การตายของ 4 สมาชิกครอบครัวเหยื่อผู้ได้รับผลกระทบจากบาเบลฟาร์มาซูติคอล ถูกจัดฉากให้เป็นการฆ่าตัวตาย ส่วนผอ.กิลจงมุน ก็ตายเพราะโดนฆาตกรรม และทั้งหมดผู้ที่อยู่เบื้องหลังคือจางจุนอูนั่นเอง
วินเซนโซรู้สึกเฟลมากกับการตายของทั้ง 4 คน เขามองว่าพวกเขาไม่ใช่วายร้ายที่สมควรจะต้องจบชีวิตแบบนี้ การล้างแค้นจึงต้องเกิดขึ้น ด้านฮงชายองเองก็เห็นด้วย การตายของทั้งสี่ไม่สามารถใช้ทนายความเรียกหาความยุติธรรมได้ ครั้งนี้จำเป็นต้องใช้วิถีของมาเฟียตัวจริงในการร้องหาความยุติธรรม !
อย่างแรกที่ทำคือจัดการกับตำรวจที่รับสินบนในการละเลยการสอบสวน และทำคดีให้เป็นการฆ่าตัวตาย … วินเซนโซคนเดียวจัดการกับตำรวจขี้ฉ้อสองคนได้อย่างชิล ๆ แล้วจับทั้งคู่ไปไว้บนตึกร้าง มัดทั้งคู่ติดกันบนเก้าอี้ พร้อมกับ “ยื่นข้อเสนอที่มิอาจปฏิเสธได้”
วันต่อมา วินเซนโซได้รับหลักฐานในการสืบสวนคดี โดยหลักฐานชิ้นสำคัญคือกล้องวงจรปิด ที่เผยให้เห็นว่ามีรถตู้ตามประกบติดรถตู้ของทั้งสี่มาตลอดทาง พอถึงอุโมงค์คนร้ายก็ขับรถเข้าชน จากนั้นก็ใช้ไฟฟ้าช็อตที่ต้นคอของทั้งสี่จนหมดสติ แล้วขับรถไปที่จุดเกิดเหตุเพื่อจัดฉากว่าเป็นการรมควันฆ่าตัวตาย
แต่การที่จะสืบต่อไปถึงตัวคนร้ายไม่สามารถทำต่อได้ เพราะติดอยู่ตรงที่รถคนร้ายใช้ทะเบียนปลอม วินเซนโซจึงเสนอความคิดว่า ในเมื่อหาตัวคนร้ายไม่ได้ก็ต้องให้มันมาหาเราเอง แล้วการทำให้คนร้ายมาฆ่าเรา ก็คือต้องดูถูกให้พวกมันโกรธในที่สาธารณะอย่างเปิดเผยและข่มขู่พวกมัน ชายองได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจ แต่เธอก็พูดออกมาว่า “แม้จะกลัวจนตัวสั่น แต่ถ้าต้องการจับคนร้ายก็ข่วยไม่ได้”
ชายองคิดจัดรายการล้อเลียนทางอาอิงทูบ (ยูทูบ) เพื่อล้อเลียนบาเบลและสำนักงานกฎหมายอูซัง โดยได้รับความร่วมมือจากผู้เช่าคึมกาพลาซา ทั้งหมดสวมหน้ากากเพื่อปิดบังใบหน้า วินเซนโซกับชายองเป็นผู้ดำเนินรายการ
ชายองกัดชเวมยองฮีอย่างเจ็บแสบ เธอเผยว่าอูซังมีทนายความหญิงคนหนึ่งที่เมื่อก่อนเป็นอัยการชั่ว เธอไม่ได้ทำงานกับกฎหมายแต่ทำงานกับอันธพาล วัน ๆ ไม่ทำอะไร เอาแต่เต้นด้วยท่าเต้นมั่ว ๆ โดยไม่เลือกเวลาและสถานที่ .. ชายองกัดประธานอูซังต่อ หาว่าวัน ๆ ไม่ทำอะไร ดีแต่เลียแข้งเลียขาเขาไปทั่ว
