Skip to content
สรุปเนื้อเรื่องซีรีส์ Beyond Evil (2021)

สรุปเนื้อเรื่องซีรีส์ Beyond Evil (2021)

ซีรีส์ Beyond Evil สปอยล์ : เมื่อพวกเขาสืบคดีลึกลงไปเรื่อย ๆ คำถามในใจก็เกิดขึ้น “ใครกันแน่ที่เป็นปีศาจชั่วร้ายตนนั้น … ตัวแก ตัวฉัน หรือ พวกเราทั้งหมด ?”

คะแนน : 7.5/10 (EP.1-8 9/10)
เรตติ้ง : 4.7 (สูงสุด EP.16 6.0 ต่ำสุด EP.5 3.8)
สนุกไหม ? : คนเขียนบทใช้เทคนิคแบ่งซีรีส์ออกเป็น 2 พาร์ต ช่วง 1-8 ตอนแรกคือดีมาก พีคมาก กดประสาทสุด ๆ หลังจากนั้นจะดร็อปลง โดยเฉพาะ 2-3 ตอนสุดท้าย

EP.1 คดีฆาตกรรมตัดนิ้วเมื่อ 20 ปีก่อน

ณ เมืองมันยาง เมื่อ 20 ปีก่อน อียูยอนซึ่งเป็นน้องสาวของอีดงชิก (รับบทโดย ชินฮาคยุน) ได้หายตัวสาบสูญไปหลังเธอได้รับข้อความจากดงชิกให้ออกไปหา เช้าวันต่อมาแม่ของเขาพบนิ้วทั้งสิบของยูยอนถูกตัด และวางเรียงอย่างเป็นระเบียบอยู่หน้าบ้าน ในขณะเดียวกันก็มีคนพบศพบังจูซอนในทุ่งต้นอ้อ สภาพศพถูกฆาตกรรมและมัดข้อเท้าเอาไว้

ตัดกลับมาในปัจจุบัน …

แม้เรื่องราวจะผ่านมาถึง 20 ปีแล้ว แต่ดงชิกก็ยังไม่เลิกล้มความพยายามในการตามหาตัวน้องสาว โดยเขาได้ปิดประกาศตามหายูยอนเอาไว้ทั่วเมือง

เจ้าหน้าที่อีดงชิก เป็นตำรวจอยู่ที่สถานีตำรวจมันยาง เขาถูกลดตำแหน่งจากสารวัตรมาเป็นผู้ช่วยสารวัตร และด้วยการทำงานที่มีลูกบ้าถึงลูกถึงคน เขาจึงได้รับฉายาว่า “คนบ้า”

ในขณะที่สารวัตรฮันจูวอน (รับบทโดย ยอจินกู) ลูกชายของฮันกีฮวาน ผู้ดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ขอเข้ามารับตำแหน่งที่สถานีตำรวจมันยาง ซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดคยองกีอันห่างไกลความเจริญ การเลือกของเขาในครั้งนี้ดูจะไม่เป็นที่พอใจของผู้เป็นพ่อ และตำรวจชั้นผู้ใหญ่คนอื่น ๆ ที่เสียดายความสามารถของฮันจูวอน ที่มีดีกรีระดับเกียรตินิยมจากโรงเรียนตำรวจ

แม้ว่าฮันจูวอนกับอีดงชิกดูท่าจะไม่ค่อยถูกกันตั้งแต่แรกเจอ แต่ผู้กำกับฯ นัมซังแบก็จัดให้ทั้งคู่ได้เป็นคู่หูกัน ทำให้เราได้เห็นความคอนทราสต์ของตำรวจมือเก๋าสไตล์ลูกทุ่ง กับตำรวจหนุ่มหล่อการศึกษาดีสไตล์ออแกนิก ได้มาทำงานร่วมกัน

แต่การเลือกมาประจำที่สถานีห่างไกลความเจริญของจูวอน แท้จริงแล้วเขาตั้งใจมาสืบคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นที่นี่เมื่อ 20 ปี ก่อน เพราะสงสัยว่าดงชิกคือฆาตกรตัวจริงที่ยังคงลอยนวลอยู่ !

วันหนึ่ง ขณะดงชิกและจูวอนออกนั่งรถออกตรวจพื้นที่ด้วยกัน พวกเขาได้พบซากนิ้วมือที่มีแหวนสวมอยู่ เมื่อเห็นแหวนเพียงแวบแรกจูวอนก็จำแหวนวงนี้ได้ ดงชิกจึงถามว่าศพผู้หญิงนี้คือใคร ? ซึ่งจูวอนเลือกที่จะไม่ตอบแล้วใช้เทคนิคตัดบทโดยการย้อนถามกลับไปว่า ดงชิกรู้ได้อย่างไรว่าศพนี้เป็นผู้หญิง ? ทั้งสองจึงได้แต่ยืนนิ่งจ้องกันกันอยู่อย่างนั้นด้วยท่าทางกวนประสาท

ก่อนที่จูวอนจะจ้องไปที่ตาของดงชิก แล้วยิงคำถามว่า “คุณไม่ได้ฆ่ายูยอน น้องสาวของตัวเองจริง ๆ เหรอ ?” … ดงชิกจึงจ้องหน้าจูวอนด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม พร้อมด้วยเสียงหัวเราะในลำคอออกมา

EP.2 หายตัวไป

การพบศพของหญิงปริศนา ยิ่งทำให้ทั้งจูวอนสงสัยดงชิกมากมากขึ้นไปอีก เพราะสถานที่พบศพเป็นสถานที่เดียวกันกับคดีฆาตกรรมเมื่อ 20 ปีก่อน ซึ่งในตอนนั้นดงชิกถูกจับในฐานะผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมยูยอน ซึ่งเป็นน้องสาวของเขาเอง ซึ่งต่อมาตำรวจก็ไม่สามารถดำเนินคดีต่อได้ เพราะไม่พบศพของยูยอน และแม้จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังหาศพของยูยอนไม่เจอ

ด้านดงชิกเองก็สงสัยจูวอนเช่นกันจึงได้ไปสืบหาประวัติ จนได้รู้ว่าจูวอนเคยทำงานอยู่ฝ่ายต่างประเทศ ซึ่งรับผิดชอบงานด้านคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย

จากหลักฐานที่ได้เบื้องต้น พบเป็นรองเท้าแบรนด์เนมคอลเลคชั่นใหม่ ซึ่งเมื่อดูจากรองเท้าแล้ว สันนิษฐานได้ว่าศพนี้ถูกฆ่าและฝังไม่เกิน 8 เดือน (ซึ่งไม่ใช่ศพของยูยอนแน่นอน)

จากนั้น หลายต่อหลายครั้งที่เหตุการณ์นำพาให้จูวอนเริ่มรู้สึกและมองดงชิกเปลี่ยนไป อย่างเช่นครั้งหนึ่งระหว่างที่นั่งรถสายตรวจออกไปลาดตระเวนด้วยกัน ดงชิกได้ให้รองเท้าของเขากับเด็กสติไม่สมประกอบที่นั่งตากฝนอยู่ข้างทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อจูวอนเห็นดงชิกกางร่มให้เด็กคนนั้นด้วยรอยยิ้ม มันยิ่งทำให้จูวอนเริ่มรู้สึกว่าดงชิกเป็นคนที่มีจิตใจดี

หรืออย่างกรณีที่ดงชิกได้ให้ความช่วยเหลือคังจินมุก ให้เงินทุนสนับสนุนในการเปิดร้านซูเปอร์มาร์เก็ตมันยาง ซึ่งลูกสาวที่ชื่อคังมินจองก็มองดงชิกเป็นเหมือนพ่อของเธอ ก็ยิ่งทำให้จูวอนเริ่มรู้สึกขัดแย้งกับสิ่งที่เขาเคยคิดว่า “ดงชิกเป็นฆาตกร ?”

ยิ่งไปกว่านั้น จูวอนได้ยินเรื่องของดงชิกที่ผู้กำกับฯ นัมซังแบเล่าให้ฟัง มันยิ่งทำให้จูวอนเริ่มรู้สึกไขว้เขว ผู้กำกับฯ เล่าว่า “ดงชิกเป็นคนบ้า ๆ บอ ๆ ไม่สมประกอบ ที่เห็นเขาทำงานเหมือนคนบ้าเพื่อลดความเศร้าของตัวเอง นับตั้งแต่ที่ยูยอนหายตัวไป พ่อของเขาก็ออกไปรอลูกสาวทุกวันเพราะเชื่อว่าสักวันเธอจะกลับมา จนกระทั่งพ่อของเขาหนาวตายกลางหิมะ จากนั้นแม่ก็สติหลุดไปอีกคน”

คังมินจอง (ลูกของคังจินมุก) แอบไปเที่ยวเธคและดื่มเหล้าจนเมามายไม่ได้สติ ดงชิกจึงไปตามแล้วพาตัวกลับมานอนพักที่สถานีตำรวจ ตำรวจทุกคนให้ความเอ็นดูคังมินจองเหมือนเธอเป็นลูกสาวของดงชิก เมื่อสร่างเมา ดงชิกก็ไล่ให้เธอกลับบ้านไป แต่ยังไม่ทันที่คังมินจองจะถึงบ้าน ดงชิกได้โทร. มาบอกว่าเธอทำกุญแจบ้านตกเอาไว้ที่สถานีตำรวจ ขณะนั้นเอง คังมินจองหันไปมองและยิ้มให้ใครบางคน แล้วก็ไม่มีใครได้เจอเธออีกเลย …

เช้าตรู่วันต่อมา ดงชิกเจอจูวอนอยู่ที่บริเวณข้างบ้าน เขาจึงพาเดินดูสถานที่ต่าง ๆ ในละแวกนั้น เมื่อเดินไปถึงหน้าซูเปอร์มาร์เก็ตมันยาง ทั้งสองพบนิ้วมือของคังมินจองวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะหน้าร้าน ดงชิกร้องไห้ออกมาไม่หยุดพร้อมทั้งเอ่ยชื่อมินจองออกมาไม่หยุด เหมือนประหนึ่งว่าจะขาดใจ

ภาพตัดเฉลยออกมาว่า ในคืนนั้นแท้ที่จริงแล้ว ชายที่เอานิ้วมือไปวางไว้ที่หน้าซูเปอร์มาร์เก็ตก็คือ ดงชิก !!!

