Skip to content
สรุปเนื้อเรื่องซีรีส์ Darli and the Cocky Prince (2021)

สรุปเนื้อเรื่องซีรีส์ Darli and the Cocky Prince (2021)

Darli & the Cocky Prince (2021) : เรื่องราวของคนสองคนที่ต่างกันสุดขั้ว แต่เหตุการณ์ก็นำพาให้พวกเขาลงตัวกันได้ …

ดัลลี (รับบทโดย พัคกยูยอง) เป็นนักวิจัยของ St. Miller Kunst Gallerig หญิงสาวผู้เกิดมาบนความเพียบพร้อมทั้งหน้าตาและฐานะ เธอเป็นสาวเนิร์ดที่มีความรู้ความสามารถด้านศิลปะอันโดดเด่น เรียกว่าเธอสามารถอ่านหนังสือศิลปะโดยไม่กินไม่นอนติดต่อกันหลายวัน โดยไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยแม้แต่นิดเดียว

วันหนึ่ง ดัลลีได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการค๊อค ให้ไปรับมิสเตอร์จิน หรือ จินฮิโตะนาริ คอลเล็กเตอร์ระดับโลกชาวญี่ปุ่น ที่เดินทางมาร่วมงานนิทรรศการศิลปะที่สนามบิน

ตัดภาพมาที่จินมูฮัก (รับบทโดย คิมมินแจ) ทายาทคนรองของกิจการแฟรนไชส์อาหาร DonDon F&B ที่เริ่มต้นเติบโตมาจากการขายคัมจาทัง (ซุปกระดูกหมูของเกาหลี) ขายดิบขายดีจนเติบโตเป็นร้านอาหารดังระดับโลก

วันหนึ่ง มูฮักต้องเดินทางไปอัมสเตอร์ดัมเพื่อประชุมทางธุรกิจ ทีนี้เรื่องมันเกิดเป็นปัญหาขึ้น เมื่อจินแบควอน พ่อของมูฮักไม่พอใจที่ลูกชายปล่อยเงินกู้ให้กับหอศิลป์ชองซง (ซึ่งเจ้าของคือพ่อของดัลลี) เขาจึงสั่งระงับบัตรเครดิตของมูฮักทั้งหมด ขณะที่เขากำลังอยู่บนเครื่องบิน เพื่อเป็นการดัดนิสัยลูกชายจอมหัวรั้น

ทีนี้เรื่องราวอลเวงก็เกิดขึ้น เมื่อดัลลีที่ต้องไปรับมิสเตอร์จินที่สนามบิน กลับไปรับผิดคนคือเธอไปรับมิสเตอร์จินเหมือนกัน แต่เป็นมิสเตอร์จินมูฮักซะอย่างนั้น ส่วนมูฮักเองก็เข้าใจว่าดัลลีเป็นคนที่มารับเขาเช่นกัน !

เหตุการณ์ไปกันใหญ่ ทั้งสองเดินทางมาถึงงานปาร์ตี้นิทรรศการศิลปะ ซึ่งดัลลีทำหน้าที่เป็นล่ามให้มูฮัก เพราะเขาพูดได้แต่ภาษาเกาหลี เมื่อทุกคนต่างเข้าใจว่ามูฮักเป็นมิสเตอร์จิน คอลเล็กเตอร์ระดับโลก จึงพากันให้เขาออกความเห็นงานศิลปะ ทุกคนต่างพากันตกตะลึงเมื่อเขาเลือกภาพหมู อีกทั้งยังอธิบายสรีระและลักษณะของหมูได้ทั้งหมด

ต่อมา ด้วยความ Geek ของดัลลี จึงทำให้เธอจับได้ว่าภาพหนึ่งที่นำมาแสดงอยู่ภายในงานเป็นภาพปลอม เอาล่ะสิ งานนี้ทำเอาเจ้าของงานอย่างมาดามโบรงก์หัวร้อนขึ้นมาทันที เธอจึงจัดการไล่ทั้งมูฮักและดัลลีออกจากงานเลี้ยง

ณ จุดนี้ ดัลลีรู้แล้วว่าเธอรับมิสเตอร์จินมาผิดคน ทั้งสองจึงรีบกลับไปที่สนามบินอีกครั้ง แต่เมื่อไปถึงก็ไม่เจอมิสเตอร์จินตัวจริงแล้ว อีกทั้งยังโทร. ติดต่อไม่ได้เสียอีก อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่ดัลลีเป็นสาวใส ๆ จิตใจดี เธอจึงพามูฮักไปเช็กอินที่โรงแรม แต่ปัญหาก็เกิดขึ้นเนื่องจากบัตรเครดิตของมูฮักใช้การไม่ได้ ท้ายที่สุดดัลลีจึงให้เขามาพักที่บ้านของเธอ

ดัลลีพยายามประสานงานตามหามิสเตอร์จินตัวจริง เวลาเดียวกันนั้น มูฮักก็เข้าครัวทำอาหาร เมื่อดัลลีได้กินก็ตื่นตะลึงพร้อมกับออกปากชมในความอร่อย ช่วงเวลานั้นเองที่ทั้งสองได้ใช้เวลาพูดคุยกันและทำความรู้จักกันมากขึ้น จนนำไปสู่การสนิทสนมกันมากขึ้น ถึงขนาดที่ว่าทำให้มูฮักคิดไปเองว่า ดัลลีชอบเขา

ในคืนนั้นเอง ขณะที่มูฮักกำลังอาบน้ำและดัลลีกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า ไฟฟ้าก็เกิดดับขึ้นมาอย่างกะทันหัน มูฮักเดินออกมาจากห้องน้ำ และด้วยความซุ่มซ่ามทำให้เขาสะดุดล้มลง แล้วก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ไฟติดขึ้นมาพอดี ปรากฏว่ามูฮักที่นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวกำลังนอนคร่อมร่างของดัลลีอยู่บนพื้น !

