Skip to content
สรุปเนื้อเรื่องซีรีส์ Hometown (2021)

สรุปเนื้อเรื่องซีรีส์ Hometown (2021)

Hometown (2021) : นักสืบที่ไล่ล่าฆาตกรต่อเนื่อง กับหญิงที่ตามหาหลานสาวที่หายตัวไปอย่างเป็นปริศนา กลับกลายเป็นการเผยความลับของผู้ก่อการร้ายที่อันตรายที่สุดในประวัติศาสตร์ !?

คะแนน 2/10 เรตติ้งเฉลี่ย 1.8
สนุกไหม ? การปกปิดชื่อจริงผู้เขียนบท โดยการใช้นามแฝง ซึ่งเป็นอดีตผู้กำกับฯ ที่เคยกระทำความผิดในเรื่องเพศ จนกลายเป็นดรามาที่เกาหลี พูดตามตรงว่าทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ขาดความน่าสนใจไปในทันที …

EP.1 ผู้หญิงในอ่างอาบน้ำ

วันที่ 6 ตุลาคม 1987 มีเหตุก่อการร้ายโดยใช้ก๊าซพิษทำลายระบบประสาทขึ้นที่สถานีรถไฟซาจู ซึ่งตั้งอยู่ที่คยองซังใต้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บกว่า 200 คน ซึ่งนับว่าเป็นการก่อการร้ายที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติเกาหลี

ในสมัยนั้นยังไม่มีกล้องวงจรปิด ทำให้ตำรวจทำงานอย่างยากลำบากในการหาตัวคนก่อเหตุ ว่าที่จริงตำรวจไม่มีรายชื่อผู้ต้องสงสัยด้วยซ้ำไป แต่ทว่า หนึ่งสัปดาห์หลังเกิดเหตุการณ์ โจคยองโฮ (รับบทโดย ออมแทกู) ก็ได้เข้ามอบตัว ต่อมาเขาถูกตัดสินให้ได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิต

เรื่องราวผ่านไป ลูกสาววัยมัธยมของโจคยองโฮที่มีชื่อว่า โจแจยอง (รับบทโดย อีเร) ได้อาศัยอยู่กับโจจองฮยอน (รับบทโดย ฮันเยริ) ผู้มีศักดิ์เป็นน้าสาว ซึ่งเปิดร้านอาหารจีนอยู่ที่เมืองซาจู

หลังจากเหตุการณ์นั้นทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างปรกติ กระทั่งวันที่ 12 กรกฎาคม 1999 ได้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้น อีคยองจิน เพื่อนนักเรียนของแจยองได้เดินทางมาที่สถานีตำรวจ เธอต้องการให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจดูที่บ้าน เพราะเธอรู้สึกว่ามีผู้หญิงปริศนาคนหนึ่งมาแอบอยู่ในห้องน้ำ แต่ที่น่าแปลกประหลาดก็คือ แม่ไม่เห็นผู้หญิงคนนั้นเหมือนกับที่เธอเห็น !?

เรื่องที่คยองจินเล่ามันแปลกประหลาดและไร้สาระจนไม่มีตำรวจคนไหนสนใจเลยแม้แต่นิดเดียว คยองอินเดินกลับบ้านไปด้วยความผิดหวังด้วยใบหน้าที่วิตกกังวล แล้วคืนนั้นก็เกิดเหตุการณ์น่าสยดสยองขึ้น แม่ของเธอถูกผู้หญิงปริศนาในอ่างอาบน้ำฆ่าตายอย่างน่าขนหัวลุก ส่วนคยองจินก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

ในช่วงเวลาใกล้เคียงกันนั้นก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นอีก เพื่อนเก่าสมัยมัธยมของจองฮยอน (น้องสาวของคยองโฮ) ได้พยายามฆ่าตัวตายด้วยวิธีจุดไฟเผาร่างตัวเอง และก่อนหน้านั้น เขาพยายามติดต่อกับเธอ ทั้งที่ไม่ได้สนิทกันและก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยติดต่อกันมาก่อน โดยเขาพยายามบอกอะไรบางอย่างที่มีความหมายแปลกประหลาด “ครอบครัวของคุรุกลับมาแล้ว” และ “แจยองกำลังตกอยู่ในอันตราย” !?

วันเดียวกันนั้น แจยองได้โดดเรียนออกมากับคนขี่มอเตอร์ไซค์ส่งของคนหนึ่งด้วยท่าทางแปลก ๆ หลังจากนั้น แจยองก็หายตัวไปอีกคน

ในตอนท้าย คยองโฮได้ให้ปากคำขณะอยู่ในเรือนจำโดยมีการบันทึกวิดีโอเอาไว้ เขากล่าวว่า “ผมได้ยินเรื่องแจยองครั้งแรกจากผู้คุมที่ผมรู้จัก น่าจะประมาณหนึ่งสัปดาห์หลังจากเกิดเรื่อง ผมได้รับข่าวที่ตัดจากหนังสือพิมพ์ จริง ๆ แล้วมันไม่มีความหมายอะไรเลย แต่ผมก็อ่านซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น ผมอ่านมันหลายครั้งมากจนเหมือนผมรู้สึกไปอยู่ในที่เกิดเหตุ … ฝนที่ไหลลงมากระทบใบไม้ไหลลงสู่พื้น ผมนึกถึงภาพโทรศัพท์มือถือที่ถูกทิ้งเอาไว้ในป่าอันรกทึบ มือถือของแจยองที่เปียกฝน ที่กว่าตำรวจจะหาเจอก็เป็นเวลากว่าครึ่งวันหลังจากแจยองหายตัวไป ผมนึกถึงเรื่องราวเหล่านี้ทุกวัน”

EP.2 สูญหาย

ตำรวจออกตามหาแจยอง จนไปเจอโทรศัพท์มือถือของเธอตกอยู่ในป่าอันรกทึบ และนั่นก็เป็นเพียงสิ่งเดียวที่ตำรวจพบหลังจากแจยองหายตัวไป

ตำรวจนักสืบชเวฮยองอิน (รับบทโดย ยูแจมยอง) กับตำรวจคู่หูรุ่นน้องออกตามหาเบาะแสการหายตัวไปของแจยอง โดยเริ่มต้นจากสอบปากคำเพื่อน ๆ ที่โรงเรียน แต่กลายเป็นว่า เขากับได้เบาะแสอันน่าแปลกประหลาดจากลุงยามเรื่องของคยองจินในวันที่เธอหายตัวไป

ในวันนั้นคยองจินมาขอให้ลุงยามลบชื่อเธอออกจากสมุดบันทึกรายชื่อผู้เข้าออกโรงเรียน เธออ้างว่าไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าเธออยู่ที่ไหน “แม่หนูบอกว่าพ่อไม่ได้ไปทำงานที่ญี่ปุ่น แต่พ่อไปหาเมียน้อย มันไม่สำคัญหรอก … แต่ว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ยอมหายไปไหนเลย หนูเห็นเธอตลอดเลย ตอนนี้หนูก็เห็นเธออยู่ที่สนาม” ในตอนนั้นลุงยามหันไปมองที่สนามเพื่อมองหาผู้หญิงที่คยองจินพูดถึง แต่ปรากฏว่าไม่มีใครแม้แต่คนเดียว

