Skip to content

สรุปเนื้อเรื่องซีรีส์ Flower of Evil (2020) ดอกไม้ปิศาจ

Flower of Evil สปอยล์ : เมื่อภรรยาพบความจริงที่ว่า สามีที่อยู่กินกันมา 14 ปี จนมีลูกสาวด้วยกันหนึ่งคน มีอดีตเป็นฆาตกรต่อเนื่อง !

EP.1 สามีที่น่าภูมิใจ

ชาจีวอน (รับบทโดย มุนแชวอน) ตำรวจนักสืบหญิงแผนกคดีฆาตกรรม กำลังจัดงานวันเกิดให้ แบคฮีซอง (รับบทโดย อีจุนกิ) ผู้เป็นสามี โดยได้เชิญพ่อแม่เขามาด้วย เพราะต้องการทำให้สัมพันธ์ของเธอกับพ่อแม่สามีดีขึ้น เพราะพ่อแม่เขาไม่อยากได้เธอเป็นลูกสะใภ้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

แบคอึนฮา ลูกสาววัย 6 ขวบ ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่พ่อแม่แบคฮีซองคิดว่าเธอตั้งใจจะมี ด้วยหวังจับแบคฮีซอง ด้วยเหตุผลง่าย ๆ คือครอบครัวแบคฮีซองมีฐานะ พ่อเป็นถึงผู้อำนวยการโรงพยาบาล เป็นที่นับหน้าถือตาในวงสังคม

ระหว่างที่นั่งทานอาหารกัน ท่าทางของพ่อแม่แบคฮีซองดูจะไม่เป็นมิตรกับชาจีวอน กงมีจา ผู้เป็นแม่แอบคุยกับแบคฮีซอง จากบทสนทนาแสดงให้เห็นว่า สามพ่อแม่ลูกมีความลับบางอย่างปกปิดเอาไว้ …

“ไม่ต้องกลัวที่ผมมีภรรยาเป็นตำรวจหรอก เธอจะได้เห็นในสิ่งที่ผมต้องการให้เห็นเท่านั้น และเธอก็เชื่อในสิ่งที่ผมแสดง” แบคฮีซองกล่าว

แล้วแม่ของเขาจะหัวเราะเยาะขึ้นมาแล้วบอกว่า “น่าตลกจริง ๆ ที่ คนมีอดีตสกปรกอย่างแกได้แต่งงานกับผู้หญิงที่เป็นตำรวจ”

ระหว่างนั้น ชาจีวอนมีคดีด่วน ทำให้เธอต้องกลับไปก่อน … เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ เธอได้รับทราบเหตุแห่งคดีว่า เด็กชายอายุ 12 ปี ได้รับบาดเจ็บจากการตกบันไดหนีไฟ เมื่อฟื้นขึ้นมาเขาบอกว่า พ่อของเขาเป็นคนผลักและพยายามฆ่าเขา ทำให้ผู้เป็นพ่อถูกควบคุมตัวไปสอบปากคำ แต่ด้วยเซ้นส์ความเป็นนักสืบชาจีวอนไม่เชื่อว่า พ่อเด็กคนนี้จะเป็นคนที่ทำร้ายลูกตัวเอง

ชาจีวอนและนักสืบอิมโฮจุนกำลังไปสอบปากคำแม่ของเด็ก แต่นักข่าวคิมมูจินสัมภาษณ์อยู่ก่อนแล้ว นักข่าวคิมมูจินจึงเล่าให้นักสืบอิมโฮจุนฟังว่า พ่อเด็กบังคับให้ลูกเดินขึ้นบันไดเพื่อลดน้ำหนัก หลังจากนั้น นักสืบอิมโฮจุนให้นักข่าวคิมมูจินยืมปากกา และบอกว่าแบคฮีซองสามีของชาจีวอนทำให้เป็นของขวัญสำหรับทุกคนในทีม เพราะเขาเป็นช่างโลหะ ข้อมูลนี้ทำให้นักข่าวคิมมูจินสนใจขึ้นมาทันที …

นักข่าวคิมมูจินมาคุยกับชาจีวอน และเล่าเรื่องคดีฆาตกรรม 7 ศพ ที่เกิดขึ้นเมื่อ 18 ปีก่อนให้ฟัง โดยบอกว่าฆาตกรก็เป็นช่างโลหะเหมือนกับสามีของเธอ ชาจีวอนจึงให้นามบัตรของแบคฮีซองกับนักข่าวคิมมูจิน

แบคฮีซองไปหาแม่ของเขาเพื่อที่จะให้เลิกยุ่งกับภรรยาของเขา โดยให้เหตุผลว่า เพราะแม่ไม่สามารถเสแสร้งได้แบบเขา และไม่สามารถหลอกชาจีวอนได้เนียนแบบเขา จากนั้นแม่ของแบคฮีซองก็โทรหาชาจีวอนเพื่อบอกว่า ไม่ชอบชาจีวอนและรู้สึกขยะแขยง ขอให้ต่างคนต่างอยู่

ชาจีวอนสืบคดีจนในที่สุดก็ได้รู้ความจริงว่า แท้จริงแล้วเด็กตั้งใจตกตึกเพื่อใส่ร้ายพ่อ พ่อจะได้ติดคุก สาเหตุเพราะว่าพ่อของเขาคบชู้อยู่กับหมอคนหนึ่ง แล้วหมอคนนั้นก็เป็นคนเอายาที่มีฤทธิ์ขัดขวางการทำงานของระบบประสาทมาให้แม่เขากิน เมื่อเด็กรู้จึงพยายามช่วยแม่โดยวิธีนี้

นักข่าวคิมมูจินไปหาแบคฮีซองที่เวิร์กช็อป และแปลกใจที่ได้พบกับโดฮยอนซูเพื่อนเก่า โดยที่เขาไม่รู้ว่าโดฮยอนซูก็คือแบคฮีซองนั่นเอง คิมมูจินรู้สึกกลัวมาก พยายามตัดบทและขอตัวกลับ แต่โดฮยอนซู (แบคฮีซองในปัจจุบัน) ชวนให้เขาดื่มชาและนั่งคุยกันก่อน …

แบคฮีซองพยายามใช้จิตวิทยาให้นักข่าวคิมมูจินเผยวัตถุประสงค์ที่มาในครั้งนี้ คิมมูจินจึงถามว่า เขาเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมลุงหัวหน้าหมู่บ้านเมื่อ 18 ปีก่อนหรือไม่ เพราะพบหลักฐานในกระเป๋าของเขาและตำรวจกำลังไล่ล่า แบคฮีซองฟังด้วยสีหน้าเรียบเฉยและตอบไปว่า ไม่ว่าจะทำอย่างไรตำรวจก็คิดว่าเขาเป็นฆาตกรอยู่ดี …

คุยได้สักพัก ด้วยความกลัว นักข่าวคิมมูจินจึงตัดบทขอตัวกลับอีกครั้ง แต่คราวนี้แบคฮีซองเองก็กลัวว่าคิมมูจินจะไปแจ้งตำรวจว่าเขาคือโดฮยอนซู จึงได้รอให้นักข่าวคิมมูจินเผลอ แบคฮีซองเดินไปปิดผ้าม่าน ล็อกประตู และเปิดเพลงเสียงดังลั่น ก่อนที่จะเข้ามารัดดคอที่ด้านหลัง จนนักข่าวคิมมูจินสลบไป …

แบคฮีซองกำลังเล่นกับลูกสาว ในขณะที่ชาจีวอนกลับมาพอดี แววตาของเธอรู้สึกภูมิใจกับสามีและครอบครัวของเธอในตอนนี้มาก โดยที่ไม่รู้เลยว่า นักข่าวคิมมูจินกำลังถูกปิดปากมัดมือมัดเท้าขังอยู่ที่ห้องใต้ดินที่เวิร์กช็อป ภายในบ้านที่เธออยู่ !