EP.3 จับปีศาจต้องใช้ปีศาจ

ทุกคนต่างพากันโศกเศร้ากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับมินจอง และไม่แน่ใจว่าเธอเสียชีวิตไปแล้วหรือยัง … ทุกคนต่างสับสนว่าใครกันแน่คือฆาตกร จะใช่ดงชิกหรือไม่ ?

ณ จุดนี้ เหมือนกับว่าจูวอนและดงชิกต่างมองทะลุว่าต่างฝ่ายต่างเป็นศัตรูกัน ต่างฝ่ายต่างงัดเหลี่ยมคูเข้ามาต่อสู้กัน

ดงชิกใช้น้ำยาฟอกขาวทำความสะอาดห้องใต้ดิน และติดตั้งกล้องวงจรปิดแบบซ่อนเอาไว้ จังหวะนั้น สายสืบหญิงโอจีฮวาและเจ้าหน้าที่พัคจองเจแวะมาเยี่ยม และเอาอาหารมาให้ดงชิกที่บ้าน บางช่วงบางตอนดงชิกได้พูดอะไรบางอย่างที่แปลก ๆ ขึ้นมาว่า “มินจองตายไปแล้ว จะไม่มีใครพบศพ เพราะฆาตกรไม่ต้องการคืนศพให้”

ย้อนไปก่อนที่อีกึมฮวาจะถูกพบเป็นศพ (ศพที่ใส่แหวน และใส่รองเท้าแบรนด์เนม) ตอนนั้นจูวอนยังทำงานอยู่ฝ่ายต่างประเทศ อีกึมฮวาเธอคือหมอนวดที่เข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย เขาใช้เธอเป็นเหยื่อล่อดงชิกแลกกับการที่เธอจะไม่ถูกส่งตม. จูวอนให้โทรศัพท์แบบใช้แล้วทิ้งกับเธอ เพื่อให้ส่งข้อความหาเขา โดยให้ส่งเลข 1 แทนความหมายว่าดงชิกมาใช้บริการนวดกับเธอ

ต่อมา วันเดียวกับที่อีกึมฮวาหายตัวไป เธอได้ส่งข้อความเลข 1 จำนวนหลายตัวถึงจูวอน

ซึ่งอยู่ดี ๆ โทรศัพท์เครื่องดังกล่าวก็มาตกอยู่ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังระดมกำลังออกตามหาเบาะแสของมินจอง ซึ่งเมื่อสายสืบโอจีฮวานำโทรศัพท์ไปตรวจสอบ ก็พบข้อความที่ส่งไปหาจูวอน ซึ่งเธอเข้าใจว่าโทรศัพท์เป็นของมินจอง แต่เมื่อสอบสวนจูวอนแล้ว ปรากฏว่าทั้งสองไม่เคยรู้จักกันมาก่อน

ปัญหาของการพบโทรศัพท์เครื่องนี้ แม้จะทำอะไรจูวอนทางกฎหมายไม่ได้ แต่มันส่งผลต่อความน่าเชื่อถือ และแน่นอนว่ามันส่งผลต่อการขึ้นรับตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติของฮันกีฮวาน (พ่อของจูวอน) ซึ่งทำให้ฮันกีฮวานต้องส่งอัยการควอนฮยอกไปช่วย โดยย้ายควอนฮยอกไปประจำที่มุนจู

ผลตรวจดีเอ็นเอที่ติดอยู่บนโทรศัพท์ออกมาระบุว่า เป็นดีเอ็นเอของอีกึมฮวา ทำให้ฮันกีฮวานไม่พอใจลูกชายเป็นอย่างมาก เพราะหากเรื่องนี้รู้ถึงหูนักข่าว อาจจะทำให้เขาพลาดตำแหน่งเบอร์หนึ่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็เป็นได้

จูวอนแปลกใจและสงสัยว่าทำไมโทรศัพท์จึงไปตกอยู่ตรงนั้นได้ แต่แล้วดงชิกก็มาหัวเราะเยาะใส่จูวอน เหมือนกับว่าตอนนี้เป็นการเปิดหน้าชกกันอย่างเปิดเผยแล้ว ดงชิกพูดเป็นนัยว่าเขาเป็นคนเอาโทรศัพท์ไปไว้ตรงนั้นเอง ทำให้จูวอนโมโหมากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะตอนนี้เขาก็ตกอยู่ในที่นั่งลำบากเช่นกัน

จูวอนมืดแปดด้าน เขาจึงจำเป็นต้องบุกเข้าไปในห้องใต้ดินที่บ้านของดงชิกเพื่อหาหลักฐาน จนในที่สุดจูวอนก็เจอคลาบเลือดบนโต๊ะไม้ … แต่

จูวอนไม่รู้เลยว่า ดงชิกกำลังมองดูเขาผ่านกล้องวงจรปิด ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่สายสืบโอจีฮวาจับดงชิกใส่กุญแจมือ พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของมินจอง

จูวอนยิ้มด้วยความภูมิใจว่าตัวเองปิดคดีนี้ได้สำเร็จ โดยที่ไม่รู้เลยว่าคนที่ยิ้มเยาะเขาอยู่คือดงชิก !!!

EP.4 ฆาตกรรมต่อเนื่อง

สายสืบโอจีฮวาจับกุมอีดงชิกโดยไม่มีหมายจับ ตามกฎหมายเกาหลี ตำรวจสามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ไม่เกิน 48 ชั่วโมง เพื่อหาหลักฐานมาสนับสนุนการออกหมายจับ ซึ่งการจับกุมลักษณะนี้ต้องได้รับความเห็นชอบจากอัยการ

มีตำรวจคนหนึ่งแอบปล่อยข่าวนี้ให้กับพวกนักข่าว กองทัพสื่อจึงไปดักรอที่สถานีตำรวจมุนจู ยิ่งไปกันใหญ่เมื่อนักข่าวรู้ว่าผู้ต้องสงสัยเป็นตำรวจ

เรื่องซับซ้อนเข้าไปอีก เมื่อหลักฐานที่ได้มาแต่ละชิ้นดูจะไม่ค่อยมีน้ำหนัก ไม่ว่าจะเป็นรอยเลือดที่มีเพียงหยดเดียวบนโต๊ะ ซึ่งพิสูจน์อะไรไม่ได้เลย เพราะมินจองเข้านอกออกในบ้านของดงชิกเป็นเรื่องปกติ

เรื่องการขึ้นไปบนเขา (ที่จูวอนอ้างว่า ดงชิกขึ้นไปเอาโทรศัพท์ไปวางไว้) ดงชิกก็ให้ปากคำว่าเขาขึ้นเขาเป็นกิจวัตรตั้งแต่เด็ก ซึ่งสายสืบโอจีฮวาสามารถเป็นพยานให้เขาได้ในเรื่องนี้ ส่วนถุงที่เขาถือติดมือไปด้วยก็เป็นเพียงแค่รามยอนเท่านั้น ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้ว่าเขาซื้อมาจริง

เวลาล่วงผ่านไป อีกไม่กี่ชั่วโมงดงชิกจะได้รับการปล่อยตัวเมื่อครบ 48 ชั่วโมง โดยที่ตำรวจยังหาหลักฐานอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันเพียงพอที่จะสามารถออกหมายจับได้

ระหว่างนั้นคังจินมุก (พ่อของมินจอง) ก็ไปเยี่ยมดงชิก แล้วยังเขียนคำร้องขอให้ปล่อยตัวดงชิกโดนเร็ว เพราะเขาไม่เชื่อว่าดงชิกจะเป็นคนร้าย อีกทั้งพัคจองเจก็เข้ามาเป็นพยานให้ โดยระบุว่าเขาอยู่กับดงชิกในคืนเกิดเหตุ มาถึง ณ จุดนี้ ตำรวจจึงจำเป็นต้องปล่อยตัวดงชิกอย่างไม่มีเงื่อนไข

คืนเดียวกันนั้น จูวอนไปหาดงชิกที่บ้าน เพื่อบีบให้ดงชิกสารภาพโดยถือปืนเพื่อข่มขู่แต่จูวอนอ้างว่าเพื่อป้องกันตัว ขณะเดียวกันก็บันทึกเสียงสนทนาเอาไว้ทางโทรศัพท์ แต่ดงชิกกลับบอกกับจูวอนว่า สิ่งที่จูวอนทำอยู่ตอนนี้มันโง่เขลาสิ้นดี เพราะไม่สามารถหาหลักฐานจับเขาได้ จึงต้องเอาปืนมาข่มขู่เพื่อบีบให้เขารับสารภาพ ซึ่งถือเป็นเรื่องตลก

ดงชิกตอกกลับจูวอนว่า คงลำบากใจมากสินะ ที่ไม่สามารถเปิดเผยเจ้าของโทรศัพท์ที่ตำรวจพบ เพราะมันโยงกลับมาไปหาตัวเอง และถ้าเรื่องนี้ถูกเปิดเผยออกไปก็จะส่งผลต่อตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติของพ่อเขาด้วย … จูวอนเดินออกมาจากบ้านทั้งหายใจไม่ทั่วท้อง เพราะเขาเป็นคนใช้หญิงสาวคนนั้นเป็นเหยื่อ หรือจริง ๆ แล้วเขาเองที่ทำให้เธอตาย โดยใช้อำนาจที่ไม่ถูกกฎหมาย !

