เรื่องราวเริ่มต้นขึ้น … คุณลุงด็อกซุล ในวัย 70 ปี เดินทางไปงานศพ ภายในงานเขาคุยกับเพื่อน ๆ การดำเนินชีวิตในช่วงบั้นปลาย และความยากลำบากที่พวกเขาต้องเผชิญ คุณลุงด็อกชุลบอกว่าเลิกดื่มโซจู และพยายามมองโลกในแง่ดี
หลังจากงานศพ คุณลุงแวะไปที่แดนซ์สตูดิโอ ที่นั่นเขาได้เห็นเด็กหนุ่มชื่ออีแชรก กำลังเต้นบัลเลต์ด้วยท่าทางที่สง่างาม แต่เมื่อแชรกหันมามอง คุณลุงก็สะดุ้งตกใจรีบเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
อาจารย์กีเห็นแชรกฝึกซ้อมเต้นอย่างไม่ค่อยมีสมาธิ ซึ่งเรื่องของเรื่องมันเกิดจากเมื่อไม่นานมานี้ แม่ของเขาเพิ่งจากไป ส่วนพ่อที่ติดคุกก็จะพ้นโทษออกมาเร็ว ๆ นี้ ส่วนเขาก็ทำงานเป็นแค่พนักงานเสิร์ฟอาหาร ยังไม่นับที่เขามีอาการบาดเจ็บที่ขา ยิ่งเต้นอาการก็ยิ่งแย่ลงเรื่อย ๆ ทุกครั้งที่เขาเต้นเขาต้องทนเจ็บมาตลอด ซึ่งอย่างที่อาจารย์กีบอกว่าเขาเต้นเหมือนหุ่นยนต์ และเขาไม่สมควรที่จะไปออดิชัน
วันต่อมาแชรกไปงาน เขาอัดยาเขาไปเพิ่มบรรเทาอาการปวดขา แต่จู่ ๆ เขาก็เกิดเปลี่ยนใจในวินาทีสุดท้าย เขาออกมาขึ้นรถเมล์มุ่งหน้าเรือนจำ เมื่อมาถึงที่หน้าเรือนจำ แชรกคอยพ่อของเขาแต่ก็ไร้วี่แวว สุดท้ายเขาถึงรู้ว่าพ่อได้รับการปล่อยตัวตั้งแต่ 7 โมงเช้า
ด้านคุณลุงด็อกชุลที่วันนี้มีบรรดาลูก ๆ หลาน ๆ มาร่วมฉลองครบรอบอายุ 70 ปี ก็สร้างความปวดหัวขึ้นโดยการโต้เถียงกันเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ และหลังจากนั้นคุณลุงก็ค่อย ๆ พบว่าตัวเองเริ่มโดดเดี่ยวขึ้นเรื่อย ๆ เพราะลูกหลานก็ไปใช้ชีวิตของตัวเอง คุณลุงจึงคิดว่าเขาควรจะทำอะไรเพื่อเติมเต็มในช่วงชีวิตที่ขาดหายไป นั่นก็คือการเต้นบัลเลต์
ในที่สุด คุณลุงด็อกชุลก็กลับปที่แดนซ์สตูดิโอที่เขาเห็นแชรก คุณลุงแจ้งความประสงค์ที่จะเต้นบัลเลต์ พร้อมกันสัญญาว่าจะทำมันให้ดีที่สุด .. ซึงจูตัดสินใจพักใหญ่ สุดท้ายจึงให้แชรกเป็นคนสอน ในขณะที่คุณลุงยิ้มจนแก้มแทบปริ