Skip to content
สรุปเนื้อเรื่อง Mine (2021) ธาตุแท้

สรุปเนื้อเรื่อง Mine (2021) ธาตุแท้

ซีรีส์ Mine (ธาตุแท้) สปอยล์ : เมื่อผู้หญิงสองคนที่อาศัยอยู่ในกรงทองแห่งความลับและคำโกหก ผู้หญิงสองคนนี้พร้อมที่จะทำลายทุกสิ่งที่ขวางทาง ในการค้นหาความสุขที่แท้จริงของพวกเธอ …

คะแนน 7.5/10 เรตติ้ง 8.2 % (ต่ำสุด EP.3 5.6 สูงสุด EP.16 10.5)
สนุกไหม ? ซีรีส์เปิดตัวมาดีน่าตื่นเต้น แต่ด้วยความที่เป็นซีรีส์แนวจิตวิทยาลึกลับ คือจะเน้นให้เห็นความหลอนของตัวละครและบรรยากาศเป็นสำคัญ สำหรับคนที่ไม่ชอบแนวนี้ก็จะดูว่าน่าเบื่อ แต่สำหรับคนที่ชอบพล็อตและเก็ตอารมณ์ของตัวละครหลัก (ฮีซู ซอฮยอน และฮเยจิน) ก็ดูได้สนุกไม่น้อย โดยเฉพาะช่วงครึ่งหลังของซีรีส์จะสนุกมาก

EP.1 คนแปลกหน้าในคฤหาสน์ฮโยวอน

ซีรีส์เริ่มต้นด้วยฉากที่ทำให้ชวนสงสัย แม่ชีเอ็มม่าวิ่งฝ่าสายฝนไปยังสถานีตำรวจ เธออ้างว่าเธอพบเห็นเหตุการณ์การฆาตกรรมที่เต็มไปด้วยเลือดในคฤหาสน์ฮโยวอน !

แล้วซีรีส์ก็พาเรากลับมายัง 60 วันก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ข้างต้น … แม่ชีเอ็มม่ากำลังเดินคุยกับฮีซู (รับบทโดย อีโบยอง) ด้วยท่าทางอารมณ์ดีภายในโรงเรียนอนุบาล ระหว่างนั้นก็พบกลุ่มชายฉกรรจ์มาติดตามทวงหนี้ครูคนหนึ่งชื่อยูยอน ซึ่งเป็นหนี้นอกระบบที่ดอกเบี้ยมหาโหด

ฮีซูจึงไปขอซอฮยอน (รับบทโดย คิมซอฮยอง) ในฐานะที่เป็นสะใภ้คนโตที่ทำหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยภายในบ้าน เพื่อให้รับยูยอนมาเป็นสาวรับใช้ที่คฤหาสน์ ซึ่งในเวลาเดียวกันนั้นเอง ซอฮยอนก็กำลังสัมภาษณ์จาคยอง (รับบทโดย อ๊กจายอน) เพื่อจะมาเป็นติวเตอร์ให้กับฮาจุน (ลูกเลี้ยงของฮีซู) ทุกอย่างเหมือนจะดำเนินไปได้ด้วยดีตามระเบียบและแบบแผนของคฤหาสน์ฮโยวอน ที่ทุกอย่างต้องเนี๊ยบสมบูรณ์แบบมากที่สุด

ประธานฮัน ผู้หลงรักในศิลปะและธรรมชาติสร้างคฤหาสน์ของตระกูลฮโยวอนขึ้นมา ซึ่งได้รับการออกแบบจากสถาปนิกระดับโลก บ้านหลังใหญ่มีชื่อว่า “คาเดนซ่า” ส่วนบ้านหลังเล็กชื่อ “โรแบโต้” บ้านสองหลังนี้ถ้าต้องเดินไปมาหากันต้องใช้เวลาเดินประมาณ 10 นาที โดยทั่วทั้งบริเวณรายล้อมไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่นานาชนิด ที่ถูกตกแต่งและคัดสรรมาเป็นอย่างดี … และการมาเยือนของผู้หญิงที่ชื่อจาคยอง จะทำให้ทุกสิ่งเปลี่ยนไปอย่างไม่มีวันกลับมาเป็นเหมือนเดิม

จุดสังเกตสำหรับจาคยอง เธอเป็นคนที่ยึดติดในวัตถุแบบสุดขั้ว ใช้ของแบรนด์เนมระดับลิมิเต็ด ดังนั้น แรงขับเคลื่อนของเธอที่แสดงผ่านออกจากสิ่งของเหล่านี้น คือ ความทะเยอทะยาน เธอจะทำทุกสิ่งเพื่อให้ได้ครอบครองสิ่งที่ต้องการ

ในจังหวะเวลานั้น เป็นช่วงที่จะมีการจัดงานกินเลี้ยงสำหรับคนในครอบครัวพอดี งานเลี้ยงสำหรับ 8 คน แต่ต้องใช้คนเตรียมอาหารและอุปกรณ์ที่สมบูรณ์ที่สุด ดีที่สุดหลายสิบชีวิต คลอด้วยนักดนตรีที่เล่นดนตรีแนวคลาสสิคเป็นแบ็กกราวด์ … แน่นอนว่ามันคืองานเลี้ยงกินอาหารธรรมดาของคนในครอบครัว แต่ทว่า สำหรับคนโดยทั่วไปแล้วมันคือการกินอาหารที่เว่อร์วังอลังการเกินจะบรรยาย

งานในวันนี้ แท้จริงแล้วประธานฮันจัดขึ้นเพราะเป็นวันเกิดของคิมมีจา เมียน้อยที่เขารักปานดวงใจที่เสียชีวิตไปแล้ว และเธอก็เป็นแม่ของจียอง (รับบทโดย อีฮยองอุค) ลูกชายคนเล็กของบ้าน

ทีนี้ ไฮไลต์ของงานก็มาถึง ท่านประธานฮันให้ลูกน้องนำเอาสร้อยบลูไดมอนด์ที่เพิ่งประมูลจากนิวยอร์กมาโชว์ และกำลังจะมอบให้ใครคนหนึ่งในนั้น แต่ก่อนที่ท่านประธานจะเอ่ยชื่อคนคนนั้น ลูกน้องก็ได้มากระซิบบอกข่าวร้ายที่ข้างหู ทันใดนั้นเอง ประธานฮันก็หมดสติล้มพับลงไปนอนกองกับพื้น

ณ โรงพยาบาล ประธานฮันนอนเป็นผัก มีลมหายใจอยู่ด้วยออกซิเจน … ในขณะที่บลูไดมอนด์ถูกเก็บเอาไว้ในตู้เซฟดีไซน์สุดล้ำที่ฝังเอาไว้ในพื้นของบ้าน

ระหว่างนั้นเอง ก็มีการซุบซิบนินทาของสาวใช้ ว่าจาคยองอาจเป็นวางยาพิษท่านประธานฮันก็เป็นได้ เพราะท่าทางเธอแปลกประหลาดชวนน่าสงสัย แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครเชื่อและมองว่ามันเป็นทฤษฎีที่คิดเอาเอง

ซุนฮเย ซึ่งเป็นมนุษย์คุณนายหญิงของบ้านก็วีนแตกใช้สาวรับใช้ ที่ดันเอาไวน์ชนิดที่คิมมีจาชอบมาเสิร์ฟ ซุนฮเยด่าทอสาวรับใช้ด้วยคำดูถูกต่าง ๆ นานา แต่เมื่อซอฮยอนมาห้ามทัพโดยการบอกว่าตอนนี้มีการบันทึกเสียงเอาไว้อยู่ ซุนฮเยเลยเงียบปากไปในทันที เพราะเธอรู้ว่าถ้าคลิปเสียงนี้หลุดออกไปจะเป็นข่าวที่ทำลายชื่อเสียงของเธอและตระกูล (ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าซอฮยอนรู้ได้อย่างไรว่ามีคนแอบบันทึกเสียงเอาไว้)

ทีนี้ หัวหน้าแม่บ้านจูเป็นคนที่บันทึกเสียงเอาไว้ เธออ้างกับซอฮยอนว่า เธอบันทึกคำพูดของซุนฮเยเอาไว้เพื่อที่เธอจะได้ทำตามคำสั่งได้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน แต่ซอฮยอนก็ได้ย้ำข้อสัญญาที่ว่า ห้ามแพร่งพรายเรื่องที่เกิดขึ้นภายในคฤหาสน์ให้คนนอกรับรู้ ไม่เช่นนั้นถือเป็นการผิดสัญญา นั่นหมายถึงเธอจะชวดอพาร์ตเมนต์ที่เป็นค่าจ้างที่เธอจะได้รับ

เมื่อหัวหน้าแม่บ้านจูยังอยู่ ซอฮยอนก็ต้องหาแพะรับบาป สาวใช้จูฮีคือสาวใช้ผู้โชคร้ายที่ต้องกลายเป็นแพะในเหตุการณ์นี้

จากนั้น หัวหน้าแม่บ้านจูก็สอนงานให้ยูยอน ซึ่งหนึ่งในหน้าที่ของเธอคือการทำความสะอาดห้องนอนของ “คุณหนูซูฮยอก” ที่เดินทางกลับมาจากการไปเรียนต่างประเทศ ระหว่างที่ยูยอนกำลังความสะอาดอยู่นั้นก็ได้แอบผล็อยหลับบนเตียงของซูฮยอก ซึ่งเธอทำยางมัดผมหล่นเอาไว้บนเตียง หลับไปพักใหญ่เธอตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ จึงรีบเดินออกมา ณ ทางเดินนั้นเอง เธอได้เดินสวนกับซูฮยอก แล้วทั้งสองก็สบตาต้องใจกัน เป็นรักแรกพบของคนต่างชนชั้นวรรณะอย่างแท้จริง

ในการทานอาหารค่ำวันนั้น ซุนฮเยบอกกับซูฮยอกว่าให้แต่งงานกับลูกสาวเศรษฐีคนหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าเขาไม่อาจปฏิเสธได้ตรง ๆ โดยขณะที่กินอาหารอยู่นั้น ซูฮยอกก็ได้พยายามมองหายูยอนแต่ก็ไม่พบ

ทีนี้ จินฮี ลูกสาวคนรองของบ้านก็มาอาละวาดสามีของตัวเอง เรื่องที่เขาแอบไปมีกิ๊ก จนทำถ้วยชามแบรนด์เนมใบละเป็นหมื่นแตกละเอียดนับสิบใบ จากเหตุการณ์นี้เอง ซอฮยอนเข้ามาห้ามทัพอีกเช่นเคย และประกาศกร้าวไม่ให้จินฮีมาเหยียบบ้านหลังนี้อีก

จากนั้น ซอฮยอนก็เปิดโทรศัพท์ของแม่บ้านจูดูอีกครั้งก็พบคลิปวิดีโอของเธอกำลังยืนอยู่ เธอตกใจมาก โทร. ไปหาฮีซูเพื่อให้แนะนำที่ปรึกษาทางจิตให้หน่อย ซึ่งคนคนนั้นก็คือ แม่ชีเอ็มม่า

มาถึงก็มาฉากไฮไลต์ … ฮีซูตกใจเมื่อเธอเดินลงมาชั้นล่างกลางดึก แล้วเห็นจาคยองสวมเดรสสีส้มของเธอเต้นรำอยู่ในห้องนั่งเล่น ทำตัวคล้ายกับเป็นเจ้านายของบ้านก็ไม่ปาน ฮีซูเดินเข้าไปหาด้วยความไม่พอใจ แต่ก็ยังใช้คำพูดที่นิ่มนวลบอกจาคยองว่าเดรสที่ใส่อยู่นั้นเป็นของเธอ จาคยองกล่าวขอโทษแล้วถอดชุดพร้อมกับเดินกลับเข้าห้องไป

ฮีซูเหมือนกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง กระทั่งเธอกำลังจะเดินไปเคาะประตูเรียกจาคยองอีกครั้ง แต่จาคยองก็ออกมากล่าวขอโทษฮีซูด้วยหน้าตาใส่มารยา ประมาณว่าสำนึกผิด แล้วสัญญาว่าจะไม่ทำพฤติกรรมแบบนี้อีก ฮีซูเมื่อเห็นเป็นแบบนั้นจึงยอมยกโทษให้อย่างเสียไม่ได้ … แต่หลังจากนั้น เราก็ได้เห็นสายตาของจาคยองปรายตามองไปที่ฮีซู แสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจนว่า “ทุกอย่างที่เธอสัมผัสจะต้องตกเป็นของเธอในอีกไม่นานนี้” !!!

ตอนท้ายของเรื่อง ยูยอนโทร. ไปหาแม่ชีเอ็มม่าเล่าเรื่องในคฤหาสน์ตระกูลฮโยวอนที่ทำให้เธอรู้สึกแปลกประหลาด แต่แม่ชีเอ็มม่าก็ตอบกลับไปเหมือนกับว่าเธอรู้ทุกอย่างในคฤหาสน์แห่งนี้ดี แม่ชีเอ็มม่าบอกกับยูยอนว่าความตะกละของพวกเขาไม่เคยพอเพียง แสดงให้เห็นว่าแม่ชีเอ็มม่าซ่อนปริศนาเอาไว้ไม่น้อย

แล้วยูยอนก็เดินไปเดินมาในคฤหาสน์ตอนกลางดึก จนเดินมาเจอกับซูฮยอก เธอบอกว่านอนไม่หลับจึงออกมาเดินเล่นแล้วหาทางกลับไม่เจอ ซูฮยอกยื่นที่มัดผมที่ยูยอนทำหล่นไว้บนเตียงของเขา พร้อมกับบอกว่า “เธอเคยบอกว่านอนห้องฉันแล้วหลับง่าย งั้นเรามาแลกห้องนอนกันเถอะ”

EP.2 รักต้องห้าม

ซีรีส์เริ่มต้นด้วยการเผยรายละเอียดการฆาตกรรมจากปากของแม่ชีเอ็มม่า “ตอนที่เจอครั้งแรก ทั้งสองกำลังนอนหมดสติอยู่” นั่นหมายความว่ามีเหยื่อในเหตุการณ์ฆาตกรรมมากกว่าหนึ่งคน !?