หลังจากสอบปากคำจนเสร็จ ฮยองอินตั้งข้อสันนิษฐานกับนักสืบรุ่นน้องว่า ถ้าสิ่งที่ลุงยามพูดเป็นความจริง คยองจินอาจมีส่วนในการฆ่าแม่ของตัวเองก็เป็นได้ แม้ว่ามันจะเป็นไปได้ยากที่เด็กหญิงวัยมัธยมต้นจะสามารถทำเรื่องที่น่ากลัวอย่างนั้นได้ก็ตาม แต่เขาก็เชื่ออย่างนั้นจริง ๆ

ต่อมามุนซุก (เพื่อนสนิทของแจยอง) ไปหาจองฮยอน (น้าของแจยอง) เพื่อเล่าเรื่องบางอย่างเกี่ยวกับแจยอง “แจยองเคยเล่าให้หนูฟังว่าเธอเป็นลูกสาวของโจคยองโฮ และเธอก็ยังติดต่อกับพ่อของเธอ” จองฮยอนตกใจเป็นอย่างมาก และแทบไม่เชื่อสิ่งที่มุนซุกพูด เพราะว่าโจคยองโฮถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต ไม่มีทางที่เขาจะสามารถติดต่อกับแจยองได้อย่างแน่นอน แต่มุนซุกก็บอกว่า โจคยองโฮติดต่อกับแจยองผ่านทางเพื่อนนักเรียนสมัยมัธยมของจองฮยอนคนหนึ่ง เมื่อได้ยินเช่นนั้น จองฮยอนถึงกับตกใจหน้าเสีย เพราะสิ่งที่มุนซุกพูดถึงเรื่องเพื่อนสมัยมัธยมของเธอนั้นเป็นเรื่องจริง

จองฮยอนตามไปไขข้อสงสัยในวารสารสมัยที่เธอเรียนมัธยม จนได้พบสัญลักษณ์บางอย่าง และมันได้ทำให้เธอจำเรื่องราวที่ลึกลับและน่ากลัวในอดีตได้

ในตอนท้าย ซีรีส์ได้เผยบทสัมภาษณ์ของโจคยองโฮ (ต่อจาก EP. ก่อนหน้า) …

ผู้สัมภาษณ์สาวกล่าว “ทำไมถึงเลือกซาจูเป็นสถานที่ก่อเหตุคะ เพราะที่นั่นเป็นบ้านเกิดของคุณ ซึ่งหมายความว่าอาจจะมีครอบครัวของคุณอยู่ที่นั่นด้วย ?”
“มันไม่ต่างกันหรอกครับ แต่ที่ผมเลือกที่นั่นเพราะมันทำการทดลองได้ง่าย”
“คุณหมายถึงการทดลองอะไรคะ ?”
“คุณไม่เข้าใจสิ่งที่ผมพูดหรอก มันเป็นการทดลองที่ยากมาก และก็ใช้เวลานานมากกว่าการทดลองนั้นจะเสร็จ” โจคยองโฮพูดด้วยสีหน้าอันเรียบเฉย แต่แสดงแววตาของผู้ชนะออกมาอย่างชัดเจน
“ฉันถามอีกครั้งนะคะ การทดลองที่คุณว่าเป็นการทดลองอะไรคะ ?”

โจคยองโฮหยิบไฟแช็ก Zippo ที่วางอยู่เบื้องหน้าขึ้นมา เข้าจุดไฟแล้วก็ดับไฟไปมาอยู่อย่างนั้นด้วยรอยยิ้ม …

EP.3 มิกซ์เทป

จองฮยอนตกใจเมื่อได้เห็นสัญลักษณ์แปลกประหลาดในหนังสือวารสารของโรงเรียน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์เดียวกับที่อยู่ในห้องพักของคนที่ลักพาตัวแจยองไป

จองฮยอนไปงานศพยองซอบ เพื่อนนักเรียนมัธยมที่เสียชีวิตจากการจุดไฟเผาตัวเอง เธอได้มีโอกาสไปที่บ้านพักของเขา และได้เจอม้วนวิดีโอ Mix Tape เมื่อเธอเอามาเปิดดูที่บ้าน มันทำให้เธอแปลกใจเป็นอย่างมาก เพราะก่อนที่จะได้ดู Mix Tape นี้อีกครั้ง เธอกลับจำไม่ได้เลยว่าเคยดูมาแล้ว

และยิ่งทำให้จองฮยอนแปลกใจมากขึ้นไปกว่าเดิมอีก เมื่อมินแจและยงทัก ก็จำไม่ได้เช่นกันว่าเคยดูเทปม้วนนี้มาแล้ว ณ จุดนี้ จองฮยอนคิดว่าการหายตัวไปของแจยองมันต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตอย่างแน่นอน

แต่จองฮยอนก็ต้องพบกับความประหลาดใจอีกครั้งเมื่อได้พบกับคยองจู และได้รู้ว่าคยองจูเป็นคนเดียวที่จำเทปม้วนนั้นได้เป็นอย่างดี “ฉันจำมันได้เป็นอย่างดี เสียงระฆัง คำพูดแปลก ๆ กับผู้หญิงที่เอาแขนปิดหน้า … ฉันฝันเหมือนเดิมซ้ำ ๆ กันทุกคืนตั้งแต่ดูวิดีโอนั่น มันเป็นฝันกลับหัว ผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ในวิดีโอก็อยู่ในฝันนั้น เธอยืนอยู่อีกฝั่งของห้องที่กลับหัว เธอจ้องฉันอยู่อย่างนั้นทั้งคืน พร้อมกับเอาแขนปิดหน้าเอาไว้ด้วย” !!!

EP.4 ความฝันกลับหัว

นอกจากคยองจูจะฝันกลับหัวถึงผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ใน Mix Tape มาตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา เธอยังจำเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นสมัยเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลายได้ดี … หลังเกิดเหตุการณ์การก่อการร้ายที่สถานีรถไฟซาจู จองฮยอนก็ย้ายออกไปจากซาจู จากนั้นชมรมวารสารของโรงเรียนก็หายไป ส่วนคนที่อยู่ในชมรมก็ทำตัวเหมือนไม่รู้จักกันมาก่อน เหมือนกับว่าทุกคนลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นไปเลย

จองฮยอนได้ฟังสิ่งที่คยองจูเล่าก็ลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นไปเช่นกัน และไม่เข้าใจว่าทำไมทุกคนถึงได้ลืมเรื่องราวต่าง ๆ ไปทั้งหมด ยกเว้นคยองจูเพียงคนเดียว

