Skip to content
สรุปเนื้อเรื่องซีรีส์ Lost (2021)

สรุปเนื้อเรื่องซีรีส์ Lost (2021)

สปอยล์ Lost (2021) : เรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่งที่ชีวิตไปประสบความสำเร็จอะไรสักอย่าง กับชายหนุ่มที่กลัวว่าอนาคตของตัวเองจะพบกับความล้มเหลว …

คะแนน : 3/10 เรตติ้งเฉลี่ย : 2.2
สนุกไหม ? : ถ้ามีคนถามว่าเรื่องนี้สนุกไหม จงตอบออกไปในทันทีว่า “ไม่สนุก” แต่ภายใต้ความไม่สนุกนั้น ซีรีส์มีความพิเศษบางอย่าง ที่ทำให้เรารู้สึกหลงเข้าไปใน “ความเศร้า” ของตัวละคร มันไม่ใช่ความเศร้าเพราะความเสียใจแบบน้ำตานองหน้า แต่มันเป็นความเศร้าที่ฝังอยู่ในจิตสำนึกในทุกลมหายใจ ความเศร้าอันแสนน่ารันทดอดสู มันเป็นความเศร้าที่คนสมัยนี้จำกัดความให้มันว่า “ภาวะซึมเศร้า” … ถ้าคุณอยากลองเข้าไปในจิตใจของคนที่ตกอยู่ในสภาวะนี้ ซีรีส์เรื่องนี้ตอบโจทย์ให้คุณได้เป็นอย่างดี แต่มีข้อแม้ข้อเดียวว่า “คุณต้องทนดูได้โดยที่ไม่ปิดหนีมันซะก่อน”

EP.1 สิทธิ์ในการเป็นมนุษย์

ซีรีส์เริ่มด้วยการเล่าเรื่องราวของแม่บ้านพาร์ตไทม์อายุประมาณ 40 ปีคนหนึ่ง ที่ชื่อว่า อีบูจอง (รับบทโดย จอนโดยอน) ในวันนั้นเธอรับจ๊อบไปทำความสะอาดที่คอนโดหรูแห่งหนึ่ง แต่เธอกลับเข้าไปใส่ซาวน่าและห้องอาบน้ำของพื้นที่ส่วนกลาง ทำให้ลูกบ้านคนหนึ่งไม่พอใจ และพูดจาดูถูกที่เธอแอบเข้ามาใช้พื้นที่ที่เธอไม่มีสิทธิ์ บูยองก้มหน้ารับฟังเสียงคำด่าและคำดูถูกโดยไม่ตอบโต้แม้สักคำ

ถ้ามองลึกเข้าไปในแววตาของบูจอง เราจะเห็นแววตาของคนที่รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าไร้ราคาใด ๆ คนที่ไม่แม้แต่จะรู้สึกว่าตัวเองมีค่าแม้สักเพียงสลึงเดียว

บูจองกลับมาที่บ้านยังต้องเจอกับแม่สามีจอมจุ้นจ้านที่เข้ามาก้าวก่ายในชีวิตเธอไปซะทุก ๆ เรื่อง ในวันนั้นแม่สามีแกะดูจดหมายของเธอ ทำให้เกิดการทะเลาะกันอย่างรุนแรง ในขณะที่จองซู (รับบทโดย พัคบยองอึน) สามีที่อ่อนกว่าเธอ 5 ปี ก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ … บูจองได้แต่นั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่อย่างนั้น

บูจองเดินออกมาจากบ้าน ไปที่ตู้เอทีเอ็มเพื่อกดเงินกู้จากบัตรกดเงินสด 1 แสนวอน (ประมาณ 2,800 บาท) ก่อนที่จะไปหาพ่อของเธอ พ่อที่มีอาชีพเก็บของเก่า พ่อที่เฝ้าหวังในตัวเธอไว้มาก ว่าลูกสาวคนนี้ต้องมีชีวิตที่ดีกว่าเขา …

“หนูล้มเหลวแล้วล่ะ มันเป็นเพราะหนูไร้ความสามารถเอง อย่าบอกว่าหนูเป็นความภาคภูมิใจของพ่อเลย ปัญหาคือหนูอยากทำให้ได้อย่างที่พ่อต้องการ แต่หนูกลับทำอะไรไม่เป็นโล้เป็นพายเลย ชีวิตหนูมันไร้ค่าจริง ๆ หนูคิดว่าชีวิตของหนูคงแย่กว่าชีวิตของพ่อเสียอีก”

พ่อได้แต่กอดลูกสาวตัวเองเอาไว้เพื่อปลอบประโลมหัวใจ พ่อคิดว่าที่บูจองดำดิ่งลงสู่ความดำมืดเป็นเพราะเธอแท้งลูก

บูจองนั่งรถเมล์กลับบ้าน เธอร้องไห้โฮออกมาอย่างกับเด็ก ๆ มาตลอดทาง จนผู้โดยสารชายคนหนึ่งที่ชื่อ คังแจ (รับบทโดย รยูจุนยอล) ยื่นผ้าเช็ดหน้า Hermès ให้กับเธอ แล้วก็บอกกับว่า เมื่อเช็ดน้ำตาเสร็จแล้วอย่าทิ้งผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ เพราะมันเป็นผ้าเช็ดหน้าราคาแพง ขอให้เธอซักแล้วนำกลับมาใช้ใหม่ … เมื่อบูจองได้ยินเช่นนั้นก็หยุดร้องไห้แล้วหันมองไปที่เขา

EP.2 ดินแดนแห่งโทสะ

บูจองคว้าแขนเสื้อของคังแจเอาไว้ ขณะที่เขากำลังเดินลงจากรถ จากนั้นเธอก็หยิบเอาแบงก์ 50,000 วอนส่งให้คังแจเป็นค่าผ้าพันคอ แต่เขาก็ปฏิเสธที่จะรับเงิน ก่อนจะเดินจากรถไป “ถ้าเป็นวันอื่นผมอาจจะรับเงินนะ แต่วันนี้เป็นวันที่ผมเจอคนที่เศร้ากว่าตัวผมเอง ผมคงไม่รับเงินนั้นไว้หรอก”

คังแจเป็นชายหนุ่มอายุ 27 ปี เขามีความฝันและความทะเยอทะยานอยากที่จะเป็นคนรวย มีครอบครัวที่อบอุ่น เป็นที่รักของคนรอบข้าง แต่ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นกลับตรงกันข้ามแบบหักมุม 180 องศา …

คังแจทำงานเป็นคนขายบริการ เขามีครอบครัวที่แตกสลาย มีแม่ที่เขาไม่สามารถพึ่งพิงอะไรได้เลยแม้แต่นิดเดียว มีพี่ชายที่เพิ่งฆ่าตัวตาย แถมยังเบี้ยวหนี้ 40 ล้านวอน (ประมาณ 1.1 ล้านบาท) ที่ยืมไปจากเขา ยังไม่นับน้องชายที่ไม่รู้จักโต ทั้งหมดนี้มันทำให้เขารู้สึกว่าอนาคตของตัวเองช่างมืดมนเสียเหลือเกิน

วันต่อมา บูจองเดินทางไปที่สถานีตำรวจ เพื่อให้ปากคำตามหมายเรียกในข้อหาคอมเมนต์ให้ร้ายผู้อื่นบนระบบคอมพิวเตอร์