วันต่อมา จูวอนตัดสินใจให้ข้อมูลกับนักข่าวเรื่องที่สุดเอ็กซ์คลูซีฟ เขาบอกว่าการฆาตกรรมที่เกิดขึ้นจริง ๆ แล้วในความเห็นของเขามันเป็นฆาตกรรมต่อเนื่อง ซึ่งมีมาตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา

แล้วเราก็ได้รู้ว่า เจ้าหน้าที่โอจีฮุนคือคนเจอมินจองในคืนนั้น !

EP.5 หลอกลวงให้ซับซ้อน

ผลที่ตามมาหลังจากจูวอนให้สัมภาษณ์นักข่าว เรื่องที่เขามีความคิดเห็นว่าเหตุฆาตกรรมและคนหายที่เกิดขึ้นตลอด 20 ปีที่ผ่านมา มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นฆาตกรรมต่อเนื่อง ทำให้ฮันกีฮวาน พ่อของเขาร้อนใจเป็นอย่างมากกับการสัมภาษณ์ที่ไม่มีหลักฐานมารองรับ เขาจึงออกแถลงการณ์ด่วนว่า สิ่งที่จูวอนได้ให้สัมภาษณ์ทั้งหมดเป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัว และจะจัดการลงโทษตามกฎของตำรวจ

ต่อมา ดงชิกกับจูวอนรีบบึ่งรถไปที่เวทีส่งเสริมโครงการพัฒนาเมือง ซึ่งคังจินมุกกำลังขึ้นพูดบนเวทีสนับสนุนให้มีการพัฒนาเมือง หลังจากหยุดชะงักไปยาวนาน 20 ปีก่อนจากเหตุฆาตกรรมยูยอน คังจินมุนกล่างบนเวทีว่าเขาไม่ต้องการให้เรื่องของมินจองทำให้เมืองนี้ต้องหยุดพัฒนาอีกครั้ง จังหวะนั้นเองดงชิกขึ้นไปลากคังจินมุกลงจากเวที จากนั้นก็มีปากมีเสียงกับผู้มาร่วมงาน ดงชิกบอก ส.ส.โดแฮวอน (แม่ของพัคจองเจ) ว่าเขาไม่เคยรั้งพัคจองเจลูกชายของเธอ พัคจองเจต่างหากที่มาตามติดเขาเอง ไม่ว่าจะเป็นเมื่อ 20 ปีก่อนหรือว่าตอนนี้

เมื่อจูวอนได้ยินสิ่งที่ดงชิกพูดกับ ส.ส.โดแฮวอน ทำให้จูวอนสงสัยในตัวพัคจองเจขึ้นมาทันทีว่าเขาคือฆาตกรตัวจริง ซึ่งดงชิกและคนอื่น ๆ พยายามให้ความช่วยเหลือ จากนั้นเขาจึงขอร้องให้ควอนฮยอกสืบประวัติของพัคจองเจ และได้รู้ว่าหลังยูยอนหายตัวไป พัคจองเจต้องเข้าไปอยู่โรงพยาบาลจิตเวชนานถึง 4 ปี ด้วยอาการผิตปกติทางจิตจากสุรา และระหว่างที่อยู่โรงพยาบาลเขาก็เห็นภาพหลอนว่าตัวเองฆ่าคน

ดงชิกเรียกให้โอจีฮุนมาพบเขาที่บ้านเพื่อถามว่า เอาเรื่องที่เขาโดนจับไปบอกนักข่าวทำไม โอจีฮุนบอกว่าเขารู้ว่าดงชิกไม่ได้ฆ่ามินจอง เพราะในคืนนั้นเขาเห็นพัคจองเจไปเจอกับมินจอง และทั้งคู่ก็เดินไปด้วยกัน

หลังโอจีฮุนกลับไปแล้ว จูวอนที่แอบฟังสิ่งที่ทั้งสองคุยกันอยู่ด้านนอกก็เข้าไปหา แล้วถามว่าทำไมเขาต้องช่วยเหลือพัคจองเจ ซึ่งเป็นไอ้โรคจิตที่ฆ่าคนเป็นจำนวนมากแบบนี้ !!!

แล้วเราก็ได้รู้ว่าในคืนเกิดเหตุ คังจินมุกได้เห็นเหตุการณ์ที่มินจองพบกับพัคจองเจ

EP.6 ความจริงที่ถูกตัดตอน

คังจินมุกเอากิมจิไปให้สายสืบหญิงโอจีฮวาที่สถานีตำรวจมุนจู และเจ้าหน้าที่ที่สถานีตำรวจย่อยมันยาง เพื่อเป็นการขอบคุณที่ทุกคนต่างต้องมาเหนื่อยกับการตามหามินจอง … เมื่อกลับมาที่บ้านเขาพูดกับรูปถ่ายของมินจองที่ติดอยู่บนฝาผนังว่า “มีแต่ตำรวจโง่ ๆ แล้วแบบนี้จะหามินจองเจอได้ยังไง”

ความจริงที่น่าตกใจคือ คังจินมุกผู้น่าสงสาร ที่ทำตัวจิตใจอ่อนไหว ด้วยลักษณะภายนอกที่ดูเหมือนคนไม่สมประกอบ แต่แท้จริงแล้วทั้งหมดเป็นสิ่งที่เขาเสแสร้งแกล้งทำมาตั้งแต่เมื่อเขาเป็นวัยรุ่น … คังจินมุกเป็นคนปรกติ !!!

ย้อนกลับไปในคืนวันที่ 23 ตุลาคม 2020 ซึ่งเป็นคืนที่มินจองหายตัวไป หลังจากเธอแอบออกมาจากสถานีมันยาง ดงชิกโทร. ไปบอกว่าเธอทำกุญแจตกไว้ที่สถานี จังหวะนั้นเธอเห็นพัคจองเจมารอเพื่อเดินพาเธอไปส่งบ้าน โอจีฮุนตามมาเห็นสองคนเดินไปด้วยกัน เขาจึงเดินกลับไป คังจินมุกเห็นพัคจองเจเดินมากับมินจอง เขาจึงรีบวิ่งกลับบ้าน

แล้วหลังจากนั้น ก็เหมือนกับว่าคังจินมุกเป็นคนจัดการกับมินจองด้วยมีดอีโต้ !!!

ตัดกลับมาที่ปัจจุบัน คังจินมุกโทร. หาจูวอนแล้วขอให้มาเจอเขาที่บ้าน เมื่อจูวอนมาถึง จินมุกจึงขอร้องให้จูวอนแยกทำคดีของมินจองต่างหาก โดยเขาให้เหตุผลว่าสายสืบโอจีฮวาไม่ยอมบอกความคืบหน้าของคดีให้เขารู้เลย ซึ่งจูวอนก็ยอมรับปากจะทำให้ แม้มันจะไม่ถูกต้องตามระเบียบก็ตาม

จากนั้นจูวอนก็ค่อย ๆ ให้จินมุกเล่าไทม์ไลน์ที่เกิดขึ้นในคืนนั้นให้ฟัง ซึ่งก็เหมือนกับที่คนอื่น ๆ เคยให้ปากคำไปก่อนหน้านี้ มีเพียงจุดเดียวที่แตกต่างก็คือ จินมุกบอกว่าเขาเดินกลับบ้านกับดงชิก นั่นหมายความว่าดงชิกไม่ใช่คนลงมืออย่างแน่นอน แต่จูวอนสงสัยว่าทำไมดงชิกถึงไม่เคยอ้างเรื่องนี้เพื่อให้เขาพ้นข้อกล่าวหาตอนที่ถูกจับ

พัคจองเจลาหยุด 3 วัน เขาบอกกับ ส.ส.โดแฮวอน ผู้เป็นแม่ว่าระหว่างหยุดเขาจะปิดโทรศัพท์ไม่ติดต่อกับใครเพื่อพักผ่อนสมอง เพราะช่วงหลังมานี้ เขาได้ยินเสียงผู้หญิงแว่วเข้ามาในหูตลอด

ทีนี้ เรื่องราวยิ่งทวีความซับซ้อนเข้าไปอีก เมื่อ ส.ส.โดแฮวอนคิดจะจบเรื่องเพื่อให้แผนพัฒนาเมืองเดินหน้าต่อไปได้ โดยการตัดตอนความจริง … เธอไปขอคลิปวิดีโอจากกล้องบันทึกหน้ารถคันหนึ่งจากอีชางจิน ที่เขาเก็บเอาไว้ จากนั้น ส.ส.โดแฮวอนก็ตัดภาพพัคจองเจ ลูกชายของเธอออก ให้เหลือแต่เพียงโอจีฮุนที่อยู่ในคลิป

คลิปจากกล้องหน้ารถที่เผยให้เห็นโอจีฮุนเป็นคนสุดท้ายที่เจอมินจอง ได้ถูกส่งไปให้นักข่าวและตำรวจ โอจีฮุนจึงโดนจับ ในการสอบปากคำโอจีฮุนบอกว่าตัวเขาไม่ได้เป็นคนสุดท้ายที่อยู่กับมินจอง หากแต่เป็นพัคจองเจต่างหาก

สายสืบหญิงโอจีฮวาเครียดจัดเรื่องที่โอจีฮุน ซึ่งเป็นน้องชายโดนจับ จึงไปนั่งดื่มที่ร้านเขียงเนื้อมันยางของแจอี โดยมีดงชิกอยู่เป็นเพื่อน ระหว่างที่นั่งดื่มกินกันอยู่นั้น ดงชิกได้เดินหายไปพักหนึ่ง ระหว่างนั้นสัญญาณโทรศัพท์ของมินจองก็ติดขึ้นมา แล้วตำรวจก็จับสัญญาณได้ !