มูฮักไม่รู้เรื่องศิลปะหรือความรู้รอบตัวเลยแม้แต่นิดเดียว เมื่อดัลลีพูดถึงดาวินชี่ที่ครั้งหนึ่งเคยอยากเป็นเชฟทำอาหาร มูฮักก็เลเพลาดพลาดไปนึกถึงร้านอาหารชื่อดาวินชี่ที่อยู่ในประเทศเกาหลี ทำเอาดัลลีถึงกับลั่นก๊ากออกมาเป็นการใหญ่ และคิดว่าเป็นมุกของมูฮัก แถมยังมองว่าเขาเป็นคนอารมณ์ขัน ส่วนมูฮักเองก็แปลกใจที่เขารู้สึกสนิทกับเธอทั้งที่เพิ่งรู้จักกันไม่นาน

ตัดภาพมาที่มิสเตอร์จินตัวจริง ที่ตอนนี้เขาไปร่วมงานปาร์ตี้ของสมาคมสุกรอย่างสนุกสนาน

ระหว่างนั้นเอง ดัลลีได้รับข่าวร้ายเรื่องการจากไปของพ่อ เธอจึงเดินทางกลับเกาหลีเพื่อไปงานศพของพ่อ หลังเสร็จพิธีศพของพ่อ ดัลลีจึงรู้ว่าหอศิลป์ชองซงมีภาระหนี้สินอยู่มากมายและกำลังจะเข้าสู่ภาวะล้มละลาย

มูฮักเพิ่งรู้ข่าวการเสียชีวิตของผู้อำนวยการคิมนักชอน (พ่อของดัลลี) ที่ขอยืมเงินของเขาไป มูฮักรับปากกับพ่อว่าเขาจะหาวิธีเอาเงินคืนให้ได้ โดยจะติดต่อกับลูกสาวคนเดียวของคิมนักชอน ด้านดัลลีเองก็ตัดสินใจที่ดำเนินสานต่องานของพ่อต่อไป แม้จะมีอุปสรรคมากมายรอให้แก้ไข

มูฮักยกพวกไปที่หอศิลป์ ดัลลีเดินออกมาและทักทายมูฮักโดยที่เขาไม่รู้ว่าเธอคือลูกสาวของคิมนักชอน

มูฮักจ้างพวกนักเลงสายโหดไปที่หอศิลป์ชองซงเพื่อทวงเงิน 2 พันล้านวอน (ประมาณ 56 ล้านวอน)

ดัลลีเดินมาดูเหตุการณ์ เมื่อเห็นว่าเป็นมูฮักเธอก็ทำหน้ายิ้มแย้มทักทายเขาด้วยความสนิทสนมด้วยความดีใจที่ได้พบกันอีกครั้ง “ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เจอคุณอีกครั้งที่นี่ … บางครั้งโชคชะตาก็เล่นตลกกับเราเกินไปนะคะ เพราะเจอคุณคราวนี้แทบจำคุณไม่ได้เลย”

มูฮักเมื่อได้ยินคำพูดทักทายที่สนิทสนม เขาก็ยังคงวางฟอร์มทำทีเป็นนักเลงสายโหด พร้อมกับตวาดออกไปด้วยคำพูดและท่าทางที่หยาบคาย “ให้ตายสิ ทนไม่ไหวแล้วนะ มาทำเป็นสนิทสนมกันอยู่ได้ เราไปสนิทกันตอนไหนเนี่ย !” ณ จุดนี้ ดัลลีได้แต่ตีหน้าเศร้ารับฟังมูฮัก ที่ตอนนี้ทำทีเป็นคนสมองเลอะเลือน จำช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันที่อัมสเตอร์ดัมไปจนหมดสิ้นแล้ว “สถานะของเราคือ ผมเป็นเจ้าหนี้ ส่วนคุณเป็นลูกหนี้ เข้าใจไหม … ผมให้เงินพวกคุณยืม และตอนนี้ผมต้องการเอาเงินคืน จะขายภาพ ขายอวัยวะ จะขายอะไรก็ตามก็ไปขายให้หมดแล้วเอาเงินสดมาคืน ถ้าคุณไม่คืนผมจะเผาให้วอดทั้งหมดนี่เลย !”

ไม่ต้องเป็นผู้หญิงฉลาดอย่างดัลลีก็ดูออกว่า สิ่งที่มูฮักพูดว่า “จะเผาหอศิลป์แห่งนี้ให้วอด” เป็นเพียงคำขู่ ก่อนที่มูฮักและพรรคพวกจำกลับ ดัลลีจึงมาดักรอมีบริเวณทางเข้า พร้อมกับบอกให้มูฮักและพวกนักเลงรวม 15 คน ไปซื้อบัตรเข้าหอศิลป์ด้วย … แหม่

หลังจากนั้น เลขายอมีรีบอกกับมูฮักถึงประวัติดัลลีที่อาจจะใช้เป็นช่องทางในการทวงหนี้ … CEO ของเซกีกรุ๊ป เป็นอดีตคู่หมั้นของดัลลี แต่ก็เกิดการถอนหมั้นโดยไม่มีใครรู้สาเหตุ แต่ดูเหมือนว่าอดีตคู่หมั้นของดัลลีจะพยายามกลับมารื้อฟื้นความสัมพันธ์กับดัลลี เพราะเขาเป็นคนออกหน้าจ่ายค่าใช้จ่ายทั้งหมดในงานศพของพ่อเธอ

เมื่อข่าวมูฮักและพวกนักเลงมาก่อกวนที่หอศิลป์แพร่กระจายออกไปในโลกออนไลน์ เท่ากับเป็นการซ้ำเติมวิกฤติ ที่หนักอยู่แล้วให้หนักไปกว่าเดิมอีก ตอนนี้ทั้งลูกหนี้ คู่ค้า พันธมิตร ต่างกระหน่ำโทร. เข้ามาจนหัวหมุนกันทั้งออฟฟิศ

มูฮักแม้เขาจะวางฟอร์มทำทีเป็นไม่สนใจดัลลี แต่จริง ๆ แล้วเขาก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ยิ่งเมื่อรู้ว่าข่าวเรื่องที่เขายกพวกไปที่หอศิลป์ ทำให้เธอต้องเจอกับสถานการณ์ที่ยากลำบากกว่าเดิม