ณ งานเปิดตัวหนังสือ “บันทึกของจองอารัน” มีแฟน ๆ ยืนต่อแถวเข้าคิวรอให้จองอารันเซ็นหนังสือ หนึ่งในนั้นคือบูจอง แต่ดูเหมือนว่าเธอไม่ได้ต้องการมาขอลายเซ็น …

“ก่อนหน้านี้ฉันไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ที่สอบปากคำบอกว่าคุณอยากเจอฉัน” บูจองมองไปที่จองอารันด้วยสายตาเย็นชา
“ถ้าไม่ได้มาขอให้ยกโทษให้ก็ไปเถอะ”
“ทำไม ถ้าไม่ไปจะตบฉันเหมือนคราวก่อนเหรอ … ฉันอ่านหนังสือนี่แล้ว ไม่เปลี่ยนคำเลยสักคำ มันเป็นที่ฉันเขียนเอาไว้ทั้งหมดเลย น่าสมเพช”

ในตอนท้ายของการสนทนา บูจองได้ลั่นใส่จองอารันจนน่าเสีย “ฉันเป็นบ้าไปแล้ว คอยดูเถอะ ฉันจะแฉทุกเรื่องให้คนทั้งโลกได้รู้ จะบอกเอาไว้ตรงนี้เลยนะว่า ฉันมีรายงานทางการแพทย์ตอนที่คุณทำร้ายฉัน นับจากวันนี้ฉันจะทำให้คนทั้งโลกได้รู้ คุณจะต้องพังไปกับฉัน” !

จากนั้น เราก็ได้รู้ว่าในอดีตนั้นบูจองมีอาชีพเป็นนักเขียนเงา (Ghost Writer) ที่ทำหน้าที่เขียนเรื่องราวแทนเจ้าของเรื่องตัวจริงที่เป็นคนดัง และจุดเปลี่ยนของทุกอย่างก็เกิดขึ้นเมื่อจองอารันบุกเข้าไปตบบูจองอย่างแรงจนหน้าคว่ำล้มไปกลางห้องประชุม เพียงเพราะไม่พอใจกับเรื่องที่เขียน

ซึ่งต่อมาบูจองโดนให้ออกจากสำนักพิมพ์ แต่ที่เลวร้ายไปกว่านั้นก็คือ เธอแท้งลูกอายุครรภ์ 5 เดือนในวันนั้น และนั่นเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ชีวิตของบูจองดำดิ่งลงสู่ความมืดมิด

ในคืนวันนั้นเอง บูจองขึ้นไปบนชั้นดาดฟ้าของอพาร์ตเมนต์ที่เธออาศัยอยู่ เธอกำลังตัดสินใจกระโดดลงไปเพื่อจบชีวิตตัวเอง แต่ทันใดนั้นเองคังแจก็ปรากฏตัวขึ้น พร้อมกับเรียกให้เธอตั้งสติ

EP.3 มนุษย์ที่ไร้ตัวตน

เริ่มต้นด้วยการที่คังแจเล่าเรื่องราวพ่อของเขา ที่นอนเป็นผู้ป่วยติดเตียงต่อเนื่องยาวนานมากกว่า 6 ปี “พ่อนอนรอผมบนเตียงอยู่ทั้งวัน ในช่วงเวลาก่อนที่พ่อจะจากผมไป พ่อนอนเป็นผู้ป่วยติดเตียงมานานกว่า 6 ปี ผมไม่รู้ว่าระหว่างที่พ่อนอนอยู่บนเตียงพ่อคิดอะไรอยู่ ผมไม่รู้ว่าพ่อจะเหงาแค่ไหน พ่อใช้แรงทั้งหมดในเฮือกสุดท้ายถอดเครื่องช่วยหายใจออกและดำดิ่งไปสู่ความตาย”

คังแจบรรยายต่อว่า “ผมไม่รู้ว่าความตายคืออะไร ว่าตามจริง ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชีวิตคืออะไร ปัจจุบันคืออะไรและอนาคตคืออะไร ในท้ายที่สุดแล้วผมจะเข้าใจเรื่องพวกนี้ได้ไหมนะ”

ตัดภาพมาที่ปัจจุบัน คังแจตะโกนเรียกบูจองก่อนที่เธอจะกระโดดตึกลงไปเพื่อจบชีวิตตัวเอง “จะตายไปทำไม !” บูจองหันมามองด้วยน้ำตาที่เปรอะไปทั่วหน้า ก่อนที่คังแจจะกล่าวต่อไปว่า “เมื่อไม่นานมานี้พี่ของผมเลือกจบชีวิตตัวเองไปเหมือนกัน แต่เขาไม่ได้กระโดดตึกหรอกนะ แต่ก็นั่นแหละ … คุณคิดบ้างไหมถ้ากระโดดลงไปจะเกิดอะไรขึ้นตามมา ตรงที่คุณจะกระโดดเนี่ยใกล้บ้านผมด้วยนะ ด้านล่างก็เป็นสถาบันกวดวิชา แบบนี้เด็ก ๆ คงจะขวัญเสียแย่เลย ยิ่งถ้าสมองกระจาย คงทำความสะอาดกันไม่ง่ายแน่ ๆ”

จากนั้นเมื่อคังแจเห็นบูจองมีท่าทางดีขึ้นแล้ว เขาก็เดินจากไปแล้วกล่าวว่า “เอาไว้คราวหน้าเจอกัน เรามาแลก Kakao Talk กันนะ”

เรื่องราวหลังจากนั้น คยองอึน แฟนเก่าของจองซู สามีของบูจอง ได้กลับเข้ามาพัวพันในชีวิตเขาเพื่อต้องการฟื้นความสัมพันธ์ในอดีต แม้จองซูจะพยายามปฏิเสธแต่น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อน เช่นนั้นแล้ว หัวใจอ่อน ๆ ของจองซูก็เริ่มหวั่นไหว

EP.4 เพื่อนมนุษย์

คังแจบังเอิญเจอกับบูจองบริเวณทางเดินที่อพาร์ตเมนต์ เขาจึงขอแลก Kakao Talk กับเธอตามที่ได้สัญญาเอาไว้คราวก่อน

บูจองเอาเค้กที่เหลือครึ่งปอนด์หลังจากที่กินกับพ่อกลับมาที่บ้าน บูจองชวนจองซู สามีของเธอให้กินเค้กที่เอากลับบ้านมา แต่เรื่องก็เกิดขึ้นเมื่อจองซูพูดขึ้นมาว่า “เธอซื้อเค้กแบบนี้ให้พ่อกินได้ยังไง เดี๋ยวนี้มีเค้กดี ๆ ขายตั้งเยอะแยะ เค้กที่เธอซื้อมามีแต่เนยขาวทั้งนั้น คุณพ่อความดันสูง แถมยังมีโรคประจำตัว มันไม่ดีต่อสมองกับความจำ”

เมื่อบูจองได้ยินสามีพูดเช่นนั้นก็เกิดอาการที่เรียกว่าน้ำล้นแก้ว “รู้ไหมเค้กนี้คืออะไร ถ้าเกิดพ่อฉันซื้อให้ จะมาพูดแบบนี้ได้เหรอ ถ้าพ่อฉันใช้เงินที่ได้จากการเป็นกล่องทั้งวันทั้งคืนเอามาซื้อให้นาย จะมาพูดแบบนี้ได้เหรอ ทั้งที่ไม่รู้ว่าเค้กก้อนนี้คืออะไร” บูจองร้องไห้ออกมาไม่หยุด มันน่าจะเป็นเพราะภาวะที่เรียกว่าซึมเศร้า ที่ทำให้เรื่องเพียงเล็กน้อยกลับทำให้เธอเสียใจได้เพียงนี้ เพราะจริง ๆ แล้วเค้กก้อนนี้พ่อเธอก็ไม่ได้ซื้อมาด้วยซ้ำ