EP.2 ฝึกหัดยิ้ม

ก่อนทำอาหารเช้า แบคฮีซองฝึกหัดการยิ้มที่หน้ากระจกในห้องน้ำ เพื่อปกปิดแววตาอันไร้ความรู้สึกและความรู้สึกที่โหดเหี้ยมของตัวเอง …

หลังจากที่ชาจีวอนออกไปทำงานแล้ว แบคฮีซองจึงลงไปคุยกับนักข่าวคิมมูจินที่ห้องใต้ดิน และเล่าถึงเหตุการณ์เมื่อ 18 ปีก่อน ที่เขาเคยโดนนักข่าวคิมมูจินแกล้ง และบูลลี่โดยการล้อว่าเขาเป็นลูกฆาตกรและจับเขามัดไว้ที่ต้นไม้พร้อมทั้งใช้หินปาใส่ ขณะที่เล่าแบคฮีซองก็หยิบฆ้อนมาทาบที่หน้าของนักข่าวคิมมูจิน แต่แบคฮีซองบอกว่าแค่ล้อเล่น ถ้าจะฆ่าจริง ๆ เขาคงเตรียมพลาสติกมารองพื้นไว้แล้ว จากนั้นก็บังคับเอารหัสปลดล็อกโทรศัพท์ และโทร. ไปลางานที่สำนักพิมพ์

และแบคฮีซองยังได้สารภาพกับนักข่าวคิมมูจินด้วยว่า จริง ๆ แล้วเขาคือสามีของนักสืบชาจีวอน ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะเป็นวิธีที่ทำให้เขารอดจากการไล่ล่าของตำรวจมาตลอด 18 ปี และยังสารภาพอีกด้วยว่า เขาเป็นคนลงมือฆ่าคุณลุงหัวหน้าหมู่บ้านเมื่อ 18 ปีก่อน !

ระหว่างนั้นได้เกิดเหตุฆาตกรรมรายใหม่เกิดขึ้น ซึ่งรายละเอียดแห่งคดีมีความคล้ายกับคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่กิดขึ้นเมื่อปี 2002 หรือเมื่อ 18 ปีที่แล้ว ที่มีคนร้ายชื่อ โดมินซอก (พ่อของโดฮยอนซู)

ชาจีวอนรีบไปที่โรงเรียนของแบคอึนฮา เพราะเธอทะเลาะกับเพื่อนนักเรียน และโดนรังแกจนเลือดกำเดาไหล จากเหตุที่แบคอึนฮาไปหยิบจับตุ๊กตาของเพื่อน … ระหว่างนั้น แบคฮีซองแอบเอาตุ๊กตาของเด็กที่แกล้งลูกสาวของเขาไปทิ้ง ก่อนที่เดินเข้ามาในห้องและขอโทษแม่ของเพื่อนคนนั้น และให้แบคอึนฮาขอโทษทุกคน เป็นเหตุให้ชาจีวอนไม่พอใจและต่อว่าฮีซอง เขามองชาจีวอนด้วยสายตานิ่งเฉยไร้ความรู้สึก ก่อนที่จะฝืนยิ้มให้ตามที่ฝึกเอาไว้

แบคฮีซองเห็นตารางนัดในไดอารีของนักข่าวคิมมูจิน เขาจึงนำน้ำดื่มลงไปหานักข่าวคิมมูจิน เพื่อแลกกับข้อมูลเขาว่านัดกับนัมซุนกิล เรื่องข้อมูลของโดฮยอนซู (ซึ่งก็คือแบคฮีซองในอดีต) จากนั้นนำโทรศัพท์ของนักข่าวคิมมูจินออกไป และสะกดรอยตามนัมซุนกิล เมื่อได้จังหวะจึงโทร. หานัมซุนกิลโดยอ้างว่าตัวเองคือนักข่าวคิมมูจินและมาตามนัดไม่ได้ จึงขอให้นัมซุนกิลเล่าข้อมูลทางโทรศัพท์ นัมซุนกิลเล่าว่าเขาเคยทำงานส่งของกับโดฮยอนซู กินนอนด้วยกันมาตลอด 3 ปี และเขาเชื่อว่า โดฮยอนซูน่าจะมีความลับที่ต้องการปกปิดในอดีต เพราะโดฮยอนซูไม่มีบัตรประชาชน และยังเคยขู่ฆ่าเขาด้วย เมื่อนัมซุนกิลเผยข้อมูลจนหมดแบคฮีซองจึงบอกว่า ขอให้ลืมเรื่องโดฮยอนซูไปได้เลย และกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ เพราะตอนนี้โดฮยอนซูตายไปแล้ว

แบคฮีซองไปหาแม่ที่ร้านขายยาเพื่อขอยานอนหลับ ในคืนนั้นเขาวางยานอนหลับชาจีวอน หลังจากนั้น แบคฮีซองใส่ชุดคลุมสีดำออกจากบ้านขณะที่ฝนตกหนัก เพื่อไปซื้อสายจูงสุนัขแบรนด์ฮาวด์ด็อกและตรงไปหานัมซุนกิล แบคฮีซองกระหน่ำแทงนัมซุนกิลจนตาย และนำภาพข่าวของตัวเองมาปักไว้ด้วยมีดบนผนังในสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งบนผนังแห่งนั้นมีแต่ภาพข่าวและเหยื่อจากการฆาตกรรมต่อเนื่องเมื่อ 18 ปีก่อน

ชาจีวอนตื่นขึ้นมาเวลา 03.30 น. ไม่พบแบคฮีซอง จึงเดินออกมาดู และแปลกใจที่เห็นเขาเพิ่งกลับเข้ามาบ้านในชุดคลุมสีดำ …

EP.3 แบคฮีซองตัวจริง

ชาจีวอนรู้สึกแปลกใจมากที่เห็นแบคฮีซอง สามีของเธอกลับมาตอนดึกในชุดคลุมกันฝนสีดำ แต่แบคฮีซองก็อ้างว่า เขานอนไม่หลับจึงออกไปทำงานที่เวิร์กช็อป ต่อจากนั้นจึงออกไปซื้อเบียร์

แบคฮีซองนำอาหารไปให้นักข่าวคิมมูจิน และบอกว่าเป็นอาหารมื้อสุดท้าย จากนั้นเขาก็พยายามกรอกยานอนหลับแต่ก็ไม่สำเร็จ ด้วยความที่นักข่าวคิมมูจินขัดขืน สุดท้ายจึงอ้อนวอนขอชีวิตเพื่อแลกกับสั่งให้เขาทำอะไรก็ได้ทุก ๆ อย่าง แต่ระหว่างนั้น แบคฮีซองก็เอามือกดไปที่คอหอยของนักข่าวคิมมูจิน เพื่อรีดเค้นหาความจริงว่า คลิปการฆาตกรรมของเขาซ่อนเอาไว้ที่ไหน ?

ชาจีวอนไปดูสถานที่เกิดเหตุคดีฆาตกรรมนัมซุนกิล และต้องประหลาดใจเป็นอย่างมาก ที่ลักษณะการลงมือของฆาตกรเหมือนกับคดีฆาตกรรมต่อเนื่องเมื่อ 18 ปีก่อน ที่สำคัญเล็บหัวแม่มือของเหยื่อก็หายไปด้วย และเธอยิ่งแปลกใจกว่านั้นอีก เมื่อภาพจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นชายในชุดคลุมกันฝนสีดำ ซึ่งเป็นแบบเดียวกันเป๊ะกับสามีของเธอ !

นัมซุนกิลเป็นเด็กกำพร้า ภรรยาท้องได้ 6 เดือน และเมื่อวานนี้ ได้โทร. คุยกับนักข่าวคิมมูจินเป็นคนสุดท้าย แต่ตอนนี้ไม่สามารถติดต่อนักข่าวคิมมูจินได้

นักข่าวคิมมูจินพยายามหาทางหนี โดยใช้เศษแก้วตัดเชือกที่รัดข้อมือ ขณะที่แบคฮีซองไปที่ห้องอพาร์ตเมนต์ของนักข่าวคิมมูจินเพื่อค้นหาคลิปการฆาตกรรมของเขาในอดีตตามแต่ก็ไม่พบ และทันใดนั้นเอง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น …

คนเคาะประตูคือชาจีวอน ตอนนี้แบคฮีซองมีทางเดียวที่จะหนีได้ คือต้องหลบอยู่นอกระเบียง เมื่อชาจีวอนสั่งให้เจ้าหน้าที่พังประตูเข้ามา เธอพบว่าคอมพิวเตอร์ยังอุ่น ๆ เหมือนเพิ่งผ่านการใช้งานมาไม่นาน จึงคิดว่าต้องมีคนเข้ามาที่นี่ไม่นานก่อนหน้านี้ เธอจึงพยายามค้นหาสิ่งผิดปกติอื่น ๆ แต่สุดท้ายก็ไม่พบแบคฮีซองที่หลบอยู่นอกระเบียง หลังชาจีวอนกลับไปแล้ว แบคฮีซองก็กลับเข้ามาค้นหาสิ่งที่เขาต้องการอีกครั้ง จนพบคลิปบางอย่างในกล้องถ่ายวิดีโอ เขาจึงรีบกลับไปที่เวิร์กช็อปทันที

นักข่าวคิมมูจินที่หลุดจากพันธนาการแล้ว ก็เข้าต่อสู้กับแบคฮีซอง แต่สุดท้ายก็สู้ไม่ได้ อย่างไรก็ตาม แบคฮีซองไม่ฆ่าเขาและบอกว่า ตอนนี้ตำรวจกำลังตามหาเขาอยู่ เพื่อไม่ให้ชาจีวอนสงสัย แบคฮีซองจึงบอกให้นักข่าวคิมมูจินไปพบตำรวจ ที่สำคัญ ตอนนี้แบคฮีซองมีเทปวิดีโอที่กุมชะตาชีวิตของนักข่าวคิมมูจินเอาไว้ !