มูฮักไปดักรอดัลลีที่หน้าหอศิลป์ในตอนค่ำ ดัลลีที่ใส่รองเท้าส้นสูงเกิดสะดุดล้มลงบนตัวมูฮัก ทั้งคู่สบตากันจนทำให้มูฮักเหมือนตกอยู่ในมนต์สะกดชั่วเวลาหนึ่ง แม้ใครต่อใครก็ดูออกว่าเขาชอบเธอ แต่มูฮักก็ยังคงวางฟอร์มบอกออกไปว่า ที่เขามารอเธอก็เพราะว่ากลัวเธอหนีหนี้ … เมื่อดัลลีจะเดินจากไปปรากฏว่ารองเท้าของเธอหัก มูฮักจึงเดินไปหยิบรองเท้าแตะไฟกะพริบมาให้เธอใส่ … แหม่ วิบวับอาร์จีบีกันเลยทีเดียว 😬

มูฮักขับรถพาดัลลีไปที่ห้างฯ ของจางแทจิน (รับบทโดย ควอนยูล) CEO ของเซกีกรุ๊ป เมื่อไปถึงมูฮักก็ทำเป็นแกล้งเดินตามดัลลีไปทุกที่ เมื่อถูกถามว่าเดินตามมาทำไม มูฮักก็ตอบอย่างหน้าตาเฉยว่า “ห้างที่นี่เหมือนบ้านของผม ผมก็เดินเลือกซื้อของเหมือนกันน่ะสิ” ดัลลีเดินไปที่ร้านแบรนด์เนมชื่อดังเพื่อเลือกซื้อรองเท้าคู่ใหม่ แต่เมื่อถึงขั้นตอนการจ่ายเงินปรากฏว่าบัตรเครดิตของดัลลีถูกระงับการใช้งานทุกใบ จางแทจินที่ตามมาจึงมาจ่ายค่ารองเท้าให้ แต่ดูเหมือนว่าสายตาของดัลลีที่มองไปที่เขานั้นช่างเย็นชาเหลือเกิน จังหวะนั้นเอง ดัลลีจึงเรียกมูฮักให้มาจ่ายเงินให้เธอ และดัลลีก็ควงแขนมูฮัก ทำทีเป็นว่ากำลังมาออกเดตด้วยกัน

ภาพแฟลชแบ็กย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว … ในคืนวันนั้น วันที่ฝนตกอย่างหนัก แทจินบอกเลิกกับดัลลีด้วยคำพูดที่เย็นชา ดัลลีได้แต่ร้องไห้อ้อนวอนขอร้องทุกสิ่งอย่าให้เขาไปอย่างกับเด็ก ๆ แต่แทจินก็เลือกที่จะทิ้งเธอไปอย่างไม่ไยดีเลยแม้แต่นิดเดียว

แต่ปัจจุบันกลับต่างออกไป แทจินบอกกับเลขาส่วนตัวของเขาว่า เขาจะเอาดัลลีกลับคืนมาให้ได้ หลังจากที่เคยทำเธอเจ็บปวดในอดีต

ดัลลีกลับถึงบ้าน บรรยากาศและเรื่องราวต่าง ๆ มันทำให้เธอคิดถึงพ่อจนกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ ในเวลาเดียวกันนั้น ทนายความได้โทร. มาแจ้งข่าวว่า ธนาคารกำลังจะทำการยึดทรัพย์ ดัลลีจึงบอกไปว่าเธอพร้อมจะย้ายออกจากบ้านหลังนี้ทันที

วันต่อมา มูฮักพร้อมด้วยกลุ่มนักเลงมาเยือนที่หอศิลป์อีกครั้ง แต่ครั้งนี้มูฮักให้เลขายอมีรีจัดการ โดยตัวเขาเองจะขอดูอยู่ห่าง ๆ ไม่เข้าไปร่วมด้วยเหมือนครั้งก่อน แต่ทว่าด้วยความเนิร์ดของดัลลี ทำให้เธอคิดพลิกสถานการณ์โดยชวนพวกนักเลงชมภาพวาด เอาล่ะสิ เมื่อกลุ่มนักเลงที่ไม่มีความรู้ทางด้านศิลปะแม้แต่นิดเดียวต้องมาชมภาพแนว abstract จึงงงงวยเป็นการใหญ่ว่าภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้ามันคือภาพอะไร บ้างก็ว่าเป็นคนกินไก่ทอด บ้างก็ว่าเป็นดอกไม้ … เมื่อเหล่านักเลงถามดัลลีว่ามันคือภาพอะไร ดัลลีจึงบอกว่ามันเป็นอย่างที่ทุกคนคิด … แหม่ กลายเป็นงงหนักกว่าเดิมอีก

ระหว่างนั้น เจ้าอีกกลุ่มใหญ่ได้เข้ามาก่อความวุ่นวายขึ้นที่หอศิลป์ พวกเขาพยายามเข้ามาเอาทรัพย์สินต่าง ๆ แทนมูลหนี้ของตัวเอง มูฮักเห็นเช่นนั้นจึงเข้าไปขอดูมูลหนี้ของแต่ละคน ปรากฏว่าเป็นเจ้าหนี้รายจิ๋วทั้งนั้น บางคนก็ 3 แสนวอนบ้าง 1 ล้านวอนบ้าง ด้วยความรำคาญและต้องการช่วยดัลลี เขาจึงประกาศออกไปว่าจะจ่ายเศษหนี้ทั้งหมดนี้ให้เอง เพราะเขาคือผู้อำนวยการคนใหม่ของหอศิลป์แห่งนี้ … แล้วภาพก็แพนกว้างออกไปมุมบน เผยให้เห็นความเท่ของมูฮัก

ทุกคนต่างตกตะลึง เมื่อมูฮักประกาศว่าตัวเองเป็นผู้อำนวยการคนใหม่ของหอศิลป์ชองซง เขายืนกรานกับดัลลีว่า สิ่งที่เขาพูดไม่ได้เป็นเรื่องพูดเล่น เพราะเขาทำเพื่อต้องการเอาเงินของเขาคืน

