Skip to content
สรุปเนื้อเรื่องซีรีส์ Voice 4 (2021) ล่าเสียงมรณะ 4

สรุปเนื้อเรื่องซีรีส์ Voice 4 (2021) ล่าเสียงมรณะ 4

Voice 4 : การไล่ล่าฆาตกรต่อเนื่องนาม “เซอร์คัสแมน” บนเกาะบีโม สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดในเกาหลีของควอนจูและทีมโกลเดนไทม์ …

EP.1 เซอร์คัสแมน

ซีรีส์เริ่มต้นด้วยการทวนความทรงจำจากเมื่อซีซั่นที่แล้ว ในปี 2019 คังควอนจู (รับบทโดย อีฮานา) และทีมโกลเดนไทม์ต้องเจอกับเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย แต่ที่สำคัญที่สุดคือการสืบสวนสอบสวนจนไปเจอแก๊งอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่น่ากลัว ที่เรียกว่าเว็บประมูลฟาเบร ซึ่งเจ้าของคือ คาเนกิ มาซายูกิ

ทีนี้หัวหน้าโดรู้แล้วว่าตัวตนที่แท้จริงของคาเนกิก็คืออูจงอู ซึ่งเป็นพี่ชายของเขา หัวหน้าโดร่วมมือกับพี่ชายฆ่าผู้ชายที่คิดว่าเป็นพ่อ และเพื่อชดใช้ความผิดที่ตัวเองได้ก่อขึ้น หัวหน้าโดจึงไปหาคาเนกิ เมื่อควอนจูตามเขาไปจึงทำให้โดนคาเนกิจับเป็นตัวประกัน เพื่อใช้เธอปลุกสัญชาตญาณนักฆ่าของหัวหน้าโดขึ้นมา สุดท้ายหัวหน้าโดได้ฆ่าคาเนกิ และหัวหน้าโดก็โดนหน่วยสวาทยิงตาย

ควอนจูก็ได้รู้ความจริงว่าหัวหน้าโดวางแผนจบชีวิตตัวเอง และเขาต้องการให้ทุกคนมองเขาเป็นปีศาจร้ายเพื่อที่ทุกคนจะได้ไม่รู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ควอนจูต้องทนอยู่กับความเจ็บปวดหลังจากนั้นพักใหญ่

24 ธันวาคม 2020 23.50 น. ณ หมู่บ้านวอลด็อก เมืองยังยอง …

ในขณะที่ผู้คนทั่วทั้งประเทศกำลังเฉลิมฉลองกันในเทศกาลคริสต์มาส แต่บ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้านวอลด็อก ผู้เป็นหลานชายได้จับปู่กับย่าของเขามัดเอาไว้ด้วยไฟสีที่ใช้ประดับในเทศกาลคริสต์มาส ย่าร้องไห้ออกมาไม่หยุดพร้อมกับออกปากถามหลายชายว่าทำไมต้องทำแบบนี้ “แกทำแบบนี้ทำไม เพราะปู่กับย่าไม่ซื้อโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ให้แกใช่มั้ย ?”

หลานชายวัยรุ่นที่กำลังสติแตก อันเกิดจากความรู้สึกย่ำแย่กับชีวิตห่วยแตกของตัวเองได้แหกปากตอบปู่กับย่าไปว่า “ทำไมต้องให้ผมมาใช้ชีวิตอยู่ในบ้านห่วยแตกหลังนี้ด้วย” จากนั้นเขาก็ถ่ายรูปปู่กับย่าของเขาแล้วส่งไปให้ฆาตกรสาวเจ้าของฉายา “เซอร์คัสแมน”

ผ่านไปไม่นานนัก เซอร์คัสแมนก็ปรากฏตัวขึ้น จากนั้นก็ลงมือฆ่าพวกเขายกครัวอย่างโหดเหี้ยมและเลือดเย็น ทั้งหมดเป็นไปเพื่อจัดฉากว่าหลานชายเป็นคนลงมือฆ่าปู่ย่าของตัวเอง !

วันเวลาผ่านไป 3 เดือนหลังเหตุฆาตกรรมฆ่ายกครัวที่หมู่บ้านวอลด็อก …

ควอนจูได้รับอีเมลที่มีเนื้อหาแปลกประหลาดจากเซอร์คัสแมน ซึ่งอ้างว่าตัวเองเป็นฆาตกรต่อที่เป็นคนลงมือฆ่ายกครัวที่หมู่บ้านวอลด็อก และระบุว่าพวกเธอทั้งสอง (ควอนจูกับเซอร์คัสแมน) เป็นฝาแฝดกัน ที่สำคัญยังมีความสามารถในการได้ยินที่พิเศษเหมือนกันอีกด้วย “เราเป็นแฝดกัน ฉันใช้หูเพื่อฆ่าคน แต่คุณใช้หูเพื่อช่วยคน” อย่างไรก็ตาม ควอนจูไม่เชื่อว่าข้อความในอีเมลดังกล่าวเป็นความจริง แถมเมื่อทำการตรวจสอบ IP ของอีเมล ยังปรากฏว่ามาจากประเทศจีนโดยใช้ผ่าน VPN ซึ่งเป็นวิธีที่พวกวอยซ์ฟิชชิ่ง (Voice Phishing) นิยมใช้กัน

เรื่องราวดำเนินไป กระทั่งควอนจูได้รับอีเมลจากเซอร์คัสแมนอีก มันยิ่งทำให้เธอสงสัยหนักเข้าไปอีกเพราะในอีเมลระบุคำใบ้ก่อนที่จะเกิดเหตุฆาตกรรมฆ่ายกครัว ควอนจูจึงสั่งให้ลูกน้องหาข้อมูลเหตุการณ์ฆาตกรรมฆ่ายกครัวที่หมู่บ้านวอลด็อก ปรากฏว่าหลานชายได้พูดกับตำรวจก่อนตายว่า เซอร์คัสแมนเป็นผู้หญิงและเธอสามารถได้ยินเสียงที่ไม่มีใครได้ยิน … ควอนจูเริ่มหวั่นใจ

ต่อมา ควอนจูได้รับอีเมลบอกใบ้เหตุการณ์ฆาตกรรมครั้งต่อไปจากเซอร์คัสแมน ซึ่งครั้งนี้แนบเป็นไฟล์เสียงมา เมื่อควอนจูเปิดฟังก็รู้ได้ในทันทีว่าเซอร์คัสแมนมีความสามารถทางการได้ยินเช่นเดียวกับเธอ เพราะไฟล์เสียงที่แนบมามีแต่เธอเท่านั้นที่สามารถได้ยิน

ควอนจูพยายามแก้ปริศนาคำใบ้ที่เซอร์คัสแมนส่งมาให้ จนได้รู้ว่าจะเกิดเหตุฆาตกรรมที่ห้องเลขที่ 206 ในย่านซังแก ของกรุงโซล

ในเวลาเดียวกันนั้น เดเร็กโจ (รับบทโดย ซงซึงฮอน) หัวหน้าตำรวจสายสืบ LAPD เดินทางมาเกาหลีเพื่อจับหัวหน้าแก๊งค้ายาเสพติดที่หนีมาจากสหรัฐอเมริกา โดยการมาเกาหลีครั้งนี้ เขาได้พาลิซ่าโจ น้องสาวที่เป็นใบ้มาด้วย ซึ่งภารกิจของเดเร็กโจดำเนินไปได้ด้วยดี

ลิซ่าถือโอกาสที่เดินทางมาเกาหลีออกตามหาพ่อที่ย่านซังแก แล้วเรื่องราวก็นำพาให้เธอบังเอิญไปเห็นเหตุการณ์ฆาตกรรมฆ่ายกครัวที่ห้องหมายเลข 206 !!! ลิซ่าตกใจมาก แต่เธอพยายามควบคุมสติเอาไว้แล้ววิ่งไปแอบที่ห้องหมายเลข 205 ซึ่งเป็นห้องร้าง จากนั้นก็รีบส่งข้อความแจ้งตำรวจทันที ในขณะที่เซอร์คัสแมนใช้ความสามารถทางการได้ยินเสียงตามหาลิซ่าจนเจอ

เมื่อตำรวจได้รับแจ้งเหตุจากลิซ่า จึงมีการแจ้งเหตุผ่านวิทยุตำรวจ เมื่อเดเร็กโจรู้ว่าน้องสาวตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตรายจึงรีบตามไปยังสถานที่เกิดเหตุทันที แต่ทว่าทุกอย่างเหมือนจะสายไปเสียแล้ว เมื่อตำรวจช่วยกันค้นหาจนทั่วก็ไม่พบลิซ่าอยู่ที่นั่น

ด้านควอนจูเมื่อได้รับแจ้งเหตุฆาตกรรมที่ย่านซังแก ซึ่งตรงตามที่อีเมลจากเซอร์คัสแมนบอกใบ้เอาไว้ เธอจึงรีบโทร. ไปหาเจ้าหน้าที่ที่ดูแลคดีนี้ จนเธอได้คุยกับเดเร็กโจ แล้วการตามหาตัวลิซ่าผ่านทางสายโทรศัพท์จึงได้เริ่มต้นขึ้น

ควอนจูบอกกับเดเร็กโจว่า “ฆาตกรรายนี้เป็นผู้หญิงมีฉายาว่าเซอร์คัสแมน มันจะลงมือก่อเหตุในวันที่ 25 ทุก ๆ สามเดือน … มันเป็นเรื่องที่อธิบายได้ยาก แต่ขอให้คุณเชื่อใจฉันและทำตามที่บอก”

ควอนจูฟังเสียงผ่านทางสายโทรศัพท์ของเดเร็กโจ ในขณะที่เขาก็ออกตามหาลิซ่าไปทั่วทั้งบริเวณโดยได้รับการแนะนำเส้นทางจากควอนจู ตอนนั้นเองเสียงจากตุ๊กตาขอความช่วยเหลือของลิซ่าก็ดังขึ้น มันเป็นตุ๊กตาที่เดเร็กซื้อให้ลิซ่าพกติดตัวไว้เพื่อกดขอความช่วยเหลือในยามคับขัน เดเร็กเดินไปตามทางที่ควอนจูบอกจนได้พบตุ๊กตาขอความช่วยเหลือนั้นอยู่บนรถคันหนึ่ง แต่ไม่พบลิซ่า !!?

