Voice ซีซั่น 4 EP.2 : ควอนจูกับเดเร็กได้เผชิญหน้ากันเป็นครั้งแรกที่สถานีตำรวจเกาะบีโม ทั้งสองต่างประหลาดใจเมื่อภาพวงจรปิดเผยโฉมฆาตกรที่เหมือนกับควอนจูอยางกับแกะ !
การสืบหาแหล่งที่มาของอีเมลดำเนินไปจนได้รู้ความจริงว่า อีเมลที่ส่งมาจากเซอร์คัสแมนนั้นมาจากเกาะบีโม ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวในประเทศเกาหลี ไม่ได้มาจากประเทศจีนตามที่เข้าใจแต่แรก เพราะมีการอำพรางทำให้เจ้าหน้าที่ที่ตรวจสอบเข้าใจผิดในครั้งแรก เมื่อประกอบกับพยานที่เห็นหญิงใส่เสื้อคลุมกันฝนสีดำที่มีลักษณะคล้ายฆาตกรขึ้นรถแท็กซี่มุ่งหน้าไปสนามบิน ทำให้ควอนจูค่อนข้างมั่นใจว่าฆาตกรจะต้องหนีโดยอาศัยเที่ยวบินไปเกาะบีโมอย่างแน่นอน
กำลังตำรวจไปตรวจสอบผู้โดยสารที่ขึ้นเที่ยวบินไปเกาะบีโม แต่ก็ไม่พบว่ามีผู้โดยสารคนไหนมีลักษณะคล้ายคนร้ายเลย แต่อย่างไรก็ตาม หนึ่งในลูกน้องของเดเร็กโจพบเสื้อคลุมฝนสีดำที่มีลักษณะตรงกับของฆาตกรอยู่ในถังขยะ มันจึงมีความเป็นไปได้มากที่ฆาตกรจะเดินทางไปเกาะบีโมตามที่ควอนจูสันนิษฐานเอาไว้ เพราะเสื้อมีรอยเปื้อนกรดไฮโดรคลอริกที่ใช้วางเป็นกับดักเพื่อฆ่าเดเร็กโจ เมื่อเป็นเช่นนั้นเขาจึงโทร. ไปขออำนาจการร่วมสืบสวนคดีกับตำรวจเกาหลีจากเจ้านายอเมริกัน แล้วเขาและลูกน้องก็เดินทางไปเกาะบีโมทันที
ด้านควอนจูก็เดินทางไปเกาะบีโมเพื่อไขคดีฆาตกรปริศนานี้ต่อไปเช่นกัน เมื่อถึงสถานีตำรวจบีโม เธอใช้เส้นสายเพื่อเข้ารับตำแหน่ง ผอ. ศูนย์ ณ จุดนี้เองที่ควอนจูและเดเร็กโจได้เผชิญหน้ากันเป็นครั้งแรก …
ควอนจูแสดงความเสียใจเรื่องน้องสาวของเดเร็กที่เสียชีวิตไป และพยายามอธิบายเรื่องความสามารถพิเศษทางการได้ยินของคนร้ายที่เหมือนกับเธอ แต่ดูเหมือนว่าตำรวจหนุ่มสัญชาติอเมริกันไม่อยากคุยกับเธอ และเขาไม่ต้องการให้เธอมายุ่งเกี่ยวกับการสืบสวนคดีนี้อีก ทันใดนั้นเองเรื่องที่ไม่มีใครคาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อเจ้าหน้าที่ที่ทำการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดจนได้ภาพฆาตกร เมื่อเดเร็กโจดูภาพที่ส่งเขาถึงกับตกตะลึง เพราะหน้าฆาตกรเหมือนกับควอนจูอย่างกับแกะ !
