สปอยล์ซีรีส์ Vincenzo ทนายมาเฟีย : เรื่องราวของทนายความหนุ่มของแก๊งมาเฟียอิตาลี หรือที่เรียกว่า “คอนซิเยเร” ที่หนีภัยกลับมายังบ้านเกิด กับทนายความสาวผู้ทำทุกอย่างเพื่อปฏิเสธคำว่าแพ้
EP.1 ทนายมาเฟียสุดเท่
EP.2 ปาร์ตี้สไตล์ซิซิลี
EP.3 ข้อเสนอที่มิอาจปฏิเสธได้
EP.4 ลูกพี่ใหญ่ปรากฏตัว
EP.5 ท่านประธานหุ่นเชิด
EP.6 เจ้าของบาเบลตัวจริง
EP.7 ถึงกำหนดรื้อถอน
EP.8 ขนลุกจนทะลุออกมานอกเสื้อ
EP.9 ข่มขู่เพื่อให้เชื่อง
EP.10 ผมรู้สึกเหมือนได้เป็นพระเจ้า
EP.11 บอสตัวจริงของบาเบล
EP.12 การล้างแค้นศัตรูของอิตาลี
EP.13 โมเมนต์มาเฟียยุค 60
EP.14 ทรยศคนในครอบครัว
EP.15 อินซากีเพื่อนรัก
EP.16 สายไปเสียแล้ว
EP.17 ขุมนรกแห่งความเสียใจ
EP.18 หนูในขวดแก้ว
EP.19 เข้าสู่ภาวะตึงเครียด
EP.20 เกาะฟางข้าว (ตอนจบ)
คะแนน : 6/10 ความน่าดู : 8/10 เรตติ้ง : 10.5
EP.1 ทนายมาเฟียสุดเท่
ณ กรุงโรม ประเทศอิตาลี วินเซนโซใช้ชีวิตในฐานะที่ปรึกษาทางกฎหมายหรือที่เรียกว่า ‘คอนซิเยเร’ ของตระกูลคาสซาโน แก๊งมาเฟียระดับบิ๊กของอิตาลี และเขายังมีฐานะเป็นลูกบุญธรรมของหัวหน้าแก๊งอีกด้วย
วันนี้วินเซนโซเดินทางไปหาเอมิลิโอที่ไร่องุ่นเพื่อเจรจาความบางอย่าง แต่เอมิลิโอไม่ใช่คนธรรมดาที่จะอ่อนข้อให้ง่าย ๆ เพราะเขาเป็นหัวหน้าแก๊งมาเฟียใหญ่ตระกูลลูซิโน เอมิลิโอพูดจากดูถูกเชื้อชาติของวินเซนโซที่เป็นคนเอเชีย ก่อนที่วินเซนโซจะตอบกลับไปว่า “ราคาที่ต้องจ่ายสำหรับการดูถูกคนเอเชีย จะได้รับเช็กบิลในไม่ช้า”
ระหว่างที่ทั้งสองพูดคุยกันนั้น คนของวินเซนโซก็แอบราดน้ำมันไปทั่วทั้งไร่องุ่น หลังจากนั้นเขาก็จุดไฟเผาไร่องุ่นจนราบเป็นหน้ากลอง ก่อนที่วินเซนโซจะเดินจากไปอย่างเท่ ๆ ในมาดมาเฟียหนุ่มผู้หล่อเหลา
หลังจากวินเซนโซทำตามคำสั่งสุดท้ายของหัวหน้าสำเร็จ เปาโล ลูกชายขี้อิจฉาที่ขึ้นมารับตำแหน่งหัวหน้าแก๊งแทนพ่อผู้ล่วงลับ ได้สั่งลูกน้องให้ไปเก็บวินเซนโซที่อพาร์ตเมนต์ แต่วินเซนโซก็จัดการฆ่ามือปืนได้อย่างชิล ๆ และส่งคำเตือนไปให้เปาโลด้วยการระเบิดรถ พร้อมกับบอกว่าอย่ามายุ่งกับเขาอีก ไม่งั้นเขาจะระเบิดรถในขณะที่เปาโลนั่งอยู่ในนั้น !
เมื่อพ่อบุญธรรมของเขาเสียและอิตาลีก็อันตรายเกินกว่าที่จะใช้ชีวิต วินเซนโซจึงตัดสินใจเดินทางกลับมายังประเทศเกาหลี เป้าหมายของเขาคือทองคำจำนวนมหาศาลที่ถูกซ่อนเอาไว้ในชั้นใต้ดินลับของตึกแห่งหนึ่งในกรุงโซล ทองเหล่านี้เดิมทีเป็นของพวกมาเฟียชาวจีนที่ต้องการซ่อนทองคำเอาไว้ในที่ปลอดภัย แต่เนื่องด้วยซีรีส์ไม่ได้กล่าวถึง เราจึงไม่รู้ว่าหัวหน้าแก๊งมาเฟียชาวจีนเจ้าของทองตอนนี้อยู่ไหน และทองคำมีที่มาที่ไปอย่างไร
อย่างไรก็ตาม เรารู้ว่าวินเซนโซเป็นเจ้าของตึกที่เก็บทองเหล่านั้น ตึกนี้มีผู้เช่ารายย่อยเป็นผู้เช่นโดยส่วนใหญ่ ซึ่งหนึ่งในผู้เช่าคือทนายความของแม่วินเซนโซ และเธอก็ติดคุกอยู่ในตอนนี้
ทีนี้ปัญหามันอยู่ที่ว่าเซฟที่เก็บทองคำจะไม่สามารถเปิดออกได้ เพราะมันจะทำให้ตึกถล่มลงมา ดังนั้น วินเซนโซจึงต้องเคลียร์กับผู้เช่าให้ย้ายออกและทำการรื้อถอนตึกก่อนที่จะขนเอาทองออกมา แต่เรื่องมันคงไม่ยากและซับซ้อนอะไรถ้าตึกนี้ไม่ได้เป็นที่ต้องการของบาเบลกรุ๊ป
บาเบลกรุ๊ป เป็นองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ในเกาหลี คล้าย ๆ กับซัมซุง ที่ทำธุรกิจหลากหลายอย่าง แต่ปรัชญาการทำธุรกิจของบาเบลคลายกับเป็นองค์กรมาเฟียมากกว่าจะเป็นองค์กรธุรกิจแบบทั่ว ๆ ไป เพราะเบื้องหลังความยิ่งใหญ่ของบาเบล มีทั้งการให้สินบนเจ้าหน้าที่รัฐ ซื้อตัวนักข่าว ใช้พวกอันธพาลข่มขู่ และฆาตกรรม อีกทั้งทุกสิ่งอย่างจะถูกปกป้องโดยสำนักงานทนายความอันดับหนึ่งที่เป็นแหล่งรวมของทนายความระดับหัวกะทิของประเทศ
บาเบลคอนสตรักชันส่งทีมงานมาเจรจาเพื่อขอซื้อตึก ซึ่งแน่นอนว่าวินเซนโซไม่ยอมขาย เพราะทองคำที่ซ่อนเอาไว้มีมูลค่ามากกว่าตึกนี้หลายเท่า พวกอันธพาลจึงบุกไปทำร้ายโจยองอุน (ผู้ดูแลตึกให้วินเซนโซ และเป็นคนที่ถือกรรมสิทธิ์ตามกฎหมาย) เพื่อบังคับให้เซ็นเอกสารขายตึก ซึ่งแน่นอนว่าโจยองอุนยอมเซ็นอย่างไม่มีทางเลือก
เมื่อได้เอกสารการซื้อขายตึกแล้ว พวกอันธพาลก็มาที่ตึกเพื่อขับไล่ผู้เช่าออก แต่แล้วพระเอกมาเฟียของเราก็ออกมาจัดการกับพวกอันธพาลชั้นหางแถวอย่างชิล ๆ และจากเหตุการณ์นี้เอง ทำให้วินเซนโซไปพบกับ ฮงชายอง (รับบทโดย จอนยอบิน) ทนายความของบาเบลกรุ๊ปเป็นครั้งแรก
EP.2 ปาร์ตี้สไตล์ซิซิลี
ในทางเทคนิคบาเบลกรุ๊ปถือกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของตึกนี้เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นแม้วินเซนโซจะไล่พวกอันธพาลออกไปได้ ก็เป็นเพียงแค่การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น
ระหว่างนั้นวินเซนโซกับทนายฮง (ทนายความที่ว่าความให้แม่ของวินเซนโซ และเป็นพ่อของฮงชายอน) ก็เริ่มสนิทกันมากขึ้น พวกเขามีความเห็นตรงกันว่าบาเบลเป็นองค์กรที่ชั่วร้าย และทั้งสองจะร่วมมือกันโค่นบาเบลกรุ๊ป
ชายอนรู้ข่าวว่าบาเบลคอนสตรักชันจะใช้เครื่องมือหนักเข้ารื้อถอนตึก จึงเอาเรื่องนี้ไปเตือนพ่อของเธอ ทำให้วินเซนโซรู้เรื่องนี้ไปด้วย
ในคืนวันรื้อถอน วินเซนโซได้เตรียมแผนรับมือเอาไว้แล้ว แถมเป็นวิธีที่น่าเหลือเชื่อเกินใครจะคาดคิด !
วินเซนโซจัดงานปาร์ตี้สไตล์ซิซิลีขึ้น โดยเชิญแขกเหรื่อมาร่วมเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นเหล่าอินสตาแกรมเมอร์ ยูทูบเบอร์ บลา ๆ เมื่อถึงเวลารื้อถอน พวกอันธพาลที่ขับรถบรรทุกพร้อมเครื่องมือหนักก็จำต้องล่าถอยออกไป เพราะมีคนร่วมงานปาร์ตี้เป็นจำนวนมาก
EP.3 ข้อเสนอที่มิอาจปฏิเสธได้
แม้จะหยุดการรื้อถอนไปได้ 2 ครั้ง แต่วินเซนโซรู้ดีว่ามันเป็นแค่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น วันถัดไปเขาจึงคิดจะเล่นงานบาเบลฟามาซูติคอล ที่ผลิตยาแก้ปวดผสมสารเสพติด RUD90 เขาจึงไปพบทนายฮง ซึ่งมีลูกความหลายคนของทนายฮงกำลังดำเนินการฟ้องร้องคดีนี้อยู่ แต่วินเซนโซรู้สึกว่าคดีนี้อันตรายเกินไป เขาจึงบอกให้ทนายฮงวางมือจากเรื่องนี้ แต่ทนายฮงกลับบอกว่าเขาจะสู้ให้ถึงที่สุด
หลังจากนั้น วินเซนโซจึงเบนเข็มไปที่นาด๊อกจิน หัวหน้าทีมของบาเบลคอนสตรักชัน เพื่อยื่นข้อเสนอที่มิอาจปฏิเสธได้ เขาขอให้ด๊อกจินเลื่อนแผนการรื้อถอนตึกออกไป 2 เดือน แลกกับการที่หลักฐานการโกงบริษัทและเแอบล่นชู้ของด๊อกจินจะถูกเก็บเป็นความลับต่อไป ซึ่งทำให้ด๊อกจินต้องตอบตกลงอย่างไม่มีทางเลือก
เมื่อเคลียร์เรื่องการรื้อถอนตึกสำเร็จ วินเซนโซจึงเรียกประชุมผู้เช่า เขาเสนอจะซื้อตึกห้างสรรพสินค้าข้าง ๆ เพื่อให้ทุกคนย้ายไปอยู่ที่นั่นแบบฟรี ๆ
ชายองโมโหมากที่พ่อเข้ามาทำลายคดีที่เธอทำอยู่ จึงไปใส่อารมณ์กับพ่อและขุดคุ้ยเรื่องในอดีตที่พ่อสนใจแต่คดีชาวบ้านจนทำให้แม่ต้องตายอยู่ในห้องผ่าตัดเพียงลำพัง หลังจากนั้นวินเชนโซได้เข้ามาเตือนชายอง และให้ตามไปที่ร้านประจำเพื่อปรับความเข้าใจกับพ่อ
ขณะที่ชายองกำลังเดินไปหาพ่อและวินเชนโซที่ร้าน ทันใดนั้นรถบรรทุกขนาดใหญ่ก็พุ่งเข้าชนโต๊ะของทั้งคู่ !