ทีนี้ย้อนกลับมาปัจจุบัน … ในคืนนั้น ดูเหมือนว่าฮีซูจะลบภาพที่จาคยองแอบเอาชุดเธอไปใส่ออกจากความคิดไม่ได้ … ตัดมาในตอนเช้า ฮีซูแสดงท่าทีที่เปลี่ยนไป เธอดูเหมือนจะพยายามพูดดีและให้ความเป็นกันเองกับจาคยอง แถมยังพูดจาหยอกล้อเรื่องที่จาคยองขาสวย จนจาคยองถึงกับรู้สึกแปลกใจ ฮีซูบอกว่า “เราสองคนควรทำความรู้จักกันมากขึ้น”

จากนั้น ความไม่ลงรอยกันของสะใภ้ใหญ่กับสะใภ้รองก็เกิดขึ้น จากความขัดแย้งกันเล็ก ๆ เรื่องของการแสดงภาพแกลเลอรี ซึ่งฮีซูไปจัดแสดงภาพผลงานของเด็กออทิสติก ซึ่งซอฮยอนมองว่าจะทำให้นักข่าวเอาไปเขียนข่าวในแง่ลบได้

แม้ดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ทำให้เราได้รู้ว่าแท้จริงแล้วที่เห็นทั้งสองยิ้มแย้มเข้าหากันมันเป็นเพียงหน้ากากที่เรียกว่ามารยาททางสังคม แต่จริง ๆ แล้ว ทั้งคู่ก็ไม่ได้ชอบขี้หน้ากันสักเท่าไร

ตัดภาพมาที่ลูกคนรอง จินฮี ลูกสาวขี้วีนคนเดียวของท่านประธานฮัน เธอเกิดไปอาละวาดร้านเบเกอรี่ที่ตัวเองบริหารงานอยู่ เธอสั่งปิดร้านแล้วอาละวาดปาข้าวของและขนมปังใส่พนักงาน เพราะมีคอมเมนต์ในโซเชียลตำหนิขนมของร้านเธอ

กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อมีภาพหลุดขณะที่จินฮีกำลังวีนแตกออกไปในอินเทอร์เน็ต ทีนี้ก็มาหนักหน้าจินโฮ พี่ใหญ่ของบ้าน แต่ซอฮยอนสั่งห้ามไม่ให้ไปยุ่ง

ระหว่างนั้นเราก็ได้เห็นความเอาใจของจาคยองที่มีต่อฮาจุนจนเกินกว่าความเป็นติวเตอร์ ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอมาทำงานที่คฤหาสน์ฮโยวอน ซึ่งมีความลับที่ซ่อนเอาไว้เกี่ยวข้องกับฮาจุนก็เป็นได้

ฮาจุนเสียแม่แท้ ๆ ตอนเขาอายุได้เพียง 18 เดือน

วันเดียวกันนั้นเอง ก็เป็นวันพิเศษที่จะมีแขกมาเยือน นั่นก็คือว่าที่คู่หมั้นของซูฮยอก ซึ่งเธอเป็นหญิงสาวที่มาจากตระกูลเศรษฐีเหมือนกัน

ทีนี้ฮีซูก็เหมือนกำลังคุยปรับทุกข์ ระบายเรื่องราวในใจกับแม่ชีเอ็มม่า เธอเล่าเรื่องราวชีวิตในอดีตตอนที่เธอได้พบรักกับจียอง … จากภาพที่ฉายออกมา ขณะที่จียองกำลังขี่ม้าไปยิงนก เราได้เห็นด้านหลังของผู้หญิงคนหนึ่งสวมเสื้อสีแดง กำลังขี่ม้ามุ่งหน้ามาทางจียอง แม้ไม่เห็นหน้าแต่ดูลักษณะแล้วเหมือนจาคยองเหลือเกิน หรือจะเป็นจาคยองที่เป็นแม่แท้ ๆ ของฮาจุน เพราะเธอเคยบอกฮีซูว่าที่ขาเธอสวยเพราะขี่ม้า !!?

ส่วนอดีตของซอฮยอนที่เธอซ่อนเอาไว้ก็ได้เผยออกมาเช่นกัน คลิปในโทรศัพท์ที่ทำเอาเธอตกใจก่อนหน้านี้ แท้จริงแล้วเธอคลิปที่บันทึกเอาไว้ตอนที่เธอบอกลาชู้รักสาวของเธอ ใช่ เธอเป็นเลสเบี้ยน ! (ซอฮยอนรักผู้หญิงคนนี้มาก แต่จำเป็นต้องเลิกรากันเพราะมันเป็นรักต้องห้าม)

ในตอนท้าย เราจะได้เห็นรังสีอำมหิตของจาคยอง ให้บังเอิญว่าเธอเดินมาเผชิญหน้ากับนายหญิงซุนฮเย แต่กลับกลายเป็นซุนฮเยกลับหงอเมื่อเจอจาคยอง … และเมื่อเธอก็พูดจาในทำนองยั่วยวนกับจียอง ก่อนที่จาคยองจะแกล้งเดินกระทบไหล่จียอง แล้วสัมผัสมือเขา … หรือว่าจาคยองคือแม่ของฮาจุนจริง ๆ ?

EP.3 สัญชาตญาณแม่ที่แท้จริง

คณะกรรมการได้เลือกให้จีโฮขึ้นเป็นประธาน ท่ามกลางความประหลาดใจของตัวเขาเองและทุก ๆ คน ยกเว้นคนเดียวที่ดูจะไม่ตื่นเต้น นั่นก็คือจียอง เพราะแท้จริงแล้วเขาเป็นคนที่ยอมสละเก้าอี้ประธานให้กับจินโฮเอง และดูเหมือนว่าเขาจะมีแผนการบางอย่างที่เก็บงำเอาไว้

และต่อมาเราก็ได้รู้ว่าจาคยองเป็นผู้ที่วางแผนอยู่เบื้องหลังการที่จินโฮได้รับตำแหน่งประธานในครั้งนี้ ซึ่งเธอได้บอกกับซุนฮเยว่าเธอได้ทำตามคำสั่งโดยให้จินโฮได้ขึ้นเป็นประธาน แต่เธอก็ขู่ซุนฮเยเอาไว้ด้วยว่า การได้รับตำแหน่งครั้งนี้เป็นแค่ชั่วคราวเท่านั้น

ในขณะที่ฮีซูหัวเสียเรื่องที่สามีของเธอยอมยกตำแหน่งประธานให้กับพี่ชายง่าย ๆ และเมื่อกลับมาบ้านฮีซูก็ยังประสาทเสียกับจาคยองที่ดูเหมือนว่าจะล้ำเส้นของเธอไปไกลมาก กับการเข้ามาดูแลเอาใจใส่ฮาจุนจนเกินกว่าติวเตอร์ทั่วไป แต่อย่างไรก็ตามจียองกลับบอกกับฮีซูว่า การที่จาคยองเอาใจใส่ฮาจุนแบบนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี (ก็แน่ล่ะ เพราะจียองรู้อยู่เต็มอกว่าจาคยองคือแม่แท้ ๆ ของฮาจุน)

ซอฮยอนให้เงินสาวใช้เพื่อให้สาวใช้เหล่านั้นบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในบ้านทั้งหมด ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือยูยอน แต่ดูเหมือนว่ายูยอนจะคิดหนักเรื่องเงินที่ได้รับเป็นจำนวน 1 ล้านวอน (ประมาณ 28,000 บาท)

ในคืนนั้นเอง ซูฮยอกนอนไม่หลับ เขาจึงได้มาหายูยอนที่ห้องอีกเช่นเคยเพื่อขอแลกห้องนอน แม้ในตอนแรกเธอจะไม่ยอมแต่สุดท้ายซูฮยอกก็นอนหลับปุ๋ยอยู่ในห้องของเธอ และเขาได้ออกจากห้องของเธอไปตอนเช้ามืด

ซึ่งในคืนนั้นเอง ฮีซูได้ตื่นขึ้นมากลางดึกและได้เห็นจาคยองนั่งอยู่ปลายเตียงของฮาจุนขณะที่กำลังหลับ จาคยองได้นวดเท้าให้กับฮาจุน มันเป็นเรื่องที่แปลกประลาดที่ติวเตอร์คนใดในโลกนี้จะทำพฤติกรรมแบบนี้ แต่อย่างไรตาม จียองได้เข้ามาคว้าตัวฮีซูไปพร้อมกับบอกว่าเป็นเรื่องที่ดีแล้วที่มีติวเตอร์แบบนี้

เช้าอีกวัน ซอฮยอนได้รู้ว่าซูฮยอกไปนอนที่ห้องของยูยอนทั้งคืน เธอจึงเรียกยูยอนมาถามว่ามีอะไรจะบอกหรือไม่ แต่เธอก็ปฏิเสธพร้อมกับยื่นเช็กเงินสดคืนให้กับซอฮยอน แต่ซอฮยอนไม่รับคืนและบอกว่าอีกไม่นานเธอก็จะต้องได้ใช้มัน

ซอฮยอนให้สาวใช้ไปบอกเรื่องที่ซูฮยอกไปนอนที่ห้องยูยอนกับซุนฮเย เพื่อจะยืมมือให้ซุนฮเยไล่ยูยอนออก เพราะซอฮยอนไม่ต้องการมือเปื้อนเลือด

ตัดภาพมาที่โรงเรียนของฮาจุน ระหว่างที่ฮีซูมาส่งฮาจุนที่โรงเรียน เธอพบว่ามีเพื่อนนักเรียนที่ชื่อจีวอนเข้ามาบูลลี่ฮาจุนว่าเขามีแม่ปลอม (หมายถึงเป็นแม่เลี้ยง เพราะแม่ผู้ให้กำเนิดตายไปแล้ว)

ฮีซูคิดจะเอาคืนแม่ของจีวอนด้วยการไปเสนอแพ็กเกจเที่ยวให้กับบรรดาแม่ ๆ ของเพื่อนจีวอน เพื่อไม่ให้มีเพื่อน ๆ ไปงานวันเกิดจีวอน เพื่อบีบให้แม่ของจีวอนยอมขอโทษเรื่องที่บอกว่าเธอเป็นแม่ปลอมของฮาจุน สุดท้ายก็สำเร็จ

ฮีซูกลับบ้านก็มาซัดกับจาคยองอีกครั้ง เธอประกาศกร้าวว่าห้ามจาคยองข้ามเส้นความเป็นแม่ของเธอ แต่จาคยองซัดกลับว่า “ไม่ว่าคุณจะพยายามแค่ไหน คุณก็ไม่ใช่แม่ที่แท้จริงของฮาจุน คนเป็นแม่ที่แท้จริงไม่จัดการปัญหาด้วยวิธีที่คุณใช้หรอก”

ฮีซูรับรู้มาตลอดว่าแม่บังเกิดเกล้าของฮาจุนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ แต่จาคยองกลับพูดว่า “แล้วถ้าแม่ของฮาจุนยังไม่ตายล่ะ” ณ จุดนี้เป็นการบอกใบ้อย่างชัดเจนว่าจาคยองคือแม่ของฮาจุน ?

จากนั้น จาคยองจึงไปหาแม่ของจีวอนที่บ้านแล้วจัดการตบฉาดใหญ่ไปหลายดอก รังสีอำมหิตแผ่ออกจากตัวของจาคยอง

EP.4 ตีสองหน้า

ฮีซูตาลีตาเหลือกไปพบแม่ของจีวอนเพื่อขอโทษที่จาคยองบุกไปตบถึงบ้าน ฮีซูยืนยันว่าเธอไม่รู้ไม่เห็นและไม่ได้เป็นคนสั่ง แต่แม่ของจีวอนไม่เชื่อว่าติวเตอร์จะมาบุกตบเธอถึงบ้านโดยไม่มีคนสั่ง และเธอบอกจะไม่เอาเรื่องถ้าเอาตัวจาคยองมาคุกเข่าขอโทษต่อหน้าเธอ

ฮีซูสั่งให้จาคยองไปขอโทษแม่ของจีวอนเพื่อให้จบเรื่อง ก่อนที่จะบานปลายไปมากกว่านี้

จาคยองไปหาแม่จีวอนอีกครั้ง แต่แทนที่จะขอโทษเธอกลับแบล็กเมลเรื่องในอดีตของแม่จีวอน ที่เคยเป็นผู้หญิงทำงานกลางคืน และพ่อของจีวอนคือหนึ่งในลูกค้าของเธอ จาคยองขู่ว่าถ้าไม่อยากให้เรื่องฉาวนี้หลุดรอดออกไปจงอย่ายุ่งกับเธอและฮาจุนอีก

ซุนฮเยรู้เรื่องที่ซูฮยอกไปนอนที่ห้องของยูยอน ด้วยอารมณ์โทสะซุนฮเยจึงตบยูยอนไปหนึ่งฉาด แล้วไล่ออกในทันที … ต่อมาซูฮยอกได้รู้ว่ายูยอนโดนไล่ออกก็ถึงกับช็อก และพยายามออกไปตามหายูยอน ณ จุดนี้ ภารกิจการตามหายูยอนจึงเกิดขึ้น

ตอนนี้ จินฮีเหมือนเป็นหมาหัวเน่า เธอโดนจินโฮตัดหางปล่อยวัดปลดออกจากประธานบริษัทเบเกอรี่ แล้วตั้งจียองขึ้นมาเป็นประธานแทน

ในงานแสดงศิลปะ จาคยองกับจียองแอบไปจูบกันตรงทางบันไดหนีไฟ เป็นการคอนเฟิร์มชัดเจนว่าจาคยองคือแม่ของฮาจุน และเรื่องที่จียองบอกทุกคนว่าแม่ฮาจุนตายไปแล้วคือเรื่องโกหก … แสดงว่าที่ผ่านมา ทั้งจียองและจาคยองต่างตีสองหน้าว่าไม่รู้จักกันมาตลอด !

ในท้ายที่สุด ภารกิจตามหายูยอนของซูฮยอกจะสำเร็จ และยูยอนก็ยอมกลับไปอยู่ที่คฤหาสน์ฮโยวอน ซึ่งซูฮยอกได้ไปบอกเรื่องนี้กับซุนฮเย เขายืนยันเสียงแข็งว่าจะให้ยูยอนกลับมา แลกกับการที่เขาจะแต่งงานกับผู้หญิงที่ซุนฮเยต้องการ

ต่อมา แม่ชีเอ็มม่าไปตรวจสอบรายชื่อผู้บริจาคคนหนึ่งซึ่งเธอจำได้ว่าเสียงเหมือนกับจาคยอง ทำให้เธอรู้ว่าจริง ๆ แล้วจาคยองมีชื่อจริงว่า ฮเยจิน !

ในท้ายที่สุด ฮีซูจึงตัดสินใจไล่จาคยองออก (เสียที) โดยให้เหตุผลว่าเธอไม่สบายใจกับพฤติกรรมการล้ำเส้นของจาคยอง !

จาคยองเสียใจที่โดนไล่ออก แต่ดูเหมือนเธอจะยอมออกอย่างง่าย ๆ ? ในขณะที่บรรยากาศตึงเครียดได้เริ่มต้นขึ้นอย่างชัดเจน … ตอนเช้าวันถัดมา ฮาจุนแสดงความเดือดดาลใส่ฮีซูที่ไปไล่ติวเตอร์ใจดีของเขาออก ทั้ง ๆ ที่เธอเคยช่วยชีวิตเขาไว้จากอุบัติเหตุในการขี่ม้า

ฮีซีเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้ว่า จาคยองเป็นแม่ของฮาจุน !

