Skip to content
สรุปเนื้อเรื่องซีรีส์ The Devil Judge (2021)

สรุปเนื้อเรื่องซีรีส์ The Devil Judge (2021)

ซีรีส์ The Devil Judge : ประเทศเกาหลีที่กำลังล่มสลาย คังโยฮันได้ปรากฏตัวขึ้นในรายการพิจารณาคดีสดเพื่อลงโทษอภิสิทธิ์ชน เขาคือฮีโร่หรือปีศาจในคราบผู้พิพากษากันแน่ ?

คะแนน 4/10 เรตติ้งเฉลี่ย 6.1
สนุกไหม ? พล็อตเรื่องถือว่าดี แต่ติดตรงที่การผูกโยงเรื่องดูจะไม่สมเหตุสมผล คือไม่เนียนพอที่จะทำให้อินไปกับตัวละคร แถมตอนจบยังเป็นอะไรที่แบบต้องร้องเฮ้อ ! ออกมา

EP.1 อำนาจมาจากประชาชน

โรคระบาดครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นเมื่อ 2 ปีก่อนได้ทำลายเศรษฐกิจเกาหลีใต้อยู่ในสภาวะย่ำแย่ บริษัทจำนวนมากต้องประสบภาวะล้มละลาย คนตกงานเป็นจำนวนมาก และนำไปสู่จุดตกต่ำทั้งทางด้านสังคม การเมือง และกระบวนการยุติธรรม รัฐบาลเองก็อยู่ในสถานภาพง่อนแง่น อีกทั้งยังมีการยุยงปลุกปั่นของผู้ไม่หวังดีผ่านสื่อโซเชียลต่าง ๆ ทำให้คนจำนวนหนึ่งรู้สึกว่า คนที่มีชีวิตที่ดีอยู่ดีกินดีเป็นคนผิดที่ควรได้รับการลงโทษ ประกอบกับสภาพสังคมอยู่ในภาวะเหลวแหลก ทำให้คนจำนวนหนึ่งไม่เชื่อในกฎหมาย ก่อการจลาจลปล้นสะดมขึ้นเป็นจำนวนมากในหลาย ๆ พื้นที่

สภาพเกาหลีใต้ในตอนนี้เข้าสู่ยุคมิคสัญญีโดยสมบูรณ์ !

ดังนั้น เพื่อการดึงความเชื่อมั่นของประชาชนให้มีต่อระบบการรักษากฎหมายและการรักษาความสงบเรียบร้อย จึงมีการแก้ไขระบบการพิจารณาความในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่คนทั้งประเทศจะสามารถเป็นคณะลูกขุนได้ สิ่งที่ว่านี้คือ “รายการสดการพิจารณาคดีในศาลจำลอง” โดยจะมีการพิจารณาคดีผ่านรายการสดโดยเปิดให้ผู้ชมกดปุ่มโหวตว่าจำเลยถูกหรือผิด !

ที่ต้องมีการเปิดให้ประชาชนเป็นคนโหวตตัดสินคดี ก็เพราะคนส่วนใหญ่เชื่อว่าผู้กระทำความผิดที่มีเงินและอำนาจมักจะได้รับประโยชน์จากการใช้เส้นสายในกระบวนการยุติธรรม และผู้ที่ได้รับเลือกให้เป็นผู้พิพากษาในคดีนี้คือ ผู้พิพากษาคังโยฮัน (รับบทโดย จีซอง)

คังโยฮันได้ชื่อว่าเป็นผู้พิพากษาที่ไร้ความปรานี เขาไม่สนใจว่าจำเลยจะเป็นใคร คนจนคนรวย คนมีอำนาจหรือคนไร้บ้าน ถ้าคนคนนั้นทำความผิดเขาจะลงโทษอย่างสาสมด้วยอำนาจที่ประชาชนมอบให้เขา เพราะเขาเชื่อว่าผู้ที่สนับสนุนเขาคือประชาชนนั่นเอง (อำนาจมาจากการสนับสนุนของประชาชน)

ทีนี้ มินจองโฮ ซึ่งเป็นผู้พิพากษาสูงสุดเกิดอยากส่งคนของตัวเองเข้าไปร่วมในรายการสดศาลจำลองด้วย เพื่อสืบดูว่ามีอะไรที่ไม่ชอบมาพากลในกระบวนการพิจารณาคดีหรือเปล่า เขาจึงได้ชวนคิมกาอน (รับบทโดย พัคจินยอง GOT7) ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของเขามารับตำแหน่งผู้พิพากษาสมทบร่วมกับโอจินจู ผู้พิพากษาสมทบอีกคนหนึ่ง

คังโยฮันเลือกคดีเจยูเคมีคอลเป็นคดีแรกในรายการสดศาลจำลอง โดยจำเลยคือประธานจูอิลโด ผู้สนับสนุนรายใหญ่ของมูลนิธิเพื่อสังคม หรือพูดให้เข้าใจง่ายกว่านี้ก็คือ เขาเป็นผู้สนับสนุนเงินทุนให้กับผู้มีอำนาจในรัฐบาลและ ชาคยองฮี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมคนปัจจุบัน ดังนั้น คดีนี้จึงเป็นตัวชี้วัดให้กับประชาชนได้เป็นอย่างดีว่า รายการสดศาลจำลองนี้จะเป็นรายการที่ลงโทษคนทำผิดได้จริง ไม่ใช่ปาหี่อย่างที่เคยเป็นมา

คดีเจยูเคมีคอลเป็นคดีที่ประธานจูตกเป็นจำเลย เนื่องจากละเลยโดยเจตนาจนทำให้เกิดการรั่วไหลของสารเคมีลงไปในแหล่งน้ำ ผลก็คือทำให้มีคนตาย ส่วนคนที่รอดก็ได้รับผลกระทบในระยะยาวเป็นจำนวนหลายสิบคน โดยทนายของประธานจูแนะนำให้ขึ้นศาลเพราะคดีทำลายสิ่งแวดล้อมหาหลักฐานเอาผิดได้ยาก และหากถูกตัดสินว่ามีความผิดก็จะเข้าในข้อหาประมาทจนทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุดแค่เพียง 5 ปีเท่านั้น

จะอย่างไรก็ตาม ผู้พิพากษาสูงสุดมินจองโฮเชื่อว่า คังโยฮันอาจมีเจตนาบางอย่างแอบแฝงที่เจาะจงเลือกคดีของเจยูเคมีคอลเป็นคดีแรกในการออกรายการสดศาลจำลอง เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าประธานจูเป็นผู้สนับสนุนของชาคยองฮี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นคนสนับสนุนคังโยฮันให้ทำรายการนี้ขึ้นมา ดังนั้น มินจองโฮจึงให้คิมกาอนสืบพฤติกรรมของคังโยฮัน

ทีนี้ คิมกาอนจึงไปดูแฟ้มคดีเก่า ๆ ของประธานจูก็พบว่า ชาคยองฮีคือคนที่ช่วยประธานจูในทุก ๆ ครั้งเมื่อเกิดปัญหา จากนั้นเขาก็ขอให้หมวดยุนซูฮยอน (รับบทโดย พัคกยูยอง) เพื่อนสาวคนสนิทช่วยหาเครื่องดักฟังมาให้

เมื่อคิมกาอนได้ของที่ต้องการ เขาก็แอบนำเครื่องดักฟังไปติดไว้ในห้องทำงานของคังโยฮัน จากสิ่งที่เขาได้ยินทำให้เขาเชื่อว่า คังโยฮันกำลังให้การช่วยเหลือประธานจู แถมในคืนนั้นเอง คังโยฮันยังนัดพบกับทนายความของประธานจู ซึ่งเป็นวันก่อนการพิจารณาคดี

จองซอนอา (รับบทโดย คิมมินจอง) ผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อสังคม พยายามโน้มน้าวชาคยองฮีเพื่อให้เปลี่ยนคดีอื่นแทนคดีของประธานจู แน่นอนว่าด้วยตำแหน่งชาคยองฮีที่เป็นถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมย่อมไม่ยอมให้จองซอนอามาสั่งได้ง่าย ๆ แต่ทว่าเธอก็โดนตอกกลับหน้าหงาย เมื่อจองซอนอาบอกว่าทั้งรถประจำตำแหน่งและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ก็เป็นเงินที่ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิเพื่อสังคมทั้งสิ้น เพราะเป็นที่รู้กันดีว่า งบประมาณของรัฐบาลมีไม่เพียงพอที่จะมาใช้จ่ายฟุ่มเฟือย !

เมื่อถึงวันถ่ายทอดรายการสดการพิจารณาคดีในศาลจำลองคดีของประธานจูอิลโด โดยระหว่างรายการประชาชนที่ดูอยู่ทางบ้านสามารถกดโหวตได้ว่าจะให้จำเลยมีความผิดหรือไม่ ผ่านทางแอปบนโทรศัพท์มือถือ ซึ่งปรากฏว่าผลโหวตมากกว่า 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ลงความเห็นว่าเขาผิดจริง !

สถานการณ์ของประธานจูอิลโดเดินทางมาถึงทางตัน เขาไม่มีทางเลือกนอกจากการยอมรับผิดในโทษฐานประมาทในวิชาชีพจนทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งมีโทษจำคุกเพียงแค่ 5 ปีเท่านั้น ซึ่งคังโยฮันก็ยอมให้เขารับโทษในข้อหานั้น แต่เขานับโทษโดยคูณกับจำนวนของผู้ตายและผู้เจ็บป่วยที่เกิดจากการการกระทำของเขา ซึ่งโทษรวมเท่ากับ 235 ปี !!!

คิมกาอนถึงกับแปลกใจกับคำตัดสินของคังโยฮันที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่เขาคิด แต่คนที่ตกใจยิ่งกว่าคือชาคยองฮี ที่เธอรู้สึกเหมือนโดนคังโยฮันหักหลัง

โรคระบาดครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นเมื่อ 2 ปีก่อนได้ทำลายเศรษฐกิจเกาหลีใต้อยู่ในสภาวะย่ำแย่ บริษัทจำนวนมากต้องประสบภาวะล้มละลาย คนตกงานเป็นจำนวนมาก และนำไปสู่จุดตกต่ำทั้งทางด้านสังคม การเมือง และกระบวนการยุติธรรม รัฐบาลเองก็อยู่ในสถานภาพง่อนแง่น อีกทั้งยังมีการยุยงปลุกปั่นของผู้ไม่หวังดีผ่านสื่อโซเชียลต่าง ๆ ทำให้คนจำนวนหนึ่งรู้สึกว่า คนที่มีชีวิตที่ดีอยู่ดีกินดีเป็นคนผิดที่ควรได้รับการลงโทษ ประกอบกับสภาพสังคมอยู่ในภาวะเหลวแหลก ทำให้คนจำนวนหนึ่งไม่เชื่อในกฎหมาย ก่อการจลาจลปล้นสะดมขึ้นเป็นจำนวนมากในหลาย ๆ พื้นที่

สภาพเกาหลีใต้ในตอนนี้เข้าสู่ยุคมิคสัญญีโดยสมบูรณ์ !

ดังนั้น เพื่อการดึงความเชื่อมั่นของประชาชนให้มีต่อระบบการรักษากฎหมายและการรักษาความสงบเรียบร้อย จึงมีการแก้ไขระบบการพิจารณาความในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่คนทั้งประเทศจะสามารถเป็นคณะลูกขุนได้ สิ่งที่ว่านี้คือ “รายการสดการพิจารณาคดีในศาลจำลอง” โดยจะมีการพิจารณาคดีผ่านรายการสดโดยเปิดให้ผู้ชมกดปุ่มโหวตว่าจำเลยถูกหรือผิด !

ที่ต้องมีการเปิดให้ประชาชนเป็นคนโหวตตัดสินคดี ก็เพราะคนส่วนใหญ่เชื่อว่าผู้กระทำความผิดที่มีเงินและอำนาจมักจะได้รับประโยชน์จากการใช้เส้นสายในกระบวนการยุติธรรม และผู้ที่ได้รับเลือกให้เป็นผู้พิพากษาในคดีนี้คือ ผู้พิพากษาคังโยฮัน (รับบทโดย จีซอง)

คังโยฮันได้ชื่อว่าเป็นผู้พิพากษาที่ไร้ความปรานี เขาไม่สนใจว่าจำเลยจะเป็นใคร คนจนคนรวย คนมีอำนาจหรือคนไร้บ้าน ถ้าคนคนนั้นทำความผิดเขาจะลงโทษอย่างสาสมด้วยอำนาจที่ประชาชนมอบให้เขา เพราะเขาเชื่อว่าผู้ที่สนับสนุนเขาคือประชาชนนั่นเอง (อำนาจมาจากการสนับสนุนของประชาชน)

ทีนี้ มินจองโฮ ซึ่งเป็นผู้พิพากษาสูงสุดเกิดอยากส่งคนของตัวเองเข้าไปร่วมในรายการสดศาลจำลองด้วย เพื่อสืบดูว่ามีอะไรที่ไม่ชอบมาพากลในกระบวนการพิจารณาคดีหรือเปล่า เขาจึงได้ชวนคิมกาอน (รับบทโดย พัคจินยอง GOT7) ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของเขามารับตำแหน่งผู้พิพากษาสมทบร่วมกับโอจินจู ผู้พิพากษาสมทบอีกคนหนึ่ง

คังโยฮันเลือกคดีเจยูเคมีคอลเป็นคดีแรกในรายการสดศาลจำลอง โดยจำเลยคือประธานจูอิลโด ผู้สนับสนุนรายใหญ่ของมูลนิธิเพื่อสังคม หรือพูดให้เข้าใจง่ายกว่านี้ก็คือ เขาเป็นผู้สนับสนุนเงินทุนให้กับผู้มีอำนาจในรัฐบาลและ ชาคยองฮี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมคนปัจจุบัน ดังนั้น คดีนี้จึงเป็นตัวชี้วัดให้กับประชาชนได้เป็นอย่างดีว่า รายการสดศาลจำลองนี้จะเป็นรายการที่ลงโทษคนทำผิดได้จริง ไม่ใช่ปาหี่อย่างที่เคยเป็นมา

คดีเจยูเคมีคอลเป็นคดีที่ประธานจูตกเป็นจำเลย เนื่องจากละเลยโดยเจตนาจนทำให้เกิดการรั่วไหลของสารเคมีลงไปในแหล่งน้ำ ผลก็คือทำให้มีคนตาย ส่วนคนที่รอดก็ได้รับผลกระทบในระยะยาวเป็นจำนวนหลายสิบคน โดยทนายของประธานจูแนะนำให้ขึ้นศาลเพราะคดีทำลายสิ่งแวดล้อมหาหลักฐานเอาผิดได้ยาก และหากถูกตัดสินว่ามีความผิดก็จะเข้าในข้อหาประมาทจนทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุดแค่เพียง 5 ปีเท่านั้น

จะอย่างไรก็ตาม ผู้พิพากษาสูงสุดมินจองโฮเชื่อว่า คังโยฮันอาจมีเจตนาบางอย่างแอบแฝงที่เจาะจงเลือกคดีของเจยูเคมีคอลเป็นคดีแรกในการออกรายการสดศาลจำลอง เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าประธานจูเป็นผู้สนับสนุนของชาคยองฮี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นคนสนับสนุนคังโยฮันให้ทำรายการนี้ขึ้นมา ดังนั้น มินจองโฮจึงให้คิมกาอนสืบพฤติกรรมของคังโยฮัน

ทีนี้ คิมกาอนจึงไปดูแฟ้มคดีเก่า ๆ ของประธานจูก็พบว่า ชาคยองฮีคือคนที่ช่วยประธานจูในทุก ๆ ครั้งเมื่อเกิดปัญหา จากนั้นเขาก็ขอให้หมวดยุนซูฮยอน (รับบทโดย พัคกยูยอง) เพื่อนสาวคนสนิทช่วยหาเครื่องดักฟังมาให้

เมื่อคิมกาอนได้ของที่ต้องการ เขาก็แอบนำเครื่องดักฟังไปติดไว้ในห้องทำงานของคังโยฮัน จากสิ่งที่เขาได้ยินทำให้เขาเชื่อว่า คังโยฮันกำลังให้การช่วยเหลือประธานจู แถมในคืนนั้นเอง คังโยฮันยังนัดพบกับทนายความของประธานจู ซึ่งเป็นวันก่อนการพิจารณาคดี

จองซอนอา (รับบทโดย คิมมินจอง) ผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อสังคม พยายามโน้มน้าวชาคยองฮีเพื่อให้เปลี่ยนคดีอื่นแทนคดีของประธานจู แน่นอนว่าด้วยตำแหน่งชาคยองฮีที่เป็นถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมย่อมไม่ยอมให้จองซอนอามาสั่งได้ง่าย ๆ แต่ทว่าเธอก็โดนตอกกลับหน้าหงาย เมื่อจองซอนอาบอกว่าทั้งรถประจำตำแหน่งและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ก็เป็นเงินที่ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิเพื่อสังคมทั้งสิ้น เพราะเป็นที่รู้กันดีว่า งบประมาณของรัฐบาลมีไม่เพียงพอที่จะมาใช้จ่ายฟุ่มเฟือย !

เมื่อถึงวันถ่ายทอดรายการสดการพิจารณาคดีในศาลจำลองคดีของประธานจูอิลโด โดยระหว่างรายการประชาชนที่ดูอยู่ทางบ้านสามารถกดโหวตได้ว่าจะให้จำเลยมีความผิดหรือไม่ ผ่านทางแอปบนโทรศัพท์มือถือ ซึ่งปรากฏว่าผลโหวตมากกว่า 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ลงความเห็นว่าเขาผิดจริง !

สถานการณ์ของประธานจูอิลโดเดินทางมาถึงทางตัน เขาไม่มีทางเลือกนอกจากการยอมรับผิดในโทษฐานประมาทในวิชาชีพจนทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งมีโทษจำคุกเพียงแค่ 5 ปีเท่านั้น ซึ่งคังโยฮันก็ยอมให้เขารับโทษในข้อหานั้น แต่เขานับโทษโดยคูณกับจำนวนของผู้ตายและผู้เจ็บป่วยที่เกิดจากการการกระทำของเขา ซึ่งโทษรวมเท่ากับ 235 ปี !!!

