The King’s Affection (2021) : เมื่อองค์ชายตัวจริงถูกลอบสังหาร องค์หญิงฝาแฝดจึงต้องสวมรอยสืบราชบัลลังก์ต่อไป ขณะเดียวกันก็ต้องปกปิดตัวตนแท้จริงที่เป็นสตรี และความรักที่มีต่อชายคนหนึ่งไม่ให้ใครล่วงรู้ …
EP.1 ฝาแฝดต้องห้าม
EP.2 องค์รัชทายาทผิวหิมะ
EP.3 ความรู้สึกแปลก ๆ ที่เรียกว่ารักแรก
EP.4 ท่านอาจารย์คนใหม่
EP.5 ความเชื่อใจและความโดดเดี่ยว
EP.6 เนรเทศไปยังพื้นที่ห่างไกล
EP.7 มารยาทอันสามานย์
EP.8 คำขอโทษ
EP.9 ความรู้สึกที่เรียกว่าความรัก
EP.10 ความสัมพันธ์ที่เป็นไปไม่ได้
EP.11 คำสารภาพ
EP.12 นี่คือความลับ
EP.13 ความฝันที่มีร่วมกัน
EP.14 ความรู้สึกที่ไม่อาจเปิดเผย
EP.15 แบกรับด้วยหัวใจ
EP.16 พิสูจน์ความเป็นชาย
EP.17 ต้นเหตุที่เกิดจากข่าวลือ
EP.18 ยามเมื่อรักแรกพัดหวน
EP.19 ขั้นแตกหัก
EP.20 ตอนจบ
คะแนน 5/10 เรตติ้งเฉลี่ย 8.0
สนุกไหม ? เป็นซีรีส์เกาหลีสไตล์ของช่อง KBS2 ที่ดูได้เพลิน ๆ ชิล ๆ มีแพตเทิร์นของละครหลังข่าวอย่างแท้จริง
EP.1 ฝาแฝดต้องห้าม
ณ ช่วงเวลาหนึ่งในสมัยโชซอน มีพระราชาพระองค์หนึ่งทรงตรัสด้วยเสียงอันดุดันว่า “ฝาแฝดในราชวงศ์เป็นเรื่องที่ต้องห้ามโดยเด็ดขาด ใครจะยอมรับองค์ชายที่เกิดในรกเดียวกับเด็กหญิง”
เมื่อพระราชาทรงตรัสเช่นนั้น ทำให้องค์รัชทายาทฮเยจองไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากปฏิบัติตาม เมื่อลูกแฝดของพระองค์เป็นแฝดชายหญิง อย่างไรก็ตาม ด้วยความเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดนั้น พยายามร้องขอหาหนทางให้ทารกน้อยเพศหญิงมีชีวิตอยู่รอดต่อไป ไม่ต้องถูกเผาไฟตามความประสงค์ของพระราชา
แผนการได้เริ่มต้นขึ้น … ทารกเพศหญิงที่ควรกำเนิดมาเป็นองค์หญิงถูกฝังเข็มเพื่อทำให้หยุดหายใจไปชั่วขณะ เมื่อทุกคนเข้าใจว่าทารกน้อยได้สิ้นลมหายใจไปแล้ว ผู้เป็นมารดาก็สั่งให้คนเอาทารกน้อยไปทิ้งให้ใช้ชีวิตอยู่นอกวังหลวง
เรื่องราวดำเนินผ่านไปสิบกว่าปี …
สาวน้อยวัยแรกแย้มนางหนึ่งนามว่า ดัมอี ที่อาศัยอยู่ที่วัดกับนักบวชมาตั้งแต่เกิด จำต้องมาเป็นนางกำนัลภายในวังหลวง หลังนักบวชที่เลี้ยงดูนางได้เสียชีวิตไป
หลังทำงานรับใช้อยู่ในวังหลวงได้ไม่นานนัก วันหนึ่งองค์ชายอีฮวีได้เจอกับดัมอี พระองค์ตกตะลึงเป็นอย่างมากที่นางกำนัลนางนี้หน้าตาเหมือนพระองค์อย่างกับแกะ เมื่อเห็นเป็นเช่นนั้น องค์ชายจึงขอให้นางสับเปลี่ยนตัวกับพระองค์ จากนั้นทั้งสองก็ทำการเปลี่ยนชุดกัน แล้วก็องค์ชายที่อยู่ในชุดนางกำนัลก็แอบไปหาท่านอาจารย์ที่ถูกควบคุมตัวอยู่
ทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยดีโดยที่ไม่มีใครจับได้ … แต่นางกำนัลที่หน้าตาเหมือนองค์ชายมีหรือที่จะไม่ถูกจับได้ ท่านเสนาบดีซังฮอน ผู้มีศักดิ์เป็นตาของดัมอีเกิดรู้ความจริงขึ้นมา จึงสั่งให้มือสังหารไปจัดการกับดัมอี ก่อนที่เรื่องนี้จะไปถึงหูพระราชา