EP.5 ลางสังหรณ์

ฮีซูรีบแจ้นกลับมาที่บ้านแล้วมุ่งไปที่ห้องของจาคยอง เพื่อจะบอกให้เธออยู่ต่อไปก่อน จาคยองมองหน้าฮีซูอย่างตาไม่กระพริบด้วยสายตาที่แฝงความโกรธ “ไหนคุณไล่ฉันออกแล้วไง ?” ฮีซูตอบว่า “ฉันมีบางอย่างจะต้องรู้ก่อนที่คุณจะไป … คุณไม่อยากอยู่เพื่อดูแลฮาจุนแล้วเหรอคะ ?” เมื่อพูดถึงฮาจุนทำให้จาคยองตอบตกลงที่จะอยู่ต่อ

ฮีซูพยายามปะติดปะต่อเรื่องราวต่าง ๆ จนได้ข้อสงสัยที่เป็นบทสรุปว่า จาคยองอาจจะเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดของฮาจุนจริง ๆ เธอจึงไปที่คาเดนซ่าเพื่อหาซอฮยอนในทันที เธอไปถามข้อมูลคนแนะนำจาคยอง ซึ่งเป็นคุณนายจากตระกูลอียอน

จริง ๆ แล้วก่อนหน้านี้ซอฮยอนก็สงสัยในตัวของจาคยองเช่นกัน เธอให้คนไปสืบประวัติ แต่ก็พบว่าทุกอย่างเป็นความจริงทั้งหมด แต่อย่างไรก็ตามเธอก็อดสงสัยหลาย ๆ ที่เห็นไม่ได้ อย่างตอนที่จาคยองกับจียองแสดงภาษากายที่สนิทสนมกันเกินพอดี หรือแม้แต่ซุนฮเยที่ใช้ประโยคแปลก ๆ เมื่อพูดถึงจาคยอง (ซุนฮเยเป็นคนเดียวในบ้านที่เคยเห็นหน้าแม่ของฮาจุน)

ฮีซูมาที่บ้านของตระกูลอียอนเพื่อหาข้อมูลของจาคยอง เธอได้เห็นรูปถ่ายซึ่งมีใบหน้าตรงกับจาคยอง ทำให้ฮีซูถึงกับโล่งใจว่าสิ่งที่คิดนั้น เป็นสิ่งที่เธอมโนขึ้นมาเอง … แต่จริง ๆ แล้วคุณนายอียอนรู้เรื่องทั้งหมด และร่วมมือในการหลอกฮีซู โดยการปกปิดจาคยองตัวจริง หมายความว่ารูปที่เธอให้ฮีซูดูนั้นไม่ใช่จาคยองตัวจริง !!!

ซอฮยอนรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลก ๆ เกี่ยวกับพฤติกรรมของฮีซูซึ่งสงสัยในตัวจาคยองเหมือนกัน เธอจึงไปสนามขี่ม้าที่จียองเคยเรียนขี่ม้าเมื่อประมาณเกือบสิบปีที่แล้ว และได้รู้ว่าอีฮเยจินคือครูที่สอนขี่ม้าจียองเมื่อตอนนั้น ซอฮยอนจึงบอกว่า “ช่วยหารูปของอีฮเยจินให้หน่อย ถ้าได้แล้วขอให้ติดต่อฉันทันที” … ซึ่งต่อมาทางสนามขี่ม้าได้ติดต่อมาแล้วบอกว่า อีฮเยจินได้ยื่นเรื่องขอให้ลบข้อมูลของเธอออกจากระบบ ทำให้ซอฮยอนได้รู้ว่า แม่แท้ ๆ ของฮาจุนยังไม่ตาย !

ตัดภาพมาที่คู่ของซูฮยอกกับยูยอน ดูเหมือนว่าจะมีการหึงหวงกันขึ้นมา เมื่อคู่หมั้นของซูฮยอกถูกเชิญมาทานข้าวที่คาเดนซ่า เป็นครั้งแรกที่ยูยอนสารภาพกับซูฮยอกว่า “ดูเหมือนว่าฉันจะชอบคุณเอามาก ๆ” … ซอฮยอนจับตาดูเหตุการณ์อยู่ จึงเข้ามาเตือนซูฮยอกว่า “ถ้าไม่อยากให้ไล่ยูยอนออกไปอีกรอบ ก็อย่าทำตัวเหลวไหล”

จาคยอง (หรือจริง ๆ แล้วเธอคือ อีฮเยจิน) นัดเจอกับจียองที่บาร์แห่งหนึ่ง เหมือนกับว่านี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองได้เจอกันแบบเป็นส่วนตัว ตั้งแต่เธอได้เข้ามาเป็นติวเตอร์ให้กับฮาจุน ซึ่งจาคยองได้บอกกับจียองว่าเธออดทนกับสถานะที่เป็นอยู่ตอนนี้ไม่ไหวแล้ว เธอต้องการทวงลูกชาย และผู้ชายของเธอคืนมา แต่จียองไม่เห็นด้วย จาคยองจึงถามเขาว่าเพราะอะไรถึงให้เธอเข้ามาอยู่บ้านอย่างง่าย ๆ คำตอบของจียองทำเอาจาคยองอึ้งไปหลายวินาที …

“คุณเป็นแม่ผู้ให้กำเนิด ส่วนฮีซูเป็นแม่ที่เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เล็ก ๆ ผมอยากให้คุณทั้งสองคนเลี้ยงดูฮาจุนด้วยกัน” จียองเอ่ยปากตอบคำถามจาคยอง พร้อมด้วยรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์อย่างที่สุด !

ในคืนเดียวกันนั้นเอง เราก็ได้รู้ความลับที่ถูกปิดซ่อนเอาไว้โดยหน้ากากอันน่าตกตะลึงของจียอง … เขาเดินทางไปที่ตึกร้างแห่งหนึ่ง เพื่อไปดูการต่อสู้ที่เรียกว่าสตรีทไฟต์ซึ่งจัดขึ้นเพื่อเขาเพียงคนเดียว จียองโยนกระเป๋าที่บรรจุเงินเป็นจำนวนมากเพื่อเป็นรางวัลกับผู้ชนะ ระหว่างที่ดูเลือดสาดออกจากเบ้าหน้าของผู้แพ้ จียองมีใบหน้าที่แสดงถึงความสุข มันเป็นสุขที่แฝงไปด้วยความตื่นเต้นอย่างแท้จริง !!!

หมายเหตุ : ฉากนี้ซีรีส์พยายามสื่อถึงสิ่งจียองกำลังทำอยู่ จาคยองกับฮีซู เขาต้องการให้เมียเขาทั้งสองคนห้ำหั่นกัน และผู้ที่รอดคือผู้ชนะ ส่วนผู้แพ้ก็ต้องเจ็บปวดแทบตายทั้งเป็น

จียองกลับมาบ้าน พบกับฮีซูนั่งรออยู่ด้วยสภาพจิตใจที่กระวนกระวายแทบจะเป็นบ้า เธอพูดตรง ๆ ว่ารู้สึกอย่างบอกไม่ถูกว่าจาคยองคือแม่ผู้ให้กำเนิดของฮาจุน แต่ในท้ายที่สุดเขาก็กล่อมเธอให้สบายใจได้ อย่างน้อย ๆ ก็ในค่ำคืนนี้

วันรุ่งขึ้น มีข่าวเรื่องลูกนอกสมรสของตระกูลฮโยวอนออกมา เป็นข่าวของซูฮยอกกับฮาจุน และคนที่เป็นแหล่งข่าวให้นักข่าวก็คือจาคยองนั่นเอง … ผลลัพธ์จากข่าวนั้นใหญ่หลวงยิ่งนัก ฮาจุนหายไปหลังเลิกเรียน

แต่ข่าวที่ซ้อนมาอีกชั้นหนึ่งก็คือ ฮีซูตั้งท้อง !

EP.6 ความจริงที่น่าอึดอัด

เริ่มต้นด้วยความวุ่นวายในคฤหาสน์ฮโยวอนที่ก่อตัวขึ้นแล้ว … ฮาจุนหายตัวไปหลังเลิกเรัยน ในขณะที่โนด็อก นกยูงสัตว์เลี้ยงอันเป็นที่รักของซุนฮเยก็หัวไปจากกรงขนาดมหึมาของมันเช่นกัน

ซอฮยอนแจ้งข่าวการหายตัวไปของฮาจุนกับซุนฮเย “เดี๋ยวบรรดาแม่ ๆ ของฮาจุนก็ตามหากันเองแหละ มีแม่ตั้งสองคน …” คำพูดที่เผลอหลุดออกมาจากปากของซุนฮเยทำให้ซอฮยอนได้รู้ว่า แท้จริงแล้วจาคยองคือแม่แท้ ๆ ของฮาจุน

ในขณะเดียวกันนั้น ฮีซูขับรถออกไปตามหาฮาจุนท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก และที่สำคัญเธอกำลังท้องอยู่ด้วย ระหว่างทางฮีซูบังเอิญเห็นป้ายคอนเสิร์ตนักร้องคนโปรดของฮาจุน เธอจึงได้ตามไปจนพบฮาจุนที่คอนเสิร์ตฮอลล์ ด้านจาคยองที่ติดตามโลเคชันไปที่คอนเสิร์ตฮอลล์เช่นเดียวกัน แต่ไปทีหลังฮีซู

จียองกลับมาด้วยความโกรธอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาตวาดใส่ฮาจุนและทำท่าจะลงโทษด้วยการตี แต่ฮีซูก็เข้ามาปกป้องก่อนจะพาฮาจุนเข้าไปในห้อง ฮีซูนอนกอดฮาจุนอยู่อย่างนั้นจนหลับไป … จาคยองแอบมองเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยความเศร้า เธอควรจะเป็นคนนอนกอดเพื่อปลอบฮาจุน ไม่ใช่ฮีซู !

ระหว่างนั้นมีสองเหตุการณ์เกิดขึ้น หนึ่ง การตามหาโนด็อกกลายเป็นเรื่องที่ไร้สาระที่เป็นจริงเป็นจังจนสร้างความปวดหัวให้กับหัวหน้าแม่บ้านจู สอง รอยจูบในค่ำคืนวันฝนตกของซูฮยอกกับยูยอนได้สร้างความรู้สึกดีให้กับคนทั้งสอง โดยที่ทั้งสองไม่รู้เลยว่าตัวเองได้ก่อเรื่องวุ่นวายขึ้นมาแล้ว

แล้วในคืนนั้นเอง ความอดทนของจาคยองก็หมดลง เธอบอกกับจียองว่า “ทุกอย่างจบลงนับตั้งแต่ตอนนี้ พรุ่งนี้ฉันจะบอกความจริงว่าฉันคือแม่แท้ ๆ ของฮาจุนไม่ใช่ฮีซู” จียองตอบด้วยน้ำเสียงที่พยายามควบคุมให้ดูสงบนิ่ง “ฮีซูท้อง … อย่าแตะต้องผู้หญิงคนนั้น เธอคือผู้หญิงที่อุ้มท้องลูกของฉัน สิ่งที่คุณควรทำสิ่งเดียวในตอนนี้คือการดูแลฮาจุน เพราะถ้าคุณทำอะไรผู้หญิงคนนั้นก็เท่ากับทำลูกผมด้วย ทำไมถึงทำตัวโลภมากขนาดนี้ ฉันเกลียดผู้หญิงที่โลภมากมากที่สุด อย่าลืมนะว่าคุณคือคนที่ตายไปเมื่อ 6 ปีที่แล้ว”

ซอฮยอนตั้งใจจะบอกความจริงเรื่องจาคยองให้ฮีซูได้รู้ แต่เมื่อซอฮยอนรู้ว่าฮีซูท้อง เธอจึงเลือกที่จะเก็บเรื่องจาคยองเป็นความลับต่อไป

ทีนี้ ซุนฮเยได้เล่าเรื่องของจาคยองให้จินโฮฟัง เธอเล่าว่าจียองมาขอให้จาคยองเข้ามาในบ้าน และปกปิดตัวตนที่แท้จริงของจาคยองแลกกับการยกตำแหน่งประธานบริษัทของจินโฮ

ซอฮยอนไปหาจียองเพื่อบอกว่าเธอรู้ของอีฮเยจิน (จาคยอง) แล้ว พร้อมทั้งแนะนำให้บอกความจริงให้ฮีซูรู้ แต่ผิดคาด จียองเผยความลับเรื่องที่ซอฮยอนมีรสนิยมทางเพศแบบหญิงรักหญิง และยอมรับตามตรงว่าเขาต้องการขึ้นเป็นใหญ่ในตระกูลฮโยวอน เพราะไม่มีใครเหมาะสมเท่าเขา ซึ่งเขารู้ว่าซอฮยอนสนใจชื่อเสียงของตระกูลตัวเองมากกว่าความเป็นไปของฮโยวอน … จียองมาเหนือเมฆจนซอฮยอนคิดไม่ถึงจริง ๆ

“คนกลุ่มน้อยทางเพศ” คำที่จียองใช้เรียกรสนิยมทางเพศของซอฮยอน ซึ่งมันเป็นคำที่วนเวียนอยู่ในหัวของเธอตลอดทั้งวัน และคงจะเป็นไปอีกนานนับจากนี้

วันถัดมา ฮีซูก็พบว่าจาคยองออกไปจากบ้านแล้ว ในวันเดียวกันนั้นเองในงานจัดเลี้ยงขอบคุณผู้บริจาคเงินมูลนิธิคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวของแม่ชีเอ็มม่า ฮีซูได้รับแจ้งข่าวคนที่เป็นแหล่งข่าวให้ข่าวเรื่องแม่ของฮาจุนชื่อ “อีฮเยจิน” !!! ณ จุดนี้ ฮีซูรู้แล้วว่าจียองโกหกเรื่องที่ว่า แม่แท้ ๆ ของฮาจุนตายไปแล้ว !

ทันใดนั้นเอง อีฮเยจอน (จาคยอง) ก็ลงมาจากรถเพื่อมาร่วมงานตามคำเชิญของแม่ชีเอ็มม่า ฮีซูเดินตรงไปหาอดีตติวเตอร์ของฮาจุน … อีฮเยจินยิ้มที่มุมปากก่อนจะแนะนำตัวว่าเธอคือ “อีฮเยจิน” ยังไม่ทันพูดจบประโยคฮีซูก็ง้างมือตบเข้าที่หน้าของฮเยจินไปหนึ่งฉาด !