คิมกาอนถึงกับแปลกใจกับคำตัดสินของคังโยฮันที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่เขาคิด แต่คนที่ตกใจยิ่งกว่าคือชาคยองฮี ที่เธอรู้สึกเหมือนโดนคังโยฮันหักหลัง

EP.2 เขาคือปีศาจ

ท่านรัฐมนตรีหญิงชาคยองฮีแสดงความไม่พอใจกับคำพิพากษาของคังโยฮัน และคิดว่าเขาเสแสร้งร้องไห้ในตอนท้ายของรายการพิจารณาคดีสด เธอมองว่าผลกระทบครั้งนี้ต้องสร้างความไม่พอใจให้กับมูลนิธิเพื่อสังคมอย่างแน่นอน แต่ฮอจุงเซบอกว่าประธานซอจองฮัก ประธานของมูลนิธีเพื่อสังคมมีท่าทางปกติดีหลังจากรู้คำตัดสินที่ออกมา

จากคำกล่าวของฮอจุงเซ ทำให้ชาคยองฮีรีบร้อนเดินทางไปหาประธานซอจองฮัก พร้อมกับแสดงอาการฟาดงวงฟาดงาออกมาด้วยความไม่พอใจ เพราะคิดว่าประธานซอจองฮักร่วมมือกับคังโยฮันลับหลังเพื่อทำลายเธอ แต่ดูเหมือนว่าจองซอนอาจะไม่เห็นด้วย เธอแสดงผลโพลให้ชาคยองฮีดูว่า หลังจบรายการพิจารณาคดีสดคะแนนนิยมของรัฐบาลเพิ่มมากขึ้นถึง 17 เปอร์เซ็นต์ อีกทั้งชาคยองฮีก็เป็นตัวเต็งที่จะได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนต่อไปของประเทศ เมื่อถึงเวลานั้นย่อมมีบริษัทที่ใหญ่กว่าเจยูเคมิคอลของประธานจูมาให้การสนับสนุนเงินทุนอย่างแน่นอน

คิมกาอนพบกับคังโยฮันและได้ถามคำถามที่คาใจแบบตรงไปตรงมา เรื่องที่ผู้จัดการโรงงานของประธานจูเกิดกลับคำให้การในชั้นศาล เขาคิดว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเพราะคังโยฮันอยู่เบื้องหลังการบังคับ (และข่มขู่) พยาน เพื่อให้ดูเหมือนว่าประธานจูมีความผิด แต่คำตอบของคังโยฮันก็เป็นคำตอบตรง ๆ เช่นกัน …

“เราพิจารณาคดีเพื่อผดุงความยุติธรรมเหรอ ? มันก็เหมือนการเล่นเกม ถ้านายพิสูจน์อะไรไม่ได้นายก็แพ้ มันไม่ใช่เกมที่ยุติธรรมตั้งแต่แรกแล้ว พวกเขาปลอมแปลงซุกซ่อนซื้อตัวเจ้าหน้าที่สืบสวน คนที่มีอำนาจจะทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองรอด ฉันรู้ว่ามันน่าเศร้า แต่ในโลกของความเป็นจริงมันไม่มีความยุติธรรมหรอก มันเป็นแค่เกมที่ไม่มีที่ไม่ยุติธรรมเลย”

ด้านคิมกาอนในตอนนี้รู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก เพราะเขาไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วคังโยฮันอยู่ฝ่ายไหนและต้องการทำอะไรกันแน่ ส่วนผู้พิพากษาสูงสุด มินจองโฮก็ตั้งข้อสังเกตว่า จากรายการพิจารณาคดีสด คะแนนนิยมของฝ่ายรัฐบาลเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก เขาจึงคิดว่าต้องมีข้อตกลงบางอย่างเบื้องหลังอย่างแน่นอน

ด้วยความช่วยเหลือของผู้หมวดยุนซูฮยอน ทำให้คิมกาอนได้เบาะแสของคังโยฮันเพิ่มเติม และมันทำให้เขาได้รู้ถึงความร้ายกาจของคังโยฮันในวัยเด็กที่เพื่อน ๆ นักเรียนต่างเรียกเขาว่าปีศาจ

ระหว่างนั้นมีเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งชื่อว่าอียองฮุนขับรถสปอร์ตซิ่งป่วนเมืองไปทั่ว โดยไม่สนใจว่าใครจะได้รับความเดือดร้อน ไม่ว่าจะเป็นคนข้ามถนน แม่ที่กำลังขับรถพาลูกน้อยกลับบ้าน หรือแม้แต่ชายแก่เก็บของเก่า อียองฮุนเรียกสิ่งที่กำลังเล่นสนุกนี้ว่า “ขับรถเที่ยวซาฟารี” (หมายถึงดูถูกคนอื่นว่าไม่ใช่คน)

คิมกาอนกับยุนซูฮยอนเห็นเหตุการณ์พอดีจึงรีบขับรถตามไปจับ แต่ด้วยความแรงของรถที่ต่างกันเกินไปทำให้ทั้งสองตามไม่ทัน ระหว่างนั้นเอง คังโยฮันก็ควบรถสปอร์ตไล่ตามอียองฮุนมาติด ๆ ในท้ายที่สุดเขาก็แซงขึ้นหน้าไปแล้วก็เบรกอย่างกะทันหัน อียองฮุนจึงไม่มีทางเลือกต้องเหยียบเบรกหน้าตั้งเช่นกัน เมื่อรถทั้งสองคันหยุดลง คังโยฮันก็คว้าเอาค้อนปอนด์ลงมาด้วย ทันใดนั้นเองเขาก็ใช้ค้อนปอนด์ทุบไปที่รถพอร์ชสีเหลืองคันงามของอียองฮุนจนพังยับ จากนั้นคังโยฮันก็ยื่นซองยาไอซ์ให้กับอียองฮุน ก่อนที่จะเก็บเอาไว้เป็นหลักฐานเพื่อใช้ในการข่มขู่ต่อไป ซึ่งทั้งหมดนี้ คังโยฮันทำไปเพื่อใช้อียองฮุนเป็นเหยื่อล่อใครบางคน …

ในงานแฟชั่นการกุศลที่จัดขึ้นโดยมูลนิธิเพื่อสังคมร่วมกับซารัมมีเดีย (ผู้ผลิตรายการพิจารณาคดีสด) ชาคยองฮีแนะนำให้ลูกชายของเขาได้รู้จักกับคังโยฮัน แล้วเราก็ได้รู้ว่าที่แท้แล้วอียองฮุนก็คือลูกชายของท่านรัฐมนตรีชาคยองฮีนั่นเอง !

ในตอนท้าย คิมกาอนเข้าไปเอาเครื่องดักฟังที่ติดไว้ในห้องของคังโยฮัน ทันใดนั้นเอง เสียงจากเงามืดก็ดังขึ้นมา “หาไอ้นี่อยู่เหรอ ?” แล้วคังโยฮันผู้เป็นเจ้าของเสียงก็ยื่นเครื่องดักฟังให้กับคิมกาอน ในเวลาเดียวกันนั้นเองเสียงระเบิดเวลาที่ฝังอยู่ใต้ภาพวาดที่ผนังห้องก็ดังขึ้นน คิมกาอนพุ่งเข้าหาคังโยฮันทำให้ทั้งสองหมอบลงไปกับพื้นก่อนที่เสียงระเบิดจะดังขึ้นอย่างสนั่นหวั่นไหว

หลังจากนั้นคังโยฮันก็ประคองคิมกาอนที่ได้รับบาดเจ็บออกมา …

EP.3 ปีศาจในโบสถ์แห่งเปลวเพลิง

ณ คฤหาสน์ทรงยุโรปสีดำทะมึนรอบล้อมไปด้วยสีสันของธรรมชาติ เหมือนผู้สร้างจงใจจะบอกว่ามีความลึกลับมากมายให้ค้นหา หลังเหตุการณ์ระเบิดคังโยฮันได้พาคิมกาอนมาพักรักษาตัวอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้

ข่าวการระเบิดห้องผู้พิพากษาคังโฮยันกลายเป็นข่าวใหญ่ที่ประชาชนให้ความสนใจ คังโยฮันจึงใช้โอกาสนี้เพิ่มความนิยมให้กับตัวเอง โดยการออกมาให้สัมภาษณ์นักข่าวว่า จำเลยคนต่อไปในรายการพิพากษาสดก็คือลูกของผู้มีอิทธิพลที่ชอบทำร้ายคนอ่อนแอมาตลอด นั่นก็คืออียองมิน ลูกชายโทนเพียงคนเดียวของท่านรัฐมนตรีชาคยองฮี

จากการประกาศออกมาของคังโยฮันได้สร้างเสียงฮือฮาด้วยความตื่นเต้นเป็นอย่างมาก มีเพียงคนเดียวที่ไม่คิดเช่นนั้น ชาคยองฮี … เธอพยายามไปล็อบบี้กับท่านประธานาธิบดีฮอจุงเซ แต่ดูเหมือนว่าจะทำอะไรไม่ได้ เพราะประชาชนให้ความนิยมคังโยฮันอย่างล้นหลาม มีการเข้าชื่อของประชาชนมากถึงหนึ่งล้านรายชื่อภายในวันเดียวสนับสนุนการทำงานของคังโยฮัน

คังโยฮันมองการระเบิดในห้องทำงานของเขาในครั้งนี้เป็นเพียงการเตือน เพราะแรงระเบิดมันไม่ทำให้ถึงตาย แต่ก็รุนแรงมากพอที่จะสร้างความหวาดกลัวได้ จากนั้นเขาก็ให้ลูกน้องคนสนิทตามรอยการสืบสวนของตำรวจ ซึ่งผู้รับผิดชอบในคดีนี้ก็คือผู้หมวดยุซูฮยอน ตำรวจหน่วยสืบสวนระดับภาค เพื่อนสาวคนสนิทของคิมกาอน ในท้ายที่สุดคังโยฮันก็ได้รู้ว่ามูลนิธิเพื่อสังคมเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังการวางระเบิดในครั้งนี้ และเป็นการวางระเบิดตั้งแต่ตอนติดตั้งภาพวาด

ส่วนยุนซูฮยอนเองเมื่อสามารถติดต่อกับคิมกาอนได้ก็เตือนเขาให้ระวังตัว เพราะเธอไม่เชื่อใจคังโยฮัน และคิดว่าเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นการสร้างสถานการณ์เรียกคะแนนนิยมให้กับตัวเอง เธอจึงพยายามโน้มน้าวให้เขารีบหนีออกมาจากที่บ้านของคังโยฮันในทันที แต่คิมกาอนคิดต่างออกไป เขามองว่าเมื่อได้โอกาสเข้าถ้ำเสือแล้วก็ขออยู่ต่อเพื่อหาข้อมูล

คิมกาอนใช้เวลาตอนที่คังโยฮันออกไปทำงานออกเดินสำรวจบ้าน ทำให้ได้พบพิรุธบางอย่างของแม่บ้าน เมื่อเข้าไปสอบถามจึงได้ความว่า จริง ๆ แล้วคฤหาสน์หลังนี้ไม่ควรจะตกเป็นของคังโยฮัน แต่ควรเป็นของนายน้อยอีซาค …

เรื่องมันเป็นอย่างนี้ นายน้อยอีซาคเสียแม่ไปตั้งแต่ยังเด็ก เมื่อเสียภรรยาอันเป็นที่รักไปทำให้ประธานคัง (พ่อของอีซาค) เสียใจเป็นอย่างมาก วัน ๆ ก็ไม่ไปไหนขลุกอยู่แต่ในบ้าน อยู่มาวันหนึ่งเพื่อนของประธานคังมาชวนออกไปกินเหล้า ด้วยความเมาทำให้เกิดไปมีความสัมพันธ์กับหญิงสาวคนหนึ่งที่ทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟ วันเวลาผ่านไป หญิงสาวคนนั้นโผล่มาพร้อมกับลูกน้อยที่เธออ้างว่าเป็นลูกของประธานคัง แล้วคังโยฮันก็อยู่ในคฤหาสน์หลังนี้นับแต่นั้นเป็นต้นมา

ตลอดระยะเวลา ประธานคังเกลียดชังคังโยฮันเป็นอย่างมาก ทั้งเฆี่ยนทั้งตีและให้เขาไปอยู่ในห้องซ่อมซ่อของบ้าน ด้วยเหตุผลที่ว่าคังโยฮันมีใบหน้าเหมือนกับประธานมากกว่าอีซาค ทำให้ประธานคังเจ็บช้ำใจทุกครั้งที่เห็นหน้าคังโยฮันที่เป็นลูกนอกสมรส ที่สำคัญคังโยฮันยังฉายแววปีศาจมาตั้งแต่เด็ก เขาเคยบังคังให้สาวใช้คนหนึ่งที่แอบชอบเขากระโดดลงมาจากชั้น 2 และเคยวางยาหมาตัวโปรดของประธานคังด้วย

อย่างไรก็ตาม ทุกคนในครอบครัวตายกันหมดจากเหตุการณ์ไฟไหม้ภายในโบสถ์ มีเพียงคนเดียวที่รอดชีวิตมาได้ราวปาฏิหาริย์ นั่นก็คือคังโยฮันและเอลียาห์ (น้องสาวของอีซาค) ที่ต้องพิการขาจากเหตุการณ์ไฟไหม้ในครั้งนั้นอีกหนึ่งคน ทำให้หลายคนเชื่อว่าคนวางเพลิงโบสถ์ก็คือคังโยฮันนั่นเอง

ชาคยองฮีไปของความช่วยเหลือจากประธานศาลฎีกาเพื่อหาทางทำให้ลูกชายของเธอพ้นผิด และก็ใช้วิธีการบีบตัวจำเลยจนในท้ายที่สุด ผู้เสียกหายทุกคนก็ยอมไกล่เกลี่ยรับเงินรับทองกันไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก

เมื่อถึงวันออกรายการพิจารณาคดีสด ปรากฏว่าทุกอย่างเหมือนจะดำเนินไปตามแผนของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ผู้เสียหายทุกคนยื่นคำร้องขอให้ไม่เอาโทษอียองมิน แต่คังโยฮันก็ยังยิ้มอยู่เพราะเขาเตรียมทีเด็ดเอาไว้แก้ลำเรียบร้อยแล้ว นั่นก็คือการเปิดให้ประชาชนทางบ้านที่เคยถูกอียองมินทำร้ายทั้งทางกายและวาจาวิดีโอคอลเข้ามาในรายการ ปรากฏว่ามีคนเป็นจำนวนมากนับร้อยโทร. เข้ามาเปิดเผยพฤติกรรมสุดถ่อยของอียองมิน กลายเป็นว่าแผนของคังโยฮันในครั้งนี้หักมุมจนคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกลับช็อกกันเป็นทั้งหมด

ต่อมา คิมกาอนยังคงเดินหน้าสืบเรื่องราวของคังโยฮันต่อไป ในที่สุดเขาก็ได้รู้ความจริงบางอย่างอันน่าตกใจ เมื่อเขาได้เห็นรูปถ่ายของอีซาคที่มีใบหน้าเหมือนกับเขาอย่างกับใช้แป้นพิมพ์เดียวกันถอดแบบกันออกมา !

EP.4 สายพันธุ์นักการเมือง

ระหว่างที่คดีการทำร้ายร่างกายจนเป็นนิสัยของอียองมินถูกเลื่อนการพิจารณาคดีออกไป ชาคยองฮีก็พยายามหาทางช่วยลูกตัวเอง และดูเหมือนหนทางสุดท้ายก็คือการเจรจาโดยตรงกับคังโยฮัน ซึ่งเขาได้ยื่นข้อเสนอให้เธอเปิดเผยสิ่งทำเอาไว้เมื่อ 19 ปีก่อนต่อสาธารณชน ในตอนนั้น ชาคยองฮียังเป็นอัยการที่ทำคดีการรับสินบนของนักการเมืองหนุ่มไฟแรงคนหนึ่ง นักการเมืองหนุ่มคนนั้นเป็นคนที่ยึดมั่นถือมั่นในความตงฉินของตัวเอง แต่แล้วก็โดนชาคยองฮีตั้งข้อกล่าวหาว่าเขามีความผิด สุดท้ายเขาก็โดนกดดันให้ต้องฆ่าตัวตาย และทิ้งลูกชายที่กำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมเอาไว้

ที่แท้แล้ว ลูกชายของนักการเมืองคนนั้นก็คือลูกน้องคนสนิทของคังโยฮันในตอนนี้นั่นเอง

คังโยฮันลากคิมกาอนไปงานเลี้ยงของมูลนิธิเพื่อสังคม ที่เปิดรับบริจาคเพื่อทำโครงการบ้านในฝันให้กับประชาชนผู้ไร้บ้าน 3 หมื่นยูนิต หลังจากพิธีทางการเสร็จสิ้นก็เป็นงานเลี้ยงภายในที่มีแต่แขกวีไอพี ณ จุดนี้เองทำให้เราได้เห็นพฤติกรรมอันน่าสะอิดสะเอียนของผู้กุมอำนาจของประเทศ …

ประธานซอจองฮักผู้ที่สร้างภาพลักษณ์ให้ตัวเองเป็นนักปราชญ์ แต่ที่จริงแล้วเขาเป็นเพียงตาแก่ตัณหากลับ ! ระหว่างที่พนักงานเสิร์ฟหญิงกำลังเข้ามาทำการเสิร์ฟอาหาร เขาได้ใช้มือล้วงเข้าไปใต้กระโปรงของเธอเพื่อทำการอนาจาร เลขาจองซอนอาเห็นท่าไม่ดีจึงเข้าไปขัดจังหวะโดยอ้างว่ามีสายด่วนเข้ามากะทันหัน จากนั้นเธอก็พาประธานซอจองฮักไปที่ห้องห้องหนึ่ง ก่อนที่เธอจะตบหน้าและด่าทอเขาเพื่อเป็นการสั่งสอน “นี่แกจะควบคุมตัวเองแค่ 1 ชั่วโมงไม่ได้เลยเหรอ ตาเฒ่าตัณหากลับ” แล้วภาพที่ไม่คาดคิดก็ปรากฏขึ้น ประธานซอจองฮักคุกเข่าลงขอโทษ พร้อมทั้งโขกหัวตัวเองกับพื้นเพื่อแสดงการสำนึกผิด !

