Skip to content
รีแคปซีรีส์ The Devil Judge EP.15 : หุ่นเชิดที่หลงลืมตัวเอง

รีแคปซีรีส์ The Devil Judge EP.15 : หุ่นเชิดที่หลงลืมตัวเอง

The Devil Judge EP.15 : การออกมาแฉเบื้องหลังของรายการพิจารณาคดีสดของคิมกาอน ทำให้โทษประหารของจุกชางถูกระงับ และนำไปสู่เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด …

การประหารชีวิตจุกชางด้วยเก้าอี้ไฟฟ้าต้องหยุดลงทันที เมื่อกระทรวงยุติธรรมประกาศให้มีการหยุดการลงโทษประหารชีวิต หลังจากคิมกาอนแถลงข่าวร่วมกับผู้พิพากษาสูงสุดมินจองโฮว่ารายการพิจารณาคดีสดเป็นรายการลวงโลก

คังโยฮันเมื่อรู้ว่าโดนคิมกาอนหักหลังก็กำหมัดแน่นด้วยความโกรธ แต่ก็พยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองเอาไว้และสั่งเจ้าหน้าที่ให้ปล่อยตัวจุกชางไป

มินจองโฮกล่าวต่อหน้านักข่าวว่า เพราะผู้พิพากษาคังโยฮันได้เข้าไปแทรกแซงกระบวนการพิจารณาคดี เพื่อให้สามารถลงโทษจำเลยได้ตามที่เขาตั้งใจเอาไว้ ทำให้คดีทั้งหมดที่เคยผ่านการพิจารณาในรายการถือว่าเป็นโมฆะ และจะมีการพิจารณาคดีใหม่

คังโยฮันกลับมาที่ห้องทำงาน คิดทบทวนถึงสิ่งที่ตัวเองทำ เขายังคงเชื่อว่าสิ่งที่ทำเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เป็นเพียงแต่เขาเลือกวิธีการให้ผลลัพธ์มันเกิดขึ้นเร็วกว่าปรกติก็เท่านั้น จังหวะนั้นเองคิมกาอนได้เดินเข้ามา “ผมมาบอกลา ผมเคยบอกแล้วใช่มั้ยว่าผมไม่อยากเห็นคุณเดินไปสู่จุดที่หันหลังกลับมาไม่ได้ แล้วการพิจารณาคดีนี้ก็ทำให้ผมได้รู้ว่า แท้จริงแล้วคุณไม่สนหรอกว่าจุกชางจะพูดหรือไม่พูดอะไรออกมา คุณเพียงแค่ต้องการให้ทุกคนมือเปื้อนเลือดไปกับคุณด้วย เพื่อที่คนพวกนั้นอยู่ข้างคุณโดยไม่มีทางเลือก คุณใช้จุดอ่อนของมนุษย์เพื่อประโยชน์ของตัวเอง รู้มั้ยว่ามันเป็นวิธีการของปีศาจ”

คังโยฮันท่าทางโกรธจัดเมื่อถูกเรียกว่าปีศาจ “ในโลกนี้ถ้าเราไม่ทำร้ายเขาก่อน เราก็จะเป็นฝ่ายถูกทำร้ายเสียเอง นายนี่มันไร้เดียงสาจริง ๆ เลยนะ ฉันก็แค่เลือกวิธีที่เร็วที่สุดเท่านั้นเอง”

แต่อย่างไรก็ตาม คิมกาอนไม่หยุดที่จะเรียกคังโยฮันว่าปีศาจ ซึ่งมันเป็นคำที่เขาเกลียดและเป็นคำที่เขาถูกตราหน้ามาตลอดชีวิต ทันใดนั้นเอง คังโยฮันก็เอามือบีบคอคิมกาอนด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยรอยยิ้มของผู้ที่รู้สึกว่าตัวเองอยู่เหนือกว่า “นายมันก็แค่ไอ้ขี้แพ้” จากนั้นเขาก็ปล่อยมือออกแล้วไล่ให้คิมกาอนออกไปให้พ้น แต่ก่อนที่คิมกาอนจะเดินออกห้องไป เขาได้กล่าวว่า “ผมหวังจริง ๆ นะว่าคุณจะหยุด”

ประธานาธิบดีฮอจุงเซสะใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับคังโยฮันที่โดนพวกเดียวกันหักหลัง และมันทำให้เขาคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่เสียเต็มประดา เขาเริ่มคิดการใหญ่ลุแก่อำนาจมากขึ้น จนภรรยาของเขาต้องเตือนให้คิดถึงเหตุผลที่มูลนิธิฯ เลือกเขาเป็นประธานาธิบดีก็เพื่อผลประโยชน์ทางด้านธุรกิจ เขาเริ่มเพ้อเจ้อที่จะสร้างตัวเองให้เป็นประธานาธิบดีผู้ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ชาติเกาหลี ฮอจุงเซคิดอย่างนั้นจริง ๆ เขาคิดไปไกลถึงขนาดจะปล่อยเชื้อโรคระบาดออกมาจริง ๆ เพื่อเป็นข้ออ้างในการประกาศภาวะฉุกเฉินเพิ่มในอีกหลายพื้นที่ แล้วเขาจะสั่งปราบปรามพวกที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามให้หมด และนั่นก็เพื่อการนำเกาหลีไปสู่สิ่งที่เขาเรียกว่าการปฏิวัติ เกาหลีจะกลายเป็นประเทศที่มีแต่ประชากรหนุ่มสาวผู้รักชาติที่พร้อมจะขับเคลื่อนประเทศ ไม่ต้องมีคนแก่ที่เป็นภาระและพวกที่หมกมุ่นแต่เรื่องการเมืองการประท้วงอีกต่อไป

จองซอนอาจึงเสนอให้มีการประกาศยกเลิกภาวะฉุกเฉินเพื่อให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ เพราะตอนนี้คังโยฮันไม่เป็นภัยต่อมูลนิธิฯ อีกต่อไป แต่ฮอจุงเซไปไกลจนกู่ไม่กลับ “ผมจะเป็นคนรับผิดชอบเอง จากนี้ไปชื่อของผมจะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ พวกคุณแค่ทำตามที่สั่งก็พอ แล้วเธอน่ะ เดี๋ยวนี้กวนประสาทเก่งเหลือเกินนะ กล้าดียังไง !”

จองซอนอายิ้มด้วยรอยยิ้มที่ผ่านการควบคุมอารมณ์ “แล้วคุณคิดบ้างหรือไม่ว่าถ้ามีคนออกมาประท้วงเต็มบ้านเต็มเมืองจะทำยังไง ?”
“นี่ลืมไปแล้วเหรอว่าผมเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผมก็แค่สั่งให้กวาดล้างพวกมันให้เรียบ”
“ไอ้บ้าเอ๊ย !!!” เธอลุกขึ้นเดินไปตบหน้าประธานาธิบดีจนล้มคว่ำไป “แกมันก็แค่หุ่นเชิด ยังไม่รู้ตัวอีก คิดว่าตัวเองเป็นสุดยอดผู้นำจริง ๆ หรือไง !?”

ที่แท้ จองซอนอาได้ทำการล็อบบี้คณะกรรมการในมูลนิธิฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นั่นเป็นเพราะมูลนิธิฯ มีเป้าหมายเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ เมื่อฮอจุงเซเริ่มออกนอกลู่นอกทางจนทำให้มูลนิธิฯ เสียผลประโยชน์ ทุกคนจึงตกลงที่จะให้เธอจัดการ

จองซอนอาไปหาคังโยฮันที่ออฟฟิศเพื่อหยิบยื่นโอกาสครั้งสุดท้ายให้กับเขา …

“ฉันจะให้โอกาสคุณเป็นครั้งสุดท้าย เพราะเห็นว่าคุณเป็นนายน้อย ฉันกำลังเสนอตำแหน่งในทำเนียบประธานาธิบดีให้กับคุณ แทนที่จะต้องเข้าคุก”
“ทำไม อยากได้หุ่นเชิดตัวใหม่งั้นสิ ?”
“คุณอยากโดนจับในข้อหาหาแทรกแซงการพิจารณาคดี แล้วเข้าไปอยู่ในคุกท่ามกลางพวกสวะที่โดนคุณจับขังอย่างนั้นเหรอ”