EP.4 ลูกพี่ใหญ่ปรากฏตัว
วินเซนโซถูกนำส่งโรงพยาบาล แต่ทนายฮงโชคร้ายเสียชีวิต ! รายงานข่าวเสนอข่าวการเสียชีวิตของทนายฮงไปในเชิงลบว่า ทนายฮงกำลังอยู่ในกระบวนการสอบสวนความผิดฐานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นนำสืบพยานเท็จ และการกระทำอื่น ๆ อันผิดต่อกฎหมายหลายข้อ ในรายงานยังทิ้งท้ายเอาไว้ด้วยว่า เขาเป็นนักกฎหมายด้านสิทธิมนุษยชนที่มีชื่อเสียง แต่ความผิดที่เขาทำตอนยังมีชีวิตกำลังจะถูกเปิดเผยออกมา
แต่อย่างไรก็ตาม คนที่รู้จักทนายฮงต่างรู้ดีว่าข่าวดังกล่าวล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องโกหก พวกเขาจึงมารวมตัวกันที่สำนักงานทนายความ และร่วมกันแสดงความอาลัยกับการจากไปของเขา
แม้วินเซนโซจะรอดพ้นจากพญามัจจุราชแต่เขาก็อยู่ในอาการโคม่า ชายองไปเยี่ยมวินเซนโซที่โรงพยาบาล เธอกล่าวถ้อยคำมากมายทั้งน้ำตาอ้อนวอนขอร้องให้เขาฟื้นขึ้นมา … ทันใดนั้นเองเรื่องเหลือเชื่อก็เกิดขึ้น วินเซนโซฟื้นตื่นขึ้นมาจากอาการโคม่า ทั้งสองพากันไปเยี่ยมหลุมศพของทนายฮง หลังจากนั้นวินเซนโซได้พูดกับชายองว่า มันเหมือนจะสายเกินไปที่เธอจะชื่นชมพ่อในตอนนี้ ทำไมเธอไม่บอกในตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ ? จากเรื่องราวที่เกิดขึ้นทำให้ชายองตัดสินใจลาออกจากบาเบลกรุ๊ป
ชายองปรึกษาวินเซนโซ และขอให้เขาช่วยกอบกู้ศักดิ์ศรีของพ่อเธอ แลกกับการที่เธอจะช่วยให้เขาได้ตึกกลับคืนมา ทั้งสองจึงร่วมมือกันตามสืบด้วยวิถีทางของมาเฟีย เริ่มต้นด้วยการเดินทางไปที่เรือนจำเพื่อพบกับผู้ชายที่ขับรถบรรทุก เขายอมเล่าความจริงทั้งหมดออกมาเพราะโดนวินเซนโซขู่ฆ่า แต่อย่างไรก็ตามคืนนั้นชายคนขับรถบรรทุกก็ไม่รอด ถูกพบเป็นศพอยู่ในเรือนจำ
ด้วยเบาะแสที่ได้ นำไปสู่ผู้อยู่เบื้องหลังการฆ่าทนายฮง นั่นก็คือ ชเวมยองฮี ซึ่งเธอเป็นอดีตเพื่อนร่วมงานของชายองที่บาเบลกรุ๊ปนั่นเอง
ณ คลังเก็บวัตถุดิบ RUD90 ของบาเบลฟามาซูติคอล วินเซนโซกับชายองปลอมตัวเป็นพนักงานบริษัทพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ เข้าไปลอบวางเพลิงทำลายโกดังจนวอดวาย
ขณะที่ประธานจางกำลังดูคลังสินค้าที่ไฟกำลังไหม้วอดวาย ชายคนหนึ่งที่เขาเรียกว่าลูกพี่ก็ปรากฏตัวขึ้น เขาคือจางจุนอู เด็กฝึกงานของชายอง !
EP.5 ท่านประธานหุ่นเชิด
ที่แท้แล้วลูกพี่ใหญ่ของบาเบลกรุ๊ปคือ จางจุนอู ที่ปลอมตัวเป็นเด็กฝึกงานของชายอง และประธานจางก็เป็นเพียงแค่หุ่นเชิดของเขาเท่านั้น !
ส่วนวินเซนโซกับชายองตัดสินใจว่าจะทำลายบาเบลด้วยวิถีทางของกฎหมาย โดยจะพุ่งเป้าไปที่บาเบลเคมีคอลส์ เพราะชายองมองว่าเป็นบริษัทลูกของบาเบลที่ทำเรื่องชั่วช้า ซึ่งเป็นเป้าที่อ่อนแอที่สุด
บาเบลเคมีคอลส์มีเหยื่อทั้งหมด 49 ราย ในนั้นมีผู้เสียชีวิต 9 คน ทั้งหมดเป็นโรคเกี่ยวกับโลหิต สาเหตุการตายของเหยื่อทุกคนคือมะเร็งเม็ดเลือดขาว ซึ่งเกิดจากสารที่เรียกว่า BLSD ซึ่งเป็นสารเคมีที่นำมาใช้ในนวัตกรรมแผงหน้าจอยุคใหม่ แต่มีส่วนประกอบที่มีพิษรุนแรงทำให้ถูกสั่งห้ามพัฒนาในอเมริกา
โดยสมัยที่บาเบลยังใช้ชื่อแฮมุนกรุ๊ป จางกุกฮัน พ่อของประธานจางเป็นคนก่อตั้งโรงพยาบาลในเครือขึ้นมา ผอ.กิลจงมุน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแฮมุน เป็นหัวหน้าแผนกโลหิตวิทยาและมะเร็งวิทยา เขาเป็นคนปลอมแปลงผลตรวจเพื่อปกปิดอุบัติเหตุจากการทำงานของบาเบล เขาเป็นหมอที่ไร้จรรยาบรรณ
ส่วนด้านสื่อ บรรณาธิการบริหารชอนอิลซู จากแดชังเดลี เขาเป็นคนเกาะบาเบลเพื่อหวังโฆษณา เขียนข่าวในเชิงบวกให้กับบาเบล
หลังจากนั้น วินเซนโซกับชายองพยายามที่จะโน้มน้าวให้เหล่าครอบครัวของเหยื่อ ให้แต่งตั้งพวกเขาเป็นทนาย จนในท้ายที่สุดก็ประสบความสำเร็จ
เมื่อวันนัดศาลมาถึง วินเซนโซใส่จิตวิทยากับพวกทนายของฝ่ายบาเบล ด้วยการขับแลมโบฯ ไปที่ศาล
EP.6 เจ้าของบาเบลตัวจริง
เมื่อเริ่มต้นการพิจารณาคดีที่ศาล สิ่งที่ชายองกับวินเซนโซต้องทำคือการขอเลื่อนการพิจารณาคดีออกไปอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เนื่องจากถ้าพิจารณาคดีตอนนี้พวกเขาจะเสียเปรียบ แต่ดูเหมือนท่านผู้พิพากษาจะไม่ยอมรับคำร้องนี้ ซึ่งวินเซนโซคาดการณ์เอาไว้แล้ว เขาจึงเตรียมวางแผนเอาไว้ 3 ขั้นด้วยกัน
เริ่มด้วยการให้ชายองแสดงละครว่าโรคตื่นตระหนก (Panic Disorder) กำเริบระหว่างการพิจารณาคดี แต่ดูเหมือนว่าแผนนี้จะไม่ได้ผล แผนต่อมาคือตัดไฟแต่ก็อีกเช่นเคย ผู้พิพากษาให้ดำเนินการพิจารณาคดีต่อ
แผนสุดท้ายคือปล่อยตัวแตนออกมา ผู้คนที่อยู่ในห้องพิจารณาคดีต่างวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น แม้ว่าผู้พิพากษาท่านจะบอกให้ดำเนินคดีต่อไป แต่ก็ถูกคนของวินเซนโซแกล้งทำน้ำผึ้งกดใส่ สุดท้ายท่านผู้พิพากษาก็หน้าบวมปากบวม และยอมเลื่อนการพิจารณาไป 1 สัปดาห์
หลังจากนั้น วินเซนโซก็เคลียร์กับบรรดาผู้เช่าตึกให้ย้ายไปตึกใหม่ได้สำเร็จ โดยอ้างว่าเขาจะรื้อถอนตึกนี้เพื่อจะสร้างใหม่
ระหว่างนั้น จางจุนอูก็เปิดเผยตัวว่าเขาคือเจ้าของตัวจริงของบาเบลที่ถูกต้องตามกฎหมาย ทีนี้ พวกคนที่เคยทำไม่ดีใส่เขาก็ต่างพากันเปลี่ยนท่าที มาเป็นเลียแข้งเลียขากันเป็นการใหญ่
EP.7 ถึงกำหนดรื้อถอน
การต่อสู้คดีในชั้นศาลได้เริ่มขึ้นแล้ว ฝ่ายทนายของบาเบลเคมีคอลส์ ใช้พยานซึ่งเป็นสเปเชียลลิสต์อันดับ 1 ของเกาหลี ยืนยันว่าอันตรายที่เกิดจากสารเคมีเป็นความบกพร่องส่วนบุคคล
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ วินเซนโซไปพบกับภรรยาของสเปเชียลลิสต์ที่เป็นพยานของบาเบล เขาเอาเรื่องที่สามีของเธอแอบไปมีเมียน้อย แล้วแอบถอนเงินในธนาคารปรนเปรอเมียน้อยไปบอกกับเธอ แล้วขอให้เธอขึ้นมาเป็นพยานหักล้างสามี เพื่อเป็นการแก้แค้นสามีที่ไม่ซื่อตรงกับเธอ
เมื่อเธอขึ้นเป็นพยาน เธอได้เอาหลักฐานหักล้างสิ่งที่สามีเธอได้ให้การไว้ทั้งหมด แถมยังบอกด้วยว่า จริง ๆ แล้วสามีของเธอติดยาเสพติด เพราะฉะนั้นสามีของเธอจึงไม่ใช่พยานที่น่าเชื่อถือ
จางจุนอูโกรธมาก เขาตวาดใส่ทนายชเวมยองฮีด้วยความเดือดดาล จากนั้นมยองฮีจึงเรียกประชุมทีมทนายวางแผนเล่นงานชายอง ทำให้ชายองถูกจับเข้าคุกอีกครั้ง
ซึ่งวินเซนโซก็ช่วยชายองออกมาจากคุกได้แบบชิล ๆ อีกเช่นเคย … วินเซนโซรู้ว่าลูกชายของอัยการสูงสุดเป็นนักฟุตบอล แล้วเป็นจังหวะเดียวกับที่จะมีการดูตัวนักฟุตบอลของเกาหลีไปเล่นที่อิตาลี วินเซนโซจึงเสนอว่าเขารู้จักกับโค้ช และเขาสามารถทำให้ลูกชายของอัยการได้รับการคัดเลือกให้ไปเล่นที่อิตาลี แลกกับการที่ปล่อยตัวชายอง
ทีนี้ กลับมาที่ปัญหาหลักคือทองอยู่ใต้ตึก ซึ่งตอนนี้วินเซนโซยังไม่สามารถจะเอามันออกมาได้ อีกทั้งตอนนี้ก็ครบกำหนดที่พวกอันธพาลจะเข้ามาทำการรื้อถอน ที่สำคัญพวกผู้เช่าก็ปัญหาเยอะไม่ยอมย้ายออกไปง่าย ๆ แถมยังเดินหน้าประท้วงไม่ให้มีการรื้อถอนตึกอีกต่างหาก แบบประมาณตายเป็นตาย ยังไงก็ไม่ยอมย้าย
วินเซนโซเลยวางแผนแก้ปัญหาเฉพาะหน้า โดยการจ้างพวกพัคซอนโดให้ปลอมตัวมาเป็นผู้ประท้วง หลังจากนั้นก็จะให้มีการปะทะกับพวกอันธพาล โดยผู้ประท้วงที่ปลอมตัวมาจะต้องยอมโดนพวกอันธพาลทำร้าย เพื่อที่จะเอาคลิปที่ผู้เช่าโดนทำร้ายไปลงในโซเชียล อย่างน้อย ๆ ก็กดดันให้พวกอันธพาลยืดเวลาในการรื้อถอนออกไปก่อน … แต่
ระหว่างพวกพัคซอนโดกำลังเดินทางมาที่ตึกเพื่อทำตามแผน เกิดมีโทรศัพท์จากกรมอนามัยโทร. มาให้กักตัว 14 วันซะอย่างนั้น ทำให้ต้องยกเลิกแผนอย่างกะทันหัน
เอาแล้ว แผนอันแยบยลของทนายมาเฟียต้องมาพังเพราะกักตัวโค-หวิด พวกผู้เช่าจึงเข้าปะทะกับพวกอันธพาล แต่มันยิ่งกลับตาลปัตรไปกันใหญ่ เมื่อฝ่ายที่โดนทำร้ายจนลงไปนอนอยู่กับพื้นคือพวกอันธพาล !