มือสังหารตามนางกำนัลดัมอีไปเพื่อหมายสังหารตามคำสั่งของท่านเสนาบดี โดยที่ไม่รู้เลยว่า แท้จริงแล้วผู้ที่มันสังหารไปคือองค์ชายอีฮวี มันง้างคันธนูเล็งเป้าอย่างแม่นยำ องค์ชายจบชีวิตลงทันที
อย่างไรก็ตาม ความผิดพลาดนี้มิอาจให้แพร่งพรายออกไป ดัมอีในตอนนี้จึงต้องกลายมาเป็นองค์ชายอีฮวีต่อไป
EP.2 องค์รัชทายาทผิวหิมะ
เมื่อพระโอรสตัวจริงถูกลอบสังหารโดยจองซอกโฮ ผู้ตรวจการแห่งสำนักตรวจการ ตามคำสั่งของท่านเสนาบดีซังฮอน เพราะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นดัมอี ทำให้พระชายาต้องแก้ปัญหาโดยการให้ดัมอีสวมรอยเป็นพระโอรสต่อไป …
“นับแต่นี้ เจ้าคือพระโอรส ห้ามเอ่ยปากบอกความจริงเรื่องนี้ให้ใครรู้เป็นเด็ดขาด เจ้าต้องเก็บความลับนี้ไปจนวันตาย … หากเจ้าไม่ทำ ทุกคนที่อยู่ตรงนี้จะต้องตายทั้งหมด รวมถึงเจ้าแลัวก็ข้าด้วย” พระชายาเอ่ยปากกับดัมอีด้วยน้ำเสียงจริงจัง
แต่ทว่า ดัมอีก็ยังคงเป็นเพียงเด็กสาว ในคืนนั้น ดัมอีวิ่งออกจากตำหนักไป นางไม่ต้องการเป็นพระโอรส นางไม่ต้องการแบกรับสิ่งที่หนักอึ้งนี้ แต่แล้วดัมอีก็เปลี่ยนใจเมื่อได้เห็นศพของพระโอรสกำลังถูกพระชายาขนออกไปจากวังหลวง
ระหว่างนั้น จองจีอุน ได้แต่เฝ้ารอดัมอีตามที่ได้นัดหมายกันไว้ แต่ไม่ว่ารอนานแค่ไหนนางก็ไม่มา ต่อมาเขาจึงได้รู้จากเพื่อนนางกำนัลของนางว่า ดัมอีได้ออกจากวังหลวงไปแล้ว ทำให้เขารู้สึกผิดหวังยิ่งนัก
ดัมอีตอนนี้สวมรอยกลายเป็นพระโอรสโดยสมบูรณ์แล้ว พระชายาสั่งสอนกิจวัตรต่าง ๆ ของพระโอรส “จากนี้ไป ซังกุงคิมและขันทีฮงจะทำหน้าที่ดูแลเจ้า … กิจวัตรของเจ้าไม่มีอะไรมาก เมื่อตื่นเช้ามา ฝ่ายห้องสรงน้ำจะนำน้ำมาล้างหน้าให้เจ้า เข้ามาปรนนิบัติเจ้า เจ้าไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น จากนั้นในทุกเช้าเจ้าจะต้องไปยังตำหนักของพระราชาและราชินี เพื่อไต่ถามสารทุกข์สุกดิบ จากนั้นก็มาที่ตำหนักดงกุงจอน (ตำหนักประจำตำแหน่งขององค์รัชทายาท) เพื่อมาทำเช่นเดิมต่อหน้าองค์รัชทายาทและพระชายา นั่นก็คือข้า”
วันหนึ่ง นางในเอายาบำรุงมาให้พระโอรสดื่ม แต่พระองค์เกิดทำถ้วยร่วงหล่นตกแตกบนพื้น นางในคนนั้นได้แต่ร้องกล่าวขอโทษพร้อมทั้งกล่าวสำนึกผิดออกมาไม่หยุด นางเก็บถ้วยที่แตกจนบาดมือเลือดไหล พระโอรสจึงตกใจรีบเข้าไปช่วยนาง พร้อมกับกล่าวขอโทษนางในที่พระองค์เป็นต้นเหตุทำให้นางบาดเจ็บ พร้อมทั้งพยายามเก็บกวาดถ้วยนั้นด้วยพระองค์เอง
ทันใดนั้นเอง พระชายาก็เข้ามาแล้วสั่งให้ทุกคนออกจากห้องไป ก่อนจะสั่งสอนดัมอีถึงสิ่งที่พระโอรสควรจะทำ …
“ต่อให้นางถูกถ้วยบาดจนนิ้วขาดเจ้าก็อย่าได้ใส่ใจ” พระชายาสั่งสอนดัมอี
“แต่นางบาดเจ็บเพราะหม่อมฉันทำถ้วยตก มันเป็นความผิดของหม่อมฉัน”