ควอนจูเริ่มเอะใจ เพราะเหมือนกับว่าเซอร์คัสแมนรู้ว่าเธอกำลังเป็นแบ๊กอัปให้เดเร็กโจ และนี่ก็เหมือนเป็นกับดักที่ล่อให้เธอพาเดเร็กโจมาติดกับ … ควอนจูได้ยินเสียงบางอย่าง เธอกำลังคิดว่ามันคือเสียงอะไร มันคือเสียงแก๊สรั่ว ! ควอนจูตะโกนบอกเดเร็กโจให้รีบหนีออกทันทีเพราะรถคันนั้นกำลังจะระเบิด เพียงไม่กี่อึดใจจากนั้น เสียงระเบิดก็ดังกึกก้องพร้อมกับเปลวไฟที่พวยพุ่งไปทั่วทั้งบริเวณ

เดเร็กโจรอดตายไปได้อย่างฉิวเฉียด แต่คนที่ไม่รอดคือลิซ่า ซึ่งถูกพบเป็นศพอยู่ไม่ห่างไกลจากบริเวณนั้น

เซอร์คัสแมนภายใต้ชุดเสื้อฮูดสีดำยิ้มที่มุมปากแล้วเอ่ยออกมาว่า “การได้ตายอย่างพร้อมหน้ากับครอบครัวเป็นสิ่งที่น่ายินดีไม่ใช่เหรอ” จากนั้นเธอก็ค่อย ๆ ดึงฮูดลงเพื่อเผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเธอ ใบหน้าที่ผ่านการแต่งหน้าด้วยรองพื้นมาอย่างหนาเตอะ และริมฝีปากที่ผ่านการทาด้วยลิปสีแดงเบอร์แรงสุด แต่นอกจากการแต่งหน้าแล้ว รูปร่างหน้าตาของเธอเหมือนกับควอนจูราวกับแกะ หรือเซอร์คัสแมนกับควอนจูจะเป็นฝาแฝดกันจริง ๆ ?

EP.2 ฝูงสุนัขในแดนนรก

การสืบหาแหล่งที่มาของอีเมลดำเนินไปจนได้รู้ความจริงว่า อีเมลที่ส่งมาจากเซอร์คัสแมนนั้นมาจากเกาะบีโม ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวในประเทศเกาหลี ไม่ได้มาจากประเทศจีนตามที่เข้าใจแต่แรก เพราะมีการอำพรางทำให้เจ้าหน้าที่ที่ตรวจสอบเข้าใจผิดในครั้งแรก เมื่อประกอบกับพยานที่เห็นหญิงใส่เสื้อคลุมกันฝนสีดำที่มีลักษณะคล้ายฆาตกรขึ้นรถแท็กซี่มุ่งหน้าไปสนามบิน ทำให้ควอนจูค่อนข้างมั่นใจว่าฆาตกรจะต้องหนีโดยอาศัยเที่ยวบินไปเกาะบีโมอย่างแน่นอน

กำลังตำรวจไปตรวจสอบผู้โดยสารที่ขึ้นเที่ยวบินไปเกาะบีโม แต่ก็ไม่พบว่ามีผู้โดยสารคนไหนมีลักษณะคล้ายคนร้ายเลย แต่อย่างไรก็ตาม หนึ่งในลูกน้องของเดเร็กโจพบเสื้อคลุมฝนสีดำที่มีลักษณะตรงกับของฆาตกรอยู่ในถังขยะ มันจึงมีความเป็นไปได้มากที่ฆาตกรจะเดินทางไปเกาะบีโมตามที่ควอนจูสันนิษฐานเอาไว้ เพราะเสื้อมีรอยเปื้อนกรดไฮโดรคลอริกที่ใช้วางเป็นกับดักเพื่อฆ่าเดเร็กโจ เมื่อเป็นเช่นนั้นเขาจึงโทร. ไปขออำนาจการร่วมสืบสวนคดีกับตำรวจเกาหลีจากเจ้านายอเมริกัน แล้วเขาและลูกน้องก็เดินทางไปเกาะบีโมทันที

ด้านควอนจูก็เดินทางไปเกาะบีโมเพื่อไขคดีฆาตกรปริศนานี้ต่อไปเช่นกัน เมื่อถึงสถานีตำรวจบีโม เธอใช้เส้นสายเพื่อเข้ารับตำแหน่ง ผอ. ศูนย์ ณ จุดนี้เองที่ควอนจูและเดเร็กโจได้เผชิญหน้ากันเป็นครั้งแรก …

ควอนจูแสดงความเสียใจเรื่องน้องสาวของเดเร็กที่เสียชีวิตไป และพยายามอธิบายเรื่องความสามารถพิเศษทางการได้ยินของคนร้ายที่เหมือนกับเธอ แต่ดูเหมือนว่าตำรวจหนุ่มสัญชาติอเมริกันไม่อยากคุยกับเธอ และเขาไม่ต้องการให้เธอมายุ่งเกี่ยวกับการสืบสวนคดีนี้อีก ทันใดนั้นเองเรื่องที่ไม่มีใครคาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อเจ้าหน้าที่ที่ทำการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดจนได้ภาพฆาตกร เมื่อเดเร็กโจดูภาพที่ส่งเขาถึงกับตกตะลึง เพราะหน้าฆาตกรเหมือนกับควอนจูอย่างกับแกะ !

ความโกรธเข้าครอบงำเดเร็กโจ เขาคว้าปืนพกขึ้นมาแล้วเล็งไปที่หัวของควอนจูทันที ควอนจูแม้จะตกใจไม่น้อยแต่เธอก็พยายามควบคุมสติเอาไว้ เธอพยายามอธิบายด้วยน้ำเสียงที่นิ่มนวลและมั่นใจว่า ฆาตกรคนนั้นไม่ใช่เธอเพราะตอนนั้นเธออยู่ที่สถานีตำรวจ ซึ่งมีทั้งภาพกล้องวงจรปิดและพยานบุคคลยืนยันเป็นจำนวนมาก แต่ไม่ว่าจะพูดยังไงเดเร็กโจก็ไม่เชื่อ …

ในขณะที่สถานการณ์กำลังตึงเครียด จังหวะเดียวกันนั้นเอง เดเร็กโจได้รับโทรศัพท์แจ้งจากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบวิดีโอจากกล้องวงจรปิดว่า พบความผิดปรกติที่บริเวณใบหน้าของผู้ต้องสงสัย โดยตรงจมูกมีการขยับไม่เป็นไปตามธรรมชาติ ทำให้เชื่อได้ว่าผู้ต้องสงสัยทำการปลอมแปลงใบหน้าโดยใช้ซิลิโคนหรืออะไรทำนองนั้น เมื่อความจริงกลายเป็นเช่นนั้น ทำให้เดเร็กโจและลูกน้องลดอาวุธปืนลง

เมื่อบรรยากาศเริ่มคลี่คลาย ควอนจูจึงอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้น รวมถึงความสามารถพิเศษของคนร้ายให้เดเร็กโจฟัง สุดท้ายเขาจึงยอมเชื่อและขอให้เธอทำงานตามสืบหาตัวฆาตกรรมร่วมกับเขา เพราะเขาเชื่อว่าฆาตกรจะต้องติดต่อเธอมาอีก

อย่างไรก็ตาม แชดลี ซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิทของเดเร็กโจได้เตือนให้ระวังตัว เพราะมีข่าวลือหนาหูว่าควอนจูคือ “พาร์ตเนอร์คิลเลอร์” แม้ว่าเธอจะมีผลงานจับฆาตกรต่อเนื่องได้ถึงสามคนในอดีตก็ตาม

ในทางตรงกันข้าม ควอนจูเองก็สงสัยในตัวเดเร็กโจไม่น้อยว่าแท้จริงแล้ว เขามีอะไรบางอย่างที่ปิดบังเอาไว้ … เดิมที่เดเร็กโจมีชื่อเกาหลีว่า โจซึงโฮ ซึ่งเขาได้ถูกครอบครัวตำรวจชาวอเมริกันรับไปอุปการะพร้อมกับน้องสาวตั้งแต่อายุ 12 ปี เขามีทักษะด้านการแพทย์และการต่อสู้เป็นเลิศ และก็ให้บังเอิญว่าบ้านเกิดของเขาก็อยู่ที่เกาะบีโมนี้ด้วย

