแต่ความเจ็บปวด และไม่มีใครสนใจอยู่ดี ดังนั้นเจ้าหญิงกระป๋องเปล่าจึงเข้าไปในทุ่งดอกเสี้ยนหนามด้วยและเริ่มเต้นไปกับตัวตลก เพราะคิดว่าตนเองเป็นเจ้าหญิง

กระป๋องเปล่าที่ต่อให้โดนแทง ก็จะไม่มีแผล พอเจ้าหญิงกระป๋องเปล่าวิ่งอย่างร่าเริงและเต้นไปด้วย ภายในกระป๋องก็ดังก๊อง ๆ แก๊ง ๆ ส่งเสียงก้องออกมา เมื่อผู้คนได้ยินก็แห่กันเข้ามาดูพวกเขาเต้นและปรบมือให้

เบื้องหน้าของพวกเขาที่กำลังออกเดินทางครั้งใหม่เพื่อตามหาใบหน้าที่โดนขโมยไป แม่มดเงาผู้ชั่วร้ายปรากฏตัวอีกครั้ง นางลักพาตัวหนุ่มน้อยสวมหน้ากากที่ร้องไห้ให้แม่จิ้งจอกและเจ้าหญิงกระป๋องเปล่าที่เต้นกับตัวตลก โดยสาปว่า “จากนี้ไปพวกเจ้าไม่มีทางหาใบหน้าแห่งความสุขเจอ” หลังจากนั้นนางก็เอาพวกเขาไปขังไว้ในโพรงตุ่นที่มืดมิด แม้ว่าหลังจากนั้น ลุงกล่องหาโพรงนั้นเจอ แต่เพราะทางเข้าโพรงนั้นแคบมาก จึงทำให้เข้าไปไม่ได้ ลุงกล่องไม่รู้จะทำอย่างไร นอกจากจะต้องถอดกล่องนั้นออก

ตอนนั้นเองก้มีเสียงของหนุ่มน้อยสวมหน้ากากดังออกมาจากในโพรง บอกให้ลุงกล่องหนีไป โดยไม่ต้องห่วงพวกเขา เพราะแม่มดเงาใกล้จะกลับมาแล้ว แต่ว่าลุงกล่องรวบรวมความกล้าถอดกล่องออก และเข้าไปช่วยเจ้าหญิงกระป๋องเปล่า และหนุ่มน้อยสวมหน้ากากออกมาจากโพรงตุ่น เมื่ออกมาแล้วได้เห็นหน้าลุงกล่องที่เปื้อนเลอะเทอะ พวกเขาจึงหัวเราะกันคิกคัก และหน้ากากของหนุ่มหน้อยก็ร่วงหล่นลงพื้น กระป๋องเปล่าที่เจ้าหยิงเข้าไปอยู่ก็ส่งเสียงแก๊งแล้วร่วงหล่นลงไป เมื่อเห็นใบหน้ายิ้มแย้มที่แท้จริงของทั้งสอง คุณลุงกล่องก็พูดว่า “มีความสุขจังเลย”

แท้จริงแล้ว สิ่งที่แม่มดเงาขโมยไป ไม่ใช่ใบหน้าขอพวกเขาทั้งสาม แต่เป็นความกล้าที่จะตามหาความสุขต่างหาก

จบบริบูรณ์

Source : Netflix | tvN