“ไม่ มันเป็นความผิดของนาง ฉะนั้น จงอย่าขอโทษเป็นเด็ดขาด เจ้าไม่จำเป็นแม้แต่นิดเดียวที่จะห่วงใยผู้อื่น เจ้าไม่ต้องสนใจว่าใครจะคิดอย่างไรกับเจ้า พระโอรสควรเป็นแบบนั้น เจ้าไม่จำเป็นต้องก้มหัวให้ใครหรือเกรงใจใครทั้งนั้น คนที่เจ้าจะก้มหัวให้มีเพียงแค่พระราชากับองค์รัชทายาทเท่านั้น เข้าใจหรือไม่”
แต่ดูเหมือนว่าดัมอีจะยังไม่เข้าใจอยู่ดี นางจึงพยายามอธิบายความ “หม่อมฉันไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำเช่นนั้น หม่อมฉันทำผิดก็ควรขอโทษ นั่นจึงเป็นสิ่งที่เหมาะสม แม้ในฐานะพระโอรสก็ตาม” พระชายาจึงต้องอธิบายเพิ่มเติมให้เด็กน้อยดัมอีเข้าใจ “คนพวกนั้นจะต้องเกรงกลัวเจ้า เจ้าจะต้องทำให้ตัวเองน่าเกรงขาม เจ้าต้องทำตัวให้เป็นเช่นนั้น ฉะนั้น จงอย่าให้ใครเข้าใกล้เจ้าเป็นเด็ดขาด ถ้าเจ้าอยากมีชีวิตรอด”
ในวันคล้ายวันประสูติของพระโอรส จองจีอุน บุตรชายของจองซอกโจ ผู้ตรวจการแห่งสำนักตรวจการขอเข้าเฝ้าพระโอรสเพื่อแสดงความยินดี “ข้าได้ยินเรื่องของพระโอรสจากเด็กหญิงคนหนึ่ง คำกล่าวของนางทำให้กระหม่อมอยากเข้าเฝ้าพระองค์สักครั้ง เด็กหญิงคนนั้นเล่าว่าพระโอรสทรงเป็นผู้มีเมตตาต่อราษฎร …”
เด็กหนุ่มจองจีอุนกำลังจะออกไป เสียงจากพระโอรสก็เอ่ยออกมา “เด็กคนนั้นที่เจ้าพูดถึงชื่อดัมอีใช่หรือไม่ ?”
“พระองค์รู้จักเด็กคนนั้นด้วยหรือ ?”
“นางฝากข้ามาบอกเจ้าว่า เจ้าจงเก็บสิ่งนี้ไว้ มันจะเป็นที่พึ่งทางใจให้เจ้ายามยาก เหมือนกับที่มันเคยเป็นที่พึ่งทางใจให้กับนางเช่นกัน”
“พระองค์ทรงทราบหรือไม่ว่านางอยู่ที่ไหน ?”
“ข้าไม่รู้” ดัมอีในฐานะพระโอรสพยายามกลั้นเสียงสะอื้น อันเกิดจากน้ำตาที่หลั่งไหลออกมา
สิ่งที่ดัมอีได้มอบให้กับจองจีอุน มันคือของเล่นของเด็กสามัญชนชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “ลูกเต๋าทำนายชะตา” ในแต่ละด้านของลูกเต๋าที่ทำจากไม้จะมีการแกะสลักคำต่าง ๆ เอาไว้เช่น ใช่ ไม่ใช่ รอ ไม่ต้องรอ เป็นต้น
ไม่นานหลังจากนั้น พระชายาก็จากไปด้วยโรคร้ายชนิดหนึ่ง ก่อนลาจากโลกนี้ไปพระชายาได้พูดกับดัมอีเป็นการส่วนตัว “เจ้าโชคร้ายเหลือเกินที่เกิดมามีแม่อย่างข้า แม้เจ้าจะต้องมีชีวิตอยู่กับความเจ็บปวดต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แต่ข้าก็เชื่อว่าเจ้าจะสามารถฝ่าฟันทุกอย่างไปได้”
เวลาล่วงผ่านไปนานหลายปี …
ดัมอีโตเป็นสาวแล้ว จากที่เคยเป็นพระโอรส บัดนี้ได้ขึ้นเป็นองค์รัชทายาท องค์รัชทายาทที่งามสง่า มีผิวละเอียดเนียนนวลไม่ต่างไปจากผิวของอิสตรีเลยแม้แต่นิดเดียว จึงทำให้พระองค์ถูกค่อนขอดไม่น้อยว่า พระองค์เป็นองค์รัชทายาทที่หาได้ซึ่งความเป็นชายชาตรีไม่ แต่ทว่า คำสั่งสอนของท่านแม่ก่อนที่ท่านจะจากไป ได้ทำให้พระองค์มีบุคลิกซึ่งความแข็งกร้าวและเย่อหยิ่งยิ่งนัก ท่าทางที่แสดงออกไปภายนอกแสดงออกเพื่อให้ผู้อื่นยำเกรง