นักสืบฮยองอินพบกับจองฮยอน เขาบอกกับเธอว่าจะมีทีมพิเศษเข้ามาทำคดีการหายตัวไปของแจยองแทนเขา จองฮยอนทำหน้าเสีย และร้องไห้ออกมาเมื่อรู้ว่าฮยองจินจะวางมือจากการตามหาหลานสาวของเธอ จังหวะนั้นเอง ฮยองอินได้เผยความรู้สึกในใจออกมา …

“ผมไม่แน่ใจว่าควรพูดเรื่องนี้กับคุณไหม แต่ในวันที่ 6 ตุลาคม ปี 1987 หนึ่งวันก่อนเทศกาลชูซอก ผมเสียภรรยาไปกับเหตุการณ์การก่อการร้ายของโจคยองโฮ พูดตามตรงก็คือ การตามหาลูกสาวของไอ้เวรนั่นมันทำให้ผมรู้สึกเหมือนโดนลงโทษ ผมรู้ดีว่ามันไม่ใช่ความผิดของคุณหรือของนักเรียนโจแจยองเลย แต่ปัญหาคือ ใจผมไม่ได้รู้สึกแบบนั้น ไม่ว่าผมจะพยายามยังไง ผมก็ยังรู้สึกโกรธแค้นคนในครอบครัวของไอ้เวรนั่นอยู่ดี และได้โปรดอย่าร้องไห้ต่อหน้าผมเลย ผมไม่ชอบ” เมื่อพูดฮยองอินก็เดินจากไป โดยไม่สนใจจองฮยอนที่ร้องไห้ออกมาไม่หยุดอยู่เบื้องหน้าของเขา

คิมฮวานยูเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเรียกร้องว่าจะสารภาพกับสายสืบฮยองอินเท่านั้น …

“คุณสายสืบคิดว่าท่านคุรุจะชอบผมไหมครับ ?” ประโยคแรกของคิมฮวานยูก็ทำเอาฮยองอินถึงกับมึนงงเสียแล้ว
“ท่านคุรุเป็นใคร ? เป็นคนที่สั่งให้คุณลักพาตัวแจยองไปใช่มั้ย ?”
“ท่านคุรุบอกว่าคุณจะไม่ทิ้งผมไว้คนเดียว … ท่านคุรุบอกว่าคุณจะถลกหนังผมด้วยมีดหลังจากคุณได้ยินสิ่งที่ผมพูด แล้วคุณก็จะสาดน้ำร้อนใส่ผม …”
“นี่แกกำลังพูดบ้าอะไรอยู่ !” ฮยองอินเริ่มหมดความอดทนกับสิ่งที่คิมฮวานยูพูดออกมา
“… แล้วเมื่อผมตะโกนขอให้คนช่วย คุณก็จะถุยน้ำลายใส่ผม ท่านคุรุบอกผมอย่างนั้น”
“ไอ้บ้าเอ๊ย ฉันไม่รู้ว่าคุรุคือใคร แต่เชื่อเถอะว่าคนที่แกพูดถึงคงไม่มีทางช่วยหรือปกป้องแกได้ ชีวิตแกที่เหลือต้องเน่าตายอยู่ในคุกอย่างแน่นอน”

จากนั้น คิมฮวานยูก็สารภาพออกมาว่าเขาได้ฆ่าแจยองไปแล้ว “วันที่ 15 กรกฎาคม ผมเป็นคนลักพาตัวโจแจยองไป วันถัดมาผมได้รัดคอเธอจนตาย ผมหั่นศพเธอเป็นชิ้น ๆ ก่อนจะเอาชิ้นส่วนไปทิ้งบนสะพานปูซาน ผมทำทุกอย่างทั้งหมดด้วยตัวคนเดียว”

จองฮยอนกับแม่กำลังจัดพิธีศพให้กับแจยอง เมื่อรู้ว่าคิมฮวานยูสารภาพว่าลงมือสังหารแจยองไปตั้งแต่หนึ่งวันหลังลักพาตัว ระหว่างนั้น มุนซุกได้บอกกับจองฮยอนว่า เธอได้รับข้อความจากแจยองทางโปรแกรมแชต “มันอยู่ในวารสารโรงเรียนปี 1987”

จองฮยอนเดินทางไปหาคยองโฮที่เรือนจำเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี เพราะเธอเชื่อว่าเขาอยู่เบื้องหลังการหายตัวไปของแจยอง “แจยองหายตัวไป นายเป็นคนทำมัน ฉันรู้ว่านายติดต่อกับเธอ” จองฮยอนพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่พยายามควบคุมอารมณ์ แต่คำตอบของคยองโฮกลับทำให้เธอถึงกลับคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ “ความจริงก็คือ แจยองติดต่อฉันมาก่อน มันเป็นโชคชะตาสำหรับแจยอง”

จองฮยอนทุบโต๊ะอย่างแรงด้วยความโกรธ แต่ทันใดนั้นเอง จองฮยอนก็สงบนิ่ง ทั้งมือและตัวของเธอไม่ไหวติงเหมือนกับถูกสะกดจิต เป็นเพียงแค่คยองโฮปาดนิ้วชี้ไปที่จองฮยอน มันเป็นพลังอะไรกันแน่ที่ทำให้เขาสามารถทำได้ขนาดนี้ !!?

จากนั้น คยองโฮก็ได้เฉลยความจริงบางอย่างที่จองฮยอนหลงลืมไปด้วยความกลัว “เธอเป็นคนที่สำคัญที่สุดสำหรับงานนี้ ทำไมเธอถึงมาหาและถามฉันเรื่องแจยองทั้งที่ฉันติดอยู่ในนี้ นั่นก็เป็นเพราะเธอเห็นสัญลักษณ์เหล่านั้นต่างหาก เธอมาเพราะสัญลักษณ์เหล่านั้น แต่ที่เธอไม่ถามฉันเรื่องพวกนั้นก็เพราะเธอกลัว ทั้งที่เธอ ฉัน และแจยองเป็นคนเริ่มต้นเรื่องนี้ขึ้นมา” คยองโฮเดินออกจากห้องเยี่ยม ในขณะที่จองฮยอนยังยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น

ในตอนท้าย จองฮยอนโดนคลุมหัวโดยบุคคลปริศนาด้วยถุงผ้าสีดำ แล้วลักพาตัวไป !

EP.5 ท่านคุรุ

หลังจากจองฮยอนไปพบกับคยองโฮในเรือนจำเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี เธอก็โดนบุคคลปริศนาคลุมถุงดำแล้วลักพาตัวไป จองฮยอนตื่นขึ้นมาอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งลึกลับและแปลกประหลาด มีทั้งสัญลักษณ์เหมือนเป็นลัทธิความเชื่อนอกรีต จองฮยอนกรีดร้องไม่หยุด

ชายคนหนึ่งผมยาวรุงรัง หนวดดำเมี่ยม เครื่องแต่งกายของเขานั้นเป็นเครื่องแต่งกายที่มองเพียงแวบเดียวก็ดูออกว่า เป็นเครื่องแต่งกายของพวกลัทธินอกรีต … จองฮยอนถูกมัดติดอยู่กับเก้าอี้ เธอเงยหน้ามองไปที่ชายคนนั้น สิ่งเดียวที่เธอต้องการรู้ในตอนนี้คือแจยองอยู่ไหน สิ่งเดียวเท่านั้นจริง ๆ แต่จองฮยอนก็ถึงกับหน้าถอดสีด้วยความตกใจ เมื่อชายท่าทางแปลกประหลาดคนนั้นหยิบรูปหมู่สมัยเรียนมัธยมปลายขึ้นมาให้เธอดู และแนะนำตัวเองว่า เขาคือ “ยองซอบ” !!!