แท้จริงแล้ว เลขาจองซอนอาเป็นมาสเตอร์มายด์ตัวจริงผู้กุมอำนาจทุกอย่าง ส่วนประธานซอจองฮักเป็นเพียงแค่ประธานหุ่นเชิดเท่านั้น

ประธานาธิบดีฮอจุงเซเองก็ไม่ต่างกัน แม้ในสายตาสาธารณชนเขาจะเป็นผู้นำที่ทำเพื่อประชาชนและประเทศชาติ แต่แท้จริงแล้วเขาก็ไม่ต่างอะไรจากสายพันธุ์นักการเมืองที่ครองอำนาจอยู่ทั่วทั้งโลก นั่นคือการสร้างภาพและการหาผลประโยชน์จากอำนาจที่ประชาชนมอบให้ ในตอนแรกฮอจุงเซคัดค้านโครงการบ้านในฝันของมูลนิธิเพื่อสังคม แต่เมื่อได้รับสินบนที่เป็นค่าตอบแทน เขาก็เปลี่ยนท่าทีเป็นสนับสนุนทันที แม้เขาจะรู้ดีว่าโครงการนี้มีอาเจนด้าบางอย่างซ่อนอยู่เบื้องหลัง นั่นคือการเวนคืนที่ดินรอบ ๆ บริเวณการก่อสร้าง ซึ่งจะสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนเป็นจำนวนมาก

คิมกาอนแสดงสีหน้ารันทดใจ เมื่อต้องมองดูนักธุรกิจระดับประเทศ ประธานาธิบดี และประธานมูลนิธิ ทุกคนเมื่ออยู่ลับหลังผู้คนกลับมีเบื้องหลังอันเน่าเฟะ ทำตัวไร้สาระ เอาแต่ดื่มเหล้าและพูดคุยหยอกล้อกันเหมือนเด็กมัธยม หรือแท้ที่จริงแล้วประชาชนก็เป็นเพียงบันไดให้คนพวกนี้ได้เหยียบย่ำให้ก้าวขึ้นไปสู่อำนาจและความมั่งคั่งก็เท่านั้น

คิมกาอนเห็นสภาพนั้นก็ทนไม่ไหวจึงต้องออกไปเข้าห้องน้ำ ระหว่างนั้นเอง จองซอนอาได้เข้ามาหาเขาและตีหน้าเศร้าเพื่อเล่าความลับบางอย่าง เธอเล่าว่า “คังโยฮันทำการยกเลิกสัญญาเรื่องการบริจาคทรัพย์สินให้กับมูลนิธิเพื่อสังคมเมื่อ 10 ปีก่อน หลังจากเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ที่โบสถ์ ในตอนนั้น อีซาค ซึ่งเป็นพี่ชายต่างมารดาของเขาได้ทำการเซ็นสัญญายกทรัพย์สินทั้งหมดให้กับมูลนิธิเพื่อสังคม พิธีการจัดขึ้นที่โบสถ์แห่งหนึ่ง แต่เรื่องที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อจู่ ๆ ไฟก็ไหม้โบสถ์ อีซาคกับภรรยาเสียชีวิตอยู่ในโบสถ์ มีเพียงคังโยฮันเท่านั้นที่รอดชีวิตมาได้ราวปาฏิหาริย์ และสิ่งแรกที่เขาทำหลังจากออกจากโรงพยาบาลก็คือการยื่นเรื่องขอยกเลิกการบริจาค โดยใช้ใบรับรองแพทย์อ้างเหตุว่าอีซาคขาดความสามารถในการตัดสินใจ”

สิ่งที่จองซอนอาเล่าให้คิมกาอนฟังมันทำให้เขาเพิ่มระดับความสงสัยในตัวคังโยฮันมากขึ้น มากจนถึงขนาดที่ว่าอยากรู้ว่าในวันนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่

ชาคยองฮีจัดงานแถลงข่าวด่วน เธอกล่าวขอโทษสาธารณชนในความผิดที่ลูกชายของเธอได้ก่อเอาไว้ จากนั้นก็กล่าวสนับสนุนให้มีการลงโทษลูกชายของเธอสถานหนักอันเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด … อียองมินช็อก เขาแสดงท่าทีเป็นกังวลว่าตัวเองอาจจะถูกตัดสินให้ติดคุกนานเป็นร้อยปีเหมือนอย่างที่ประธานจู (คดีก่อนหน้า) เคยโดน ขณะที่คังโยฮันกลับยิ้มออกมาด้วยความขบขันที่เห็นว่า ชาคยองฮีมีความทะเยอทะยานทางการเมืองเหนือสัญชาตญาณความเป็นแม่ (เลือกประกาศให้ลงโทษลูกเพื่อให้ตัวเองได้อยู่ในตำแหน่ง แทนที่จะรับข้อเสนอของเขา)

รายการพิจารณาคดีสดได้เริ่มการตัดสินคดีของอียองมินต่อ ซึ่งเป็นที่น่าแปลกใจว่าคังโยฮันยอมรับฟังคำค้านของทนายจำเลยที่ว่าคำสั่งตัดสินจำคุกไม่เป็นผลดีใครเลย ซ้ำยังเป็นการเปลืองงบประมาณของทางราชการ และไม่ได้ทำให้เหยื่ออิ่มท้อง เขาจึงขอให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นการจ่ายค่าชดเชยแทน ซึ่งเหยื่อก็จะได้ประโยชน์จากเงินก้อนนั้นด้วย … คังโยฮันตัดสินใจไม่สั่งจำคุกอียองมิน แต่เขาสั่งให้ลงโทษด้วยการเฆี่ยนเป็นจำนวน 30 ครั้งแทน !

มีการถ่ายทอดสดการเฆี่ยนอียองมินไปทั่วประเทศ ผู้คนต่างสะใจกับการที่ได้เห็นอียองมินเจ็บปวด การเฆี่ยนผ่านไปเพียงครึ่งเดียวอียองมินก็สลบไปด้วยความเจ็บปวด

ที่คฤหาสน์หลังดำทะมึน คิมกาอนแสดงความไม่พอใจที่ห็นคำตัดสินอันไร้ความเป็นมนุษย์ของคังโยฮัน เขาจึงโพล่งใส่คังโยฮันว่า “นี่มันคงเป็นความสนุกของปีศาจสินะ เหมือนกับตอนที่วางเพลิงเพื่อฆ่าพี่ชายตัวเอง” คังโยฮันโกรธจัด บีบคอคิมกาอนอย่างแรงด้วยสายตาอันน่ากลัว ก่อนที่จะเล่าเรื่องราวความจริงที่เกิดขึ้นในวันนั้น …

ในมุมมองของคังโยฮันมองว่า คนในมูลนิธิเพื่อสังคมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินบริจาค ในวันนั้น ทุกคนไปรวมตัวกันที่โบสถ์เพื่อแสดงความชื่นชมยินดีในพิธีที่จัดขึ้นอย่างเสแสร้งเพื่อทำให้อีซาครู้สึกดีที่ได้บริจาคทรัพย์สินทั้งหมดให้มูลนิธิเพื่อสังคม ตอนนั้นอยู่ดี ๆ ไฟก็เกิดไหม้ขึ้น ทุกคนต่างพากันวิ่งเอาชีวิตรอด คังโยฮันจึงรีบวิ่งเข้าไปเพื่อที่จะไปช่วยอีซาค ภรรยาของอีซาค และเอลียาห์ แต่สุดท้ายแล้วคนเดียวที่เขาสามารถช่วยเอาไว้ได้มีเพียงเอลียาห์คนเดียวเท่านั้น

เมื่อเล่าจบ คังโยฮันได้เปิดรอยแผลที่เกิดจากไฟไหม้ที่แผ่นหลัง คิมกาอนตกตะลึงและได้กล่าวคำขอโทษออกไป

EP.5 การทำหมันทางกายภาพ

คิมกาอนรู้สึกผิดที่สงสัยในตัวของคังโยฮันมาโดยตลอด เขาจึงขอลาออกจากตำแหน่งผู้พิพากษาสมทบและขอโทษกับเรื่องความเข้าใจผิดที่มีมาตลอด อีกทั้งเขาคิดว่าการที่เขาหน้าเหมือนอีซาคทำให้คังโยฮันอึดอัด แต่คังโยฮันไม่ถือสาหาความและเลือกที่จะให้เขาทำงานต่อไป

คิมกาอนสารภาพอีกว่า เขาได้ตรวจดูแฟ้มคดีเก่า ๆ ที่คังโยฮันทำหน้าที่เป็นผู้พิพากษาแล้วสังเกตเห็นว่าคังโยฮันพยายามทำตัวไม่ให้เป็นจุดสนใจ (พิจารณาคดีโดยไม่ใช้อารมณ์และความรู้สึก) มันทำให้เขาคิดว่าคังโยฮันเป็นนักล่า เพราะนักล่ามักจะซ่อนความรู้สึกตัวเองเพื่อรอเวลาที่เหมาะสมในการล่าเหยื่อ แต่อย่างไรก็ตาม คังโยฮันให้คิมกาอนตัดสินใจว่าจะยืนตรงข้ามหรืออยู่ข้างเดียวกับเขา ?

ชาคยองฮีใช้สื่อแก้เกมคังโยฮันโดยมีจองซอนอาเป็นผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง เธอให้สัมภาษณ์ในรายการทีวีว่า “สำหรับฉันแล้ว หน้าที่ในการผดุงความยุติธรรมต้องมาก่อนความเป็นแม่ ฉันแค่ทำตามหน้าที่โดยไม่มีข้อยกเว้น” จากนั้นในรายการก็ได้มีการนำภาพของอียองมินที่อยู่ในสภาพบอบช้ำจากการโดนเฆี่ยนออกมาเผยแพร่ เพื่อเรียกคะแนนสงสารจากประชาชน ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จไม่น้อย

จากนั้น จองซอนอาก็ทดสอบคังโยฮัน โดยการให้ผู้พิพากษาสูงสุดจียุนชิกเป็นคนสั่งให้อัยการเป็นฝ่ายเลือกคดีในรายการพิจารณาคดีสด ซึ่งทางอัยการเลือกคดีล่วงละเมิดทางเพศของดาราซุปตาร์ นัมซอกฮุน โดยทางอัยการได้สร้างเซอร์ไพรส์ให้กับคังโยฮัน ด้วยการร้องขอให้ตัดสินลงโทษจำเลยด้วยอัตราโทษจำคุก 20 ปี พ่วงด้วยการทำหมันทางกายภาพ (หรือการตัดอวัยวะทิ้ง) ซึ่งประชาชนต่างโห่ร้องด้วยความตื่นเต้น ในขณะที่คังโยฮันไม่คิดเช่นนั้น เพราะเขาไม่อยากเดินตามเกมของอัยการ คังโยฮันจึงขอเลื่อนการพิจารณาคดีออกไปก่อน

แน่นอนว่าการปฏิเสธความต้องการของประชาชนย่อมส่งผลต่อคะแนนนิยมของคังโยฮัน เมื่อถึงการพิจารณาคำตัดสิน คังโยฮันจึงเลือกคำตัดสินที่เซอร์ไพรส์คนทั้งประเทศ รวมทั้งคิมกาอนและจองซอนอาที่นั่งดูการพิจารณาคดีอยู่ด้วย คังโยฮันตัดสินโทษจำคุก 20 ปีตามคำร้องขอของอัยการ แต่เลือกที่จะไม่ตัดอวัยวะทิ้ง แต่เลือกที่จะส่งนัมซอกฮุนไปรับโทษจำคุกในทัณฑสถานของผู้กระทำความผิดทางเพศที่รัฐเทกซัส ประเทศสหรัฐอเมริกาแทน โดยอ้างถึงสนธิสัญญาที่มีของสองประเทศ

ในตอนท้ายของรายการได้เผยคลิปจากนักโทษที่อยู่ในเรือนจำแห่งนั้นกล่าวต้อนรับด้วยถ้อยคำสองแง่สองง่าม ที่แสดงให้เห็นว่าตู้เย็นของนัมซอกฮุนจะสะอาดไปอีก 20 ปีอย่างแน่นอน เพราะแม้แต่จองซอนอาเองเมื่อได้เห็นคลิปก็ถึงกับเบ้หน้าด้วยความรู้สึกขยะแขยง ว่าที่จริงมันก็ไม่ต่างอะไรไปจากโดนตัดอวัยวะเลยแม้แต่น้อย !!?

ต่อมาเราก็ได้รู้ว่า เอลียาห์เป็นนักศึกษาออนไลน์ของคณะวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยแสตนฟอร์ด ที่มลรัฐเทกซัส คังโยฮันทุ่มเงินอย่างไม่อั้นเพื่อการศึกษาของเอลียาห์ ถึงขนาดสร้างตึกในมหาวิทยาลัยและตั้งชื่อว่าเอลียาห์

ในคืนนั้นเอง มีจดหมายเชิญจากมูลนิธิฯ มาถึงคังโยฮัน เมื่อเขาไปตามนัดก็ถูกหญิงสาวคนหนึ่งฟาดจนสลบเหมือดไปจากทางด้านหลัง เมื่อฟื้นขึ้นมา คังโยฮันพบว่าตัวเองถูกจับใส่กุญแจมือตรึงอยู่กับเก้าอี้ จากนั้นจองซอนอาก็ปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมกับเรียกคังโยฮันว่า “นายท่าน” ก่อนที่เธอจะโน้มตัวลงไปจูบเขาอย่างดูดดื่ม ดั่งเป็นความปรารถนาที่สั่งสมมายาวนานตั้งแต่สมัยที่เธอยังเป็นสาวรับใช้ในคฤหาสน์ของคังโยฮัน !

EP.6 สาวน้อยผู้ปั่นประเทศ

ที่แท้แล้ว จองซอนอาคืออดีตสาวรับใช้ในคฤหาสน์ที่แอบชอบคังโยฮันมาตั้งแต่เด็ก ด้วยความที่เธอเป็นเด็กสาวที่ติดนิสัยลักเล็กขโมยน้อย แม้จะถูกจับได้แต่คังโยฮันก็ปล่อยผ่านไปทุกครั้ง จนครั้งหนึ่งเขาเกิดไปแอบได้ยินเธอพูดจาให้ร้ายเขาลับหลัง เมื่อสบโอกาสเขาจึงขอให้เธอพิสูจน์ว่าชอบเขามากแค่ไหนโดยการกระโดดลงมาจากชั้นสองของบ้าน แต่สิ่งที่น่าตกตะลึงก็คือความบ้าของเธอมันมากเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด เธอกระโดดลงไปด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม ร่างของเธอตกลงไปกระแทกกับพื้นจนสลบแน่นิ่งไป

คังโยฮันที่ถูกใส่กุญแจมือตรึงเอาไว้กับเก้าอี้เงยหน้ามองไปที่จองซอนอา เขาเพิ่งจำเธอได้ตอนนี้เองว่าเธอคือสาวรับใช้คนนั้น จากนั้นเธอก็บอกให้เขาอย่าเข้ามาก้าวก่ายงานของมูลนิธิเพื่อสังคม แต่เขาไม่รับคำ แถมยังบอกให้เธอฆ่าเขาเสียแต่ตอนนี้เพราะเขาจะยอมให้ถูกจับตัวมาง่าย ๆ แบบครั้งนี้อีกแล้ว “เก็บคำขู่เหล่านั้นเอาไว้เถอะ ฉันไม่กลัวหรอก เพราะฉันไม่มีอะไรให้ต้องปกป้อง” จังหวะนั้นเอว จองซอนอาก็คว้าเอาเข็มยาสลบจิ้มเข้าไปที่แขนของเขา ก่อนที่จะส่งกลับบ้านไปอย่างปลอดภัย

จีแฮ ลูกน้องคนสนิทของจองซอนอาสงสัยว่าทำไมเธอถึงไม่ฆ่าเขาไปเสียเลยจะได้จบเรื่อง แต่คำตอบที่ได้รับคือ “หมาล่าเนื้อต้องการหมาป่า ยิ่งคังโยฮันสร้างเรื่องวุ่นวายมากเท่าไร พวกคนในมูลนิธิฯ ก็ต้องพึ่งพาฉันมากเท่านั้น” ทำให้เราได้เห็นว่าคนที่น่ากลัวและบ้าที่สุดคือจองซอนอานั่นเอง !

ระหว่างที่คังโยฮันโดนจับตัวไป เอลียาห์ได้เล่าเรื่องที่คังโยฮังร่างหนังสือขอยกเลิกการบริจาคทรัพย์สินทั้งหมดให้กับมูลนิธิเพื่อสังคมก่อนเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ประมาณหนึ่งสัปดาห์ให้คิมกาอนได้รู้ ทำให้เขาได้เอาเรื่องนี้ไปเล่ากับยุนซูฮยอนอีกทอดหนึ่ง

ทีนี้เรื่องราวความไม่พอใจก็เกิดขึ้น เมื่อคิมกาอนดันพาเอลียาห์ไปพบกับยุนซูฮยอน เพื่อคุยเกี่ยวกับหลักฐานหนังสือขอยกเลิกการบริจาคทรัพย์สินให้กับมูลนิธิเพื่อสังคม เมื่อคังโยฮันรู้ก็ไม่พอใจเป็นอย่างมากที่มายุ่งกับเอลียาห์ เขาเดือดดาลขนาดกดหน้าของคิมกาอนไว้บนโต๊ะทำงาน ก่อนที่จะปักกรรไกรลงไปบนโต๊ะข้าง ๆ หน้าเขา เพื่อเป็นการขู่ว่าอย่ามายุ่งกับน้องสาวของเขาอีก !