“คนพวกนั้นจะต้องเกรงกลัวเจ้า เจ้าจะต้องทำให้ตัวเองน่าเกรงขาม เจ้าต้องทำตัวให้เป็นเช่นนั้น ฉะนั้น จงอย่าให้ใครเข้าใกล้เจ้าเป็นเด็ดขาด ถ้าเจ้าอยากมีชีวิตรอด” คำนี้ ดัมอีจำมันได้เป็นอย่างดีกระทั่งวันนี้
วันนี้เป็นวันที่องค์รัชทายาทต้องออกไปล่าสัตว์ ระหว่างที่ล่าสัตว์อยู่นั้น เกิดเหตุการณ์ที่พระองค์ต้องไปแอบที่ริมบึง เปลี่ยนเครื่องแต่งกายบางอย่างเพื่อปกปิดความเป็นหญิง ในขณะเดียวกันนั้นเอง จองจีอุน ที่เข้ามาหาสมุนไพรในป่า เกิดมาเห็นดัมอีอยู่ในสภาพกึ่งเปลือยอยู่ที่ริมบึง เขาจึงจับจ้องมองอยู่อย่างนั้นเป็นเวลาครู่ใหญ่
และเมื่อดัมอีรู้ว่ามีคนแอบมอง ฤทธิ์มีดสั้นจึงออกจากมือพุ่งทะยานด้วยความเร็วสูงไปปักเข้าที่ต้นไม้ ห่างไปจากหัวของจองจีอุนไปเพียงแค่เส้นยาแดงผ่าแปด … จองจีอุนได้แต่ตกตะลึงนิ่งอึ้งไม่ไหวติงอยู่อย่างนั้น
EP.3 ความรู้สึกแปลก ๆ ที่เรียกว่ารักแรก
จีอุนมาแอบมององค์รัชทายาทอีฮวีเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเพื่อปกปิดความเป็นหญิง เขาพยายามเรียกให้พระองค์ซึ่งเขาเข้าใจว่า เป็นหญิงนางกำนัลที่กำลังหนีออกจากวังหลวงให้หนีไปกับเขา เพราะบริเวณนั้นเป็นเขตล่าสัตว์ขององค์ราชาและองค์รัชทายาท
ระหว่างนั้นเอง ทั้งสองได้ถูกทหารไล่ตามเพราะเข้าไปในเขตหวงห้าม เมื่อหนีจนมาสุดทางที่หน้าผา องค์รัชทายาทอีฮวีจึงตัดสินใจดึงมือจีอุนกระโดดหน้าผาลงน้ำไป เพื่อหนีการไล่ล่าของทหาร
องค์รัชทายาทขึ้นมาจากน้ำได้อย่างปลอดภัย และพระองค์ก็ช่วยนำร่างที่หมดสติของจีอุนขึ้นมาจากน้ำ จากนั้นพระองค์ก็กลับมายืนอยู่ใกล้ ๆ ค่ายทหาร จังหวะนั้นเองมือสังหารสไนเปอร์ที่หลบอยู่ในพุ่มไม้ ง้างคันธนูในมือเล็งไปที่องค์รัชทายาทจากระยะไกล ลูกธนูที่กำลังพุ่งแหวกอากาศกำลังตรงมาที่ร่างของรัชทายาทจากทางด้านหลัง แต่ก่อนที่มันจะพุ่งเข้าสู่ร่างขององค์รัชทายาท ทันใดนั้นเอง อีฮยอนได้มาผลักร่างองค์รัชทายาทให้รอดพ้นจากลูกธนูนั้น
ต่อมามือลอบสังหารผู้นั้นได้ถูกฆ่าตัดตอนไป อย่างไรก็ตาม องค์รัชทายาทอีฮวีมั่นใจว่าผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังคือองค์ราชินี เพราะเป็นที่รู้กันว่าองค์ราชินีต้องการให้องค์ชายเจฮยอนขึ้นเป็นองค์รัชทายาทแทน
ในคืนนั้น จีอุนเข้าในวังหลวง เมื่อองค์รัชทายาทได้เห็นจีอุนเข้ามาในวังหลวง พระองค์ก็นึกถึงคำของท่านแม่ที่ให้สังหารทุกคนที่รู้ความลับที่พระองค์เป็นหญิง องค์รัชทายาทคว้าคันธนูเล็งไปที่จีอุนหมายสังหารเพื่อปิดปากเสีย แต่สุดท้ายก่อนจะปล่อยลูกธนูออกไปพระองค์เกิดลังเล จึงทำให้ลูกธนูนั้นเฉี่ยวแก้มของจีอุนจนเกิดบาดแผล แต่มันก็ทำให้เขารอดตายได้อย่างหวุดหวิด
อย่างไรก็ตาม องค์รัชทายาทอีฮวีทรงรู้สึกแปลกประหลาดเมื่อได้ใกล้ชิดกับจีอุน พระองค์จึงออกไปนอกวังหลวงเพื่อพบเขาอีกครั้ง …
“เจ้าชื่อว่าอะไร ?”
“จองจีอุนพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้ากลับมาจากอาณาจักรหมิงตั้งแต่เมื่อไร ?”
“ทรงจำกระหม่อมได้ด้วยหรือพ่ะย่ะค่ะ ?”
“เจ้าเคยมาแนะนำตัวกับข้าเมื่อนานมาแล้วใช่หรือไม่ ?”
“เป็นพระคุณอย่างล้นพ้นพ่ะย่ะค่ะ”
“นับแต่นี้เจ้าอย่ามาปรากฏตัวให้ข้าเห็นอีก”
จองจีอุนไปเรียนการฝังเข็มจากอาณาจักรหมิงจนเป็นที่เลื่องลือในความสามารถ โดยเฉพาะในด้านการเป็นหมอฝังเข็มเสริมความงาม
ความสามารถของจีอุนเกิดไปเข้าตาท่านเสนาบดีซังฮอน (ท่านตาขององค์รัชทายาทอีฮวี) รู้เกียรติศัพท์ความสามารถของจีอุนที่ไปร่ำเรียนมาจากอาณาจักรหมิง จึงขอให้จองซอกโจพาจึอุน ซึ่งเป็นบุตรชายของเขามาเป็นอาจารย์คนใหม่ให้กับองค์รัชทายาท
เมื่อองค์รัชทายาทอีฮวีได้เจอกับจีอุนอีกครั้งในฐานะศิษย์กับอาจารย์ก็ถึงกับแปลกใจ
EP.4 ท่านอาจารย์คนใหม่
องค์รัชทายาทอีฮวีไม่พอใจเป็นอย่างมากที่จีอุนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอาจารย์คนใหม่ของพระองค์ แต่จีอุนอ้างว่าเป็นพระบรมราชโองการขององค์ราชาซึ่งเขาไม่อาจฝืนคำสั่งได้
องค์รัชทายาทอีฮวีจึงไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท เพื่อทูลเรื่องความไม่เหมาะสมของจีอุน อย่างไรก็ตามองค์ราชาปฏิเสธคำขอ
เมื่อขอให้ฝ่าบาทปลดจีอุนไม่ได้ องค์รัชทายาทจึงจำต้องใช้วิธีเดิม นั่นก็คือ กลั่นแกล้งให้จีอุนต้องถอนตัวออกไปเองเหมือนเช่นอาจารย์คนก่อน ๆ เริ่มต้นด้วยการให้จีอุนสรุปหนังสือกองโต ต่อมาก็มอบเหล้า ถัดอีกวันก็สั่งให้จีอุนไปจับปลาในแหล่งน้ำธรรมชาติ
อย่างไรก็ตาม จีอุนไม่ยอมแพ้ต่อสิ่งที่ถูกกลั่นแกล้ง นั่นเป็นเพราะเขาต้องอยู่เป็นอาจารย์ขององค์รัชทายาทให้ครบ 15 วัน เพื่อรอวันที่ท่านทูตจากอาณาจักรหมิงเดินทางมาถึง เมื่อถึงวันนั้น เหล่าลูกน้องของจีอุนที่โดนจับขังคุกจะได้รับการปล่อยตัว
แกล้งยังไงก็ไม่ออก ไล่อย่างไรก็ไม่ไป องค์รัชทายาทจึงใช้วิธีการไม่เข้าเรียน แต่ไปใช้เวลาในการยิงธนูแทน จีอุนพยายามตามมาขอให้พระองค์กลับไปเข้าเรียน แต่ดูเหมือนว่าการดื้อดึงของพระองค์จะหนักแน่นดังขุนผาจริง ๆ จนจึอุนต้องใช้การเดิมพันเป็นการต่อรอง …
“พระองค์เดิมพันกับกระหม่อมสิพ่ะย่ะค่ะ หากกระหม่อมแพ้เดิมพัน กระหม่อมจะลาออกจากการเป็นอาจารย์ตามที่พระองค์ต้องการ แต่ถ้ากระหม่อมชนะพระองค์ต้องกลับมาเข้าเรียน … สอบให้ได้คะแนนสูงสุด จากอาจารย์ทุกท่านรวมถึงกระหม่อมด้วย คิดอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ” จีอุนพูดเสียยืดยาว แต่ทว่าองค์รัชทายาทตอบกลับเพียงสั้น ๆ ว่า “ข้าไม่สนใจเดิมพันอะไรของเจ้า”
“กระหม่อมต้องทำอย่างไรพระองค์ถึงยอมรับข้อเสนอ ?”
