Skip to content
ซีรีส์ Mouse (2021) นักล่ามนุษย์ - อีซึงกิ

รีแคปซีรีส์ Mouse EP.12 : สังหารอย่างโหดเหี้ยม

Mouse EP.12 : หลังจากจองบารึมโดนสมองกลีบหน้าของซองโยฮันเข้าครอบงำ จนได้ลงมือสังหารฆาตกรไป 2 คน ทำให้เขารู้ตัวแล้วว่า เขาไม่อาจเอาชนะมันได้ด้วยตัวเอง …

จองบารึมไม่ได้ฆ่าเด็กน้อย !

ก่อนที่บารึมจะเอากุญแจเลื่อนทุบหัวเด็กน้อยฮุนซอก แมวตัวหนึ่งก็เข้ามาข่วนที่หลังมือของบารึมเป็นรอยยาว เขาเลยจัดการเอาเอากุญแจเลื่อนทุบหัวมัน ระหว่างนั้นเองข่าวในทีวีก็รายงานเรื่องแม่คังด็อกซู สุดท้ายเขาจึงรู้ว่าแท้จริงแล้วเธอต้องการวางยาคังด็อกซู เพื่อหยุดอาชญากรรมที่ลูกของเธอกำลังจะก่อ บารึมจึงนึกถึงบงอีขึ้นมา

จากนั้น บารึมได้ตามบงอีไปและพบเธอถูกทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสแทบสิ้นสติ เขาได้จัดการฆ่าคังด็อกซู อาชญากรผู้กระทำผิดทางเพศทิ้งอย่างโหดเหี้ยมไร้ความปรานี แม้ว่าคังด็อกซูจะอ้อนวอนขอชีวิตก็ตาม … เมื่อตอนที่คังด็อกซูถูกตำรวจจับ เขาปฏิเสธว่าไม่ได้ทำการล่วงละเมิดเด็กสาว เขาพูดว่าถ้าเขาทำเรื่องชั่วแบบนั้นก็ให้ตัด “อวัยวะแสดงความเป็นชาย” ของเขาได้เลย บารึมจึงจัดการตัดให้ !!!

บารึมใช้โซ่ลากร่างของคังด็อกซูเอาไปไว้ที่ใต้สะพาน ที่เดียวกับเหยื่อเมื่อ 12 ปีก่อน

เมื่อเหตุการณ์สังหารโหดจบไป บารึมรู้สึกสำนึกผิดกับสิ่งเขาทำ เขานึกถึงคำพูดของศาสตราจารย์แดเนียลอีก่อนหน้านี้ บารึมยอมรับว่า “ผมเชื่อแล้วที่คุณเคยพูดว่า ‘ถ้าไม่ได้รับการรักษาคุณจะฆ่าครอบครัวและคนที่คุณรัก’ ได้โปรดช่วยผมด้วย”

แดเนียลอีบอกว่า ตอนแรกเมื่อได้ฆ่ามันจะทำให้รู้สึกเติมเต็ม เหมือนร่างกายได้ชาร์จแบต ความสุขความสดชื่นจะพรั่งพรู แต่เมื่อกลับสู่ภาวะปกติ มันจะทำให้รู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก และรู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไป

ต่อมา โกมูจีประหลาดใจมากที่ได้เห็นสภาพศพของคังด็อกซูที่ถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยม “อวัยวะส่วนสำคัญของผู้ชายโดนตัดทิ้ง” มันเหมือนกับวิธีการฆ่าของซองโยฮัน นี่แหละที่ทำให้เขาแปลกใจ ไอ้ไซโคปาธโผล่มาอีกแล้ว ?

คดีฆาตกรรมคังด็อกซูเป็นที่สนใจของประชาชนอย่างมาก ถึงขนาดมีการเรียกร้องให้ตำรวจหยุดการสืบสวนคดีนี้ เพราะมองว่าฆาตกรที่ฆ่าคนชั่วช้าอย่างคังด็อกซูเป็นฮีโร่

ณ จุดนี้ ความตึงเครียดกลับมาอีกครั้ง มูจีพูดกับบารึมว่า “ฉันต้องจับฆาตกรที่ฆ่าคังด็อกซูให้ได้ เพราะดูเหมือนจะมีคนพยายามทำตัวเป็น (พวกแอนตี้) ฮีโร่ แต่มันเป็นไอ้ไซโคปาธแบบเดียวกับซองโยฮัน”