EP.8 ขนลุกจนทะลุออกมานอกเสื้อ
หลังเกิดเหตุตะลุมบอนกันระหว่างผู้เช่าตึกกับพวกอันธพาล พวกเขาทั้งหมดก็ไปกองกันอยู่ที่สถานีตำรวจ พวกแก๊งอันธพาลโดนจับโยนเข้าไปอยู่ในห้องขัง แต่ก็พยายามจะบอกว่าทั้งหมดเป็นความผิดของผู้เช่า แต่ดูเหมือนว่าวินเซนโซจะมีหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอ ที่เผยให้เห็นว่าพวกแก๊งอันธพาลเข้ารุมทำร้ายหนึ่งในผู้เช่าก่อน
แม้ว่าแผนที่วินเซนโซวางเอาไว้จะล้มเหลว แต่ผลลัพธ์ก็ออกมาสำเร็จเหมือนเดิม .. มาการอง ๆ ๆ 😁
ตอนนี้สภาพทางการเงินของบาเบลกรุ๊ปง่อนแง่นเต็มที จากความเสียหายที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ชเวมยองฮีจึงคิดแผนการที่จะฟื้นฟูบริษัทให้ไปรอด โดยการไปแบล็กเมลประธานฮวัง ผู้บริหารระดับสูงของธนาคารที่มีความเชื่อถือมากที่สุดของเกาหลี ให้ทำการลงทุนปลอม ๆ กับบาเบล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับบาเบลในการที่จะไปขอกู้เงินจากธนาคารอื่น ๆ
ทีนี้ วินเซนโซกับชายองต้องการจะทำลายแผนการระดมทุนของบาเบล แล้วชายองก็คิดแผนการที่จะทำให้ทนายมาเฟียอย่างวินเซนโซ ต้องขนลุกขนพองขึ้นมาเป็นครั้งแรก แผนการมีอยู่ว่า …
ประธานฮวัง ซึ่งจะเป็นผู้เซ็นลงนามการอนุมัติการลงทุนของธนาคารกับบาเบล เป็นเกย์ ดังนั้น วินเซนโซต้องเข้าไปโปรยเสน่ห์ให้ประธานฮวังหลงรักเขา แล้วก็โน้มน้าวโดยใช้ความรักให้เขาล้มแผนการลงทุนกับบาเบลที่กำลังจะเกิดขึ้น
แล้วภาพต่อจากนั้นหลายสิบนาที ก็กลายเป็นช่วงเวลาแห่งความรักของประธานฮวังที่มีต่อวินเซนโซ อึ๋ย … ตลอดช่วงเวลานั้น วินเซนโซบอกกับชายองว่า “ขนลุกจนทะลุออกมานอกเสื้อ”
อย่างไรก็ตาม ด้วยความหล่อเหลาระดับเทพบุตรจุติมาเกิดก็ไม่ปาน ทำให้ประธานฮวังหลงวินเซนโซจนหัวปักหัวปำ กระทั่งถึงวันเซ็นสัญญาร่วมลงทุน ประธานฮวังก็เลือกที่จะไม่ลงนาม แต่ทว่า ชเวมยองฮีได้เตรียมแผนสองเอาไว้แล้ว
แม่ของประธานฮวัง ซึ่งเป็นประธานใหญ่ได้มาลงนามแทนลูกชายของตัวเอง
สุดท้ายประธานฮวังก็กลายเป็นหมาหัวเน่า เขาโดนพวกของวินเซนโซจับไปขังในห้อง แล้วให้คนมาหลอกเป็นซอมบี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัวมากที่สุดในชีวิต เมื่อโดนปล่อยออกมาเขาก็แทบกลายเป็นคนบ้า
สุดท้าย เกมนี้บาเบลและชเวมยองฮีเป็นฝ่ายชนะ !
EP.9 ข่มขู่เพื่อให้เชื่อง
ในซีรีส์ Vincenzo EP.9 ตอนนี้เราจะได้เห็นการเทคแอ็คชั่นของ จางจุนอู (รับบทโดย แทคยอน 2PM) อย่างจริงจังในการสร้างบาเบลให้ยิ่งใหญ่อย่างที่เขาฝันไว้ …
หลังจากแผนขัดขวางการทำข้อตกลงระหว่างบาเบลกับธนาคาร (ที่วินเซนโซต้องเอาตัวเข้าแลกจนขนลุกซู่) จะพลาดไปอย่างน่าเสียดาย แต่วินเซนโซมองว่าการได้แก้แค้นประธานธนาคารให้โอกยองจาถือว่าเป็นเรื่องที่น่าพอใจ แต่ชายองกลับอยากกระชากหน้ากากหัวหน้าบาเบลออกมาให้ได้
ขณะเดียวกัน จางจุนอูต้องเจอกับปัญหาใหญ่ เมื่อโดนผอ.กิลจงมุนแบล็กเมลเงิน 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แลกกับการที่จะไม่เปิดโปงว่าเขาคือประธานบาเบล และเรื่องที่ฆ่าพ่อตัวเองกับอัยการ จุนอูจึงใช้แผน “ข่มขู่เพื่อให้เชื่อง” จัดการกับปัญหานี้
จุนอูให้ฮันซอ ประธานหุ่นเชิดของเขานัดเจอกับอธืบดีอัยการและอัยการหัวหน้าแผนก หลังจากนั้นก็ลักพาตัวทั้งสองคนจับมัดมือมัดขาเอาไว้ที่เก้าอี้ อัยการหัวหน้าแผนกโวยวายด่าทอเป็นการใหญ่ว่าบาเบลจะต้องล่มจม แต่พูดไม่ทันขาดคำ จุนอูที่สวมหน้ากากฮอกกี้เพื่อปิดบังใบหน้า พร้อมกับลากไม้ฮอกกี้ฟาดเข้าไปที่หัวของอัยการหัวหน้าแผนก เมื่อล้มลงไปกองอยู่กับพื้น จุนอูก็ได้ตีซ้ำไปอีกหลายครั้งจนตาย ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน อธิบดีอัยการก้มลงขอชีวิตและกล่าวว่าต่อไปนี้เขาจะไม่จองหองอีกต่อไปแล้ว
รุ่งขึ้น ข่าวรายงานว่าอัยการหัวหน้าแผนกเมาแล้วขับ เกิดอุบัติเหตุขับรถตกหน้าผาเสียชีวิต วินเซนโซกับชายองไม่เชื่อว่าเป็นแค่เรื่องเมาแล้วขับ
จากนั้น จุนอูก็สั่งให้อธิบดีอัยการทำการเข้าตรวจสอบธนาคารดงอิลและธนาคารแทซาน ซึ่งเป็นสองธนาคารใหญ่ในเกาหลี ในข้อหาการละเมิดกฎหมายตลาดหลักทรัพย์ เพื่อบีบให้สองธนาคารเข้าลงทุนในบาเบล
ยิ่งไปกว่านั้น จุนอูยังได้บรรลุข้อตกลงทางการค้ากับบริษัทสัญชาติอเมริกัน ในการนำเข้ายาแก้ปวดที่มีส่วนประกอบของสารเสพติด ซึ่งก็คือ RDU90 ที่โดนวินเซนโซเผาจนวอดวายไปทั้งโกดังก่อนหน้านี้ แต่ครั้งนี้จะเพิ่มกำลังการผลิตอีก 3 เท่า
ขณะเดียวกัน วินเซนโซกับชายองก็ได้เบาะแสประธานตัวจริงของบาเบล และได้พันธมิตรใหม่เป็นอัยการเจ้าของฉายาหูกำแพงเหล็ก ผู้ซึ่งหมายมั่นที่จะโค่นบาเบล อีกทั้งยังเป็นอัยการผู้ดูแล ผอ.กิลจงมุนอยู่ตอนนี้ ทั้งสามได้ร่วมกันที่จะทำอะไรบางอย่าง เพื่อที่จะเค้นความจริงจาก ผอ.กิล ว่าใครกันแน่คือ ประธานของบาเบลตัวจริง
ชายองวางแผนที่จะแกล้งทำเป็นนักฆ่าที่ถูกส่งมาจากบาเบล เพื่อเป็นอุบายหลอกให้เขาสารภาพ แต่เมื่อมาถึงเซฟเฮ้าส์ ชายองกับวินเซนโซก็พบ ผอ.กิลและอัยการ รวมถึงตำรวจคุ้มกัน ทุกคนถูกสังหารตายทั้งหมด !
ชายองได้รับข้อความจากสมาชิกในครอบครัว (ญาติเหยื่อผู้เสียชีวิตที่เคยร่วมมือกับวินเซนโซเผาโกดังบาเบลฟาร์มาซูติคิล) กล่าวขอโทษในสิ่งที่พวกเขาได้ทำลงไป จากนั้นทั้งสองก็รีบไปยังสถานที่ที่พวกเขาทั้งสี่คนเลือกจบชีวิตตัวเองด้วยการรมควันบนรถ เมื่อได้เห็นสภาพศพ ชายองและวินเซนโซถึงกับอยู่ในอาการช็อก
EP.10 ผมรู้สึกเหมือนได้เป็นพระเจ้า
การตายของ 4 สมาชิกครอบครัวเหยื่อผู้ได้รับผลกระทบจากบาเบลฟาร์มาซูติคอล ถูกจัดฉากให้เป็นการฆ่าตัวตาย ส่วนผอ.กิลจงมุน ก็ตายเพราะโดนฆาตกรรม และทั้งหมดผู้ที่อยู่เบื้องหลังคือจางจุนอูนั่นเอง
วินเซนโซรู้สึกเฟลมากกับการตายของทั้ง 4 คน เขามองว่าพวกเขาไม่ใช่วายร้ายที่สมควรจะต้องจบชีวิตแบบนี้ การล้างแค้นจึงต้องเกิดขึ้น ด้านฮงชายองเองก็เห็นด้วย การตายของทั้งสี่ไม่สามารถใช้ทนายความเรียกหาความยุติธรรมได้ ครั้งนี้จำเป็นต้องใช้วิถีของมาเฟียตัวจริงในการร้องหาความยุติธรรม !