ยองซอบที่เผาตัวเองจนตายไปแล้ว ยองซอบที่จองฮยอนไปงานศพ ยองซอบที่ร่างถูกเผาไหม้ไปกับเปลวไฟกลายเป็นเพียงฝุ่นควัน แล้วทำไมกลับมายืนอยู่ตรงนี้ !?

ร่างที่ไร้เรี่ยวแรงของจองฮยอนถูกลากไปตามทางเดินไปยังอีกห้องหนึ่ง ระหว่างนั้น ยองซอบก็ได้เล่าเรื่องบางอย่างที่จองฮยอนอาจจะลืมเลือนมันไป “จองฮยอน เธอยังจำได้ไหม วิดีโอที่ส่งมาที่ห้องชมรมของเราเมื่อปี 1987 ที่เราได้ดูร่วมกัน ตอนนั้นเรายังไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่แท้จริงแล้วมันคือเมล็ดพันธุ์ที่คุรุเพาะเอาไว้ในใจของเรา เมื่อเมล็ดพันธุ์นั้นมันเริ่มโตขึ้นเมื่อคุรุอนุญาต มันก็จะกลายเป็นต้นอะไรก็ได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้หรือผลไม้พิษ”

จองฮยอนถูกนำตัวมาไว้มาไว้ที่ห้องหนึ่ง ห้องที่ถูกเตรียมเอาไว้ใช้ในการทำพิธีบางอย่าง “เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า” ยองซอบหยิบเอารูปหมู่สมัยมัธยมปลายขึ้นมาให้จองฮยอนได้ดู “ดูหน้าคนพวกนี้เอาไว้สิ มันคือพวกเราไง เราเป็นคนที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ก่อการร้ายที่สถานีรถไฟซาจู และมันคือจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์”

จองฮยอนได้ย้อนภาพความทรงจำของเธอกลับไปเมื่อปี 1987 แท้จริงแล้ว เธอเป็นส่วนหนึ่งของจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดเรื่องร้ายนี้ขึ้น

ในขณะเดียวกัน นักสืบฮยองอินกำลังดูรายงานเรื่องลัทธินอกรีตที่มีชื่อว่า “ยองจินกโย” โดยมีคยองโฮเป็นผู้นำลัทธิ แต่เขากลับตกใจเมื่อได้เห็นว่าแม่บ้านของเขาก็เป็นหนึ่งในสมาชิกคนสำคัญของลัทธิบ้าคลั่งนี้

ไม่เท่านั้น พ่อของภรรยาของนักสืบฮยองอินที่กำลังลงสมัครรับเลือกตั้ง ก็เป็นหนึ่งในสมาชิกคนสำคัญของลัทธิยองจินกโย

ในตอนท้าย ภาพแฟลชแบ็กย้อนกลับไปช่วงเวลาก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ก่อการร้ายที่สถานีรถไฟซาจู ภรรยาของนักสืบฮยองอินอยู่กับคยองโฮ ความจริงที่น่าตกตะลึงก็คือ เธอเป็นหนึ่งในผู้สมรู้ร่วมคิดในเหตุการณ์นั้น !?

EP.6 การสัมภาษณ์

หลังจากจองฮยอนถูกปล่อยตัวออกมา เธอก็ได้เผยความจริงออกมาว่า เธอกับคยองโฮเป็นเด็กที่ถูกเลี้ยงอยู่ในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า

ตัดภาพมาที่ฮยองอินที่กำลังคุยอยู่กับมินซิล แม่บ้านที่ทำงานกับเขามานาน …

“ผมมีเรื่องจะถามคุณ … คุณเป็นใครกันแน่ แต่ถ้าให้ผมเดา หน้าที่ของคุณคือจับตาดูผมใช่มั้ย ?”
“ตั้งแต่ฉันเสียลูกชายไปในเหตุการณ์ก่อการร้ายเมื่อปี 1987 ฉันก็เสียใจแทบสิ้นสติไปเลย ฉันต้องทนทุกข์ทรมานอยู่กับความเสียใจมานานหลายปี ฉันได้แต่คิดวนไปวนมาว่าทำไมลูกชายของฉันต้องมาตายไปแบบนั้น …”
“แล้วตอนนั้นคนที่เรียกตัวเองว่าคุรุก็เข้ามาปลอบโยนคุณใช่มั้ย คุณถึงได้เข้าร่วมกับลัทธิยองจินกโย ?”
“ช่วงนั้นหัวใจฉันแตกสลาย แต่คำพูดของคุรุได้ช่วยเยียวยาหัวใจฉัน”
“คุณคิดว่ามันไม่แปลกเหรอ ที่คุรุเป็นคนที่ทำให้คุณเจ็บปวด” ฮยองอินจี้ใจดำ
“เรื่องนั้นมันเป็นอดีตไปแล้ว ฉันมองแต่อนาคตเท่านั้น ก่อนจะจากกันฉันจะแนะนำอะไรให้นะคะ ถ้าคุณหนีมันไม่พ้น คุณก็ควรจะยอมรับมันนะคะ”

จองฮยอนจำเหตุการณ์ในอดีตได้แล้ว เธอจำวันที่คุยกับคยองโฮที่ริมแม่น้ำในวันนั้นได้ คยองโฮพูดกับเธอว่า “เราทำการก่อการร้ายที่สถานีรถไฟซาจูจนสำเร็จได้ ก็เพราะได้รับความช่วยเหลือจากเธอและเพื่อน ๆ แต่ที่เธอจำอะไรไม่ได้ก็เพราะฉันทำให้มันเป็นแบบนั้น มันก็เหมือนกับตอนที่เราหนีออกมาจากศูนย์สวัสดิการนรกนั่น ที่ฉันลบความทรงจำของเธอออกไป เธอไม่ใช่คนอ่อนแอแต่เธอก็ไม่ใช่คนเข้มแข็ง สิ่งที่เธอต้องทำคือทำตามที่ฉันบอกก็พอ”

จองฮยอนในวัยมัธยมปลายฟังพี่ชายด้วยสีหน้าเรียบเฉย เธอฟังอย่างตั้งใจ “ทุกอย่างที่มันเกิดขึ้นแล้วมันไม่มีทางกลับไปแก้ไขได้ ทางเดียวที่ทำได้ก็คือลืมมัน ฉันมีตัวตนและมีอำนาจ เพราะฉะนั้นคิดให้ดีก่อนที่จะตอบอะไรออกมา … เรื่องที่ฉันเล่าให้เธอฟังไปทั้งหมดนี้ เธออยากให้ฉันลบมันออกไปหรือเปล่า ?”