ในขณะที่จองซอนอาได้วางแผนเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความสงสัยให้กับคิมกาอน ด้วยการให้แจฮีทำทีเป็นสะกดรอยตามหัวหน้าผู้พิพากษามินจองโฮ เพื่อแกล้งทำเป็นสร้างจุดสนใจให้กับคิมกาอนเกิดความเคลือบแคลงในตัวคังโยฮันมากขึ้น

ต่อมายุนซูฮยอนตามแกะรอยจนพบความผิดสังเกตการณ์ได้รับเงินจำนวนมากของพยานปากสำคัญในคดีแรกรายการพิจารณาคดีสด เธอจึงพุ่งเป้าที่จะสอบเส้นทางการเงินของคังโยฮันต่อไป เมื่อคิมกาอนรู้ก็เตือนเพื่อนสาวคนสนิทให้เลิกติดตามคดีนี้เพราะอาจตกเป็นอันตรายได้ แต่ไม่ทันจะสิ้นเสียงคำเตือน ยุนซูฮยอนก็โดนคนร้ายฟาดด้วยไม้หน้าสามเข้าที่กบาลขนสลบเหมือดไปนอนกองอยู่ตรงนั้น เดชะบุญที่มีพลเมืองดีช่วยพาเธอนำส่งโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว

คิมกาอนคิดขึ้นมาแวบแรกในทันทีว่า คังโยฮันเป็นคนสั่งให้ทำร้ายยุรซูฮยอน ในระหว่างนั้นเอง ชาคยองฮีแถลงข่าวว่าคังโยฮันให้เงินก้อนโตกับพยานในคดีประธานจู ซึ่งเป็นคดีแรกของรายการพิจารณาคดีสด

คิมกาอนรีบกลับไปที่คฤหาสน์ และทันทีที่เจอหน้าคังโยฮัน เขาก็สาวหมัดใส่ด้วยความเกรี้ยวกราดในทันที เพราะปักใจเชื่อไปแล้วว่าคังโยฮันเป็นคนสั่งให้ทำร้ายซูฮยอน แต่คังโยฮันยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนทำ และเตือนว่าอย่ามาแตะต้องตัวเขาอีก

สถานการณ์ของคังโยฮันไม่สู้ดี เขาผู้พิพากษาผู้ใหญ่ตำหนิซึ่งอาจจะเกิดผลเสียต่อองค์กรในระยะยาว เขาจึงถูกเสนอให้ลาออก และสั่งให้หยุดพักรายการพิจารณาคดีสดเอาไว้ก่อน …

คังโยฮันแถลงข่าวต่อหน้าสื่อมวลชน ยอมรับว่าเขาได้ให้เงินกับพยานปากสำคัญในคดีประธานจูจริง คำสารภาพของเขาสร้างความตกตะลึงให้กับคนทั้งประเทศ และทันใดนั้นเอง พยานคนที่ถูกกล่าวอ้างว่ารับเงินจากคังโยฮังก็ปรากฏตัวขึ้น (เป็นแผนของคังโยฮันที่วางเอาไว้ตั้งแต่ต้น) เขาบอกว่าเขารับเงินจริง แต่เงินนั้นเป็นเงินที่คังโยฮันให้เพื่อเป็นการช่วยเหลือเขาจากการที่ต้องโดนไล่ออกจากงานเพราะเปิดโปงความจริงของประธานจู ซึ่งสิ่งที่เขาพูดในวันนั้นเป็นความจริงทั้งหมด

ทีนี้ก็มาถึงจุดพีค คังโยฮันเลือกที่จะให้ประชาชนกดโหวตว่า จะเชื่อใจเขาให้ทำงานต่อ หรือหากประชาชนไม่ไว้วางใจเขาก็จะลาออกจากตำแหน่งทันที เมื่อคะแนนโหวตออกมาปรากฏว่ามากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ให้เขาทำงานต่อไป

ในตอนท้ายของการแถลงข่าว คังโยฮันได้ทิ้งทุ่นระเบิดใส่คนในมูลนิธิเพื่อสังคม โดยการตั้งข้อสงสัยในโครงการบ้านในฝันที่มูลนิธิฯ เปิดระดมทุนรับเงินบริจาค แต่มีการนำเงินที่ได้ไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ พร้อมกับเปิดเผยโฉมหน้าผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการดังกล่าว ซึ่งก็รวมไปถึงประธาณาธิบดีฮอจุงเซ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ขาคยองฮีด้วย เขาทิ้งประโยคสุดท้ายเอาไว้ว่า “หากใครพบเบาะแสซึ่งนำไปสู่ความจริงผมสัญญาว่าจะตอบแทนด้วยเงินส่วนตัวของผมเอง” เมื่อการแถลงข่าวจบลง ฮอจุงเซจึงกับก้นร้อน ซึ่งไม่ต่างกับชาคยองฮีที่ตาเหลือกถึงกับกุมขมับ แต่ …

คนที่ยิ้มเยาะก็คือจองซอนอา

EP.7 ประธานคนใหม่

แม้คังโยฮันจะได้รับคะแนนเสียงจากประชาชนมากกว่า 92 เปอร์เซ็นต์ ให้เขาทำรายการพิจารณาคดีสดต่อไป แต่การซื้อพยานเพื่อตบตานักข่าวและประชาชน มันเป็นวิธีการที่สร้างความเคลือบแคลงให้กับโอจินจูเป็นอย่างมาก เพราะเธอเป็นแฟนคลับและศรัทธาเขามาก ณ จุดนี้ โอจินจูคิดถึงคำพูดของจองซอนอาที่บอกให้เธอมีความทะเยอทะยานที่จะก้าวขึ้นเป็นดาวเด่นในรายการพิจารณาคดีสด

เมื่อโดนคังโยฮันใส่สื่อและข่าวลือในการโจมตี ประธานาธิบดีฮอจุงเซอจึงใช้วิธีหนามยอกเอาหนามบ่งในการแก้เกม เขาเปิดแถลงข่าวตอบโต้โดยอ้างว่า คังโยฮันร่วมมือกับต่างชาติสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้นภายในประเทศ และหากใครมีข้อมูลของคังโยฮัน เขาจะให้รางวัลเป็นเงินก้อนโต

คิมกาอนเริ่มเป็นห่วงคังโยฮันที่ไปประกาศศึกกับผู้มีอำนาจ เขาจึงพยายามสืบหาข้อมูลทางการเงินของมูลนิธิเพื่อสังคม และก็พบว่าจำนวนเงินที่ได้รับบริจาคกับจำนวนเงินที่ให้คืนกับสังคมไปนั้นไม่สอดคล้องกัน

ต่อมาประธานาธิบดีฮอจุงเซเรียกคังโยฮันไปพบเพื่อตักเตือน แต่กลายเป็นว่าคังโยฮันกลับเซอร์ไพรส์ท่านประธานาธิบดีด้วยการไลฟ์สดและบอกกับประชาชนว่า เขาและฮอจุงเซกำลังร่วมมือกันตรวจสอบการทุจริตของมูลนิธิเพื่อสังคม

ระหว่างนั้นก็มีประชาชนแจ้งเบาะแสการทุจริตของมูลนิธิเพื่อสังคมเข้ามาเป็นจำนวนมาก แต่ร้อยทั้งร้อยเป็นข้อมูลเท็จ เนื่องจากประชาชนเหล่านั้นต้องการเงินรางวัล แต่คังโยฮันก็พลิกแพลงโดยการเอาจำนวนของเบาะแสที่ได้รับแจ้งออกมาเล่าข่าว เพื่อทำให้คนเชื่อว่ามีการทุจริตในมูลนิธิฯ จริง ทั้ง ๆ ที่ไม่มีเบาะแสอะไรที่ใช้ได้เป็นชิ้นเป็นอันเลย

แม้จองซอนอาจะยังคงนิ่งกับสิ่งที่คังโยฮันเดินเกม แต่คณะกรรมการของมูลนิธิฯ กลับสติแตก เป็นกังวลกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น จองซอนอาจึงแนะนำให้คณะกรรมการไปปรึกษาประธานซอ

ประธานซอพบคณะกรรมการของมูลนิธิฯ แต่เขาเลือกที่จะหักหลังจองซอนอา โดยบอกกับทุกคนว่าจะใช้เธอเป็นแพะรับบาป เมื่อประธานซอกลับถึงบ้านก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบจองซอนอานั่งรออยู่ที่นั่น เธอเอามือลูบหัวและกล่าวให้อภัยในสิ่งที่เขาทำกับเธอตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา จากนั้น จองซอนอาก็เข้าโอบกอดประธานซอ ก่อนที่เธอจะแทงเขาจนเสียชีวิต

วันต่อมามีข่าวการฆ่าตัวตายของประธานซอ เพราะรู้ผิดต่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับมูลนิธิฯ จากนั้นจองซอนอาก็ได้ขึ้นเป็นประธานคนใหม่ของมูลนิธิเพื่อสังคม

EP.8 สู้กับโลกของการคอร์รัปชัน

คิมกาอนทรุดลงไปบนพื้นภายในเรือนจำ ในขณะที่คังโยฮันเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นหลังอีซาคเสียชีวิตจากเหตุไฟไหม้ที่โบสถ์ …

“ฉันพอเข้าใจได้ที่พวกเขา (ผู้บริหารมูลนิธิฯ) พยายามหนีเอาตัวรอดจากกองไฟด้วยการเหยียบย่ำผู้อื่น แม้ว่าพวกเขาควรจะมีความเป็นมนุษย์มากกว่านี้ แต่สิ่งที่ทำให้ฉันช็อก มันเป็นเหตุการณ์หลังจากนั้นที่โรงพยาบาล” คังโยฮันเล่าต่อ พวกผู้บริหารที่นำโดยฮอจุงเซและชาคยองฮีมาเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล คนพวกนั้นเอาแต่เสแสร้งแกล้งทำเป็นเห็นอกเห็นใจกับการสูญเสียที่เกิดขึ้นในวันนั้น ทั้ง ๆ ที่การกระทำมันย้อนแย้ง แล้วอยู่ดี ๆ พวกเขาก็เผยธาตุแท้ออกมาด้วยการพูดถึงเรื่องเงินบริจาค

“ถ้าปีศาจมีอยู่จริง มันก็คือความหน้าด้านของมนุษย์นี่แหละ”

วันรุ่งขึ้น จองซอนอาเผยแพร่คลิปวิดีโอคำสั่งเสียสุดท้ายของประธานซอ ซึ่งได้กล่าวว่า “ผมต้องขอโทษทุกคนที่ให้ความไว้ใจผม ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นความผิดพลาดของผมเอง มันเป็นบาปที่เกิดจากการประเมินความโลภของมนุษย์ต่ำเกินไป และการให้อำนาจที่มากเกินไปแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา ทั้งหมดนี้มันเป็นความผิดพลาดที่ผมไม่สามารถแก้ไขมันได้”

ทำไมในคลิปวิดีโอ ประธานซอจึงออกมาพูดเช่นนี้ มันเกิดอะไรขึ้นในคืนนั้น ?

ความจริงก็คือประธานซอพบกับฮอจุงเซ เขาบอกว่าจะแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับมูลนิธิฯ โดยการโยนความผิดทั้งหมดให้จองซอนอา หลังจากประธานซอกลับไปแล้ว จองซอนอาได้มาพบกับฮอจุงเซพร้อมกับแผนการอันน่าขนลุก “คำพูดของประธานซอสามารถสร้างอิมแพ็กให้ประชาชนคล้อยตามได้ แต่ถ้าเป็นคำพูดสุดท้ายก่อนที่เขาตายล่ะ มันจะสร้างแรงเหวี่ยงพลิกจากวิกฤติเป็นโอกาสให้กับเราได้ขนาดไหน” ฮอจุงเซเห็นด้วยกับแผนของจองซอนอา

และในคืนนั้นเอง หลังจากจองซอนอาสำเร็จโทษประธานซอด้วยคมมีดของเธอเรียบร้อย เธอก็จัดการตัดต่อคลิปของประธานซอ โดยตัวช่วงที่กล่าวถึงเธอออกไป ซึ่งเป็นช่วงที่ระบุว่าตัวเธอเป็นตัวการที่ทำให้เกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นในมูลนิธิฯ ไม่น่าเชื่อว่าเวลาเพียงไม่กี่วินาทีที่ถูกตัดออกไป จะทำให้คลิปความยาวนานนับนาทีเปลี่ยนความหมายไปทั้งหมดราวฟ้ากับก้นเหว

จากการตายของประธานซอได้เกิดกระแสตีกลับในเชิงบวกให้กับประธานาธิบดีฮอจุงเซ ทำให้เขาใช้จังหวะนี้ ออกมาสร้างคะแนนเสียงด้วยการประกาศปรับปรุงการบังคับกฎหมายให้เข้มงวดขึ้น และประกาศให้มีคณะกรรมการที่คอยให้ความช่วยเหลือผู้พิพากษาในรายการพิจารณาคดีสด ผลก็คือคะแนนนิยมของเขากลับพุ่งขึ้นไปอีก

ในส่วนของจองซอนอาที่ได้ขึ้นมาเป็นประธานของมูลนิธิ คำสั่งเสียของประธานซอที่พูดเอาไว้ได้ทำให้เธอมีอำนาจอย่างชอบธรรมในการจัดการองค์กร ที่สำคัญทุกสิ่งอย่างโดนคลีนให้ขาวสะอาดเหมือนใหม่อีกครั้ง

จองซอนอาไปหาคังโยฮันที่ห้องทำงานของเขา เธอทักทายด้วยคำพูดที่สุภาพแต่ใบหน้ามันแสดงออกถึงความจิตที่ฝังลึกอยู่ในแววตา …

“สวัสดีค้าาา ผู้พิพากษาคังโยฮัน”
“นี่คุณเสียสติไปแล้วเหรอ ?” คังโยฮันลุกออกมาจากโต๊ะทำงานเดินเข้าไปหาอดีตสาวรับใช้
“ยินดีที่ได้พบค่ะ ฉันชื่อจองซอนอา ฉันเป็นหัวหน้าคณะกรรมการสนับสนุนการดำเนินรายการพิจารณาคดีสดค่ะ ยินดีที่ได้ร่วมงานกับคุณนะคะ”
“ทำงานในมูลนิธิฯ ที่ขโมยของคนอื่นเขามายังไม่พออีกเหรอ ?”
“มันเจ็บปวดนะคะที่ได้ยินแบบนี้ ฉันอุตส่าห์มาด้วยความนอบน้อม” จองซอนอาส่งสายตาไร้เดียงสาไปที่คังโยฮัน
“คุณมันก็แค่เด็กที่ชอบลักเล็กขโมยน้อย เอาของคนอื่นเป็นของตัวเองก็เท่านั้น”
“จริง ๆ ฉันไม่ได้เอาของใครมานะคะ ฉันเป็นเจ้าของต่างหาก โลกใบนั้นที่คุณเตะฉันออกมาเมื่อตอนฉันยังเป็นเด็ก”

ทันใดนั้นเอง ด้วยท่าทางและคำพูดที่ยั่วยวนกวนประสาทของจองซอนอา และเป็นจังหวะที่คังโยฮันเหลือบไปเห็นสร้อยไม้กางเขนของอีซาค ที่เธอขโมยไปตั้งแต่วัยเด็กสวมอยู่ที่คอของเธอ เข้าจึงค่อย ๆ เอามือไปบีบคอของเธออย่างช้า ๆ พร้อมกับบอกว่า “เธอชอบฉันแค่ไหนกันนะ ?” ในขณะที่จองซอนอาก็ยืนนิ่งสบตากับคังโยฮันอยู่อย่างนั้น ในขณะที่เขาก็เพิ่มน้ำหนักแรงบีบขึ้นไปเรื่อย ๆ กระทั่ง คิมกาอนก็โพล่งเข้ามาในห้องและห้องเขาเอาไว้

จังหวะนั้นเอง คังโยฮันได้กระชากสร้อยไม้กางเขนที่คอของจองซอนอา แต่ทว่า มันกลับกลายเป็นลูกเล่นของเธอที่ล่อให้เขากระชากสร้อยนั้น เพราะมันแฝงด้วยเข็มเล็ก ๆ เอาไว้ ทำให้ฝ่ามือของคังโยฮันเต็มไปด้วยเลือด … มันเป็นความบ้าที่เกินจะคาดเดาได้จริง ๆ

จากนั้นเรื่องราวก็ดำเนินไป คังโยฮันพยายามใช้เรื่องพ่อแม่ของคิมกาอนในการดึงให้เขามาเข้าพวก โดยทำให้เขาเชื่อว่า “ความยุติธรรมมันไม่มีอยู่จริง มันเป็นเพียงเกมที่ผู้ชนะเท่านั้นจะได้รับความยุติธรรม” แล้วมันก็ได้ผลขึ้นมาเฉยเลย ความเชื่อของคิมกาอนที่มีมาทั้งชีวิตโดนคังโยฮันล้างสมองอย่างหมดจดโดยใช้เพียงไม่นาน

คิมกาอนหันหลังให้กับผู้พิพากษาสูงสุดมินจองโฮ ผู้เป็นเหมือนพ่อและอาจารย์ของเขาไปซะดื้อ ๆ อย่างนั้น เขากล่าวว่า “ถ้าพวกคุณ (ผู้พิพากษา) ทำงานเพื่อความยุติธรรมอย่างแท้จริงผมคงไม่เป็นอย่างนี้ ความยุติธรรมมันไม่มีอยู่จริง มีเพียงผู้ชนะเท่านั้นที่ได้รับความยุติธรรม” คิมกาอนพูดออกไปด้วยความรู้สึกโกรธ

ในตอนท้าย คิมกาอนเผชิญหน้ากับคังโยฮันแล้วเอ่ยปากออกมาว่า “ผมต้องการสู้ สู้กับโลกของการคอร์รัปชัน”

EP.9 ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี

คิมกาอนหันหลังกลับลำ 180 องศามาร่วมมือกับคังโยฮันอย่างเต็มตัว “ความยุติธรรมไม่มีอยู่จริง มันเป็นเพียงเกมที่ยุติธรรมสำหรับผู้ชนะ ถ้าเป็นอย่างนั้นผมก็ต้องอยู่ฝ่ายที่ชนะเกมนี้” คังโยฮันตอบกลับไปว่า “ฉันสัญญาว่าคนที่ทำร้ายพ่อแม่ของคุณ และคนที่ขโมยของพวกท่านไปจะต้องได้รับการชดใช้อย่างสาสม” อย่างไรก็ตาม คิมกาอนได้แสดงเจตจำนงที่ชัดเจนของเขาออกไป “ผมไม่ได้ต้องการแก้แค้น ผมต้องการสู้กับโลกของการคอร์รัปชัน”

ระหว่างนั้น เสียงโทรศัพท์ของคังโยฮันก็ดังขึ้น ปลายสายคือเอลียาห์ ที่ขอให้เขาไปช่วยเนื่องจากตอนนี้กำลังโดนพวกแก๊งยูทูบเบอร์สายป่วนเมืองเล่นงาน เมื่อคังโยฮันไปถึงก็จัดการพวกนั้นได้อย่างชิล ๆ เขาใช้มืออันแข็งแกร่งบีบคอยูทูบเบอร์ เขาบีบไปที่คอหอย บีบอยู่อย่างนั้น นานเท่าที่ยุนซูฮยอนกลัวว่าเขาจะฆ่ายูทูบเบอร์ตายคามือ เธอจึงหันปืนรีวอลเวอร์ลำกล้องความยาว 3 นิ้วไปที่เขา เพื่อหยุดไม่ให้เขาฆ่าคน !

ในขณะที่ คังโยฮันโกรธจัดแทบควันออกหู เมื่อรู้ว่าเอลียาห์ออกไปข้างนอกกับยุนซูฮยอนโดยไม่ได้บอกเขา แม้เอลียาห์พยายามอ้างว่า เธอแค่อยากกินต็อกปอกกี ยุนซูฮยอนจึงไปกินเป็นเพื่อนก็เท่านั้น “ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะ ชึวิตฉันต้องเป็นแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน !!?”