EP.7 ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ

จาคยองเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง โดยการแนะนำตัวเองกับฮีซูว่า “ฉันคือคิมฮเยจิน” ซึ่งหมายความว่าเธอคือแม่แท้ ๆ ผู้ให้กำเนิดฮาจุน แต่ยังไม่ทันสิ้นเสียง ฮีซูก็บันดาลโทสะตบเข้าที่หน้าจาคยองอย่างแรงไปหนึ่งฉาด

และฮเยจิน (จาคยอง) ได้เผยว่า มูลนิธิแม่เลี้ยงเดี่ยวแห่งนี้เป็นสถานที่ที่เธอกับฮาจุนมาขอรับความช่วยเหลือเมื่อประมาณ 8 ปีก่อน และเธอก็บริจาคเงินให้กับมูลนิธินี้ก็เพื่อตอบแทนบุญคุณ เธอกล่าวกับฮีซูด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ว่า “คุณปกป้องลูกของคุณ ฉันปกป้องลูกของฉัน ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองไป”

ฮีซูในตอนนี้อยู่ในอารมณ์โกรธบนซากปรักหักพังของความไว้ใจที่ถูกทำลายไปไม่เหลือ เมื่อซอฮยอนเห็นท่าไม่ดีที่จะปล่อยให้ทั้งคู่เผชิญหน้ากันต่อไป เธอจึงเข้าไปพาฮีซูออกจากที่นั่น

เมื่อกลับมาถึงบ้าน ฮีซูตกอยู่สภาพย่ำแย่กับความจริงอันโหดร้ายเกี่ยวกับจียอง ผู้เป็นสามีของเธอ ซอฮยอนแนะนำให้ใจเย็น ๆ ต้องคิดให้รอบคอบก่อนที่จะทำอะไรต่อไป

ฮเยจิน (จาคยอง) โทร. หาจียองเพื่อบอกว่า “มันจบแล้วภรรยาของคุณรู้แล้วว่าฉันเป็นใคร”

ต่อมาซอฮยอนถามฮเยจินว่า “คุณต้องการอะไร ?” ฮเยจินเผยความประสงค์ของตัวเอง “ฉันเคยทำผิดพลาดมาแล้วที่คิดว่า การให้เขาเติบโตในคฤหาสน์ฮโยวอนจะดีกับเขามากกว่าอยู่กับแม่เลี้ยงเดี่ยวอย่างฉัน ฉันมาเพื่อแก้ไขความผิดพลาดในอดีต”

ซอฮยอนปฏิเสธความต้องการของฮเยจิน แถมยังขู่กลับด้วยว่าการปลอมตัวเข้ามาเป็นติวเตอร์ของฮาจุนเป็นความผิดตามกฎหมาย แต่ฮเยจินก็พยายามอ้อนวอนขอซอฮยอนโดยใช้ความเป็นแม่แท้ ๆ ของฮาจุน ซึ่งแน่นอนว่าซอฮยอนไม่คล้อยตาม จนสุดท้ายซอฮยอนต้องยื่นคำขาดด้วยน้ำเสียงและท่าทีที่แข็งกร้าว “คนเดียวที่จะบอกให้คุณอยู่ที่นี่ได้ก็คือฉัน ซึ่งฉันไม่อนุญาต”

ฮีซูเผชิญหน้ากับจียอง “ไหนคุณบอกว่าแม่ของฮาจุนตายไปแล้วไง … แล้วเธอมาโผล่ที่บ้านฉันได้ยังไง !!?” จียองตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จว่า “ผมกลัวว่าคุณจะตกใจ จริง ๆ แล้วผมก็ตกใจเหมือนกับคุณนั่นแหละ เพราะแม่ของผมบอกว่าเธอตายไปแล้ว … อีกอย่างมันเป็นความผิดพลาดของผมในวัยหนุ่ม มันเป็นความสัมพันธ์แบบชั่วข้ามคืน ผมรู้สึกละอายที่จะบอกเรื่องนี้กับคุณ … แม่ของฮาจุนคือคุณ ผู้หญิงคนนั้นต้องการเพียงแก้แค้น”

สถานการณ์เริ่มเข้าสู่ภาวะตึงเครียดไปอีกหนึ่งสเต็ป เมื่อฮเยจินบอกความจริงกับฮีซูว่า “คนที่เป็นคนวางแผนให้เธอเข้ามาในบ้านหลังนี้คือจียอง” แต่ฮีซูไม่เชื่อ เพราะเธอยังเชื่อคำโกหกของสามีของเธอต่อไปที่บอกว่าเขาไม่รู้เรื่อง และสิ่งที่ฮเยจินกำลังทำคือต้องการแก้แค้น ดังนั้น ไม่ว่าฮเยจินจะพูดอะไรฮีซูก็เลือกที่จะไม่เชื่อ ๆ ๆ และ ไม่เชื่อ !

จากนั้นจียองก็เจรจากับฮเยจิน (จาคยอง) โดยเสนอเงินก้อนโตให้แลกกับการที่เธอจะไม่มายุ่งกับชีวิตของเขากับฮาจุนอีก ซึ่งแน่นอนว่าฮเยจินไม่ยอม ทำให้จียองแสดงตัวตนที่แท้จริงอันป่าเถื่อนของตัวเองออกมา “คราวนี้คุณได้ตายจริง ๆ ไม่ใช่ปลอม ๆ เหมือนที่ผ่านมา” ฮเยจินขู่กลับด้วยสายตาอำมหิตเช่นกันว่า “ฉันจะไม่ตายคนเดียว !!!”

อย่างไรก็ตาม เพื่อไขปริศนาคำโกหก ฮีซูจึงไปหาซุนฮเยเพื่อตามล่าหาความจริง ทั้ง ๆ ที่เธอไม่อยากมาเพราะเป็นห่วงลูกในท้อง

ซุนฮเยเล่าความจริงทุกอย่างออกไป “จียองบอกให้ฉันทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเรื่องแม่ของฮาจุน และเขาเป็นคนให้ฉันบอกว่าฮเยจินตายไปแล้ว ทั้งหมดก็เพื่อแลกกับการที่จินโฮจะได้ขึ้นเป็นประธานบริษัท”

ความจริงที่ได้รับรู้มันเจ็บเกินไปสำหรับฮีซู และตรงนั้นเอง เลือดก็ไหลออกมาจากหว่างขาของฮีซู จากนั้นเธอก็ทรุดลง ในขณะที่ซอฮยอนเข้ามาโอบกอดฮีซูที่กำลังร้องไห้เป็นบ้าเป็นหลังอยู่อย่างนั้น …

EP.8 ซ่อนความแค้นด้วยการแสดง ?

ฮีซูได้รู้ความจริงอันโหดร้ายของสามีตัวเอง จนมีอาการเลือดตกจากความเครียด ซึ่งนำไปสู่การแท้งลูกในครรภ์ !!!

จียองสงสัยว่าฮีซูหายไปไหน จึงถามสาวใช้ยูยอน ซึ่งเธอโกหกว่าฮีซูแพ้ท้องหนักมากจึงกลับไปอยู่ที่บ้านกับครอบครัว

ทีนี้ ปัญหาก็เกิดซ้อนขึ้นมาอีก เมื่อจินโฮรู้ว่าจียองให้เขาขึ้นดำรงตำแหน่งประธานบริษัท แลกกับการที่ซุนฮเยต้องทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นว่าตัวตนของจาคยองคือฮเยจิน แม่แท้ ๆ ผู้ให้กำเนิดฮาจุน นั่นเท่ากับว่าจียองวางแผนหลอกทุกคนในบ้าน

ดังนั้น เมื่อซุนฮเยเกิดไปเผยความจริงเรื่องฮเยจินให้ฮีซูได้รู้ เท่ากับว่าตำแหน่งประธานของจินโฮอยู่ในสถานะที่ไม่มั่นคงอีกต่อไป จินโฮเลยสั่งให้เซจองเข้าไปค้นหาความลับบางอย่างของจียอง ปรากฏว่าเซจองไปค้นโต๊ะทำงานแล้วเกิดไปเจอโทรศัพท์รุ่นโบราณแบบฝาพับ ด้านในมีภาพผู้ชายเปลือยอยู่มากมาย เซจองจึงรายงานจินโฮว่า “จียองเป็นเกย์ !!?” (ซึ่งจริง ๆ แล้วเซจองเข้าใจผิด)

ฮเยจิน (จาคยอง) ทำซุปสาหร่ายให้ฮีซูกิน ซึ่งแสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเธอเสียใจอย่างจริงใจที่ฮีซูเสียลูกของเธอไป แต่ดูเหมือนว่าฮีซูจะไม่พอใจ … ซึ่งอาจจะมีอะไรมากกว่านั้นเบื้องหลังระหว่างเธอทั้งสองคน ?

ภาพตัดมาเผยให้เห็นฮเยจินใส่ชุดไว้ทุกข์สีดำ ในขณะที่ฮีซูใส่เดรสสีฟ้าเดินทางกลับมาที่โรแบโต้ ในคฤหาสน์ฮโยวอนอีกครั้ง ท่าทีของเธอเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือเมื่อเจอหน้าจียอง เธอยิ้มให้เขาด้วยความสดชื่น ทำไมฮีซูกลายเป็นเช่นนั้น ? นั่นเป็นเพราะเธอได้งัดเอาสิ่งที่เธอทำได้เก่งที่สุดออกมาใช้ นั่นก็คือ การแสดง !!!

อันบีลีฟอะเบิ้ล ฮีซู จียอง และฮาจุน กลับมาใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุขอีกครั้งอย่างน่าเหลือเชื่อ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ที่สำคัญจียองยังไม่รู้เรื่องที่ฮีซูแท้งลูก … ฮีซูบอกกับจียองระหว่างร่วมโต๊ะรับประทานอาหารว่า “ลืมอดีตแล้วมาเริ่มต้นกันใหม่เถอะ” แต่ทุกสิ่งล้วนเป็นการเสแสร้ง !

แน่นอนว่าทุกนาทีที่ฮีซูแสดงว่ามีความสุขเท่าไรในใจก็ยิ่งเสียใจมากเท่านั้น

ระหว่างนั้น กบฎคุณหนูซูฮยอกได้เริ่มออกลายแล้ว เขาประกาศกลางโต๊ะอาหารว่าจะไม่หมั้นกับหญิงที่ซุนฮเยต้องการ ซุนฮเยถึงกับโวยวายออกมาใหญ่โตจนซอฮยอนหูแทบดับ

ในการประชุมบริษัทเพื่อเปิดพินัยกรรมของท่านประธานฮัน จียองที่คิดว่าตัวเขาจะได้ขึ้นดำรงตำแหน่งประธาน … เนื้อหาในพินัยกรรมระบุอย่างไรไม่ทราบได้ แต่หลังจากนั้น จียองได้ขับรถออกมาจอดใต้สะพาน จากนั้นเขาก็เริ่มหลั่งน้ำตาออกมา ขณะเดียวกันนั้น ซอฮยอนได้โทร. หาจียองเพื่อแจ้งว่าฮเยจินมาที่คฤหาสน์ฮโยวอนเพื่อมาหาฮาจุน

ซอฮยอน ฮเยจิน ฮีซู และจียองเผชิญกันด้วยความเดือดดาล ฮีซูกรี๊ดลั่นใส่ฮเยจิน “อย่ากลัวเลย ใครก็ตามที่ขโมยของของฉันไป ฉันจะฆ่ามันให้ตาย” !!!

ภาพตัดมาในอนาคต เผยให้เห็นภาพภายในงานศพใครบางคน ภายในงานฮาจุนยืนร้องไห้ไม่หยุด … จากนั้นภาพก็ตัดไปอีกเหตุการณ์หนึ่ง ฮีซูกำลังนอนจมกองเลือดอยู่บนพื้น เธอลืมตาและมองเห็นอะไรบางอย่างแล้วเธอทำท่าจะร้องไห้ออกมา !!?

EP.9 เขียนพินัยกรรมถึงปีศาจ

ฮเยจิน (จาคยอง) มาที่คฤหาสน์ฮโยวอนโดยอ้างว่าต้องการเจอฮาจุน จากนั้นเธอก็ออกฤทธิ์กับจียอง ก่อนที่ฮีซูจะเข้ามาแล้วตะโกนใส่หน้าฮเยจินว่า “ฉันจะฆ่าทุกคนที่เอาของของฉันไป”

แต่ก่อนที่จุดเดือดจะทะลุปรอทแตก จียองก็ลากเอาฮเยจินออกไป “ฉันน่าจะฆ่าคุณจริง ๆ เสียที” …

พินัยกรรมของท่านประธานฮันที่ถูกเปิดเผยออกมา ทำเอาจียองถึงกับหลั่งน้ำตา กับความจริงที่เขาถูกกีดกันออกจากการดำรงตำแหน่งประธานฮโยวอนกรุ๊ป ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาไม่ใช่ลูกชายแท้ ๆ ของประธานฮัน !!!

เรื่องของเรื่องก็คือ ในตอนนั้น ด้วยความรักที่ท่านประธานฮันมีให้คิมมีจา (เมียน้อยประธานฮันและแม่ของจียอง) มากมายเหลือเกิน จนทำให้ยอมรับเธอแม้เธอจะบอกว่า “ฉันท้องกับลูกของผู้ชายคนอื่น”

แล้วเราก็ได้รู้ถึงคำพูดที่คิมมีจาพูดกับจียองด้วยความเจ็บปวดและต่ำต้อย “ชีวิตของเราคงไม่ใช่แบบนี้ ถ้าแกเป็นสายเลือดของฮโยวอน ถ้าเป็นแบบนี้แกไม่ต้องเกิดมาเลยเสียดีกว่า” เสียงที่แม่พูดกับเขาดังกึกก้องในหัวไม่หยุด

เนื้อหาพินัยกรรมระบุว่า “ซุนฮเยได้คฤหาสน์ย่านซองบุกและที่ดิน แต่ไม่ได้รับหุ้นบริษัท … จินโฮได้ทุนการศึกษาตลอดชีวิตจนกว่าจะจบ … ซอฮยอนได้หุ้นฮโยวอนอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด และได้ตำแหน่งผู้บริหารฮโยวอนอีแอนด์เอ็ม … จินฮีได้หุ้นฮโยวอนเบเกอรี่ทั้งหมด แต่ต้องเข้ารับการบำบัดอย่างสม่ำเสมอ … ฮีซูได้หุ้นฮโยวอนเทรดดิ้ง 3 หมื่นหุ้น .. จียองได้รับตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันการศึกษาฮโยวอน … ซูฮยอกจะได้ดำรงตำแหน่งประธานฮโยวอนกรุ๊ปเมื่อเขาอายุครบ 30 ปี รวมทั้งหุ้นที่เหลือทั้งหมด”

เพื่อระบายความโกรธแค้น จียองไปที่ไฟต์คลับส่วนตัวของเขา เพื่อดูการต่อสู้เพื่อชิงเงินรางวัลก้อนโต จียองสั่งให้นักสู้กระหน่ำกันให้ตายกันไปข้าง สุดท้ายผู้แพ้อาการโคม่าและต่อมาก็ตาย พี่ชายของเขาจึงสาบานที่จะแก้แค้นจียองให้กับน้องชาย

ซอฮยอนมอบงานศิลปะชิ้นหนึ่งให้ฮีซู จากนั้นก็เดินทางไปที่แกลเลอรี่ ที่นั่นเธอได้พบกับชเวซูจี รักแรกและรักฝังใจของซองฮยอน

ชเวซูจีกล่าวว่า “โชคชะตากำหนดให้เรากลับมาพบกันอีกครั้ง” แต่ดูเหมือนว่าซอฮยอนจะเลือกที่จะทำตรงข้ามกับความรู้สึกของตัวเอง เธอปฏิเสธชเวซูจีอีกครั้ง “ฉันยังรู้สึกกับเธอเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไป ฉันเพียงแต่แสร้งทำเป็นกล้าหาญ แต่ฉันไม่เคยลืมคุณเลย”

ฮเยจิน (จาคยอง) ตัดสินใจไปพบทนาย เพื่อจะฟ้องเพื่อให้ได้สิทธิ์เลี้ยงดูฮาจุน ซึ่งแน่นอนว่าฮีซูไม่ยอมและพร้อมที่จะโต้แย้งในทางกฎหมายอย่างเต็มที่

ส่วนซูฮยอกที่ถูกระบุในพินัยกรรมให้ขึ้นเป็นประธานฮโยวอน แต่เขากลับปฏิเสธที่จะรับตำแหน่ง ซึ่งแน่นอนว่าเหตุผลที่เขาทำเช่นนั้นก็เป็นเพราะสาวใข้ยูยอนที่เขาหลงรักนั่นเอง เพราะเขารู้ว่าตำแหน่งที่เราได้รับจะทำให้เขาสูญเสียอะไรในชีวิตไปบ้าง

ทีนี้ จู่ ๆ ประธานฮันก็ลืมตาขึ้นมาขณะนอนอยู่บนเตียงด้วยเครื่องช่วยหายใจ !!?

ในตอนท้าย จียองไปหาฮเยจินที่บ้านของเธอและจัดการบีบคอเธออย่างแรงพร้อมกับพูดว่า “ชีวิตฉันพังก็ลงไปทุกอย่างเพราะคุณ คุณแค่ต้องหายไปเท่านั้น แค่นั้นจริง ๆ ไอ้คนนั้นมันตายไปแล้ว (เด็กหนุ่มที่ตายจากการต่อสู้ในไฟต์คลับ) ทีนี้เธอตายไปด้วยอีกคนซะเลย”

ซึ่งจังหวะนั้นเป็นจังหวะเดียวกับที่ฮีซูมาหาฮเยจินเช่นกัน เธอกดกริ่งไม่แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับทำให้เธอรู้สึกแปลกใจ ทันใดนั้น ฮเยจินก็อาศัยจังหวะกัดมือจียองแล้วตะโดนบอกฮีซู เมื่อฮีซูรู้เรื่องจึงตะโกนกลับไป “ฮันจียอง หยุดเดี๋ยวนี้ !!!”