ความโกรธเข้าครอบงำเดเร็กโจ เขาคว้าปืนพกขึ้นมาแล้วเล็งไปที่หัวของควอนจูทันที ควอนจูแม้จะตกใจไม่น้อยแต่เธอก็พยายามควบคุมสติเอาไว้ เธอพยายามอธิบายด้วยน้ำเสียงที่นิ่มนวลและมั่นใจว่า ฆาตกรคนนั้นไม่ใช่เธอเพราะตอนนั้นเธออยู่ที่สถานีตำรวจ ซึ่งมีทั้งภาพกล้องวงจรปิดและพยานบุคคลยืนยันเป็นจำนวนมาก แต่ไม่ว่าจะพูดยังไงเดเร็กโจก็ไม่เชื่อ …
ในขณะที่สถานการณ์กำลังตึงเครียด จังหวะเดียวกันนั้นเอง เดเร็กโจได้รับโทรศัพท์แจ้งจากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบวิดีโอจากกล้องวงจรปิดว่า พบความผิดปรกติที่บริเวณใบหน้าของผู้ต้องสงสัย โดยตรงจมูกมีการขยับไม่เป็นไปตามธรรมชาติ ทำให้เชื่อได้ว่าผู้ต้องสงสัยทำการปลอมแปลงใบหน้าโดยใช้ซิลิโคนหรืออะไรทำนองนั้น เมื่อความจริงกลายเป็นเช่นนั้น ทำให้เดเร็กโจและลูกน้องลดอาวุธปืนลง
เมื่อบรรยากาศเริ่มคลี่คลาย ควอนจูจึงอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้น รวมถึงความสามารถพิเศษของคนร้ายให้เดเร็กโจฟัง สุดท้ายเขาจึงยอมเชื่อและขอให้เธอทำงานตามสืบหาตัวฆาตกรรมร่วมกับเขา เพราะเขาเชื่อว่าฆาตกรจะต้องติดต่อเธอมาอีก
อย่างไรก็ตาม แชดลี ซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิทของเดเร็กโจได้เตือนให้ระวังตัว เพราะมีข่าวลือหนาหูว่าควอนจูคือ “พาร์ตเนอร์คิลเลอร์” แม้ว่าเธอจะมีผลงานจับฆาตกรต่อเนื่องได้ถึงสามคนในอดีตก็ตาม
ในทางตรงกันข้าม ควอนจูเองก็สงสัยในตัวเดเร็กโจไม่น้อยว่าแท้จริงแล้ว เขามีอะไรบางอย่างที่ปิดบังเอาไว้ … เดิมที่เดเร็กโจมีชื่อเกาหลีว่า โจซึงโฮ ซึ่งเขาได้ถูกครอบครัวตำรวจชาวอเมริกันรับไปอุปการะพร้อมกับน้องสาวตั้งแต่อายุ 12 ปี เขามีทักษะด้านการแพทย์และการต่อสู้เป็นเลิศ และก็ให้บังเอิญว่าบ้านเกิดของเขาก็อยู่ที่เกาะบีโมนี้ด้วย
ณ ป่าโมชิมบนเกาะบีโม … อีฮาอึนและจางเยซุกตั้งแคมป์ด้วยกัน กลางดึกคืนนั้น จางเยซุกได้หายตัวไปโดยทิ้งเสื้อคลุมและรอยเลือดเอาไว้ อีฮาอึนจึงโทร. แจ้งตำรวจทันทีด้วยความตกใจ
ควอนจูและทีมโกลเดนไทม์ออกปฏิบัติหน้าที่ทันที ซึ่งเมื่อตรวจสอบก็พบว่า จางเยซุกคือผู้โดยสารในเที่ยวบินเดียวกับเที่ยวบินที่ควอนจูสงสัยว่าเซอร์คัสแมนใช้หลบหนีในคืนวันก่อเหตุ
เดเร็กโจลงพื้นที่พร้อมด้วยทีมโกลเดนไทม์จนไปพบร่องรอยของสัตว์ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นฝูงสุนัขจรจัดที่ถูกทิ้งเอาไว้ และยังพบว่าบางส่วนยังเป็นร่องรอยที่เกิดจากฝีมือมนุษย์โรคจิต ที่เชื่อว่าตัวเองเป็นมนุษย์หมาป่า
ในเวลาเดียวกันนั้น จางเยซุกวิ่งหนีกลุ่มสุนัขจรจัดไปหลบอยู่ในหลุมกลางป่า จากนั้นเธอก็วิ่งไปเรื่อย ๆ จนไปพบเข้ากับบ้านหลังหนึ่งที่อยู่กลางป่า และพบชายคนหนี่งที่ผมเผ้ารุงรังกำลังนั่งต้มอะไรบางอย่างอยู่ในหม้อด้านนอกบ้าน เธอจึงขอความช่วยเหลือ และเขาก็ได้ให้เธอไปหลบอยู่ภายในบ้าน
จางเยซุกเข้ามาหลบอยู่ภายในบ้าน แต่สภาพภายในบ้านกลับทำให้เธอหลอนยิ่งกว่า เพราะมันเป็นบ้านที่เหมือนไม่มีคนอยู่และถูกปล่อยทิ้งร้างเอาไว้มานาน และเธอก็พบว่าตัวเองถูกข้างเอาไว้อยู่ด้านใน ในขณะที่เมื่อเธอมองลอดผ่านหน้าต่างออกไป ก็เห็นชายคนนั้นกำลังลูบหัวและเลี้ยงดูฝูงสุนัขจรจัดเหล่านั้น !!!
ชายสภาพผมเผ้ารุงรังไม่ต่างอะไรจากคนจรจัดคนนั้นเดินมุ่งตรงเข้ามาเธอภายในบ้าน จางเยซุกกลัวหนักมากขนาดร้องอ้อนวอนขอชีวิตทั้งน้ำตา เธอพยายามขอร้องว่าเธอมาที่นี่เพื่อตามหาลูกชาย อย่างน้อยขอเธอได้พบหน้าลูกชายสักครั้งก่อนแล้วจากนั้นจะตายก็ไม่เสียดายชีวิต แต่ไม่ทันสิ้นเสียง ชายจรจัดคนนั้นก็แสดงท่าทางเหมือนหมาป่า แล้วกระโจนใส่เธอ !!!
- ดู Voice ซีซั่น 4 EP.2 ที่ Viu >>> คลิกที่นี่
Photos: ภาพหน้าจอจาก tvN Korea