“ไม่รู้สิ คงไม่มีวันหรอกมั้ง แต่ถ้าเจ้าเดิมพันด้วยชีวิตก็ไม่แน่”
จีอุนเดินไปเป้ายิงธนู ท่ามกลางความตกใจของบ่าวไพร่ทั้งหลาย “ถ้าอยากจะตายนักข้าก็จะสนองความตายนั้นให้” องค์รัชทายาทง้างคันธนูเล็งเป้าไปที่จีอุน ก่อนที่จะปล่อยลูกธนูออกไปด้วยสายตาที่เรียบเฉย ลูกธนูดอกนั้นวิ่งผ่านศีรษะของจีอุนไปห่างไม่น่าจะเกิดฟุต จีอุนหลับตาปี๋ด้วยความกลัว
เสี้ยววินาทีแห่งความระทึกผ่านไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่องค์รัชทายาทจะเอ่ยยอมรับเดิมพัน “เห็นแก่ความใจกล้าของเจ้า ข้าจะยอมรับเดิมพันครั้งนี้”
ต่อมา ชายหนุ่มรูปงามชื่อ “คิมกาอน” ได้รับคำสั่งให้มาเป็นองครักษ์ส่วนตัวขององค์รัชทายาท โดยเป็นรับสั่งจากพระพันปีหลวง เนื่องด้วยพระองค์เป็นห่วงความปลอดภัยขององค์รัชทายาท หลังเกิดเหตุการณ์ลอบสังหารก่อนหน้านี้
เมื่อถึงวันสอบ องค์รัชทายาทตอบคำถามได้อย่างดีเยี่ยม แต่ทว่าจีอุนกลับไม่ให้ผ่าน
EP.5 ความเชื่อใจและความโดดเดี่ยว
ที่แท้แล้ว อีฮยอนแอบรู้ความจริงเรื่องที่องค์รัชทายาทอีฮวีเป็นหญิงมาตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นเด็ก นับแต่นั้นเขาก็แอบหลงรักองค์รัชทายาทมาโดยตลอด เป็นเพียงแต่ว่าเขามิอาจเผยความจริงในใจนี้ออกไป ได้แต่เก็บเอาไว้ในใจเพียงเท่านั้น
องค์รัชทายาทอีฮวีเข้าเรียนกับจีอุนตามปรกติ ระหว่างนั้นเขาพยายามสอนพระองค์ให้รู้จักการเชื่อใจคนอื่น ซึ่งมันขัดกับสิ่งที่พระองค์ทรงถูกสั่งสอนจากเสด็จแม่ว่า “เจ้าไม่จำเป็นต้องคิดถึงคนอื่น คิดถึงแต่ตัวเองก็เพียงพอแล้ว คนเหล่านั้นจะต้องเกรงกลัวเจ้า เจ้าต้องทำให้พวกเขากลัว ฉะนั้น จงอย่าปล่อยให้พวกเขาเข้าใกล้เจ้า เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วเจ้าจะมีชีวิตรอด”
องค์รัชยาทอีฮวียึดถือคำสอนนี้มาโดยตลอด พระองค์ยึดถือมันอย่างเคร่งครัด เพราะเชื่อว่ามันเป็นทางเดียวที่สามารถปกปิดความจริงเรื่องที่พระองค์เป็นหญิงเอาไว้ได้ หากทว่าสิ่งที่จีอุนได้สอนในวันนี้ มันทำให้พระองค์เริ่มคิดที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง “อย่างน้อยพระองค์ก็ควรเชื่อใจผู้อื่นสักครั้ง โปรดทรงอย่าเว้นระยะห่างกับผู้อื่นมากเกินไปเลยพ่ะย่ะค่ะ มิเช่นนั้นแล้วพระองค์จะรู้สึกโดดเดี่ยว”
แม้ภายนอก องค์รัชทายาทอีฮวีจะแสดงออกถึงความแข็งกร้าว เพื่อปกปิดตัวตนที่แท้จริงสักเพียงไหน แต่อย่างไรอิสตรีก็คืออิสตรี จิตใจนางก็ยังคงเปราะบางยิ่งนัก ความใกล้ชิดที่พระองค์มีต่อจีอุน นับวันยิ่งทำให้พระองค์เริ่มรู้สึกหวั่นไหวมากขึ้นทุกที
EP.6 เนรเทศไปยังพื้นที่ห่างไกล
ด้วยความใกล้ชิด ทำให้องค์รัชทายาทอีฮวีเริ่มหวั่นไหวกับความรู้สึกที่มีต่อจีอุน