บูจองล็อกห้องนอนร้องไห้อยู่คนเดียวในห้อง ส่วนจองซูก็นอนอยู่บนโซฟาที่ห้องนั่งเล่น ในคืนนั้นเอง บูจองจึงส่งข้อความผ่าน Kakao Talk ไปให้กับคังแจ “พรุ่งนี้ฉันจะเอาผ้าที่คุณให้ยืมไปคืนให้ในกล่องจดหมายของคุณนะคะ ฉันบันทึกเบอร์ของคุณเอาไว้แล้ว ฉันไม่ได้บันทึกเบอร์คนอื่นที่ไม่ใช่เบอร์ของคนในครอบครัวและเพื่อนร่วมงานมานานมากแล้ว ขอบคุณเรื่องวันนั้นนะคะ ฉันเลยอยากส่งข้อความถึงคุณสักครั้ง ไม่ต้องตอบก็ได้นะคะ”

วันรุ่งขึ้น คังแจไปเปิดตู้จดหมายเพื่อเอาผ้าเช็ดหน้าที่บูจองเอามาคืน มันถูกซักและห่อเอาไว้ในพลาสติกเป็นอย่างดี จากนั้นเขาก็ส่งข้อความกลับไปหาบูจอง “ผมขอบคุณเรื่องวันนั้นด้วยนะครับ ผมได้รับของที่คุณเอามาคืนเป็นอย่างดีแล้ว เพราะคุณผมถึงได้มีวันเกิดที่ดีมาก เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี”

ในตอนท้าย ทั้งสองได้มาเจอกันอีกครั้งที่งานแต่งงาน บูจองพยายามเดินไปหาคังแจ แต่โดนขัดจังหวะจากจองซูเสียก่อน …

EP.5 ความเจ็บปวดที่ไร้ตัวตน

คังแจตอบข้อความของบูจอง “ผมขอบคุณเรื่องในวันนั้น เพราะคุณ ผมถึงรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนดีและทำให้หัวใจผมเบิกบานอย่างบอกไม่ถูก มันนานมากแล้วที่ผมไม่ได้รู้สึกแบบนี้ นานมากแล้วที่ผมไม่ได้คุยกับคนอื่น ที่ไม่ใช่คนในครอบครัวหรือลูกค้า ผมเลยไม่รู้จะตอบคุณอย่างไร ผมพิมพ์แล้วก็ลบทิ้งแล้วก็พิมพ์ใหม่ แล้วก็นึกสงสัยขึ้นมาว่า ข้อความที่คุณพิมพ์ส่งมาหาผม ก็คงผ่านการลบทิ้งแล้วพิมพ์ใหม่เหมือนกัน มันทำให้ผมอยากรู้ขึ้นมาทันทีว่า ก่อนจะเป็นข้อความที่คุณส่งมาหาผม ข้อความที่คุณลบไปมันพิมพ์ว่าอะไร”

บูจองรู้สึกดึงดูดใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้เจอกับคังแจอีกครั้ง บูจองโกหกสามีว่าลืมของไว้ในห้องน้ำ เพื่อแอบมาพบกับคังแจ แต่ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไร เธอก็ได้ยินเพื่อนร่วมงานของสามีพูดถึงงานที่คังแจทำ ทำให้ความรู้สึกอึดอัดใจเกิดขึ้น บูจองเอ่ยถามเขาด้วยประโยคธรรมดา ๆ “สบายดีไหม ?” ก่อนที่จะเดินจากไปอย่างงง ๆ

ต่อมา คังแจได้เจอข้าวของของจองอู (รุ่นพี่ที่สนิทของคังแจที่เลือกจบชีวิตตัวเองไปก่อนหน้านี้) เป็นภาพครอบครัวและเอกสารต่าง ๆ แต่ที่สำคัญที่สุดคือ คังแจพบโทรศัพท์มือถือของจองอู ที่ในนั้นมีข้อความเก่าที่ถูกส่งมาจากบูจอง “อีบูจองนะคะ วันนี้ฉันคงไปไม่ได้ พอดีมีเรื่องด่วนที่บ้าน”

ในระหว่างที่คังแจกำลังตกตะลึงอยู่นั้น บูจองก็ส่งข้อความมาอีก “ไม่ได้คุยกันนานเลยนะคะ … อีบูจองค่ะ ไม่รู้จำฉันได้ไหม ?”

ตอนนี้เองที่ทำให้คังแจเกิดคิดที่จะตอบข้อความกลับโดยสวมรอยเป็นจองอู “ไม่ได้คุยกันนานเลยนะครับ … ผมจำคุณได้”

และได้ทิ้งคำถามเอาไว้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างบูจองและจองอูคืออะไรกันแน่ ?

EP.6 ผู้หญิงที่รู้จัก

คังแจเจอจดหมายลาตายของบูจองที่เขียนด้วยลายมือถึงพ่อของเธอ เนื้อหาในจดหมายมีใจความว่า …

“ถึงพ่อที่รัก หนูคิดว่าพอหนูอายุ 40 หนูคงมีบ้านเล็ก ๆ อยู่แถบชานเมือง มีลานหน้าบ้านเอาไว้ตากผ้า ถ้าไม่อย่างนั้นก็มีห้องหนังสือเล็ก ๆ มีลูกหนึ่งคนหรือไม่ก็สองคน ถ้าโชคดีหน่อยก็อาจจะได้ตีพิมพ์หนังสือของตัวเอง ถึงขายไม่ได้เลยก็ไม่เป็นไร ยังไงมันก็ยังคงรอใครสักคนให้ซื้อมันอยู่ตรงมุมของร้านหนังสือ หนูคิดว่าเมื่อถึงตอนนั้นมันจะเป็นแบบนั้น ชีวิตในวัย 40 ของหนูคงจะเป็นแบบนั้น … มันผิดพลาดไปตั้งแต่ตอนไหนเหรอคะ หนูกลัวอะไรกันแน่ พ่อคะบางทีสิ่งที่หนูกลัวคือการที่ต้องบอกพ่อว่าหนูล้มเหลวทุกอย่างในชีวิต ตลอด 40 กว่าปีมานี้ หนูไม่ได้เป็นอะไรกับเขาสักอย่างเลยค่ะ ตลอดระยะเวลาอันแสนยาวนานที่ผ่านมาหนูไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น มันเหมือนหนูทำชีวิตของตัวเองหล่นหายไป หนูไม่อยากเล่าอย่างละเอียดว่ามันเกิดอะไรขึ้น จริง ๆ แล้วหนูบอกไม่ได้ต่างหาก ที่จริงหนูเองก็ไม่เข้าใจว่าอะไรที่ทำให้หนูกลายเป็นแบบนี้ ถ้าหนูบอกทุกอย่างอาจจะมีคนหัวเราะเยาะหนูที่ตัดสินใจจบชีวิตตัวเองเพราะปัญหาเพียงเล็กน้อย … ขอโทษด้วยนะคะที่หนูปกป้องตัวเองไม่ได้ หนูขอโทษจริง ๆ ค่ะ”