ชาจีวอนแวะมาแบคฮีซอง แต่เธอต้องตกใจที่เห็นรอยแผลบนหน้าของสามี (บาดแผลเกิดจากการต่อสู้กับนักข่าวคิม) สักพักนักข่าวคิมมูจินก็เดินออกมา ชาจีวอนจึงบอกว่านัมซุนกิลถูกฆ่าตายเมื่อตอนเช้ามืด จากนั้นชาจีวอนจึงพานักข่าวคิมมูจินไปที่สถานีตำรวจ

นักข่าวคิมมูจินกลับมาที่ห้อง ตอนนี้เขาสับสนว่าโดฮยอนซูคือคนร้ายที่ฆ่านัมซุนกิลจริงหรือไม่ ? และเขาก็เกิดความคิดที่จะช่วยแบคฮีซอง เพราะในคืนวันเกิดเหตุฆาตกรรมนัมซุนกิล ในเวลา 3.00 น. เขาจำได้ว่าแบคฮีซองอยู่กับเขาที่ห้องใต้ดิน

นักข่าวคิมมูจินไปหาแบคฮีซองที่บ้าน แบคฮีซองยืนยันว่าเขาไม่ใช่ฆาตกรที่ฆ่านัมซุนกิล กลายเป็นว่า นักข่าวคิมมูจินบอกให้แบคฮีซองร่วมมือกันตามหาฆาตกร เพื่อประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย ด้านแบคฮีซองจะได้ลบล้างมลทินติดตัว ส่วนนักข่าวคิมมูจินก็จะได้ข่าวใหญ่

ในคืนเกิดเหตุ หลังจากที่ฆ่านัมซุนกิลและนำภาพข่าวมาแปะไว้ในสถานที่ลับแห่งหนึ่ง ฆาตกรมีอาการไอเรื้อรังและหยิบยาขึ้นมากิน โทรศัพท์ของเขา มีสายคล้องรูปปลาอยู่ที่ด้านหลัง

ชาจีวอนสรุปคดีเบื้องต้นว่า โดฮยอนซูหายตัวไปตั้งแต่ปี 2005 และตอนนั้นเอง นัมซุนกิลก็โผล่มาพร้อมกับเงิน 10 ล้านวอน หลังจากนั้น นัมซุนกิลก็กลัวโดฮยอนซูมาโดยตลอดจนกระทั่งโดนฆ่าตาย เธอจึงสรุปว่า สองคนนี้แตกคอกันเรื่องเงิน

กงมีจาตบหน้าฮีซองเพราะไม่พอใจที่มีข่าวการฆาตกรรมนัมซุนกิล เพราะเธอคิดว่าเขาเป็นฆาตกร และเธอบอกว่าถ้ารู้แบบนี้ ไม่เอามาสวมรอยเป็นแบคฮีซองหรอก แต่เขาก็ยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนทำ และตอนนี้เขาก็กำลังตามหาฆาตกรตัวจริงอยู่

ขณะที่แบคมันอูกลับมาถึงบ้าน เขาเข้าไปในห้องลับ ซึ่งแบคฮีซองตัวจริง (รับบทโดย คิมจีฮุน) ลูกชายของเขา นอนเป็นเจ้าชายนิทราอยู่ …

EP.4 นาฬิกาข้อมือ

กงมีจาขอโทษที่ตบหน้าฮีซอง และไม่พอใจที่รู้ว่าชาจีวอนเป็นคนทำคดีนี้ แต่แบคฮีซองบอกว่าเธออาจจะช่วยให้จัดการเรื่องต่าง ๆ ได้เร็วขึ้น ตำรวจไม่สามารถสาวถึงแบคฮีซองได้อย่างแน่นอน ตราบใดที่กงมีจายังเป็นแม่ที่อยู่เคียงข้างเขา

ป้าโอบ๊กจาคนเก่าแก่ที่อยู่หมู่บ้านคากยองเห็นข่าวการฆาตกรรมนัมซุนกิล ซึ่งเกี่ยวโยงกับโดฮยอนซู เธอจึงโทรแจ้งชาจีวอนว่ามีรูปของโดฮยอนซูเมื่อ 5 ปีก่อน ซึ่งเดินคู่อยู่กับภรรยาที่กำลังตั้งท้องและเมื่อนักข่าวคิมมูจินรู้ว่าชาจีวอนจะไปหมู่บ้านคากยองเพื่อเอารูปของโดฮยอนซู เขาจึงรีบโทรบอกแบคฮีซองทันที

พัคกยองชุน คนขับรถแท็กซี่ประจำของนัมซุนกิลได้ติดเครื่องดักฟังไว้ในแก้วกาแฟ และวางทิ้งเอาไว้ทำให้เขารู้ความเคลื่อนไหวทุกอย่างของตำรวจ พัคกยองชุนจึงรีบขับรถไปที่หมู่บ้านคากยองเพื่อเอารูปของโดฮยอนซูก่อนที่ชาจีวอนจะไปถึง

นักข่าวคิมมูจินขับรถพาแบคฮีซองไปที่หมู่บ้านคากยอง โดยวางแผนไว้ว่า เขาจะแกล้งไปเยี่ยมเยียนป้าบ๊กจาและขอดูรูป โดยให้แบคฮีซองแอบอยู่ด้านนอก จากนั้นจะส่งข้อความบอกว่าป้าเก็บรูปไว้ที่ไหน เมื่อหลอกป้าอ๊กจาออกมาเดินเล่น แบคฮีซองก็ต้องรีบเข้าไปเอารูปใบนั้น

นักข่าวคิมมูจินและแบคฮีซองไปถึงบ้านป้าอ๊กจาก่อนชาจีวอน แต่ก็ช้ากว่าพัคกยองชุน เมื่อนักข่าวคิมเข้าไป ก็ได้เห็นป้าอ๊กจาโดนมัดมือ และตัวเขาเองก็ถูกตีจากด้านหลังจนสลบไป

เกิดการต่อสู้ขึ้นระหว่างแบคฮีซองและพัคกยองชุน และแบคฮีซองอยากรู้เหตุผลว่าทำไมต้องปลอมเป็นเขา เมื่อเห็นว่าชาจีวอนมาถึงแล้ว ทั้งคู่จึงรีบหนีไป

สุดท้ายชาจีวอนรู้ว่ารูปหายไปแล้ว และคนร้ายก็ไม่ใช่โดฮยอนซู เพราะป้าอ๊กจาบอกว่าคนร้ายถามเธอ คนไหนที่ชื่อโดฮยอนซู และตอนนี้ฆาตกรก็กำลังตามล่าโดฮยอนซูอยู่เหมือนกัน

ตัดมาที่สถานีตำรวจ … เจ้าหน้าที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดอีกครั้ง และพบว่าในคืนเกิดเหตุฆาตกรรมนัมซุนกิล ไม่มีผู้โดยสารในรถแท็กซี่ของพัคกยองชุนตามที่เขาให้การไว้ก่อนกหน้า แท้ที่จริงแล้วพัคกยองชุนจัดฉากว่า ตัวเองเป็นผู้โดยสารที่นั่งเบาะหลัง แล้วค่อยแอบมานั่งที่คนขับ

ชาจีวอนรู้ความจริงแล้วว่า จองมีซุก คือศพที่ไม่พบ และพัคกยองชุนก็เข้าใจว่า โดฮยอนซูสมรู้ร่วมคิดกับโดมินซอก จึงได้พยายามตามหาโดฮยอนซูเพราะอยากรู้ว่าจองมีซุกอยู่ที่ไหน

แต่ที่ชาจีวอนแปลกใจที่สุดก็คือ คนร้ายรู้ได้อย่างไรว่าเธอกำลังจะมาเอารูปถ่ายที่ป้าอ๊กจา หลังจากตรวจสอบจึงไดัรู้ว่าแก้วน้ำที่พัคกยองชุนแกล้งลืมไว้ มีเครื่องดักฟังอยู่ในนั้น

ชาจีวอนพบนาฬิกาข้อมือที่ตกอยู่ในโกดังร้าง และเธอถึงกับตกใจเป็นอย่างมากเพราะมันเหมือนกับของสามี ชาจีวอนจึงพลิกดูที่สายด้านในและเห็นชื่อย่อ ที่แท้มันเป็นนาฬิกาเรือนเดียวกับที่เธอสั่งทำให้เขาเป็นของขวัญวันเกิด !