อย่างแรกที่ทำคือจัดการกับตำรวจที่รับสินบนในการละเลยการสอบสวน และทำคดีให้เป็นการฆ่าตัวตาย … วินเซนโซคนเดียวจัดการกับตำรวจขี้ฉ้อสองคนได้อย่างชิล ๆ แล้วจับทั้งคู่ไปไว้บนตึกร้าง มัดทั้งคู่ติดกันบนเก้าอี้ พร้อมกับ “ยื่นข้อเสนอที่มิอาจปฏิเสธได้”
วันต่อมา วินเซนโซได้รับหลักฐานในการสืบสวนคดี โดยหลักฐานชิ้นสำคัญคือกล้องวงจรปิด ที่เผยให้เห็นว่ามีรถตู้ตามประกบติดรถตู้ของทั้งสี่มาตลอดทาง พอถึงอุโมงค์คนร้ายก็ขับรถเข้าชน จากนั้นก็ใช้ไฟฟ้าช็อตที่ต้นคอของทั้งสี่จนหมดสติ แล้วขับรถไปที่จุดเกิดเหตุเพื่อจัดฉากว่าเป็นการรมควันฆ่าตัวตาย
แต่การที่จะสืบต่อไปถึงตัวคนร้ายไม่สามารถทำต่อได้ เพราะติดอยู่ตรงที่รถคนร้ายใช้ทะเบียนปลอม วินเซนโซจึงเสนอความคิดว่า ในเมื่อหาตัวคนร้ายไม่ได้ก็ต้องให้มันมาหาเราเอง แล้วการทำให้คนร้ายมาฆ่าเรา ก็คือต้องดูถูกให้พวกมันโกรธในที่สาธารณะอย่างเปิดเผยและข่มขู่พวกมัน ชายองได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจ แต่เธอก็พูดออกมาว่า “แม้จะกลัวจนตัวสั่น แต่ถ้าต้องการจับคนร้ายก็ข่วยไม่ได้”
ชายองคิดจัดรายการล้อเลียนทางอาอิงทูบ (ยูทูบ) เพื่อล้อเลียนบาเบลและสำนักงานกฎหมายอูซัง โดยได้รับความร่วมมือจากผู้เช่าคึมกาพลาซา ทั้งหมดสวมหน้ากากเพื่อปิดบังใบหน้า วินเซนโซกับชายองเป็นผู้ดำเนินรายการ
ชายองกัดชเวมยองฮีอย่างเจ็บแสบ เธอเผยว่าอูซังมีทนายความหญิงคนหนึ่งที่เมื่อก่อนเป็นอัยการชั่ว เธอไม่ได้ทำงานกับกฎหมายแต่ทำงานกับอันธพาล วัน ๆ ไม่ทำอะไร เอาแต่เต้นด้วยท่าเต้นมั่ว ๆ โดยไม่เลือกเวลาและสถานที่ .. ชายองกัดประธานอูซังต่อ หาว่าวัน ๆ ไม่ทำอะไร ดีแต่เลียแข้งเลียขาเขาไปทั่ว
ด้านวินเซนโซที่สวมหน้ากากอินซากี (นกพิราบ) ก็จัดหนักประธานจางฮันซอว่า โง่ “สมองของเจ้าโง่คนนี้ มีประโยชน์แค่เติมเต็มกะโหลกเท่านั้น” พร้อมทิ้งท้ายว่า “บาเบลเป็นองค์กรที่ซื้อทุกสิ่งด้วยเงิน เจ้าของต้องไร้ความสามารถขนาดไหนถึงต้องซื้อทุกอย่างด้วยเงิน ต้องโง่ขนาดไหนถึงซื้อทุกสิ่งด้วยเงิน”
ตัดภาพมาที่จางจุนอู เขามองออกว่าคลิปล้อเลียนที่ทำออกมาเป็นกับดัก เพื่อต้องการให้เขาเปิดเผยตัว ดังนั้น ขอให้ทุกคนใจเย็น ๆ ไว้ อย่าได้หลงกลเป็นเด็ดขาด
ในระหว่างที่จุนอูคุยกับมยองฮี เธอถามเขาว่าทำไมถึงต้องบริหารงานโดยปิดบังตัวตน ? จูนอูตอบกลับด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม “หนึ่ง เพราะมันตื่นเต้นดีเหมือนเวลาเล่นเกม สอง ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาผมไม่ต้องติดคุก และสาม ผมรู้สึกเหมือนได้เป็นพระเจ้า” เมื่อได้ฟังเช่นนั้น มยองฮีหันไปมองจุนอูด้วยรอยยิ้มที่มุมปากและกล่าวว่า “ฉันชอบเหตุผลที่สามมากที่สุด เพราะฉันเองก็อยากเป็นพระเจ้าเหมือนกัน” #เชียร์ส
วินเซนโซดำเนินแผนข่มขู่ต่อ เป้าหมายแรกคือฮันซึงฮยอก และต่อมาคือชเวมยองฮี สุดท้ายก็จางฮันซอ … ทุกคนได้รับตัวอักษร C ที่เขียนด้วยเลือด
จุนอูให้คนไปตามสืบประวัติวินเซนโซที่อิตาลี ได้ความว่า เขาเป็นคอนซิเยเรที่ทุกแก็งในอิตาลีให้การยอมรับและเกรงกลัว เป็นคนที่โหดเหี้ยมมากกว่าที่ใครจะคาดคิด และอักษร C ก็เป็นอักษรเตือนก่อนที่จะลงมือฆ่า ตัว C หมายถึงตระกูลคาสซาโน (กาซาโน)
เมื่อจุนอูรู้พิษสงของวินเซนโซ เขาจึงพูดกับฮันซอว่า “เราต้องฆ่ามัน ไม่เช่นนั้นมันจะฆ่าเรา !” จุนอูสั่งทีมสังหารลงมือฆ่าวินเซนโซทันที ระหว่างนั้นจุนอูก็โทร. เรียกให้ชายองออกมาพบเขา โดยอ้างว่ามีข้อมูลเรื่องซึงอูที่จะบอก
วินเซนโซให้ผู้จัดการทำคลิปเพื่อล่อให้นักฆ่าไปที่อุโมงค์ วินเซนโซกับนักฆ่ายิงกันอย่างดุเดือด วินเซนโซเฉียดตายกระสุนปืนถากลำคอไปเพียงนิดเดียว แต่เขาก็จัดการกับนักฆ่าได้หมด … วินเซนโซเดินมาหาหัวหน้านักฆ่า พร้อมกับล้วงไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าของมันออกมา แล้วถามว่าท่านประธานที่อยู่ในบันทึกข้อมูลการโทร. คือใคร ?
ทันใดนั้น ชายองกับจุนอูก็มาถึง ชายองรีบวิ่งเข้าไปสวมกอดวินเซนโซ ก่อนที่เขาจะเอ่ยออกมาว่า “ผมรู้แล้วว่าเจ้าของบาเบลตัวจริงคือใคร” พูดจบเขาก็เงยหน้ามองไปที่จุนอู
EP.11 บอสตัวจริงของบาเบล
วินเซนโซจับนักฆ่าได้และรีดความจริงออกมาได้ว่าบอสตัวจริงของบาเบลคือ “จางฮันซอก” เมื่อชายองก็สงสัย เพราะจางฮันซอกใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกามาตลอด แต่วินเซนโซก็ยืนยันว่าจางฮันซอกคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมด … วินเซนโซลองโทร. หาท่านประธานจากโทรศัพท์ของนักฆ่า แต่ไม่มีคนรับสาย ในขณะเดียวกันวินเซนโซก็เดินมาหาจางจุนอูว่ามีสายเข้าหรือเปล่า ? ซึ่งจุนอูก็หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วบอกว่า “ไม่มีสายเข้าครับ”
จากนั้น วินเซนโซก็เอานักฆ่าอีก 3 คนที่จับได้มัดแล้วขังเอาไว้ในรถ แล้วต่อท่อไอเสียเข้าไป จากนั้นก็เค้นความจริงเรื่องจางฮันซอก ซึ่งพวกเขารู้แค่เพียงว่าจางฮันซอกอยู่ในเกาหลี แม้แต่หน้าก็ไม่เคยเห็น รับคำสั่งผ่านโทรศัพท์ซึ่งผ่านเครื่องแปลงเสียง เมื่อมั่นใจว่านักฆ่าทั้งสามมีข้อมูลแค่นี้ ชายองจึงกดปุ่มรีโมตเร่งเครื่องรมควันจากท่อไอเสียด้วยความแค้น
ที่บ้าน ชายองดื่มมักกอลลีกับวินเซนโซจนเมามาย จู่ ๆ เธอก็ขอกอด 10 วินาทีเพื่อเป็นการทดสอบความรู้สึก (แต่ดูว่าเธอจะกอดนานกว่า 10 วินาทีนะ 😬) แต่เมื่อกอดเสร็จเธอก็บอกว่า เธอไม่ได้รู้สึกอะไรเลย จากนั้นก็กระดกมักกอลลีเข้าไปจนน็อกหลับคาโต๊ะไป
วันต่อมา ตำรวจจากทีมสอบสวนอาชญากรรมพิเศษระหว่างประเทศ ได้เข้าจับกุมวินเซนโซพร้อมหมายจับในข้อหาพยายามฆ่า ยุยงปลุกปั่นและข่มขู่ แต่หลังโดนสอบสวนและทำเรื่องเนรเทศ … พระเอกขี่ม้าขาว อันกีซอก (คนที่ปลอมตัวมาเป็นเด็กเสิร์ฟอยู่ที่ร้านพาสต้าในตึก) ก็มาช่วยวินเซนโซเอาไว้ เขาเปิดเผยตัวว่าเป็นหัวหน้าทีมเฝ้าระวังองค์กรอาชญากรรมของประเทศอิตาลี สังกัดหน่วยข่าวกรองความปลอดภัยระหว่างประเทศ
อันกีซอกบอกว่าที่เขาช่วยเพราะวินเซนโซทำลายบาเบล ซึ่งเป็นบริษัทที่ชั่วร้าย พร้อมกับยื่นข้อเสนอเพื่อแลกเปลี่ยนกับการปล่อยตัว คือ 1) ต้องให้เขาเป็นหนึ่งในทีมงาน 2) ตัองปกปิดตัวตนของเขาเป็นความลับ 3) ขอกอดวินซนโซหนึ่งครั้ง … แน่นอนว่าวินเซนโซยอมตกลงทุกข้อยกเว้น กอด ! แต่อันกีซอกก็กระโดดมากอดเขาอยู่ดี สร้างความขนลุกซู่ให้ทนายมาเฟียอีกครั้ง
ในขณะที่การต่อกรกับพวกบาเบลดูจะไม่คณามือของทนายมาเฟีย แต่เรื่องปวดหัวที่แก้ไม่ตกก็คือเรื่องภายในคึมกาพลาซา เพราะตอนนี้ผู้เช่าได้ขอพบวินเซนโซพร้อมกับบอกเรื่องทองคำที่ซ่อนเอาไว้ในตึก ที่มีมูลค่ามากถึง 12,000 ล้านวอน … วินเซนโซเพิ่งได้รู้วันนี้เองว่า ทุกคนในตึกรู้เรื่องทองคำกันหมด อต่วินเซนโซก็ยังแกล้งทำเป็นไม่รู้ แม้ว่าภายในใจจะโกรธมากก็ตาม
จากนั้นวินเซนโซก็ให้คนที่อิตาลีสืบหาคนเกาหลีที่ไปตามสืบเรื่องของเขา เมื่อรู้ตัวแล้วเขาจึงบุกไปจับตัวเพื่อเค้นข้อมูลว่าใครคือจางฮันซอก จนในที่สุดก็เผยตัวออกมาว่าคือ จางจุนอู !