ระหว่างนั้น จีอุนได้เห็นหนังสือที่เขาคัดลอกให้ดัมอีเมื่อวันเด็ก อยู่ในการครอบครองขององค์รัชทายาท แต่พระองค์แถว่าเป็นของพระองค์เอง ก่อนที่จะตัดบทและเดินหนีออกไปทันที อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์นี้ทำให้เขานึกถึงดัมอีขึ้นมาจับใจ
ย้อนกลับไปสมัยที่พระชายายังมีพระชนม์ชีพอยู่ ได้ทรงเขียนบันทึกเกี่ยวกับดัมอีเอาไว้ ใจความระบุว่าดัมอีออกจากวังหลวงไปเนื่องด้วยความเจ็บไข้ ต่อมานางได้เสียชีวิตลง … องค์รัชทายาทนำบันทึกที่ว่านี้ไปให้จีอุนอ่าน เพื่อเป็นหลักฐานให้เขาตัดใจไปจากดัมอีเสีย จีอุนเสียใจเมื่อได้รู้ว่าหญิงอันเป็นที่รักจากไปแล้ว
ที่นี้ เรื่องราวของจีอุนที่โกหกหลอกลวงคนในราชวงศ์รู้ถึงพระเนตรพระกรรณขององค์ราชา ทำให้เหล่าเสนาบดีที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกับองค์รัชทายาทและเสนาบดีซังฮอน กราบทูลให้ปลดจีอุนพร้อมทั้งลงโทษ
เมื่อจีอุนรู้ความก็ร้อนใจไปขอความช่วยเหลือจากองค์รัชทายาท แต่ดูเหมือนว่าพระองค์จะไม่สนใจที่จะช่วยเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะพระองค์เองก็ไม่ต้องการให้เขาเป็นอาจารย์ของพระองค์ตั้งแต่แรกแล้ว อย่างไรก็ตาม ในใจของพระองค์ก็หวนคิดถึงเมื่อตอนที่พระองค์ยังเป็นดัมอี และมีช่วงเวลาที่ดีกับจีอุน
เช้าวันต่อมา จองซอกโจพาจีอุนเข้าไปรับฟังคำพิพากษาขององค์ราชา ซึ่งจีอุนยอมรับผิดทุกอย่างและพร้อมจะรับการลงโทษ นั่นคือการออกตำแหน่งอาจารย์หลวงและถูกโบยห้าสิบครั้ง พร้อมทั้งโดนเนรเทศไปยังพื้นที่ห่างไกล ส่วนผู้ช่วยคนอื่น ๆ ที่ซัมแกบังจะถูกลงโทษด้วยการไปเป็นทาส
จีอุนทูลต่อองค์ราชาว่า ตอนนี้ผู้ช่วยของเขาหายไปเพราะมีคนพาตัวพวกเขาหนีไปจากคุก ทันใดนั้นองค์รัชทายาทก็เสด็จเข้ามา และทูลองค์ราชาว่าพระองค์จะตอบคำถามนี้เอง
EP.7 มารยาทอันสามานย์
องค์รัชทายาทอีฮวีกราบทูลต่อองค์ราชาว่า พระองค์เคลื่อนย้ายนักโทษออกจากคุกด้วยเหตุผลที่ว่า ไม่ต้องการให้นักโทษเหล่านั้นตายอยู่ในคุกเพราะความหนาวเหน็บ และพระองค์ก็ได้เสนอหลักฐานว่า แท้จริงแล้วจีอุนเป็นหมอที่ช่วยเหลือคนยากไร้ โดยใช้สมุนไพรที่มีฤทธิ์ใกล้เคียงกับสมุนไพรราคาแพง
ในท้ายที่สุด ด้วยความช่วยเหลือขององค์รัชทายาท ทำให้จีอุนรอดพ้นจากการโดนลงโทษในทุกข้อกล่าวหา
เมื่อใกล้ถึงวันที่คณะราชทูตจากจีนจะเดินทางมาเยือน ด้านองค์รัชทายาทได้กราบทูลขออนุญาตเป็นผู้ดูแลเรื่องการต้อนรับคณะทูต ซึ่งองค์ราชาก็ทรงอนุญาต
องค์รัชทายาทต้อนรับคณะราชทูตจีน ในเวลานั้น จีอุนใช้เวลาที่ว่างจากการสอนองค์รัชทายาท ไปปลูกดอกไม้ที่บ้านร้างของดัมอี ท่านทูตจีนมาพร้อมกับท่านเสนาบดีที่จีอุนเคยช่วยชีวิตไว้ เมื่อครั้งอยู่ที่อาณาจักรหมิง