เมื่อคังแจได้อ่านจดหมายของบูจอง เขาก็คิดถึงชีวิตของตัวเองเช่นกัน “ถ้าผมอายุ 40 ผมคงมีอพาร์ตเมนต์สูงเสียดฟ้าที่มองเห็นได้จากทุกที่ทั่วเมือง มีภรรยาที่ฉลาดและแตกต่างจากผมในทุก ๆ ด้าน มีลูกน้อยที่บริสุทธิ์ดั่งผ้าขาว มีร้านอาหารในกังนัมในชื่อของตัวเอง … แต่ถ้าผมอายุ 40 แล้ว ทำสิ่งที่ว่านี้ไม่สำเร็จเลยสักอย่าง และถ้าผมมีชีวิตเหมือนพ่อแม่ผมที่ยิ่งอายุมากขึ้นเท่าไรก็ยิ่งยากจนมากขึ้นเท่านั้น ผมอาจจะกลายเป็นคนที่แย่กว่าที่เป็นอยู่นี้ก็ได้ แต่ผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมคุณถึงอยากยอมแพ้กับชีวิต ทำไมถึงอยากไปจากที่นี่ ผมไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าคุณอยากไปที่ไหนกันแน่ คุณต้องการจะไปที่ไหนเหรอครับ” คังแจตั้งคำถามกับบูจองว่า เพราะเหตุใดเธอถึงเลือกที่จะจบชีวิตตัวเอง

คังแจตัดสินใจส่งข้อความไปหาบูจอง “งานของผมเป็นงานที่ใคร ๆ ก็โทร. หาได้ทุกเมื่อที่ต้องการ ถ้าคุณอยู่ในช่วงเวลาที่ต้องการใครสักคน ติดต่อผมมาได้นะครับ”

หลังจากคิดอยู่นาน บูจองก็พิมพ์ตอบกลับไปว่าเธอต้องการจองตัวเขา แล้วทั้งสองก็นัดเจอกันที่โมเตลแห่งหนึ่งในคืนนั้นเอง

EP.7 ฮาเลลูยา

บูจองอยู่กับคังแจที่โมเตลเล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่ไม่ไกลไปจากบ้านมากนัก ความเงียบงันปกคลุมในห้องอยู่อย่างนั้น มีเพียงเสียงน้ำจากก๊อกที่ไหลซู่กระทบกับอ่างล้างมือแบบเซรามิก ทั้งห้องมีแต่เสียงน้ำนั้นจริง ๆ มันเป็นอย่างนั้นต่อเนื่องยาวนานหลายนาที

บูจองเดินออกมาจากห้องน้ำมานั่งบนเตียง เธอหยิบส้มออกจากกระเป๋ายื่นให้คังแจหนึ่งลูก เมื่อเขาเอ่ยออกมาว่ากระหายน้ำ และหยิบของตัวเองขึ้นมาอีกหนึ่งลูก แล้วก็หยิบอีกหนึ่งลูกที่เหลือออกมาวางไว้ให้คังแจ

จะมีใครเล่าที่จะพกส้ม 3 ลูกใส่ไว้ในกระเป๋าถือ เพื่อเดินทางไปเจอกับผู้ชายที่ตัวเองไม่คุ้นเคยที่โรงแรมซอมซ่อแห่งหนึ่ง แต่บูจองทำแบบนั้นจริง ๆ ส้มลูกหนึ่งเปรี้ยว ส้มลูกหนึ่งหวาน ส่วนลูกที่วางอยู่บนเตียงที่ยังถูกห่อหุ้มด้วยเปลือก ตอนนี้ยังคงไม่มีใครรู้จริง ๆ ว่ารสชาติมันเป็นอย่างไร ไม่ต่างอะไรกับสิ่งที่อยู่ในใจของเขาทั้งสอง รอเพียงเวลาที่ต่างจะปอกเปลือกเปิดใจให้กัน

หลังเวลาล่วงผ่านชั่วระยะเวลาหนึ่ง กิจกรรมที่ทั้งสองทำด้วยกันก็มีเพียงปอกเปลือกส้มและกินมันลงไป คังแจจึงเอ่ยถามออกมาว่า …

“ที่นัดผมมานี่ อยากทำอะไรเหรอครับ ?”
“ฉันก็แค่อยากนั่งเฉย ๆ ในที่ที่ไม่ใช่ที่บ้านและกับคนที่ไม่ใช่คนในครอบครัว ไม่ต้องทำอะไร แค่อยู่เฉย ๆ บางทีฉันก็อยากทำแบบนั้น ได้อยู่กับคนที่ไม่ได้คาดหวังอะไร ฉันอยากอยู่กับคนแบบนั้น อยากอยู่เฉย ๆ อยากนอนเฉย ๆ โดยที่ไม่ทำอะไรเลย”

“นอนสิครับ เห็นบอกว่าอยากนอนด้วยกันโดยไม่ต้องทำอะไรเลย” เมื่อคังแจได้ยินเช่นนั้นแล้ว เขาจึงเอ่ยความรู้สึกของตัวเองออกมาบ้าง “พอได้ฟังคุณทำให้ผมนึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ความรู้สึกของผมนั้นตรงกันข้าม แต่ผมคิดว่าสุดท้ายแล้วก็คงไม่ต่างกัน ตอนนั้นเมื่อผมอยู่บ้านใจผมก็อยากกลับบ้านอยู่ดี ตอนนั้นผมยังเด็ก มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองมีกรดไหลย้อนออกมาจากหัวใจ พอถึงเวลากินข้าวก็จะรู้สึกแปลก ๆ ถึงจะอยู่กับแม่แท้ ๆ แต่ผมกลับคิดถึงแม่มากจนแทบทนไม่ไหว แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า ผมอยู่บ้านของผมอยู่แล้วผมจึงไม่สามารถกลับบ้านได้อีก เพราะผมอยู่กับแม่อยู่แล้ว แบบนั้นผมก็เลยกลับไปหาแม่ไม่ได้ มันเป็นอะไรที่แบบทำให้ผมแทบกลายเป็นบ้าไปเลย แต่สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี แต่พอฟังสิ่งที่คุณพูด มันเป็นช่วงเวลาแบบนี้แหละ แค่ได้นอนเฉย ๆ อยู่ด้วยกันกับใครสักคนโดยไม่ต้องทำอะไรเลย”

บูจองวางเสื้อคลุมของเธอเอาไว้บนเก้าอี้พิมพ์ลายยุค 80 ก่อนที่จะเอนตัวลงนอนบนเตียงหันหลังให้กับคังแจ ว่าที่จริงมันไม่ใช่การนอนหลับเพื่อพักผ่อน หากแต่มันเป็นการนอนเพื่อเยียวยาหัวใจที่ล้นเอ่อไปด้วยความเศร้าเสียมากกว่า

คังแจเอ่ยถามถึงเรื่องส้ม “ทำไมถึงต้องเอาส้มมาด้วยล่ะครับ ? กระเป๋าถือใบเล็กนิดเดียว แต่กลับเอาส้มมาตั้งสามลูก”