ณ ป่าโมชิมบนเกาะบีโม … อีฮาอึนและจางเยซุกตั้งแคมป์ด้วยกัน กลางดึกคืนนั้น จางเยซุกได้หายตัวไปโดยทิ้งเสื้อคลุมและรอยเลือดเอาไว้ อีฮาอึนจึงโทร. แจ้งตำรวจทันทีด้วยความตกใจ

ควอนจูและทีมโกลเดนไทม์ออกปฏิบัติหน้าที่ทันที ซึ่งเมื่อตรวจสอบก็พบว่า จางเยซุกคือผู้โดยสารในเที่ยวบินเดียวกับเที่ยวบินที่ควอนจูสงสัยว่าเซอร์คัสแมนใช้หลบหนีในคืนวันก่อเหตุ

เดเร็กโจลงพื้นที่พร้อมด้วยทีมโกลเดนไทม์จนไปพบร่องรอยของสัตว์ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นฝูงสุนัขจรจัดที่ถูกทิ้งเอาไว้ และยังพบว่าบางส่วนยังเป็นร่องรอยที่เกิดจากฝีมือมนุษย์โรคจิต ที่เชื่อว่าตัวเองเป็นมนุษย์หมาป่า

ในเวลาเดียวกันนั้น จางเยซุกวิ่งหนีกลุ่มสุนัขจรจัดไปหลบอยู่ในหลุมกลางป่า จากนั้นเธอก็วิ่งไปเรื่อย ๆ จนไปพบเข้ากับบ้านหลังหนึ่งที่อยู่กลางป่า และพบชายคนหนี่งที่ผมเผ้ารุงรังกำลังนั่งต้มอะไรบางอย่างอยู่ในหม้อด้านนอกบ้าน เธอจึงขอความช่วยเหลือ และเขาก็ได้ให้เธอไปหลบอยู่ภายในบ้าน

จางเยซุกเข้ามาหลบอยู่ภายในบ้าน แต่สภาพภายในบ้านกลับทำให้เธอหลอนยิ่งกว่า เพราะมันเป็นบ้านที่เหมือนไม่มีคนอยู่และถูกปล่อยทิ้งร้างเอาไว้มานาน และเธอก็พบว่าตัวเองถูกข้างเอาไว้อยู่ด้านใน ในขณะที่เมื่อเธอมองลอดผ่านหน้าต่างออกไป ก็เห็นชายคนนั้นกำลังลูบหัวและเลี้ยงดูฝูงสุนัขจรจัดเหล่านั้น !!!

ชายสภาพผมเผ้ารุงรังไม่ต่างอะไรจากคนจรจัดคนนั้นเดินมุ่งตรงเข้ามาเธอภายในบ้าน จางเยซุกกลัวหนักมากขนาดร้องอ้อนวอนขอชีวิตทั้งน้ำตา เธอพยายามขอร้องว่าเธอมาที่นี่เพื่อตามหาลูกชาย อย่างน้อยขอเธอได้พบหน้าลูกชายสักครั้งก่อนแล้วจากนั้นจะตายก็ไม่เสียดายชีวิต แต่ไม่ทันสิ้นเสียง ชายจรจัดคนนั้นก็แสดงท่าทางเหมือนหมาป่า แล้วกระโจนใส่เธอ !!!

EP.3 มนุษย์หมาป่า

เดเร็กโจและทีมโกลเดนไทม์พบกล้องและลำโพงซ่อนอยู่ที่ต้นไม้บริเวณศาลเจ้า ซึ่งเป็นของคัมแท็งที่เป็นยูทูบเบอร์สายเล่าเรื่องผีบนเกาะบีโม และยังเคยเล่าเรื่องสุนัขแดนนรก อีกทั้งยังให้คำปรึกษาสำหรับผู้ที่อยากพบคนที่ตายไปแล้วอีกด้วย

พัคอึนซูจึงบอกข้อสันนิษฐานของเธอกับควอนจูว่า จางเยซุกอาจดูรายการของคัมแท็ง ทำให้เธอมีความคิดว่าคัมแท็งสามารถทำให้เธอพบลูกชายได้ … คัมแท็งมีชื่อจริงว่าพัคจองบอม มีประวัติอาชญากรรมยาวเหยียดและการรับเงินโอนจากจางเยซุกอีกด้วย จึงเป็นหลักฐานสำคัญที่สนับสนุนข้อสันนิษฐานนี้ได้เป็นอย่างดี

จากนั้น ตำรวจจึงลงพื้นที่เพื่อออกตามหาคัมแท็งที่แคมป์ในป่า ใช้เวลาไม่นานนักก็พบตัว คัมแท็งให้การว่าเขาไม่มีส่วนรู้เห็นเรื่องการหายตัวไปของจางเยซุก ที่ทำไปทั้งหมดก็เป็นเพียงแต่ต้องการช่วยทางด้านจิตใจเท่านั้น คัมแท็งเล่าถึงสิ่งที่เขาเคยเห็นชายคนนั้นที่คิดว่าตัวเองเป็นสุนัข (มนุษย์หมาป่า) ซึ่งเป็นคนที่มีความสามารถผิวปากเพื่อควบคุมฝูงสุนัขได้ เดเร็กโจเชื่อว่าชายคนนั้นมีโอกาสเป็นผู้ต้องสงสัยมากที่สุด

แต่ในระหว่างนั้นเอง จางเยซุกที่ถูกขังอยู่ในกรงสุนัข เธอได้โทร. ตำรวจเพื่อขอความช่วยเหลือ โดยเธอระบุได้แต่เพียงว่าที่นั่นคล้ายกับที่เก็บของและมีตู้แช่แข็ง สุนัขพันธุ์ดุหลายตัวที่รุมกัดเธอก็ถูกขังอยู่ในกรงเช่นเดียวกัน ควอนจูจึงแนะนำจางเยซุกว่าอย่าทำอะไรที่เป็นการยั่วยุ และบอกให้จางเยซุกถือสายเอาไว้ …

เมื่อชายมนุษย์หมาป่ากลับมา จางเยซุกจึงขอร้องเขาให้ปล่อยตัวเธอไป แต่เขากลับบอกว่าสิ่งที่เขาทำไปนี้เป็นการทำตามคำสั่งของใครบางคน และเมื่อเขาทำสำเร็จก็จะได้พบเจ้าสาว ณ จุดนี้ ทำให้ควอนจูคิดว่าเรื่องนี้ต้องมีผู้ร่วมขบวนการมากกว่าหนึ่งคนอย่างแน่นอน

ด้วยความพยายาม ในที่สุดจางเยซุกก็ใช้ไม้เกี่ยวพวงกุญแจที่แขวนอยู่และหนีออกจากกรงได้สำเร็จ ซึ่งควอนจูที่อยู่ในสายโทรศัพท์ก็บอกให้จางเยซุกหนีเข้าป่าไปทันที เมื่อชายมนุษย์หมาป่ารู้ว่าจางเยซุกหนีออกไปได้ เขาจึงผิวปากให้สุนัขออกตามล่า ในจังหวะเดียวกันนั้น ควอนจูจึงสั่งให้ตำรวจรีบตามไปช่วยจางเยซุก แต่ดูเหมือนว่ามันจะสายไปเสียแล้ว จางเยซุกถูกทำร้ายและขาดการติดต่อกับควอนจูไปนับแต่นั้น

ชายมนุษย์หมาป่ามีชื่อจริงว่ากูอับจิน อายุ 43 ปี เคยทำงานในฟาร์มม้าและถูกไล่ออกเพราะวัน ๆ ไม่ทำอะไรเอาแต่คิดว่าตัวเองเป็นสุนัข เมื่อย้อนไปดูประวัติของเขาในวัยเด็กก็ทำให้เข้าใจได้ว่าทำไมเขาถึงกลายเป็นแบบนี้ เขาถูกทารุณกรรมอย่างรุนแรงและถูกเลี้ยงในกรงสุนัขมาตั้งแต่เด็ก จึงเป็นเหตุให้เขาคิดว่าตัวเองเป็นสุนัข

ต่อมา เดเร็กโจและทีมได้จับกุมตัวกูอับจินได้สำเร็จ และก็สามารถช่วยจางเยซุกเอาไว้ได้สำเร็จ

เดเร็กโจถามคำถามกับจางเยซุกเรื่องเซอร์คัสแมน เพราะเขาเชื่อว่าทั้งสองเดินทางมาที่นี่โดยเที่ยวบินเดียวกัน แต่จางเยซุกบอกว่าเธอไม่เห็นอะไร … ในอีกทางหนึ่ง แชดลีรายงานว่ากงซูจี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้โดยสารบนเที่ยวเดียวกันนั้นเข้ารับการผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลันหลังจากลงจากเครื่อง

เดเร็กโจและควอนจูรีบมุ่งหน้าไปที่โรงพยาบาลทันทีเมื่อรู้ว่าเธอหายตัวไป ขณะที่นิค (ลูกน้องของเดเร็กโจ) ไปเข้าห้องน้ำ ในกลางดึกคืนนั้นเอง เซอร์คัสแมนและชายร่างแคระก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับขวานในมือได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลแห่งนั้น ขณะที่กงซูจีกำลังยืนอยู่ที่หน้าลิฟต์