สุดท้ายคังโยฮังก็ยังคงปฏิเสธข้อเสนอของจองซอนอาอีกครั้ง และเขาก็เปิดการแถลงข่าวต่อหน้าสาธารณชนเป็นครั้งแรกหลังจากเกิดเรื่องอื้อฉาวขึ้น “ข้อกล่าวหาทั้งหมดเกี่ยวกับตัวผมเป็นเรื่องจริงครับ ผมทรยศต่อความเชื่อของพวกคุณ ผมละเมิดกฎหมายเพื่อลงโทษอาชญากร นั่นเป็นเพราะเมื่อผมได้เป็นผู้พิพากษามันทำให้ผมเห็นและเข้าใจว่า กฎหมายไม่สามารถลงโทษผู้มีอำนาจได้เลย คนที่มีเงินและอำนาจไม่ต้องรับโทษจากสิ่งที่พวกเขาก่อเอาไว้ ผมเห็นเรื่องนี้มาตลอด เห็นกับตาตัวเอง จริงครับผมใช้อำนาจที่มีเพื่อทำให้คนพวกนั้นได้ชดใช้ความผิด ถูกต้องแล้วครับที่ผมใช้ความโกรธแค้นส่วนตัวในการทวงความยุติธรรม และใช้มันเป็นข้ออ้างในการทำเรื่องพวกนี้ …” แล้วเขาก็ประกาศลาออกจากทุกตำแหน่ง และยอมรับบทลงโทษที่จะตามมาหลังจากนี้

อย่างไรก็ตาม การแถลงข่าวยอมรับความผิดของตัวเองทำให้คังโยฮันได้รับคะแนนนิยมจากประชาชนเพิ่มมากขึ้น ผลสำรวจออกมาปรากฏว่ามีประชาชนแตะระดับ 57.6 เปอร์เซ็นต์ หลังจากนั้นพรรคฝ่ายค้านก็ทาบทามเขาให้เข้ามาร่วมงานการเมือง แต่เขาก็ปฏิเสธไป

มินจองโฮมอบสมุดบันทึกตำรวจของยุนซูฮยอนให้กับคิมกาอน ซึ่งมันระบุว่าเธอยังคงตามสืบเรื่องไฟไหม้โบสถ์อยู่ตลอดเวลา คิมกาอนจึงตามรอยของเธอกลับไปตามหาคนต่าง ๆ ในสมุดบันทึกเล่มนั้น ในที่สุดเขาก็ได้พบกับจองโจเซฟ คนที่มีคลิปบันทึกจากกล้องวงจรปิดของเหตุการณ์ไฟไหม้โบสถ์ “หลังเหตุการณ์ไฟไหม้โบสถ์ ผู้พิพากษาคังโยฮันก็มาหาผมเพื่อมาเอาไฟล์นั้น และขอให้ผมปิดปากเรื่องนี้ไปตลอดชีวิต”

จากข้อมูลที่ได้ทำให้คิมกาอนเข้าใจว่าคังโยฮันอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด รวมไปถึงเป็นคนสั่งฆ่ายุนซูฮยอน คิมกาอนไปหาคิมโยฮันที่บ้านด้วยความโกรธเพื่อหวังฆ่าให้ตายคามือ จังหวะนั้นเอง มินจองโฮได้พากำลังตำรวจเดินทางมาจับกุมคังโยฮันในข้อหาจ้างวานฆ่ายุนซูฮยอน

จากนั้นจองซอนอาก็ปรากฏตัว พร้อมเผยความจริงทั้งหมดว่าทุกอย่างเป็นการจัดฉากของเธอทั้งสิ้น และที่ทำให้คิมกาอนช็อกยิ่งกว่าช็อกก็คือ มินจองโฮเข้ามาตีสนิทกับเขาตั้งแต่ต้นก็เป็นแผนของจองซอนอา มันเป็นความผิดหวังที่ทำเอาหัวใจเขาแตกสลายที่ได้รู้ว่า อาจารย์ที่เสมือนญาติคนเดียวของเขาเป็นเพียงหนึ่งในตัวละครที่มีจองซอนอาชักใยอยู่เบื้องหลัง

แล้วจองซอนอาก็เอาคลิปจากกล้องวงจรปิดให้คิมกาอนได้ดู มันเผยให้เห็นมือวางเพลิงตัวจริงว่าคือ “เอลียาห์” !!!

Photos: ภาพหน้าจอจาก tvN Korea