บูจองตอบกลับไปด้วยสีหน้าอันเรียบเฉย แต่แววตาบรรจุความเศร้าเอาไว้มากมายเกินกว่าที่ใครจะรู้ได้ “มันนานมากแล้วที่ฉันไม่ได้นัดเจอใคร มันทำให้ฉันไม่รู้ว่าจะเอาอะไรมาดี ฉันก็แค่หยิบมันใส่ในกระเป๋าเพราะมันวางอยู่บนโต๊ะพอดี … ฉันก็แค่รู้สึกอยากให้ตัวเองหายตัวไป บางครั้งฉันก็เกลียดตัวเองมาก ๆ จนอยากหายตัวไป แบบหายตัวไปจริง ๆ ฉันอยากตายจากไป แต่ระหว่างทางที่เดินทางมาที่นี่ฉันรู้สึกดีนะคะ ได้แต่คิดว่าจะใส่รองเท้าที่ยัดแทบไม่เข้ามาทำไม แต่เมื่อถอดออกแล้วกลับสบายขึ้นเยอะเลย อีกอย่าง เรื่องที่คุณเล่าเรื่องกรดไหลย้อนที่ไหลออกมาจากหัวใจ ฉันคิดว่าฉันเข้าใจนะคะ แม้ว่าฉันจะอธิบายมันไม่ถูกก็ตาม … ฉันขอนอนตรงนี้อีกสักครึ่งชั่วโมงนะคะ ถ้าฉันเผลอหลับไปคุณก็ไปก่อนได้เลยค่ะ”

EP.8 ความเจ็บปวดของการสูญเสีย

หลังจากบูจองตื่นหลังจากนัดเจอกับคังแจที่โมเตล กลางดึกคืนนั้นทั้งสองก็ได้มาเจอกันอีกครั้งบนดาดฟ้า คังแจยื่นนมสดพาสเจอร์ไรซ์ที่ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อให้กับบูจอง พร้อมกับเปิดเพลงฮาเลลูยาให้เธอฟังอีกครั้ง

ระหว่างนั้นเอง บูจองได้เล่าถึงความเจ็บปวดของเธอที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ “เมื่อปีที่แล้ว ฉันเคยมีลูก เขาอยู่ในท้องฉันได้ประมาณ 5 เดือน ตอนนั้นฉันยุ่งอยู่กับการทำงานเป็นอย่างมาก ไม่มีเวลาหาความสุขให้กับตัวเองเลย สุดท้ายฉันก็เสียเขาไปตั้งแต่ฉันยังไม่ได้เห็นหน้าเขาเลยด้วยซ้ำ ตอนนั้นฉันได้แต่ร้องไห้ออกมาไม่หยุด แต่ทำไมก็ม่รู้ที่ว่าความรู้สึกข้างในลึก ๆ กลับรู้สึกว่ามันเหมือนกันไปหมด มันเหมือนกับว่าข้างในนั้นมันไม่มีอะไรเป็นของฉันเลยสักอย่าง ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงเศร้า ไม่รู้ทำไมถึงร้องไห้ ไม่รู้ว่าทำไมถึงโกรธ ไม่รู้เลยแม้แต่นิดเดียว”

จองอารันส่งภาพของบูจองกับคังแจที่นัดเจอกันที่โรงแรมให้กับจองฮุน ลูกพี่ของคังแจ เมื่อเห็นภาพเขาจึงโทร. ไปสอบถามความคืบหน้าถึงงานที่เขามอบหมายไปให้ทำลายชื่อเสียงของบูจอง แต่ทว่า คังแจกลับโกหกว่ายังหาบูจองไม่เจอ !

EP.9 เราสามคน

บูจองไปพบสูตินรีแพทย์ หลังจากผ่านการแท้งครบหนึ่งปี แพทย์ได้แจ้งกับเธอว่า “การแท้งลูกในสัปดาห์ที่ 20 ไม่ใช่เรื่องปรกติ แต่มันก็เกิดขึ้นได้ ไม่ใช่ความผิดของใครหรอก แต่เพราะคุณตั้งครรภ์ตอนอายุมาก แล้วเด็กก็อยู่ในท้องหลังจากหัวใจหยุดเต้นเป็นเวลานานพอสมควร เลยทำให้มีการติดเชื้อ คุณเลยต้องเข้ารับการผ่าตัดฉุกเฉิน ถ้าพูดกันตามจริง เด็กในท้องคุณเสียไปกว่า 5 สัปดาห์แล้ว”

จากนั้นบูจองส่งข้อความถึงคังแจ “ตั้งแต่ที่ได้เจอคุณ ฉันได้แต่คิดถึงความเป็นมนุษย์ ฉันคิดถึงเรื่องนั้นอยู่ตลอดเวลา ว่าฉันจะพูดปลอบโยนคุณอย่างไรได้บ้าง ฉันจะช่วยทำอะไรได้บ้าง ไม่รู้ว่าที่พูดไปแบบนี้มันจะถูกต้องไหม แต่ในช่วงที่ผ่านมาฉันกลับทำอะไรไม่ได้เลย ขอโทษด้วยนะคะ เพราะฉันไม่เคยมีประสบการณ์อย่างคุณ ฉันเลยไม่เข้าใจว่าความเศร้าของคุณเป็นรูปทรงแบบไหน”

จองซูซื้อมาการองที่บูจองชอบไปฝากเธอที่บริษัท เขายืนรออยู่นานอยู่ที่หน้าบริษัทจนได้เจอเพื่อนร่วมงานของเธอคนหนึ่ง ทำให้จองซูได้รู้ความจริงว่า บูจองโดนไล่ออกจากบริษัทไปนานนับปีแล้ว

ระหว่างนั้น บูจองก็รีบนั่งแท็กซี่ไปที่บริษัท เพื่อปกปิดเรื่องที่โดนไล่ออกจากงาน … เมื่อมาถึง บูจองก็เดินไปที่รถของจองซู ทำทีว่าเพิ่งเลิกงาน และเมื่อบูจองขึ้นรถมาทุกอย่างก็เป็นปกติ จองซูทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

คังแจตอบข้อความกลับบูจอง “ผมไม่รู้ว่าจะยกโทษอะไรให้อย่างไร เพราะผมไม่เข้าใจขุมนรกที่คุณต้องเจอ ความเศร้ามีรูปทรงด้วยหรือครับ ความเจ็บปวดมีขนาดด้วยหรือครับ จริง ๆ แล้วเราไม่สามารถนิยามความเจ็บปวดได้ คุณเคยมีวันที่เจ็บปวดจนอยากตายไหม และรู้สึกเหมือนวันพรุ่งนี้ที่มาไม่ถึง เมื่อผมได้รู้ความจริงที่ว่า ไม่มีอะไรเป็นของผมเลย มันเดียวดายมาก”

EP.10 กลับมาที่จุดเดิม

คังแจมาหาจองฮุนที่คลับ และจองฮุนได้เปิดเผยภาพที่เขากับบูจองได้เข้าโมเตลด้วยกัน “จริง ๆ แล้วถ้าฉันเอาเรื่องพวกนี้ส่งไปก็ใช้ได้แล้ว ภาพมันบอกชัดเจนว่า ผู้หญิงคนนั้น (บูจอง) เข้าโรงแรมกับผู้ชายที่อายุน้อยกว่า ฉันสามารถเอาภาพพวกนี้ไปใช้ได้โดยไม่ต้องฟังเรื่องจากแกด้วยซ้ำ”

สุดท้ายจองฮุนได้ขอร้องคังแจว่า อย่าไปยุ่งกับผู้หญิงคนนั้นอีก แล้วเขาก็บอกคังแจให้มาทำงานที่คลับเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งจองฮุนตกลงจะให้ค่าจ้างเป็นสามเท่าบวกกับโบนัส