EP.4 เซอร์คัส ปิเอโรต์

นิคจับกงซูจีได้ที่ลานจอดรถขณะที่เธอกำลังจะหลบหนี โดยตั้งข้อหาเธอว่าเป็นผู้ต้องสงสัยในการฆาตกรรมลิซ่าโจ (ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าจับและควบคุมตัวเธอได้ยังไงเพราะไม่มีหมายจับ) ต่อมาเธอจึงใช้เรื่องการจับกุมโดยไม่มีหมายจับบ่ายเบี่ยงที่จะตอบคำถามใด ๆ

เมื่อไปถึงโรงพยาบาล ควอนจูเกิดหลอนขึ้นมา หูแว่วว่าหัวหน้าโดเรียก เธอจึงออกวิ่งตามหาเสียงนั้นไปซึ่งแน่นอนว่าไม่พบใคร เธอพยายามเตือนสติตัวเองว่าหัวหน้าโดตายไปแล้ว แต่จังหวะนั้นเธอก็ได้ยินเสียงกรีดร้องในหัวอีกครั้ง พร้อมกับภาพในวัยเด็กของตัวเองที่กำลังวิ่งหนีอะไรบางอย่างด้วยความหวาดกลัว แล้วก็มีเสียงของใครบางคนบอกว่าเธอไม่อาจแยกร่างออกจากเขาไปได้เพราะว่าเขาและเธอต่างเป็นครอบครัวเดียวกันที่เกิดมาจากคนคนเดียวกัน !?

เมื่อตั้งสติได้ ควอนจูจึงวิ่งตามเดเร็กไปที่ห้องพักผู้ป่วยของกงซูจี ซึ่งเธอไม่รู้เลยว่าระหว่างนั้นเซอร์คัสแมนแอบมองอยู่ตลอดเวลา

ควอนจูตามไปถึงจังหวะที่เดเร็กกำลังสอบปากคำกงซูจี แต่ก็เป็นไปตามคาดตั้งแต่แรก กงซูจีไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุฆาตกรรมลิซ่าโจ

เมื่อปักใจเชื่อแบบ 100% ว่าฆาตกรที่ฆ่าน้องสาวเขาเป็นหนึ่งในผู้โดยสารบนเครื่องบินลำนั้น ทำให้เดเร็กโจตั้งโจทย์ให้ผู้โดยสารทุกคนเป็นผู้ต้องสงสัย ระหว่างนั้นเขาก็พยายามวิเคราะห์พฤติการณ์ของฆาตกรต่อเนื่องเซอร์คัสแมน แต่ดูเหมือนจะไม่ได้อะไรมาก นอกจากความแค้นที่เพิ่มขึ้นมากเป็นเท่าทวีคูณ

เรื่องราวดำเนินไป กระทั่งทีมโกลเดนไทม์มีการค้นพบเกมแปลกประหลาดเกมหนึ่งที่มีชื่อว่า เซอร์คัส ปิเอโรต์ ซึ่งเป็นเกมแนวเรียลลิตี้ ผู้เล่นจะต้องเล่นไปเรื่อย ๆ เพื่อเพิ่มระดับของตัวเองจนไปสู่ระดับสูงสุดที่ต้องฆ่าครอบครัวตัวเอง โดยเกมนี้ล้วนแล้วแต่ใช้วิธีการและอาวุธที่ไม่ต่างกับคนโรคจิต ซึ่งอาวุธที่เรียกว่ากากูรี (หรือเคียวที่ชาวแฮนยอใช้ในน้ำ)

กงซูจีโทร. หาควอนจูเพราะเธอรู้สึกกลัวอะไรบางอย่างที่ระบุแน่ชัดไม่ได้ว่ามันคืออะไร ควอนจูจึงรีบไปหากงซูจีทันที แต่หลังจากนั้นไม่นานนัก กงซูจีก็เผชิญหน้ากับเซอร์คัสแมนที่ใบหน้าเหมือนกับควอนจู จากนั้นกงซูจีก็โดนเซอร์คัสแมนวางยาสลบและขับรถพาตัวเธอไป ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ควอนจูกำลังขับรถไปหากงซูจี แต่เมื่อโทร. ไปหากลับติดต่อไม่ได้เสียแล้ว

EP.5 โรคหลายบุคลิก

ควอนจูเชื่อว่าเซอร์คัสแมนเป็นผู้หญิง แต่เซอร์คัสแมนที่กงซูจีเข้าใจว่าเป็นควอนจูนั้นร้องเพลงกล่อมเด็กเป็นเสียงผู้ชาย หลังจากนั้น กงซูจีก็หมดสติไปเพราะฤทธิ์ยา

ต่อมา ตำรวจได้รับแจ้งว่ามีคนพบข้าวของของกงซูจี และยังพบเข็มฉีดยาและจดหมายลาตาย แต่อย่างไรก็ตาม ควอนจูไม่เชื่อว่ากงซูจีฆ่าตัวตาย เพราะก่อนหน้านี้กงซูจียังโทร. นัดเจอกับเธออยู่เลย และควอนจูก็ได้รู้ว่ากงซูจีเป็นลูกสาวของอัยการกง ซึ่งเป็นคนที่ชอบช่วยเหลือชาวบ้านบนเกาะแห่งนี้มาตลอด

เรื่องราวดำเนินไป ในขณะที่ควอนจูก็ยังไม่พบศพของกงซูจี ส่วนโทรศัพท์มือถือของเธอก็หายไป หลังจากนั้น ควอนจูพยายามทำการวิเคราะห์คลิปเสียงของเซอร์คัสแมน ควอนจูจึงคิดว่าเซอร์คัสแมนเป็นทั้งผู้หญิงและผู้ชายที่อยู่ในร่างเดียว ซึ่งเดเร็กโจให้ความเห็นว่าเซอร์คัสแมนเป็นโรคสองบุคลิก

ตัดภาพมาที่เซอร์คัสแมนกำลังลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่มีผมโผล่ออกมาจากกระเป๋ากลับมาที่บ้าน หลังจากถอดหน้ากากและเปลี่ยนเสื้อผ้า บุคลิกของเซอร์คัสแมนเปลี่ยนเป็นชาย และพึมพำบ่นออกมาว่า สักวันหนึ่งจะทำให้แฝดของควอนจูใช้มีดแทงกันเอง

EP.6 สายตาไม่สามารถปลอมได้

ณ ห้องที่ถูกตกแต่งแบบหลอนประสาท เซอร์คัสแมนนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย มันนั่งมองดูตัวเองที่มีใบหน้าคล้ายควอนจูอย่างกับแกะในกระจกอยู่อย่างนั้น ผ่านไปพักหนึ่ง เจ้าฆาตกรโรคจิตจึงค่อย ๆ เอื้อมมือลอกบางสิ่งเหนือบริเวณหน้าอกของตัวเองออก มันคือหน้ากากซิลิโคน !

เซอร์คัสแมนเข้าไปเปลี่ยนเครื่องแต่งกายที่หลังม่าน เสียงของมันเดี๋ยวเป็นชายเดี๋ยวเป็นหญิงส่งเสียงทะเลาะกัน นี่มันบ้านอะไรกัน ! ที่น่าตกใจไปกว่านั้น ดูเหมือนว่าเซอร์คัสแมนจะไม่ได้มีแค่สองบุคลิก แต่มีบุคลิกที่สามที่มีความเป็นผู้นำ … มันกลับมานั่งที่โต๊ะเครื่องแป้งที่เดิม คราวนี้มันก็นั่งมองหน้าตัวเองอยู่เช่นเดิม ผิดแปลกไปเพียงมันคือผู้ชาย !

เมื่อนำเอาหลักฐานต่าง ๆ มาประกอบ ทำให้เดเร็กโจสันนิษฐานได้ว่า เซอร์คัสแมนเป็นโรคจิตเภทชนิดรุนแรงที่เรียกว่า “โรคหลายบุคลิก” ซึ่งน่าจะเกิดจากการถูกกระทบกระเทือนทางด้านจิตใจอย่างรุนแรงเมื่อวัยเด็ก ทำให้จิตใจสร้างตัวตนที่หลากหลายเพื่อมาปกป้องตัวเอง เดเร็กโจยังเชื่ออีกด้วยว่า เซอร์คัสแมนสามารถใช้เสียงต่างเพศได้ และเมื่อบุคลิกเปลี่ยนฮอร์โมนเพศก็จะผกผันเปลี่ยนตามไปด้วย

เมื่อเป็นเช่นนี้ ควอนจูจึงประเมินว่าเซอร์คัสแมนน่าจะเป็นผู้โดยสารชายที่เดินทางมาเกาะบีโมด้วยเที่ยวบินลำนั้น ทีนี้เมื่อตีวงแคบลง ทำให้เหลือผู้โดยสารที่อยู่ในข่ายผู้ต้องสงสัยเพียง 2 รายเท่านั้น ซึ่งในเวลาเดียวกันนั้นเอง แดชิกได้กลับเข้ามาร่วมทีมโกลเดนไทม์อีกครั้ง เพื่อหวังช่วยจับฆาตกรโรคจิตที่ปลอมตัวเป็นควอนจู

ในอีกด้านหนึ่ง อัยการกง (พ่อของกงซูจี) ได้เดินทางไปหาพ่อปู่เพื่อให้ช่วยหาร่างทรงที่สามารถตามหากงซูจีให้ได้ โดยร่างทรงได้บอกว่า “หายนะครั้งใหญ่จากภายนอกกำลังมาเยือนเกาะแห่งนี้”