EP.10 แผนดัดหลังปีศาจ

ฮีซูยืนอยู่หน้าประตูคอนโดของฮเยจิน (จาคยอง) ในขณะที่จียองกำลังพยายามฆ่าฮเยจินอยู่ด้านใน เมื่อฮีซูโทร. หาฮเยจินแล้วเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ทำให้ฮีซูรู้ว่าฮเยจินอยู่ด้านใน

ต่อมาเมื่อฮีซูรู้ว่าจียองทำร้ายฮเยจิน เธอจึงลั่นออกมาใส่เขา “คุณกำลังทำอะไรอยู่ คุณไม่มีสิทธิ์ยุ่งกับผู้หญิงคนนั้น คุณทำผิดต่อฉันและผู้หญิงคนนั้น เพราะฉะนั้น ฉันเป็นคนเดียวที่แตะต้องผู้หญิงคนนั้นได้” ในขณะที่ฮเยจินก็ลั่นใส่จียองเช่นกันว่าเขาจะต้องเสียใจที่ทำกับเธอแบบนี้

จากนั้นทุกคนในครอบครัวฮโยวอนก็ได้รับแจ้งข่าวจากโรงพยาบาลว่า “ประธานฮันฟื้นแล้ว” และหมอได้เผยสาเหตุการฟื้นเป็นเพราะซุนฮเยเข้าไปทุบตีประธานฮันขณะนอนเป็นผักอยู่บนเตียง จากความโกรธเรื่องพินัยกรรม

ซอฮยอนเข้าพบประธานฮันเพื่อแจ้งว่า ซูฮยอกไม่ต้องการรับตำแหน่งประธานฮโยวอนกรุ๊ป และไม่ต้องการหมั้นที่ประธานฮันจัดการให้ ด้วยเหตุผลที่ว่าเขามีหญิงสาวที่ชอบพออยู่แล้ว แล้วสิ่งที่ซอฮยอนกลัวก็เกิดขึ้น เมื่อประธานเรียกให้จียองเข้าพบ เขาเป็นคนเดียว (ถ้าไม่ใช่ซูฮยอก) ที่เหมาะสำหรับตำแหน่งประธาน !

ซอฮยอนคาดไม่ถึงว่าประธานฮันจะตัดสินใจเลือกจียองขึ้นมาแทนซูฮยอก เธอบอกกับทนายคู่ใจของเธอว่า “สถานการณ์ตอนนี้ เราคงต้องใช้แผนบี”

จียองคุกเข่าแทบเท้า ในระหว่างที่ประธานฮันยังคงคิดถึงคิมมีจา (แม่ของจียอง) อย่างสุดหัวใจ เขาพูดทั้งคุกเข่าต่อหน้าพ่อ (ไม่แท้) ของเขาว่า “ไม่เคยมีแม้สักครั้งที่ผมคิดว่าคุณพ่อไม่ใช่พ่อแท้ ๆ ของผม เพราะผมไม่เหลือใครแล้ว แม่จากผมไปแล้ว ถ้าพ่อจากผมไปอีกคน ผมก็จะเหลือตัวคนเดียวจริง ๆ”

ประธานฮันลูบหัวของจียองพร้อมกับเอ่ยว่า “ฉันขอโทษ” … จียองเล่นละครลูกชายผู้น่าสงสารอย่างสมบทบาท เขายิ้มเยาะในใจ

ในขณะเดียวกันเราก็ได้รู้ว่า ที่แท้แล้วแม่ชีเอมม่าคือผู้ที่ไปพูดกับประธานฮันให้ดูแลจียอง เธออ้างว่าเขาเป็นเด็กที่น่าสงสาร

ระหว่างนั้น จินโฮก็สร้างเรื่องขึ้น เมื่อไปตบหน้าหัวหน้าสาวใช้จูเพราะความเมา ซอฮยอนมาห้ามไว้แล้วสั่งให้จินโฮเข้าไปบำบัดที่ศูนย์บำบัดผู้ติดแอลกอฮอล์

ซฮฮยอนบอกความจริงเรื่องจียองให้ฮีซูรู้ เรื่องที่เขาไม่ได้เป็นลูกชายของประธานฮัน “แม่ของจียองมาคบกับคุณพ่อ (ประธานฮัน) ในขณะที่เธอท้องจียองอยู่ก่อนแล้ว” ซอฮยอนบอกว่ามีแค่เธอกับประธานฮันเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ ซอฮยอนพยายามอธิบายว่า ความสัมพันธ์ของประธานฮันกับจียองเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมาก เพราะประธานฮันรักแม่ของจียอง แต่ก็ทำใจให้รักลูกชายของเธอที่มีสายของชายอื่นไม่ได้

มาถึงวันไต่สวนนัดแรกคดีโต้แย้งเรื่องสิทธิการเลี้ยงดูฮาจุน ระหว่างฮีซูกับฮเยจิน … ทั้งสองเผชิญหน้ากันก่อนขึ้นศาลด้วยสายตาอำมหิต

ฮเยจินให้การต่อหน้าผู้พิพากษาว่า “หลังจากให้กำเนิดลูก ฉันก็เลี้ยงลูกคนเดียวมาตลอดเป็นเวลา 1 ปี 6 เดือน ระหว่างนั้นติดต่อพ่อของเด็กไม่ได้เลย มาวันหนึ่ง ลูกก็เกิดป่วยกะทันหัน ด้วยความกลัวฉันจึงไปที่คฤหาสน์ฮโยวอนแต่ไม่มีใครต้อนรับ ฉันเลยทิ้งลูกเอาไว้ที่สถานที่หนึ่ง”

ผู้พิพากษาสอบถามเหตุผลที่เธอต้องการได้ลูกคืน ฮเยจินจึงเล่าว่า “จู่ ๆ พ่อของลูกฉันได้ให้ฉันเข้าไปอยู่ในบ้านนั้น และให้ฉันเข้าไปอยู่ในฐานะติวเตอร์ของเด็กค่ะ ยิ่งไปกว่านั้น พ่อของเด็กยังโกหกเด็กว่าแม่ของเขาได้ตายไปแล้ว ฉันไม่สามารถให้ลูกของฉันเติบโตในสภาพนั้นได้ ฮันจียองไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นพ่อของเขาค่ะ !’

ทีนี้ถึงตาที่ฮีซูให้การบ้าง เธอเลือกที่จะบอกว่าสิ่งที่ฮเยจินพูดเป็นความจริง ซึ่งตรงกันข้ามกับที่ทนายเตี๊ยมให้เธอปฏิเสธ เพราะฮเยจินไม่มีหลักฐานมากล่าวอ้างคำพูดของเธอ …

“ฉันไม่ใช่แม่ผู้ให้กำเนิดฮาจุน แต่ฉันเป็นคนเลี้ยงเขามาตั้งแต่เล็ก ซึ่งไม่ใช่ทั้งพ่อและแม่แท้ ๆ ของเขา แต่ฉันคือแม่ของเขาค่ะ ตลอดเวลา 6 ปีฉันเลี้ยงดูเขาเป็นอย่างดี และฉันจะไม่ยอมให้แม่และพ่อที่ไร้จริยธรรมของเขามาทำให้เขาหวั่นไหว หรือทำให้ลูกฉันเจ็บปวดเป็นเด็ดขาด และเหตุผลที่ฉันรักและทำทุกอย่างเพื่อฮาจุนเพราะฉันเป็นแม่จองเขาค่ะ”

สรุปสุดท้ายคือ ศาลตัดสินให้ยกฟ้อง ซึ่งหมายความว่าฮีซูได้สิทธิ์ในการเลี้ยงดูฮาจุนต่อไป

ภายในห้องพิจารณาคดี หลังเสร็จสิ้นคดีความ ซอฮยอนแจ้งข่าวกัฮีซูว่า จียองได้ขึ้นเป็นประธานฮโยวอนกรุ๊ป แล้วกล่าวอีกว่า “คณะกรรมการทั้งหมดเป็นคนของจียอง แต่ฉันจะเดินหน้าแผนต่อไป ไม่ว่ายังไงฉันด็จะพลิกเกมกลับมาให้ได้” แต่ดูเหมือนว่าฮีซูจะมองว่าเป็นเรื่องที่ดี “แบบนี้ดีด้วยซ้ำ เพราะยิ่งเขาขึ้นไปสูงเท่าไรเขาก็ต้องสูญเสียมากเท่านั้น”

แล้วฮเยจิน ฮีซู และซอฮยอน ก็ส่งซิกให้กันเหมือนกับว่าแผนทุกอย่างกำลังดำเนินต่อไป …

ฮีซูเผชิญหน้ากับจียอง พร้อมกับกล่าวว่าตอนนี้เธอได้สิทธิ์ในการเลี้ยงดูฮาจุนตามกฎหมายแล้ว และได้ยื่นเอกสารการหย่าให้เขา “เรามาจบกันเถอะ ฉันจะพาฮาจุนออกไปจากบ้านหลังนั้น”

จียองรู้ตัวว่าเขาโดนดัดหลังเข้าให้แล้ว !!!

EP.11 สู้กับอคติของโลก

ซีรีส์เริ่มด้วยการเล่าย้อนกลับไปหลังเหตุการณ์ที่ฮีซูแท้งลูก เมื่อถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเธอบอกกับซอฮยอนว่า เธอต้องการพาฮาจุนออกไปจากคฤหาสน์ฮโยวอน ซึ่งซอฮยอนก็รับปากที่จะช่วยเธอทำในสิ่งที่ต้องการให้สำเร็จ

ด้านฮเยจิน (จาคยอง) เธอรู้สึกผิดและตกใจมากที่ฮีซูแท้งลูก เพราะเธอก็มีส่วนทำให้เรื่องเลวร้ายนี้มันเกิดขึ้น เธอจึงไปหาฮีซูที่โรงพยาบาลและทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด ฮเยจินคุกเข่าลงทั้งน้ำตาต่อหน้าฮีซูที่ทำหน้าเมินอยู่บนเตียงพยาบาล ฮเยจินคุกเข่าอยู่อย่างนั้นนานเท่านาน จนในที่สุดฮีซูก็ยอมรับคำขอโทษของฮเยจิน

หลังออกจากโรงพยาบาล ฮเยจินก็มาคอยดูแลพัดวีฮีซูอย่างดี ดีขนาดเตรียมรองเท้าให้ จัดเตียงปูที่นอนให้ ทำกับข้าวให้กิน ฮเยจินบอกกับฮีซูที่สีหน้าไม่ค่อยสบายใจว่า “ที่ฉันต้องทำแบบนี้ก็เพราะว่าคุณไม่สามารถเรียกหาใครได้ในตอนนี้ แม้แต่แม่คุณก็ไปหาไม่ได้ เพราะไม่อยากให้ใครเห็นในสภาพนี้ ฉันเข้าใจดีเพราะฉันก็เคยเป็นเหมือนคุณตอนนี้ เพราะฉะนั้น ให้ฉันทำหน้าที่เหล่านั้นเพื่อคุณเถอะค่ะ … คุณต้องเข้มแข็งขึ้นเพื่อต่อสู้กับฮันจียอง !!!”

ระหว่างที่ฮีซูกับฮเยจินอยู่ด้วยกัน ฮเยจินได้พยายามพูดปลุกเร้าและให้กำลังใจฮีซู และบอกให้ฮีซูลุกขึ้นมาสู้เพื่อฮาจุน โดยการพาเขาออกมาจากนรกในคฤหาสน์ฮโยวอนให้ได้

แม้ในช่วงแรก ฮีซูจะไม่ค่อยโอเคกับฮเยจิน แต่เมื่อเวลาล่วงไปนานนับสัปดาห์ ฮเยจินแสดงให้เห็นทั้งต่อหน้าและลับหลังด้วยความจริงใจ ฮีซูก็เริ่มมีท่าทีอ่อนลงและเริ่มเชื่อใจฮเยจินมากขึ้น ในที่สุดเธอก็เริ่มทานอาหารที่ฮเยจินทำให้

ซอฮยอนมาหาฮีซูที่บ้านพัก และบอกแผนการที่จะให้ฮเยจินยื่นฟ้องต่อศาลขออำนาจการเลี้ยงดูฮาจุน ที่นี้พอยด์ของแผนนี้ของซอฮยอนก็คือ ฮีซูต้องเอาชนะใจผู้คนในชั้นศาลให้ได้ (เพราะเป็นเรื่องที่นักข่าวให้ความสนใจติดตาม) ประกอบกับต้องทำให้จียองด่างพร้อยมากที่สุด เพราะยังไงฮีซูก็จะเป็นฝ่ายชนะคดี เมื่อได้สิทธิ์เลี้ยงดูฮาจุนแล้วก็ดำเนินการหย่ากับจียอง

แผนของซอฮยอนสมประโยชน์ทุกคน โดยเฉพาะซอฮยอนที่ต้องการเขี่ยจียองออกจากตำแหน่งประธานฮโยวอนกรุ๊ป ซอฮยอนมองว่าจียองไม่เหมาะสมที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งประธานเพราะเบื้องหลังที่เลวร้ายของเขา และเธอมองว่ามันเป็นสิ่งที่เธอต้องรับผิดชอบที่ทำให้เขาได้ขึ้นตำแหน่งประธานโดยไม่ได้ตั้งใจ

สงครามประสาทระหว่างจียองกับซอฮยอนเริ่มขึ้นอีกครั้ง เมื่อซอฮยอนจ้องจะใช้ข่าวในศาลเล่นงานจียอง แต่เขาเองก็เตรียมแผนปิดข่าวเหล่านั้นเอาไว้ทั้งหมดแล้ว โดยใช้เส้นสายของเพื่อน ๆ ที่เขารู้จักทั้งในวงการสื่อและกฎหมายช่วย โดยแลกกับข่าวฉาวของซอฮยอนที่ว่าเธอเป็นรักร่วมเพศ (เลสเบี้ยน)

ณ จุดนี้ ซอฮยอนแสดงความกล้าออกมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เธอบอกกับทั้งจียองและชเวซูจี ซึ่งเป็นรักแรกและรักเดียวของเธอว่า ถ้าต้องการจะบอกให้โลกรู้เรื่องความสัมพันธ์ก็ทำได้เลย เพราะตอนนี้เธอกล้าพอที่จะสู้กับอคติของโลกแล้ว !