อย่างไรก็ตาม แม้ดัลลีพยายามจะอธิบายเชิงปรัชญาว่า หอศิลป์ไม่ใช่ธุรกิจที่เป็นแหล่งหาเงิน แต่มูฮักก็สวนกลับด้วยสถานะเจ้าหนี้ ทำเอาดัลลีถึงกับพูดไม่ออก

มูฮักสั่งเลขายอมีรีให้ใช้หนี้ของหอศิลป์ทั้งหมด จากนั้นก็หาข้อมูลเรื่องการสร้างรายได้ให้กับหอศิลป์

เมื่อจินแบควอนรู้ว่าลูกชายของเขาเข้าไปฮุบหอศิลป์ก็ไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่เมื่อนึกถึงมูลค่าที่ดินของหอศิลป์ทำให้จินแบควอนเปลี่ยนใจเป็นเห็นด้วยกับมูฮัก เพราะว่าที่ดินตรงนั้นมีมูลค่ามากกว่าหนี้สองพันล้านวอน

ต่อมา มูฮักพรวดพราดเข้าไประหว่างที่ดัลลีกำลังประชุมเรื่องการจัดนิทรรศการบัสกียา ซึ่งแต่เดิมนั้น แผนการจัดงานจะมีการเชิญศิลปินชื่อดังมาร่วมงานมากมาย นอกจากนั้นยังมีการจัดค่ายศิลปะให้กับเด็ก ๆ จากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ซึ่งจะจัดขึ้นโดยไม่เรียกเก็บเงิน ตรงนี้แหละคือปัญหาที่มูฮักไม่เห็นด้วย เพราะเป็นกิจกรรมที่ไม่ทำรายได้ให้กับหอศิลป์เลยแม้แต่นิดเดียว แม้ว่าดัลลีบอกว่าเธอจะหาเงินจากสปอนเซอร์ก็ตาม

ดัลลียังยืนยันในความคิดของตัวเอง เธอจึงได้ยื่นคำขาดกับมูฮักว่า เธอจะหาเงินทั้งหมดมาคืนเขาให้ได้ภายในสัปดาห์หน้า ถ้าถึงตอนนั้นแล้วเธอยังหาเงินมาคืนเขาไม่ได้ก็จะทำทุกอย่างตามที่เขาต้องการ

เมื่อลงมือทำ ดูเหมือนว่าสิ่งที่คาดกับความเป็นจริงจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ดัลลีหาสปอนเซอร์ไม่ได้แม้แต่เจ้าเดียว สุดท้ายเมื่อไร้หนทาง ดัลลีจึงตัดสินใจไปขอความช่วยเหลือจากแทจิน

ดัลลีนัดพบกับแทจินเพื่อต้องการความช่วยเหลือ แต่เมื่อถึงเวลาจริงเธอกลับไม่กล้าเอ่ยขอ เป็นเพียงแต่กล่าวขอบคุณเรื่องที่เขาให้ความช่วยเหลือด้านค่าใช้จ่ายในงานศพพ่อของเธอเท่านั้น ในขณะที่แทจินได้เผยความรู้สึกของตัวเองออกไปตรง ๆ ว่า เขาพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างเธอ และอยากให้ความสัมพันธ์กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง

เช้าวันต่อมา เป็นวันที่ดัลลีต้องย้ายออกจากบ้าน เธอมีเพียงกระเป๋าใบเดียวและกล่องลูกอมที่พ่อเคยให้ไว้ ณ นาทีนี้ ดัลลีไม่ต่างอะไรกับเจ้าหญิงผู้เย่อหยิ่งที่กำลังออกมาเผชิญโลกกว้างด้วยตัวเอง …

ดัลลีไม่มีที่ไปจริง ๆ แล้ว เธอไปนั่งดื่มอยู่คนเดียว ดื่มไปน้ำตาก็ไหลออกมาโดยที่เธอไม่สามารถสะกดกั้นมันเอาไว้ได้ จังหวะนั้นก็ให้บังเอิญว่ามูฮักมาเจอเธอเข้าพอดี จึงได้เห็นเธอนั่งร้องไห้อยู่คนเดียว แต่ดัลลีก็พยายามเอ่ยกับมูฮักเพื่อให้ตัวเองดูเข้มแข็ง โดยบอกไปว่าการร้องไห้เป็นวิธีการปกป้องดวงตา เป็นการถนอมดวงตาอย่างหนึ่งก็เท่านั้น

มูฮักแนะนำดัลลีให้ขายหอศิลป์ ซึ่งเขามั่นใจว่ามันจะทำเงินให้เธอได้มากพอสำหรับที่เธอจะใช้ชีวิตต่อไปได้อย่างไม่เดือดร้อน แต่ดัลลีก็ยังยืนยันเสียงแข็งที่จะเก็บหอศิลป์ชองซงเอาไว้ เพราะสำหรับเธอแล้วหอศิลป์แห่งนี้เปรียบเสมือนพ่อของเธอ ดังนั้น เธอจะไม่มีวันขายพ่อของเธออย่างเด็ดขาดไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

พูดไปพูดมา ดัลลีก็หยิกแก้มมูฮักและต่อว่าเขาว่าเป็นคนเห็นแก่เงิน “คนไม่ดีไม่มีทางที่จะเห็นคุณค่าของงานศิลปะหรอก” จากนั้นเธอก็ลูบหัวเขา … มูฮักเมื่อโดนลูบหัวเช่นนั้น ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นและอ่อนโยนอย่างบอกไม่ถูก แล้วกล่าวว่าเธอจะสามารถปกป้องหอศิลป์ได้อย่างแน่นอนถ้าเขายื่นมือเข้าไปช่วย

มูฮักไปส่งดัลลีที่โรงแรม แต่เมื่อมูฮักไปแล้วเธอไม่ได้เช็กอินพักที่โรงแรมตามที่บอก นั่นเป็นเพราะเธอต้องประหยัดเงิน ดัลลีจึงตั้งใจจะไปพักที่หอศิลป์แทน โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าตอนนี้มีคนร้ายกำลังอยู่ที่นั่น !