ไม่นานนัก จินมุกที่เพิ่งมาเห็นข้อความที่ได้รับก็ถึงกับอึ้ง และเมื่อทุกคนได้เห็นข้อความต่างก็อึ้งไปเช่นกัน เพราะมันเป็นข้อความที่ส่งมาจากโทรศัพท์ของมินจองระบุว่า “พ่อ ปล่อยหนูออกไปทีเถอะ” !!!

EP.7 ฉิบหาย

ซีรีส์ย้อนกลับไปเล่ารายละเอียดเพิ่มเติมในคืนวันที่ 23 ตุลาคม 2020 คืนที่มินจองหายตัวไป …

คืนนั้น ดงชิกมาที่ร้านมันยางซูเปอร์มาร์เก็ต เพื่อเอากุญแจที่มินจองทำตกเอาไว้มาคืน แต่เขาโทร. หามินจองก็ไม่รับสาย ในขณะที่ภายในร้านเงียบสงัด ดงชิกจึงตัดสินใจกลับ

ในเวลาเดียวกันนั้น คังจินมุกที่ได้เห็นมินจองทำเล็บกลับมาที่บ้าน ทำให้ไปกระตุ้นต่อมฆาตกรของเขา (คังจินมุกจะฆ่าเหยื่อผู้หญิงที่ทาเล็บแล้วตัดนิ้ว) หลังจากรัดคอมินจองในห้องน้ำจนหมดสติไป จินมุกก็จัดการตัดข้อนิ้วทั้ง 10 นิ้ว และเชือดลูกสาวของตัวเองด้วยมีดอีโต้

ซึ่งจังหวะนั้น โอจีฮุนได้มาที่ร้านมันยางซูเปอร์ เพื่อมาเอามักกอลลีไปดื่มที่ร้านเขียงเนื้อมันยาง จีฮุนพยายามบอกจินมุกว่าเขาจะไปชวนมินจองไปกินเนื้อด้วย เพราะเธอคงหิว แต่จินมุกบอกว่า “มินจอง หลับเป็นตายอยู่ในห้อง” จากนั้น ทั้งสองก็ไปกินเนื้อที่ร้านเขียงเนื้อตามคำเชิญของผู้กำกับฯ นัมซังแบ

ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ 3 ทุ่ม ในขณะที่ทุกคนอยู่ที่ร้านเขียงเนื้อ ดงชิกก็ได้กลับมาที่ร้านมันยางซูเปอร์อีกครั้ง เพราะเขาตั้งใจจะเอากุญแจมาคืนมินจอง แต่ด้วยความแปลกใจปนสงสัยที่ติดต่อมินจองไม่ได้ เขาจึงใช้กุญแจนั้นไขเข้าไปภายใน เขาไม่พบมินจองอยู่ที่ห้องนอน ดงชิกจึงวางกุญแจเอาไว้

ขณะกำลังจะออกมา ดงชิกเกิดสงสัยอะไรบางอย่าง เขาจึงเข้าไปดูในห้องห้องหนึ่ง ภาพเบื้องหน้าที่เห็นทำเอาดงชิกช็อก ยืนนิ่งไปหลายวินาที ภาพนิ้ว 10 นิ้ววางเรียงราวอย่างเป็นระเบียบบนพลาสติกใส โทรศัพท์มือถือของมินจองที่วางอยู่ข้าง ๆ บนโต๊ะไม้ โต๊ะเดียวกับที่ทำการเชือดเธอ !!!

เมื่อมั่นใจแล้วว่ามินจองโดนคังจินมุกฆาตกรรม ดงชิกที่กำลังจะโทร. ไปแจ้งความ แต่เขานึกขึ้นมาได้ว่า กฎหมายประเทศเกาหลีถ้าไม่มีศพก็ไม่สามารถดำเนินคดีข้อหาฆาตกรรมได้ และเมื่อค้นจนทั่วบ้าน ดงชิกก็ไม่พบร่างของมินจอง … แล้วจะทำอย่างไรดี ? (แต่ดงชิกพบโทรศัพท์ใช้แล้วทิ้ง ที่จูวอนให้ไว้กับเหยื่อคนก่อนที่เป็นหมอนวด)

ดงชิกคิดไตร่ตรองพักใหญ่ เขาจึงเก็บหลักฐานทุกอย่างที่มีเอาไปด้วย ระหว่างนั้น น้ำตาที่เอ่อล้นอยู่อย่างนั้น เหมือนดั่งว่าจะขาดใจ

จากนั้น ดงชิกกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็ไปที่ร้านเขียงเนื้อ ซึ่งสีหน้าท่าทางของเขาในวันนั้นดูไม่ดีเอาเสียเลย หลังจากเลิกจากร้านเนื้อ เขาก็รีบวิ่งไปที่ร้านมันยางซูเปอร์มร์เก็ตเพื่อเอานิ้วของมินจองไปวางเรียงเอาไว้

ตัดกลับมาปัจจุบัน … แจอีรู้แล้วว่าคนที่อ้างตัวเป็นมินจองแล้วส่งข้อความถึงคังจินมุก คือ ดงชิก เพราะตำรวจตรวจสอบสัญญาณพบว่าโทรศัพท์ที่ใช้อยู่ที่ร้านเนื้อของแจอี แล้วในเวลานั้นก็มีดงชิกเพียงคนเดียวที่กล้าบ้าบิ่นพอที่จะทำแบบนั้น

แจอีจึงแอบไปเอาโทรศัพท์ของมินจองที่ดงชิกซ่อนเอาไว้ หลังจากนั้นเธอก็ส่งข้อความไปหาจินมุกอีก 2 ครั้ง ซึ่งทำให้จินมุกเริ่มทำอะไรที่ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะทำออกมา … จินมุกไปหาแจอี แล้วบอกตำแหน่งที่เขาฝังแม่ของแจอีเอาไว้

จินมุกกลับมาที่หลังร้านมันยางซูเปอร์ แล้วยกหินตรงทางเดินออก ด้านล่างมีพลาสติกห่อหุ้มอะไรบางอย่างอยู่ ศพของมินจอง !!!

จูวอนกับดงชิกซึ่งแอบสังเกตการณ์อยู่ก็เข้ามาจับจินมุก พร้อมกับแจ้งข้อหายาวเป็นหางว่าว ก่อนที่จูวอนจะพูดว่า “แกได้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับความฉิบหายแน่ ๆ”

EP.8 จากนี้ไปจะไม่มีใครตายอีกแล้ว ?

เรามาเริ่มกันด้วยผลการชันสูตรพลิกศพของมินจอง ซึ่งการชันสูตรเบื้องต้นคาดว่าน่าจะเสียชีวิตจากการโดนบีบคอจนขาดอากาศหายใจ แต่ผลการชันสูตรโดยละเอียดจากสถาบันนิติเวชกลับระบุว่า “สาเหตุการตายเกิดจากภาวะหัวใจหยุดเต้น เนื่องจากอวัยวะหยุดทำงาน” มันหมายความว่าอะไร ?

ย้อนกลับไปที่นิ้วมือของมินจองที่ถูกตัดทั้ง 10 นิ้ว ตำรวจพบเลือดอยู่ เท่ากับว่าขณะที่มินจองโดนตัดนิ้วเธอยังมีชีวิตอยู่ ที่น่าสยดสยองไปกว่านั้นคือ มินจองถูกเอาไปฝังทั้งเป็น ทั้งที่ยังมีลมหายใจ !!!

การสอบสวนคังจินมุกได้เริ่มต้นขึ้น ทำให้เราได้รู้ว่าเมื่อสมัยเป็นวัยรุ่น เขาไปรักกับหญิงบริการคนหนึ่งชื่อยุนมีฮเย จากนั้นจินมุกก็ช่วยจ่ายค่าไถ่ตัวให้และได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน เมื่อคลอดมินจองออกมาเธอก็หนีเขาไป นับแต่นั้นจินมุกก็ตามหาตัวยุนมีฮเยมาตลอด 20 ปี (ตามหาเพื่อฆ่า) ระหว่างนั้นเขาต้องทนเจ็บปวดอยู่กับคำคนที่ชี้หน้าด่าเขาว่า “โง่ที่โดนผู้หญิงหลอก”

ต่อมาในวันที่ 22 ตุลาคม 2020 คืนก่อนที่มินจองจะถูกฆ่า จินมุกได้ไปตามหายุนมีฮเยที่ร้านมาเรีย เมืองปูซาน ที่นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาได้พบเบาะแสหลังจากตามมานานกว่า 20 ปี ยุนมีฮเยตายแล้วจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ … ความผิดหวังที่เกิดขึ้น หลังจากพยายามตามหามานานกว่า 20 ปี กลับพบว่าเธอชิงตายจากไปซะก่อน ทำให้วันต่อมาจินมุกจึงลงมือฆ่ามินจอง ซึ่งเป็นตัวแทนเดียวของยุนมีฮเย

ในคืนนั้น จินมุกถามมินจอง ขณะที่เธอกำลังเตรียมเครื่องอาบน้ำว่า “เมื่อคืนไปกินเหล้ากับผู้ชายมาเหรอ ?”

