Skip to content
รีแคปซีรีส์ The Devil Judge EP.13 : แสงสว่างและความมืด

รีแคปซีรีส์ The Devil Judge EP.13 : แสงสว่างและความมืด

The Devil Judge EP.13 : คังโยฮันได้รับบาดเจ็บและได้สูญเสียลูกน้องคนสนิทไป ในขณะที่คิมกาอนเข้าไปย่านฮยองซาน ที่ตอนนี้ถูกประกาศว่าเป็นเขตโรคระบาด …

หลังจากจองซอนอาสังหารลูกน้องคนสนิทของคังโยฮัน โดยการทิ้งดิ่งร่างลงมาที่ความสูงเทียบเท่ากับตึกหลายชั้น จนร่างแหลกเหลวเลือดไหลนองพื้น เธอก็ได้ยื่นโทรศัพท์ให้คังโยฮันดูภาพที่พวกของจุกชางกำลังไล่ล่าคิมกาอนอยู่ในเขตควบคุมโรคระบาดฮยองซาน เธอทิ้งโทรศัพท์เครื่องนั้นเองไว้แล้วเดินจากไป “ฉันบอกแล้วไงว่าจะทำให้นายน้อยตายอย่างโดดเดี่ยว ลาก่อนนะคะ”

คังโยฮันที่ได้รับจากบาดเจ็บจากการถูกยิงเข้าที่บริเวณท้อง ก็ยังพยายามที่จะใช้โทรศัพท์เครื่องที่จองซอนอาทิ้งไว้ให้เพื่อโทร. หายุนซูฮยอน เพื่อให้เธอไปช่วยคิมกาอน ก่อนที่เขาจะหมดสติล้มพับลงไปนอนอยู่กับพื้นเนื่องจากเสียเลือดไปเยอะ

เมื่อยุนซูฮยอนวางสายโทรศัพท์ เธอก็รีบไปช่วยคิมกาอนในทันที เธอขับรถฝ่าเข้าไปช่วยคิมกาอนได้แบบชิล ๆ โดยที่เขาไม่ได้รับอันตรายแม้แค่ปลายเล็บ … เมื่อกลับมาถึงบ้าน คิมกาอนก็ได้สารภาพความรู้สึกที่มีต่อเธอ ก่อนที่จะโน้มตัวไปจูบยุนซูฮยอน ทั้งสองจูบกันอยู่อย่างนั้นนานหลายวินาที ก่อนที่เธอจะผละตัวออกไป แล้วก็แสร้งทำเป็นพูดเรื่องนู่นนี่นั่นกลบเกลื่อนความเขินอาย สุดท้ายก็เดินออกจากบ้านไปเฉยเลย ทิ้งให้คิมกาอนนั่งงง ๆ กับสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไป

แล้วเรื่องราวก็ดำเนินไป จู่ ๆ พวกทนายโกก็มาช่วยคังโยฮันเอาไว้ได้อย่างชิล ๆ อีกเช่นกัน โดยอ้างว่าใช้การแกะรอยจากจีพีเอส

คังโยฮันได้สติขึ้นมาแล้วก็ขับรถกลับบ้าน เมื่อมาถึงบ้านก็พบกับเอลียาห์อยู่กับจองซอนอา จากนั้นก็จะเป็นบทสนทนาแบบแปลก ๆ ที่เอลียาห์ฟังแล้วก็งงว่าเกิดอะไรขึ้น แต่แท้จริงแล้ว จองซอนอาต้องการขู่คังโยฮันว่า เขาอาจต้องเสียเอลียาห์ไปอีกคน แล้วก็จากไปโดยไม่ได้ทำอะไรนอกจากขู่

วันรุ่งขึ้น คิมกาอนได้บอกกับโอจินจูว่าเธอกำลังถูกมูลนิธิฯ หลอกใช้ เพราะแท้จริงแล้วไม่มีโรคระบาดตามที่ประธานาธิบดีกล่าวอ้างแต่อย่างใด มันเป็นเรื่องที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้จุกชางปราบปรามพวกที่ต่อต้านรัฐบาล แม้โอจินจูไม่เชื่อแต่มันก็ทำให้เธอสงสัยไม่ใช่น้อย เธอจึงลงพื้นที่ไปดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยตาตัวเองที่สลัมย่านฮยองซาน ซึ่งก็ปรากฏภาพอย่างที่คิมกาอนบอกเอาไว้จริง ๆ เธอจึงคิดเปลี่ยนข้างกลับมาอยู่ฝ่ายคังโยฮันอีกครั้ง