มูฮักไปรับดัลลีที่หอศิลป์เพื่อให้เธอกลับไปนอนที่โรงแรม คนร้ายที่แอบอยู่ในหอศิลป์ก็ได้แต่ยืนมองรถยนต์ของทั้งสองขับออกไปโดยที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

มูฮักไปส่งดัลลีถึงที่ห้องเพื่อให้แน่ใจว่าเธอจะไม่หนีออกไปไหนอีก แต่ก็เข้าอีหรอบเดิม เมื่อมูฮักไปแล้วดัลลีก็ไปขอรีฟันด์เงินคืนจากทางโรงแรม แล้วก็ไปเช่าโมเตลเล็ก ๆ ราคาประหยัดเพื่อเซฟค่าใช้จ่าย

ในคืนนั้นเองขณะที่ดัลลีกำลังนอนหลับอยู่นั้น ผู้ดูแลห้องพักก็แอบไขกุญแจเข้ามาในห้องเพื่อหวังขโมยเงิน ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เธอตื่นขึ้นมาพอดี จึงเกิดการยื้อแย่งเงินกัน แต่ในท้ายที่สุด หญิงสาวบอบบางอย่างดัลลีก็ถูกทำร้ายจนหมดสติไป

วันต่อมา ดัลลีมาทำงานตามปกติโดยใส่แว่นกันแดดเพื่อปกปิดรอยฟกช้ำที่บริเวณดวงตา มูฮักได้เตรียมเสนอแผนฟื้นฟูกิจการของหอศิลป์ แต่แผนดังกล่าวกลับถูกพนักงานปฏิเสธ ส่วนดัลลีเองก็ขอเอาแผนไปทบทวนอีกครั้งก่อนที่จะให้คำตอบ

มูฮักเป็นห่วงเรื่องที่อยู่ของดัลลี เธอจึงบอกว่าตอนนี้เธอไปอาศัยอยู่กับเพื่อนผู้ชายที่ไว้ใจได้ เมื่อได้ยินเช่นนั้นมูฮักก็แสดงความไม่พอใจออกมาทันที … ด้านเลขายอมีรีเห็นเจ้านายตัวเองเล่นใหญ่เบอร์นั้น จึงแซวออกไปว่า “เหมือนอาการของคนกำลังโดนแย่งแฟน” แหม่

อย่างที่บอก แม้ดัลลีจะมีความสามารถทางด้านศิลปะระดับเทพ แต่ความสามารถในด้านการหาเงินของเธอน่าจะเท่ากับศูนย์ เมื่อถึงเวลาต้องจ่ายเงินเดือนพนักงานปัญหาจึงเกิด ดัลลีจึงบอกไปหน้าตาเฉยว่าขอเลื่อนจ่ายเงินเดือนพนักงานไปก่อน … ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีพนักงานคนไหนพอใจ เพราะแต่ละคนก็มีภาระค่าใช้จ่ายส่วนตัวที่ต้องแบกรับมากมายเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม แม้ดัลลีจะหาเงินไม่เก่ง แต่เธอก็มีอดีตคู่หมั้นที่พร้อมจะเข้ามาช่วยเสมอแม้เธอไม่ได้ร้องขอก็ตาม แทจินสั่งให้มีการเปลี่ยนภาพวาดในตึกของเขาทั้งหมด โดยภาพใหม่ต้องมาจากหอศิลป์ชองซงเท่านั้น

วันต่อมา สถานการณ์ของดัลลียิ่งแย่หนักเข้าไปอีก เมื่อมีข่าวในเชิงลบเกี่ยวกับตัวเธอและหอศิลป์แพร่ออกไป แถมยังมีข่าวเรื่องที่เธอถูกปล้นอีกด้วย

เมื่อมูฮักรู้ข่าวก็เข้ามาต่อว่าดัลลีเป็นการใหญ่ เรื่องที่เธอเห็นแก่เงินเพียงเล็กน้อยจนทำให้ตัวเองเสี่ยงอันตราย แต่ดัลลีก็เถียงกลับไปอย่างทันควันว่า “ก็เพราะว่าเงินไม่ใช่เหรอถึงทำให้เรื่องวุ่นวายมาถึงขนาดนี้”

ระหว่างนั้น แทจินที่แวะมาหาดัลลีก็ได้ยินเรื่องที่คนทั้งสองคุยกัน …

หลังจากโดนดัลลีต่อว่าหาว่าเขาเป็นคนเห็นแก่เงิน มูฮักจึงใช้คำพูดอย่างเท่ออกมาว่า เงินมีความสำคัญก็จริง แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือความปลอดภัยของดัลลี

ดัลลีตั้งโต๊ะ แถลงข่าวเพื่อชี้แจงข่าวแง่ลบที่แพร่สะพัดอยู่ในตอนนี้ การแถลงข่าวครั้งนี้ได้รับความช่วยเหลือจากแทจิน เขาให้เธอไปเลือกเสื้อผ้า เครื่องประดับ และเครื่องแต่งกายในห้างฯ เพื่อใส่ในงานแถลงข่าว ทีนี้เมื่อภาพการแถลงข่าวของดัลลีออกไป ก็เกิดกระแสพลิกกลับ เพราะแฟชั่นการแต่งตัวของเธอกลายเป็นที่พูดถึงในโลกออนไลน์ และติดอันดับการค้นหาในทันที

ระหว่างนั้น ดูเหมือนว่าแม่เลี้ยงของมูฮักกำลังวางแผนบางอย่างที่จะฮุบที่ดินแถวหอศิลป์ เพื่อนำมาทำเป็นโปรเจกต์โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่

ด้วยความคิดถึง ขณะที่มูฮักกำลังกินข้าวเย็น (หมายถึงอาหารมื้อเย็น ไม่ใช่กินข้าวที่ไม่ได้อุ่นนะ) อยู่นั้น เขาจึงพิมพ์ข้อความไปถามเธอว่ากินข้าวหรือยัง แต่ไม่รู้ว่าพิมพ์ผิดอีท่าไหน ข้อความที่เขาส่งไปกลับเป็นข้อความสารภาพรักว่า “ฉันชอบเธอ” ซะอย่างนั้น !

