หลังจากเมื่อวาน (16 กันยายน 2020) ซาร่า คาซิงกินี ได้มาออกรายการ โหนกระแส ทางช่อง 3HD ในวันนี้ (17 กันยายน 2020) ไมค์ พิรัชต์ ได้มาออกรายการ แต่ไม่ได้เป็นการออกรายการพร้อมกับซาร่า โดยให้เหตุผลว่า เป็นการไม่เหมาะสมที่จะเผชิญหน้ากันออกสื่อ อีกทั้งในวันที่ 2 พฤศจิกายน ที่จะถึงนี้ จะต้องเจอกันที่ศาลเพื่อไกล่เกลี่ยอยู่แล้ว
ไมค์ บอกถึงต้นเหตุสำคัญ 2 ประการ ที่ทำให้ต้องไปร้องต่อศาลในการรับรองบุตรกับลูก คือ ลูกมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป จากที่เมื่อก่อนเคยบอกรักเคยวิ่งมากอด และความพยายามในการสับขาหลอก เพื่อไม่ให้เจอลูก
ส่วนเรื่องที่ ซาร่าบอกว่า ไมค์ไปลดคุณภาพชีวิตของลูกในเรื่องโรงเรียนและเรื่องที่อยู่อาศัยนั้น ไมค์มองว่า คุณภาพชีวิตของคนหนึ่งมันไม่ได้ตัดสินที่ราคาและขนาด โดยส่วนตัวของไมค์เองก็คำนึงถึงจุดนี้เช่นกัน และได้เลือกที่ดีที่เหมาะสมกับราคาให้กับลูกอยู่แล้ว
ส่วนเรื่องโรงเรียนจากเดิมค่าเทอมประมาณ 8 แสนบาทต่อปี เป็นโรงเรียนที่มีความเหมาะสมกับราคา 1.5 แสนบาท เนื่องจากวิกฤติโควิด ทำให้ต้องลดรายจ่ายต่าง ๆ ลง แต่ทางซาร่าไม่ได้ให้คำตอบ จนกระทั่งตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าลูกจะเรียนที่ไหน
โดยสรุปแล้ว ไมค์บอกว่า เขาเพียงแค่ต้องการเจอลูกแบบง่าย ๆ เท่านั้น แค่ต้องการช่วยตัดสินใจว่าชีวิตลูกจะเดินไปทางไหนเท่านั้นเอง พร้อมยืนยันว่า ที่ผ่านมานับตั้งแต่ซาร่าคลอดเขาก็ดูแลด้านค่าใช้จ่ายมาโดยตลอด ไม่เคยอิดออด
ทั้งนี้ ไมค์อยากให้เรื่องจบเร็วที่สุด เพราะถ้ายืดเยื้อก็จะทำให้กลับไปทำงานที่จีนไม่ได้ ทุกวันนี้ใช้เงินเดือนละ 15,000 บาท ทำอาหารกินเองเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย
ข้อเรียกร้อง 6 ข้อของซาร่า
นอกจากนี้ ทนายเจมส์ นิติธร ยังได้เปิด 6 ข้อเรียกร้องของซาร่า ดังนี้
- ขอให้ไมค์จ่ายเงินคืนเล่าเรียนของลูกที่ซาร่าจ่ายไปแล้ว ที่โรงเรียนนานาชาติที่ภูเก็ตให้ และจ่ายค่าเทอมต่อไปในอนาคตลูกจนจบปริญญาเอก
- ให้ไมค์จ่ายค่ารถและค่าพี่เลี้ยง
- จ่ายเงินเดือนให้กับซาร่าจากเดือนละ 3 หมื่นเป็น 5 หมื่น จนกว่าลูกจะมีรายได้หาเลี้ยงตัวเองได้
- ขอให้ซื้อคอนโด หรือบ้านในกรุงเทพฯ ให้ลูก
- ห้ามนำลูกไปหารายได้เพื่อประโยชน์ของไมค์เอง ซึ่งที่ผ่านมา ไมค์ปฏิเสธตลอดเมื่อมีงานประเภทนี้เข้ามา
- หากไมค์นำลูกไปหารายได้ ถือว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อตัวซาร่า
“ถ้าผมไม่อยู่แล้ว แล้วใครจะดูแลลูก”
ตอนท้าย หนุ่ม กรรชัย ในฐานะพิธีกรถามว่า ทำไมดูไม่ค่อยมีความสุขเลย เมื่อได้ยินคำถาม ไมค์ก็เริ่มน้ำตาคลอพร้อมพูดว่าว่า “มันมีหลายอย่างเยอะมาก ผมไม่รู้จะพูดยังไงเหมือนกัน คือทำอะไรไม่ได้เลย จัดการปัญหาต่อไป เดินหน้าต่อ ถ้าเราไม่อยู่แล้วใครจะดูแลลูก ครอบครัว และทีมงาน อีกทั้งยังมีหลายอย่างที่อยากทำแต่ไม่ได้ทำ”
Source: 1