แล้วภาพก็ตัดมาที่ปัจจุบัน จองฮยอนพูดออกมาด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่มั่นใจว่า “ฉันจะไม่หนีอีกต่อไปแล้ว”

ในตอนท้าย เกิดเหตุฆาตกรรมแปลกประหลาดแบบเดิมขึ้นอีกครั้ง ทำให้ฮยองอินขอกับหัวหน้าว่า เขาต้องเข้าไปสัมภาษณ์คยองโฮในเรือนจำ เพื่อสืบหาเบาะแสฆาตกรรมอันแปลกประหลาดนี้

EP.7 ทายาทท่านคุรุ

ก่อนที่นักสืบฮยองอินจะเข้าไปสัมภาษณ์คยองโฮในเรือนจำ จองฮยอนได้มาเตือนเขาที่บ้านว่า อย่าไปเจอกับคยองโฮเพราะเขาอันตรายกว่าที่คิด

เมื่อจองฮยอนกลับมาบ้าน ผีคยองจู (เพื่อนสมัยเรียนมัธยมของจองฮยอน และเป็นภรรยาของคู่หูนักสืบฮยองอิน) ก็โผล่ขึ้นมา ผีคยองจูใช้เชือกผูกคอจองฮยอนเอาไว้ก่อนที่จะพรรณาออกมาทั้งน้ำตาว่า “ฉันอยากรู้ว่าทำไมต้องเป็นฉัน เพราะฉันเป็นเพื่อนเธออย่างนั้นเหรอ ฉันยังไม่อยากตายรู้ไหม แต่มันสายไปแล้วล่ะ เธอจะปล่อยให้มีเหยื่อแบบเราอีกไม่ได้” พูดจบผีคยองจูก็หายไป พร้อมกับเชือกที่ผูกคอจองฮยอนก็หายไปเช่นกัน

ตัดภาพกลับมาที่การให้สัมภาษณ์ที่เรือนจำ คยองโฮตอบเมื่อถูกถามว่าตัวเขาใช่คุรุหรือไม่ ? “ใช่ครับ ผมคือคุรุ นั้นคือสิ่งที่พวกคุณอยากได้ยินใช่ไหม แต่ผมไม่ได้มานั้นตรงนี้เพื่อพูดในสิ่งที่พวกคุณอยากได้ยิน ฟังให้ดีนะครับคุณนักสืบชเว เรื่องของคุณอิมเซยุน ภรรยาของคุณ หลังภรรยาตายคุณก็จมอยู่กับความเสียใจ แต่ที่น่าตลกก็คือคุณไม่รู้อะไรเลยแม้แต่นิดเดียวว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับภรรยาของคุณ ทำไมวันนั้นเธอต้องไปที่สถานีซาจู แต่ผมจะบอกอะไรให้อย่างนะครับ แม้คุณจะย้อนเวลากลับไปได้คุณก็ช่วยเธอไม่ได้ รู้ไหมว่าทำไม … หลังจากที่เธอแท้งลูกกับคุณ เธอก็อยากเริ่มต้นใหม่กับผมแล้วก็ย้ายไปอยู่ญี่ปุ่นด้วยกัน และจงรู้ไว้ด้วยว่าผู้ชายคนสุดท้ายของเธอเป็นผมไม่ใช่คุณ”

สิ้นเสียงคยองโฮ ทันใดนั้นเอง นักสืบฮยองอินก็เกิดสติแตกขึ้นมาทันที “ไอ้โรคจิต ฉันจะฆ่าแก” ผู้คุมนักโทษต่างพากันเข้ารุมห้ามฮยองอินเอาไว้ ในขณะที่คยองโฮได้แต่นั่งยิ้มเยาะ

แจยองอยู่ในห้องที่ได้รับการดูแลอย่างดีภายในห้อง เธออยู่ในสถานที่นี้ในฐานะทายาทของคุรุ จากบทสนทนาที่เธอคุยกับ “ท่านผู้ตัวแทนยองซอบ” ทำให้เราได้รู้ว่า ที่แจยองมาอยู่ในสถานที่นี้เป็นไปเพราะแลกเปลี่ยนกับการที่คนอื่น ๆ ในครอบครัวของเธอจะไม่โดนทำร้าย

ในตอนท้าย แจยองถูกพาตัวไปสถานที่แห่งหนึ่งเพื่อทำพิธีทางลัทธิอันแปลกประหลาด ทุกคนในที่นั้นล้วนแล้วแต่สวมชุดสีขาว ยืนล้อมรอบแจยองที่ตอนนี้ถูกจับผูกขา แล้วห้อยหัวอยู่กลางวงของสาวกเหล่านั้น …

EP.8 ชำระล้างเพื่อโลกใบใหม่

อิมอินกวานนัดให้จองฮยอนมาพบที่ออฟฟิศ เพื่อยื่นข้อเสนออันน่าแปลกประหลาด “คุณจองฮยอนต้องหยุดขุดคุ้ยเรื่องวารสารโรงเรียนปี 1987 ส่วนเรื่องการตามหาหลานสาวของคุณ (แจยอง) ผมจะเป็นคนช่วยจัดการให้เอง”

จองฮยอนถามอิมอินกวานด้วยความสงสัยว่าทำไมถึงช่วยเธอ เพราะเธอเข้าใจว่าเขาเป็นพวกเดียวกับคนพวกนั้น ซึ่งอิมอินกวานได้ตอบกลับไปว่า …

“คุณนี่ไม่เข้าใจอะไรเอาเสียเลย อีกไม่นานนับจากนี้จะเกิดเรื่องเพี้ยน ๆ ขึ้นจากคนพวกนั้น ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ใหญ่กว่าที่เคยเกินขึ้นมาก่อนหน้านี้ทั้งหมด แต่ผมบอกรายละเอียดไม่ได้ บอกได้เพียงแต่ว่า จุดจบมันใกล้จะมาถึงแล้ว พวกมันจะทำอะไรที่ร้ายแรงยิ่งกว่าเมื่อปี 1987 ผู้ที่ชำระล้างตัวเองแล้วเท่านั้นถึงจะอยู่รอดได้ มันเป็นเรื่องที่บ้าบอคอแตกจนไม่รู้จะพูดยังไงเลย แต่เอาเป็นว่าผมไม่ต้องการให้เรื่องบ้า ๆ นี้เกิดขึ้น ดังนั้นคุณต้องช่วยผม”

คยองโฮให้สัมภาษณ์อีกครั้ง โดยผู้มาสัมภาษณ์คือศาสตราจารย์จากแผนกจิตเวช โรงพยาบาลซาจู …