ด้วยความกระวนกระวายใจกับข้อความสารภาพรักที่ส่งไป ในคืนนั้นเอง มูฮักจึงเดินทางไปที่หอศิลป์ จากนั้นเขาก็เผลอหลับในห้องทำงานของดัลลีนั่นเอง … เมื่อตะวันรุ่ง ดัลลีมาทำงานและได้เห็นเขานอนขดตัวอยู่ด้วยความหนาว เธอจึงคลุมเสื้อให้เขา จังหวะนั้นเอง มูฮักคว้ามือของเธอไว้แล้วทั้งคู่ก็ได้สบตากัน

เรื่องราวดำเนินไป ดัลลีเริ่มเปิดใจให้กับมูฮักมากขึ้นเป็นลำดับ เธอบอกกับเขาไปตรง ๆ ว่า เธอสบายใจทุกครั้งที่มีเขาอยู่เคียงข้าง และคอยให้กำลังใจเธอในยามที่เธอรู้สึกแย่ ที่สำคัญเขายังเป็นคนเดียวที่อยากช่วยเธอเก็บหอศิลป์แห่งนี้ไว้ เมื่อได้ฟังเช่นนั้น ทำเอามูฮักยิ้มไม่หุบกันเลยทีเดียว

ในตอนท้าย มูฮักขับรถไปส่งดัลลีที่สถานีตำรวจ เพราะเธอได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ว่าสามารถจับตัวผู้ต้องสงสัยที่ทำร้ายเธอได้แล้ว เมื่อไปถึง มูฮักก็เข้าไปกระโดดถีบและชกหน้าคนร้ายด้วยความเดือดดาล ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ดัลลีก็เข้าไปห้ามเขาโดยโอบกอดมูฮักจากด้านหลัง

มูฮักโกรธจัด พุ่งเข้าไปจะทำร้ายผู้ต้องหาที่ทำร้ายและชิงทรัพย์ดัลลี แต่ก่อนที่เขาจะลงมือ ดัลลีก็โผเข้าไปกอดมูฮักจากทางด้านหลัง แต่ทันใดนั้นเอง ดัลลีกลับลงมือทำร้ายผู้ต้องหาใจโฉดคนนั้นด้วยตัวเอง เมื่อเธอได้รู้ว่า คนร้ายเอาเงินที่ชิงทรัพย์จากเธอไปเล่นการพนันจนหมดตัวแล้ว

ณ ที่สถานีตำรวจแห่งนั้นเอง มูฮักได้เจอวอลทัก และเพิ่งรู้ว่าเขาเป็นตำรวจ ซึ่งแท้จริงแล้ว วอลทักเช่นบ้านของมูฮักอยู่ เมื่อรู้เช่นนั้นดัลลีจึงแอบกระซิบบอกวอลทักว่าเธออาศัยอยู่กับเขา … แล้วความหงุดหงิดหัวใจที่เกิดจากความหึงก็บังเกิดขึ้นกับมูฮัก เมื่อเห็นดัลลีกับวอลทักสนิทสนมกันเป็นพิเศษ

เรื่องราวดำเนินไปจนเข้าใกล้ถึงวันจัดนิทรรศการของหอศิลป์ แต่ปัญหาก็เกิดขึ้นเมื่อแขกวีไอพีจำนวนมากยังไม่ตอบรับที่จะมาร่วมงาน รวมทั้งจิตรกรฮงซึ่งถือเป็นแขกคนสำคัญ อันเกิดจากความเข้าใจผิดของมูฮักที่เข้าใจว่างานศิลปะของเธอเป็นขยะ

เมื่อเป็นเช่นนั้น มูฮักจึงไปคุกเข่าขอโทษต่อหน้าจิตรกรฮง ที่ทำภาพของเธอเสียหายและดูถูกว่า ภาพนั้นเป็นเพียงขยะ … หลังจากนั้นจิตรกรฮงจึงส่งผลงานที่ชื่อว่า “คนเป็นและคนตาย” ไปที่หอศิลป์

เลขายอมีรีแจ้งกับมูฮักว่าแทจินต้องการนัดเจอ เธอบอกกับมูฮักว่า แทจินน่าจะคุยเรื่องการชดใช้หนี้แทนดัลลีจำนวนสองพันล้านวอน เพราะสำหรับแทจินแห่งเซกีกรุ๊ปแล้ว เงินจำนวนนี้เป็นเพียงแค่เศษเงินเท่านั้น แต่มูฮักปฏิเสธการนัดพบโดยแจ้งไปว่าไม่ว่าง

เมื่อวันเปิดงานนิทรรศการมาถึง บรรยากาศของงานช่างโหวงเหวงเหลือเกิน เพราะมีแขกมาร่วมงานเพียงไม่กี่คนเท่านั้น แต่แทจินก็สร้างเซอร์ไพรส์ เมื่อเขาเดินทางมางานพร้อมด้วยแขกวีไอพีจำนวนมาก ไม่เท่านั้นยังมีนักข่าวตามมาอีกกลุ่มใหญ่

แทจินพาดัลลีไปแนะนำให้รู้จักกับแขกวีไอพีที่มาร่วมงาน และดูเหมือนว่าแทจินจะปูทางให้ดัลลีด้วยคอนเน็กชันของเขา

แทจินเดินมาหามูฮักเพื่อคุยเป็นการส่วนตัว และบอกว่าเขาจะเป็นคนใช้หนี้แทนดัลลีทั้งหมด เพราะทนไม่ได้ที่เห็นมูฮักเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตของดัลลี แต่มูฮักโต้กลับไปว่า ดัลลีไม่เคยคิดว่าเขาเข้าไปวุ่นวายในชีวิตเธอ แถมยังบอกด้วยว่า การที่แทจินใช้เงินแบบนี้เป็นเหมือนการมัดมือชก และเป็นการมองข้ามความสามารถของดัลลี