วินเซนโซบุกไปที่เพนท์เฮ้าส์ของจางจุนอู เขาเอาปืนเล็งไปที่จุนอู ก่อนที่สายตาของทั้งสองจะจ้องกันเขม็ง ทันใดนั้นเอง จูนอูได้ดึงปืนจากมือวินเซนโซเลื่อนมาที่หัวของเขา พร้อมกับพูดว่า “ยิงเลยสิ ไอ้ทนายมาเฟียอิตาลีเฮงซวย !!!”
EP.12 การล้างแค้นศัตรูของอิตาลี
วินเซนโซเอาปืนจ่อที่หัวของจางจุนอู (หรือประธานจางฮันซอก นายใหญ่ของบาเบล) ขึ้นนกเตรียมลั่นไก ทันใดนั้น อัยการจองกินกุก (เจ้าของฉายาอัยการหูกำแพงเหล็ก) พร้อมลูกน้องก็บุกเข้ามาห้ามและจับกุมตัววินเซนโซไป ในข้อหาครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และพยายามฆ่า จากเหตุดวลปืนของวินเซนโซกับนักฆ่าของบาเบล อัยการจองพบคราบเลือดและรอยกระสุนปืน ทำให้ตามประกบตัววินเซนโซนับแต่นั้น
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้เป็นแผนที่วินเซนโซวางเอาไว้ เพราะปืนที่เขาใช้เป็นเพียงปืนปลอมเท่านั้น ทำให้อย่างมากก็ตั้งข้อหาได้แค่เพียงการข่มขู่อย่างรุนแรง ไม่ใช่ข้อหาพยายามฆ่า สิ่งที่เขาต้องการคือยืมมืออัยการจองเพื่อเปิดโปงตัวตนที่แท้จริงของประธานจางฮันซอก หรือจางจุนอูนั่นเอง
วินเซนโซบอกกับชายองว่า การล้างแค้นศัตรูของอิตาลีจะมีด้วยกัน 2 ข้อ 1) มอบสิ่งที่ศัตรูกลัวที่สุด 2) ทำลายสิ่งที่ศัตรูรักมากที่สุด ซึ่งหมายถึงเขาต้องการเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของประธานจางฮันซอก และทำลายบาเบลให้พังพินาศ
แต่ประธานจางฮันซอกในตอนนี้ไม่ได้เพียงแค่มีศัตรูแค่ภายนอกเท่านั้น ศัตรูภายในก็ได้ก่อตัวขึ้นแล้ว เมื่อวันหนึ่งในขณะออกไปล่าสัตว์ เขาโดนจางฮันซอยิงเพื่อหวังสังหาร แต่ทว่าเคราะห์ดีที่มีคนมาพบแล้วถึ.มือหมอทันเวลา และเมื่อเขาฟื้นขึ้น ทนายชเวมยองฮีก็ได้แนะนำเขาว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องเผยตัวตนที่แท้จริง โดยการประกาศว่าเขาคือประธานบาเบลตัวจริง !
ในขณะที่ วินเซนโซในตอนนี้ต้องปวดเศียรเวียนเกล้ากับเรื่องทองคำอย่างหนัก เพราะยิ่งนานวันข่าวลือเรื่องทองคำก็แพร่กระจายออกไปไกลมากขึ้น
แถมวินเซนโซยังได้รู้มาอีกว่า ที่ห้องเซฟที่เก็บทองคำ ยังเก็บข้อมูลการทุจริตสำคัญที่สามารถนำไปใช้เพื่อทำลายบาเบลได้อีกด้วย ซึ่งข้อมูลดังกล่าวมีแฮกเกอร์ชาวจีนคนหนึ่งแฮกไปได้จากหน่วยข่าวกรองของเกาหลี ซึ่งเป็นข้อมูลการทุจริตทั้งหมดในวงราชการ
ทีนี้ ก็ให้บังเอิญว่าเป็นจังหวะเดียวกับที่หัวหน้าโจ ผู้ทำหน้าที่เปิดเซฟจำเป็นเร่งด่วนต้องใช้เงินจำนวนมากไปจ่ายหนี้พนัน จึงมาขอร้องวินเซนโซให้เอาทองบางส่วนออกมาก่อน ซึ่งวินเซนโซก็ไม่มีทางเลือกต้องตบปากรับคำไป
ด้านชายองก็เป็นคนวางแผนที่จะให้ผู้เช่าออกไปจากตึก โดยการออกค่าใช้จ่ายให้ผู้เช่าได้ไปเที่ยวน้ำพุร้อนแบบฟรี ๆ ซึ่งเรื่องก็ดำเนินไปแล้วเหมือนกับเขียนบทเอาไว้แล้ว
จากนั้นวินเซนโซกับหัวหน้าโจก็ลงเข้าไปในห้องเซฟใต้ตึก ภาพที่เห็นเบื้องหน้าทำให้ทั้งสองต่างตกตะลึง เมื่อมีทองจำนวนมากจริง ๆ แต่ทันใดนั้นเอง หัวหน้าโจก็เอาปืนมาจ่อที่หัวของวินเซนโซ … หรือว่าหัวหน้าโจจะหักหลัง และคิดจะฮุบทองทั้งหมดไปเป็นของตัวเอง !!!
EP.13 โมเมนต์มาเฟียยุค 60
หลังจากวินเซนโซกับหัวหน้าโจสามารถวางแผนลวงผู้เช่าออกไปได้ ทั้งสองก็ลงมาที่ห้องนิรภัยใต้อาคาร แล้วก็พบกับทองคำเป็นจำนวนมากจริง ๆ ในขณะที่วินเซนโซกำลังเดินดูทองคำด้วยความตื่นเต้น หัวหน้าโจก็เอาปืนเล็งมาที่หัวของทนายมาเฟีย
หัวหน้าโจเอยความต้องการออกมา เป็นทองคำแท่งเพียงแท่งเดียวเท่านั้น และเขาไม่ต้องการที่จะทำร้ายใคร ระหว่างนั้นเขาก็หา “ไฟล์กิโยตีน” ที่ห่อหุ้มด้วยทองคำแท่ง เมื่อหัวหน้าออกไปด้านนอก ทันใดนั้นคอนซิเยเรก็ตามออกมาแล้วเอ่ยว่า “กำลังหาไฟล์กิโยตีนอยู่ใช่มั้ย ?” เป็นคำถามที่ทำเอาหัวหน้าโจตกใจเป็นอย่างมาก พลางคิดในใจว่าวินเซนโซรู้เรื่องความลับระดับชาติเกี่ยวกับไฟล์กิโยตีนได้อย่างไร ? วินเซนโซอาศัยจังหวะนี้ ใช้สกิลที่ถูกฝึกจากหน่วยรบพิเศษอิตาเลียนจัดการกับหัวหน้าโจ
แล้วความจริงก็ปรากฏออกมาว่า ที่แท้แล้วหัวหน้าโจคือเจ้าหน้าที่จากหน่วยข่าวกรองด้านความปลอดภัยระหว่างประเทศ
แต่สิ่งที่น่าโมโหจนวินเซนโซแทบจะตบกะโหลกทั้งตัวเองและหัวหน้าโจก็คือ คนทั้งสองดันลืมเอาอุปกรณ์การเปิดเซฟด้วยม่านตาเอาไว้ด้านในห้องนิรภัย อ้าว ! ทีนี้จึงเหลือแค่ทางเดียวเท่านั้นที่จะเอาทองออกมาได้ นั่นก็คือระเบิดตึก
ตัดภาพมาที่จางจุนอู หรือจริง ๆ เขาคือจางฮันซอก กำลังจัดงานคีย์โน้ตเพื่อโชว์วิสัยทัศน์ในการนำบาเบลเติบโตไปสู่อนาคต ภายใต้ชื่องานอันยาวเหยียดว่า “จิตวิญญาณของผู้ประกอบการแห่งความเชื่อมั่น กับอนาคตที่ไม่มีใครเข้าถึงได้ซึ่งสร้างขึ้นโดยบาเบล”
จางจุนอูประกาศบนเวทีว่า “อนาคตไม่มีใครเป็นเจ้าของคนที่จับได้ก่อนคือคนที่ได้ครอบครอง ตอนนี้บาเบลเคมีคอลส์กำลังพัฒนาแบตเตอรี่ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ของโลก ในอนาคตเราจะเข้าสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า” โอ้ วิสัยทัศน์ช่างกว้างไกลยิ่งนัก ทันใดนั้นเอง ของขวัญจากวินเซนโซและชายองก็ปรากฏขึ้น เลือดหมูจำนวนมากถูกเทลงจากด้านบน 🐷 ไหลลงมาห่าใหญ่ เลือดหมูที่ตกกระทบร่างของจูนอูกระเซ็นเป็นเม็ดสวยงาม คล้ายกับน้ำตกไนแอการาตกกระทบลงบนโขดหิน
วินเซนโซและชายองที่นั่งดูโชว์ต่างพากันตบมือหัวเราะชอบใจเป็นการใหญ่ พลางพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอันร่าเริง “เป็นโมเมนต์ที่ทำให้รู้สึกเหมือนมาเฟียในยุค 60 ที่ใช้เลือดหมูเป็นการสั่งสอนศัตรู”
EP.14 ทรยศคนในครอบครัว
หลังจากโดนเลือดหมูเทใส่ตัวกลางเวทีโชว์วิสัยทัศน์ ตามสไตล์มาเฟียยุค 60 จนสร้างอับอายและความโกรธให้กับจางจุนอู (ประธานจางฮันซอ) เป็นอย่างมาก ท่ามกลางเอาแสดงความยินดีอย่างออกหน้าออกตาของวินเซนโซและชายอง ทั้งสามก็ได้มีโอกาสเผชิญหน้าพูดคุยกัน …
ชายองและวินเซนโซใช้คำพูดทิ่มแทงใจดำของจุนอู จนเขาควบคุมความโกรธเอาไว้ไม่อยู่ ต้องเอ่ยกับชายองด้วยความเดือดดาลว่า “คุณมันเป็นแค่ลูกน้องมาเฟียอิตาลีเฮงซวย” แต่ชายองและวินเซนโซก็หัวเราะออกมาก่อนที่จุนอูจะพูดต่อ “มันเป็นเรื่องตลก ที่ยกย่องให้ถังขยะของมาเฟียอิตาลีเป็นผู้ดำรงความยุติธรรม”
วินเซนโซจ้องตาจุนอูเขม็งแล้วเอ่ยว่า “ผมเป็นถังขยะที่เอาถังขยะอีกใบไปทิ้ง เพราะผมทนไม่ได้ถ้ามีถังขยะที่มีกลิ่นเหม็นกว่า”
โดยจุนอูถูกจับข้อหาเป็นผู้จ้างวานฆ่าประธานสหภาพแรงงาน วินเซนโซใช้หลักฐานคำรับสารภาพของคนขับรถบรรทุก เนื้อหาระบุว่ามีคนจ้างเขาให้ขับรถชนประธานสหภาพคนนั้น โดยค่าจ้างเป็นเงิน 200 ล้านวอน แลกกับการติดคุกไม่นานเพราะเป็นเหตุฆ่าคนตายโดยประมาท
แต่อย่างไรก็ตาม อธิบดีอัยการก็จัดการเคลียร์ให้ จนจุนอูได้รับการปล่อยตัวออกมาเหมือนเดิม
จากนั้น จางฮันซอก็ขอให้ฮันซึงฮยอกติดต่อนัดเจอกับวินเซนโซ ในที่สุดทั้งสองก็ได้พบกัน จางฮันซอเผยไต๋จนหมดว่าเขายินดีจะทรยศพี่ชายของเขา เพื่อแลกกับการที่เขาและบาเบลจะดำรงคงอยู่ได้อย่างปลอดภัย หากทว่า การตอบรับจากวินเซนโซเป็นไปอย่างผิดคาด “ผมไม่ใช้ประโยชน์จากการทรยศของคนในครอบครัว และปัญหาในครอบครัวผมก็ไม่ขอเข้าไปยุ่ง เพราะถ้าผมใช้ประโยชน์จากการทรยศของคนในครอบครัวคนอื่น คนในครอบครัวผมก็อาจจะทรยศผมได้เช่นเดียวกัน”