เมื่อกลับมาถึงบ้าน คิมกาอนพยายามอธิบายกับคังโยฮัน “ผมรู้ว่าคุณกังวลเรื่องอะไร แต่ซูฮยอนเป็นคนดีมาก เธอไม่ได้รู้สึกกับเอลียาห์ในฐานะตำรวจ แต่รู้สึกในฐานะมนุษย์ ในฐานะเพื่อน คุณคิดว่าจะดูแลเด็กสาวที่กำลังเติบโตอยู่ในช่วงวัยรุ่นได้นานแค่ไหน เอลียาห์ไม่ใช่เด็กสาวอายุ 6 ขวบเหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ คุณจะขังเธอเอาไว้ตลอดไม่ได้” แต่คังโยฮันก็พยายามอธิบายเหตุผล “เอลียาห์เคยโดนลักพาตัวไป 2 ครั้ง มีคนจำนวนมากที่ต้องการทรัพย์สินของครอบครัวเรา และมีคนจำนวนมากที่ไม่พอใจและโกรธแค้นครอบครัวเรา”

แต่คิมกาอนก็พยายามพูดเข้าข้างเอลียาห์โดยใช้เหตุผลของความเป็นมนุษย์ “ต่อให้คุณเกลียดโลกใบนี้และเกลียดคนบนโลกใบนี้มากแค่ไหน แต่คุณก็ยังทนอยู่คนเดียวไม่ได้ อย่างน้อยก็ต้องมีช่วงเวลาหนึ่งที่คุณต้องการใครสักคน มันเป็นปรกติของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ เอลียาห์ก็เช่นกัน”

จองซอนอาเปิดแชมเปญฉลองตำแหน่งประธานมูลนิธิเพื่อสังคมภายในออฟฟิศของตัวเอง แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครอยู่เคียงข้างร่วมดื่มแชมเปญแสดงความยินดีกับเธอแม้สักคนเดียว มันช่างเป็นห้วงช่วงเวลาที่เหงาเหลือเกิน จองซอนอาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อโทร. หาแจฮี คนที่ใกล้เคียงกับสิ่งที่เรียกว่าเพื่อนมากที่สุดเท่าที่เธอมี …

“เธอมาร่วมดื่มแชมเปญกับฉันได้มั้ย ?”
แจฮีอยู่ที่บาร์โฮสตอบกลับปลายสายไปว่า “พี่คะ อย่าบอกนะว่าประธานมูลนิธิผู้ยิ่งใหญ่ไม่มีใครร่วมดื่มแชมเปญด้วย จะให้ส่งนายแบบไปให้มั้ย ?”
แม้จองซอนอาจะต้องดื่มแชมเปญคนเดียวต่อไป แต่มันทำให้เธอคิดอะไรสนุก ๆ ขึ้นมาได้

วันต่อมา จองซอนอา ในฐานะหัวหน้าคณะกรรมการผู้สนับสนุนรายการพิจารณาคดีสดเรียกตัวคังโยฮัน คิมกาอน และโอจินจู มาพบผ่านท่านประธานศาลฎีกา เพื่อที่จะบอกแผนการการโปรโมตรายการโดยใช้ทั้งสามคนเป็นนายแบบ โดยเธอได้เสนอไอเดียกระฉูดออกมาว่า เธอต้องการทำให้รายการรับรู้ไปถึงประชาชนให้ได้มากที่สุด อีกทั้งยังต้องการทำให้ประชาชนชื่นชมในตัวของคังโยฮันมากยิ่งขึ้น แต่คังโยฮันเอ่ยออกมาว่า “อยากให้เราเป็นตัวตลกในสายตาประชาชนอย่างนั้นเหรอ ?” อย่างไรก็ตาม ในท้ายที่สุดคังโยฮันก็ตกลงตามที่จองซอนอาต้องการ

หลังจากจบการประชุม คังโยฮันได้มาดักรอจองซอนอาขณะขับรถกลับ “แค่คำเตือนไม่พอใช่มั้ย ถ้ามาขวางแผนการของฉัน เธอจะต้องจ่ายด้วยราคาที่แสนแพง” แต่จองซอนอาตอบกลับด้วยรอยยิ้มด้วยจริตกวนประสาท “ขัดขวางอะไรกันคะ นี่ฉันกำลังช่วยคุณอยู่นะ ในอีก 2 ปีข้างหน้าจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดี แทนที่จะปล่อยให้ฮอจุงเซหรือชาคยองฮีได้มันไป ฉันว่านายน้อย (คังโยฮัน) น่าจะคว้าโอกาสนี้เอาไว้นะคะ คุณเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดแล้ว … ใช้เราสิ ใช้มูลนิธิสิ คุณต้องกำจัดพวกคนเหลวที่มีอยู่เกลื่อนเมือง ถ้าคุณทำได้ ฉันจะทำให้คุณยิ่งใหญ่กว่านี้ มูลนิธิจะทำให้คุณกลายเป็นคนที่ทรงอิทธิพลที่สุดในเกาหลีใต้ อย่าลืมนะว่าเราเคยสร้างขยะอย่างฮอจุงเซมาแล้ว !”

คังโยฮันยอมรับว่าข้อเสนอของจองซอนอาน่าสนใจ ยกเว้นเรื่องเดียวคือเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัว ที่เขาบอกว่าเธอไม่ใช่รสนิยมของเขา ก่อนที่เธอจะเอ่ยออกมาด้วยแววตาออดอ้อนว่า “นายน้อยคะ ช่วยดีกับฉันมากกว่านี้ได้ไหม ?” แล้วก็จากไปด้วยรอยยิ้ม ทิ้งให้คังโยฮันงงงวยกับท่าทีอันแปลกประหลาดของเธอ

จากนั้น คังโยฮันได้สั่งให้ลูกน้องคนสนิทเอาประวัติของจองซอนอาไปปล่อยให้ชาคยองฮี โดยในนั้นในมีเรื่องที่เธอเคยเป็นสายรับใช้ที่บ้านของเขาด้วย … เมื่อชาคยองฮีได้รู้ข้อมูลแล้วก็ถึงกับยิ้มออกมาพร้อมกับเอ่ยออกมาว่า “ประวัติของเธอไม่ธรรมดาจริง ๆ”

ระหว่างนั้นเอง ประธานาธิบดีฮอจุงเซก็ตบะแตกระหว่างตอบคำถามนักข่าวสายทำเนียบ เมื่อถูกถามเรื่องความคืบหน้าของคดีที่เขาไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ชาคยองฮีที่ดูทีวีอยู่ก็ถึงกับออกอาการหัวเสีย มันทำให้เธอนึกย้อนกลับไปในอดีตที่ประธานซอจองฮัก (อดีตประธานมูลนิธิเพื่อสังคม) เลือกฮอจุงเซให้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีด้วยเหตุที่ว่า ฮอจุงเซมีวาทศิลป์ในการไลฟ์สดต่อหน้าสาธารณชน มีความสามารถในการปลุกเร้าอารมณ์คนให้คล้อยตาม อีกทั้งยังเป็นเคยเป็นอดีตนักแสดงดังที่มีผู้ติดตามมากถึง 6 ล้าน แต่ไม่ว่าจะเหตุผลอะไรก็ตาม ชาคยองฮีรู้แล้วว่าคนที่อยู่เบื้องหลังในการให้ฮอจุงเซขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีก็คือ จองซอนอา !

ทีนี้ ก็มาถึงเวลาที่คังโยฮันทำตามสัญญาโดยใช้เวลาไม่นานในการแก้แค้นให้กับคิมกาอน เขาให้ทองคำบริสุทธิ์จากสวิตเซอร์แลนด์มูลค่า 2,500 ล้านวอนกับคิมกาอน เพื่อไปซื้อข้อมูลแหล่งที่อยู่ของโดยองชุนจากเลขาของชาคยองฮี

โดยองฮุนในตอนนี้มาใช้ชีวิตเป็นคนสวนในชนบทกับลูกเมีย เมื่อคิมกาอนเห็นก็โกรธจัดจนเลือดขึ้นหน้า …

“รู้มั้ยว่าสิ่งที่แกทำ ทำให้มีคนตายไปเท่าไร ?”
“คุณเป็นหนึ่งในผู้เสียหายเหรอครับ” โดยองชุนคุกเข่าต่อหน้าคิมกาอนด้วยท่าทางสำนึกผิด “ผมทำบาปมามากมาย ได้โปรดยกโทษให้ผมด้วยเถอะครับ”
“แกซ่อนเงินเอาไว้ที่ไหน ?”
“ไม่มีแล้วครับ เงินโดนรัฐบาลยึดไป ส่วนของผมที่มีชาคยองฮีก็เอาไปหมดแล้ว ตอนนี้ผมไม่เหลืออะไรแล้ว ถึงแม้ตอนนี้ผมจะสำนึกผิดก็ไม่มีเงินจะไปชดใช้ให้กับผู้เสียหายแล้วครับ ผมได้แต่หายใจไปวัน ๆ รอความตายเท่านั้น”

คังโยฮันก็ให้คิมกาอนจับโดยองชุนเอาไว้ ระหว่างที่เขากำลังจุดไฟเผาเงินกองโตที่ขุดขึ้นมาจากที่ซ่อน แล้วก็ขังลูกเมียโดยองชุนเอาไว้ในบ้านพร้อมกับจุดไฟเผาบ้าน ที่ทำแบบนี้ก็เพื่อให้โดยองชุนเลือกระหว่างเข้าไปช่วยลูกเมียหรือเงิน ซึ่งปรากฏว่าโดยองชุนเลือกเขาไปดับไฟที่กำลังเผาไหม้กองเงินเหมือนคนสิ้นสติ

แต่ความจริงก็เผยออกมาว่าเงินกองนั้นเป็นเงินปลอม ส่วนลูกเมียของโดยองชุนลูกน้องคนสนิทของคังโยฮันก็ช่วยออกมาได้ ตอนนี้โดยองชุนไม่เหลืออะไรแล้วจริง ๆ ทั้งเงินทั้งครอบครัว

ส่วนเงินจริง คังโยฮันก็ให้คิมกาอนเอาไปคืนเหยื่อที่เคยโดนโกงไปทั้งหมด

EP.10 ล้มทั้งกระดาน

ชาคยองฮีโกรธจัดที่โดนมูลนิธิเพื่อสังคมตัดงบประมาณสนับสนุนกระทรวงยุติธรรม แต่กลับไปเพิ่มเงินอุดหนุนให้กับทำเนียบประธานาธิบดีแทน เธอจึงเดินทางไปหาจองซอนอาเพื่อแสดงความไม่พอใจ และพยายามข่มขู่เรื่องการตายของประธานซอจองฮัก ที่มีพิรุธหลายอย่างจนทำให้เชื่อได้ว่าเขาอาจไม่ได้ฆ่าตัวตายจริง ๆ สุดท้ายจองซอนอาจึงแก้เผ็ดด้วยการตัดงบรถประจำตำแหน่งของชาคยอง จากรถระดับหรูให้ไปใช้รถอีโคคาร์แทน

หลังจากนั้น คังโยฮันจึงเติมเชื้อสุมไฟเข้าไปอีก โดยการเอารายงานคดีฆาตกรรมที่จองซอนอาเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องไปให้ชาคยองฮี เพื่อแลกเปลี่ยนกับการที่เขาจะนำตัวจุกชาง ซึ่งเป็นยูทูบเบอร์ผู้สนับสนุนนโยบายของประธานาธิบดีฮอจุงเซขึ้นพิจารณาคดีในรายการพิจารณาคดีสด

ในที่สุด จุกชางก็ถูกนำตัวขึ้นมาพิจารณาคดีในรายการพิจารณาคดีสดในข้อหายุยงปลุกปั่นให้เกิดการทำร้ายร่างกายไปทั่วประเทศ ว่าที่จริงมันไม่ใช่การพิจารณาคดีด้วยซ้ำ แต่มันเป็นกระบวนการจัดฉากที่คังโยฮันได้วางบทสรุปเอาไว้ทุกอย่างแล้ว เพราะไม่ว่าจะเป็นทนายจำเลยก็เป็นคนของคังโยฮัน และแทนที่ผู้พิพากษาจะเป็นผู้พิจารณาคดีกลับทำตัวเป็นอัยการ ส่วนผู้พิพากษาคือเสียงโหวตจากคนที่ใช้แอป DIKE

ดังนั้น บทสรุปจึงออกมาเป็นอย่างที่คาด คังโยฮันพิพากษาจำคุกจุกชาง 3 ปี แต่ให้รอลงอาญาไว้ 5 ปี โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องติดกำไลอิเล็กทรอนิกส์ และให้คนทั่วไปสามารถติดตามตำแหน่งเขาผ่านทางแอป DIKE

แต่ดูเหมือนว่าคำพิพากษาที่คังโยฮันตัดสินให้จุกชางใส่กำไลอิเล็กทรอนิกส์นั้นจะเลวร้ายกว่าการโดนจำคุกหรือโบยเสียอีก เพราะว่าเขาต้องหลบหนีจากการถูกทำร้ายโดยกลุ่มยูทูบเบอร์จากการติดตามตำแหน่งผ่านแอป เช่นเดียวกับที่เขาเคยทำกับคนอื่น

ในตอนท้าย ชาคยองฮีไปหาจองซอนอาที่บ้าน และเริ่มเผยไต๋ว่ารู้เรื่องที่จองซอนอาเคยเป็นสาวรับใช้ที่บ้านของคังโยฮันมาก่อน และบอกให้เจียมตัวในสถานะที่ตัวเองเคยเป็น จบท้ายด้วยคำดูถูกอันเจ็บแสบว่า คนชั้นต่ำ !

จองซอนอาโกรธจัดที่รู้ว่าโดนคังโยฮันหักหลังที่เอาเรื่องของเธอไปบอกกับชาคยองฮี “ฉันจะฆ่าแก คังโยฮัน” !!!

EP.11 แม้แต่ฝาก็ไม่มีให้หลังพิง

จองซอนอาโกรธจัดที่ชาคยองฮีรู้ว่าเธอเคยมีอดีตเป็นเด็กรับใช้ในบ้านของคังโยฮัน โกรธมากขนาดที่สบถออกมาว่า “ฉันจะฆ่าแก คังโยฮัน” นั่นเป็นเพราะคังโยฮันเป็นคนเอาความลับในอดีตที่เป็นจุดอ่อนของเธอไปบอกชาคยองฮี

ต่อมาชาคยองฮีเรียกจองซอนอามาพบ เพื่อสั่งให้ทำลายคังโยฮันแล้วกู้ชื่อเสียงของลูกชายเธอคืนมา โดยใช้คดีการตายผิดธรรมชาติของแม่จองซอนอาในอดีตมาเป็นเครื่องมือต่อรอง “แม่ขี้เมาที่ทุบตีลูกสาวโชคร้ายตกบันไดในสลัมบนเนินเขาจนเสียชีวิต พยานคนเดียวที่เห็นเหตุการณ์คือลูกสาว การแสดงละครบีบน้ำตาของเธอมันเยี่ยมยอดระดับรางวัลออสการ์ ตำรวจไม่สงสัยเลยแม้แต่นิดเดียว ปิดคดีว่าเป็นอุบัติเหตุเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ฉันว่าฉันจัดการคดีนี้ต่อได้นะ เพราะคำให้การของลูกสาวเป็นอย่างเดียวที่บ่งบอกว่าเธอเมา แต่ถ้าเกิดเจอว่าผลการตรวจจากแพทย์ที่ระบุว่าเธอไม่ได้เมาล่ะ”

สถานการณ์ตอนนี้ทำเอาจองซอนอาตกที่นั่งลำบากจริง ๆ แม้เธอจะรู้ว่าหลักฐานเรื่องผลการตรวจของแพทย์ที่ชาคยองฮีพูดถึงมันไม่มีอยู่จริง แต่เธอรู้ว่ามันเป็นสิ่งที่สามารถสร้างขึ้นมาได้ แถมยังเป็นเรื่องที่รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมคนนี้ถนัดในการใช้เพื่อทำลายศัตรู …

“คุณต้องการอะไรคะ ?” จองซอนอาถามด้วยใบหน้าที่ไร้เดียงสา
“จับคังโยฮันให้ได้ แล้วกู้ชื่อเสียงลูกชายของฉันคืนมา แล้วฉันจะปล่อยเธอไป”
“แต่การพิจารณาคดีมันจบไปแล้วนี่คะ ฉันจะทำยังไงได้ล่ะ ?”
“ก็เพราะแบบนี้ไง ฉันถึงต้องการคนแบบเธอ คนที่เกิดในบ่อน้ำโสโครก คนที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อความอยู่รอด ฉันให้เวลาเธอหนึ่งอาทิตย์” ชาคยองฮียื่นคำขาดด้วยสีหน้าท่าทางของผู้ที่ถือไพ่เหนือกว่า

ดูเหมือนว่างานนี้จองซอนอาจะโดนบีบให้เข้ามุมอับแล้วจริง ๆ เธอแอบเข้าไปหาคังโยฮันขณะที่เขากำลังตัดผมกับช่างตัดผมประจำ เธอถือใบมีดโกนจ่ออยู่ที่คอหอยของคังโยฮัน คนที่เธอมักจะเรียกว่านายน้อยเมื่ออยู่ด้วยกันสองต่อสอง “นายน้อยนิสัยไม่ไดีเลยนะคะ” แต่แม้จะมีมีดโกนจ่ออยู่ที่คอ คังโยฮันก็ยังยิ้มได้ “เธอชอบฉันเพราะฉันเป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอ เพราะฉันกับเธอเหมือนกัน ถึงยังไงก็ตามตอนนี้ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ถ้าชาคยองฮียังมีชีวิตอยู่เธอก็ไม่มีวันได้อิสรภาพคืน ทีนี้เธอคงต้องเลือกแล้วล่ะว่าจะอยู่ข้างใคร”

หลังจากจองซอนอาทิ้งมีดโกนลงไปกับพื้นและกำลังจะเดินจากไป อยู่ดี ๆ คังโยฮันก็ชวนเธอไปที่บ้านของเขา … เมื่อไปถึงที่คฤหาสน์ดำ มันทำให้เธอคิดถึงบรรยากาศในวันเก่า ๆ จากนั้นเธอก็ร่วมรับประทานอาหารกับคิมกาอน เอลียาห์ และคังโยฮัน

เมื่อทานอาหารเสร็จ คังโยฮันก็ได้ถอดสร้อยไม้กางเขนที่สำคัญสำหรับเขาสวมให้กับจองซอนอา เหมือนกับเป็นการซื้อใจก่อนที่จะเอ่ยว่า “เธอยังจำได้ไหม เธอเคยบอกกับฉันว่า เธออยากให้ฉันปีนขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของโลกพร้อมกับเธอ … ฉันว่าเธอเหมาะกับบ้านหลังนี้นะ”

ว่าที่จริงจองซอนอาไม่ใช่คนโง่ที่จะดูไม่ออกว่าาทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่บ้านของคังโยฮันเป็นเรื่องหลอกลวง หลอกให้เธอยอมร่วมมือกับเขา แต่อย่างไรก็ตาม มันเป็นเรื่องแปลกที่เธออยากและเต็มใจให้เขาหลอก แม้มันจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ก็เถอะ

ต่อมา จองซอนอาได้นำตัวหญิงสาวที่คังโยฮันจ้างเพื่อให้การเท็จปรักปรำอียองมิน (ลูกชายของชาคยองฮี) ในรายการพิจารณาคดีสดมาพบกับชาคยองฮี และแนะนำให้ใช้พยานเท็จคนนี้ทำลายความน่าเชื่อถือของคังโยฮัน โดยการจัดการแถลงข่าวโดยด่วนเพื่อไม่ให้คังโยฮันได้ตั้งตัว