กวางซูและแจชิกไปดักรอหนึ่งในผู้ต้องสงสัยที่มีชื่อว่าจางซูชอล ซึ่งเป็นช่างหินที่หมู่บ้านโซนัง เมื่อนำตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจ หัวหน้าบ๊กมันไม่พอใจเป็นอย่างมาก ทำให้เกิดกระทบกระทั่งกับเดเร็กโจ เพราะจางซูชอลคือลูกเขยของหัวหน้าบ๊กมัน ยิ่งไปกว่านั้น ในคืนวันเกิดเหตุเขาก็มีพยานยืนยันถิ่นที่อยู่ชัดเจน ในท้ายที่สุดตำรวจจึงต้องปล่อยตัวเขาไป

ต่อมา เดเร็กโจทำการสอบปากคำดงบังมิน อดีตช่างแต่งหน้าเทคนิคพิเศษ (special effects) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้โดยสารเที่ยวบินนั้น ดงบังมินให้การว่าเขาไปงานปาร์ตี้และดื่มจนเมามายทำให้เขานอนหลับบนเครื่องตลอดทาง จากนั้น เขาได้แนะนำเดเร็กโจว่า เทคนิคการแต่งหน้าพิเศษผู้ที่จะทำได้ต้องมีความรู้เรื่องกายวิภาคเป็นอย่างดีมันถึงจะออกมาละเอียด ดงบังมินจึงคิดว่าผู้ต้องสงสัยอาจจะเรียนหมอมาก็ได้ อีกทั้งถ้าเจอผู้ต้องสงสัยปลอมตัว ต้องสังเกตดูจากสายตาไม่ใช่ดูจากรูปลักษณ์ภายนอก เพราะสายตาจะไม่สามารถหลอกได้

แน่นอนว่าเดเร็กโจไม่รู้ว่า แท้จริงแล้วดงบังมินคือเซอร์คัสแมน แต่เซนส์ความเป็นตำรวจของเขาบอกว่าดงบังมินมีบางอย่างที่ดูผิดปกติ แม้จะดูเป็นมิตรและมีพยานระบุถิ่นที่อยู่ของเขาได้อย่างชัดเจนก็ตาม ทำให้เดเร็กโจสั่งให้ลูกน้องสืบหาประวัติดงบังมินเพิ่มเติม

ระหว่างนั้นก็มีคดีแปลกประหลาดที่ดูเหมือนผู้เป็นลูกจะฆ่าอำพรางพ่อแม่ตัวเองเพื่อเอาเงินประกัน เรื่องราวการสืบหาตัวฆาตกรก็ดำเนินไป

การสืบสวนดำเนินไปท่ามกลางความไม่ลงรอยกันของควอนจูกับเดเร็กโจ ทำให้เซอร์คัสแมนซึ่งตัวตนที่แท้จริงของเขาก็คือดงบังมิน ได้ฮัมเพลงขึ้นมาอย่างอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เมื่อได้เห็นควอนจูกับเดเร็กโจทะเลาะกัน เพราะเป้าหมายของมันคือต้องการให้ทั้งสองห้ำหั่นกันเอง

EP.7 ขยะรีไซเคิล

สรุปคดีแทรกระหว่างตอน : ชายในทุ่งคาโนลา

คังมันโฮทำปิตุฆาตแม่ของตัวเองเพื่อหวังเงินประกันชีวิตจำนวน 10 ล้านวอน แล้ววางแผนจะเดินทางไปอยู่ประเทศนิวซีแลนด์ แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่าเขาไม่รู้จะจัดการกับพ่อที่เป็นโรคสมองเสื่อมยังไง เขาจึงขายพ่อให้กับคนกลุ่มหนึ่งที่ติดต่อกันในดีปเว็บ (Deep Web) โดยตกลงกันว่าจะเอาพ่อของเขาไปทิ้งไว้ที่ทุ่งคาโนลา หลังจากนั้นเขาก็แจ้งการเสียชีวิตของพ่อแล้วรับเงินประกันชีวิต ทุกอย่างดำเนินไปตามแผน

ปัญหามันเกิดขึ้น เมื่อคนร้ายที่เป็น ผอ. บ้านพักคนชราแห่งหนึ่งซึ่งทำธุรกิจผิดกฎหมายโดยใช้แรงงานคนแก่ (นำเข้าเนื้อหมูคุณภาพต่ำจากประเทศจีน แล้วมาทำการเปลี่ยนฉลากว่าเป็นเนื้อหมูราคาแพงที่ผลิตภายในประเทศ) และพ่อของคังมันโฮก็เป็นหนึ่งในเหยื่อโรงงานเถื่อนแห่งนั้น และระหว่างนั้นก็มีการข่มขู่คังมันโฮ พ่อของคังมันโฮที่จริง ๆ แล้วเขาแกล้งเป็นโรคสมองเสื่อมก็ฆ่าคนที่มาข่มขู่คังมันโฮ แล้วตัวคังมันโฮก็ต้องการฆ่าปิดปากพ่อของตัวเองอีกทอดหนึ่ง แต่สุดท้ายทุกคนก็ถูกทีมโกลเดนไทม์จับได้ทั้งหมด

คดีหลักของเรื่อง …

หัวหน้ายังบกมันจำได้แล้วว่า เดเร็กโจคือเด็กที่สูญเสียแม่เมื่อ 28 ปีก่อน ในวันที่พบศพแม่ของเดเร็กโจ คดีนั้นถือเป็นคดีแรกของเขา และเมื่อได้เห็นสายตาคู่นั้นของเด็กน้อยเดเร็กโจที่บอกว่าแม่เขาถูกฆาตกรรมเขาก็เชื่อว่าเป็นการฆาตกรรมจริง ๆ เป็นเพียงแต่ว่าอาของเขาที่เป็นตำรวจที่รับผิดชอบคดีสั่งให้ปิดคดีด้วยการลงบันทึกสาเหตุการเสียชีวิตว่าเป็นการฆ่าตัวตาย เพราะมีคำสั่งจากเบื้องบนลงมาให้หยุดการสอบสวนคดีนี้

หัวหน้ายังบกมันนัดเจอกับเดเร็กโจพร้อมด้วยควอนจู เพื่อที่จะขอโทษและเล่าความจริงของเรื่องราวที่เกิดขึ้นในตอนนั้น และหัวหน้ายังบกมันได้พูดทิ้งท้ายเอาไว้ว่า “ผมรู้ตัวว่าเป็นขยะ แต่ขยะบางชนิดก็นำไปรีไซเคิลได้” (หมายถึงเขาจะเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่ให้เป็นตำรวจที่ดี) แต่แม้เดเร็กโจจะรับฟัง แต่ด้วยความที่เลือดร้อนเขาจึงไม่ยกโทษให้หัวหน้ายังบกมันกับสิ่งที่เกิดขึ้น

ควอนจูพยายามโน้มน้าวให้เดเร็กโจเล่าความจริงที่เกิดขึ้น เพราะเธอมั่นใจว่ามันต้องมีอะไรที่เขายังปิดบังเอาไว้ ควอนจูอ้างว่าเมื่อทำงานเป็นคู่หูกันแล้วต้องมีความเชื่อใจกัน เดเร็กโจจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ 28 ปีก่อนออกมา …

ด้วยความที่แม่ของเดเร็กโจเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องเลี้ยงดูลูกน้อยถึง 2 คน แม่จึงยอมทำงานทุกอย่างเพื่อให้ได้เงิน แม้ว่าบางครั้งงานนั้นจะต้องเปลืองตัว วันหนึ่งแม่บอกว่าเราจะสบายกันแล้วเพราะได้เงินก้อนใหญ่จากการที่ทำบางอย่างให้กับหมู่บ้าน แต่ในคืนนั้นเอง คนร้ายที่สวมเสื้อคลุมกันฝนและใส่หน้ากากปกปิดใบหน้าก็มาพาตัวแม่ไป ก่อนที่จะมีคนพบศพแม่ในเวลาต่อมา

เมื่อนำเรื่องราวมาปะติดปะต่อกัน ทำให้เดเร็กโจเชื่อว่าการตายของแม่และน้องสาวของเขามีความเกี่ยวข้องกับคนกลุ่มเดียวกัน

กงซูจีพยายามดิ้นหลุดออกจากพันธนาการ ขณะที่ถูกจับมัดและขังไว้ที่บ้านของเซอร์คัสแมนหรือดงบังมิน แต่ก่อนที่เธอจะหนีไปไหนได้ ดงบังมินก็มาพบเข้าเสียก่อน ตอนแรกท่าทางของเขาดูจะเป็นชายหนุ่มที่ดูสุขุม แต่จู่ ๆ โรคหลายบุคลิกก็ทำงานขึ้นมาอย่างกะทันหัน เปลี่ยนเป็นบุคลิกสุดหลอนที่ดูแล้วน่ากลัว แล้วเขาก็คว้าขวานขึ้นมาแล้วบอกกับเธอว่า จะฉีกปากให้กว้างเป็นสองเท่าเพื่อลงโทษที่เธอปากสว่าง !!!