“วันนี้ขอผมเล่าบางเรื่องให้คุณฟังได้ไหม เรื่องเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 1987 เรื่องที่ไม่มีใครเคยรู้มาก่อน วันนั้นผมแค่ยืนใส่หน้ากากกันแก๊สพิษอยู่ตรงนั้น ดูทุกคนกำลังอาเจียนออกมา จากนั้นผมก็รู้สึกอยากไปหาใครบางคน คนคนนั้นชื่อชเวฮยองอิน ผมไปที่ห้องของเขาเพื่อตั้งใจจะไปฆ่าเขาด้วยความโกรธ ผมยืนอยู่ข้างเตียงมองเขาหลับในสภาพกลิ่นเหล้าหึ่งไปหมด แล้วผมก็เกิดคิดขึ้นมาว่าผมไม่ควรฆ่าเขา วินาทีนั้นที่ผมตัดสินใจที่จะไม่ฆ่าชเวฮยองอิน มันทำให้ผมเห็นทั้งจุดเริ่มต้นและจุดจบ ผมจะบอกอะไรให้นะว่า ผมมีชีวิตไม่เหมือนคนอื่น ๆ ผมอยู่ภายใต้จิตสำนึกที่เป็นวงกลม เห็นทุกอย่างตั้งแต่จุดเริ่มต้นไปยันจุดจบ”

จากนั้นก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดเกินขึ้น ศาสตราจารย์ผู้มาให้สัมภาษณ์เหมือนโดนพิธีแปลกประหลาดที่เรียกว่า “ชำระล้าง” เมื่อกลับออกมา ศาสตราจารย์จึงกลายเป็นพวกมันโดยสมบูรณ์แล้ว

ระหว่างนั้น จองฮยอนกับยงทักเดินทางกลับไปที่โรงเรียน ที่ตอนนี้กลายเป็นสถานที่รกร้าง เมื่อเข้าไปด้านในก็พบเทียนที่จุดเอาไว้แล้วรูปถ่ายสมัยมัธยมปลายของพวกเขา แล้วอยู่ดี ๆ ยงทักก็เหมือนถูกมนต์สะกดอะไรบางอย่าง เขาจุดไฟเผาด้านใน แล้วเห็นจองฮยอนเป็นผี เขาจึงจบชีวิตอยู่ในกองไฟนั่นเอง

ในตอนท้าย ท่านผู้แทนยองซอบนั่งอยู่กับแจยอง เขาเปิดสปีกเกอร์โฟนเพื่อให้แจยองได้ยินไปด้วย ซึ่งเสียงปลายเป็นเสียงของมินแจ “ยงทักตายอยู่ที่นั่น ส่วนจองฮยอนหนีไปได้ ตอนนี้เหลือแค่เราแล้ว ฉันจะทำให้ดีที่สุดไม่ให้มีข้อผิดพลาดอะไรทั้งนั้น ผู้ชายที่ชื่อชเวฮยองอินกำลังมาที่นี่ เราต้องเริ่มทำการชำระล้างเขา … วันที่ 6 ตุลาคม 1987 เวลาชำระล้างหลังจากวันนั้น ทีนี้เราจะได้เข้าสู่ยุคใหม่บนโลกใบใหม่เสียที”

EP.9 โรงกรองน้ำชอนยาง

จองมินแจ (เพื่อนสมันเรียนมัธยมปลายของจองฮยอน) เธอทำงานที่โรงกรองน้ำชอนยางมาตั้งแต่เรียนจบ ในวันนี้ มินแจได้จับนักสืบฮยองอินมัดเอาไว้กับเก้าอี้ที่โรงกรองน้ำที่เธอทำงานอยู่ หลังฮยองอินได้สติขึ้นมา เขาก็ได้เอ่ยถามออกไปว่า …

“คุณคือเพื่อนของโจจองฮยอน ที่ชื่อจองมินแจใช่มั้ย ?”
“ว่าแต่ว่า ฉันเป็นใครมันสำคัญตรงไหนเหรอคะ ฉันมันก็แค่มดตัวหนึ่งที่ทำตามคำสั่งของคนคนนั้น คุณรู้อะไรไหม ฉันทำงานที่นี่ตั้งแต่เรียนจบก็เป็นเพราะความต้องการของเขา ทุกอย่างถูกเตรียมเอาไว้เพื่อช่วงเวลานี้ ครึ่งชีวิตของฉันทุ่มให้กับเขาไปทั้งหมด”
“คนคนนั้นหมายถึง โจคยองโฮน่ะเหรอ ?”
“ฉันไม่พูดชื่อของเขาออกมาเล่น ๆ หรอกค่ะ”
“ผมไม่เข้าใจว่าทำไมคุณถึงช่วยคนสารเลวแบบนั้น !”
“ฉันมันก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่ง แต่คนคนนั้นตรงกันข้าม เขามีเป้าหมาย และมีพลังที่สามารถทำให้บรรลุเป้าหมายได้”
“พวกคุณนี่เหมือนกันหมด นั่นเป็นเพราะพวกคุณโดนล้างสมองมาล่ะสิ”

อย่างไรก็ตาม ฮยองอินได้แต่คิดว่า สิ่งที่คยองโฮทำไปทั้งหมดนั้นก็เป็นไปเพื่อแก้แค้นสนองปมในวัยเด็กของตัวเองก็เท่านั้น เพราะในวัยเด็กของคยองโฮต้องทนทรมานอยู่ในขุมนรกที่เรียกว่า “ศูนย์สวัสดิการหนึ่งครองครัว” หากแต่ว่าคนซาจูที่รับรู้ถึงความโหดร้ายที่เกิดขึ้นที่นั่น กลับทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเพราะคิดว่าไม่ใช่เรื่องของตัวเอง … สิ่งที่น่าตลกก็คือ คุรุ (คยองโฮ) ที่เหล่าสาวกผู้หลงผิดนับถือกันนั้น เป็นเพียงแค่ไอ้โรคจิตที่ขับเคลื่อนชีวิตด้วยปมที่เกิดขึ้นในวัยเด็ก

มินแจเริ่มทำตามแผนที่เธอถูกกำหนดให้ทำ เริ่มด้วยการเปิดเทปเสียงแปลกประหลาดเพื่อเรียกให้คนเมืองที่ได้ดูวิดีโอเดินทางมาที่โรงกรองน้ำแห่งนี้ ระหว่างนั้นเอง ฮยองอินสามารถปลดเชือกออกได้ พยายามเข้าไปขัดขวางมินแจ ระหว่างที่ทั้งสองกำลังต่อสู้กันอยู่นั่น มินแจได้ใช้มีดแทงเข้าไปร่างของฮยองอินจนเอาลงไปนอนกองอยู่กับพื้น

คนในเมืองราว 200 เดินเข้ามาภายในโรงกรองน้ำแห่งนี้ราวกับหุ่นยนต์ พวกเขาเดินอย่างเชื่องช้า บ้างก็ขับรถยนต์ บ้างก็ขี่จักรยาน ในเวลาเดียวกันนั้น มินแจก็เอาปืนรีวอลเวอร์จบชีวิตตัวเองไป ด้วยความเชื่อที่ว่าเธอกับแม่จะได้ไปพบโลกใหม่ในอนาคตที่สดใสยิ่งกว่า