ชาคยองฮีเปิดแถลงข่าวท้าคังโยฮันให้มาร่วมดีเบตกับเธอ โดยใช้รายการพิจารณาคดีสดเป็นสถานที่ดีเบต

เมื่อถึงเวลาถ่ายทอดสด ชาคยองก็รุกไล่คังโยฮันเรื่องการข่มขู่และซื้อพยานเพื่อให้ให้การเท็จ จากนั้นชาคยองฮีก็ให้หญิงสาวคนนั้นเข้ามาในรายการเพื่อให้การต่อสาธารณชน “ฉันถูกบังคับให้ให้การเท็จค่ะ” ระหว่างนั้นสถานการณ์ของคังโยฮันเหมือนโดนผลักให้พิงเชือก แต่แล้วเรื่องหักมุมก็เกิดขึ้น เมื่อหญิงสาวคนนั้นพูดต่อว่า “รัฐมนตรีชาคยองฮีข่มขู่ฉันค่ะ !!! เธอบอกว่าถ้าฉันไม่มาที่นี่เพื่อกล่าวหาผู้พิพากษาคัง เธอจะจับฉันติดคุกข้อหาลักลอบขนยา ทั้งที่ฉันไม่เคยทำอะไรแบบนั้นเลยค่ะ”

งานนี้ชาคยองฮีโดนจองซอนอาเล่นงานเข้าให้แล้ว ระดับความรุนแรงก็ประมาณรถสิบล้อพุ่งเข้าชน จองซอนอาฉีกยิ้มให้ชาคยองฮีในห้องออกอากาศรายการพิจารณาคดีสด

แต่แค่นั้นยังไม่สาแก่ใจ คังโยฮันจะตอกฝาโลงชาคยองฮีเข้าไปอีกดอกด้วยการพาตัวโดยองชุนออกมาในรายการ เพื่อแฉเรื่องที่เขาให้สินบนเธอเพื่อสับเปลี่ยนตัวนักโทษ สิ่งที่เกิดขึ้นนี้มันทำให้ชาคยองฮีโกรธจัดปรอทแตกเดินออกจากรายการไป

อย่างไรก็ตาม คังโยฮันรู้ดีว่าตะปูตอกฝาโลงชาคยองฮีสองดอกที่จัดให้ในรายการพิจารณาคดีสดนั้น ไม่เพียงพอที่จะทำให้ชาคยองฮียอมแพ้ได้ เพราะในท้ายที่สุดเธอจะใช้อำนาจที่มีหาแพะมารับผิดแทนและเอาตัวรอดไปได้ แล้วอ้างว่าทุกอย่างเป็นอุบายทางการเมือง คังโยฮันจึงจัดให้ชาคยองฮีอีกชุดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการให้พัศดีเรือนจำออกมาให้การปรักปรำเรื่องการที่ถูกเธอข่มขู่เรื่องสับเปลี่ยนนักโทษ แถมยังโดนยื่นฟ้องคดีร้ายแรงอีก 12 คดี

ชาคยองฮีเริ่มเข้าตาจน เธอจึงหันไปหาฮอจุงเซที่พึ่งสุดท้าย โดยเอาเรื่องไฟล์หลักฐานบันทึกการติดสินบนมาต่อรองเพื่อขอให้เขาช่วยจัดการเคลียร์เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับเธอในตอนนี้ แต่กลายเป็นว่าฮอจุงเซกลับงัดเอาเรื่องลูกชายติดยาของชาคยองฮีขึ้นมาสวนกลับ จนทำให้เธอมายืนอยู่ในจุดที่หมดหนทางจริง ๆ แล้ว อนาคตทางการเมืองของเธอมันดับวูบลงตรงนี้แล้ว

ที่ทำเรื่องวางแผนวุ่นวายซับซ้อนขนาดนี้ เพราะคังโยฮันหวังว่าเมื่อชาคยองฮีโดนบีบจนไม่มีทางไปแล้ว เธอจะยอมมาขอความช่วยเหลือจากเขา และถึงตอนนั้นเขาจะใช้เธอแฉคนที่มีอำนาจที่อยู่เบื้องหลัง

คังโยฮันและคิมกาอนไปพบชาคยองฮีที่ห้องทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอให้เธอร่วมมือกับพวกเขาแลกกับการเคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมด แต่ชาคยองฮีก็หัวเราะออกมา “นี่กำลังจะบอกให้ฉันออกมาแฉอะไรแบบนั้นใช่มั้ย ?” คังโยฮันบอกว่าตอนนี้เธอไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว หากแต่เพียงว่าชาคยองฮีเป็นคนที่ไม่ยอมก้มหัวให้ใคร นั่นแหละคือสิ่งที่ทำให้เธอสามารถมายืนอยู่จุดนี้ได้ เธอจึงเลือกเส้นทางของเธอเอง เป็นทางของเธอเองจริง ๆ

ชาคยองฮีขอให้คังโยฮันกับคิมกาอนออกไปจากห้อง โดยอ้างว่าเธอต้องการใช้เวลาตัดสินใจ จากนั้นเธอตึงตัดสินใจใช้ปืนพกเป่าหัวตัวเอง มันเป็นทางที่เธอเลือกเองจริง ๆ !!!

จังหวะเดียวกันนั้น ยุนซูฮยอนได้เข้ามาพบคังโยฮันกับคิมกาอนอยู่กับร่างที่ไร้วิญญาณของชาคยองฮีที่เต็มไปเลือดนองอยู่บนพื้น

EP.12 ก้าวขึ้นไปสู่จุดสูงสุดด้วยกัน

ยุนซูฮยอนตกใจที่คิมกาอนเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของชาคยองฮี หลังจากไล่คังโยฮันกับคิมกาอนให้ออกไปจากห้องที่เกิดเหตุแล้ว เธอก็จัดการทำลายหลักฐานให้เหมือนกับว่าทั้งสองไม่เคยอยู่ในห้องนั้นตอนเกิดเหตุ ก่อนจะโทร. แจ้งเจ้าหน้าที่เก็บหลักฐานให้มาตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ความรู้สึกของยุนซูฮยอนในตอนนี้ มันเป็นความเสียใจและผิดหวังที่เห็นคนที่ตัวเองรักทำผิดต่อความเชื่อของเธอ ซึ่งเป็นตำรวจที่ยึดมั่นในกฎหมายและความยุติธรรมเหนือสิ่งอื่นใด มันเป็นความเสียใจที่หลั่งออกมาเป็นน้ำตาอย่างไม่จบสิ้น

ด้านคิมกาอนเองเมื่อรู้ว่าสิ่งที่เขาทำลงไปสร้างความเสียใจให้กับยุนซูฮยอน ยังไม่นับว่าสิ่งที่เขาร่วมมือกับคังโยฮันนำพาให้คนตาย และทำให้เกิดความเลวร้ายในสังคม แม้มันจะไม่ได้เกิดเพราะเขาโดยตรง แต่เขาก็รู้ดีว่าเขามีส่วนทำให้มันเกิดไม่มากก็น้อย ณ จุดนี้ คิมกาอนไปดื่มจนเมามายขาดสติจนเกือบจะไปมีเรื่อง ดีที่ลูกน้องคนสนิทของคังโยฮันพาตัวเขากลับบ้านมาเสียก่อน

เมื่อคิมกาอนกลับมาถึงบ้าน คังโยฮันก็โวยวายใส่ด้วยความโกรธที่เขาไปหายุนซูฮยอน “นายไปหาเธอทำไม ทั้งที่คนทั้งประเทศกำลังจับจ้องมองอยู่”
“กลัวผมจะบอกเธอเรื่องแผนการเหรอครับ ?”
คังโยฮันทุบโต๊ะด้วยความเดือดดาล และขึ้นเสียงดุดัน “การต่อสู้ครั้งนี้ดูเป็นเรื่องตลกอย่างนั้นเหรอ นี่มันเป็นเรื่องความเป็นความตายนะ นายจะทำตัวไร้สาระแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน ?”
“คุณไม่รู้เหรอว่า ตอนเห็นคนตายต่อหน้าเวลาที่ช่วยคุณ มันทำให้ผมรู้สึกยังไง ผมรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นปีศาจไปแล้ว”
“ถ้านายต้องการช่วยโลกใบนี้ นายต้องตัดยุนซูฮยอนออกไปจากชีวิตของนายซะ”
“สำหรับผมแล้ว ซูฮยอนเป็นเหมือนโลกทั้งใบครับ !”

คิมกาอนหลับไปที่ห้องเพื่อไปเก็บข้าวของเพื่อออกจากคฤหาสน์ดำ เมื่อเขาเดินออกมาด้านนอก เขาก็ได้แต่ภาวนาให้คนในบ้านหลังนี้ “แม้ว่าผมจะไม่เชื่อในเทพองค์ใด แต่ผมจะภาวนาให้ทุกคนในบ้านหลังนี้ ได้นอนพักโดยไม่มีน้ำตาหรือฝันร้ายบ้าง แม้เพียงสักคืนก็ยังดี”

การจากไปของคิมกาอน นอกจากทำให้ลึก ๆ แล้วคังโยฮันเสียใจ แต่มีอีกคนหนึ่งที่เสียใจยิ่งกว่า นั่นก็คือเอลียาห์ ว่าที่จริงในใจของเธอนั้น การที่ได้มีคิมกาอนอยู่ในบ้าน มันทำให้เธอรู้สึกว่ายังมีพ่ออยู่เคียงข้าง เพราะนอกจากความที่เขาหน้าเหมือนพ่อของเธอแล้ว ความโอบอ้อมอารีที่เขามีนั้นมันทำให้เธอหลงคิดรู้สึกแบบนั้นไปจริง ๆ ดังนั้น การจากไปของคิมกาอนในครั้งนี้ จึงไม่ต่างกับการสูญเสียพ่อไปอีกครั้ง

ด้านฮอจุงเซเมื่อรู้ว่าชาคยองฮีฆ่าตัวตาย ก็สั่งให้ลูกน้องไปหาไฟล์บันทึกการทุจริตเอาไว้ สุดท้ายฮอจุงเซก็ได้ไฟล์นั้นไป ซึ่งชาคยองฮีได้ซ่อนเอาไว้ในซิการ์ที่เธอสูบนั่นเอง

ในการรับประทานอาหารเพื่อพูดคุยเรื่องทิศทางของมูลนิธิของเหล่าคณะกรรมการ จองซอนอาพยายามเสนอให้ดึงคังโยฮันเข้ามาเป็นพวกแทนที่จะกำจัดทิ้ง และยังเสนอให้เขาขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนต่อไปอีกด้วย แต่ฮอจุงเซไม่เห็นด้วย เขามองว่าประเทศที่อยู่ในภาวะวิกฤติยังไม่สมควรมีการเลือกตั้ง (การใช้เงินทุ่มลงไปกับการเลือกตั้งเป็นความฟุ่มเฟือยโดยไม่จำเป็น) แล้วคำพูดที่ทิ่มแทงในลักษณะเหยียดหยามทางเพศก็ออกจากปากของประธานาธิบดีฮอจุงเซ …

“ไปนอนกับมันมาหรือไง 555”
“ทำไมถึงพูดจาทุเรศแบบนี้ !” จองซอนอาโกรธแต่พยายามควบคุมอารมณ์เอาไว้ แม้ว่ามันจะเก็บไม่มิดจนออกมาทางสีหน้าก็ตาม
“แล้วจะไปสนับสนุนมันทำไมขนาดนั้น ผมแค่ล้อเล่นน่ะ ประธานจอง ก่อนชาคยองฮีจะตายเธอบุกมาหาผม รู้ไหมเธอพูดว่าอะไร ถ้าผมไม่ช่วยเธอ เธอจะเอาข้อมูลของมูลนิธิไปให้คังโยฮัน นั่นคือสิ่งที่คังโยฮันต้องการจากชาคยองฮี ไอ้บ้านั่นต้องการทำลายเราไม่ให้เหลือซาก แล้วยังจะไปสนับสนุนมันอีก ตั้งสติหน่อยเถอะ อย่าทำตัวเหมือนผู้หญิงร่านที่ไปนอนกับผู้ชายไม่เลือกสิ แค่ได้ขึ้นเป็นประธานหน่อยคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่มากนักหรือไง !!!”

ต่อมาแจฮีก็สืบจนรู้ว่า คังโยฮันยังสั่งให้ลูกน้องสืบเรื่องราวของจองซอนอาอยู่ ตั้งแต่อดีตจนถึงตอนนี้ เพื่อหาจุดอ่อนที่จะใช้เล่นงาน เมื่อจองซอนอารู้ ก็มถึงจุดที่เธอแตกหักกับนายน้อยของเธอแล้ว จากนั้นเธอก็กระชากสร้อยไม้กางเขนที่คังโยฮันให้เธอไว้แล้วทิ้งไปอย่างไร้เยื่อใย แล้วโทร. ไปหาฮอจุงเซเพื่อตกลงที่จะร่วมมือกับเขาและขอให้จุกแช (ลูกน้องของฮอจุงเซ) ทำเรื่องบางอย่างให้เธอ

ด้านผู้พิพากษาสูงสุดมินจองโฮก็ตัดสินใจแถลงข่าวสำคัญ เมื่อได้รับข้อมูลจากยุนซูฮยอน เขาแถลงข่าวต่อหน้าสาธารณชนโจมตีการทำงานของคังโยฮันในรายการพิจารณาคดีสด โดยมองว่าสิ่งที่ทำในรายการนั้นไม่เรียกว่าความยุติธรรม แต่เรียกว่าความสะใจเสียมากกว่า แต่การที่เขาออกมาโจมตีคังโยฮันตรง ๆ แบบนี้ ทำให้เกิดกระแสต่อต้านอย่างรุนแรงจากแฟนคลับของคังโยฮัน ถึงขนาดมีการประท้วงขอให้เขาลาออกจากตำแหน่งผู้พิพากษาสูงสุด

แต่มันไม่จบแค่นั้น เมื่อฮอจุงเซเห็นช่องสบโอกาสที่มินจองโฮออกมาโจมตีคังโยฮัน เขาจึงสั่งให้ลูกน้องสวมรอยเป็นแฟนคลับคังโยฮันไปดักทำร้ายมินจองโฮและครอบครัว เพื่อเอามาใช้โจมตีคังโยฮันในทางการเมือง (ว่าคังโยฮันเป็นคนที่ยุยงปลุกปั่นให้เกิดความรุนแรงในประเทศ)

เช้าวันรุ่งขึ้น จองซอนอาโทร. นัดคังโยฮันเพื่อไปออกเดต เธอบอกว่าต้องการให้เขาดูอะไรบางอย่าง เธอนัดเขามาในสถานที่แปลกประหลาด มันเป็นอาคารร้างแห่งหนึ่ง เมื่อคังโยฮันไปถึงเธอก็เข้ามาสวมกอดจากด้านหลังแล้วยิ้มแย้มอย่างมีความสุข แล้วก็เอ่ยปากออกมาว่าเป็นช่วงเวลาที่เธอมีความสุขมากที่เห็นเขาดีกับเธอแบบนี้ แต่ …

“คุณน่าจะดีกับฉันให้มากกว่านี้อีกหน่อย !” เมื่อสิ้นเสียงของจองซอนอา ลูกน้องคนสนิทของคังโยฮันก็ถูกห้อยออกมาอยู่เหนือหัวของคังโยฮันขึ้นไปเทียบได้กับตึกหลายชั้น ในขณะที่จองซอนอาก็คว้าปืนออกมาเล็งลำกล้องไปที่คังโยฮัน จากสายตาที่เปื้อนยิ้มก่อนหน้านี้ได้เปลี่ยนเป็นสายตาที่โหดร้ายเลือดเย็นโดยสมบูรณ์แล้ว แต่ก็ยังแฝงให้เห็นความเศร้าในแววตา …

“เราตกลงกันว่าจะขึ้นไปสู่จุดสูงสุดด้วยกันไม่ใช่เหรอคะ แค่สองปีเองที่ขอให้คุณรอ เพื่อที่คุณจะได้เป็นเจ้าของโลกใบนี้”
“จริง ๆ แล้วผมไม่ได้ต้องการมันหรอก” คังโยฮันตอบด้วยสายตาที่มั่นคง
“อ๋อ มันเป็นแบบนี้นี่เอง คุณก็แค่ต้องการทำลายทุกอย่างสินะ แต่คุณคงไม่รู้ว่าต่อให้เราทิ้งขยะที่มีอยู่ออกไป มันก็จะมีขยะเพิ่มขึ้นใหม่อยู่ดี” ตอนนั้นเอง จองซอนอาสั่งให้แจฮีปล่อยร่างของลูกน้องคนสนิทของคังโยฮันดิ่งลงมาสู่พื้น แต่คังโยฮันก็ใช้ขาฟาดไปที่ปืนในมือของจองซอนอา ก่อนที่แจฮีจะลั่นไกเข้าที่ช่องท้องของคังโยฮันจนเลือดอาบ

คังโยฮันแม้จะโดนยิงขนาดนั้นก็ยังยืนได้ เขาเหมือนพยายามรักษาทรงตัวเองเอาไว้ให้อยู่ แต่สถานการณ์ตอนนี้จองซอนอาได้ควบคุมเอาไว้หมดแล้ว “รู้ไหมคะ บางทีฉันก็อยากให้คุณได้รู้สึกถึงความโดดเดี่ยวเหมือนฉันบ้าง ถึงตอนนั้นบางทีคุณอาจจะยอมมาอยู่ข้างฉันก็ได้ ถ้าไม่มีใครอยู่ข้างคุณอีกต่อไป” แล้วร่างของลูกน้องคนสนิทของคังโยฮันก็ร่วงหล่นลงสู่พื้น !