EP.8 นิทานจิตสุดหลอน

กงซูจีตกใจกลัวจนสลบเหมือดลงไปนอนกองอยู่กับพื้น เมื่อเห็นเซอร์คัสแมนถือขวานเตรียมสับหน้าเธออยู่ในมือ แต่เธอก็รอดไปเพราะมีช่างหินมากดกริ่งเรียกหาเขาอยู่ที่หน้าประตูบ้าน เพื่อให้ไปซ่อมตุ๊กตาหินที่ใช้ในงานเทศกาลประจำปีของหมู่บ้านโซนังที่เกิดเสียหายจากฝีมือของเด็ก ๆ ที่ไปเล่นโดยไม่ระวัง … กงซูจีจึงรอดไป

เซอร์คัสแมนเมื่อตอนที่เป็นดงบังมิน เขาเป็นผู้ชายที่จิตใจดีอย่างเหลือเชื่อ นี่คงเป็นเพียงบุคลิกเดียวที่ยังมีความเป็นคน ! ดงบังมินเอ็นดูเด็ก ๆ ที่ทำตุ๊กตาหินพัง และช่วยปกป้องจากการถูกลงโทษรุนแรง เพราะตุ๊กตาหินตัวนี้เป็นสิ่งสำคัญที่คู่กับหมู่บ้านโซนังมานาน

อย่างไรก็ตาม เมื่อดงบังมินกลับมาบ้าน ตัวตนของเซอร์คัสแทนก็เข้าครอบงำอีกครั้ง ภายในห้องใต้ดินสุดหลอนภายในบ้านริมทะเลสุดโมเดิร์น เซอร์คัสแมนได้เล่านิทานสุดจิตปั่นประสาทให้กงซูจีได้ฟัง … แม่คนหนึ่งมีลูกหลายคน บางคนว่าเธอมีลูกหลายสิบหลายร้อยคน ในทุก ๆ งันเธอต้องคอยหาอาหารให้ลูก ๆ ของเธอกินอย่างเหน็ดเหนื่อย เธอทำซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้น กระทั่งวันหนึ่งระหว่างที่เธอกำลังต้มน้ำเพื่อทำอาหารให้กับลูก ๆ เธอเกิดพลัดตกลงไปในหม้อทำอาหารใบใหญ่ แม่ผู้น่าสงสารร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด แต่มันก็เป็นเพียงเสียงร้องสั้น ๆ เท่านั้น เพราะแค่อึดใจเธอก็จบชีวิตในหม้อใบนั้นนั่นเอง ต่อมาเมื่อถึงเวลาอาหาร เด็ก ๆ ได้มาตักอาหารที่หม้อใบนั้น ทุกคนอิ่มหมีพีมันเป็นพิเศษเพราะวันนี้มีเนื้อให้กินมากมายเหลือเกิน ลูก ๆ แต่ละคนกินกันไปอย่างมีความสุข จนมาถึงลูกคนสุดท้อง ในขณะที่เขากำลังกินไปนั้นก็เกิดไปเจอปิ่นปักผมของแม่ เด็กน้อยร้องออกมาด้วยความตกใจ “นี่เรากินแม่ตัวเองไปหรือเนี่ย !!!”

หลังจากเซอร์คัสแทนเล่าจบ กงซูจีก็กลัวจนประสาทแทบกลับ แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่แวบเดียว เพราะขวานในมือของเซอร์คัสแมนได้จามใส่หัวเธอ เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ ในขณะที่เซอร์คัสแมนหัวเราะด้วยความหรรษากับภาพเด็กสาวกงซูจีหัวแบะอยู่เบื้องหน้า !

ระหว่างนั้น หัวหน้ายังบกมันได้ไปเยี่ยมลูกสาวที่หมู่บ้านโซนัง ขากลับเขาได้แวะไปเดินเข้าไปที่เวิร์กช็อปสลักหินในหมู่บ้านโซนัง ณ จุดนี้เขาบังเอิญไปเห็นสัญลักษณ์รูปน้ำวนในหินแกะสลัก ทำให้เขานึกย้อนกลับไปถึงแขนของแม่เดเร็กโจที่มีรอยสักเป็นรูปน้ำวนเช่นเดียวกัน หัวหน้ายังบกมันจึงคิดว่ามันต้องมีอะไรที่เกี่ยวพันอย่างแน่นอน

คดีแทรกระหว่างตอน : ยูทูบเบอร์สายดาร์ก

เจ้าหน้าที่ฮันอูจูได้คุยกับผู้ใช้คนหนึ่งในชุมชนออนไลน์เซอร์คัสปิเอโรต์ ซึ่งเขาคิดว่าน่าจะเป็นเซอร์คัสแมน และได้ทำการแกะรอยจนได้ไอพีแอดเดรส ควอนจูจึงสั่งให้ทีมโกลเดนไทม์ออกไปจับผู้ต้องสงสัยที่จะเป็นเซอร์คัสแมนที่ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่แห่งหนึ่ง เมื่อไปถึงปรากฏว่าผู้ต้องสงสัยคนนั้นเป็นเพียงเด็กสาว ที่อยู่ในชุดนักเรียนมัธยมปลายมีชื่อว่า ควอนแชตบยอล สอบถามไปมาจึงได้ความว่าเธอเป็นเด็กใจแตกที่ชอบหลอกเงินจากคนทางแชต

วันถัดมา ศูนย์วิทยุเกาะบีโม 112 ได้รับแจ้งเหตุเด็กสาวถูกลักพาตัว โดยผู้แจ้งเหตุคือจางฮโยจุน ซึ่งเป็นครูประจำชั้นของควอนแชตบยอล ผู้ต้องสงสัยที่ทีมโกลเดนไทม์เพิ่งตามไปจับที่อินเทอร์เน็ตคาเฟ่เมื่อวานนี้ โดยควอนแชตบยอลได้ส่งข้อความเสียงให้จางฮโยจุนระบุว่า “หนูหนีออกจากบ้านแล้วไม่มีเงิน หนูจึงหลอกเอาเงินคนในโลกออนไลน์ แต่ปรากฏว่าคนที่หนูหลอกเป็นพวกนักเลง เขาบอกให้อาจารย์ (จางฮโยจุน) เอาเงินมาคืนถึงจะปล่อยตัวหนูไป ไม่งั้นจะเอาหนูไปขาย อาจารย์ต้องช่วยหนูด้วยนะคะ”

ในความเป็นจริงก็คือ คนที่จับตัวควอนแชตบยอลไปก็คือยูทูบเบอร์สายดาร์กคนหนึ่งที่จัดรายการผ่านทางฮอตทีวี โดยจัดฉากหลอกให้จางฮโยจุนมาช่วยควอนแชตบยอล แล้วมันจะบังคับให้เขาทำอะไรบางอย่างกับเธอ เพื่อสร้างคอนเทนต์ออกรายการในฮอตทีวี … ควอนจูเมื่อรู้ความจริงทั้งหมดก็ถึงกับตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น !

EP.9 เปิดเผยตัวตนที่แท้จริง

จางฮโยจุนคว้าไม้เบสบอลเตรียมฟาดเข้าไปที่ควอนแซตบยอลตามคำสั่งของพิกดิส คอนเทนต์ครีเอเตอร์สายดาร์ก แต่ทุกอย่างก็หยุดที่ตรงนั้น ไม่มีการทำร้ายเกิดขึ้นเมื่อตำรวจบุกเข้าไปที่โรงแรมแห่งนั้นได้ทันเวลาพอดี สุดท้ายพิกดิสก็โดนตำรวจได้แบบไม่ต้องออกแรงอะไรมาก ส่วนควอนแชตบยอลก็ปลอดภัย แต่คนที่หนีไปได้ก็คือจางฮโยจุน

พิกดิสมีชื่อจริงว่าบอมแทซู เขาสารภาพออกมาอย่างหมดเปลือกว่า ด้วยความที่มีปัญหาทางด้านการเงิน เขาจึงยอมรับงานจากผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งใช้ไอดีในโลกออนไลน์ว่าควีนส์คราวน์เป็นเงินก้อนโต แลกกับการที่เขาต้องก่ออาชญากรรมครั้งนี้ขึ้นมา แต่สิ่งที่น่าตกใจไปกว่านั้นก็คือ ตำรวจได้ตรวจสอบพบว่าจางฮโยจุนได้ติดต่อกับควีนส์คราวน์ผ่านทางอีเมลมากกว่าห้าพันฉบับภายในระยะเวลาสามเดือนที่ผ่านมา

ควีนส์คราวน์คือใคร ? เธอคือมินฮเยริน ตอนนี้จางฮโยจุนโดนมัดเอาไว้กับเตียงทำฟัน และใช้เครื่องมือง้างปากของเขาเอาไว้ เธอกล่าวว่าจะเลาะฟันของเขาทั้งหมดเพื่อเป็นการลงโทษที่เขายิ้มให้ครูผู้หญิงคนอื่น !