EP.5 ตอนนั้นคุณไม่น่ามาเจอผมเลย

พัคกยองชุน (ยุนบยองฮี) ไปพบแบคฮีซองที่เกสต์เฮ้าส์ตามที่ได้นัดกันเอาไว้ พัคกยองชุนเอ่ยปากขึ้นมาว่า “ยินดีที่ได้พบกันอีก … จองมีซุกอยู่ที่ไหน ?”

จองมีซุกคือเหยื่อรายสุดท้ายที่ยังหาศพไม่พบ ในคดีฆาตกรรมต่อเนื่องของโดมินซอก (รับบทโดย ชเวบยองโม) และเธอเป็นภรรยาของพัคกยองชุน ซึ่งความจริงแล้ว แบคฮีซองไม่รู้ว่าจองมีซุกคือใคร จะรู้บ้างก็จากข้อมูลที่นักข่าวคิมมูจินเล่าให้ฟังเท่านั้น

ทันใดนั้น พัคกยองชุนก็จัดการแบคฮีซองด้วยยาสลบ …

ในขณะที่ ชาจีวอนและอิมโฮจุน ได้รับแจ้งจากเจ้าของเกสต์เฮาส์ เมื่อถึงที่เกิดเหตุ ทั้งคู่ก็ได้รู้ว่าคนขับแท็กซี่ที่ทำร้ายร่างกายแขกที่มาพักในเกสต์เฮาส์คือพัคกยองชุน ผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมนัมซุนกิล แต่สิ่งที่ทำให้ชาจีวอนประหลาดใจเป็นอย่างมาก คือการพบโทรศัพท์มือถือของสามีเธอ ตกในอยู่สถานที่เกิดเหตุ

ชาจีวอนร้องขึ้นมาว่า “เหยื่อที่ถูกลักพาตัวไป ดูเหมือนสามีของฉันเอง … ไม่รู้จริง ๆ ว่าฉันกำลังพูดถึงอะไร แต่โทรศัพท์มือถือนี้เป็นของแบคฮีซองสามีของฉัน” เมื่อรู้ดังนั้น ชาจีวอนและอิมโฮจุนจึงเริ่มการไล่ล่า โดยติดตามตำแหน่งของรถแท็กซี่ที่พัคกยองชุนกำลังขับอยู่

แต่เมื่อพัคกยองชุนรู้ตัวว่ากำลังถูกไล่ตามมาอย่างกระชั้นชิด เขาจึงคว้าเอามิเตอร์ที่ติดอยู่หน้ารถ ขว้างเข้าใส่กระจกหน้ารถของชาจีวอนและอิมโฮจุน จนทำให้สลัดหนีการติดตามไปได้ …

พัคกยองชุนจับแบคฮีซองมัดแขนมัดขาเอาไว้ และเมื่อตรวจค้นเอกสารในกระเป๋า พัคกยองชุนก็พูดขึ้นมาว่า “ใครจะไปคาดคิดว่า ฆาตกรต่อเนื่องโดฮยอนซูในอดีต จะกลายมาเป็นแบคฮีซอง และได้แต่งงานกับตำรวจจนมีลูกด้วยกัน” แบคฮียองยั่วกลับว่า “แกรู้สึกอิจฉาหรือไง ที่ได้รู้ว่าฉันมีบ้านหลังใหญ่โตและมีเงินทองมากมาย ?”

พัคกยองชุนโกรธที่โดนยั่ว “แกมันก็เป็นปีศาจพวกเดียวกับพ่อของแกนั่นแหละ” ก่อนที่เขาจะใช้มีดแทงเข้าไปที่บริเวณท้องของแบคฮีซอง ! “ฉันจะให้แกเจ็บปวดอย่างทรมาน จนกว่าแกจะบอกว่าจองมีซุกอยู่ที่ไหน” พัคกยองชุนพูดด้วยความโกรธ

แต่แบคฮีซองตอบกลับไปว่า “แกจะแก้แค้นฉันเหรอ เสียใจด้วยนะที่แกต้องผิดหวัง เพราะไม่ว่าแกจะฆ่าฉัน หรือตัดแขนตัดขา ฉันก็ไม่รู้ในสิ่งที่แกตามหาอยู่หรอก”

พัคกยองชุนมัดแบคฮีซองไว้ก้นสระว่ายน้ำ และเปิดน้ำเข้าสระ … “แกมีเวลาไม่มากก่อนที่แกจะจมน้ำตาย บอกมาว่าจองมีซุกอยู่ไหน ?” แต่แบคฮีซองก็ยังยืนยันคำเดิมว่าเขาไม่รู้จักจองมีซุก

พัคกยองชุนพูดถึงหลักฐานที่เขาเชื่อมโยงเอาไว้ว่า มีพยานเห็นเหตุการณ์แจ้งตำรวจว่า เห็นรถ SUV สีดำหมายเลขทะเบียน 3194 ซึ่งเป็นรถของโดมินซอก ในวันที่จองมีซุกหายตัวไป แล้วก็สิ่งที่เขาพยายามเชื่อมโยงต่าง ๆ จนทำให้เชื่อว่า โดฮยอนซูมีเอี่ยวกับเรื่องทั้งหมด แต่ที่พัคกยองชุนสงสัยมากที่สุดคือ ทำไมแบคฮีซองถึงมีกุญแจรูปปลาเหมือนกับของจองมีซุก …

ในที่สุด ชาจีวอนและอิมโฮจุนก็ตามมาจนเจอ … ชาจีวอนรีบกระโดดลงไปในสระว่ายน้ำเพื่อช่วยชีวิตสามี ชาจีวอนก็เอาแบคฮีซองขึ้นมาจากน้ำได้ โดยใช้มีดตัดเชือกที่มัดแขนขาของเขา

ขณะเดียวกันนั้นเอง แบคฮีซองก็คิดขึ้นมาว่า “ตอนนั้นคุณไม่น่ามาเจอผมเลย ขอโทษด้วยนะ” จากนั้นเขาก็หมดสติไป …

EP.6 ฉันเชื่อแต่สิ่งที่ฉันเห็นเท่านั้น

หลังนอนหมดสติไปนานกว่า 10 วัน แบคฮีซองฟื้นขึ้นมา ชาจีวอนเห็นจึงเข้ามากอด

กงมีจากังวลเป็นอย่างมากเมื่อรู้ข่าวพัคกยองชุนถูกจับ เธอจึงรีบไปหาแบคฮีซองที่โรงพยาบาล แบคฮีซองบอกมีจาว่า เขาโกหกชาจีวอนว่าตามนักข่าวคิมมูจินไปที่นั่น เพราะอยากเห็นเวิร์กช็อปเก่าของโดมินซอก เพื่อใช้เป็นแรงบันดาลใจในการทำงาน

แบคมันอูคิดจะฆ่าพัคกยองชุน โดยให้แบคฮีซองเป็นคนลงมือ แผนการคือฉีดสารเสพติดให้เขาจนเกิดภาวะหัวใจวาย

ด้านนักข่าวคิมมูจินพยายามตื้อให้จางยองฮีเล่าเหตุการณ์ในคืนที่จองมีซุกหายตัวไป เพราะเธอคือคนสุดท้ายที่เห็นจางมีซุก หากแต่จางยองฮีไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีก เพราะเธอรู้ดีว่าฆาตกรตัวจริงไม่ใช่โดมินซอก !