ด้านวินเซนโซที่สวมหน้ากากอินซากี (นกพิราบ) ก็จัดหนักประธานจางฮันซอว่า โง่ “สมองของเจ้าโง่คนนี้ มีประโยชน์แค่เติมเต็มกะโหลกเท่านั้น” พร้อมทิ้งท้ายว่า “บาเบลเป็นองค์กรที่ซื้อทุกสิ่งด้วยเงิน เจ้าของต้องไร้ความสามารถขนาดไหนถึงต้องซื้อทุกอย่างด้วยเงิน ต้องโง่ขนาดไหนถึงซื้อทุกสิ่งด้วยเงิน”
ตัดภาพมาที่จางจุนอู เขามองออกว่าคลิปล้อเลียนที่ทำออกมาเป็นกับดัก เพื่อต้องการให้เขาเปิดเผยตัว ดังนั้น ขอให้ทุกคนใจเย็น ๆ ไว้ อย่าได้หลงกลเป็นเด็ดขาด
ในระหว่างที่จุนอูคุยกับมยองฮี เธอถามเขาว่าทำไมถึงต้องบริหารงานโดยปิดบังตัวตน ? จูนอูตอบกลับด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม “หนึ่ง เพราะมันตื่นเต้นดีเหมือนเวลาเล่นเกม สอง ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาผมไม่ต้องติดคุก และสาม ผมรู้สึกเหมือนได้เป็นพระเจ้า” เมื่อได้ฟังเช่นนั้น มยองฮีหันไปมองจุนอูด้วยรอยยิ้มที่มุมปากและกล่าวว่า “ฉันชอบเหตุผลที่สามมากที่สุด เพราะฉันเองก็อยากเป็นพระเจ้าเหมือนกัน” #เชียร์ส
วินเซนโซดำเนินแผนข่มขู่ต่อ เป้าหมายแรกคือฮันซึงฮยอก และต่อมาคือชเวมยองฮี สุดท้ายก็จางฮันซอ … ทุกคนได้รับตัวอักษร C ที่เขียนด้วยเลือด
จุนอูให้คนไปตามสืบประวัติวินเซนโซที่อิตาลี ได้ความว่า เขาเป็นคอนซิเยเรที่ทุกแก็งในอิตาลีให้การยอมรับและเกรงกลัว เป็นคนที่โหดเหี้ยมมากกว่าที่ใครจะคาดคิด และอักษร C ก็เป็นอักษรเตือนก่อนที่จะลงมือฆ่า ตัว C หมายถึงตระกูลคาสซาโน (กาซาโน)
เมื่อจุนอูรู้พิษสงของวินเซนโซ เขาจึงพูดกับฮันซอว่า “เราต้องฆ่ามัน ไม่เช่นนั้นมันจะฆ่าเรา !” จุนอูสั่งทีมสังหารลงมือฆ่าวินเซนโซทันที ระหว่างนั้นจุนอูก็โทร. เรียกให้ชายองออกมาพบเขา โดยอ้างว่ามีข้อมูลเรื่องซึงอูที่จะบอก
วินเซนโซให้ผู้จัดการทำคลิปเพื่อล่อให้นักฆ่าไปที่อุโมงค์ วินเซนโซกับนักฆ่ายิงกันอย่างดุเดือด วินเซนโซเฉียดตายกระสุนปืนถากลำคอไปเพียงนิดเดียว แต่เขาก็จัดการกับนักฆ่าได้หมด … วินเซนโซเดินมาหาหัวหน้านักฆ่า พร้อมกับล้วงไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าของมันออกมา แล้วถามว่าท่านประธานที่อยู่ในบันทึกข้อมูลการโทร. คือใคร ?
ทันใดนั้น ชายองกับจุนอูก็มาถึง ชายองรีบวิ่งเข้าไปสวมกอดวินเซนโซ ก่อนที่เขาจะเอ่ยออกมาว่า “ผมรู้แล้วว่าเจ้าของบาเบลตัวจริงคือใคร” พูดจบเขาก็เงยหน้ามองไปที่จุนอู