ตัดภาพมาที่ซูฮยอกกับยูยอนบ้าง ซึ่งเด็กก็คือเด็กที่มองความต้องการของตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง … ด้วยความที่จินโฮโมโหมากที่รู้ว่าจียองได้ขึ้นดำรงตำแหน่งประธาน (แม้จะยังไม่เป็นทางการ เพราะต้องรอผลการโหวตจากผู้ถือหุ้น) เพราะซูฮยอกไม่ยอมรับตำแหน่ง จินโฮจึงหนีจากศูนย์บำบัดผู้ติดแอลกอฮอล์กลับมาที่บ้าน สิ่งแรกที่เขาทำคือไล่ยูยอนออก ต่อมาซูฮยอกก็ออกจากบ้านตามไปอยู่กับยูยอน เพื่อไล่ล่าความรักโดยอ้างเหตุผลการอยากใช้ชีวิต

ฮีซูเล่นสงครามประสาทขั้นสุดกับจียอง เธอบอกกับเขาให้รีบกลับมาบ้าน เมื่อจียองมาถึงบ้านฮีซูก็ให้เขาขึ้นไปดูห้องของลูกที่จัดไว้เสร็จเรียบร้อย เมื่อจียองเปิดประตูห้องเข้าไปก็พบเสื้อคลุมเปื้อนเลือดแขวนอยู่กลางห้อง เขาตกใจมาก หันไปถามฮีซูว่าเกิดอะไรขึ้น เธอบอกกับเขาว่า “ลูกฉันตายไปแล้ว คุณเป็นคนฆ่าเขา !!!”

ในฉากปิด เหมือนกับซีรีส์พยายามจะทำให้เราสงสัยซอฮยอน ว่าแท้จริงแล้วเธอมีความต้องการอะไรซ่อนอยู่เบื้องหลังใบหน้าอันเย็นชาของเธอหรือไม่ ?

EP.12 สังเวียนสุนัข

จียองโกรธปนเสียใจจนน้ำหูน้ำตาเล็ดเมื่อได้รู้ความจริงว่า เขาได้เสียลูกในท้องของฮีซูไปแล้ว !!!

“เงื่อนไขในการหย่าคืออะไร ?” จียองถามฮีซูอีกครั้ง แม้ก่อนหน้านี้เธอจะเคยบอกเขาไปแล้ว ฮีซูตอบว่า “ฉันจะเป็นคนเลี้ยงฮาจุนเอง นั่นก็เป็นเพราะว่าฮาจุนจะได้ไม่ซึมซับนิสัยบ้า ๆ ของนาย” ไม่ทันสิ้นเสียง จียองก็ตวาดใส่ฮีซูและด่าทอเธอว่าทำไมคิดอะไรโง่ ๆ แบบนั้น ฮีซูจึงจัดตบให้หนึ่งฉาดใหญ่

สุดท้ายเมื่อดูท่าทีว่าจียองจะไม่ยอมหย่าง่าย ๆ ฮีซูจึงบอกเขาว่า “การได้ต่อสู้คนบ้าอำนาจอย่างนาย ทำให้ไฟในตัวฉันลุกโชนอย่างบอกไม่ถูก ฉันจะฟ้องหย่า”

จินโฮได้รู้โลกที่แท้จริงของจียองจากไฟต์คลับส่วนตัวของเขา (จากนักสู้คนหนึ่งที่น้องชายของเขาต้องนอนเป็นผัก ควักซูชาน) หรือที่เรียกว่า “สังเวียนสุนัข” และตรงนี้เองที่ทำให้เขาคิดได้ว่า จียองไม่น่าจะใช่ลูกของประธานฮัน นั่นหมายความว่าจียองไม่มีเลือดฮโยวอนแม้แต่หยดเดียว จินโฮร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจที่คละไปด้วยความโกรธที่ตัวเองเพิ่งมาคิดได้ เขาบอกกับตัวเองว่า ถ้าเขารู้ว่าจียองไม่มีสายเลือดฮโยวอนเขาคงจะพยายามมากกว่านี้

จินโฮตรงเข้าไปหาจียองถึงในห้องทำงาน เขาพูดด้วยความเดือดดาลว่า “ฉันทนแกมาตลอดเพราะเห็นว่าแกมีสายเลือดเดียวกับฉันครึ่งหนึ่ง (คือหมายถึงเป็นพี่น้องต่างมารดา) ถ้าฉันรู้ว่าแกไม่มีเลือดของฮโยวอนแม้แต่หยดเดียวฉันฆ่าแกด้วยมือของฉันเองไปตั้งนานแล้ว” อย่างไรก็ตาม จินโฮก็ได้แต่พ่นน้ำลายออกมา เพราะในท้ายที่สุดจียองก็สั่งให้บอดี้การ์ดพาตัวจินโฮออกไปพร้อมกับทิ้งคำพูดสุดท้ายที่เจ็บแสบเอาไว้ “นายมันก็แค่ไอ้ขี้แพ้”

ทีนี้ก็ให้บังเอิญว่า จินโฮได้เจอกับฮีซู เขาจึงเล่าเรื่องสังเวียนสุนัขของจียองให้ฮีซูฟัง ซึ่งต่อมาฮีซูกับฮเยจินได้เดินทางไปดูสังเวียนสุนัขด้วยตัวเอง มันทำให้เธอได้รู้ด้านมืดที่แท้จริงของจียองเสียที และต่อมาฮีซูก็ได้เล่าเรื่องนี้ให้ซอฮยอนรู้

คือทั้ง จินโฮ ฮีซู ฮเยจิน และซอฮยอน ต่างก็ต้องการที่จะโค่นจียอง โดยแต่ละคนก็มีแนวทางที่แตกต่างกันไป ซึ่งตลอดเวลานับแต่นี้เป็นสงครามประสาท ที่กดดันผู้ชมอย่างเรา ๆ ได้อย่างสนุกสนาน …

เรามาว่ากันที่จินโฮก่อน ซึ่งเป็นคนที่ทำอะไรแบบโฉ่งฉ่างไม่ค่อยมีแผนอะไรซับซ้อน เขาต้องการให้ควักซูชานให้ข้อมูลเรื่องสังเวียนสุนัขกับนักข่าวเพื่อทำลายจียอง แต่แล้วในคืนก่อนวันนัดให้สัมภาษณ์นักข่าว จียองได้จ้างคนให้เก็บควักซูชานแถมยังโยนความผิดให้จินโฮอีกด้วย ซ้ำหนัก จียองยังให้ข่าวเรื่องการที่จินโฮติดเหล้าและหนีการบำบัดจากศูนย์บำบัดผู้ติดเหล้า โดยในข่าวระบุว่าสาเหตุดังกล่าวทำให้เขาหลุดจากตำแหน่งประธาน สรุปคือ แทนที่จะทำลายจียองได้ กลับทำให้ควักซูชานตายและตัวเองก็ต้องพังไปด้วย

ส่วนฮีซูเมื่อรู้ว่าจียองมีด้านมืดที่โหดร้ายและอันตรายกว่าที่คิด จึงขอให้ฮเยจินพาฮาจุนไปอเมริกา และเธอก็ทำทุกทางเพื่อปิดข่าวเรื่องสังเวียนสุนัขที่จินโฮพยายามปล่อยออกมา ด้วยเหตุผลที่ว่าเธอกลัวว่าข่าวนั้นจะทำลายความรู้สึกของฮาจุนที่มองว่าพ่อของตัวเองเป็นฮีโร่

ส่วนซอฮยอนนั้นมีแผนที่ลึกซึ้งและมองข้ามช็อตกว่าทุกคน เธอมุ่งหมายที่จะลากจียองลงจากตำแหน่งประธานโดยที่ต้องไม่ทำลายชื่อเสียงของฮโยวอนด้วย ดังนั้น สิ่งที่เธอทำคือการไปโน้มน้าวซูฮยอกให้ช่วยเธอ โดยแลกกับการที่เธอจะช่วยให้ซูฮยอกมีความสัมพันธ์กับยูยอนอย่างถูกต้องและเปิดเผย ต่อมาเธอก็เอาเรื่องสังเวียนสุนัขไปบอกกับประธานฮันให้เขาตัดสินใจเรื่องตำแหน่งประธานของจียอง

และสุดท้ายเขาก็เรียกประชุมคณะกรรมการ โดยที่เธอจะขึ้นเป็นประธานเอง เนื่องจากไม่มีใครเหมาะสมไปกว่าเธอแล้วถ้าสอยจียองลงมาได้สำเร็จ

ระหว่างนั้นเองซอฮยอนก็รวบรวมความกล้าอย่างที่เธอไม่เคยทำมาก่อนเพื่อตามไปส่งชเวซูจี รักแรกและรักเดียวของเธอที่สนามบิน ซอฮยอนกอดคนรักของเธอพร้อมกับบอกให้รอเธออีกหน่อย ทั้งคู่หลั่งน้ำตาออกมา

ในตอนท้าย ขณะที่จียองกำลังจะออกไปทำงาน ฮีซูได้แนะนำติวเตอร์ที่จะพาฮาจุนไปอเมริกา นั่นก็คือฮเยจิน ! “สวัสดีค่ะ ฉันเป็นติวเตอร์คนใหม่ของฮาจุน ฮเยจินค่ะ” ฮเยจินมองด้วยหางตาไปที่จียองที่ตอนนี้อยู่ในสภาพช็อก ที่ได้รู้ว่าตัวเองโดนดัดหลังเข้าให้แล้ว …

ฉากตอนท้ายในวันฆาตกรรม เราได้รู้แล้วว่าคนที่นอนจมกองเลือดแท้จริงแล้วคือจียองเพียงคนเดียว ส่วนฮีซูยืนอยู่ด้านบนของบันได ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันที่แม่ชีเอ็มม่าเดินเข้ามาที่คาเดนซ่า

อีกอย่างฮีซูได้ทิ้งปมปริศนาสำคัญเอาไว้ว่า แม่ชีเอ็มม่าสนิทกับคิมมีจา แม่ผู้ให้กำเนิดของจียองมานานหลายสิบปี และเธอก็รู้จักจียองก่อนใครในบ้านหลังนี้ แล้วทำไมทั้งสองคนถึงทำเป็นไม่รู้จักกัน !!?

EP.13 ปริศนาการตายของปีศาจ

เรื่องเริ่มเปิดขึ้นมาในงานศพของจียอง ! ทุกคนในครอบครัวฮโยวอนมาร่วมงานศพ เป็นเพียงแต่ว่าทุกคนมีสีหน้าที่เรียบเฉย มีเพียงแต่ฮาจุนเท่านั้นที่ร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจที่สูญเสียพ่อไป และฮเยจินที่มีสีหน้าแสดงออกถึงความเป็นกังวล (ตามปกติของเธอ)

ร่างไร้วิญญาณของฮันจียองนอนจมกองเลือดอยู่ตรงโถงทางเดินของคาเดนซ่า เขานอนตายอย่างน่าอเนจอนาถอยู่อย่างนั้น

กระทั่งแม่ชีเอ็มม่าเข้ามาเห็นเหตุการณ์พอดี เธอเห็นจียองที่นอนจมกองเลือด ฮีซู และใครอีกคนหนึ่งที่เธอไม่รู้ว่าเป็นใครนอนหมดสติอยู่ข้าง ๆ ด้วยความตกใจ แม่ชีเอ็มม่าจึงรีบวิ่งออกมา แต่อีกสักพักเมื่อกลับเข้าไปดูอีกครั้งก็พบว่าคนคนนั้นที่นอนอยู่ข้างศพจียองได้หายไปแล้ว !!?

ตำรวจเข้าทำการสืบสวนคดีฆาตกรรม โดยเริ่มสอบปากคำฮีซู “ฉันจำอะไรไม่ได้เลย ไม่ใช่แค่เกิดอะไรขึ้นในวันนั้น แต่ฉันจำทุกอย่างไม่ได้หลังจากพบฮันจียอง” กลายเป็นว่าอยู่ดี ๆ ความจำของเธอมลายหายไปพร้อมกับชีวิตของจียอง เธอจำไม่ได้แม้แต่ฮาจุน ลูกชายที่เธอรักมากที่สุด !

ย้อนกลับไป 11 วันก่อนการตายของฮันจียอง …

ควักซูชางกลายเป็นศพหลังโดนฮันจียองสั่งเก็บ จากความพยายามที่จะเปิดเผยความลับด้านมืดเรื่องสังเวียนสุนัขของฮันจียอง แต่ไม่ใช่ควักซูชางคนเดียวที่เป็นเป้าหมาย อีกคนหนึ่งคือฮเยจิน !

ขณะที่ฮเยจินกำลังออกมาจากคอนโด มีคนตายเธอมา แต่ให้โชคดีว่าฮเยจินหนีไปได้ จากนั้นเธอก็รีบโทร. หาฮีซูเพื่อขอความช่วยเหลือทันที

เช้าวันถัดมา ฮีซูนั่งหน้านิ่งอยู่บนโซฟา ในขณะที่จียองกำลังเดินออกจากบ้านไปทำงาน ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ฮเยจินเดินเข้ามาเพื่อแนะนำตัวต่อหน้าจียอง “สวัสดีค่ะ ฉัน … อีฮเยจิน เป็นติวเตอร์คนใหม่ของฮาจุนค่ะ” จียองรีบเดินออกจากบ้านไปด้วยความโกรธ

ซอฮยอนนัดทานข้าวกับจินโฮเพื่อคุยเรื่องสำคัญ เธอสารภาพกับเขาว่าเธอเป็นเลสเบี้ยน แม้ตอนแรกเขาจะตกใจที่ได้รู้ความจริงนี้ แต่ในท้ายที่สุดเขากลับรู้สึกโล่งใจที่ได้รู้ความจริง และได้รู้ว่าซอฮยอนไม่เคยทำผิดกับเขาเรื่องคบชู้เลยหลังจากแต่งงาน

ต่อมา จินโฮได้มอบเพชรบลูไดมอนด์ให้กับคิมซองแทเพื่อเป็นค่าจ้างในการฆ่าจียอง “ฆ่าจียอง ฉันจะช่วยขายมันให้เอง อย่างน้อย ๆ ก็ได้ 2 หมื่นล้านวอน (ประมาร 550 ล้านบาท) หลังจากจัดการเสร็จแกก็หนีไปอยู่ต่างประเทศซะ”

ไม่เพียงเท่านั้น ทั้งฮีซู ซอฮยอน ฮเยจิน หรือแม้แต่จินโฮ ล้วนแล้วแต่กำลังเล่นงานจียองอย่างหนัก จนเขาเริ่มเข้าตาจน

เรื่องราวก็ดำเนินไป แต่ใจความสำคัญอยู่ที่การสืบสวนของตำรวจ ซึ่งดูเหมือนว่าแต่ละคนก็ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ต้องสงสัยทั้งสิ้น อย่างที่จินฮีบอกกับตำรวจเอาไว้ว่า “ทุกคนในบ้านหลังนี้ไม่มีใครไม่อยากให้จียองตาย”

คิมซองแทคือผู้ต้องสงสัยเบอร์หนึ่ง เขามีความเชื่อมโยงกับจินโฮ ซึ่งไม่ลงรอยกับจียองมากที่สุด เพราะหลังจากจียองตาย คิมซองแทก็เดินทางออกไปนอกประเทศ

ฮีซู น่าจะเป็นผู้ต้องสงสัยเบอร์สอง เธอโดยจียองหลอกมา 6 ปีนับแต่งงานกัน แล้วเธอก็ยังอยู่ในเหตุการณ์ตอนที่จียองตาย ตามคำให้การของแม่ชีเอ็มม่า แถมจู่ ๆ เธอก็จำอะไรไม่ได้ขึ้นมาซะอย่างนั้น … หรือที่เธอกำลังทำอยู่ตอนนี้คือ “การแสดง” ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอถนัดมากที่สุดในชีวิต

ฮเยจิน ก็เป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัย เพราะเธอมีแรงจูงใจโดยตรง แต่จะใช่หรือเปล่า ?