มินจองตอบ “ใช่ แล้วไง จะทำไม” จากนั้นจินมุกก็คว้าแขนมินจองเอาไว้เมื่อเธอทำท่าจะเดินหนี “คืนนี้พ่ออารมณ์ไม่ดีนะ … ต่อจากนี้ ห้ามไปค้างคืนที่ไหนนะ ห้ามเด็ดขาด”

มินจองพยายามสะบัดแขนออก ทำให้ตะกร้าที่ใส่เครื่องอาบน้ำล่วงลงจากมือ “อย่ามาจับ … อย่ามาแตะต้องตัวฉัน มันน่าขนลุก” มินจองก้มลงไปเก็บเครื่องอาบน้ำใส่ตะกร้า พลางพูดออกไปว่า “ฉันโคตรเกลียดคุณเลย คุณทำเหมือนตัวเองโง่ เพื่อหลอกทุกคน เห็นคนอื่นเป็นตัวตลก แต่ฉันมองสายตาน่าขนลุกนั่นออกนะ ฉันรู้หมดแหละ”

“หยุดนะ” จินมุกพูดออกมาอย่างแผ่วเบา เหมือนว่าเขาพยายามสะกดความโกรธของตัวเองเอาไว้

“ฉันรู้แล้วจริง ๆ ว่าทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงได้หนีไป เป็นฉัน ฉันก็ไม่อยากอยู่กับคุณหรอก … คุณเป็นพ่อของฉันจริงหรือเปล่า ? ฉันคิดมานานแล้ว ยังไงก็ไม่น่าใช่ แล้วถ้าไม่ใช่ ทำไมฉันต้องอยู่กับคุณด้วย … จริง ๆ ไปตรวจดีเอ็นเอก็คงรู้” และนั่นเป็นคำพูดสุดท้ายในชีวิตที่ได้ออกจากปากของมินจอง !

ทีนี้ สิ่งที่ตำรวจต้องการคือคำรับสารภาพของคังจินมุก และสถานที่เขาใช้ฝังศพเหยื่อคนอื่น ๆ ดงชิกกับจูวอนปะติดปะต่อเรื่องราวได้ จึงวางแผนลวงเพื่อที่จะหลอกให้จินมุกเผยสถานที่ที่เขาฝังศพต่าง ๆ เอาไว้ออกมา โดยการหลอกว่ายุนมีฮเยยังมีชีวิตอยู่ สุดท้ายเขาก็ยอมบอก แต่ศพเดียวที่เขาไม่บอกว่าฝังเอาไว้ที่ไหนคือยูยอน น้องสาวของดงชิก

ดงชิกเฝ้าหาน้องสาวตัวเองมาต่อเนื่องยาวนานเป็นเวลานานกว่า 20 ปี จนมาตอนนี้จับฆาตกรได้แล้ว แต่เขาก็ยังหาร่างของน้องไม่พบ จูวอนที่ตอนนี้เริ่มเข้าใจอะไรหลาย ๆ อย่าง ก็มีท่าทีเห็นใจดงชิกมาก ถึงขนาดชวนดงชิกไปซ้อมจินมุกเพื่อให้บอกที่ฝังยูยอน โดยจูวอนจะรับผิดชอบเอง ระหว่างนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น …

ปลายสายแจ้งว่า จินมุกผูกคอตายในห้องขัง และเขาได้เขียนข้อความเอาไว้ด้วยเลือดของตัวเองว่า “ดงชิก ฉันไม่ได้เป็นคนฆ่ายูยอนจริง ๆ” !!!

EP.9 วนลูปกลับมาอีกครั้ง

หลังจากคังจินมุกฆ่าตัวตายไปแล้ว 3 เดือน เมืองมันยางกลับเข้าสู่สภาพย้อนกลับไปในตอนแรก … ดงชิกจับภรรยาของเจ้าหน้าที่โจที่ลักลอบเล่นการพนัน จนวุ่นวายกันทั้งโรงพักเหมือนเดิม ในขณะนั้นเอง สารวัตรฮันจูวอนก็เปิดประตูเข้ามารายงานตัวกลับเข้าประจำการ

แม้จินมุกจะฆ่าตัวตายชิงจากโลกนี้ไป แต่ปัญหาที่ยังไม่ได้รับการคลี่คลายยังเหลืออยู่หลายประการ และการกลับมามันยางของจูวอนก็ด้วยเหตุเหล่านี้ คือ 1) ใครเป็นคนนำเอาสายเอ็นตกปลากับใบมรณะบัตรของยุนมีฮเยไปให้จินมุกในห้องขัง ? 2) ดงชิกรู้ว่ามินจองถูกจินมุกตัดนิ้วแต่ไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ ในมุมของจูวอนมองว่า ถ้าดงชิกแจ้งเจ้าหน้าที่ตอนนั้นมินจองก็อาจจะรอดชีวิต นั่นเท่ากับว่าดงชิกก็มีส่วนร่วมในการตายของมินจอง 3) ใครฆ่ายูยอน และศพของเธออยู่ไหน ?

และนั่นคือเหตุผลที่จูวอนกลับมาที่มันยางอีกครั้ง แทนที่จะไปเติบโตตามสายงานตำรวจตามที่พ่อของเขาได้วางเอาไว้ที่กรุงโซล

ในขณะที่ดงชิกก็ไม่ละความพยายามที่จะหาร่างของยูยอนให้ได้ เขาทำทุกทางทั้งทุบทั้งขุดทุกที่ที่เขาคิดว่าร่างของยูจะอยู่ที่นั่น ไม่เว้นแม้แต่ที่ซูเปอร์มันยางที่จินมุกได้ทำพินัยกรรมยกให้เป็นของเขา

กระทั่งวันหนึ่ง เจ้าหน้าที่สน.มันยางก็พากันไปขุดในที่ดินรกร้างของอีชางจิน และได้พบโครงกระดูกมนุษย์ ซึ่งเจ้าหน้าที่นิติเวชวิเคราะห์เบื้องต้นว่าไม่น่าจะใช่ยูยอน !

เรื่องราวมันซับซ้อนเข้าไปอีก เมื่อแจอีเข้ามอบตัวเพื่อสารภาพว่าวันที่จินมุกฆ่าตัวตาย เธอได้พกมีดไปหวังฆ่าจินมุก แต่สุดท้ายเธอก็เข้าไปไม่ได้ … อ้าว แล้วอยู่ดี ๆ แจอีจะปรักปรำตัวเองเพื่อ ? ก็เพราะว่ามีใครบางคนที่ข่มขู่เธอ ซึ่งก็คือ ส.ส. โดแฮวอน เพื่อต้องการให้เรื่องต่าง ๆ จบ เมืองมันยางจะได้กลับมาสงบอีกครั้ง (โดยจูวอนเป็นคนอยู่เบื้องหลังอีกที)

วันหนึ่ง ผู้กำกับฯ นับซังแบได้มาหาแจอี เขาถามกับเธอตรง ๆ ว่า “วันนั้น วันที่คังจินมุกฆ่าตัวตาย เธอเห็นฉันเข้าไปที่สน. ใช่มั้ย ?” แต่ไม่ทันทีแจอีจะเอ่ยปากพูดอะไรต่อ ตำรวจก็เข้ามาแสดงตัวเพื่อจับกุมนัมซังแบ ด้วยหมายจับฉุกเฉินในข้อหาช่วยเหลือและยุยงส่งเสริมการฆ่าตัวตายและฆาตกรรมคังจินมุก” !

จากนั้น KCSI ก็ได้เข้าไปเก็บหลักฐานที่สถานีตำรวจมันยาง แล้วในตู้เซฟของผู้กำกับฯ นัมซังแบ ก็พบสายเอ็นตกปลาซึ่งเป็นยี่ห้อเดียวกับที่จินมุกใช้ฆ่าตัวตาย และใบมรณะบัตรอยู่ในนั้น

เพราะที่แท้แล้ว คนที่เอาสายเอ็นตกปลาและใบมรณะบัตรไปไว้ในตู้เซฟก็คือ จูวอน นั่นเอง !

EP.10 เสียใจแทบสิ้นสติ

หลังจากผู้กำกับฯ นัมซังแบถูกจับโดยหมายจับฉุกเฉิน ในข้อหาให้ความช่วยเหลือและยุยงส่งเสริมการฆ่าตัวตายและฆาตกรรมคังจินมุก ดงชิกเชื่อในทันทีว่าทั้งหมดเป็นฝีมือของจูวอน ที่แอบเอาสายเอ็นตกปลาชนิดเดียวกับที่จินมุกใช้ฆ่าตัวตาย และใบมรณะบัตรของยุนมีฮเย ไปไว้ในตู้เซฟของผู้กำกับฯ นัมซังแบ แต่จูวอนก็อ้างด้วยสีหน้าที่ยิ้มเยาะเหมือนผู้ชนะว่า กล้องวงจรปิดก็จับภาพคนอื่น ๆ ที่เข้าไปในห้องผู้กำกับฯ ได้เช่นกัน และหนึ่งในนั้นก็มีดงชิกอยู่ด้วย แถมยังตอกกลับเรื่องนิ้วของมินจองที่ดงชิกแอบเอาไปวางไว้ที่หน้าร้านซูเปอร์มันยาง

ในขณะที่ดงชิกก็พบร่างที่ตอนนี้เหลือแค่โครงกระดูกของยูยอนอยู่ที่ชั้นใต้ดินที่บ้านของเขา แม้หลายคนจะแสดงความยินดีกับเขาที่พบร่างของยูยอน แต่ก็เหมือนตลกร้ายสำหรับดงชิก ตลอด 21 ปีที่ผ่านมาเขาคิดมาตลอดว่า บางที่ยูยอนอาจจะยังมีชีวิตอยู่แล้วบังเอิญว่าเขาไปเจอเธอในที่ใดที่หนึ่ง หรือบางทีเขาก็คิดว่าอาจเจอศพเธอลอยมาในลำธาร หรือแม้แต่จินตนาการว่าเธอถูกฝังอยู่ในหุบเขาของป่าลึกอันห่างไกลผู้คน เขาคิดจิตนาการอยู่อย่างนั้น วนลูปอยู่แบบนี้มาตลอด 21 ปี แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่ายูยอนจะอยู่ที่ชั้นใต้ดินในบ้านที่เขาอาศัยกินนอนอยู่ทุกวัน

เมื่อผลการชันสูตรโครงกระดูกของยูยอนออกมา ปรากฏว่าไหปลาร้าไม่หักแต่พบรอยหักที่ส่วนอื่นหลายจุด ซึ่งสันนิษฐานได้ว่าลักษณะการตายของยูยอนแตกต่างจากเหยื่อที่จินมุกฆ่า และการที่ทำให้เกิดเช่นนี้ได้ต้องตกมาจากที่สูง หรือไม่ก็ถูกรถชนซ้ำหลาย ๆ ครั้ง คำถามคือใครฆ่ายูยอน ?