อย่างไรก็ตาม ควอนจูก็พบว่าโรงแรมแห่งนี้มีห้องลับซ่อนอยู่ และเธอคิดว่ามินฮเยริต้องเอาตัวจางฮโยจุนไปไว้ที่นั่น เมื่อตำรวจเข้าไปที่ห้องลับแห่งนั้น มินฮเยรินก็หนีไปได้

จางฮโยจุนจึงเล่าความจริงว่า มินฮเยรินมีอาชีพเป็นทันตแพทย์ เธอสตอล์กเกอร์เขามาตลอด เนื่องจากเธอมีอารมณ์แปรปรวน เขาจึงพยายามตีตัวออกห่าง แต่กลายเป็นว่าทำให้เธอไม่พอใจ ในวัยเด็กนั้น เธอถูกพ่อแม่กระทำทารุณจิตใจอย่างหนัก จนกลายเป็นภาวะหลงผิดที่คิดว่าการแสดงความรุนแรงคือการแสดงความรัก

เรื่องราวดำเนินไป ในที่สุดตำรวจก็พบผู้ต้องสงสัยเข้าข่าวเป็นเซอร์คัสแมนในชุมชนออนไลน์ ควอนจูจึงวางแผนล่อเซอร์คัสแมน โดยนัดจอที่ลานจอดรถชั้นใต้ดิน แต่เมื่อถึงเวลานัดก็ไม่พบใคร

ควอนจูจึงเดินออกจากชั้นใต้ดินเพื่อไปหาสัญญาณวิทยุ จังหวะนั้นเองเธอได้พบกับดงบังมิน และก็จำเสียงของเขาได้ทันที ดงบังมินแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมาพร้อมกับแสดงอาการโรคจิตหลายบุคลิกของเขาออกมา วิทยุสื่อสารของควอนจูหล่นอยู่ที่พื้น ขณะนั้นเองเดเร็กโจก็ได้ยินเสียงของดงบังมินกำลังทำร้ายควอนจู

EP.10 หลายคนในร่างเดียว

ขณะที่ดงบังมินกำลังเข้าทำร้ายควอนจู แต่โชคดีที่อันตรายใด ๆ มันยังไม่เกิดขึ้น จังหวะนั้นเอง เดเร็กโจก็สามารถเข้ามาช่วยควอนจูเอาไว้ได้ทัน แล้วอยู่ดี ๆ ดงบังมินก็เป็นลมสลบล้มพับไป

ดงบังมินถูกนำตัวมารักษาที่โรงพยาบาล โดยถูกพันธนาการโดยกุญแจมือติดไว้กับเตียงผู้ป่วย หมอผู้เป็นเจ้าของไข้ได้แจ้งกับควอนจูและเดเร็กโจว่า ดงบังมินมีอาการเดินละเมอ แต่ตำรวจคู่หูทั้งสองก็แย้งหมอว่าดงบังมินเป็นโรคหลายบุคลิก ซึ่งถือว่าเป็นจิตเภทชนิดรุนแรง

ดงบังมินฟื้นขึ้นมาและพยายามจะอธิบายว่าเขาไม่รู้เรื่องอะไรที่เกิดขึ้นเลย ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุเขากำลังนำข้าวของไปบริจาคให้กับโรงเรียนสอนแต่งหน้า เขากล่าวด้วยสายตาที่บริสุทธิ์ใจ “ผมมักจะหลับไปและตื่นขึ้นมาพบว่าอยู่ที่อื่น มันเป็นแบบนั้นเสมอ” ควอนจูเชื่อว่าบุคลิกดั้งเดิมของดงบังมินไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเอง

พ่อเฒ่าดงบังฮยอนใช้เส้นสายให้ตำรวจปล่อยตัวดงบังมิน ผู้เป็นหลานชาย เมื่อเดเร็กโจรู้ก็แสดงความไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่ควอนจูพยายามเกลี้ยกล่อมให้เขาใจเย็นลง เพราะเธอมีหลักฐานที่จะเอาผิดดงบังมินในข้อหาทำร้ายกายเธอ เมื่อออกหมายจับแล้ว ค่อยใช้เวลานั้นหาหลักฐานในการฆาตกรรมต่อไป

ดงบังมินยอมรับกับพ่อเฒ่าว่าเขาหยุดกินยาไปในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา เพราะเข้าใจว่าอาการดีขึ้น ไม่คิดว่าโรคละเมอจะกำเริบขึ้นมา ส่วนพ่อเฒ่าก็ผูกใจเจ็บ ต้องการให้ตำรวจชดใช้ในสิ่งที่ทำกับดงบังมิน

ต่อมาเมื่อพ่อเฒ่าไปส่งดงบังมินที่บ้าน และสังเกตเห็นรอยมีดที่เสา (ที่เกิดจากการทำร้ายกงซูจี) ส่วนพ่อบ้านของดงบังมินยังเล่าให้พ่อเฒ่าฟังด้วยว่าเขาเคยได้ยินเสียงผู้หญิง เมื่อได้ยินเช่นนั้นสีหน้าของพ่อเฒ่าไม่สู้ดีนัก

ดงบังมินเกิดอาการกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง หลาย ๆ บุคลิกช่วยกันคิดว่าจะต้องกำจัดหลักฐานต่าง ๆ ก่อนที่ตำรวจจะมาพบ ทันใดนั้นเอง บุคลิกที่เป็นชายเสียงต่ำขู่ดงบังมินที่มาขัดขวางเขา

เดเร็กโจสังเกตเห็นดงบังมินใส่หูฟัง ซึ่งควอนจูวิเคราะห์ว่าเป็นเครื่องช่วยฟังที่ผลิตในประเทศเยอรมัน มีประสิทธิภาพทำให้ได้ยินเสียงในระยะ 100 เมตรได้ จากนั้นก็วิเคราะห์ต่อว่า ดงบังมินน่าจะมีสามบุคลิก และบุคลิกที่รุนแรงที่สุดคือชายที่มีเสียงทุ้มต่ำ ทุกครั้งที่พูดจะมีเสียงหอบ

เดเร็กโจวิเคราะห์ว่าการหลงผิดของดงบังมินน่าจะเกิดจากเหตุการณ์สะเทือนใจในอดีต ซึ่งในข้อมูลประวัติระบุว่าเขาเคยถูกลักพาตัวที่เกาะบีโมในปี 1997 โดยออมซอกกูเจ้าของบริษัทของเล่น ซึ่งเป็นบริษัทจัดหาไฟประดับให้กับศาลเจ้าหมู่บ้านโซนัง เหตุผลที่ลักพาตัวดงบังมินไปก็เพราะไม่พอใจที่ไม่ได้รับค่าจ้าง แต่หลังจากที่พ่อเฒ่าจ่ายเงินแล้ว ออมซอกกูก็ยังไม่ยอมปล่อยตัวดงบังมิน หลังจากนั้นเขาก็ฆ่าตัวตายในห้องที่โมเตลอย่างเป็นปริศนา ในบันทึกของตำรวจยังระบุอีกว่าพ่อของออมซอกกูบอกว่าลูกของเขาถูกจัดฉากฆ่าตัวตาย แต่จริง ๆ แล้วเป็นเหตุฆาตกรรม

ในช่วงเวลาใกล้เคียงกันนั้น พ่อบ้านของดงบังมินมาที่บ้าน และได้ลงไปที่ห้องใต้ดินซึ่งดงบังมินเปิดไฟประดับทิ้งไว้บนกระเป๋าเดินทางซึ่งมีศพของกงซูจีอยู่ด้านใน ดงบังมินที่ตอนนี้อาการหลายบุคลิกกำเริบตั้งใจจะฆ่าพ่อบ้านของเขาทิ้งเสีย แต่สุดท้ายก็หนีออกไปได้โดยการกระโดดออกทางหน้าต่างกระจก จากนั้นก็ขับรถหนีไปที่หมู่บ้านโซนัง เขาบอกกับพ่อเฒ่าว่าดงบังมินถูกวิญญาณของออมซอกกูเข้าสิง แล้วพ่อเฒ่าก็ให้เขาดื่มอะไรบางอย่าง

เดเร็กโจกับควอนจูแอบเข้าไปในบ้านของดงบังมิน ทั้งสองพบดงบังมินถูกแทงนอนจมกองเลือดอยู่บนพื้น ในขณะที่พ่อบ้านอยู่ชุดคลุมฝนพร้อมด้วยกรรไกรและกระจุกเส้นผมที่แช่อยู่ในถุงเลือด เดินทางไปที่สถานีตำรวจเพื่อเข้ามอบตัว และบอกว่าเขาคือเซอร์คัสแมน !!?