ซอฮยอน แม้เธอจะไม่เคยแสดงความรุนแรงออกมา แต่ความที่เป็นคนวางแผนที่ลึกซึ้ง และมีแรงจูงใจที่กำลังแย่งตำแหน่งประธานฮโยวอน

หรือเป็นไปได้ไหมว่า คำให้การของแม่ชีเอ็มม่าเป็นเรื่องโกหก ? ต้องติดตามต่อไป …

EP.14 คืนแห่งความทรงจำที่หายไป

แพทย์ลงความเห็นเอาไว้ว่า จียองเสียชีวิตจากภาวะหัวใจวาย (จึงทำให้เขาพลัดตกลงมาตรงบริเวณโถงทางเดินหลักของคาเดนซ่า) และดูเหมือนว่าทุกสิ่งอย่างจะจบลงตรงนี้

แต่หลังจากนั้น 1 สัปดาห์ ตำรวจก็เริ่มทำการสืบสวนการตายของจียองอีกครั้ง โดยอ้างอิงจากคำให้การของแม่ชีเอ็มม่าซึ่งเป็นประจักษ์พยานสำคัญ ได้ระบุว่ามีคนนอนอยู่ข้างศพของจียอง และยังมีอาวุธเปื้อนเลือดตกอยู่ ส่วนคนที่ยืนอยู่ด้านบนก็คือฮีซู ซึ่งต่อมาอาวุธชิ้นนั้นและคนคนนั้นได้หายไป

ตำรวจวิเคราะห์เบื้องต้นว่าถ้าเป็นเหตุฆาตกรรมจริง ฆาตกรต้องเป็นผู้ชาย ถึงจะมีแรงมากพอที่จะต่อสู้กับแรงขัดขืนของจียองและสามารถผลักเขาให้ตกลงมาด้วยแรงที่มากพอที่จะทำให้เขาตายได้ และเมื่อเช็กจากพยานถิ่นที่อยู่ตอนเกิดเหตุ ผู้ชายคนเดียวที่อยู่ในคาเดนซ่าเวลานั้นคือคิมซองแท แถมหลังจากเหตุการณ์เขาก็เดินทางออกนอกประเทศไปในทันที

ตัดย้อนกลับมา 4 วันก่อนที่จียองจะตาย …

สถานการณ์ตอนนี้ของจียองอยู่ในสภาพย่ำแย่ เพราะการเข้าไปพัวพันกับการฆาตกรรมควักซูชาน และรสนิยมนิยมความรุนแรงในสังเวียนสุนัขของเขา ยังไม่นับการวางแผนดึงเขาลงมาจากการได้ขึ้นไปสู่ตำแหน่งประธานของซอฮยอน แต่ดูเหมือนทุก ๆ คนก็ยังให้โอกาสสุดท้ายกับเขา แม้แต่ตัวประธานฮันเองที่ยื่นโอกาสให้เขาละทิ้งทุกอย่างไป แต่เขาก็ปฏิเสธ

ฮเยจินกับฮีซูดูท่าเหมือนอยากจะให้โอกาสครั้งสุดท้ายกับจียองเช่นกัน เพราะเห็นแก่ความที่เขาเป็นพ่อของฮาจุน พวกเธอจึงให้แม่ชีเอ็มม่าไปโน้มน้าวจียองให้ยอมมอบตัว

แม่ชีเอ็มม่าเข้าไปพบจียองเป็นการส่วนตัวที่ห้องทำงานของเขา เธอทรุดลงไปคุกเข่าบนพื้น แต่จียองกลับตอบด้วยความเย่อหยิ่งว่า “ทุกอย่างที่พระเจ้าเอาไปจากผม ผมสามารถเอาคืนกลับมาได้ด้วยตัวเองทั้งหมดแล้ว การที่ผมโดดเดี่ยวและเจ็บปวดเป็นเพราะผมไร้อำนาจ แต่ตอนนี้ผมมีอำนาจนั้นแล้ว เพราะฉะนั้นต่อจากนี้ไปแม่ชีไม่ต้องสวดภาวนาให้ผมอีกต่อไป แต่ถ้าจะช่วยผม ช่วยไปพูดกับฮีซูให้หยุดทำลายผมเสียที”

ตอนเด็ก ๆ จียองโดนแม่ทำร้ายอย่างทารุณ แม่โทษที่เขาเป็นตัวซวย เมื่อหลายปีมาแล้วเขาเคยสารภาพกับแม่ชีเอ็มม่าว่า “ถ้าตอนนั้นมีใครสักคนที่รักและอยู่เคียงข้างผม แม้เพียงคนเดียว ผมคงไม่เป็นแบบนี้”

ในระหว่างที่ตำรวจสายสืบยังหาหลักฐานอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันไม่ได้ ก็ให้บังเอิญเขาไปพบประวัติอย่างหนึ่งของฮีซูที่น่าสงสัย … ภาพยนตร์เรื่องคืนแห่งความทรงจำ เป็นภาพยนตร์เดบิวต์ของฮีซู แต่ด้วยนักแสดงชายในเรื่องมีเรื่องอื้อฉาวทางเพศทำให้ภาพยนตร์ถูกระงับการฉาย แต่อย่างไรก็ตามนักวิจารณ์ที่ได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ฮีซูซึ่งเล่นเป็นหญิงความจำเสื่อมแสดงได้ดีและแนบเนียนมาก จนยากจะเชื่อว่านี่เป็นผลงานการแสดงแรกของฮีซู

ตำรวจนักสืบสั่งให้เช็กประวัติการรักษาของฮีซูทันที แล้วก็ปรากฏว่าเธอน่าจะเป็นคนที่ตกลงมาพร้อมกับจียองจริง ๆ เพราะในคืนนั้นเธอซี่โครงหัก และมีการบาดเจ็บหลายจุดซึ่งบ่งชี้ได้ว่าเธอตกลงมาจากที่สูง !

ในตอนท้าย จากภาพกล้องวงจรปิดได้แสดงให้เห็นว่า คนที่พาฮีซูไปโรงพยาบาลในช่วงเวลานั้นคือซอฮยอน และภาพได้ฉายให้เห็นว่าซอฮยอนได้ซ่อนถังดับเพลิงเอาไว้ในห้องทำงานของเธอ … แล้วความจริงมันคืออะไรกันนะ !!?

EP.15 วันพิพากษาปีศาจ

2 วันก่อนจียองจะเสียชีวิต …

จียองโดนบีบจากทุก ๆ ทางจนเขาตกอยู่ในสภาพสิ้นไร้ไม้ตอก เริ่มจากการพิจารณาเข้ารับตำแหน่งประธานของเขาถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด จากคลิปแฉพฤติกรรมจียองของฮเยจินที่ส่งให้คณะกรรมการได้ดู

จียองเผชิญหน้ากับซอฮยอนหลังจากรู้ว่าเธอเป็นคนอยู่เบื้องหลัง เขาขู่ว่าเมื่อถูกบีบให้หมดหนทางเขาจะยอมสู้จนตัวตาย แต่ซอฮยอนก็ยังคงเยือกเย็นตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ว่าจะไว้ชีวิตอยู่แล้วเชียว”

1 วันก่อนจียองจะเสียชีวิต …

ณ จุดนี้ไม่มียืนอยู่ข้างจียองแล้ว ประธานฮันก็ลอยแพเขา แม่ชีเอ็มม่าก็ยืนยันจะจัดการเข้าถ้าไม่เข้ามอบตัว เงิน ทีมกฎหมาย ทุกสิ่งอย่างที่เขาเคยมี ตอนนี้กลายเป็นอดีตไปหมดแล้ว

และคนที่รักเขามากที่สุด ฮีซูที่ตอนนี้ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามเขาอย่างเต็มตัว แต่อย่างน้อยเธอก็ยังหยิบยื่นโอกาสให้เขา “คลิปที่ฮเยจินบันทึกเอาไว้ ใช้เพื่อทำให้คุณหลุดจากตำแหน่งประธาน แต่หลักฐานที่ยังไม่ได้เอาออกมาใช้ หลักฐานที่แสดงว่าคุณขาดคุณสมบัติของความเป็นมนุษย์อยู่ที่นี่” ฮีซูชูโทรศัพท์ของเธอขึ้นมา “มันอยู่ในนี้หมดแล้ว หลักฐานทุกอย่าง รวมทั้งหลักฐานที่คุณฆ่าคน … ตอนนี้ทีมกฎหมายของฮโยวอนจะไม่ช่วยคุณอีกต่อไปแล้ว สารภาพและยอมรับความผิดด้วยตัวเองซะ”

ตัดภาพมาปัจจุบัน เมื่อนักสืบแบคพบภาพจากกล้องวงจรปิดว่าซอฮยอนเป็นคนพาฮีซูไปส่งโรงพยาบาลในวันเกิดเหตุ เขาจึงไปสอบปากคำซอฮยอนที่บริษัท …

นักสืบแบค “ทำไมคุณไม่บอกล่ะครับว่าคุณเป็นคนพาคุณซอฮีซูไปส่งโรงพยาบาล ?”
ซอฮยอน “ฉันจำได้ว่าคุณนักสืบไม่เคยถามฉันนี่คะ”
นักสืบแบค “ช่วยอธิบายตอนที่คุณเจอคุณซอฮีซูตอนนั้นด้วยครับ”
ซอฮยอน “มีใครบางคนนอนหมดสติอยู่ คนคนนั้นคือฮันจียองค่ะ”
นักสืบแบค “ในตอนนั้น คุณโทร. คุยกับหัวหน้าทีมกฎหมายของบริษัทที่ห้องสมุดใช่ไหมครับ ?”
ซอฮยอน “ใช่ค่ะ”
นักสืบแบค “แล้วหลังจากวางสาย ระหว่างกลับไปร่วมงานเลี้ยงก็เจอคุณฮันจียองสลบอยู่ ?”
ซอฮยอน “ฉันก็เลยโทร. หาแพทย์ประจำตัวทันที”
นักสืบแบค “ตอนที่คุณเจอคุณซอฮีซู เธออยู่ในสภาพแบบไหนครับ ?”
ซอฮยอน “ตอนนั้นฉันตกใจกับสถานการณ์ และมันมืดก็เลยมองไม่ค่อยเห็นค่ะ เธอยืนอยู่ด้านบน เธอเจ็บปวดมาก ฉันก็เลยขับรถพาเธอไปส่งโรงพยาบาล”
นักสืบแบค “แปลว่าในขณะนั้น ไม่มีใครนอกจากคุณฮันจียองและคุณซอฮีซูใช่ไหมครับ ?”
ซอฮยอน “ใช่ค่ะ มีแค่พวกเขาสองคนเท่านั้น แล้วก็อีกหนึ่งคนที่เข้ามาในบ้านค่ะ ก็คือคิมซองแท ซึ่งเป็นคนรับใช้ในบ้านของเรา”
นักสืบแบค “แม่ชีเอ็มม่าเห็นที่เกิดเหตุก็เกิดความกลัวและตกใจก็เลยวิ่งออกมาทันที ซึ่งคนแรกที่แม่ชีเอ็มม่าเจอก็คือคุณคิมซองแทใช่ไหมครับ ?”
ซอฮยอน “ใช่ค่ะ”
นักสืบแบค “ตอนที่คุณไปส่งคุณซอฮีซูที่โรงพยาบาล คุณออกไปทางไหนครับ ? เพราะคนที่ร่วมงานเลี้ยงไม่มีใครเห็นคุณออกทางประตูหน้าเลย”
ซอฮยอน เธอนิ่งไปพักหนึ่ง แต่ยังคงสงวนท่าทีที่เยือกเย็นราวกับว่าคำตอบทุกอย่างได้ถูกเตรียมเอาไว้ในหัวเป็นอย่างดีแล้ว “ในบ้านของเรา มีประตูลับหลายที่ค่ะ หลังฮีนจียองเสียชีวิต แล้วทางตำรวจเริ่มทำการสอบสวน มันทำให้ราคาหุ้นของบริษัทเราร่วงลงอย่างรวดเร็ว ฉันเป็นคนที่ต้องหยุดความเห็นเชิงลบทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับฮโยวอน … หลักฐานที่คุณนักสืบต้องการ หลักฐานแวดล้อมที่ช่วยบอกว่าการตายของฮันจียองเป็นการฆาตกรรม ฉันไม่มีให้หรอกค่ะ ถึงแม้ว่าอาจมีใครฆ่าเขาจริง ๆ ก็ตาม แต่ว่าคนในครอบครัวเราไม่มีใครฆ่าเขาแน่นอน”
นักสืบแบค “ถ้าอย่างนั้น คุณคิดว่าเป็นการฆ่าตัวตายหรือครับ ?”
ซอฮยอน “ใช่ค่ะ”
นักสืบแบค “แต่คนที่อยากฆ่าตัวตาย ไม่น่าจะเลือกความสูงเท่านั้นในการตกลงมานะ”
ซอฮยอน “ฮันจียองกำลังจนมุม เขาฆ่าคน ถูกตัดสิทธิ์การขึ้นเป็นประธาน สูญสิ้นทุกอย่างของชีวิต เงินก็ไม่มี อำนาจก็หมดครอบครัวก็สูญสลาย ยังไม่นับความผิดที่เขาฆ่าคน ในคำพูดของฉันมีคำตอบอยู่ในนั้นแล้วค่ะ คนที่ตกต่ำย่ำแย่ขนาดนั้นใครจะไปฆ่าเขาทำไมล่ะคะ การที่ฮันจียองฆ่าตัวตายเอง น่าจะสมเหตุสมผลที่สุดแล้วไม่ใช่เหรอคะ ?”