ระหว่างงานนั้น จิตรกรฮงให้มูฮักเป็นนายแบบในผลงานศิลปะของเธอ โดยมูฮักต้องนอนอยู่ในโลงศพที่เตรียมเอาไว้ แต่เมื่อนอนไปนอนมา มูฮักจึงเผลอหลับไปในโลงนั้น

งานนิทรรศการผ่านไปด้วยดี ทุกคนกลับไปจนหมดแล้ว แต่มีอยู่คนหนึ่งที่ยังไม่กลับ นั่นก็คือ มูฮักที่ตอนนี้ยังนอนหลับอยู่ในโลงศพ ดัลลีไปปลุกเขาแล้วก็อดขำไม่ได้ เพราะคิดไม่ถึงว่ามูฮักนอนขี้เซาได้ขนาดนี้

มูฮักจึงเล่าเรื่องแม่ที่เสียชีวิตไปแล้วให้ดัลลีฟัง เมื่อได้ฟังดัลลีก็ได้แต่ปลอบใจว่า เขาจะต้องเป็นที่ภูมิใจของแม่อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ด้วยความคิดถึงแม่อย่างจับใจทำให้เขาร้องไห้ออกมา ในขณะที่ดัลลีจับมือของเขาเพื่อให้กำลังใจ ก่อนที่เธอจะโน้มตัวไปจูบมูฮักด้วยความรัก

หลังจากมีโมเมนต์อันหวานซึ้งต่อกัน มูฮักก็อ้างว่าตัวเองเมาจึงขอร้องให้ดัลลีขับรถของเขาไปส่งเขาที่บ้าน แหม่ … เมื่อไปถึงบ้าน มูฮักก็ได้แต่คิดถึงเฟิร์สคิสที่เขามีกับดัลลี

งานนิทรรศการในวันต่อมามีผู้เข้าชมงานเป็นจำนวนมาก พนักงานของหอศิลป์ต่างชื่นชมในความสามารถของดัลลีกันใหญ่ ที่สามารถทำให้งานนิทรรศการครั้งนี้ประสบความสำเร็จเกินคาด ทั้งที่จริง ๆ แล้ว ความสำเร็จที่เกิดขึ้นมาจากความช่วยเหลือของแทจิน

ในวันเดียวกันนั้นเอง มีการประชุมกันที่หอศิลป์ มูฮักเอาแต่พูดเรื่องจูบที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่หยุด มันเป็นเพราะเขาตราตรึงกับรอยจูบนั้นมาก แต่ในทางตรงกันข้ามมันทำให้ดัลลีรู้สึกอึดอัด ทำให้ดัลลีเอ่ยปากกับมูฮักไปตรง ๆ ว่า รอยจูบที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนั้นเป็นรอยจูบที่เกิดจากความผิดพลาด ไม่ได้เกิดจากความตั้งใจ แต่มูฮักก็ยืนยันว่ามันเป็นความตั้งใจ

ค่ำวันนั้น แทจินมารอดัลลี เขาแนะนำให้เธอเข้าสมาคมกับเขาเพื่อจะได้มีคอนเน็กชันใหม่ ๆ เพื่อใช้เป็นประโยชน์ในการบริหารหอศิลป์ จากนั้นเขาก็พาเธอไปที่เพนต์เฮ้าส์สุดหรู ซึ่งเป็นสถานที่ที่เขาตั้งใจจะใช้เป็นเรือนหอหลังแต่งงาน แล้วเขาก็เอาขอฟื้นความสัมพันธ์กับดัลลีอีกครั้ง หากทว่า บาดแผลในใจที่เกิดขึ้นเมื่อ 5 ปีก่อนมันฝังลึกเกินกว่าที่ดัลลีจะลบมันไปได้โดยงาน และเธอก็คิดว่าถ้ากลับมาคบกันอีก ปัญหาเดิมมันจะวนลูปกลับมาอีกครั้ง

ระหว่างนั้นเอง แผนการยึดหอศิลป์ของจินกีชอลก็ดำเนินต่อไปอย่างเป็นลำดับ ที่ดินแถวหอศิลป์ถูกกว้านซื้อไปเป็นจำนวนมากแล้ว เมื่อมูฮักได้รู้ความเคลื่อนไหวนี้จากเลขายอมีรี ทำให้เขาเริ่มคิดอะไรบางอย่างขึ้น

ดัลลีหัวร้อนขึ้นมาทันทีเมื่อได้รู้ว่า มูฮักใช้เงินซื้อความสำเร็จโดยการจ้างบริษัทโปรโมตงานนิทรรศการ จ้างไอดอล ยูทูบเบอร์ อินฟลูเอนเซอร์ และเอเวอรี่ติงที่เงินสามารถซื้อเพื่อดึงคนเข้ามาร่วมงานได้ … ดัลลีมองว่าการใช้เงินซื้อความสำเร็จของมูฮักที่ทำอยู่นี้เป็นการดูถูกความสามารถของเธออย่างน่าละอาย แม้ว่ามูฮักจะให้เหตุผลว่าสิ่งที่เขาทำไปทั้งหมดนั้นเป็นไปเพื่อสิ่งเดียว นั่นก็คือทำให้ดัลลีกลับมามีรอยยิ้มเหมือนที่เขาเคยเห็นตอนอยู่ที่อัมสเตอร์ดัม

มูฮักมาที่ห้องเช่าของวอลทักแล้วเห็นประตูห้องเปิดอยู่ เขาจึงเดินเข้าไป แต่คนที่เขาเจอกลับเป็นดัลลี …

“ตกใจหมดเลย อย่าเดินเข้าบ้านคนอื่นเงียบ ๆ แบบนี้สิคะ”
“ขอโทษครับ ผมเห็นประตูบ้านเปิดอยู่ ว่าแต่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมบ้านถึงถูกรื้อจนเละแบบนี้ ?”
“โจรมันกลับมาค่ะ”