ระหว่างนั้นดงชิกก็สืบจนพบว่า คนที่ส่งอีเมลไปขู่แจอีก็คือจูวอน เมื่อดงชิกถามแจอีว่าในวันที่จินมุกฆ่าตัวตายเธอได้เห็นอะไรบ้าง แจอีก็เลือกที่จะไม่ตอบ และบอกว่ามันไม่สำคัญว่าเธอจะเห็นใครแต่คนคนนั้นไม่ใช่คนที่ฆ่าคุงจินมุกอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม 72 ชั่วโมงหลังนัมซังแบโดนจับเขาก็ได้รับการปล่อยตัว เพราะหาหลักฐานที่ชี้ชัดในการเอาผิดไม่ได้ แต่ก่อนหน้านั้น จูวอนได้แอบนำเอาอุปกรณ์ติดตาม GPS ไปใส่ไว้ในกระเป๋าสตางค์ของนัมซังแบ

ดงขิกโทร. หานัมซังแบพร้อมกับตำถามว่า เกิดอะไรขึ้นกับยูยอนกันแน่ ? แต่ยังไม่ทันที่เสียงปลายสายจะตอบกลับสายก็ตัดไป ด้านจูวอนก็กำลังตามโลเคชันอยู่เช่นกัน นัมซังแบกำลังมุ่งหน้าไปที่ริมทะเล

ผู้กำกับฯ นัมซังแบนอนอยู่บนพื้นที่เต็มไปด้วยเลือด จูวอนกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่กับภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้า … ดงชิกตามมาถึงภายหลัง เขาก็แทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเช่นกันว่า คนที่เขานับถือเหมือนญาติผู้ใหญ่จะต้องมาจบชีวิตลงไปอีกคน ดงชิก ณ เวลานี้ไม่ต่างอะไรกับคนสิ้นสติ คนสนิทของเขาคนแล้วคนเล่าต้องมาตายจากไปพร้อมกับความจริงที่ว่า เกิดอะไรขึ้นกับยูยอนเมื่อ 21 ปีก่อน !!?

EP.11 หายใจและใช้ชีวิตในฝันร้าย

ทุกคนต่างพากันเศร้าโศกกับการจากไปของผู้กำกับฯ นัมซังแบ โดยเฉพาะอีดงชิกและฮันจูวอน ที่นำทั้งคู่ไปสู่การร่วมมือสืบหาผู้ที่อยู่เบื้องหลัง

เบาะแสแรกคือ การที่จูวอนได้ไปเจอ 2 คนที่ไม่คาดคิดว่าจะเจอที่บริเวณล็อบบี้ของสำนักงานตำรวจ คือ โจกิลกูกับฮวังกวังยอง จากนั้นทุกคนก็ร่วมมือกันสืบเรื่องนี้ … พัคจองเจรับหน้าที่หาประวัติการโทร. ของวันนั้น โอจีฮุนกับแจอีทำหน้าที่ตามประกบฮวังกวังยอง ส่วนจีฮวาจะทำการสืบคดีการตายของคังจินมุกโดยละเอียด

โอจีอุนกับแจอีตามฮวังกวังยองไปสำนักงานตำรวจ และความจริงก็ปรากฏว่าเขาไปที่นั่นเพื่อต้องการที่จะสมัครเข้าทำงาน ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไร เขาจึงถูกตัดออกจากผู้ต้องสงสัย แต่คนที่มีส่วนจริง ๆ ก็คือโจกิลกู ซึ่งพัคจองเจพบว่าในคืนวันที่ผู้กำกับฯ นัมซังแบถูกฆ่าตาย เขาได้ติดต่อกับบุคคลหลายคนและหนึ่งในนั้นก็คือ รอง ผบ. ฮันกีฮวาน

จูวอนเข้าไปพบพ่อของเขา (ฮันกีฮวาน) เพื่อสอบถามเรื่องที่โจกิลกูขอเข้าพบ ซึ่งฮันกีฮวานก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังว่า “ในคืนวันนั้น โจกิลกูติดต่อมาขอเข้าพบโดยด่วน แจ้งว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับคดีเมื่อ 21 ปีก่อน เมื่อได้พบกัน คำพูดของโจกิลกูที่พูดมีลักษณะแปลก ๆ คือเขาอ้างว่า ‘ผมไม่ได้ทำผิดอะไร เขาแค่ทำตามสิ่งที่ท่านสั่ง (ผู้กำกับฯ สน.มุนจูในเวลานั้นคือ ฮันกีฮวาน)’ ซึ่งเมื่อย้ำถามไปว่า เป็นคำสั่งอะไรเพราะเราแทบไม่รู้จักหรือเคยเจอกันเลย เขาก็รีบตัดบทแล้วก็รีบจากไปทันที และก่อนไปโจกิลกูยังขอให้เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับอีกด้วย”

ตอนแรกจูวอนก็ไม่อยากเชื่อว่าพ่อของเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่เซนส์ความเป็นลูกบอกว่า พ่อของเขาพูดความจริงที่ไม่รู้ไม่เห็นเรื่องที่เกิดขึ้น

ทีนี้ การสืบสวนแบบไม่เป็นทางการก็ดำเนินไปด้วยความคืบหน้า แล้วเราก็ได้รู้ว่า คนที่นำเอาสายเอ็นตกปลากับใบมรณะบัตรเข้าไปให้คังจินมุกก็คือ อีชางจิน ประธานบริษัทเจแอลคอนสตรัคชัน !

เรื่องราวมันยิ่งซับซ้อนยิ่งขึ้น เมื่อคนที่เกี่ยวข้องดูเหมือนจะขยายวงกว้างออกไปเรื่อย ๆ เพราะต่อมาโจกิลกูก็ยอมรับกับดงชิกและจูวอนว่า “ผู้กำกับฯ จองชอลมุน ไปหาผ้กำกับนัมซังแบในห้องขัง” เมื่อจูวอนไปตรวจกล้องวงจรปิดเป็นคำพูดของผู้กำกับฯ นัมซังแบที่พูดกับกล้องว่า “นายก็รู้นี่ว่า คนที่ฆ่าคังจินมุกก็จะฆ่าฉันด้วย”

เมื่อปะติดปะต่อเรื่องราวได้แล้ว ดงชอกกับจูวอนก็วางแผนที่จะสาวลึกไปถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลังอีกขั้น โดยพุ่งเป้าไปที่ ส.ส.โดแฮวอน และความจริงที่เกิดขึ้นเมื่อ 21 ปีก่อนก็เผยออกมาก …

ในคืนนั้น ยูยอนกำลังวิ่งหนีใครบางคนไปบนถนนที่มืดมิด ในสถาพที่ปลายนิ้วมือทั้งสิบของเธอถูกตัด เมื่อเห็นรถมุ่งหน้ามา ยูยอนจึงตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่ผลลัพธ์กลับตรงกันข้าม เมื่อรถคันดังกล่าวกลับพุ่งเข้าชนเธออย่างแรง … ภาพตัดมาเผยให้เห็นพัคจองเจกำลังนั่งอยู่บนพื้นถนนเอาหลังพิงรถในขณะที่ ส.ส.โดแฮวอน กำลังโทรตามใครบางคนด้วยสีหน้าที่ไม่ตกใจต่อร่างของยูยอนที่นอนแน่นิ่งไร้ลมหายใจอยู่เบื้องหน้า ทันใดนั้นเอง รถอีกคนก็มุ่งหน้ามา เมื่อคนขับลงจากรถเราจึงได้รู้ว่าเขาคือ อีชางจิน !!!

EP.12 ความจริงที่เกิดขึ้นในคืนวันนั้น

ดงชิกคาดคั้นความจริงกับพัคจองเจว่า “คืนวันนั้น” เมื่อ 21 ปีที่แล้วเกิดอะไรขึ้น แต่พัคจองเจก็ยืนยันว่าเขาจำอะไรไม่ได้ และเมื่อโดนกดดันอย่างหนัก อาการทางจิตของเขาก็กำเริบ หายใจไม่ออก จนต้องถูกส่งเข้าโรงพยาบาล

เจ้าหน้าที่ซอนนยอวิเคราะห์ผลการชันสูตรโครงกระดูก เธอกล่าวว่า “ฉันคิดว่าอียูยอนโดนรถชน จากการที่กระดูกหน้าแข้งสองข้างหักหลายจุด กระดูกสันหลังส่วนคอและคอก็หักหลายจุด กระดูกหักแบบนี้ดูเหมือนเกิดจากการชนโดยกันชนรถเก๋ง และเป็นการชนโดยไม่ได้เบรก ส่วนยูยอนก็กำลังยืนนิ่ง ๆ อยู่บนถนนหันหน้าเข้าหารถที่กำลังพุ่งเข้ามาด้วยความเร็ว

ต่อจากนั้น การสืบสวนเริ่มใกล้ความจริงเข้าไปเรื่อย ๆ จนโจกิลกูต้องยอมรับสารภาพว่าตัวเขาเองทำตามคำสั่งของ สส.โดแฮวอน และเขาก็รู้ด้วยว่าคนร้ายตัวจริงคือพัคจองเจ

ระหว่างนั้น พัคจองเจก็หนีออกมาจากโรงพยาบาล ระหว่างทางบังเอิญไปเจอกับจูวอนที่ขับรถผ่านมาพอดี เขาจึงพาพัคจองเจไปที่บ้านของดงชิก โดยอ้างว่าดงชิกให้อนุญาตแล้ว

เมื่อส่งพัคจองเจเสร็จ จูวอนก็มาหาดงชิก แล้วบอกว่าเขาพาพัคจองเจไปอยู่ที่ชั้นใต้ดินเพื่อที่จะเป็นการกดดัน เพราะที่นั่นเป็นที่ที่พบโครงกระดูกของยูยอน

จากนั้นดงชิกก็กลับมาที่บ้าน เขาลากค้อนปอนด์เข้าไปหาพัคจองเจที่นอนหลับอยู่บนโซฟา แล้วเขาก็เค้นถามเหตุการณ์เมื่อคืนวันนั้น ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? จนในที่สุด พัคจองเจก็ยอมเอ่ยปากออกมาว่าเขาเป็นคนขับรถทับยูยอน ที่นอนอยู่บนพื้น !!?