ซอฮยอนคุยกับหัวหน้าทีมกฎหมายคนสนิทของเธอ เขาบอกว่าได้จัดการทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้ว คุณหมอคิมให้การกับนักสืบแบคว่า “ฮันจียองเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวาย แม่ผู้ให้กำเนิดของเขาก็มีประวัติการเสียชีวิตด้วยโรคที่เกี่ยวกับหัวใจเช่นเดียวกัน ดังนั้นอาจจะเป็นไปได้ที่เกิดจากพันธุกรรม” และหัวหน้าทีมกฎหมายนยังได้รายงานกับซอฮยอนด้วยว่า ได้จัดการให้มีการยุติการสืบสวนเรื่องนี้แล้ว

ระหว่างนั้น ฮเยจินสังเกตได้จากสายตาของฮีซูที่มีต่อฮาจุน เธอรู้ว่าฮีซูไม่ได้สูญเสียความทรงจำ เธอจึงเข้าไปถามฮีซูตรง ๆ “ฉันรู้ค่ะว่าคุณจำทุกอย่างได้ ฉันเห็นสายตาที่คุณมองฮาจุน มันเป็นสายตาของคนเป็นแม่ที่ห่วงใยลูกอย่างแท้จริง … บอกฉันมาเถอะค่ะว่าคุณจำได้ทุกอย่าง เพราะไม่ว่าจียองจะตายไปเพราะฝีมือใคร ฉันก็ไม่สนใจหรอกค่ะ เพียงแต่ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมคุณต้องแกล้งทำเป็นจำอะไรไม่ได้” ฮีซูจึงตอบยอมรับไปว่าเธอไม่ได้สูญเสียความทรงจำ แต่เธอมีเหตุผลบางอย่างที่ต้องทำเช่นนี้

คิมซองแทที่อยู่ที่โมนาโก เขาไม่ได้เป็นคนฆ่าจียอง เขายืนยันอย่างนั้นกับจินโฮ และด้วยความที่ไม่สบายใจ คิมซองแทจึงโทร. ไปหานักสืบแบคแล้วยืนยันว่าเขาไม่ได้เป็นคนฆ่าจียอง ซึ่งมันก็น่าจะเป็นอย่างนั้นจริง ๆ

ก่อนการสืบสวนจะถูกสั่งให้ยุติลงในเที่ยวคืนของวันนี้ เวลา 2 ชั่วโมงที่เหลือ นักสืบแบคจึงขอเข้าไปดูที่ห้องหลุมหลบภัยในคาเดนซ่าเป็นครั้งสุดท้าย ที่นั่นฮีซูกำลังนั่งหลับตาบนเก้าอี้โยกด้วยท่าทางผ่อนคลาย …

ฮีซู “ห้องนี้เป็นห้องที่คุณภาพออกซิเจนดีที่สุดค่ะ ตอนแรกที่สร้างห้องนี้ ด้วยความที่มันเป็นห้องใต้ดิน ทำให้ต้องใช้ท่อออกซิเจนที่มีขนาดใหญ่กว่าปรกติ”
นักสืบแบค “คุณมาทำอะไรที่นี่ครับ ?”
ฮีซู “ฉันบอกไปแล้วไงคะว่าฉันมาสูดออกซิเจน”
นักสืบแบค “คุณซอฮีซูครับ คุณจำทุกอย่างได้ใช่ไหมครับ ? คนในครอบครัวนี้ร่วมมือกันเพื่อพยายามทำให้ดูเหมือนว่าคุณฮันจียองฆ่าตัวตายใช่ไหมครับ ? … คุณเป็นคนฆ่าคุณฮันจียองใช่ไหมครับ ?”
ฮีซู เธอนิ่งไปสักชั่วเวลาหนึ่ง ก่อนที่จะตอบกลับไปด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้มเล็ก ๆ “ใช่แล้วค่ะ ฉันฆ่าเขาค่ะ ไม่ว่าจะคิดหรือมองยังไง ก็ดูว่ามีความเป็นไปได้มากที่ฉันเป็นคนลงมือฆ่าเขา แต่ฉันจำอะไรไม่ได้เลย ทำยังไงดีล่ะคะเมื่อมันเป็นบบนี้ !!?”
นักสิบแบค เขาได้แต่ยืนนิ่งอึ้งไปกับคำตอบ เขายืนอยู่อย่างนั้นพร้อมด้วยน้ำตาที่กำลังเอ่อล้น เหมือนดั่งว่าเขาอัดอั้นอยากจะตะโกนสบถคำหยาบออกไป ด้วยอารมณ์ที่เหมือนจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ทำอะไรไม่ได้ และด้วยอารมณ์ที่โดนการใช้คำพูดกวนประสาทของฮีซู

ในคืนนั้นเอง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าทำไม หัวหน้าคนใช้จูก็เก็บข้าวของหอบกระเป๋าเตรียมหนีออกจากคาเดนซ่า แต่ก่อนที่เธอจะเดินพ้นออกจากประตูไป ซอฮยอนได้ตะโกนเรียกเอาไว้ “จะไปไหน” !

ภาพตัดกลับมาที่ห้องหลุมหลบภัยอีกครั้ง ฮีซูยังคงนั่งอยู่ที่เก้าอี้โยกตัวเดิม เธอนั่งอยู่อย่างนั้นคนเดียว จังหวะนั้นเองเธอได้เงยหน้าไปมองรูปติดผนังรูปหนึ่ง ซึ่งเป็นรูปในอดีตของจียองขณะกำลังขี่ม้า เธอจ้องมองด้วยหางตาอยู่อย่างนั้น ผ่านไปสักพัก น้ำตาก็เริ่มค่อย ๆ ไหลรินออกมา พร้อมทั้งสีหน้าที่แสดงให้เห็นว่าภายในใจของเธอนั้นบอบช้ำและเจ็บปวดยิ่งนัก …

EP.16 ใครฆ่าปีศาจ ? (ตอนจบ)

ในวันที่จียองเสียชีวิต ซึ่งเป็นวันเดียวกับงานพิธีหมั้นระหว่างซูฮยอกกับยูยอนที่ถูกจัดขึ้นภายในคฤหาสน์ฮโยวอน ระหว่างนั้น คิมซองแทได้เดินมากระซิบบอกอะไรบางอย่างกับจียอง “คุณฮันจินโฮต้องการพบคุณที่ห้องหลุมหลบภัยในคาเดนซ่าครับ”

แต่ในเวลาเดียวกันนั้น จินโฮได้รับแจ้งข่าวทางโทรศัพท์เรื่องที่พัคจองโด (สามีของจินฮี) เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ เขาจึงรีบเดินทางไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลทันที โดยทิ้งพิธีหมั้นของลูกชายตัวเองไปอย่างหน้าตาเฉย

แท้จริงแล้ว คิมซองแทเป็นคนลวงให้จียองเข้าไปในห้องหลุมหลบภัยใต้คาเดนซ่า แล้วเขาก็ผสมสารเคมีบางอย่างจนกลายเป็นแก๊สพิษใส่ลงไปในท่อทางเดินอากาศเข้าไปในห้อง และล็อกประตูจากด้านนอกเอาไว้เพื่อหวังฆ่าให้จียองตายไปตามที่ได้รับคำสั่งจากจินโฮด้วยค่าจ้างมูลค่ามหาศาล และเพื่อชีวิตในฝันของเขาที่โมนาโก

จียองไอไม่หยุด และหายใจไม่ออกจากแก๊สพิษ !

ในเวลานั้น ฮีซูได้ส่งคลิปที่ใช้ในการพิสูจน์การกระทำความผิดเกี่ยวกับสังเวียนสุนัขให้กับจียอง พร้อมด้วยข้อความขู่ “ฉันจะส่งคลิปนี้ให้ตำรวจ” … จียองโทร. หาฮีซู แต่ก่อนที่จะอ้าปากพูดอะไรออกไป เขาก็ทรุดลงไปกองอยู่กับพื้นด้วยฤทธิ์ของแก๊สพิษ

ต่อมา จะด้วยความกลัว รู้สึกผิด หรืออะไรไม่ทราบได้ คิมซองแทจึงได้ไปเปิดประตูห้องหลุมหลบภัยแล้วลากร่างของจียองออกมา ก่อนที่เขาจะรีบวิ่งหนีไป จียองกระเสือกกระสนพาตัวเองออกมาจนถึงบริเวณทางเดินหลักของคาเดนซ่า ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ฮีซูกำลังเดินตามหาจียองด้วยความเป็นห่วง ฮีซูเอ่ยปากถาม “คุณเป็นอะไรหรือเปล่า เกิดอะไรขึ้น ?” แต่จียองกลับพุ่งปรี่เข้าไปหาฮีซูเพราะคิดว่าเธอเป็นคนทำเรื่องทั้งหมดนี้ขึ้นมา เขาเข้าไปบีบคอฮีซูด้วยความโกรธเพื่อหวังฆ่าฮีซูให้ตายคามือไปตรงนั้น “คุณจะทำลายผมเหรอ ? ทันทีที่เรื่องนี้ (สังเวียนสุนัขและการฆาตกรรม) ถูกเปิดเผยออกไป ผมจะไม่เหลืออะไรเลย ผมต้องการแค่ของของผมที่ควรได้ ของที่ผมไม่เคยมี แล้วคุณมาขวางผมทำไม !!?” ทันใดนั้นเอง ห้วหน้าแม่บ้านจูจึงคว้าเอาถึงดับเพลิงฟาดเข้าที่หัวจียองจากทางด้านหลังเพื่อหวังช่วยฮีซู ณ จุดนั้น ทำให้ทั้งสอง (จียองกับฮีซู) ตกลงไปพร้อมกัน

ฮีซูกับจียองตกลงไปพร้อมกัน แต่โชคร้ายที่หัวของจียองฟาดเข้ากับขอบปูนอย่างแรง ทำให้เขาตายคาที่ไปตรงนั้นเอง

หัวหน้าแม่บ้านจูกลัวจนสติแตก ทิ้งถังดับเพลิงล่วงลงไปที่พื้นด้านล่าง ตกอยู่ข้าง ๆ ศพจียอง ก่อนที่จะรีบวิ่งหนีไปด้วยความกลัว จากนั้นซอฮยอนเดินออกมาจากห้องสมุดก็เห็นภาพที่เกิดเหตุก็ตกใจเป็นอย่างมาก ในเวลาเดียวกันนั้นแม่ชีเอ็มม่าก็เข้ามาเห็นเหตุการณ์ก็ตกใจ แล้วแม่ชีเอ็มม่าก็วิ่งหน้าตาตื่นออกไป

ซอฮยอนพาฮีซูเดินขึ้นบันไดไป ซึ่งเป็นจังหวะที่เธอเหลือบไปเห็นถังดับเพลิงตกอยู่ข้าง ๆ ศพจียอง เธอจึงให้ฮีซูยืนรออยู่ตรงนั้น ซึ่งจังหวะเดียวกันนั้น แม่ชีเอ็มม่าก็กลับเข้ามาอีกครั้งจึงเห็นฮีซูอยู่ตรงบันได ในขณะที่ซอฮยอนก็หลบอยู่ เมื่อแม่ชีเอ็มม่าเดินออกไปอีกรอบ ซอฮยอนจึงพาฮีซูไปนั่งพักอยู่ที่ห้องสมุด และจุดนี้เองทำให้เราได้เห็นว่ามือของซอฮยอนเป็นแผลเลือดออก อันเกิดจากการที่เธอโดนมือจับถังดับเพลิงบาด ซอฮยอนพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองเอาไว้อย่างสุดฤทธิ์ เธอบอกกับฮีซูว่า “ไม่ต้องทำอะไร ขอแค่เชื่อใจฉันก็พอ” จากนั้นเธอก็กดเรียกคิมซองแทกับหัวหน้าแม่บ้านจู

แม่ชีเอ็มม่าเดินไปเจอกับคิมซองแทที่ด้านนอกคาเดนซ่า … ซอฮยอนสั่งให้คิมซองแทและหัวหน้าแม่บ้านจูจัดการเก็บกวาดสถานที่เกิดเหตุให้ดูเหมือนเป็นอุบัติเหตุการตกลงมาคนเดียวของจียอง จากนั้นก็สั่งให้โทร. ตามหมอคิม แพทย์ประจำตระกูลมาที่คาเดนซ่าโดยด่วน แล้วซอฮยอนก็พาฮีซูไปส่งโรงพยาบาล

คิมซองแทกับหัวหน้าแม่บ้านจูเถียงกันอยู่อย่างนั้นว่าใครกันแน่ที่เป็นคนฆ่าจียอง สุดท้ายหัวหน้าแม่บ้านจูก็ยอมรับออกมาเองว่าเธอเป็นคนฆ่า แล้วเธอก็เคลมว่าสร้อยบลูไดมอนด์ควรจะเป็นของเธอเพราะเธอเป็นคนฆ่าจียอง

เมื่อมาถึงตรงนี้ เราก็ได้รู้แล้วว่าทำไมหัวหน้าแม่บ้านจูถึงพยายามแอบหนี แล้วหัวหน้าแม่บ้านจูก็สารภาพกับซอฮยอนว่าเธอเป็นคนฆ่าจียองเพราะเห็นฮีซูตกอยู่ในอันตราย !

สิ่งที่ซอฮยอนพยายามปกป้องมาตลอดก็คือฮีซู เพราะเธอคิดว่าฮีซูเป็นคนลงมือฆ่าจียอง แต่ทั้งหมดเป็นเรื่องที่เธอเข้าใจผิดมาตลอด ซอฮยอนกล่าวกับหัวหน้าแม่บ้านจูว่า “ดูเหมือนว่าคุณจะรู้อะไรครอบครัวเรามากเกินไปแล้ว มากขนาดที่ว่าไม่มีวิธีอื่น นอกจากต้องให้คุณออกไป” หัวหน้าแม่บ้านจูตกลงที่จะจากไป ซอฮยอนกล่าวต่อว่า “สร้อยบลูไดมอนด์เส้นนั้น ถ้าเอามันไปด้วย คุณจะกลายเป็นฆาตกรที่ฆ่าฮันจียอง แต่ถ้าทิ้งมันไว้ที่นี่ ก็เท่ากับว่าเจตนาของคุณคือต้องการช่วยสะใภ้รองของฉัน ตัดสินใจเลือกเอานะ”

ด้านฮเยจินที่สงสัยในตัวฮีซูเรื่องที่ว่าทำไมเธอต้องแกล้งทำเป็นสูญเสียความทรงจำ จึงถามไปตรง ๆ ว่าทำไมต้องทำอย่างนั้น ? ซึ่งฮีซูก็ตอบว่า “หลังจากที่ฉันแต่งงาน ฉันแสดงบทบาทที่ไม่ใช่เป็นตัวตนที่แท้จริงของฉัน 2 ครั้ง และทั้งสองครั้งล้วนแล้วแต่ทำเพื่อฮาจุน ความจริงคือจียองพยายามฆ่าฉัน ซึ่งฉันไม่สามารถบอกตำรวจเรื่องนี้ได้ เพราะมันจะทำให้บาดแผลในใจของฮาจุนยิ่งบาดลึกมากไปกว่าเดิม ทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันทำก็เพื่อเขาเพียงคนเดียวคือฮาจุน” ฮีซูเปิดเผยความจริงกับฮเยจินอย่างหมดเปลือก

ฮเยจินได้ยินเช่นนั้นมันทำให้เธอรู้สึกทึ่งในความเป็นแม่ที่ฮีซูมีต่อฮาจุน “ความเป็นแม่นั้นยิ่งใหญ่เท่าจักรวาล คือไม่มีที่สิ้นสุด และคุณคือแม่ของฮาจุนอย่างแท้จริง” ฮเยจินพูดไปพลางน้ำตาคลอออกมาด้วยความตื้นตัน

สิ่งที่ซอฮยอนปกป้องมาตลอดก็คือฮีซู และฮีซูก็ปกป้องฮาจุนมาตลอดเช่นกัน มากพอที่จะพิสูจน์ความเป็นแม่ที่แม้แต่ฮเยจินซึ่งเป็นแม่แท้ ๆ ของฮาจุนก็ยังยอมรับ

6 เดือนต่อมา หลังจากเหตุการณ์ฆาตกรรมจียอง …

ซอฮยอนก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งประธานของฮโยวอนกรุ๊ป ส่วนฮีซูก็กลับมาเป็นนักแสดงอีกครั้ง … ใครกันนะที่จะวาดภาพความสุขในตอนนี้ของผู้หญิงสองคนนี้ได้โดยสมบูรณ์ถ้าไม่ใช่ตัวพวกเธอเอง

ฮีซูค้นพบความสุขของตัวเองแล้ว ส่วนซอฮยอนก็ทำลายกำแพงทุกสิ่งอย่างจนก้าวไปหาความสุขของตัวเธอเองเช่นกัน เธอโทร. ไปหาชเวซูจี คนรักของเธอที่อยู่ที่อเมริกา ซอฮยอนที่ใบหน้าแสดงให้เห็นออร่าของความสุขที่เปล่งประกาย “ฉันคิดถึงเธอนะ อาทิตย์หน้าฉันจะไปหาเธอ”

จบบริบูรณ์

👉 รีแคปสรุปซีรีส์ Mine (2021) ธาตุแท้
👉 เรื่องย่อซีรีส์เกาหลี Mine (2021) ธาตุแท้