ต่อมาวินเซนโซและชายองก็วางแผนที่จะทำลายต่อโดยพุ่งเป้าไปที่บริษัทบาเบลเปเปอร์ ซึ่งเป็นบริษัทกระดาษที่ไม่มีอยู่จริง ตั้งขึ้นเพื่อการหลบเลี่ยงภาษี ต่อมาก็ได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า จริง ๆ แล้วบาเบลเปเปอร์เป็นหอศิลป์แห่งหนึ่งซึ่งตั้งขึ้นมาเพื่อหลบเลี่ยงภาษี
ทีนี้ ซอมิริ ครูสอนเปียโนที่อยู่ภายในคึมกาพลาซาก็ออกมาเผยตัวตนกับวินเซนโซ ว่าแท้จริงแล้วเธอคือแฮกเกอร์ระดับเทพที่เป็นคนวางระบบทั้งหมดของอาคารหลังนี้ และเธอก็เป็นคนเดียวที่รอดจากการถูกฆ่าปิดปากหลังจากอาคารสร้างเสร็จ (เพราะเธอทำงานแบบ work from home) ดังนั้น การเข้าห้องนิรภัยสำหรับเธอจึงเป็นเรื่องที่ง่ายดายยิ่งกว่าเด็กแกะห่อขนม 5 บาทเสียอีก วินเซนโซจึงให้เธอเข้ามาร่วมเป็นหนึ่งในทีมอีกคน ส่วนชายองก็พูดแบบติดตลกออกมาว่า “คึมกาพลาซามีแต่คนเก่ง ๆ มาอยู่กันเนอะ”
การได้แฮกเกอร์สาวมิริมาร่วมทีมทำให้แผนการทำลายบาเบลเปเปอร์ง่ายยิ่งขึ้น โดยวินเซนโซและชายองปลอมตัวเป็นคู่รักที่เข้าไปชมงานในหอศิลป์ ส่วนมิริก็จะเป็นคนเข้าไปแฮกข้อมูลจากคอมพิวเตอร์โดยใช้เจ้าสิ่งที่เรียกว่า USB … ระหว่างที่ทั้งคู่อยู่ในหอศิลป์ความหวานก็เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก และก็เป็นโมเมนต์การขอแต่งงาน วินเซนโซจูบชายองนานมากกกกกกกก 💏
จุนอูกับทนายความสาวคนสนิทชเวมยองฮีคิดแผนเอาคืนวินเซนโซ ด้วยการจ้างมาเฟียอิตาลีพันธุ์โหดตัวจริงเพื่อมาจัดการกับวินเซนโซโดยเฉพาะ และดูเหมือนว่าตอนนี้ ทนายมาเฟียสุดเท่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์วงล้อมของความตายจริง ๆ แล้ว
EP.15 อินซากีเพื่อนรัก
หลังจากวินเซนโซตกอยู่ในวงล้อมของมาเฟียอิตาลี สถานการณ์เป็นตายเท่ากัน กับปืนที่จ่ออยู่ที่ห้วพร้อมจบชีวิตทนายมาเฟียเพียงปลายนิ้ว แต่เรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่ออินซากีและเหล่าฝูงนกพิราบรุมเข้าโจมตีกลุ่มคนที่หมายเอาชีวิตวินเซนโซ จังหวะนี้เอง วินเซนโซก็จัดการกับมาเฟียทั้งสามคนได้ … เจ้านกพิราบอินซากีกลายเป็นเพื่อนรักวินเซนโซไปซะงั้น
อัยการจองอินกุกนำหมายไปจับจางจุนอู (ซึ่งจริง ๆ แล้วเขาคือจางฮันซอก) จากไฟล์หลักฐานการฟอกเงินที่ได้รับจากชายอง อย่างไรก็ตาม ในวันถัดมาอัยการจองอินกุกกลับพลิกลิ้น แถลงข่าวว่ากระบวนการกล่าวหาจางฮันซอกมีความคลาดเคลื่อน และเป็นการทำงานที่ผิดพลาดของเขาเอง
ที่อัยการจองอินกุกเจ้าของฉายาอัยการหูกำแพงเหล็กพลิกลิ้นเช่นนั้น ก็เป็นเพราะเขาได้ตกลงกับจางฮันซอก ปิดคดีนี้เพื่อแลกกับตำแหน่งอธิบดีอัยการสูงสุด
เหตุการณ์พลิกลิ้นของอัยการ ทำให้วินเซนโซตัดสินใจที่จะเลิกใช้ช่องทางด้านกฎหมายจัดการกับบาเบล แต่เลือกที่จะใช้ไฟล์กิโยตีนที่มีอยู่ในมือแทน … ไฟล์กิโยตีน ?
ที่เราเข้าใจมาตลอดว่าไฟล์กิโยตีนอยู่ในห้องนิรภ้ย จริง ๆ แล้วมันอยู่กับวินเซนโซมาตลอด ในวันที่เปิดห้องนิรภัย วินเชนโซแอบขโมยไฟล์กิโยตีนที่ซ่อนในทองคำแท่งไว้ โดยที่ประธานโจไม่รู้ แล้วสิ่งที่เขาเลือกใช้ประโยชน์จากไฟล์ลับสุดยอดในมือก็คือ การนำมาปั่นประสาทให้พันธมิตรของบาเบลไม่ไว้ใจกันเอง
วินเซนโซวางแผนการโดยเริ่มต้นจากโอจองแบ ประธานสำนักข่าวแดซังเดลีที่เป็นกระบอกเสียงให้กับบาเบลก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่จางฮันซอกขอให้โอจองแบ ผู้เป็นลุงและประธานสำนักพิมพ์แดชังเดลีเขียนข่าวเกี่ยวกับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าและการผลิตแบตตารี่ของบาเบลเคมีคอลส์ เพื่อเพิ่มราคาหุ้นของบาเบลแม้ว่าไม่มีการผลิตและดำเนินการพัฒนาจริง
ข้อมูลในไฟล์กิโยตีน ระบุว่าประธานโอจองแบได้ฆ่าพี่ชายของตัวเองโดยการผลักตกหน้าผาเพื่อหวังสืบทอดธุรกิจ และเขาเป็นคนงมงายในคนทรงหมอผี ถึงขนาดที่ยอมทำทุกอย่างตามที่คนทรงหมอผีบอก วินเชนโซเลยปลอมตัวเป็นคนทรงและบอกประธานโอจองแบว่าเขากำลังจะตายเพราะบาเบล จึงต้องตัดสัมพันธ์กับบาเบลทุกอย่างเพื่อชีวิตของตัวเอง ทำให้ประธานโอจองแบเสนอข่าวจริงเกี่ยวกับบาเบล และประวัติของจางฮันซอกที่เคยฆ่าเพื่อนนีกเรียนตายไป 4 คนสมัยเรียนอยู่ชั้นมัธยม ก่อนที่จะถูกส่งไปรับการบำบัดทางจิตที่อเมริกา หลังข่าวนี้ถูกนำเสนอ จางฮันซอกและชเวมยองฮีรู้ดีว่าเป็นฝีมือของวินเชนโซ แต่ประเด็นคือ วินเซนโซรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร ?
วินเชนโซ่วิ่งตามชายลึกลับผู้หนึ่งขึ้นไปบนดาดฟ้า จู่ๆศพของโอจองแบก็ถูกโยนลงมา ขณะที่กำลังยืนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น วินเชนโซ่ก็ถูกจับกุมข้อหาฆาตกรรมโอจองแบ
เรื่องราวดำเนินไปกระทั่งวันหนึ่ง วินเชนโซวิ่งตามชายลึกลับขึ้นไปบนดาดฟ้า แล้วศพของประธานโอจองแบก็หล่นลงมา ขณะที่กำลังยืนช็อกด้วยความงงงวยกับภาพเบื้องหน้า วินเชนโซก็ถูกจับในข้อหาฆาตกรรม !
EP.16 สายไปเสียแล้ว
หลังจากวินเซนโซไล่ตามชายลึกลับขึ้นมาบนดาดฟ้า ขณะเดียวกันศพของประธานโอจองแบก็ตกลงมาอยู่เบื้องหน้าเขา ทันใดนั้นเอง ตำรวจ 3 นายก็แสดงตัวเข้าจับกุมเขา เหมือนกับทุกอย่างโดนเซตเอาไว้แล้ว
วินเซนโซตัดสินใจหนีการจับกุมของตำรวจ และพัคซอกโด (ผู้เช่าที่เป็นอันธพาลกลับใจ) ก็สามารถจับชายลึกลับที่แอบเข้ามาในตึกเอาไว้ได้ เมื่อชายิงรู้คงามจึงพาตัวไปส่งสถานีตำรวจ ซึ่งต่อมาความจริงก็เปิดเผยออกมาว่า ชายคนดังกล่าวเป็นคนขนศพโอจองแบมาไว้ที่ตึก โดยพบหลักฐานต่าง ๆ บนรถตู้ของชายคนนั้น … วินเซนโซรอดพ้นข้อกล่าวหา (อีกแล้ว)
พวกบาเบลส่งคนมาระเบิดตึก โดยปลอมตัวเป็นช่างแก๊สมาตรวจสอบแก๊สรั่ว จากนั้นก็ปล่อยแก๊สภายในตึก แล้วก็ตั้งระเบิดเวลาเอาไว้ โดยตั้งเป็นระเบิดเวลาเอาไว้ คล้าย ๆ จะอำพรางให้เป็นเหตุแก๊สรั่ว แต่สุดท้ายวินเซนโซก็ไปพบระเบิดก่อนที่ระเบิดจะทำงานไปกี่วินาที เขาทำอะไรไม่ถูก เพียงแต่คิดอย่างเดียวว่าต้องขว้างมันให้ไปไกลจากตึกมากที่สุด แล้วระเบิดก็ระเบิดบริเวณพื้นด้านล่าง ทุกคนรอด วินเซนโซรอด (อีกแล้ว) ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่รถดับเพลิงมาพอดี
จริง ๆ แล้วคนที่โทร. เรียกรถดับเพลิงเพื่อมาช่วยวินเซนโซคือ จางฮันซอ ! ซึ่งผลก็คือจางฮันซอกได้ทิ้งรอยแผลเอาไว้ที่หน้าผากจางฮันซอด้วยความโกรธ
ในขณะที่การต่อสู้กับบาเบลดำเนินไปอย่างดุเดือด ซีรีส์ก็แสดงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างวินเซนโซกับแม่ ซึ่งกำลังดำเนินไปในทิศทางที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ตามลำดับ
จางฮันซอกตามสืบจนเจอแม่ของวินเซนโซ จากนั้น ชเวมยองฮีก็จ้างคนที่เพิ่งออกจากคุกไปฆ่าเธอ แม่ของวินเซนโซถูกบีบคอคนหายใจตาย … ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่วินเซนโซกำลังเดินทางมาหาแม่พอดี แต่มันสายไปเสียแล้ว
วินเซนโซโกรธคนแทบเป็นบ้า เขาสืบหาตัวฆาตกรจนพบ จนรู้ว่าชเวมยองฮีเป็นผู้จ้างวาน วินเซนโซตามไปที่บ้านพักของจางฮันซอก แล้วจัดการกับการ์ดซะเกลี้ยงอย่างกับ John Wicks จากนั้นก็ยืนประจันหน้ากับชเวมยองฮี โดยมีฆาตกรที่ฆ่าแม่ของเขากั้นกลาง ทันใดนั้น วินเซนโซก็ส่งกระสุนเข้าไปที่หน้าอกแล้วหัวของฆาตกร เลือดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ รวมถึงหน้าของชเวมยองฮี สร้างความตกใจและหวาดกลัวให้กับทุกคน ไม่เว้นแม้แต่จางฮันซอก !