คังแจรู้สึกว่าชีวิตของเขาวนลูปกลับมาที่เดิม เขาชอบบูจอง เขาอยากทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ แต่ดูเหมือนว่าทุกอย่างมันกลับมาที่จุดเดิม “อย่างที่เห็น ผมยังคงมีชีวิตที่เละเทะแบบสุด ๆ เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี โดยที่ผมไม่รู้ว่าทำไมผมถึงเป็นแบบนี้ สิ่งที่ผมกำลังไล่ตามไม่ใช่เงิน ไม่ใช่ความรู้สึกแพ้หรือชนะ แต่มันเป็นความรู้สึกที่อ่อนไหวบางอย่างที่เกิดขึ้นภายในหัวใจ ผมกำลังตามหาโลกใบใหม่ … ผมเลือกเส้นทางชีวิตของตัวเองผิดตรงไหนเหรอครับ ผมเดินตามทางหัวใจตัวเองไปอย่างมุ่งมั่น แต่สุดท้ายผมก็กลับมาจุดเดิม ไม่ได้ก้าวออกไปไหลจากเดิมแม้แต่ก้าวเดียว ผมกลับมาที่จุดเดิมจริง ๆ ผมกลับมาที่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง”

ในตอนท้าย บูจองนั่งรถแท็กซี่กลับจากไปทำงานเป็นแม่บ้าน เมื่อนั่งผ่านมายังอ่างเก็บน้ำแห่งหนึ่ง เธอจึงบอกแท็กซี่ว่าขอลง บูจองยืนอยู่ทอดสายตาไปที่อ่างเก็บน้ำอันเวิ้งว้างไร้ผู้คนอยู่อย่างนั้น ทั้งมืดมิด ทั้งไร้ผู้คนแต่เธอก็ยังยืนอยู่อย่างนั้น

เวลาผ่านไปพักใหญ่ รถตำรวจติดไซเรนก็ขับมาที่บริเวณอ่างเก็บน้ำที่บูจองยืนอยู่ เจ้าหน้าที่ได้เชิญเธอไปที่สถานีตำรวจเพราะว่ามีคนโทร. แจ้ง ว่าที่จริงอ่างเก็บน้ำตรงนี้เป็นสถานที่ที่คนมักจะเลือกมาจบชีวิตตัวเอง เมื่อตำรวจตรวจสอบประวัติของบูจองก็ปรากฏว่า เธอก็เคยมีประวัติตั้งใจจะมาจบชีวิตตัวเองที่นี่เช่นกัน

บูจองพยายามอธิบายว่าเธอแค่ผ่านไปที่นั่น และต้องการไปสูดอากาศเฉย ๆ อีกอย่างเธอก็ไม่ใช่ผู้เยาว์แล้ว แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันให้บูจองติดต่อคนให้มารับตัวเธอไป ไม่เช่นนั้นจะต้องส่งไปที่สถานสงเคราะห์สตรี

บูจองนั่งนิ่งอยู่ที่สถานีตำรวจ เธอจ้องมองไปที่โทรศัพท์เหมือนกำลังตัดสินใจครั้งสำคัญ … ผ่านไปหลายนาที สุดท้ายแล้วบูจองตัดสินใจส่งข้อความไปหาคังแจ เพื่อจ้างเขาให้มารับตัวเธอไปในฐานะเพื่อน

EP.11 รักต้องห้าม

คังแจรีบไปหาบูจองทันทีที่ได้รับข้อความ เมื่อไปถึงเขาก็เซ็นเอกสารรับตัวเพื่อยืนยันการเป็นผู้ปกครอง ก่อนกลับเจ้าหน้าที่ได้แจ้งว่า บูจองเคยมีประวัติพยายามจะจบชีวิตตัวเองที่อ่างน้ำแห่งนี้มาแล้วเมื่อปีก่อน

เวลาล่วงเข้าไปประมาณตีสอง ทั้งสองเดินไปตามรางรถไฟด้วยกัน เพราะไม่มีรถเมล์หรือรถแท็กซี่ให้เรียกเลยแม้แต่คันเดียว … บูจองยิ้มอ่อนให้กับคังแจพร้อมกับเอ่ยออกไปว่า “ตัดผมมาเหรอคะ ดูดีมากเลย” คังแจตอบกลับด้วยคำตอบประจำเมื่อตัวเองโดนชม “ผมรู้ครับ”

ระหว่างนั้น คังแจก็เล่าเรื่องรุ่นพี่ที่เลือกจบชีวิตตัวเองคล้าย ๆ กับบูจอง “ผมเคยมีพี่อยู่คนหนึ่ง เขาเป็นเหมือนที่คุณเป็นอยู่ตอนนี้ พอเจอคุณมันทำให้ผมคิดถึงพี่เขาขึ้นมา ความรู้สึกว่างเปล่ามันเป็นยังไงนะ ที่เลือกจบชีวิตตัวเองเพราะไม่มีเงินหรือเปล่านะ ? จากนั้นผมก็คิดว่าทำไมคุณถึงอยากจากโลกนี้ไปนัก คนที่เรียนหนังสือมาเยอะ ทำงานบริษัท มีทั้งพ่อและสามีอยู่ ทำไมคนแบบนี้ถึงรู้สึกว่างเปล่านะ เพราะเงินไม่น่าใช่ปัญหาสำหรับคุณ”

บูจองอธิบายถึงความรู้สึกว่างเปล่าของตัวเอง “ฉันเองก็คิดว่า ที่เขามาเพราะเป็นห่วงฉันหรือเปล่านะ หรือเป็นเพราะสงสารฉันเพราะพ่อของฉัน ฉันคิดแบบนั้น”

จากนั้นคังแจก็ชวนบูจองไปเที่ยวภูเขาก่อนกลับบ้าน ทั้งสองอยู่ด้วยกันในเต็นท์ บูจองนอนหันหลังให้กับคังแจที่นั่ง ก่อนที่บูจองจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อปีก่อน …

“เรื่องที่ฉันเคยคิดจะจบชีวิตตัวเองที่อ่างน้ำนั้นเมื่อปีที่แล้ว มันเป็นเรื่องที่ฉันเสียใจมากที่สุดในชีวิต แต่ฉันเล่าให้ใครฟังไม่ได้ เพราะมันเป็นเรื่องที่น่าอับอาย แล้วเรื่องที่คุณบอกว่า ทำไมฉันถึงรู้สึกว่างเปล่าทั้งที่เรียนหนังสือมาเยอะ มีงานทำที่มั่นคง มีทั้งพ่อและสามี มันเป็นเพราะว่าฉันไม่ได้เป็นอะไรเลย ไม่ได้เป็นอะไรแม้สักอย่างเดียว ฉันอยากเป็นที่ยอมรับของคนอื่น อยากให้พ่อได้เห็น อยากอวดสามี และอยากอวดตัวเองเหมือนกัน ว่าที่จริง ฉันเองก็ไม่ได้เจาะจงที่อยากจะเป็นอะไรหรอก เป็นเพียงแค่อยากเป็นอะไรกับเขาบ้างก็เท่านั้น แต่มันไม่ง่ายเลย”

คังแจถามบูจองด้วยความสงสัย “แล้วตอนนี้คุณอยากทำอะไรครับ ?”
“อยากรอค่ะ ชีวิตฉันน่าอับอายมาก ฉันอยากรอให้อะไร ๆ มันผ่านไป อยากจะรอให้มันถึงตอนจบ”
“ผมขอนอนด้วยได้ไหม ?”
“ได้สิคะ”

ผ่านไปหลายนาที บูจองนอนหันหน้ามาหาคังแจ ก่อนจะเอ่ยออกไปว่า “ฉันขอจับหน้าคุณสักครั้งได้ไหม ?”