EP.11 หลงป่าในหมู่บ้านโซนัง

ดงบังมินวางแผนสร้างสถานการณ์หลอกตำรวจ โดยการให้มันแทค พ่อบ้านของเขากินยาบางอย่างเข้าไป ส่วนตัวเขาเองก็กลับบ้านและแทงตัวเองเพื่อจัดฉาก ขณะที่มันแทคเดินทางไปมอบตัวที่สถานีตำรวจพร้อมกับจดหมายสารภาพว่าเขาคือเซอร์คัสแมน

เดเร็กโจและควอนจูพบดงบังมินนอนจมกองเลือดอยู่ภายในบ้านจึงโทร. เรียกรถรถฉุกเฉิน ต่อมาทีมปฏิบัติการแจ้งว่ามันแทคเข้ามอบตัวและสารภาพว่าคือเซอร์คัสแมน แต่อย่างไรก็ตาม เดเร็กโจไม่เชื่อและคิดว่ามันเป็นแผนการของดงบังมิน ซึ่งตรงกับควอนจูที่คิดเช่นเดียวกัน ที่สำคัญอาการของมันแทคเหมือนคนเสพยาเสพติดบางอย่างเข้าไป

ทีมปฏิบัติการออกไปตามหาศพของกงซูจีตามคำเขียนให้การของมันแทค ต่อมามันแทคชักและกัดลิ้นตัวเองจนสลบ จากนั้นเขาก็เสียชีวิต

ทีนี้เมื่อดงบังมินฟื้นขึ้นมา พ่อเฒ่ามาเยี่ยมที่โรงพยาบาล ในเวลาเดียวกันนั้นอาการหลายบุคลิกของดงบังมินก็กำเริบขึ้นมาอีกครั้ง เขาเข้าบีบคอปู่ของตัวเองเกือบตาย แต่เป็นเพราะอีกบุคลิกหนึ่งห้ามเอาไว้เพราะที่นี่เป็นสถานที่เปิด พ่อเฒ่าเองในตอนนี้ตกใจและเห็นภาพหลอนของออมซอกกูที่ถูกฆ่าตายเมื่อยี่สิบปีก่อน จึงเชื่อว่าดงบังมินถูกวิญญาณของออมซอกกูเข้าสิงตามที่มันแทคบอก

ในวันนั้นเอง ดงบังมินก็หายตัวไปจากโรงพยาบาล เดเร็กโจและควอนจูไปตามหาดงบังมินที่หมู่บ้านโซนัง เมื่อไปถึง ทั้งสองก็โดนชาวบ้านโซนังวางแผนหลอกให้แยกเดินไปคนละทาง กระทั่งทั้งคู่ก็หลงทางในป่า

ทั้งคู่ได้ยินเสียงก้องอยู่ในหูและเกิดภาพหลอนขึ้น ควอนจูเห็นดงบังมินปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า เดเร็กโจพยายามตามหาควอนจู จนได้มาพบเธอกำลังจะเดินตกหน้าผา !

EP.12 สมุนไพรบีโม

ก่อนที่ควอนจูจะเดินตกหน้าผา เดเร็กโจก็เข้ามาช่วยไว้ได้ทัน ณ จุดนี้ ทั้งคู่ต่างรู้แล้วว่าโดนวางยาจนทำให้เห็นภาพหลอน

ผลการชันสูตรพบว่ามันแทคกินสมุนไพรบีโมเข้าไป ซึ่งเป็นสมุนไพรที่เมื่อกินเข้าไปในปริมาณมากจะทำให้เกิดภาพหลอนและเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว

ผู้กำกับคัมจงซุกไม่พอใจที่เดเร็กโจพยายามจะรื้อคดีขึ้นมาใหม่ เพราะเขาเชื่อว่ามันแทคให้การเท็จ รวมทั้งยังไม่เห็นด้วยที่ควอนจูเข้ามายุ่ง เพราะเป็นเจ้าหน้าที่ที่มาจากทีมโกลเด้นไทม์ซึ่งไม่มีอำนาจบนเกาะบีโม

เรื่องราวดำเนินไป กระทั่งเดเร็กโจและทีมไล่ล่าดงบังมินจนไปหยุดที่ตึกแห่งหนึ่ง เดเร็กโจตามดงบังมินเข้าไปในตึก ในขณะที่ควอนจูได้ยินเสียงบางอย่าง เธอจึงเตือนเดเร็กโจให้ระวังตัว ในขณะที่ดงบังมินกำลังเงื้อมขวานในมือและเล็งไปที่คอของเดเร็กโจ !

EP.13 บาดแผลเมื่อวัยเด็ก

เดเร็กโจต่อสู้กับดงบังมิน ระหว่างนั้นอุปกรณ์การฟังของดงบังมินได้ร่วงหล่นตกลงพื้น ทำให้เดเร็กโจเชื่อว่าความสามารถทางการได้ยินของดงบังมินเกิดจากอุปกรณ์ช่วยฟังแบบพิเศษ

สุดท้ายดงบังมินก็ถูกจับกุมเมื่อทีมปฏิบัติการมาถึง ดงบังมินยอมรับสารภาพทุกอย่าง เขาอ้างว่าที่ฆ่าน้องสาวของเดเร็กโจก็เพราะความอิจฉา เนื่องจากตัวเขาไม่มีครอบครัว นอกจากปู่ที่ชอบทำทารุณกรรมเขาตั้งแต่เด็ก แต่เดเร็กโจก็ยังอยากจะฆ่าดงบังมินให้ตายคามือ

พ่อเฒ่าไปเยี่ยมดงบังมินเพื่อขู่ให้เขากลับคำให้การแต่ดงบังมินไม่ยอม ณ จุดนี้ ดงบังมินเผยความจริงที่ว่าเขารู้มาตั้งแต่ต้นว่าปู้ไม่ใช่ปู่แต่เป็นพ่อแท้ ๆ ที่ข่มขืนแม่ของเขา แต่ที่ต้องเก็บงำความลับนี้เอาไว้ก็เพราะกลัวว่าจะถูกพ่อเฒ่าฆ่าตายเหมือนกับแม่ สุดท้ายดงบังมินขู่พ่อเฒ่าว่าจะเปิดโปงความจริงทุกอย่างออกมา

จากผลประเมินจากแพทย์ระบุว่าเมื่อตอนอายุ 7 ขวบ บังดงมินมีความผิดปกติทางบุคลิกภาพ ในขณะที่ควอนจูอ่านเกมของบังดงมินออกว่าเขากำลังจะหาทางหลบหนี

ต่อมา ควอนจูและเดเร็กโจได้รับการบอกเล่าจากคนในหมู่บ้านโซนังถึงพฤติกรรมของพ่อเฒ่า ชาวบ้านทุกคนถูกหลอกให้ดื่มน้ำสมุนไพรบีโมเพราะคิดว่าเป็นยาบำรุงที่เทพประทานให้ แต่แท้ที่จริงมันเป็นยาล้างสมอง นอกจากนั้นพ่อเฒ่าจะข่มขืนผู้หญิงเพื่อจะได้มีลูกต่อ ๆ ไป และเด็กที่เกิดมาฉลาดที่สุดก็คือดงบังมิน ทุกครั้งที่มีคนจะเปิดเผยเรื่องนี้พ่อเฒ่าก็จะฆ่าคนเหล่านั้นทิ้ง

EP.14 ตอนจบ

ชาวหมู่บ้านโซนังออกมารวมตัวกันเพื่อปกป้องพ่อเฒ่าที่กำลังสวดภาวนาให้พวกเขา ในขณะที่ทีมปฏิบัติการนำหมายไปจับพ่อเฒ่าในข้อหาเป็นนักต้มตุ๋น แต่แท้จริงแล้วคนที่สวดภาวนาอยู่นั้นไม่ใช่พ่อเฒ่าตัวจริง แต่พ่อเฒ่าเองกำลังยืนสังเกตการณ์อยู่ห่างออกไป

ดงบังมินตามพ่อเฒ่าไปที่ห้องลับซึ่งกำลังเก็บเงินทั้งหมดในเซฟและปืนเพื่อหลบหนี ดงบังมินทำร้ายพ่อเฒ่าและพาไปยังโรงพยาบาลเอฟ โรงพยาบาลเด็กร้างในป่าซึ่งไม่ไกลจากที่นั่น

ควอนจูพบประวัติการรักษาของตัวเองและดงบังมินในโรงพยาบาลเอฟ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลร้าง ในตอนนั้นควอนจูอายุ 12 ปี เธอประสบอุบัติเหตุและต้องเข้ารับการผ่าตัดสมอง ผลการผ่าตัดทำให้เธอมองไม่เห็นอยู่ช่วงหนึ่ง แต่พอกลับมามองเห็นการได้ยินของเธอก็เริ่มดีขึ้น ยาที่เธอได้รับในตอนนั้นรุนแรงจนทำให้เธอสมองเสื่อมและจำอะไรไม่ได้ จนกระทั่งกลับมาที่เดิม ณ ตอนนี้ จึงจำเหตุการณ์ทั้งหมดได้

พวกเขาพบดงบังมินและพ่อเฒ่าบนชั้นสอง ซึ่งกำลังถูกมัดด้วยไฟประดับ แต่ดงบังมินหลบหนีไปได้ เดเร็กโจตามไปและเกิดการต่อสู้กัน เดเร็กโจยิงดงบังมินไปหลายนัดแต่ไม่ได้เจตนาจะเอาให้ถึงตาย จากนั้นดงบังมินก็ถูกควบคุมตัวและนำส่งโรงพยาบาล เขาเตือนควอนจูให้ระวังหูของเธอให้ดีเพราะว่าจะมีคนมาเอาไป

ต่อมาควอนจูได้รับข้อมูลเกี่ยวกับฟาเบรแล็บ ที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อทำการวิจัยเกี่ยวกับการเพิ่มความสามารถในการได้ยินของมนุษย์ โดยใช้ประสาทวิทยาเซลล์และเส้นประสาทสมอง และความจริงก็คือเธอเป็นหนึ่งในหนูทดลองของพวกเขา

ควอนจูกลับไปที่โรงพยาบาลร้างอีกครั้งเพื่อหาความจริง ที่นั่นเธอได้พบกับก็อดเดสลี เธอชวนกวอนจูให้ไปด้วยกันเพื่อจะได้รู้ความจริงทั้งหมด …

จบบริบูรณ์

Photos: tvN Korea