ต่อมาภายหลัง จางยองฮีเปลี่ยนใจจึงเดินทางไปให้ข้อมูลกับนักข่าวคิมมูจินที่สำนักพิมพ์ และนำเอาเทปบันทึกการตอบรับโทรศัพท์เมื่อ 18 ปีก่อนไปด้วย ตอนนั้นเธอโดนคนร้ายโทร. มาขู่ จึงต้องกลับคำให้การเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง …

ภรรยาของนัมซุนกิลบอกให้ชาจีวอนมาเอากระเป๋าของโดฮยอนซู ซึ่งสามีของเธอเก็บไว้นานมาแล้ว

หลังจากนั้น ชาจีวอนมาเยี่ยมแบคฮีซองด้วยอารมณ์โมโห เธอครุ่นคิดเรื่องโดฮยอนซูโดยที่บอกใครไม่ได้ จากนั้นก็นึกถึงเรื่องที่แบคฮีซองละเมอถึงโดแฮซู (พี่สาวของโดฮยอนซู) ขณะที่เขานอนไม่ได้สติ

ชาจีวอนอ่านบันทึกการให้คำปรึกษาของโดฮยอนซู ในนั้นระบุว่า โดฮยอนซูมีความผิดปกติทางจิต และต้องได้รับยาจิตเวช เขาไม่เคยหัวเราะหรือร้องไห้ และไม่แสดงความเสียใจ

จากนั้น ชาจีวอนจึงนำสารเรืองแสงที่ใช้ตรวจคราบเลือด ลงไปที่ห้องใต้ดินในเวิร์กช็อปของแบคฮีซอง เพื่อพิสูจน์อะไรบางอย่าง เธอพบสายเคเบิลที่ใช้มัดนักข่าวคิมมูจิน และเป็นแบบเดียวกับที่โดมินซอกใช้มัดเหยื่อ !

แบคฮีซองแอบเข้าไปหาพัคกยองชุน แต่เปลี่ยนใจไม่ฆ่า แต่ให้พัคกยองชุนสืบให้ได้ว่า ใครคือคนร้ายตัวจริงที่ฆ่าจองมีซุก และพูดตามที่เขาบอกเมื่อถูกตำรวจสอบปากคำ

ชาจีวอนไปหาภรรยาของนัมซุนกิลเพื่อเอากระเป๋าของโดฮยยอนซู ในกระเป๋ามีพวงกุญแจรูปปลาและเครื่องเล่นเทปขนาดเล็ก ชาจีวอนบอก ไม่มีพยานคนไหนเห็นโดฮยอนซูเป็นคนลงมือฆ่า พร้อมกับพูดออกมาว่า “ฉันเชื่อแต่สิ่งที่ฉันเห็นเท่านั้น”

EP.7 ตลอดสิบสี่ปีที่ผ่านมา

แม้ชาจีวอนจะรู้แล้วว่าสามีของเธอคือโดฮยอนซู แต่ก็พยายามหาเหตุผลว่าทำไมเขาต้องทำเช่นนั้น และเธอก็ยิ่งสงสัยมากกว่าเดิมว่า ทำไมแบคมันอูกับกงมีจาถึงให้โดฮยอนซูมาสวมรอยใช้ชีวิตเป็นลูกตัวเองยาวนานถึง 14 ปี ?

นักข่าวคิมมูจิน ได้เผยแพร่คลิป พร้อมรายงานที่ถือว่าเป็นหลักฐานใหม่ในคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่เมืองยอนจู ในนั้นมีตอนหนึ่งระบุว่า โดฮยอนซูให้การกับตำรวจในฐานะพยานว่า ในคืนเกิดเหตุเขานั่งดูหนังอยู่กับโดมินซอก ผู้เป็นพ่อของเขา และหลังจากเหตุการณ์นั้นไม่นานพ่อเขาก็ฆ่าตัวตาย ซึ่งมันขัดแย้งกับที่ตำรวจสรุปคดีออกมาว่า โดมินซอกเป็นฆาตกรต่อเนื่อง … โดฮยอนซูรู้ดีว่าเรื่องนี้มีคนอยู่เบื้องหลัง เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าคือใคร?

นักข่าวคิมมูจินได้เจอโดแฮซูซึ่งเป็นรักครั้งแรกของเขาเมื่อสมัยยังเป็นนักเรียน ระหว่างที่คู่กำลังจิบไวน์และพูดคุยกันเรื่องความหลัง โดแฮซูบอกกับนักข่าวคิมมูจินว่า เสียงในคลิปที่เขาเผยแพร่ออกไปนั้นไม่ใช่ของโดฮยอนซู แต่เป็นเสียงเธอเอง เพราะเธอคือคนที่ฆ่าหัวหน้าหมู่บ้าน !

โดแฮซูขอร้องให้นักข่าวคิมมูจินเลิกยุ่งกับโดฮยอนซู และอยากให้ทำข่าวที่เธอรับสารภาพว่าเป็นฆาตกร

ชาจีวอนพาแบคฮีซองมาที่เวิร์กชอปของโดมินซอก ทั้งคู่เข้าไปทางหน้าต่าง และลงไปดูที่ห้องใต้ดิน ขณะนั้นเอง ชาจีวอนก็เปิดเทปเสียงซึ่งเคยเป็นของเขา มันเป็นเสียงของผู้หญิงที่ฮัมเพลงเศร้า ๆ คล้ายกำลังร้องไห้ ชาจีวอนบอกว่ามันเป็นของโดฮยอนซูซึ่งเมื่อฟังเสียงนี้เมื่อไร เขาก็จะถูกกระตุ้นและใช้ความรุนแรงอย่างบ้าคลั่ง และดูเหมือนแบคฮีซองอยากจะออกไปจากที่นี่แล้ว …

ยิ่งอยู่ภายในห้องใต้ดินนานเท่าไร แบคฮีซองก็ยิ่งมีอาการกังวลมากขึ้น ชาจีวอนคิดในใจว่า ตัวตนที่แท้จริงของโดฮยอนซูคงจะปรากฏตัวออกมาในไม่ช้า ตอนนี้ แบคฮีซองมีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด มือสั่นเทาจนทำไฟฉายตกลงพื้น และเขาก็เดินเข้าไปหาชาจีวอน และทรุดลงที่เบื้องหน้าเธอพร้อมพูดว่า “หายใจไม่ออก” และขอร้องให้พาเขากลับบ้าน โดยบอกว่าเหม็นกลิ่นเลือด

อย่างไรก็ตาม ชาจีวอนพาเขาออกมาด้านนอก และก็ถามตัวเองว่า เธอใจร้ายมากเกินไปหรือเปล่า แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่า จะใจอ่อนไม่ได้ เพราะเขาหลอกเธอมาถึง 14 ปี

คืนนั้น แบคฮีซองมาหานักข่าวคิมมูจิน และบอกว่า ตอนนี้ชาจีวอนบ้าไปแล้ว ทำให้ตอนนี้เขาจำเป็นต้องหาตัวฆาตกรคนที่อยู่เบื้องหลังให้ได้ แต่ดูเหมือนว่า แบคฮีซองจะไม่รู้ว่า นาฬิกาเรือนใหม่ที่ชาจีวอนให้เขาได้ติดตั้งระบบจีพีเอสติดตามตัวเอาไว้ด้วย

EP.8 ปาฏิหาริย์

ฤดูใบไม้ร่วง ปี 2005 หรือเมื่อ 15 ปีที่แล้ว แบคมันอูได้ยื่นข้อเสนอให้โดฮยอนซู ให้ใช้ตัวตนของแบคฮีซอง เพราะโดฮยอนซูเองก็ต้องการหลบหนีคดี ส่วนแบคมันอูก็ไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าลูกชายของตัวเองกลายเป็นเจ้าชายนิทรา เพราะกลัวสูญเสียตำแหน่งหัวหน้าแผนกศัลยกรรมในตอนนั้น

ตัดกลับมาในปัจจุบัน ปี 2020 แบคฮีซองบอกนักข่าวคิมมูจินว่า ชาจีวอนต้องการจับโดฮยอนซูก็เพราะข่าวที่ว่าเขาเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง

ในตอนนั้น แบคฮีซองนึกถึงพวงกุญแจรูปปลาที่พี่สาวเขาให้ไว้ เขาจึงแน่ใจว่าเธอต้องเคยเจอผู้สมรู้ร่วมคิดคนนั้นอย่างแน่นอน พร้อมทั้งขอให้ตามหาโดแฮซูพี่สาวของเขา

ถัดมาอีกวัน นักข่าวคิมมูจินไปหาโดแฮซู และโทร. นัดแบคฮีซองให้มาเจอกับพี่สาว

แบคฮีซองไปหาโดแฮซูที่ตึกร้างแห่งหนึ่ง เมื่อแบคฮีซองเอ่ยถึงคนที่ให้พวงกุญแจ โดแฮซูก็ร้องไห้ออกมาและโผเข้ากอดน้องชาย เพราะนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต ตอนที่เธอไปขอร้องหัวหน้าหมู่บ้านให้เลิกทำพิธีไล่ผีกับน้องชาย แต่แล้วจู่ ๆ หัวหน้าหมู่บ้านก็พุ่งเข้ามาหาเธอ เธอจึงฆ่าเขา เมื่อโดฮยอนซูมาเห็น เขาจึงจะยอมรับผิดแทน

โดแฮซูถามน้องชายของเธอว่า เขารักชาจีวอนบ้างไหม เขาตอบกลับไปว่าไม่เคยรักเลย และก็ไม่รู้ว่าความรักมันรู้สึกอย่างไร …

ชาจีวอนสะกดรอยตามแบคฮีซองไปและได้ยินทุกอย่างที่ทั้งคู่คุยกัน เธอรู้แล้วว่าแบคฮีซองไม่ใช่ผู้สมรู้ร่วมคิด และชาจีวอนก็เสียใจมาก เมื่อได้ยินที่แบคฮีซองพูดว่าไม่เคยรักเธอเลยตลอด 14 ปีที่ผ่านมา เธอจึงเดินออกไปอย่างเงียบ ๆ ทั้งน้ำตา

ตอนนี้ ชาจีวอนอยากเลิกกับแบคฮีซอง แต่ด้วยความที่เห็นแก่ลูก อีกใจหนึ่งเธอก็อยากให้เขาเป็นแบคฮีซองเพื่อแบคอึนฮา จากนี้ไปเธอจะเริ่มการสืบสวนคดีฆาตกรรมต่อเนื่องอย่างจริงจัง เพื่อความจริงจะได้ปรากฏ

กงมีจาเฝ้ามองดูลูกทั้งน้ำตา และสงสารที่เขาอดทนมานานจนถึงตอนนี้ เธอจึงตัดสินใจถอดเครื่องช่วยหายใจเพื่อต้องการให้ลูกไม่ต้องทรมาน และเธอก็ตั้งใจจะฆ่าตัวตายตาม ทันใดนั้น แบคมันอูวิ่งเข้ามาพอดี ในขณะที่กงมีขวางเอาไว้ แต่ …

เหมือนปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้น แบคฮีซองตัวจริงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา !

EP.9 ผู้สมรู้ร่วมคิด

ชาจีวอน, โดฮยอนซู, โดแฮซู มาเจอกันโดยไม่ได้นัดหมายที่บ้านของนักข่าวคิมมูจิน แต่ดูเหมือนว่าทั้ง 4 จะมีความลับที่เก็บงำเอาไว้ด้วยกันทั้งนั้น ทำให้บรรยากาศเป็นไปด้วยความอึมครึม และคนที่ออกอาการอึดอัดมากที่สุดก็คือ โดฮยอนซู เขาจึงขัดจังหวะโดยการปัดแก้วกาแฟจนหกใส่คอมพิวเตอร์ของนักข่าวคิมมูจิน ทำให้นักข่าวคิมมูจินขอให้ทุกคนกลับไปก่อน

หลังจากที่แบคฮีซองฟื้นขึ้นมา แบคมันอูได้ตรวจร่างกายของเขาและพอใจที่เห็นอาการดีขึ้น แบคฮีซองซึ่งพูดได้อย่างกระท่อนกระแท่นถามถึงคนที่เขาขับรถชนในคืนนั้น แม้ว่าจะผ่านมาแล้ว 14 ปี แต่แบคฮีซองก็ยังจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี …

แบคมันอูบอกลูกว่าไม่ต้องห่วงเรื่องอุบัติเหตุ เพราะเขาได้จัดการทุกอย่างแล้ว แบคฮีซองอยากรู้ว่าทำไมวันนั้นพ่อถึงไม่รับสายเขา และธุระที่พ่อทำมันสำคัญกว่าลูกชายตัวเองหรือ ? แบคมันอูบอกแบคฮีซองว่า ต่อไปนอกจากจะเดินได้แล้ว เขาจะมีงานที่ดีมีครอบครัวและลูกที่น่ารัก และมีชีวิตที่มีความสุขตลอดไป

ชาจีวอนขอเลิกกับโดฮยอนซู โดยบอกว่าไม่รักเขาอีกแล้ว เธอเกลียดที่ต้องเห็นเขาเอาอกเอาใจเธอทุกอย่าง และที่ร้องไห้ก็เพราะเกลียดตัวเองที่หาวิธีอธิบายเรื่องนี้ไม่ได้ โดฮยอนซูไม่เข้าใจว่าชาจีวอนเป็นอะไร ?

โดฮยอนซูไปหานักข่าวคิมมูจินแต่เช้าเพื่อเล่าให้ฟังว่า ชาจีวอนหมดรักเขาแล้ว เขารู้สึกหมดอาลัยตายอยากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เมื่อโดแฮซูมาถึง เธอบอกน้องชายว่า ชาจีวอนคือสิ่งที่มีค่า

ประธานยอมซังชอลกำลังกรอกยานอนหลับโดฮยอนซูเพื่อพาไปพบ “ผู้สมรู้ร่วมคิด” แต่โดฮยอนซูบอกว่าเขาก็เป็นลูกค้าเหมือนกัน และเขารู้ว่าสินค้าของประธานยอมซังชอลก็คือ คน

เมื่อชาจีวอนโทร. เข้ามาพอดี ประธานยอมซังชอลสั่งให้รับสาย ชาจีวอนบอกว่าเธอคิดถึงเขาเพราะเจอแต่เรื่องแย่ ๆ ทั้งวัน แต่โดฮยอนซูบอกเพียงว่าติดธุระอยู่ เธอรู้สึกสังหรณ์ใจบางอย่าง จึงบอกให้เขาตอบเพียงคำว่า อืมและไม่ ชาจีวอนถามเขา หากต้องการความช่วยเหลือ เขาก็ตอบว่าไม่ จากนั้นชาจีวอนก็พูดว่า ต้องกลับมาหาเธอภายใน 1 ชั่วโมง

EP.10 เมื่อความจริงถูกเปิดเผย

ประธานยอมซังชอลตกลงที่จะทำธุรกิจกับโดฮยอนซู หลังจากนั้นก็ให้โดฮยอนซูเลือกเหยื่อในคลิปที่ถูกมัดและขังไว้ …

แผนของโดฮยอนซูที่จะหาตัว “ผู้สมรู้ร่วมคิด” เริ่มเป็นจริงขึ้นมาทุกทีแล้ว

โดฮยอนซูบอกกับแบคมันอูว่า เขาคิดว่ากำลังหาตัว “ผู้สมรู้ร่วมคิด” ได้ จึงจำเป็นต้องใช้เงินเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล

โดฮยอนซู แจ้งข้อมูลสำคัญคดีฆาตกรมต่อเนื่องกับตำรวจ ซึ่งในนั้นมีชาจีวอนอยู่ด้วย โดฮยอนซูบอกว่าจะช่วยจับ “ผู้สมรู้ร่วมคิด” และเขามีข้อมูลของแก๊งค้ามนุษย์ที่ขายคนให้กับโดมินซอกและ “ผู้สมรู้ร่วมคิด” และคืนนี้เขาจะทำข้อตกลงกับแก๊งนี้ ซึ่งเขาจะเปิดโอกาสให้ตำรวจบุกเข้าไปในที่เกิดเหตุระหว่างทำการซื้อขาย ทั้งหมดนี้โดฮยอนซูขอแลกกับการที่ตำรวจต้องสัญญาว่า จะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องตัวตนของเขา และข้อมูลทุกอย่างในวันนี้ต้องถูกทำลายเมื่อปิดคดี ในเบื้องต้นตำรวจดูจะไม่ค่อยเชื่อ โดฮยอนซูจึงบอกว่า เขาอยากพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง ว่าแท้จริงแล้วเขาไม่ใช่ “ผู้สมรู้ร่วมคิด” ของโดมินซอก

ตำรวจหาข้อมูลของประธานยอมซังชอล พบว่า เขาเคยติดคุก 10 ปีข้อหาพยายามฆ่าและวางเพลิง หลังปล่อยตัวเขาไปทำงานที่คลินิกจิตเวชเด็ก ซึ่งเป็นที่เดียวกับที่โดฮยอนซูเข้ารับการบำบัด ทำให้ประธานยอมซังชอลรู้จักกับโดมินซอก

และที่สำคัญ ดูเหมือนว่าตำรวจจะวางแผนหลอกโดฮยอนซู แน่นอนว่า ตำรวจต้องการจับตัวโดฮยอนซู !