EP.12 ของที่หายไป

บูจองกับคังแจใช้เวลาร่วมกันในเต็นท์ ก่อนที่เธอจะขอเขาสัมผัสใบหน้า มันช่างเป็นความรู้สึกแปลกประหลาดที่บอกไม่ถูกของทั้งคู่ มันเป็นความรักต้องห้ามที่ตั้งอยู่บนความปรารถนา ความปรารถนาที่เคลือบด้วยความเศร้าที่เกาะกุมหัวใจ มันช่างเป็นความรักที่แปลกประหลาดจริง ๆ

คังแจทำลายความเงียบงันด้วยคำถาม “ทำไมคุณถึงเศร้านัก ? เจอคุณทีไรก็เห็นคุณเศร้าทุกที”
“ฉันกลัว ฉันกลัวว่าสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้จะหายไป ฉันเลยอยากจะจับหน้าคุณสักครั้ง”

จากนั้นคังแจก็เอื้อมมือออกไปสัมผัสใบหน้าของบูจอง ทั้งสองคนนอนคลอเคลียกัน มองตากัน แต่ความเศร้าในสายตาของบูจองก็ยังคงอยู่อย่างนั้น ในท้ายที่สุด คังแจก็เป็นฝ่ายขอออกไปสูดอากาศด้านนอกเต็นท์ เมื่อเห็นว่าบูจองอยู่ในสภาวะสับสนกับความรู้สึกของตัวเอง

ตะวันขึ้นส่องแสงพ้นขอบฟ้า บูจองถามคังแจว่าเขาเคยคิดจะเลิกทำงานที่ทำอยู่ไหม ? เขาตอบกลับไปว่า เขาทำมันเพื่อเงิน แม้จะไม่อยากทำหรือไม่ควรทำก็ตาม

จากนั้นทั้งคู่ก็พากันไปเยี่ยมที่เก็บอัฐิของพ่อคังแจ ระหว่างทางคังแจหลับโดยซบไหล่บูจองไปตลอดทาง …

EP.13 คนแปลกหน้า

บูจองกลับมาที่บ้าน การกลับบ้านครั้งนี้แตกต่างออกไปจากการกลับบ้านที่ผ่านมาในรอบปี เธอกลับมาด้วยรอยยิ้มที่เคลือบบนใบหน้า รอยยิ้มที่เหมือนเพิ่งได้รับการปลดปล่อยความทุกข์ไปจนหมดสิ้น หรือหากแม้ความทุกข์นั้นยังหลงเหลืออยู่ แต่ก็โดนความสุขและความหวังในการใช้ชีวิต ที่เพิ่มพูนจนกลบความทุกข์นั้นจนไม่อาจเผยออกมา

ในทางตรงกันข้าม จองอารันกลับต้องเจอสถานการณ์ที่ยากลำบาก เมื่อชีวิตอันสุดแสนเพอร์เฟกต์ของเธอที่สร้างภาพออกมาต่อสาธารณชนกำลังพังทลาย เมื่อจินซอบ สามีของเธอโดนฟ้องข้อหาทำร้ายร่างกายจีน่า ชู้รักของเขาจนได้รับบาดเจ็บสาหัส

ขณะเดียวกัน จองอารันได้นึกย้อนกลับไปในอดีต ตอนที่โดนสามีของเธอทำร้ายร่างกาย มันกลายเป็นบาดแผลในใจที่ยังคงทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดจนถึงปัจจุบัน

ส่วนเรื่องหนังสือ “บันทึกชีวิตของจองอารัน” ที่บูจองเป็นโกสต์ไรเตอร์ให้กับจองอารัน โดนคนในโซเชียลเอาไปวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องที่เนื้อหาในหนังสือตอนหนึ่งลอกหนังสือของคนอื่นมา มันทำให้จองอารันโกรธเป็นอย่างมากที่โดนบูจองวางยาเอาไว้

ในขณะที่บูจองได้รับมอบหมายจากบริษัทแม่บ้านให้ไปดูแลจีน่าที่โรงพยาบาล ระหว่างที่เธอกำลังนั่งรออยู่หน้าห้องที่โรงพยาบาลอยู่นั่น จองอารันก็มาเยี่ยมจีน่าพอดี ทั้งสองจึงเผชิญหน้ากัน …

EP.14 กลับมาเจอกันอีกครั้ง

บูจองเผชิญหน้ากับจองอารันโดยบังเอิญที่โรงพยาบาล ทั้งสองมองหน้ากันชั่วครู่หนึ่ง ก่อนที่จองอารันจะเดินผ่านไป

จองอารันเคลียร์ทุกอย่างให้สถานการณ์ต่าง ๆ กลับมาดีขึ้น เมื่อจีน่ายอมให้อภัยจินซอบ ทำให้เธอถอนฟ้องคดีทำร้ายร่างกาย ส่วนจองอารัมก็โทร. ไปให้ข่าวกับนักข่าวสำนักต่าง ๆ ว่า เป็นแค่เรื่องพี่ ๆ น้อง ๆ ทะเลาะเบาะแว้งกันแค่นั้น

คังแจพิมพ์ข้อความยาวเหยียดถึงบูจอง “สวัสดีครับคุณอีบูจอง เพราะคุณผมถึงรู้สึกว่าตัวเองได้เป็นคนดีขึ้นมาอีกนิด ความรู้สึกที่ว่าทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม มันทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นไม่สิ้นสุด แต่ก็หวาดกลัวไม่สิ้นสุดด้วยเช่นกัน นี่ผมกำลังอยู่กับความจริงหรือว่ากำลังอยู่ในความฝันที่กลับสู่ความจริงไม่ได้กันแน่ ผมคงไม่อาจรู้ได้ แต่ผมแค่อยากจะลองเชื่อความรู้สึกนี้ดูสักครั้งหนึ่ง … ที่ว่าไม่ต้องตอบก็ได้ มันเป็นเพราะเป็นสิ่งที่คุณไม่ได้ตั้งใจพิมพ์”

แต่อย่างไรก็ตาม คังแจไม่ได้ส่งข้อความนั้น เขาส่งเพียงข้อความที่ว่า “ผมกลับบ้านอย่างปลอดภัย คุณสบายดีมั้ย”

จองซูกับคยองอึนได้หวนความรักที่ทั้งสองเคยมีให้กันในอดีต

ในตอนท้าย คังแจได้มาเจอกับบูจองอีกครั้งระหว่างเดินข้ามถนน “เจอกันอีกแล้วนะครับ” คังแจจูงมือบูจองเข้ามาหลบที่ซอกตึก ก่อนที่เขาจะโน้มตัวทำท่าจะจูบบูจอง

EP.15 ชีวิตจริงในภาพลวงตา

คังแจเจอบูจองระหว่างเดินข้ามถนน เขาเข้าไปสวมกอดเธอด้วยความคิดถึง ก่อนที่จะจูงมือเธอเข้าไปที่ตรอกเล็ก ๆ อันมืดมิด จากนั้นเขาก็จุมพิตหญิงสาวรุ่นพี่ด้วยความรัก บูจองที่ตอนนี้ติดบ่วงของห้วงเสน่หาก็ตอบโต้กลับด้วยสัมผัสอันนุ่มนวลเช่นกัน “คุณอีบูจอง ผมคิดถึงคุณเหลือเกิน”