ในตอนท้าย ซีรีส์ได้เผยความจริงที่เกิดขึ้นในคืนนั้น … พัคจองเจส่งข้อความ SMS ชวนยูยอนออกมาพบเขา เพราะอีกไม่นานเขาก็กำลังจะไปเรียนต่อที่อเมริกา แต่ทั้งคู่เกิดทะเลาะกัน ยูยอนเลยเดินกลับบ้านไปคนเดียว ระหว่างทางเธอไปเจอคังจินมุก เธอโดนคังจินมุกจับมัดมือเอาไว้แล้วตัดนิ้วทั้ง 10 นิ้ว แต่มีจังหวะที่เธอสามารถหนีไปได้ ระหว่างทางเธอเห็นคนคันหนึ่งวิ่งผ่านมา จึงยืนขวางกลางถนนเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ด้วยความที่สมัยนั้นไฟถนนยังไม่มี ทำให้รถคันดังกล่าวมี่ขับมาด้วยความเร็วพุ่งชนเธออย่างแรง … ชายคนขับรถเปิดประตูลงมาดูด้วยความตกใจ เขาคือผู้กำกับฯ สน.มุนจูในเวลานั้น ฮันกีฮวาน พ่อของจูวอน ว่าที่ ผบ.ตร.คนต่อไปของเกาหลี !

พัคจองเจที่ตอนนี้เมายา ขับรถผ่านมาทับร่างของยูยอนซ้ำไปอีกครั้ง และเขาก็โทร. เรียกแม่ของเขามา และแม่ของเขาก็โทร. เรียกอีชางจินให้มาจัดการเก็บกวาดอีกทอดหนึ่ง

EP.13 สงครามประสาทเริ่มต้นอีกครั้ง

ย้อนกลับไปตอนที่พัคจองเจสารภาพกับอีดงชิก ว่าเขาเป็นขับรถทับร่างของยูยอนที่นอนอยู่กลางถนน ดงชิกได้ถามคำถามคีย์พอยต์ว่า “ทำไม ส.ส.โดแฮวอนถึงโอนที่ดินให้กับอีชางจินในวันนั้น ?” ซึ่งพัคจองเจไม่รู้ ดงชิกจึงปล่อยเขาเพื่อให้ไปสืบหาความจริง เพราะดงชิกเชื่อว่ามันต้องมีอะไรที่ซับซ้อนกว่านี้

ทีนี้ เมื่อฮันจูวอนมาที่บ้านดงชิกเพราะรู้ว่าพัคจองเจรับสารภาพ แต่เขาก็ประหลาดใจที่ดงชิกปล่อยตัวพัคจองเจไป แล้วสงครามประสาทก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง

แน่นอนว่าดงชิกสงสัยฮันกีฮวาน ที่ตอนนี้ได้รับการโปรโมตให้ขึ้นเป็น ผบ.ตร. เปรียบดั่งเส้นด้ายที่พันกันจนยุ่งเหยิงและซับซ้อน ไม่ว่าจะเป็นการตายของยูยอนเมื่อ 21 ปีก่อน การฆ่าตัวตายอันเป็นปริศนาของคังจินมุก และล่าสุดการตายของผู้กำกับฯ นัมซังแบ เส้นด้ายที่พันกันยุ่งเหยิงเส้นนั้นกลับมีปลายสายไปที่ฮันกีฮวาน !

ดงชิกเอ่ยปากกับจูวอน “ถ้าคนในครอบครัวของคุณทำในสิ่งเลวร้ายที่เกินจะคาดฝัน คุณจะยังจับมือเขาอยู่มั้ย ? เพราะความเป็นนายตำรวจใหญ่ คุณจึงคิดว่าเขาไม่น่าจะเป็นคนก่ออาชญากรรมเองอย่างนั้นหรือ ?”

ด้านจูวอนเอ่ยปากถามด้วยความสงสัยปนอารมณ์โกรธ “ทำไมถึงคิดว่าการตายของยูยอนไปเกี่ยวโยงกับฮันกีฮวาน ?” ดงชิกจึงถามกลับว่า “คุณเชื่อคำพูดของพ่อหรือเปล่า ?” แต่จูวอนกลับบอกว่าเขาไม่เชื่อใครทั้งนั้น แใ่แต่ตัวของเขาเอง “ผมไม่เชื่อคุณ ผมไม่เชื่อฮันกีฮวาน และผมก็ไม่เชื่อตัวเองด้วย”

อย่างไรก็ตาม แม้จูวอนจะออกปากว่าไม่เขื่อว่าพ่อของเขาจะมีเอี่ยวกับคดียูยอน แต่ลึก ๆ แล้วเขาก็ปฏิเสธสัญชาตญาณความเป็นตำรวจของเขาไม่ได้ว่า ฮันกีฮวานที่พิรุธที่น่าสงสัยอยู่หลายประการ

จากนั้น ดงชิกก็ได้รับข้อเสนอจากฮันกีฮวานให้มารับตำแหน่งฝ่ายสืบสวนในกรุงโซล ซึ่งเขาไม่ปฏิเสธ

เรื่องราวดำเนินไป ปมเงื่อนต่าง ๆ ค่อย ๆ คลี่คลาย จนมาถึงการพิจารณาเข้ารับตำแหน่ง ผบ.ตร. ของฮันกีฮวาน ซึ่งจูวอนก็เข้าอยู่ด้วย ทุกสิ่งอย่างก็ดูเหมือนจะผ่านฉลุยไปได้ด้วยดี ทันใดนั้นเอง ดงชิกก็ปรากฏตัวขึ้น ทำเอาทุกคนต่างพากันแปลกใจ เขาเดินตรงไปหาจูวอน แล้วประกาศจับกุมตัวจูวอนในข้อหาล่วงละเมิดและให้ความช่วยเหลือคดีฆาตกรรมอีกึมฮวา

จูวอนรู้สึกเหมือนเขาโดนหักหลัง พูดกับดงชิกว่า “คุณกำลังทำอะไร ?” ดงชิกตอบทันควัน “ถ้าคุณทำผิด คุณก็ต้องถูกลงโทษ สารวัตรฮันจูวอน”

ดงชิกใส่กุญแจมือจูวอน ท่ามกลางสีหน้าที่ตกตะลึงจนตาเบิกโพลงของฮันกีฮวาน !!!

EP.14 ผิดคำสัญญา

ที่แท้แล้วการจับกุมตัวฮันจูวอนของอีดงชิก ในการประชุมเพื่อพิจารณาผู้เข้ารับตำแหน่ง ผบ.ตร. ของฮันกีฮวาน เป็นแผนที่จูวอนนัดแนะกับดงชิกไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ซึ่งดงชิกได้บอกกับจูวอนว่าแผนการนี้มันเสี่ยงมาก ดังนั้น เขาจึงขอร้องให้จูวอนอย่าพูดอะไรในขั้นตอนการสอบสวนเป็นอันขาด

แต่แล้วจูวอนก็ผิดคำสัญญา เขายอมรับข้อกล่าวหาว่าตัวเองกระทำการนอกเหนือหน้าที่ จนเป็นเหตุสนับสนุนให้เกิดการฆาตกรรมอีกึมฮวา

จูวอนสารภาพความจริงออกมาจนสิ้นกระแสความ “ข้อกล่าวหาเป็นเรื่องจริง ผมเป็นคนใช้เธอเป็นเหยื่อล่อฆาตกร … ผมไม่คิดว่าผมจำเป็นต้องกลับไปที่ที่ผมอยู่เพราะผมแตกต่างจากคนอื่น คนที่ไม่ยอมรับความผิดที่ตัวเองก่อ อย่างนั้นแล้วคำสัตย์ปฏิญาณจะกล่าวไปเพื่ออะไร”

ฮันกีฮวานโกรธควอนฮยอกเป็นฟืนเป็นไฟ ที่ใช้เส้นสายพาจูวอนเข้ามาในห้องประชุมเพื่อพิจารณาตำแหน่ง ผบ.ตร. ซึ่งมีการถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศ แล้วจูวอนก็ปรากฏตัวขึ้น เขาแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเรื่องการจับกุมโดยไม่มีหมายจับ (จับกุมฉุกเฉิน)

ต่อมาสายสืบสาวโอจีฮวาก็เข้าจับกุมอีชางจิน อดีตสามีของเธอ จะอย่างไรก็ตาม เขาได้ถูกปล่อยตัวในเวลาต่อมา

หลังถูกปล่อยตัวอีชางจินได้นัดพบกับฮันกีฮวาน ณ สถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งจูวอนคาดการณ์สถานการณ์ทั้งหมดเอาไว้แล้ว

จูวอนก็กำลังรีบบึ่งรถด้วยความเร็ว อีชางจินได้พบกับฮันกีฮวาน ระหว่างนั้นฮันกีฮวานก็สารภาพเรื่องคังจินมุกออกมา รวมถึงการตายของผู้กำกับนัมซังแบ และเรื่องที่เขาเป็นคนขับรถชนยูยอนเมื่อ 21 ปีก่อน … ฮันกีฮวานพูดออกมาทั้งที่ไม่รู้เลยว่า ลูกชายของเขากำลังดักฟังในสิ่งที่เขาพูดทุกอย่าง !!!