ยิ่งไปกว่านั้น จากเทปบันทึกเสียงการสนทนาของโดฮยอนซูกับนักข่าวคิมมูจิน ตำรวจได้รู้ความจริงที่ว่า ทำไมชาจีวอนคอยปกป้องโดฮยอนซูทุกครั้ง นั่นเป็นเพราะ โดฮยอนซูปลอมตัวอยู่ในอัตลักษณ์ของแบคฮีซอง สามีของชาจีวอนนั่นเอง !!!

EP.11 ผู้สมรู้ร่วมคิดคือ ?

ชาจีวอนยอมเผยความจริงกับนักสืบชเวว่า เธอเริ่มรู้ว่าสามีของเธอคือโดฮยอนซูระหว่างทำคดีพัคกยองชุน แต่โดฮยอนซูยังไม่รู้ว่าเธอรู้ความจริงนี้แล้ว นักสืบชเวจึงบอกให้ชาจีวอนทำเป็นไม่รู้เรื่อง เพราะตอนนี้เขามีหลักฐานที่จะจับโดฮยอนซูได้แล้วในกรณีปลอมตัวเป็นแบคฮีซอง

โดฮยอนซูวางแผนกับนักข่าวคิมมูจิน โดยเขาจะติดเครื่องดักฟัง เมื่อได้ข้อมูลสถานที่นัดพบจุดที่สอง ขอให้นักข่าวคิมมูจินโทร. บอกตำรวจทันที

เมื่อถึงเวลานัดหมาย โดฮยอนซูนำเงินเข้าไปให้ประธานยอม เมื่อรู้จุดนัดพบที่สองแล้ว นักข่าวคิมมูจินจึงโทร. แจ้งตำรวจ แต่กลายเป็นว่าโดฮยอนซูไม่ได้รูปและที่อยู่ของ “ผู้สมรู้ร่วมคิด” เพราะแบคมันอูได้โทร. ตกลงกับประธานยอม และเสนอเงินให้สองเท่าเพื่อให้กำจัดโดฮยอนซูซึ่งเป็นสายให้ตำรวจ จากนั้นประธานยอมจึงสั่งให้ลูกน้องจับโดฮยอนซูมัดไว้ ในขณะที่นักข่าวคิมมูจินได้ยินเหตุการณ์ทุกอย่างผ่านเครื่องดักฟัง …

ทันใดนั้นเอง โดแฮซูก็มาที่บ้านแบคมันอู และแนะนำว่าเธอคือพี่สาวของโดฮยอนซู หลังจากนั้นก็เล่าเรื่องของ “ผู้สมรู้ร่วมคิด” ระหว่างที่พวกเขาคุยกันอยู่นั้น แบคฮีซองแอบฟังอยู่โดยที่เขากัดเล็บมือตลอดเวลา ก่อนกลับโดแฮซูพูดขึ้นมาว่า

“ผู้สมรู้ร่วมคิดมีเล็บมือซ้ายที่สั้นมาก น่าจะเกิดจากนิสัยชอยกัดเล็บตัวเอง” !!!

ตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุที่นักข่าวคิมมูจินแจ้งไว้ ประธานยอมราดน้ำมันทั่วห้อง เพื่อจะเผาทำลายหลักฐานไปพร้อมกับโดฮยอนซูซึ่งถูกมัดอยู่ แต่ชาจีวอนมาถึงก่อนที่ประธานยอมจะจุดไฟแช็ก แต่ชาจีวอนก็เสียท่าให้ประธานยอมจนถูกบีบคอเจียนขาดอากาศหายใจ ขณะนั้นเองสิ่งเหลือเชื่อก็เกิดขึ้น …

โดฮยอนซูเหมือนมีพลังเหนือธรรมชาติเข้าสิงสู่ เขากระชากเชือกที่มัดจนหลุด และช่วยชาจีวอนพร้อมทั้งอัดประธานยอมจนสลบเหมือดไป !

ชาจีวอนบอกให้โดฮยอนซูรีบหนีไป เพราะตำรวจกำลังจะมาจับเขา เธอขอให้สามีหนีไปที่ไม่มีใครหาเจอและอย่ากลับมาอีกเด็ดขาด โดฮยอนซูตกใจที่ชาจีวอนรู้ความจริง !

โดฮยอนซูขับรถหนีไปด้วยความเสียใจ ด้านชาจีวอนเองก็เสียใจเช่นกัน เธอจึงนั่งแท็กซี่ตามไปและพบเขาจอดรถอยู่ข้างทาง โดฮยอนซูร้องไห้เสียใจและขอโทษที่หลอกเธอมาตลอด เขาเองก็เจ็บปวดที่เห็นเธอต้องเจ็บปวด และบอกว่าเขาอยากกลับบ้าน ชาจีวอนตัดสินใจพาเขากลับโดยบอกว่าอะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด

ประธานยอมหนีจากการควบคุมตัวของตำรวจได้ เขาหยิบรูปของผู้สมรู้ร่วมคิดขึ้นมาดู ซึ่งก็คือแบคฮีซองนั่นเอง และตอนนี้เหมือนกับว่าเขาคิดแผนการบางอย่างเอาไว้แล้ว

เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อนักสืบชเวไปรอจับตัวโดฮยอนซูที่หน้าบ้าน ชาจีวอนและโดฮยอนซูกุมมือกันขณะที่เดินออกมา …

EP.12 ความจริงเมื่อสิบสองปีก่อน

เมื่อ 12 ปีก่อน กงมีจาพบกล่องของแบคฮีซองที่ซ่อนเอาไว้ ในกล่องนั้นมีมีดและเล็บของเหยื่อทั้ง 7 คนเก็บเอาไว้ กงมีจาผู้เป็นแม่ตกใจเป็นอย่างมาก ขณะเดียวกันนั้นเธอเห็นแบคฮีซองกำลังขุดหลุมเพื่อฝังโดฮยอนซูที่เขาขับรถชน แบคฮีซองกำลังลากโดฮยอนซูลงไปในหลุมและกำลังฝังกลบ กงมีจาเมื่อเห็นเช่นนั้น จึงเดินไปหาแล้วเอามีดแทงแบคฮีซองจนล้มลง

ปัจจุบัน ปี 2020 …

นักสืบชเวเข้าไปสอบปากคำในบ้านของชาจีวอน โดฮยอนซูสารภาพว่าเมื่อ 18 ปีก่อน เขาเป็นคนฆ่าหัวหน้าหมู่บ้านโดยที่ไม่มีแรงจูงใจ แต่นักสืบชเวรู้อยู่แล้วว่า โดฮยอนซูไม่ใช่ฆาตกร เพราะหลักฐานในที่เกิดเหตุดูเหมือนว่าเขาจงใจทิ้งไว้เพื่อให้ตำรวจเข้าใจว่าเป็นอย่างนั้น นักสืบชเวไม่สนใจโดฮยอนซูอีกต่อไปแล้ว เพราะรู้ว่าไม่ใช่คนเลว !