จากนั้น คังแจชวนบูจองไปกินอาหารด้วยกัน ระหว่างนั้นบูจองก็เล่าเรื่องที่เธอทำงานเป็นแม่บ้าน และใช้ชีวิตที่ปกปิดสามีและพ่อ …

“ฉันไม่ได้บอกใครว่าฉันทำงานเป็นแม่บ้าน พ่อฉันก็ไม่ได้บอก ฉันแต่งตัวแบบเดิมและทำตัวแบบเดิมเหมือนตอนที่ทำงานบริษัท แต่ตอนนี้คงรู้กันหมดแล้วล่ะ เพราะเมื่อก่อนยังมีถามเรื่องหนังสือที่ฉันเขียนบ้าง แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีใครถามเรื่องนั้นเลย”

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เวลาที่บูจองกำลังมีช่วงเวลาแห่งความสุขกับคังแจ พ่อของเธอเกิดโรคอัลไซเมอร์กำเริบ เดินหลงทางจนหาทางกลับบ้านไม่ได้ ยังโชคดีที่มีคนใจดีติดต่อจองซูให้มารับกลับบ้าน แต่ระหว่างเดินกลับ จู่ ๆ พ่อบูจองก็หมดสติล้มพับไปท่ามกลางสายฝนอยู่ตรงนั้น ในขณะที่บูจองไม่สนใจรับโทรศัพท์ที่เข้ามาแม้แต่นิดเดียว เพราะเธอกำลังมีช่วงเวลาแห่งความสุขของคังแจ

พ่อของบูจองมีอาการปอดบวมเฉียบพลัน และอาจติดเชื้อในกระแสเลือด เมื่อบูจองได้รู้ว่าพ่อต้องเข้าโรงพยาบาลโดยด่วน เธอจึงทิ้งคังแจไปทันทีโดยไม่ได้ร่ำลา

บูจองร้องไห้ออกมาไม่หยุดต่อหน้าพ่อของเธอ ที่นอนไร้เรี่ยวแรงอยู่บนเตียง ส่วนคังแจก็กลับไปนอนที่บ้านแม่ด้วยความปวดใจ

EP.16 ตอนจบ

บูจองกลับไปเอาของที่อพาร์ตเมนต์ของพ่อ ตอนนั้นเองเธอได้เห็นมินจองเข้าไปในห้องของคังแจ ทำให้เธอเข้าใจผิดคิดว่ามินแจเป็นแฟนกับคังแจ

แต่ไม่นานนักหลังจากเข้าโรงพยาบาล พ่อบูจองก็อาการทรุดลงอย่างรวดเร็ว ในที่สุดท่านก็จากไป บูจองเสียใจเป็นอย่างมาก เธอได้เขียนบรรยายความรู้สึกถึงพ่อผู้ล่วงลับ …

“พ่อคะ หนูเคยคิดว่าพอหนูอายุสี่สิบ หนูจะมีบ้านเล็ก ๆ อยู่นอกโซล มีลานหน้าบ้านเอาไว้ตากผ้า หรือไม่ก็มีห้องหนังสือเล็ก ๆ มีลูกหนึ่งคนหรืออาจจะสองคน แต่ถ้าโชคดีหน่อยก็ได้ตีพิมพ์หนังสือที่มีชื่อตัวเองอยู่บนปก หนูเคยคิดว่าชีวิตหนูจะเป็นแบบนั้น หนูคิดว่าชีวิตแบบนั้นไม่ใช่ชีวิตที่ล้มเหลว เคยคิดว่าในเป็นทางที่จะให้พ่อมีความสุข แต่หนูไม่รู้ว่ามันผิดพลาดไปตรงไหน ตอนนั้นการมีชีวิตคืออะไร มาถึงตอนนี้หนูว่าหนูพอจะรู้บ้างแล้ว ในท้ายที่สุด ความตายก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ทำไมตอนนั้นหนูถึงไม่รู้นะ หนูไม่เคยใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้โดยไม่มีพ่ออยู่เลยสักวัน หนูไม่รู้ว่าจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ต่อไปยังไง … พ่อที่รักของหนู ได้โปรดหลับให้สบายนะคะ”

หลังพ่อบูจองเสียไปสองวัน คังแจเพิ่งรู้จากเจ้าหน้าที่ที่มาตรวจห้อง

หลังงานศพ บูจองได้สารภาพกับจองซูถึงความลับที่เธอไม่เคยใครมาก่อน “ฉันจะบอกความลับที่ไม่มีใครรู้ให้ฟัง ฉันเคยคิดฆ่าตัวตายกับคนในชมรมฆ่าตัวตายในอินเทอร์เน็ต คุณคงไม่รู้หรอก เราลงเงินกันคนละห้าหมื่นวอน เพราะการฆ่าตัวตายมันก็ต้องใช้เงิน แต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ”

จองซูโล่งใจ “โล่งอกไปทีที่คุณยังมีชีวิตอยู่”
“มันเพิ่งผ่านมาไม่กี่เดือนแต่นานเหมือนชั่วชีวิต”
“ผมว่าผมเข้าใจสิ่งที่คุณพูดนะ”

บูจองเริ่มเล่าความลับอีกเรื่อง “เมื่อปีก่อน คุณสารภาพกับฉันว่าคุณคุยอยู่กับคนที่ชอบ ตอนที่ฉันแท้งลูก ทำไมคุณถึงเล่าให้ฉันฟัง เพราะฉันไม่ได้จับได้ แต่อยู่ดี ๆ คุณก็เดินมาหาฉันและบอกด้วยตัวเอง ทำไมถึงทำแบบนั้นล่ะ ?”
“เพราะผมรู้สึกว่าตัวเองเลว”
“ไม่นะ ฉันไม่ได้พูดแบบนั้นเลย … ตอนนี้ ฉันว่าฉันขอบใครบางคนอยู่เหมือนกัน แต่ไม่มีใครที่จะเล่าให้ฟัง เพราะฉันไม่มีเพื่อนหรือใครเลย ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าตอนนั้นคุณแค่อยากเล่าเรื่องนั้นให้ใครสักคนฟัง บอกใครสักคนว่าเรากำลังชอบใครบางคนอยู่”
“เธอบอกเขาหรือยังว่าชอบ ?”
“ฉันยังไม่ได้บอกเขาและไม่คิดที่จะบอกด้วย เพราะว่าถ้าบอกไปแล้วมันจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างจนแก้ไขไม่ได้”
“ผมรักคุณนะ พูดจริง ๆ”
“เรายอมตายแทนกันได้ แต่เราแค่ไม่ได้รักกันแล้ว”
“แล้วเราจะทำยังไงกันดีล่ะ ?”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”

จองซูเข้าห้องน้ำไปร้องไห้อยู่คนเดียวไม่หยุด ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่เข้าสู่ทางตันแล้ว ในขณะที่บูจองก็บล็อก Kakao ของคังแจ

เรื่องราวผ่านไปนาน … คังแจกลับมาใช้ชีวิตปกติ ส่วนบูจองก็มีชีวิตใหม่ที่ดูสดใสกว่าเดิม ทั้งสองได้กลับมาเจอกันอีกครั้งโดยบังเอิญ ทั้งสองมองตากันอยู่อย่างนั้น ความรักได้นำพาให้เราได้มาเจอกันอีกครั้ง

จบบริบูรณ์

Photos: JTBC Korea