EP.17 ขุมนรกแห่งความเสียใจ
ต่อเนื่องจากตอนที่แล้ว วินเซนโซบุกไปยันรังของประธานจางฮันซอก (เดิมคือจางจุนอู) แล้วสาดกระสุนใส่มือสังหารที่ฆ่าแม่ของเขา เลือดสาดท่วมตัวชเวมยองฮี จนทุกคนที่อยู่ที่นั่นช็อกแทบสิ้นสติ
วินเซนโซเอาปืนชี้หน้าของพวกมันแล้วเอ่ยว่า “การฆ่าผู้หญิงที่ไร้ทางสู้ (แม่วินเซนโซ) มันไม่ใช่ความชั่ว แต่มันคือความโง่ที่สุดเท่าที่มนุษย์คนหนึ่งจะทำได้ … แต่รู้อะไรไหม ทำไมถึงไม่ฆ่าพวกแกทิ้งซะตอนนี้เลย ?” วินเซนโซยิ้มมุมปากแสดงอาการเยาะเย้ยและกล่าวต่อว่า “เพราะพวกแกมันก็แค่แมลงที่น่ารำคาญ นึกจะฆ่าเมื่อไรก็ย่อมได้”
วินเซนโซหันไปมองจางฮันซอกด้วยสายตาเย็นชา พลางพูดออกไปว่า “ยังไงแกก็ต้องตาย แต่ยังไม่ใช่วันนี้ แกต้องค่อย ๆ ตายไปพร้อมกับความอับอายและเจ็บปวด” ทันใดนั้น เขาก็ลั่นไกเข้าไปที่ใบหูของจางฮันซอก ! … เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดของประธานบาเบลดังลั่นไปทั่วทั้งบริเวณ
หลังจากนั้น วินเซนโซไปดูแม่เป็นครั้งสุดท้าย เขาปล่อยโฮออกมาด้วยความเสียใจ ฮงชายองได้แต่พูดปลอบใจอยู่ข้าง ๆ นับเป็นวันที่เขาเสียใจมากที่สุดในชีวิตก็ไม่ปาน ถึงขนาดที่ทนายมาเฟียสายโหดกล่าวออกมาว่า “ดูเหมือนว่าสิ่งเดียวที่ผมมอบให้กับแม่คือความตาย ถ้าแม่ไม่ได้เจอผมท่านก็คงไม่ต้องมาจบชีวิตแบบนี้ … ในที่สุดผมก็ตกลงไปอยู่ในขุมนรกแห่งความเสียใจ”
เมื่อผู้เช่าที่คึมกาพลาซารู้เรื่องการเสียชีวิตของแม่ทนายวินเซนโซ พวกเขาก็ปิดร้านและร่วมมือกันช่วยล้างแค้นบาเบลกรุ๊ป องค์กรแห่งความชั่วร้าย
วินเซนโซเริ่มแผนการแก้แค้นครั้งนี้ ด้วยการทำลายความสัมพันธ์ระหว่างจางฮันซอกกับนักการเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐผู้มีอำนาจ ที่ได้มอบสิทธิพิเศษให้บาเบล โดยได้ข้อมูลมาจากจางฮันซอ ว่าจะมีนัดจัดงานเลี้ยงกัน โดยแผนการครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากผู้เช่าคึมกาพลาซา
แผนต่าง ๆ ที่วางเอาไว้ลุล่วงไปได้ด้วยดี ทำให้ ณ จุดนี้ จางฮันซอกตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก เขาจำต้องให้จางฮันซอขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานแทน เมื่อฮันซึงฮยอก (ประธานสำนักงานกฎหมายซึงอู) ไปเยี่ยมพัคซึงจุน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีคนต่อไป และได้นำเรื่องไฟล์กิโยตีนกับเรื่องทองคำแท่งที่ซ่อนอยู่ใต้ตึกคึมกาพลาซาของวินเซนโซไปบอก ส่งผลให้ทั้งสองร่วมมือกัน และพัคซึงจุนสัญญาจะให้ตำแหน่งหัวหน้าสำนักงานอัยการเขตตะวันออกเฉียงใต้กับฮันซึงฮยอก
แน่นอนว่างานนี้จางฮันซอกโดนตัดหางปล่อยวัดเรียบร้อยแล้ว … และคนต่อมาที่จะโดนเล่นงานคือ วินเซนโซ !!?
ทีนี้ ฮันซึงฮยอกได้เอาเรื่องวินเชนโซจะถูกอินเตอร์โพลจับไปบอกกับจางฮันซอ ปัญหาต่อมาที่จางฮันซอต้องตัดสินใจก็คือ เขามั่นใจที่จะหักหลังวินเซนโซจริง ๆ หรือไม่ ?
จากนั้น วินเซนโซก็นัดพบกับจางฮันซออีกครั้งที่ลานสเกตน้ำแข็ง … จางฮันซอไม่รู้ไปกินดีหมีดีเสือมาจากไหน เขาจึงกล้าเอาปืนจ่อไปที่วินเซนโซ แต่เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือปืนจางฮันซอยังมีปืนวินเซนโซ ทนายมาเฟียเตรียมปืนเอาไว้เช่นเดียวกัน “ผมไม่คาดหวังว่าน้องชายกับพี่ชายจะต่างกัน ผมคิดเอาไว้แต่แรกแล้ว” จากนั้นเขาก็วาดปืนไปที่จางฮันซอ
ตำรวจสากล (อินเตอร์โพล) บุกเข้ามา และเผยเป้าประสงค์ว่าจะจับวินเซนโซส่งกลับอิตาลี ขณะที่วินเซนโซมองไปรอบ ๆ คล้ายกำลังประเมินสถานการณ์ ทันใดนั้น จางฮันซอก็เหนี่ยวไกทันที ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่วินเซนโซล้มลงไปนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น พร้อมกับกองเลือดที่หลั่งไหลออกมาไม่หยุด !!!
EP.18 หนูในขวดแก้ว
วินเซนโซนอนจมกองเลือดอยู่กลางลานสเกตน้ำแข็ง ตำรวจอินเตอร์โพล 4 นายได้เข้ามาดูอาการของเขา ทันใดนั้น วินเซนโซก็คว้าปืนขึ้นมา แล้วจัดการกับตำรวจทั้งหมดได้อย่างชิล ๆ
ที่แท้แล้ว ทุกอย่างเป็นแผนที่วินเซนโซได้วางเอาไว้ทั้งหมดแล้ว และเลือดก็เป็นแค่เอฟเฟกต์ที่ใช้ถุงเลือด นั่นเป็นเพราะจางฮันซอร่วมมือกับเขาแต่โดยดีตั้งแต่แรก … ส่วนอินเตอร์โพล วินเซนโซก็ได้ทำข้อตกลงโดยแลกเปลี่ยนกับการบอกข้อมูลสำคัญของ เปาโล คาสซาโน
“ทำไมคุณถึงไม่หักหลังผม ?” วินเซนโซตั้งคำถาม จางฮันซอตอบว่า “แม้ผมได้เป็นประธานบาเบลก็เป็นเพียงหุ่นเชิด มันไม่มีความหมายอะไรเลย” จากนั้น วินเซนโซจึงเอาปืนยิงที่แขนของจางฮันซอ เพื่อให้เขากลับไปหาจางฮันซอกได้อย่างแนบเนียน และดูเหมือนว่าจางฮันซอจะหัวเราะอย่างชอบใจหลังจากที่เขาหลอกจางฮันซอกและทุกคนได้สำเร็จ
ณ จุดนี้ วินเซนโซได้จางฮันซอเป็นพวกผู้ภักดีอีกคนหนึ่งแล้ว
ต่อมา ฮงชายองประกาศออกสื่ออย่างแข็งกร้าว ว่าเธอจะทำลายตึกบาเบลอันเป็นสัญลักษณ์แห่งความชั่วร้ายให้พังพินาศ แล้วจะแฉความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นทั้งหมด
จากนั้นชายองได้ข่มขู่ชเวมยองฮี ด้วยไฟล์เสียงของชเวมยองฮีที่เป็นหลักฐานว่าเธอมีเอี่ยวกับเหตุการณ์ฆาตกรรม และกล่าวว่าจากข้อหาทั้งหมดชเวมยองฮีน่่จะติดคุกสัก 30 ปี
ตัดภาพมาที่ ฮันซึงฮยอกที่ตอนนี้เผชิญหน้ากับวินเซนโซ “เดิมทีผมตั้งใจจะไว้ชีวิตคุณ แต่เมื่อคุณคิดไม่ซื่อ ส่งอินเตอร์โพลมาเล่นงานผม เห็นทีผมคงต้องเปลี่ยนใจ” เมื่อฮันซึงฮยอกได้ยินเช่นนั้น ความหวาดกลัวจนแทบเยี่ยวเล็ดฉี่ราดก็เข้าครอบงำ เขาคุกเข่าอ้อนวอนร้องขอชีวิต
เรื่องราวดำเนินไป จางฮันซอกถูกบีบให้ต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำอย่างไม่เต็มใจนัก หลังจากนั้น วินเซนโซก็เข้าไปเยี่ยมจางฮันซอก “ไม่มีอะไรสนุกไปกว่าการได้เล่นกับหนู นั่นแหละคือเหตุผลที่คุณยังมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้ … หนูในขวดแก้ว ที่ต้องติดอยู่ในคุกขณะที่ดูอาณาจักรบาเบลล่มสลาย”
วินเซนโซตัดสินใจเดินทางไปอิตาลี เพื่อเคลียร์ปัญหาบางอย่างที่เกิดกับตระกูลคาสซาโน …
ทีนี้ เมื่อวินเซนโซไม่อยู่ พัคซึงจุนก็เดินทางมาที่คึมกาพลาซา แล้วบังคับให้หัวหน้าโจกับซอมิริ (สาวผู้ออกแบบระบบความปลอดภัยของคึมกาพลาซา) ทำการเปิดห้องนิรภัย เมื่อห้องนิรภัยถูกเปิด สิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าก็คือ ห้องอันเว้งว้างว่างเปล่า ไม่มีทองคำแท่งแม้สักแท้งเดียว !