ด้วยความที่เป็นคดีดัง ประธานาธิบดีจึงตัดสินใจเดินทางมาฟังบรรยายสรุปคดีฆาตกรรมของตำรวจด้วยตัวเอง ซึ่งในบรรยายระบุว่า “คดีนี้ไม่ใช่คดีฆาตกรรมทั่วไป บาดแผลของคังด็อกซูเหมือนกับเหยื่อเมื่อ 12 ปีก่อน อวัยวะเพศถูกตัดในขณะที่เขายังมีชีวิตอยู่ แสดงให้เห็นว่าผู้ลงมือสนุกกับการฆ่า และจากหลักฐานทำให้ชี้ได้ว่าผู้ลงมือไม่ได้ฆ่าเพราะความแค้น อย่างไรก็ตาม บงอี ซึ่งตกเป็นผู้ต้องสงสัยก็ไม่น่าใช่คนที่ลงมือสังหาร เธอเพียงแค่เข้ามาช่วยหนูน้อยยูนาเท่านั้น คนที่ลงมือฆ่าต้องเป็นผู้ชายที่แข็งแรงมาก”

มูจีและบารึมไปสอบปากคำหนูน้อยยูนาเพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม หนูน้อยยูน่าเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนวันนั้น จนมาถึงตอนสำคัญ … หนูน้อยยูนาเหมือนจะรู้ว่าคนที่ฆ่าคังด็อกซูคือบารึม เธอเลยแกล้งบอกมูจีว่าจำอะไรไม่ได้ และแกล้งบอกว่าง่วงนอน (หนูน้อยยูนาเชื่อว่าคนคนนั้นไม่ได้ตั้งใจทำร้ายเธอ แต่มาช่วยเธอกับบงอี และฆ่าคนชั่วอย่างคังด็อกซู … และเธอรู้ว่าคนคนนั้นคือบารึม เพราะมือของบารึมมีรอยโดนแมวข่วนเหมือนกัน)

ทำไปทำมา บงอีกลายเป็นผู้ต้องสงสัยเบอร์หนึ่งที่เป็นฆาตกรฆ่าคังด็อกซู ในขณะที่ตำรวจกำลังเชื่อมโยงหลักฐานต่าง ๆ ไปหาบงอี ซึ่งที่แปลกประหลาดก็คือ เธอไม่เอ่ยปากปฏิเสธออกมาว่าเธอไม่ได้ทำ

บารึมได้แต่ถามตัวเองว่าทำไมบงอีถึงไม่เอ่ยปากปฏิเสธ ? แท้จริงแล้ว ในคืนเกิดเหตุบงอีพบธนบัตรที่เธอเคยให้มูจีเพื่อเป็นค่าจ้างฆ่าคังด็อกซูเมื่อตอนเด็ก ทำให้บงอีเชื่อว่าคนที่ฆ่าคังด็อกซูคือมูจี เธอไม่เอ่ยปากปฏิเสธเพราะต้องการช่วยเขา แต่แท้จริงแล้วบารึมเป็นคนเอาธนบัตรใบนั้นมาจากห้องเก็บหลักฐาน เพื่อเป็นค่าจ้างในการลงมือฆ่าคังด็อกซู แต่เขาเกิดทำตกเอาไว้ในที่เกิดเหตุ ทำให้บงอีเชื่อว่ามูจีเป็นคนฆ่าคังด็อกซู

ตลอดเวลา บารึมเครียดจัดจากการสืบสวนคดีนี้ที่ทำอย่างละเอียด เพราะมีคำสั่งโดยตรงมาจากประธานาธิบดี เรื่องราวดำเนินไปด้วยความตึงเครียด …

ทีนี้ ต่อมามูจีได้พบกับอาวุธที่ใช้สังหารคังด็อกซู ซึ่งเมื่อผลตรวจดีเอ็นเอออกมาทำให้เขาถึงกับตกใจ และมูจีกับบารึมก็เผชิญหน้ากัน มูจีกล่าวว่า “ผลตรวจดีเอ็นเอออกมาแล้ว จะให้ฉันทำยังไงดี ?”

หรือผลตรวจดีเอ็นเอที่พบในอาวุธที่ใช้สังหารจะเป็นของบารึม !!?

Source : tvN Korea