เวลาผ่านไปไม่นานนักเมื่อชาวเมืองซาจูต่างมารวมตัวกันจนหมดสิ้นแล้ว ชายฉกรรจ์จำนวนหลายคนสวมหน้ากากกันแก๊สพิษได้ลากกระเป๋าเดินทางเข้ามาด้านใน ก่อนที่พวกเขาจะปล่อยแก๊สพิษ ฆ่าคนเหล่านั้นตายไปจนหมดสิ้น ส่วนฮยองอินก็ได้รับการช่วยเหลือให้ออกมาโดยชายฉกรรจ์เหล่านั้น

วันต่อมามีรายงานข่าวทางโทรทัศน์รายงานว่า มีโศกนาฏกรรมการฆ่าตัวตายหมู่ของเหล่าสาวกลัทธิยองจินกโยที่โรงกรองน้ำชอนยาง ทำให้มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้กว่า 200 คน

EP.10 โจคยองโฮ

แจยองพยายามหนีแต่ไม่สำเร็จ เพราะยองซอบรู้เหตุการณ์นี้ล่วงหน้าอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้น แจยองจึงพยายามขู่จะทำร้ายตัวเองโดยกล่าวโทษยองซอบเรื่องที่ทำให้จองฮยอนได้รับอันตราย แม้ว่ายองซอบจะยืนยันว่าทุกอย่างยังเป็นไปตามสัญญา สุดท้ายแจยองจึงขู่ว่า ถ้าจองฮยอนเป็นอะไรไปแม้จะต้องกลายเป็นศพเพื่อหนีออกไปจากที่นี้เธอก็จะทำ

คยองโฮหนีออกไปจากการควบคุมตัวได้สำเร็จ เขาฆ่าพยาบาลและแม่บ้าน รวมทั้งผู้คุมตายไปห้าคน และได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกหนึ่งคน คนที่รอดเป็นคนที่เขาตั้งใจให้รอด เพื่อใช้เป็นคนส่งข้อความถึงนักสืบฮยองอิน ข้อความนั้นคือ “จนถึงตอนนี้ทุกอย่างยังเป็นไปตามที่ฉันบอกเอาไว้”

อย่างไรก็ตาม ฮยองอินเลือกที่จะไม่สนใจข้อความนั้น จากนั้น จองฮยอนก็ไปหาอิมอินกวานอีกครั้ง เขาได้เล่าเรื่องแปลกประหลาดออกมา “อนาคตของพวกยองจินกโยก็คือการได้จับมือกันตายอย่างมีเกียรติ ซึ่งพวกเขาเรียกมันว่าวันชำระล้าง เรื่องที่เกิดขึ้นที่โรงกรองน้ำเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น เป้าหมายของคุณตัวแทนยองซอบคือการร่วมสร้างอนาคต และได้รับการไถ่บาปอย่างแท้จริง ส่วนหลานสาวของคุณคือทายาท”

ตัดภาพมาที่คยองโฮ ซึ่งเดินทางไปหาพ่อผู้ให้กำเนิด “เด็กชายและเด็กหญิงคู่หนึ่งที่คุณขายไปให้ศูนย์สวัสดิการหนึ่งครอบครัว ทำไมคุณถึงทำอย่างนั้น โทษของคุณในตอนนี้แม้อยากตายก็ตายไม่ได้”

จากนั้น อิมอินกวานก็พาจองฮยอนไปเป็นทายาทแทนแจยอง ซึ่งในเวลาเดียวกันนั้น ฮยองอินได้ไปช่วยเธอออกมาได้ และดูเหมือนเรื่องราวมันยังคงดำเนินต่อไปอย่างที่มันเป็นตามที่คยองโฮได้บอกเอาไว้

EP.11 จุดเริ่มต้นในห้องอันมืดมิด

แจยองบอกกับฮยองอินว่า ที่เธอย้ายกลับมาซาจู เพราะคยองโฮสัญญาว่าจะได้เจอร่องรอยของแม่ ทำให้เธอคะยั้นคะยอให้อากลับมาที่ซาจู

ระหว่างนั้น โจคยองโฮได้เรื่องจุดเริ่มต้นของทุกอย่างกับพ่อเลี้ยง “ตอนที่อยู่ในนั้น ห้องที่น่ากลัวและมืดมิดมากจนมองไม่เห็นมือที่อยู่ข้างหน้า ตอนที่อยู่ในนั้น ทั้งเสียงทั้งกลิ่นทุกอย่างหายไปหมด แต่ผมก็ต้องอดทนไว้เพราะไม่มีทางเลือกอื่น สุดท้ายคุณก็ขังผมกับน้องสาวเอาไว้ที่นั่นทั้งคืน ผมได้สัมผัสกำแพงแห่งกาลเวลาที่พังทลายลงในห้องมืดมิดนั้น เมื่อวาน วันนี้ และพรุ่งนี้ เริ่มผสมปนเปกันไปหมด แล้วจู่ ๆ หลายอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไป ผมเหมือนถูกตัดขาด แต่ขณะเดียวกันผมก็เริ่มเชื่อมโยงกับทุกสิ่ง บางทีมันอาจจะเริ่มต้นตั้งแต่ตอนนั้น ที่ผมเริ่มควบคุมมดได้ จริง ๆ แล้วมันเหมือนคุณมอบทุกอย่างให้ผมก็ไม่ผิด อดีตกับปัจจุบันอะไรพวกนั้นมันไม่มีหรอก สิ่งที่เกิดขึ้นในห้องนั้น คือสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ … เมื่อประตูเปิดออก คุณที่เมาเหล้าก็โผล่มา แล้วก็มองดูเราอย่างสนุกสนาน และมีคำพูดที่พูดกับผมอยู่เสมอ ทำไมหมาจรจัดพวกนี้ถึงได้ตายยากจังนะ”

ภายในห้องทำพิธีกรรมของลัทธิยองจินกโย จองฮยอนใช้มือเปล่าของเธอกำเข้ากับเชือกที่ไฟกำลังลุกไหม้ ต่อหน้าเหล่าสาวกทั้งหลาย เพื่อท้าทายอำนาจของท่านคุรุ จองฮยอนกำเชือกที่มีไฟลุกโชนด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่เธอจะพูดออกไปว่า …

“ฉันไม่ได้รอให้เชือกหล่นลงมาเอง ฉันอยากให้ทุกคนได้เห็นว่า มันไม่ใช่เชือกที่ไม่มีวันขาด”

จากนั้น จองฮยอนก็ใช้คำพูดอีโมชั่น ที่แสดงให้เห็นถึงความเห็นอกเห็นใจเหล่าสาวกที่มารวมตัวกันเพื่อทำพิธีฆ่าตัวตายหมู่ ทำให้ได้รู้ว่าแต่ละคนล้วนแล้วแต่เจ็บปวดกับการสูญเสียคนที่รักไป ในเหตุการณ์ก่อการร้ายที่สถานีรถไฟซาจู