จูวอนทั้งช็อกและเสียใจกับความจริงอันเลวร้ายของพ่อที่ตัวเอง เขาไปหยิบชะแลงที่หลังรถ แล้วเดินมุ่งหน้าไป (คาดว่ามุ่งหน้าไปที่รถของฮันกีฮวาน)

EP.15 ผมจะพาเขาลงนรกไปด้วยกัน

หลังจากฮันจูวอนรู้ความจริงทั้งหมดจากปากของพ่อตัวเองผ่านเครื่องดักฟัง เขารู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก เขาไม่คิดเลยว่า คนที่สร้างเรื่องเลวร้ายทั้งหมดนี้ขึ้นมาก็คือว่าที่ ผบ.ตร.คนใหม่ของเกาหลี ฮันกีฮวาน พ่อของเขาเอง

หลังจากนั้น จูวอนเปิดเสียงสนทนาของอีชางจินกับฮันกีฮวานที่บันทึกเอาไว้ให้อีดงชิกฟัง แล้วความจริงก็เป็นอย่างที่เขาคิดเอาไว้จริง ๆ คนที่ฆ่ายูยอนก็คือฮันกีฮวาน ซึ่งตอนแรกดงชิกตั้งใจจะเอาไฟล์เสียงนี้ไปให้นักข่าว แต่จูวอนห้ามเอาไว้ โดยบอกว่าไฟล์บันทึกเสียงนี้ไม่สามารถเอาผิดฮันกีฮวานได้ เพราะมันได้มาโดยวิธีผิดกฎหมาย แต่เขากล่าวกับดงชิกด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ผมจะกอดฮันกีฮวาน แล้วพาเขาดำดิ่งลงนรกไปด้วยกัน”

คำสั่งแต่งตั้งให้ฮันกีฮวานขึ้นดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. มีขึ้นอย่างเป็นทางการ ทำให้การเอาผิดเขายิ่งเป็นเรื่องยากเข้าไปอีก ซึ่งจูวอนก็ไปแสดงความยินดีกับพ่อของเขาด้วยคลิปเสียงที่บันทึกเอาไว้ ฮันกีฮวานโกรธมากที่จูวอนแอบบันทึกเสียงของเขา … คล้ายกับว่า จูวอนตั้งใจจะกดดันให้ฮันกีฮวานลงมือทำอะไรบางอย่าง ?

แต่ดูเหมือนว่าจุดอ่อนของ ผบ.ตร. คนใหม่จะอยู่ที่ผู้กำกับจองชอลมุน ซึ่งเก็บคลิปวงจรปิดในวันที่อีชางจินเอาสายเอ็นตกปลาเข้าไปให้คังจินมุก ตามคำสั่งของฮันกีฮวาน

วันหนึ่ง ผู้กำกับจองชอลมุนโทร. นัดจูวอนให้ไปพบที่บ้าน ภาพตัดมาตอนที่จูวอนกำลังเดินออกมาจากบ้านของจองชอลมุน ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ดงชิกมาถึงพอดี เขาเห็นจูวอนในสภาพมือเปื้อนเลือดทั้งสองข้าง ด้วยความตกใจจึงถามว่าเกิดอะไรขึ้น จูวอนบอกว่า “จองชอลมุนตายแล้ว และดูเหมือนผมจะเป็นคนฆ่าเขาเอง !!!”

หมายเหตุ : เราไม่เห็นภาพว่าใครเป็นคนฆ่าจองชอลมุน แต่จากการสันนิษฐาน ที่จูวอนพูดว่า *ผมเป็นคนฆ่าเขา” น่าจะหมายถึงเขาไปกดดันฮันกีฮวาน จนเป็นเหตุให้สั่งฆ่าจองชอลมุน

EP.16 ตอนจบ

ที่แท้แล้วคนที่ฆ่าผู้กำกับฯ จองชอลมุน ก็คืออีชางจิน โดยมีการจัดฉากป้ายความผิดไปให้อีดงชิก แต่ทว่าฮันจูวอนก็พลีชีพเข้าไปปกป้องดงชิกแทน ทำให้แผนของอีชางจินไม่เป็นไปตามที่วางเอาไว้

จริง ๆ แล้วจูวอนวางแผนลุยเดี่ยวที่จะกอดคอฮันกีฮวานลงนรกไปด้วยกัน แต่อย่างไรก็ตาม ดงชิกไม่อาจปล่อยให้เป็นอย่างนั้น เขาจึงยื่นมือเข้าไปช่วย โดยมีโอจีฮวาเข้ามาร่วมด้วย ทำให้ทั้งสามวางแผนเพื่อให้คนร้ายยอมปริปากออกมา โดยใช้เทคนิคยุให้แตกแล้วปรักปรำกันเอง

เริ่มด้วยโจกิลดูที่รับสารภาพเรื่องการทำลายหลักฐานนิติเวช ผลการตรวจปิ๊กกีตาร์ โดยซัดทอดไปหา ส.ส.โดแฮวอน จากนั้นก็ใช้พีคของเจบีบ อีกทางหนึ่งก็บอกความลับที่ฮันกีฮวานและอีชางจินปกปิดเอาไว้ เมื่อโดแฮวอนรู้ความจริงแล้วว่าเธอโดนหลอกมาตลอด 21 ปี เธอจึงเผยความจริงออกมา …

โดแฮวอนรู้เรื่องที่คังจินมุกเป็นฆาตกรมาตลอด แต่คังจินมุกใช้ปิ๊กกีตาร์ที่มีดีเอ็นเอของพัคจองเจเอาไปทิ้งในที่เกิดเหตุ ซึ่งจริง ๆ แล้วตั้งใจจะทำเพื่อโยนความผิดให้ดงชิก แต่กลายเป็นผิดแผนเพราะปิ๊กกีตาร์ดันติดดีเอ็นเอของพัคจองเจ … สรุปคือโดแฮวอนทำไปทุกอย่างเพื่อปกป้องพัคจองเจ ลูกชายของเธอ (อีกทางหนึ่งก็ทำเพื่อตัวเอง ที่จะได้เป็น ส.ส.) … โดแฮวอนซัดทอดไปที่อีชางจินและฮีนกีฮวาน

ทีนี้ อีชางจินยังวางใจว่าฮันกีฮวานจะใช้อำนาจในตำแหน่ง ผบ.ตร. ช่วยเคลียร์คดีให้กับตนเอง แต่ทว่า จูวอนไปหาอัยการควอนฮยอกเพื่อให้เขายุติให้ความช่วยเหลือฮันจูฮวาน ทำให้อีชางจินโดนตัดหางปล่อยวัด สุดท้ายก็ยอมสารภาพว่า ผู้อยู่เบื้องหลังคือฮันกีฮวาน

จากนั้น จูวอนส่งคลิปเสียงของฮันดีฮวานให้นักข่าว ทำให้หลักฐานทุกอย่างมัดตัวฮันกีฮวานจนดิ้นไม่หลุด เขาจึงตัดสินใจฆ่าตัวตาย แต่จูวอนก็เข้ามาขัดขวางเสียก่อน สุดท้ายฮันกีฮวานก็ยอมรับสารภาพออกมาง่าย ๆ

สรุป ทุกอย่างเริ่มต้นจากคังจินมุกจับยูยอนไปตัดนิ้ว ระหว่างที่โดนจับมัดเอาไว้ในรถตู้ ยูยอนเกิดหนีออกมาได้ ส่วนฮันกีฮวานเมาแล้วขับ ชนยูยอนที่กำลังยืนขอความช่วยเหลือจนตาย อีชางจินกลายมาเป็นคนเก็บกวาด (จริง ๆ แล้วเขาต้องการแค่ทำโครงการพัฒนาเมืองมุนจูให้สำเร็จอย่างที่ฝัน แต่ด้วยความที่เป็นนักเลงเก่าเขาจึงโดนผู้มีอำนาจใช้ให้ทำงานสกปรก) ต่อมาพัคจองเจขับรถทับร่างที่ไร้ลมหายใจของยูยอน เขาคิดว่าเป็นคนฆ่าเธอจึงโทร. บอกแม่ ด้านโดแฮวอนจึงขอให้อีชางจินช่วยเก็บกวาดให้ แต่คังจินมุกก็มาขโมยศพของยูยอนไป แล้วก็เอาศพไปโบกปูนเอาไว้ที่ชั้นใต้ดินบ้านของดงชิก

ต่อมาเมื่อคังจินมุกโดนจับ ฮันกีฮวานกลัวว่าคังจินมุกจะเผยความจริงในอดีต ว่าคนที่ฆ่ายูยอนคือตัวเขา ดังนั้น เขาจึงใช้อีชางจินไปหาคังจินมุกในห้องขัง เพื่อให้คังจินมุกฆ่าตัวตาย แต่ผู้กำกับฯ จองชอลมุนกลับเสนอฮันกีฮวานให้ผู้กำกับฯ นัมซังแบ มาเป็นแพะรับบาป ซึ่งต่อมาทำให้ต้องฆ่าปิดปากไปอีกคนเพราะเขาเกิดรู้เรื่องการทำลายหลักฐานดีเอ็นเอปิ๊กกีตาร์ สุดท้ายก็ฆ่าปิดปากผู้กำกับฯ จองชอลมุนไปอีกคน

👉 รีแคปสรุปซีรีส์เกาหลี Beyond Evil (2021)
👉 เรื่องย่อซีรีส์เกาหลี Beyond Evil (2021) 괴물