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง คิมกาอนก็ถูกล่อให้ไปติดกับดัก จุกแชพร้อมพวกพร้อมท่อนเหล็กกำลังปรี่เข้าไปหาคิมกาอนที่อยู่ในอาการตกใจ

EP.13 แสงสว่างและความมืด

หลังจากจองซอนอาสังหารลูกน้องคนสนิทของคังโยฮัน โดยการทิ้งดิ่งร่างลงมาที่ความสูงเทียบเท่ากับตึกหลายชั้น จนร่างแหลกเหลวเลือดไหลนองพื้น เธอก็ได้ยื่นโทรศัพท์ให้คังโยฮันดูภาพที่พวกของจุกชางกำลังไล่ล่าคิมกาอนอยู่ในเขตควบคุมโรคระบาดฮยองซาน เธอทิ้งโทรศัพท์เครื่องนั้นเองไว้แล้วเดินจากไป “ฉันบอกแล้วไงว่าจะทำให้นายน้อยตายอย่างโดดเดี่ยว ลาก่อนนะคะ”

คังโยฮันที่ได้รับจากบาดเจ็บจากการถูกยิงเข้าที่บริเวณท้อง ก็ยังพยายามที่จะใช้โทรศัพท์เครื่องที่จองซอนอาทิ้งไว้ให้เพื่อโทร. หายุนซูฮยอน เพื่อให้เธอไปช่วยคิมกาอน ก่อนที่เขาจะหมดสติล้มพับลงไปนอนอยู่กับพื้นเนื่องจากเสียเลือดไปเยอะ

เมื่อยุนซูฮยอนวางสายโทรศัพท์ เธอก็รีบไปช่วยคิมกาอนในทันที เธอขับรถฝ่าเข้าไปช่วยคิมกาอนได้แบบชิล ๆ โดยที่เขาไม่ได้รับอันตรายแม้แค่ปลายเล็บ … เมื่อกลับมาถึงบ้าน คิมกาอนก็ได้สารภาพความรู้สึกที่มีต่อเธอ ก่อนที่จะโน้มตัวไปจูบยุนซูฮยอน ทั้งสองจูบกันอยู่อย่างนั้นนานหลายวินาที ก่อนที่เธอจะผละตัวออกไป แล้วก็แสร้งทำเป็นพูดเรื่องนู่นนี่นั่นกลบเกลื่อนความเขินอาย สุดท้ายก็เดินออกจากบ้านไปเฉยเลย ทิ้งให้คิมกาอนนั่งงง ๆ กับสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไป

แล้วเรื่องราวก็ดำเนินไป จู่ ๆ พวกทนายโกก็มาช่วยคังโยฮันเอาไว้ได้อย่างชิล ๆ อีกเช่นกัน โดยอ้างว่าใช้การแกะรอยจากจีพีเอส

คังโยฮันได้สติขึ้นมาแล้วก็ขับรถกลับบ้าน เมื่อมาถึงบ้านก็พบกับเอลียาห์อยู่กับจองซอนอา จากนั้นก็จะเป็นบทสนทนาแบบแปลก ๆ ที่เอลียาห์ฟังแล้วก็งงว่าเกิดอะไรขึ้น แต่แท้จริงแล้ว จองซอนอาต้องการขู่คังโยฮันว่า เขาอาจต้องเสียเอลียาห์ไปอีกคน แล้วก็จากไปโดยไม่ได้ทำอะไรนอกจากขู่

วันรุ่งขึ้น คิมกาอนได้บอกกับโอจินจูว่าเธอกำลังถูกมูลนิธิฯ หลอกใช้ เพราะแท้จริงแล้วไม่มีโรคระบาดตามที่ประธานาธิบดีกล่าวอ้างแต่อย่างใด มันเป็นเรื่องที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้จุกชางปราบปรามพวกที่ต่อต้านรัฐบาล แม้โอจินจูไม่เชื่อแต่มันก็ทำให้เธอสงสัยไม่ใช่น้อย เธอจึงลงพื้นที่ไปดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยตาตัวเองที่สลัมย่านฮยองซาน ซึ่งก็ปรากฏภาพอย่างที่คิมกาอนบอกเอาไว้จริง ๆ เธอจึงคิดเปลี่ยนข้างกลับมาอยู่ฝ่ายคังโยฮันอีกครั้ง

ประธานาธิบดีฮอจุงเซออกประกาศเคอร์ฟิว รวมทั้งจำกัดการนำเสนอข่าวของสื่อ โดยใช้ข้ออ้างเรื่องสถานการณ์ฉุกเฉินอันเกิดจากโรคระบาด

คังโยฮันเข้าไปหาฮอจุงเซเพื่อเตือนให้หยุดปล่อยเรื่องข่าวปลอมเรื่องโรคระบาด ไม่เช่นนั้นเขาจะนำเรื่องดังกล่าวไปเปิดโปงในรายการพิจารณาคดีสด แต่ฮอจุงเซก็ยังมองว่าเขาถือไพ่เหนือกว่าและไม่ยอมทำตามคำขู่ของคังโยฮัน

ในการประชุมของคณะกรรมการมูลนิธิฯ เสนอวิธีจัดการกับคังโยฮันโดยการประกาศให้ยุติรายการพิจารณาคดีสด เพราะถ้าไม่มีรายการนี้คังโยฮันก็ไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น

เช้าวันรุ่งขึ้น ฮอจุงเซแถลงการณ์ข่าวยุบรายการพิจารณาคดีสด และตั้งศาลฉุกเฉินขึ้นมาแทน โดยให้โอจินจูเป็นหัวหน้าผู้พิพากษา …

“รัฐบาลตัดสินใจยุบรายการพิจารณาคดีสด เพื่อรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินที่ประชาชนกำลังเผชิญอยู่ เราจะตั้งศาลฉุกเฉินขึ้นมาแทน ศาลฉุกเฉินจะพิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับการขัดขวางการให้ความช่วยเหลือและการส่งตัวผู้ป่วยโรคระบาด การเผยแพร่ถ้อยคำหมิ่นประมาท รวมไปถึงการชุมนุมและการประท้วงที่ขัดต่อกฎหมาย ผู้พิพากษาโอจินจูจะรับหน้าที่เป็นหัวหน้าผู้พิพากษา และผู้พิพากษาสมทบจะคัดเลือกผู้สมัครที่มีความเป็นชาตินิยม”

โอจินจูเปลี่ยนฝ่ายไปอยู่กับคังโยฮันอีกครั้ง โดยพาพีดีรายการพิจารณาคดีสดไปที่สลัมย่านฮยองซานเพื่อถ่ายทอดสดเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้น เพื่อยืนยันว่าสิ่งที่ฮอจุงเซประกาศเรื่องโรคระบาดล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องโกหกทั้งสิ้น จากนั้นพีดีก็ได้สั่งให้ลูกน้องจัดเตรียมการถ่ายทอดสด ภาพผู้คนที่อาศัยอยู่ในสลัมโดนทำร้ายถูกเผยแพร่ออกไป ทำให้คนทั้งประเทศเริ่มเห็นความเป็นจริงกับสิ่งที่เกิดขึ้น

ฮอจุงเซโกรธจัดจนไฟแทบขึ้นหัว สุดท้ายแล้วเขาจึงสั่งตัดไฟทั้งเมืองเพื่อให้การถ่ายทอดสดนั้นหยุดลง เมื่อสิ้นคำสั่งเมืองทั้งเมืองก็ตกอยู่ในความมืด

แต่ท่ามกลางความมืดนั้นเอง คังโยฮันก็ได้เปิดไฟฉายในโทรศัพท์ขึ้นมาพร้อมกับพูดต่อหน้าประชาชนในเขตฮยองซานว่า “ไม่มีทางที่ความมืดจะชนะแสงสว่างได้” จากนั้นทุกคนก็เปิดไฟในโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา และเข้ารุมกระทืบจุกชาง

ในตอนท้าย ยุนซูฮยอนรีบขับรถมาหาคิมกาอนที่ฮยองซานด้วยความเป็นห่วง ขณะที่เธอเปิดประตูรถและกำลังวิ่งไปหาเขา มือปืนปริศนาก็ลั่นกระสุนใส่ร่างยุนซูฮยอนถึง 2 นัด เลือดกระเซ็นไปทั่วทั้งบริเวณ ก่อนที่ร่างของเธอจะลงไปนอนกองอยู่กับพื้น คิมกาอนรับวิ่งมาประคองร่างของยุนซูฮยอนที่ลมหายใจรอยริน

ยุนซูฮยอนเอื้อมมือไปสัมผัสแก้มของชายที่เธอรักมากที่สุดในชีวิต แล้วบอกว่าอย่าทำให้ตัวเองต้องบาดเจ็บอีก แล้วคำพูดสุดท้ายก็คือ …

“ฉันรักเธอ” !!!

EP.14 ปลุกปั่นให้คนบ้าคลั่ง

คิมกาอนเสียใจมากกับการจากไปของยุนซูฮยอน เขาร้องไห้ออกมาไม่หยุด มันเหมือนโลกทั้งใบของเขาได้แตกสลายไปเสียแล้ว

เมื่อเห็นคิมกาอนอยู่ในสภาพที่หัวใจแตกสลาย คังโยฮันจึงให้ย้ายมาอยู่ที่คฤหาสน์ดำ คังโยฮันสันนิษฐานว่ามือปืนตั้งใจจะยิงกลุ่มผู้พิพากษา แต่บังเอิญว่ายุนซูฮยอนวิ่งเข้ามาตอนนั้นพอดี และเขาจะนำเรื่องดังกล่าวขึ้นพิจารณาคดีในรายการพิจารณาคดีสด และให้ประชาชนร่วมโหวตผ่านแอป DIKE

จองซอนอาเห็นท่าไม่ดี จึงแนะนำให้ฮอจุงเซปิดปากจุกชาง ก่อนที่เขาจะปากโป้งจนเรื่องราวบานปลายไปกันใหญ่ ในขณะที่ฮอจุงเซแถลงผ่านการถ่ายทอดสดว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ภาคสนามที่กระทำรุนแรงเกินกว่าเหตุ พร้อมทั้งแสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิตและครอบครัว

นักวิจัยยุนมยองจินเผยกับคังโยฮันว่า แท้จริงแล้วไม่มีโรคระบาดเกิดขึ้นที่ฮยองซาน หากแต่คนที่ตายเป็นเพราะขาดสารอาหารและขาดสุขอนามัยที่ดี เนื่องจากเป็นย่านสลัมที่มีแต่คนยากจนอาศัยอยู่ นักวิจัยยุนมยองจินรับปากว่าจะขึ้นเป็นพยานให้ในชั้นศาล

เมื่อถึงวันพิจารณาคดี ทนายของจุกชางแก้ต่างว่าผู้ตาย (คุณลุง) ได้เข้าขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ภาคสนาม ซึ่งกำลังเข้าควบคุมพื้นที่การแพร่ของโรคระบาด

ด้านนักวิจัยยุนมยองจินก็โดนฮอจุงเซสั่งเก็บ ทำให้ไม่สามารถมาเป็นพยานได้ อีกทั้งโดยทนายของจุกชางยังอ้างว่าเขาตายเพราะติดเชื้อโรคระบาดกลายพันธุ์

สถานการณ์ดำเนินมาถึงจุดที่คังโยฮันเสียเปรียบ เพราะไม่มีพยานมายืนยันเรื่องการไม่มีของโรคระบาด เขาจึงวางแผนให้จุกชางยอมรับสารภาพออกมาเอง รวมทั้งซัดทอดว่าใครคือมาสเตอร์มายด์ แต่จุกชางอ้างว่าเขาทำไปเพราะความรักชาติ และทำทุกอย่างด้วยตัวเอง

แล้วคังโยฮันก็แสดงความเป็นผู้พิพากษาปีศาจออกมา ด้วยการตัดสินลงโทษประหารชีวิต โดยการเปิดคลิปเก่าของฮอจุงเซ ที่เคยกล่าวไว้ว่าอาชญากรที่ก่อความรุนแรงจะต้องชดใช้ด้วยชีวิต

จากนั้นก็เปิดให้คนใช้แอป DIKE โหวต (ซึ่งคังโยฮันอ้างว่าเป็นผลโหวตของประชาชน แต่จริง ๆ แล้วเป็นผลโหวตของผู้ใช้แอป ซึ่งเป็นประชาชนจำนวนหนึ่งเท่านั้น) ซึ่งก็ไม่ต้องสงสัยว่าเสียงโหวตเห็นด้วยกับการลงโทษประหารชีวิตจุกชาง ด้วยเก้าอี้ไฟฟ้าภายใน 24 ชั่วโมง

ผู้พิพากษาสูงสุดมินจองโฮยื่นใบลาออกจากตำแหน่งเพื่อประท้วงการพิจารณาที่ไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้องและยุติธรรม ว่าที่จริงมันควรถูกเรียกว่าความป่าเถื่อนเสียมากกว่า ในขณะที่คิมกาอนพยายามขอร้องมินจองโฮไม่ให้ลาออก แต่เขากลับขอให้คิมกาอนหยุดคังโยฮัน เพราะแท้จริงแล้วคังโยฮันคือปีศาจนักปลุกปั่น โดยใช้วิธีดึงเอาความสะใจและความบ้าคลั่งของคนเอามาใช้เป็นเครื่องมือ แต่คิมกาอนก็พยายามเข้าข้างคังโยฮัน และบอกด้วยว่าพวกผู้มีอำนาจทำให้ยุนซูฮยอนตาย

มินจองโฮจึงเผยสิ่งที่เขาคิดออกมาว่า ยุนซูฮยอนอาจจะตายเพราะเธอกำลังสืบประวัติของคังโยฮัน อีกทั้งเธอยังเชื่อมาตลอดว่าคังโยฮันกำลังหลอกใช้คิมกาอน แต่คิมกาอนยังไม่เชื่อ

ก่อนการประหารชีวิต ฮอจุงเซให้คนพาตัวจุดชางมาพบกับเขา แล้วบอกอย่าให้เขาปริปากออกไป ฮอจุงเซรับปากว่าเมื่อถึงเวลาประหารจะตัดไฟในศาลทั้งหมด

และแล้วกำหนดประหารชีวิตก็มาถึง จุกชางมีท่าทีนิ่งเฉย ไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย แม้ตัวเองกำลังจะตายและอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า … คะแนนโหวตจากผู้ใช้แอปยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และจำนวนผลโหวตจะเท่ากับปริมาณไฟฟ้าที่ปล่อยเข้าร่างของจุกชาง

จุกชางชักดิ้นชักงอจากพลังงานไฟฟ้าที่ถูกปล่อยเข้าร่างจนเกือบตาย แต่เขาก็อดทนตามที่ฮอจุงเซบอก แต่ …

คนที่ทนไม่ไหวกลับเป็นคิมกาอน เขาเดินออกไปจากห้องนั้น และแถลงข่าวด่วนว่า “รายการพิพากษาสด เป็นเพียงรายการลวงโลก !!!”

EP.15 หุ่นเชิดที่หลงลืมตัวเอง

การประหารชีวิตจุกชางด้วยเก้าอี้ไฟฟ้าต้องหยุดลงทันที เมื่อกระทรวงยุติธรรมประกาศให้มีการหยุดการลงโทษประหารชีวิต หลังจากคิมกาอนแถลงข่าวร่วมกับผู้พิพากษาสูงสุดมินจองโฮว่ารายการพิจารณาคดีสดเป็นรายการลวงโลก

คังโยฮันเมื่อรู้ว่าโดนคิมกาอนหักหลังก็กำหมัดแน่นด้วยความโกรธ แต่ก็พยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองเอาไว้และสั่งเจ้าหน้าที่ให้ปล่อยตัวจุกชางไป

มินจองโฮกล่าวต่อหน้านักข่าวว่า เพราะผู้พิพากษาคังโยฮันได้เข้าไปแทรกแซงกระบวนการพิจารณาคดี เพื่อให้สามารถลงโทษจำเลยได้ตามที่เขาตั้งใจเอาไว้ ทำให้คดีทั้งหมดที่เคยผ่านการพิจารณาในรายการถือว่าเป็นโมฆะ และจะมีการพิจารณาคดีใหม่

คังโยฮันกลับมาที่ห้องทำงาน คิดทบทวนถึงสิ่งที่ตัวเองทำ เขายังคงเชื่อว่าสิ่งที่ทำเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เป็นเพียงแต่เขาเลือกวิธีการให้ผลลัพธ์มันเกิดขึ้นเร็วกว่าปรกติก็เท่านั้น จังหวะนั้นเองคิมกาอนได้เดินเข้ามา “ผมมาบอกลา ผมเคยบอกแล้วใช่มั้ยว่าผมไม่อยากเห็นคุณเดินไปสู่จุดที่หันหลังกลับมาไม่ได้ แล้วการพิจารณาคดีนี้ก็ทำให้ผมได้รู้ว่า แท้จริงแล้วคุณไม่สนหรอกว่าจุกชางจะพูดหรือไม่พูดอะไรออกมา คุณเพียงแค่ต้องการให้ทุกคนมือเปื้อนเลือดไปกับคุณด้วย เพื่อที่คนพวกนั้นอยู่ข้างคุณโดยไม่มีทางเลือก คุณใช้จุดอ่อนของมนุษย์เพื่อประโยชน์ของตัวเอง รู้มั้ยว่ามันเป็นวิธีการของปีศาจ”

คังโยฮันท่าทางโกรธจัดเมื่อถูกเรียกว่าปีศาจ “ในโลกนี้ถ้าเราไม่ทำร้ายเขาก่อน เราก็จะเป็นฝ่ายถูกทำร้ายเสียเอง นายนี่มันไร้เดียงสาจริง ๆ เลยนะ ฉันก็แค่เลือกวิธีที่เร็วที่สุดเท่านั้นเอง”

แต่อย่างไรก็ตาม คิมกาอนไม่หยุดที่จะเรียกคังโยฮันว่าปีศาจ ซึ่งมันเป็นคำที่เขาเกลียดและเป็นคำที่เขาถูกตราหน้ามาตลอดชีวิต ทันใดนั้นเอง คังโยฮันก็เอามือบีบคอคิมกาอนด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยรอยยิ้มของผู้ที่รู้สึกว่าตัวเองอยู่เหนือกว่า “นายมันก็แค่ไอ้ขี้แพ้” จากนั้นเขาก็ปล่อยมือออกแล้วไล่ให้คิมกาอนออกไปให้พ้น แต่ก่อนที่คิมกาอนจะเดินออกห้องไป เขาได้กล่าวว่า “ผมหวังจริง ๆ นะว่าคุณจะหยุด”

ประธานาธิบดีฮอจุงเซสะใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับคังโยฮันที่โดนพวกเดียวกันหักหลัง และมันทำให้เขาคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่เสียเต็มประดา เขาเริ่มคิดการใหญ่ลุแก่อำนาจมากขึ้น จนภรรยาของเขาต้องเตือนให้คิดถึงเหตุผลที่มูลนิธิฯ เลือกเขาเป็นประธานาธิบดีก็เพื่อผลประโยชน์ทางด้านธุรกิจ เขาเริ่มเพ้อเจ้อที่จะสร้างตัวเองให้เป็นประธานาธิบดีผู้ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ชาติเกาหลี ฮอจุงเซคิดอย่างนั้นจริง ๆ เขาคิดไปไกลถึงขนาดจะปล่อยเชื้อโรคระบาดออกมาจริง ๆ เพื่อเป็นข้ออ้างในการประกาศภาวะฉุกเฉินเพิ่มในอีกหลายพื้นที่ แล้วเขาจะสั่งปราบปรามพวกที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามให้หมด และนั่นก็เพื่อการนำเกาหลีไปสู่สิ่งที่เขาเรียกว่าการปฏิวัติ เกาหลีจะกลายเป็นประเทศที่มีแต่ประชากรหนุ่มสาวผู้รักชาติที่พร้อมจะขับเคลื่อนประเทศ ไม่ต้องมีคนแก่ที่เป็นภาระและพวกที่หมกมุ่นแต่เรื่องการเมืองการประท้วงอีกต่อไป

จองซอนอาจึงเสนอให้มีการประกาศยกเลิกภาวะฉุกเฉินเพื่อให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ เพราะตอนนี้คังโยฮันไม่เป็นภัยต่อมูลนิธิฯ อีกต่อไป แต่ฮอจุงเซไปไกลจนกู่ไม่กลับ “ผมจะเป็นคนรับผิดชอบเอง จากนี้ไปชื่อของผมจะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ พวกคุณแค่ทำตามที่สั่งก็พอ แล้วเธอน่ะ เดี๋ยวนี้กวนประสาทเก่งเหลือเกินนะ กล้าดียังไง !”