สาวกคนหนึ่งได้ระบายความในใจออกมา “ทุกคนที่นี่สูญเสียคนที่รักไปในเหตุก่อการร้ายที่ซาจู นับจากนั้น เราก็ใช้ชีวิตจมอยู่กับความทุกข์ที่ยิ่งกว่าคนที่ตายไปแล้วเสียอีก เราต้องการไถ่บาป เราถูกลืมไว้ข้างหลัง ในขณะที่คนทั้งโลกเดินก้าวไปข้างหน้า แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับเราคือ ทุกคนลืมความเจ็บปวดของเราไปตั้งนานแล้ว เราจึงได้เลือกเส้นทางนี้ ท่านคุรุบอกว่าจะมาแบ่งปันความเจ็บปวดกับเรา”

เมื่อจองฮยอนได้ยินเช่นนั้น เธอจึงเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้น เธอร้องไห้ออกมาไม่หยุด เหมือนกับเป็นการแสดงความรู้สึกขอโทษอย่างหาที่สุดไม่ได้ “ฉันขอโทษที่ทิ้งพวกคุณเอาไว้แบบนั้น ฉันเคยคิดว่าฉันแค่ทำเป็นเหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้น แต่ฉันคิดผิด ขอโทษค่ะ”

EP.12 ตอนจบ

ที่แท้แล้ว แจยองคือลูกสาวของฮยองอิน

คยองโฮนั่งรออยู่ภายในบ้านของฮยองอิน ทั้งสองนั้งอยู่บนโซฟาคนละฝั่ง ก่อนที่ฮยองอินจะยิงข้อเสนอออกไป “เรามาจบเรื่องนี้กันเถอะ ฉันทำให้พ่อของนายต้องตายไปอย่างทรมาน สิ่งที่ฉันจะบอกก็คือ นายกลับไปอยู่ในคุก ส่วนฉันก็ตายไปแบบที่นายต้องการ ฉันก็ได้หนีจากฝันร้าย ส่วนนายก็ได้ล้างแค้น”

แต่ดูเหมือนว่าคยองโฮจะไม่เห็นด้วยแม้แต่นิดเดียว “คุณไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด คุณตัดสินใจอะไรเองไม่ได้ทั้งนั้น เพราะอนาคตของคุณถูกกำหนดเอาไว้แล้ว ในวันนั้นหลังจากปล่อยแก๊สที่สถานีซาจู ผมก็มาที่บ้านหลังนี้ทันที ตอนแรกผมตั้งใจที่จะฆ่าคุณ แต่สุดท้ายผมก็เปลี่ยนใจ เพราะผมเจอสิ่งนี้อยู่ในครัว”

คยองโฮเอาจดหมายของภรรยาฮยองอินวางเอาไว้บนโต๊ะ พร้อมกับปืนลูกโม่วางไว้ให้กับฮยองอิน เนื้อหาในจดหมายระบุว่า เธอโกหกเรื่องแท้งลูก และลูกของเขาก็คือแจยอง

เมื่อรู้ความจริง ฮยองอินสาวหมัดใส่คยองโฮไม่ยั้ง ก่อนที่จะคว้าปืนบนโต๊ะเตรียมลั่นไกใส่ร่างของคยองโฮ หวังให้ตายไปเสียเดี๋ยวนี้ แต่คยองโฮเอ่ยปากออกมาเตือน “เดี๋ยวก่อน ถ้าคุณยิงผมตอนนี้คุณจะไม่ได้ฟังเรื่องที่เหลือจากผมนะ ฟังก่อนค่อยตัดสินใจก็ได้ เพราะเรื่องมันเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้นเอง”

คยองโฮค่อย ๆ เอาตัวเองลุกขึ้นมายืนอีกครั้ง “แจยองรู้ว่าคุณคือพ่อของเธอ คิดว่าเพราะอะไรที่เธอถึงไม่บอกคุณเรื่องนี้ เพราะว่าผมได้เพาะเมล็ดพันธุ์เอาไว้ในตัวคุณตั้งแต่วันที่เราเจอกันครั้งแรก … ฆ่าคนที่คุณรัก แล้วฆ่าตัวตายซะ … แต่ผมมีทางเลือกให้คุณนะ ผมลบความทรงจำให้คุณได้ถ้าคุณต้องการ แล้วมาเป็นมดงานของผมไปชั่วชีวิต”

ฮยองอินพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้ทำในสิ่งที่คยองโฮต้องการ แต่เสียงของคยองโฮก็ดังก้องในหัวของเขาอีกครั้ง “คุณไม่เข้าใจหรือว่า ถ้ายิงผมตอนนี้ คุณจะไม่มีวันหลุดจากภาพหลอนอีกเลย และคุณจะกลายเป็นคนฆ่าลูกสาวตัวเอง”

ฮยองอินพยายามเอ่ยปากออกไป “ไม่มีทางหรอกที่ฉันจะอยากลืมว่าลูกสาวของฉันยังมีชีวิตอยู่”

“ถ้าคุณไม่ฆ่าเธอ คุณก็ยังตายไม่ได้ คุณจะต้องอยู่คนเดียวอย่างทุกข์ทรมานไปตลอด แต่สิ่งที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ คุณไม่มีวันฆ่าผมได้ เพราะมันไม่ใช่อนาคตของผม คนเดียวที่จะฆ่าผมได้คือตัวผมเอง คุณจะต้องใช้ชีวิตที่เหลือเป็นมดงานให้กับผม” แต่ทันใดนั้นเอง ฮยองอินก็ลั่นไกสาดกระสุนใส่ร่างของคยองโฮไม่ยั้ง

ท่านคุรุตายแล้ว ตายไปอย่างง่ายดาย ตายอย่างอนาถ !

“แกมันโง่จริง ๆ ที่คิดว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนที่ตัวเองวางเอาไว้”

ด้านอิมอินกวานที่ตอนนี้ความจริงเรื่องที่เขาฆ่าลูกสาวตัวเอง (อิมเซยุน) หลังจากที่คยองโฮตาย เขาหลอนแทบสิ้นสติจนกระโดดตึกลงมาตาย

ในตอนท้าย ฮยองอินต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ในคุกกับภาพหลอนที่ตัวเขาเองต้องเผชิญ เขาเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับจองฮยอนที่มาเยี่ยมในเรือนจำ …

“อีกไม่นานผมอาจจะตายได้ คนพวกนั้นมาหาผมทุกคืนแล้วฉีกแขนฉีกขาออก พวกนั้นกระซิบใส่หูผมไม่หยุด ตามหาลูกสาวแกให้เจอแล้วฆ่าเธอซะ ไม่อย่างนั้นความทุกข์ทรมานไม่มีวันสิ้นสุด มันจะอยู่ตลอดไป อาการภาพหลอนมันหนักขึ้นทุกวัน และเสียงกระซิบมันก็เริ่มชัดเจนขึ้น”

จบบริบูรณ์

Photos: tvN Korea