เมื่อเห็นดัลลีเสียขวัญแบบนั้น มูฮักจึงเข้าสวมกอดดัลลี พร้อมกับปลอบว่า “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรแล้วนะ” หลังจากตำรวจมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ มูฮักจึงให้ดัลลีไปพักที่บ้านเขาก่อนชั่วคราว แต่ดัลลีก็ยังดื้อตามสไตล์จนมูฮักต้องตวาดเพื่อให้เธอรู้ตัว “จะอยู่คนเดียวในบ้านที่ประตูพังแบบนี้ได้ยังไง อย่านึกอะไรง่าย ๆ เลิกดื้อแล้วตามผมมา”

มูฮักทำอาหารง่าย ๆ กินกับดัลลี แต่เมนูง่าย ๆ ของเขาก็จัดกับข้าวจนเต็มโต๊ะ หลังทานเสร็จดัลลีจึงอาสาล้างจานให้ แต่ด้วยความที่ในชีวิตเกิดมาไม่เคยล้างจานด้วยตัวเองเลยแม้แต่ครั้งเดียว ฟองจากน้ำยาล้างจานจึงท่วมซิ้งน้ำ จนฟองลอยฟ่องไปทั่วบ้าน …

“คุณเคยล้างจานมาก่อนหรือเปล่า ?”
“แน่นอนค่ะ ง่ายมาก แค่ใส่น้ำยาลงไปแล้วก็ใช้ฟองน้ำขัด”

มูฮักจะเข้าไปช่วยจัดการให้ จังหวะเดียวกันนั้นดัลลีกำลังเปิดก๊อกน้ำพอดี ทำให้ฟองกระจายไปเปรอะตัวและหน้ามูฮัก ด้วยความหวังดี ดัลลีจึงพยายามใช้มือของตัวเองไปปัดฟองบนหน้าของมูฮัก แต่ดูเหมือนมันจะเป็นการทำให้เลอะมากกว่าเดิมเสียมากกว่าทำให้สะอาด แล้วโมเมนต์ที่ทั้งสองสบตากันอย่างใกล้ชิดก็เกิดขึ้น มูฮักกำลังโน้มตัวลงไปจูบดัลลี แต่ยังไม่ทันที่มันจะเริ่ม โทรศัพท์ของดัลลีก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะเสียก่อน

คืนนั้น ดัลลีฝันร้ายจนปลุกมูฮักจนตื่นขึ้นมากลางดึก มูฮักจึงชงชาให้ดัลลีดื่มเพื่อผ่อนคลายก่อนที่ทั้งสองจะนั่งคุยกัน …

“ขอโทษเรื่องเมื่อวันก่อนด้วยนะคะ แต่ฉันคงรับความรู้สึกนั้นไม่ได้”
“เป็นเพราะผมไม่มีความรู้ หรือเพราะผมเป็นคนหน้าเงิน ?”
“คุณเป็นคนฉลาด และช่วยฉันที่หอศิลป์ คุณไม่ใช่คนหน้าเงินหรอกค่ะ”
“หรือเป็นเพราะจางแทจิน ?”

ดัลลีจิบชาก่อนที่จะเอ่ยวาจาด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา “ฉันคงปฏิเสธไม่ได้ ฉันไม่รู้ว่าคุณรู้เรื่องนี้มากแค่ไหน แต่มันทำให้ฉันกลัวที่จะรักอีกครั้ง ฉันคงไม่เสี่ยงให้ตัวเองเป็นแบบนั้อีกแล้ว ความผิดหวังในครั้งนั้นมันทำให้ฉันรู้สึกตัวเองอ่อนแอ”

“จริง ๆ แล้วผมไม่สนใจมุมมองความรักอะไรแบบนั้น แต่อย่างน้อยตอนนี้คุณก็ไม่มีใคร และคุณก็ไม่ได้เกลียดผม เพราะงั้น ผมพร้อมที่จะเสี่ยงเพื่อที่จะได้ความรักตอบ แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกนะ คุณกำลังเจ็บอยู่ ผมไม่เร่งรีบคนที่กำลังเจ็บอยู่หรอก … คุณนอนต่อเถอะ” มูฮักกลับไปนอนบนโซฟาพร้อมกับบ่นพึมพำ ความรัก ความเสี่ยง จนผล็อยหลับไป

ดัลลีมาทำงานที่หอศิลป์ เธอได้กลื่นน้ำหอมของนาคงจูเป็นกลื่นชนิดเดียวกับกลื่นน้ำหอมของโจรเมื่อคืน อีกทั้งต่างหูที่โจรทำหล่นเอาไว้ก็เป็นแบบเดียวกับของนาคงจู … แต่สิ่งที่ดัลลียังคิดไม่ตกคือ โจรมันต้องการค้นหาอะไรกันแน่ ?

อันชักฮีนัดเจอมูฮักแบบกะทันหัน ตอนนี้เองที่มูฮักสารภาพความจริงออกไปว่าเขามีคนที่ชอบอยู่แล้ว ทำเอาอันชักฮีร้องไห้ออกมาไม่หยุด จนมูฮักต้องเข้าไปสวมกอดเพื่อปลอบใจ

แล้วจังหวะนรกก็เกิดขึ้น เมื่อดัลลีเดินมาเห็นมูฮักกอดอยู่กับอันชักฮี เท่านั้นแหละดัลลีก็ถึงกับตกอยู่ในสภาวะเหม่อลอย เดินข้ามถนนจนเกือบโดนรถชน

ดัลลีโทร. ไปหาจางแทจินเพื่อนัดคุยเรื่องงานที่หอศิลป์ แต่ที่น่าตลกก็คือ จางแทจินกับเลือกพาดัลลีไปร้านอาหารทนดนคัมจาทัง ซึ่งเป็นร้านอาหารของครอบครัวมูฮัก

ในเวลาเดียวกันนั้นเองมูฮักก็มาดูแลกิจการที่ร้านตามปรกติ เมื่อเขารู้ว่าดัลลีกับจางแทจินกำลังทานอาหารกันอยู่ที่ห้องวีไอพี เขาจึงสวมบทเป็นพนักงานเสิร์ฟ กขค “ข้าวผัดที่สั่งเอาไว้ได้แล้วครับ”

***ไม่จบ***

Photos: KBS2 Korea