ณ เวลานี้ พัคซึงจุนโกรธมากที่ไม่เจอทอง จึงจะเล่นงานซอมิริ เธอจึงวิ่งไปขอความช่วยเหลือกับชายอง ทันใดนั้นเอง วินเซนโซก็ปรากฏกายขึ้นอย่างเท่ ๆ พร้อมกับประกาศว่าจะเล่นงานพัคซึงจุน …
EP.19 เข้าสู่ภาวะตึงเครียด
เปิดฉากมา วินเซนโซก็จัดการกับลูกน้องของพัคซึงจุนได้อย่างราบเป็นหน้ากลอง ด้วยความช่วยเหลือของผู้เช่าคึมกาพลาซา ที่แต่ละคนเปิดเผยตัวตนออกมาเป็นทั้งอดีตนักมวยปล้ำทีมชาติ นักมวยเหรียญทอง หรือแม้แต่โตโต้ก็เป็นนักยกน้ำหนักระดับแชมป์ แหม่ …
เหลือแต่เพียงคิมซิลจังที่ยืนหน้าเอ๋อเหรอกับสกิลการต่อสู้ของทนายมาเฟีย คิมซิลจังจึงพูดออกมาว่า “เดี๋ยว ๆ เรามาคุยกันเถอะ … ที่ใต้นั้นมีทองคำอยู่จริง ๆ เหรอ ?” แต่ทันใดนั้นเอง ฮงชายองก็จัดการหวดเขาที่หัวด้วยไม้หน้าสามจนลงไปนอนกองอยู่กับพื้น
หัวหน้าโจสงสัยว่าทองคำหายไปไหน ? วินเซนโซจึงเล่าว่า พระที่วัดบังเอิญไปเจอห้องนิรภัย ดังนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้เช่าคนอื่นรู้และกลายเป็นเรื่องแตกตื่น เขาจึงร่วมมือซอมิริให้เปิดห้องนิรภัย แล้วค่อย ๆ แอบเอาทองออกมาจนหมด ส่วนไฟล์กิโยตีนวินเซนโซเก็บเอาไว้ในที่ที่เขารู้คนเดียว และจะบอกเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม
หลังจากนั้น วินเซนโซก็อธิบายกับชายองเรื่องที่เขาไม่เดินทางไปอิตาลี แต่ได้ส่งเงิน 1 แสนล้านวอนไปเป็นข้อแลกเปลี่ยนแทน ชายองได้ยินเช่นนั้นจึงยิ้มให้แล้วพูดถามว่า “ถ้าคุณเดินทางออกจากเกาหลีมันไม่ง่ายเลยนะที่คุณจะกลับมา” แล้ววินเซนโซก็พูดประโยคเท่ ๆ กับชายองว่า “ปกติแล้วผมจะไม่สัญญากับใครนอกจากเรื่องธุรกิจ แต่ครั้งนี้ผมสัญญาว่าผมจะกลับมา”
ถึงเวลาเอาคืน วินเซนโซใช้ข้อมูลที่ได้จากไฟล์กิโยตีน ปล่อยข่าวเล่นงานผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีพัคซึงจุน เรื่องการคอร์รัปชัน
การฟ้องร้องบาเบลทาวเวอร์ถูกขัดขวางโดยอัยการหูกำแพงเหล็ก จองอินกุก ทำให้วินเซนโซวางแผนเอาคืนอย่างสาสม … โดยก่อนหน้าที่จะพิจารณาคดีที่คึมกาพลาซาฟ้องร้องบาเบลเรื่องกรรมสิทธิ์ วินเซนโซได้ไปขู่ผู้พิพากษา ทำให้เมื่อถึงวันพิจารณาคดี ผู้พิพากษาจึงเอียงเข้าข้างวินเซนโซ ในที่สุดเขาก็ชนะคดี
ถัดมาอีกไม่นาน วินเซนโซก็สังหารจองอินกุก แล้วจัดฉากว่าเป็นการฆ่าตัวตาย
ทีนี้ ชเวมยองฮีจึงเดินเกมโดยใช้ท่าไม้ตายขั้นสุดท้ายเพื่อเอาจางฮันซอกออกมาจากเรือนจำ ส่วนตัวเธอเองก็ทำทีเป็นส่งหลักฐานให้ตำรวจจับตัวเองเข้าคุก ด้วยเหตุผลที่ว่าทำให้วินเซนโซเข้าใจผิด และเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง
จางฮันซอกออกมาจากเรือนจำได้โดยไม่มีใครรู้ เขาสะกดรอยตามวินเซนโซและชายองเพื่อดูความเคลื่อนไหว และหาจังหวะที่จะลงมือ สถานการณ์เริ่มเข้าสู่ภาวะตึงเครียด …
ชายองโดนลักพาตัวมาไว้ที่เพนต์เฮ้าส์ ส่วนจางฮันซอกก็ไปเซอร์ไพรส์จางฮันซอที่บาเบล จากนั้นเขาใช้ด้ามปืนกระแทกหน้าน้องชายผู้ทรยศไปเข้าข้างวินเซนโซจนสลบเหมือดไป ทั้งหมดนี้เพื่อล่อให้วินเซนโซมาหาเขา … ทุกอย่างเป็นไปตามแผน วินเซนโซรีบบึ่ง SUV สีดำไปช่วยชายองอย่างรวดเร็ว
วินเซนโซมาถึงเพนต์เฮ้าส์ของจางฮันซอก สถานการณ์เริ่มบีบคั้น … จางฮันซอกบอกว่า “แม้ฉันจะต้องตาย อย่างน้อยก็ต้องเห็นแกตายก่อน” จากนั้นเขาก็โยนไม้ฮอกกี้ไปให้จางฮันซอ พร้อมกับยื่นข้อเสนออันพิสดารว่า “ถ้าแกตีวินเซนโซจนตาย ฉันจะไว้ชีวิตแก แล้วจะยกบาเบลฟาร์มาซูติคอล และบาเบลเคมีคอล ให้ด้วย
ชายองโวยวายออกมาว่าเป็นความคิดที่โรคจิต จางฮันซอกจึงตบหน้าชายองไปหนึ่งฉาด ขณะที่จางฮันซอกขึ้นนกพร้อมกับจ่อปืนไปที่หัวของชายอง ทันใดนั้น วินเซนโซก็คุกเข่าลงท่ามกลางความแปลกใจของทุกคน !
วินเซนโซบอกให้จางฮันซอทำในสิ่งที่ต้องทำ จางฮันซอจึงคว้าไม้ฮอกกี้ขึ้นมา แต่เขาเลือกที่จะเข้าไปฟาดจางฮันซอก ระหว่างที่ทั้งสองกำลังฟัดกันอยู่นั้น ชายองจึงเดินเข้าไปหาวินเซนโซเพื่อจะหนี ทันใดนั้น จางฮันซอกก็สาดกระสุนเข้าใส่วินเซนโซ แต่ …
ชายองมาบังกระสุนเอาไว้ให้ ชายองถูกยิงจนแน่นิ่งไปในอ้อมแขนของวินเซนโซ !!!
EP.20 เกาะฟางข้าว (ตอนจบ)
จางฮันซอกจับตัวจางฮันซอและฮงชายองเพื่อล่อวินเซนโซให้มาหาเขา จากนั้นเขาก็สั่งให้จางฮันซอใช้ไม้ฮอกกี้ฟาดวินเซนโซให้ตาย แต่จางฮันซอกลับเลือกที่จะตีจางฮันซอก พี่ชายของตัวเอง เพื่อให้วินเซนโซพาชายองหนี จังหวะนั้นเอง จางฮันซอกจึงเหนี่ยวไกปืนใส่วินเซนโซ แต่ชายองมารับลูกกระสุนแทน !
คุณทนายความสาวล้มลงไปอยู่ในอ้อมแขนของทนายมาเฟีย … จางฮันซอกหันปากกระบอกปืนเข้าหาวินเซนโซอีกครั้ง ครั้งนี้จางฮันซอก็มารับกระสุนแทนวินเซนโซอีก เมื่อจางฮันซอกจะยิงอีกนัด ปรากฏว่ากระสุนหมดซะงั้น !!?
ก่อนสิ้นใจ จางฮันซอกล่าวออกมาว่า “ผมเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนก็เพราะพี่ (วินเซนโซ)”
ชายองลืมตาขึ้นมาที่โรงพยาบาล โดยมีวินเซนโซเฝ้าอยู่ไม่ห่าง ในบทสนทนานั้นเหมือนจะบอกเป็นนัยว่า วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ทั้งสองจะได้พบกัน ?
อธิบดีสำนักงานอัยการฮันซึงฮยอกกำลังวิ่งเต้นเพื่อเข้าไปหลบการตามล่าของวินเซนโซในเรือนจำ (เหมือนชเวมยองฮี) แต่วินเซนโซยื่นข้อเสนอที่ดีกว่านั้น คือให้เขาปล่อยตัวชเวมยองฮีออกมาจากคุก … เมื่อชเวมยองฮีได้รับการปล่อยตัวออกมาจากเรือนจำอย่างที่เธอไม่ค่อยเต็มใจนัก วินเซนโซได้แจ้งเตือนไปว่า “วันนี้คือวันสุดท้าย !”
ต่อมา จางฮันซอกได้จัดการลงดาบคนทรยศอย่างฮันซึงฮยอกตายอย่างอนาถกลางฝูงชน และชเวมยองฮีก็ดับดิ้นด้วยน้ำมือของวินเซนโซ
ก่อนหน้าที่จากฮันซอจะตาย เขาได้บอกความลับเรื่องนาฬิกาของจางฮันซอกให้วินเซนโซรู้ มันเป็นนาฬิกาคู่ที่มีเพียงสองเรือนที่จางฮันซอกซื้อให้กับเขาเป็นของขวัญ เขาก็มีหนึ่งเรือนเช่นกัน ซึ่งเขาได้พบว่าในนาฬิกาเรือนของเขามีการแอบฝังอุปกรณ์ติดตามตำแหน่งเอาไว้ เขาจึงให้ช่างนำมันออกมาแล้วจัดการแอบเอาไว้ฝังเอาไว้ในนาฬิกาเรือนของพี่ชายเขาแทน ด้วยนาฬิกาที่ว่านี้ วินเซนโซจึงตามหาจางฮันซอกจนเจอ
ทีนี้ วินเซนโซจับตัวจางฮันซอกมา แล้วใช้อุปกรณ์การฆ่าที่แปลกประหลาดชนิดหนึ่ง มันเป็นอุปกรณ์ที่พวกมาเฟียรัสเซียชอบใช้ ทุก ๆ 5 นาทีมันจะแทงลึกเข้าไปในร่างของจางฮันซอก 5 มิลลิเมตร เลือดจะค่อย ๆ ไหลออกมาอย่างช้า ๆ ความเจ็บปวดจะปรากฏขึ้นเหนือกว่าที่มนุษย์จะจินตนาการได้ วินเซนโซกล่าวว่า “ถ้าฉันคำนวณไม่ผิด แกน่าจะทรมานไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะตายในตอนเย็น ๆ ของวันพรุ่งนี้”
วันถัดมา วินเซนโซมาหาชายองเพื่อเซย์กู๊ดบาย แล้ววินเซนโซก็บินออกนอกประเทศไป …
วันเวลาเดินผ่านไป 1 ปี พัคซึงจุนโดนจับในข้อหาคอร์รัปชัน ส่วนคดีควมอื่น ๆ ชายองก็จัดการได้อย่างเรียบร้อย บาเบลพังทลายลงไปแล้ว เจ้าหน้าที่รัฐที่คดโกงก็โดนจัดหนักไปด้วยเช่นกัน
กระทั่งวันหนึ่งชายองได้รับโปสต์การ์ดจากวินเซนโซและบัตรเข้าชมงานแสดงศิลปะ ทั้งสองได้กลับมาพบกันอีกครั้ง “ผมอยู่ที่นี่ได้แค่วันเดียว แต่ผมจะพาคุณไปยังเกาะส่วนตัวของผม … ผมซื้อเกาะใกล้ ๆ มอลตาเอาไว้แล้วตั้งชื่อมันว่าเกาะฟางข้าว” ทั้งสองจูบกันอย่างมีความสุข 👨❤️💋👨
“ฉันคิดถึงคุณ” ชายองกล่าวความในใจกับทนายมาเฟีย “ผมคิดมาตลอดว่า บางที่คุณทนายจะมาอยู่ที่เกาะฟางข้าวกับผม” ❤️❤️❤️