จองซอนอายิ้มด้วยรอยยิ้มที่ผ่านการควบคุมอารมณ์ “แล้วคุณคิดบ้างหรือไม่ว่าถ้ามีคนออกมาประท้วงเต็มบ้านเต็มเมืองจะทำยังไง ?”
“นี่ลืมไปแล้วเหรอว่าผมเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผมก็แค่สั่งให้กวาดล้างพวกมันให้เรียบ”
“ไอ้บ้าเอ๊ย !!!” เธอลุกขึ้นเดินไปตบหน้าประธานาธิบดีจนล้มคว่ำไป “แกมันก็แค่หุ่นเชิด ยังไม่รู้ตัวอีก คิดว่าตัวเองเป็นสุดยอดผู้นำจริง ๆ หรือไง !?”

ที่แท้ จองซอนอาได้ทำการล็อบบี้คณะกรรมการในมูลนิธิฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นั่นเป็นเพราะมูลนิธิฯ มีเป้าหมายเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ เมื่อฮอจุงเซเริ่มออกนอกลู่นอกทางจนทำให้มูลนิธิฯ เสียผลประโยชน์ ทุกคนจึงตกลงที่จะให้เธอจัดการ

จองซอนอาไปหาคังโยฮันที่ออฟฟิศเพื่อหยิบยื่นโอกาสครั้งสุดท้ายให้กับเขา …

“ฉันจะให้โอกาสคุณเป็นครั้งสุดท้าย เพราะเห็นว่าคุณเป็นนายน้อย ฉันกำลังเสนอตำแหน่งในทำเนียบประธานาธิบดีให้กับคุณ แทนที่จะต้องเข้าคุก”
“ทำไม อยากได้หุ่นเชิดตัวใหม่งั้นสิ ?”
“คุณอยากโดนจับในข้อหาหาแทรกแซงการพิจารณาคดี แล้วเข้าไปอยู่ในคุกท่ามกลางพวกสวะที่โดนคุณจับขังอย่างนั้นเหรอ”

สุดท้ายคังโยฮังก็ยังคงปฏิเสธข้อเสนอของจองซอนอาอีกครั้ง และเขาก็เปิดการแถลงข่าวต่อหน้าสาธารณชนเป็นครั้งแรกหลังจากเกิดเรื่องอื้อฉาวขึ้น “ข้อกล่าวหาทั้งหมดเกี่ยวกับตัวผมเป็นเรื่องจริงครับ ผมทรยศต่อความเชื่อของพวกคุณ ผมละเมิดกฎหมายเพื่อลงโทษอาชญากร นั่นเป็นเพราะเมื่อผมได้เป็นผู้พิพากษามันทำให้ผมเห็นและเข้าใจว่า กฎหมายไม่สามารถลงโทษผู้มีอำนาจได้เลย คนที่มีเงินและอำนาจไม่ต้องรับโทษจากสิ่งที่พวกเขาก่อเอาไว้ ผมเห็นเรื่องนี้มาตลอด เห็นกับตาตัวเอง จริงครับผมใช้อำนาจที่มีเพื่อทำให้คนพวกนั้นได้ชดใช้ความผิด ถูกต้องแล้วครับที่ผมใช้ความโกรธแค้นส่วนตัวในการทวงความยุติธรรม และใช้มันเป็นข้ออ้างในการทำเรื่องพวกนี้ …” แล้วเขาก็ประกาศลาออกจากทุกตำแหน่ง และยอมรับบทลงโทษที่จะตามมาหลังจากนี้

อย่างไรก็ตาม การแถลงข่าวยอมรับความผิดของตัวเองทำให้คังโยฮันได้รับคะแนนนิยมจากประชาชนเพิ่มมากขึ้น ผลสำรวจออกมาปรากฏว่ามีประชาชนแตะระดับ 57.6 เปอร์เซ็นต์ หลังจากนั้นพรรคฝ่ายค้านก็ทาบทามเขาให้เข้ามาร่วมงานการเมือง แต่เขาก็ปฏิเสธไป

มินจองโฮมอบสมุดบันทึกตำรวจของยุนซูฮยอนให้กับคิมกาอน ซึ่งมันระบุว่าเธอยังคงตามสืบเรื่องไฟไหม้โบสถ์อยู่ตลอดเวลา คิมกาอนจึงตามรอยของเธอกลับไปตามหาคนต่าง ๆ ในสมุดบันทึกเล่มนั้น ในที่สุดเขาก็ได้พบกับจองโจเซฟ คนที่มีคลิปบันทึกจากกล้องวงจรปิดของเหตุการณ์ไฟไหม้โบสถ์ “หลังเหตุการณ์ไฟไหม้โบสถ์ ผู้พิพากษาคังโยฮันก็มาหาผมเพื่อมาเอาไฟล์นั้น และขอให้ผมปิดปากเรื่องนี้ไปตลอดชีวิต”

จากข้อมูลที่ได้ทำให้คิมกาอนเข้าใจว่าคังโยฮันอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด รวมไปถึงเป็นคนสั่งฆ่ายุนซูฮยอน คิมกาอนไปหาคิมโยฮันที่บ้านด้วยความโกรธเพื่อหวังฆ่าให้ตายคามือ จังหวะนั้นเอง มินจองโฮได้พากำลังตำรวจเดินทางมาจับกุมคังโยฮันในข้อหาจ้างวานฆ่ายุนซูฮยอน

จากนั้นจองซอนอาก็ปรากฏตัว พร้อมเผยความจริงทั้งหมดว่าทุกอย่างเป็นการจัดฉากของเธอทั้งสิ้น และที่ทำให้คิมกาอนช็อกยิ่งกว่าช็อกก็คือ มินจองโฮเข้ามาตีสนิทกับเขาตั้งแต่ต้นก็เป็นแผนของจองซอนอา มันเป็นความผิดหวังที่ทำเอาหัวใจเขาแตกสลายที่ได้รู้ว่า อาจารย์ที่เสมือนญาติคนเดียวของเขาเป็นเพียงหนึ่งในตัวละครที่มีจองซอนอาชักใยอยู่เบื้องหลัง

แล้วจองซอนอาก็เอาคลิปจากกล้องวงจรปิดให้คิมกาอนได้ดู มันเผยให้เห็นมือวางเพลิงตัวจริงว่าคือ “เอลียาห์” !!!

EP.16 ตอนจบ

หลังคังโยฮันโดนจับเข้าคุกในข้อหาแทรกแซงการพิจารณาคดี และมีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมยุนซูฮยอน ก็ทำให้เอลียาห์ร้องไห้ออกมาไม่หยุด คิมกาอนเขียนจดหมายด้วยลายมือถึงเอลียาห์เพื่อเล่าเรื่องที่คังโยฮันเก็บความลับเรื่องไฟไหม้โบสถ์ และทำให้ทุกคนสงสัยในตัวเขาก็เพราะเขาเป็นห่วงเธอ ส่วนสาเหตุไฟไหม้ คิมกาอนก็บอกกับเอลียาห์ว่าเป็นเพราะไฟฟ้าลัดวงจร (แต่จริง ๆ แล้วเป็นเพราะเอลียาห์ที่ทำเทียนล้มไปไหม้ผ้าม่าน ที่ปกปิดก็เพราะไม่ต้องการให้เอลียาห์รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนฆ่าพ่อแม่)

คิมกาอนก็เข้าไปหามินจองโฮด้วยความเดือดดาล เมื่อได้รู้ความจริงว่า อาจารย์ที่เขาเคารพเหมือนญาติเข้าไปมีส่วนกับการตายของยุนซูฮยอน

จากนั้นคิมกาอนก็ไปหาทนายโกอินกุก ให้ช่วยหาวิธีพาเขาเข้าไปในศูนย์การแพทย์โครงการบ้านในฝัน เพื่อที่จะไปดูว่าฮอจุงเซกำลังวางแผนทำอะไร ซึ่งตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่เขาเชื่อว่ามันต้องเป็นเรื่องไม่ดีแน่ ๆ เขาจึงคิดว่าจะเอาเรื่องนี้มาเป็นข้อต่อรองกับฮอจุงเซให้ปล่อยคังโยฮัน

การเข้าไปภายในพื้นที่โครงการบ้านในฝันนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเป็นสถานที่ที่มีทหารคุ้มกันอย่างเข้มงวด แต่คิมกาอนก็เข้าไปได้โดยแอบเข้าไปกับรถขนอาหารจากความช่วยเหลือของทนายโก ระหว่างที่อยู่ภายในศูนย์การแพทย์ เขาก็อำพรางตัวเองด้วยชุดบุคลากรทางการแพทย์และปกปิดใบหน้าด้วยหน้ากากอนามัย ระหว่างนั้นก็แอบเปิดกล้องตัวจิ๋วบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

จังหวะนั้นเอง เป็นจังหวะเดียวกับที่ฮอจุงเซเดินทางมาที่ศูนย์การแพทย์บ้านในฝัน ทำให้คิมกาอนได้รู้จากแพทย์ที่รายงานความคืบหน้าว่า สถานที่แห่งนี้ถูกใช้เป็นที่พัฒนาวัคซีนกับมนุษย์ และจนถึงปัจจุบันมีคนตายจากผลข้างเคียงของวัคซีนตัวใหม่ไปแล้วกว่า 182 คน

ไม่เพียงเท่านั้น ประธานาธิบดีฮอจุงเซได้ใช้คำพูดที่แสดงให้เห็นถึงความไร้มนุษยธรรมอย่างชั่วร้ายออกมา “ผมพูดเสมอว่ามนุษย์เป็นทรัพยากรที่มีค่ามากที่สุด เมื่อตายไปแล้วก็ยังเอาอวัยวะไปขายได้ สร้างกำไรได้อีกทอดหนึ่ง และมันสามารถขายได้ทุกอย่างตั้งแต่เส้นผมไปยันเลือด” มันแทบไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคำพูดที่พูดออกจากของผู้นำประเทศ แต่คำพูดที่บ้าบอคอแตกเหล่านั้นได้ถูกคิมกาอนบันทึกเอาไว้ทั้งหมดแล้ว

ว่าที่จริงแล้ว คิมกาอนเตรียมแต่แผนพาตัวเองเข้าแต่ไม่ได้เตรียมแผนพาตัวเองออก แต่อยู่ดี ๆ ก็มีพยาบาลสาวคนหนึ่งที่จำได้ว่าเขาคือผู้พิพากษาคิมกาอนในรายการพิจารณาคดีสดเข้ามาเสนอความช่วยเหลือ ด้วยวิธีการหลอกกองทหารที่เฝ้ายามอยู่ว่าต้องนำเอาศพไปทิ้ง แล้วคิมกาอนก็ออกมากับรถขนศพได้อย่างชิล ๆ แบบไม่มีริ้วรอยแม้แต่ปลายเล็บ

ทีวีทุกช่องเสนอข่าวด่วนเบรกกิ้งนิวส์ระบุว่า คังโยฮันที่โดนแทงตายในเรือนจำ (ซึ่งเป็นแผนของฮอจุงเซที่จะกำจัดคังโยฮันให้พ้นไปจากโลกนี้)

คิมกาอนทำตามแผนของเขาต่อไป ด้วยการจับมินจองโฮในวันเข้ารับตำแหน่งประธานผู้พิพากษาศาลฎีกา มินจองโฮอยู่ในสภาพตกใจที่รู้ว่าตัวเองถูกมัดเอาไว้กับเก้าอี้ จากนั้นคิมกาอนก็เปิดให้ดูระเบิดที่ติดอยู่กับตัวเขา “สื่อถูกรัฐบาลปิดปากเอาไว้ทั้งหมดแล้ว มันจะมีข่าวอะไรที่น่าสนใจไปกว่าข่าวประธานผู้พิพากษาศาลฎีกาคนใหม่ตายพร้อมกับลูกศิษย์ในวันเข้ารับตำแหน่ง” คิมกาอนกดนาฬิการะเบิดเวลาที่ติดอยู่ที่แผงหน้าอก “ถ้าระเบิดทำงาน อีเมลจะถูกส่งไปยังสื่อกระแสหลักทันที ซึ่งมันจะมีข้อมูลความจริงที่เกิดขึ้นในโครงการบ้านในฝัน”

นาฬิกาดิจิตอลที่ติดอยู่กับระเบิดแสดงเวลานับถอยหลังเหลือ 10 วินาที คิมกาอนหลับตาแน่น แต่แล้วทันใดนั้นเอง คังโยฮันก็ปรากฏตัวขึ้นมากดปุ่มหยุดนาฬิกาที่ตัวระเบิดเพื่อให้มันหยุดทำงาน “ฉันมาช้าไปหน่อย” คังโยฮังมาพร้อมกับรอยยิ้ม ส่วนคิมกาอนก็ตกตะลึงที่เห็นคังโยฮันอยู่เบื้องหน้า

แท้จริงแล้ว คังโยฮันได้สืบจนรู้จุดอ่อนของพัศดีเรือนจำที่เก็บเงินสินบนเอาไว้เพื่อใช้ชีวิตในบั้นปลายบนเกาะบาฮามาส เขาจึงทำการแฮ็กเงินจำนวน 12,000 ล้านวอน (ประมาณ 340 ล้านบาท) ของพัศดี เพื่อใช้เป็นข้อต่อรอง ซึ่งประกอบกับฮอจุงเซสั่งให้คนมาฆ่าเขาพอดี เขาจึงให้พัศดีช่วยจัดการสลับตัวศพทำให้เขาออกจากคุกมาได้อย่างชิล ๆ

เรื่องราวทุกอย่างมันเหมือนเป็นพล็อตที่ถูกกำหนดเอาไว้หมดแล้ว ฮอจุงเซ จองซอนอา และคณะกรรมการมูลนิธิฯ รวมไปจนถึงภรรยา มาดื่มฉลองกันที่ห้องออกอากาศรายการพิจารณาคดีสด แล้วคังโยฮันก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับอุปกรณ์จุดระเบิดที่อยู่ในมือ … ระเบิดได้ถูกติดตั้งเอาไว้ทั่วทั้งห้องแล้วก่อนหน้านี้ !

คังโยฮันถ่ายทอดสดการพิจารณาคดีครั้งสุดท้ายผ่านแอป DIKE เขาได้เล่าถึงความผิดของทุก ๆ คนในคณะกรรมการมูลนิธิฯ แล้วหลักฐานเด็ดก็คือคลิปวิดีโอที่ถ่ายโดยคิมกาอน ที่เผยให้เห็นความชั่วอันสุดจะบรรยายของฮอจุงเซ จากนั้นเขาก็ให้ผู้ใช้แอปลงคะแนนให้ถึง 10 ล้าน เพื่อทำการลงโทษทุกคนที่อยู่ภายในห้องนี้ด้วยการระเบิด

ในขณะที่คนอื่น ๆ สติแตก โดยเฮอจุงเซที่โวยวายออกมาไม่หยุด “ฉันคือราชาของประเทศนี้ ฉันคือสาธารณรัฐเกาหลี” แต่จองซอนอาที่นั่งนิ่งด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย กลับคว้าปืนขึ้นมาแล้วยิงใส่ฮอจุงเซจนล้มคว่ำลงไป พร้อมกับพูดออกมาว่า “ไอ้บ้านี่พูดเยอะจริง ๆ น่ารำคาญ” ก่อนที่เธอจะหันปากกระบอกปืนไปที่คังโยฮัน

คังโยฮันประจันหน้ากับจองซอนอาอยู่หลายวินาทีด้วยใบหน้าที่แฝงไปด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่เธอจะเอ่ยออกมาว่า “ลาก่อนนายน้อย” ทันใดนั้นเองเธอหันปากกระบอกปืนมาที่หัวของตัวเอง แล้วก็ลั่นไกฆ่าตัวตายในที่สุด จองซอนอาหลับตาลงขณะที่ภาพแสดงให้เห็นคังโยฮันในวัยเด็กได้ยื่นมือให้กับเธอแล้วกล่าวว่า “ไม่เป็นไร” เมื่อตอนที่เธอทำจานราคาแพงตกแตกขณะเป็นสาวรับใช้ที่คฤหาสน์ดำเมื่อครั้งยังเด็ก

หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อตัวเลขผลโหวตออกมาถึง 10 ล้าน คังโยฮันก็กดระเบิดทำให้ทั้งห้องพังทลายลงมา !

ทุกคนคิดว่าคังโยฮันตายไปแล้ว หากแต่ความเป็นจริงเขายังไม่ตาย เพราะเขาได้เตรียมทางออกไว้สำหรับตัวเองเรียบร้อยแล้ว คิมกาอนไปที่คฤหาสน์ดำก็พบพิมพ์เขียวห้องพิจารณาคดีสดที่คังโยฮันร่างเอาไว้ หลังจากรู้ความจริง คิมกาอนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและพูดว่า “เขายังมีชีวิตอยู่”

คังโยฮันพาเอลียาห์ไปอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์เพื่อรักษาขาของเธอให้กลับมาเดินได้อีกครั้ง

หนึ่งเดือนต่อมา คิมกาอนไปประชุมในคณะกรรมาธิการการพิจารณาคดีสาธารณะเกี่ยวกับการปฏิรูปตุลาการ ที่นั่นเขาได้รับการยกย่องว่าเป็นวีรบุรุษของชาติและได้รับเสียงปรบมือจากผู้เข้าร่วมประชุม แต่เขากลับบอกว่าตัวเองไม่ใช่ฮีโร่ พร้อมกับพูดนู่นนี่นั่นเพื่อปกป้องคังโยฮันว่าไม่ใช่อาชญากร”

แต่อย่างไรก็ตาม นักการเมืองก็คือนักการเมือง แล้วทุกอย่างก็กลับมาเหมือนเดิม

หลังจากการประชุม คิมกาอนได้เห็นคังโยฮันทักทายเขาจากระยะไกล คิมกาอนได้เดินตามเขาไป ในที่สุดทั้งสองก็ได้พบกันและมองหน้ากันเป็นเวลานาน ก่อนที่คังโยฮันจะหันแล้วเดินจากไปด้วยรอยยิ้ม

จบบริบูรณ์

Photos: tvN Korea