ประธานาธิบดีฮอจุงเซออกประกาศเคอร์ฟิว รวมทั้งจำกัดการนำเสนอข่าวของสื่อ โดยใช้ข้ออ้างเรื่องสถานการณ์ฉุกเฉินอันเกิดจากโรคระบาด

คังโยฮันเข้าไปหาฮอจุงเซเพื่อเตือนให้หยุดปล่อยเรื่องข่าวปลอมเรื่องโรคระบาด ไม่เช่นนั้นเขาจะนำเรื่องดังกล่าวไปเปิดโปงในรายการพิจารณาคดีสด แต่ฮอจุงเซก็ยังมองว่าเขาถือไพ่เหนือกว่าและไม่ยอมทำตามคำขู่ของคังโยฮัน

ในการประชุมของคณะกรรมการมูลนิธิฯ เสนอวิธีจัดการกับคังโยฮันโดยการประกาศให้ยุติรายการพิจารณาคดีสด เพราะถ้าไม่มีรายการนี้คังโยฮันก็ไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น

เช้าวันรุ่งขึ้น ฮอจุงเซแถลงการณ์ข่าวยุบรายการพิจารณาคดีสด และตั้งศาลฉุกเฉินขึ้นมาแทน โดยให้โอจินจูเป็นหัวหน้าผู้พิพากษา …

“รัฐบาลตัดสินใจยุบรายการพิจารณาคดีสด เพื่อรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินที่ประชาชนกำลังเผชิญอยู่ เราจะตั้งศาลฉุกเฉินขึ้นมาแทน ศาลฉุกเฉินจะพิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับการขัดขวางการให้ความช่วยเหลือและการส่งตัวผู้ป่วยโรคระบาด การเผยแพร่ถ้อยคำหมิ่นประมาท รวมไปถึงการชุมนุมและการประท้วงที่ขัดต่อกฎหมาย ผู้พิพากษาโอจินจูจะรับหน้าที่เป็นหัวหน้าผู้พิพากษา และผู้พิพากษาสมทบจะคัดเลือกผู้สมัครที่มีความเป็นชาตินิยม”

โอจินจูเปลี่ยนฝ่ายไปอยู่กับคังโยฮันอีกครั้ง โดยพาพีดีรายการพิจารณาคดีสดไปที่สลัมย่านฮยองซานเพื่อถ่ายทอดสดเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้น เพื่อยืนยันว่าสิ่งที่ฮอจุงเซประกาศเรื่องโรคระบาดล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องโกหกทั้งสิ้น จากนั้นพีดีก็ได้สั่งให้ลูกน้องจัดเตรียมการถ่ายทอดสด ภาพผู้คนที่อาศัยอยู่ในสลัมโดนทำร้ายถูกเผยแพร่ออกไป ทำให้คนทั้งประเทศเริ่มเห็นความเป็นจริงกับสิ่งที่เกิดขึ้น

ฮอจุงเซโกรธจัดจนไฟแทบขึ้นหัว สุดท้ายแล้วเขาจึงสั่งตัดไฟทั้งเมืองเพื่อให้การถ่ายทอดสดนั้นหยุดลง เมื่อสิ้นคำสั่งเมืองทั้งเมืองก็ตกอยู่ในความมืด

แต่ท่ามกลางความมืดนั้นเอง คังโยฮันก็ได้เปิดไฟฉายในโทรศัพท์ขึ้นมาพร้อมกับพูดต่อหน้าประชาชนในเขตฮยองซานว่า “ไม่มีทางที่ความมืดจะชนะแสงสว่างได้” จากนั้นทุกคนก็เปิดไฟในโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา และเข้ารุมกระทืบจุกชาง

ในตอนท้าย ยุนซูฮยอนรีบขับรถมาหาคิมกาอนที่ฮยองซานด้วยความเป็นห่วง ขณะที่เธอเปิดประตูรถและกำลังวิ่งไปหาเขา มือปืนปริศนาก็ลั่นกระสุนใส่ร่างยุนซูฮยอนถึง 2 นัด เลือดกระเซ็นไปทั่วทั้งบริเวณ ก่อนที่ร่างของเธอจะลงไปนอนกองอยู่กับพื้น คิมกาอนรับวิ่งมาประคองร่างของยุนซูฮยอนที่ลมหายใจรอยริน

ยุนซูฮยอนเอื้อมมือไปสัมผัสแก้มของชายที่เธอรักมากที่สุดในชีวิต แล้วบอกว่าอย่าทำให้ตัวเองต้องบาดเจ็บอีก แล้วคำพูดสุดท้ายก็คือ …

“ฉันรักเธอ” !!!

Photos: ภาพหน้าจอจาก tvN Korea