โดฮยอนซูโทร. หานักสืบชเวและนัดพบกันข้างนอกโดยไม่ให้ชาจีวอนรู้ เขาบอกว่ามีคนสั่งให้ประธานยอมฆ่าเขา และคนนั้นก็ต้องมีเงินมากพอที่จะจ่าย โดยเขาวางแผนจะเป็นเหยื่อล่อประธานยอม เพื่อให้นักสืบชเวจับตัว

แม่บ้านพัคซุนยองขอกงมีจาลาออก และขอให้โอนเงินค่าปิดปากให้เธอในสัปดาห์หน้า เพราะเธอรู้ความจริงทุกอย่างว่า กงมีจาแทงลูกชายตัวเอง และให้คนอื่นใช้ตัวตนของแบคฮีซอง เธอยังรู้อีกว่าแบคฮีซองพยายามจะฝังโดฮยอนซู หากไม่โอนเงินให้เธอก็จะเปิดโปงเรื่องทุกอย่าง กงมีจากับแม่บ้านพัคซุนยองยื้อยุดกัน จนกงมีจาหัวไปกระแทกโต๊ะ จังหวะนั้นแบคฮีซองออกมาเห็นเหตุการณ์ เขาจึงลุกขึ้นจากวีลแชร์ และใช้ผ้าพันคอรัดเธอจนขาดใจ

แบคมันอูกลับมาเห็นศพของแม่บ้าน จึงต่อว่าในการกระทำของลูกชาย ทั้ง ๆ ที่เคยรับปากว่าจะทำตัวใหม่เพื่อให้ได้ตัวตนกลับคืน กงมีจาออกมาปกป้องลูกโดยบอกว่า แม่บ้านเป็นฝ่ายข่มขู่ ซึ่งหากแบคฮีซองไม่ฆ่า เธอก็คงจะเป็นคนลงมือฆ่าเอง แต่ในอีกทางหนึ่งแบคฮีซองมีแผนที่จะโยนความผิดเรื่องนี้ให้กับโดฮยอนซู

โดฮยอนซูเริ่มทำตามแผนเพื่อล่อประธานยอม โดยการโทร. บอกแบคมันอูว่า คืนนี้เขามาพบไม่ได้ และต้องการใช้บ้านพักตากอากาศ โดยบอกกำหนดเวลาเอาไว้ แบคมันอูจึงรีบบอกประธานยอมทันที จากนั้นโดฮยอนซูก็แจ้งสถานที่และเวลากับนักสืบชเว

ขณะเดียวกันนั้น ชาจีวอนและโดฮยอนซูไปกดกริ่งหน้าบ้านของแบคมันอู ขณะที่เขาและแบคฮีซองกำลังยัดศพแม่บ้านเอาไว้ที่ท้ายรถ !

EP.13 หลุมพราง

โดฮยอนซูและชาจีวอนเดินเข้าไปในบ้าน ในขณะที่แบคมันอูและกงมีจาทักทายพวกเขาอย่างที่เคยทำมา ประหนึ่งว่าแสร้งทำเป็นว่าทุกอย่างเป็นปกติ หากแต่แท้จริงแล้ว ในใจพยายามซ่อนความกระวนกระวายเอาไว้

ตอนนี้ภายในบ้านนั้น ไร้ร่องรอยของการฆาตกรรมแม่บ้านพัคซุนยอง ซึ่งได้ถูกทำลายหลักฐานไปแล้ว จึงเหลือเพียงแค่สภาพบรรยากาศของการเผชิญหน้ากันของคนทั้ง 4 คน ที่ตอนนี้ล้วนแล้วแต่มีสิ่งที่ปกปิด และแผนการจะทำลายอีกฝ่าย

สถานการณ์เช่นนี้ เป็นสงครามจิตวิทยาอันตึงเครียด ในขณะที่ โดฮยอนซูและชาจีวอนกำลังไล่ต้อนแบคมันวูและกงมิจา ให้เข้าสู่กับดักหลุมพรางที่พวกเขาวางเอาไว้

EP.14 ความสุขในวัยเด็ก

กงมีจา, แบคมันอู และ แบคฮีซอง พยายามทำให้ตำรวจเชื่อว่า โดฮยอนซูเป็นคนฆ่าแม่บ้าน และอ้างว่า การที่ให้โดฮยอนซูใช้ตัวตนของแบคฮีซอง เพราะสงสารที่เขาไม่มีครอบครัว โดยที่อ้างว่าไม่รู้เบื้องหลังของโดฮยอนซูมาก่อน

ในระหว่างที่จองมีซุกโดนยอมซังซอลขังเอาไว้ ก็ได้เล่าเหตุการณ์ในอดีตที่ไม่มีใครเคยรู้มาก่อนว่า เธอเห็นแบคฮีซองใช้ก้อนหินทุบหัวโดมินซอกจนตาย แท้จริงแล้วโดมินซอกไม่ได้ฆ่าตัวตายอย่างที่ทุกคนเข้าใจ

ด้านแบคฮีซองแอบที่บ้านของชาจีวอน ด้วยความมืดและความที่โดแฮซูสวมเสื้อสูทของชาจีวอน ทำให้แบคฮีซองเข้าใจผิดว่าเขากำลังเผชิญหน้ากับจีวอน จากนั้นแบคฮีซองก็หยิบมีดออกมาแทงเธอจนล้มลง โดแฮซูหายใจรวยริน นึกถึงภาพในวัยเด็กที่เธอมีความสุขกับน้องชายและคิมมูจิน …

EP.15 ที่นี่คือสวรรค์

ตำรวจสามารถระบุตัวผู้สมรู้ร่วมคิดได้แล้วว่าคือ แบคฮีซอง และก็เชื่อว่า ผอ. และ กงมีจา มีส่วนเอี่ยวในเรื่องนี้ด้วย

ในขณะที่ แบคฮีซองโดนโดฮยอนซูจับมัดไว้ ซึ่งแบคฮีซองไม่รู้สึกสำนึกผิดแม้แต่น้อย เพราะว่าถึงอย่างไร เขาก็ต้องติดคุกตลอดชีวิตอยู่แล้ว แต่แบคฮีซองก็อาศัยจังหวะที่โดฮยอนซูเผลอ หนีไปได้

โดฮยอนซูตามไล่ล่าแบคฮีซองจนเจอ เขาได้แทงแบคฮีซองและตัดเส้นเอ็นที่ขา แต่แบคฮีซองก็ยังดิ้นรนหนีไปจนสุดขอบหน้าผา เมื่อชาจีวอนและเจ้าหน้าที่ตำรวจตามมาถึง แบคฮีซองเข้าแย่งปืนจากตำรวจ และยิงใส่ชาจีวอน ในขณะที่โดฮยอนซูเอาตัวเข้ามาบังจีวอน ทำให้ถูกยิงแทน ขณะที่ตำรวจก็ยิงใส่แบคฮีซองจนตาย …

EP.16 ตอนจบ

โดฮยอนซูหนังศีรษะฉีกและกะโหลกร้าว จากการโดนยิง เมื่อฟื้นขึ้นมาเขาสูญเสียความทรงจำ และคิดว่าตัวเองเข้าโรงพยาบาลเพราะอุบัติเหตุรถชนเมื่อปี 2005 หรือเมื่อ 15 ปีก่อน

แต่อย่างไรก็ตาม โดฮยอนซูกลายเป็นฮีโร่ เพราะเขามีส่วนช่วยคลี่คลายคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง ที่ตำรวจปิดคดีไม่ได้มานาน

4 เดือนผ่านไป … คณะลูกขุนเป็นผู้พิจารณาคดีโดแฮซูฆ่าหัวหน้าหมู่บ้าน โดยเธออ้างว่าเป็นการป้องกันตัว แต่ฝ่ายอัยการยื่นฟ้องข้อหาฆาตกรรม และเมื่อผลการพิจารณาคดีออกมา ปรากฏว่าโดแฮซูพ้นข้อกล่าวหา เพราะเป็นการกระทำเพื่อป้องกันตัวเอง

ด้านผอ.แบคมันอู สูญเสียความทรงจำ และคิดถึงแต่แบคฮีซอง

นักข่าวคิมมูจินไปหาโดแฮซูด้วยความคิดถึง เพราะหลังจากที่พ้นโทษ เธอก็ตัดสินใจไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ

โดฮยอนซูพยายามฟื้นความทรงจำ เขาได้อ่านไดอารี่ที่ตัวเองเคยเขียนไว้ ซึ่งเป็นเรื่องราวของชาจีวอน ซึ่งระบุว่าเธอเป็นภรรยาที่เขารักสุดหัวใจ

โดฮยอนซูไปรับลูกสาวที่โรงเรียน อึนฮาโผเข้ากอดพ่อด้วยความคิดถึง และสามคนพ่อแม่ลูกก็สวมกอดกันอย่างมีความสุข

จบบริบูรณ์

Source : tvN Korea