ทีนี้เรื่องราวไปกันใหญ่ ขณะที่ท่านทูตกำลังเพลิดเพลินกับการรำฟ้อน เสนาท่านหนึ่งได้ออกอาการสนใจสตรีนางหนึ่ง แต่ท่านทูตดันเกินไม่พอใจ ทำให้ทั้งคู่เกิดชกต่อยกันขึ้นมาซะอย่างนั้น องค์รัชทายาทเมื่อเห็นเป็นเช่นนั้น จึงได้เข้ามาขัดขวางและประกาศว่า จะทำการสอบสวน รวมถึงลงโทษเสนาท่านนี้ตามกฎหมายโชซอน
จากการที่องค์รัชทายาทเข้าไปแทรงแซง ทำให้ท่านทูตไม่พอใจองค์รัชทายาท เดินปรี่เข้าไปจะหาเรื่อง จีอุนเห็นท่าไม่ดีจึงเข้าไปหาท่านทูต เพื่อแก้ไขสถานการณ์โดยการเข้าไปรินสุราให้กับเขา แต่กลายเป็นว่าท่านทูตกลับเอาสุราสาดหน้าจีอุน แต่ก่อนที่เรื่องราวจะบานปลายไปกันใหญ่ คนสนิทของท่านทูตจึงพาเขากลับไปนอน
ความวุ่นวายยังไม่จบแค่นั้น เมื่อท่านทูตไม่พอใจอาหาร แม้ว่าอาหารนั้นจะเป็นอาหารที่ได้รับเลือกและทำมาเป็นอย่างดี องค์รัชทายาทจึงสั่งให้เหล่านางในไปจัดเตรียมอาหารมาใหม่
ระหว่างนั้นเอง ท่านทูตก็พูดจาก้าวร้าวใส่องค์รัชทายาท ขณะนั้นเองคิมซังกุงได้มากระซิบเตือนองค์รัชทายาทให้หลีกเลี่ยงการตอบโต้ แต่ทว่า ท่านทูตกลับมองว่าการที่คิมซังกุงทำอย่างนั้นเป็นการเสียมารยาทเป็นอย่างยิ่ง จึงเข้าตัดมวยผมของคิมซังกุงต่อหน้าทุกคน !
ณ จุดนี้ องค์รัชทายาทหมดสิ้นความอดทน พระองค์จึงใช้กำปั้นอันบอบบางตะบันเข้าไปที่ใบหน้าของท่านทูตซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อให้สาสมกับมารยาทอันสามานย์ !
EP.8 คำขอโทษ
“เหตุใดเจ้าถึงทำเรื่องเช่นนั้น ทำไมเจ้าทำให้ข้าผิดหวังได้ถึงเพียงนี้” องค์รัชทายาทโดนองค์ราชาต่อว่าจนพระองค์น้ำตาร่วงที่ท้องพระโรง หลังจากนั้น จีอุนจึงได้เข้ามาปลอบประโลมพระองค์ “พระองค์เหวี่ยงหมัดใส่หน้าชายผู้นั้นด้วยความเป็นชายชาตรี แต่ทำไมถึงได้งอแงน้ำตาร่วงแบบนี้นะ”
ต่อมา ท่านทูตได้เชิญองค์รัชทายาทอีฮวีให้มาพบ ก่อนที่จะพูดออกไปว่า “เท่าที่กระหม่อมเคยได้ยินมา คนผู้นั้น (คิมกาอน) ที่เป็นองครักษ์ของพระองค์ คือนักดาบที่เก่งที่สุดในโชซอน หากทั้งคู่ปะทะกันคิดว่าใครจะชนะ” องค์รัชทายาทตกใจ “ข้าไม่อยากรู้ ถ้าท่านเรียกข้ามาเพราะเรื่องนี้ ข้าไม่เห็นว่ามันจะสนุกเลยแม้แต่นิดเดียว ข้าขอกลับก่อนนะ”
ระหว่างที่องค์รัชทายาทกำลังเดินกลับ ท่านทูตสั่งให้นักดาบเข้าโจมตีคิมกาอน ก่อนที่จะประกาศกับองค์รัชทายาทว่า “นักดาบที่ฝีมือดีที่สุดในอาณาจักรหมิงไม่ได้อยู่เคียงข้างเจ้านาย ตอนที่เจ้านายถูกอัดจนหน้าเละ กระหม่อมจึงอยากให้เขาได้แก้ตัวพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อองค์รัชทายาทโดนโจมตีโดยไม่ได้ตอบโต้ พระองค์จึงเข้าไปขวางก่อนจะตวาดลั่นออกไปว่า “หากข้ามีแม้แต่รอยขีดข่วน คิดว่าพวกเข้าจะอยู่รอดปลอดภัยในแผ่นดินโชซอนได้อย่างนั้นหรือ !”
องค์รัชทายาทเข้าไปประคองคิมกาอน แต่ทันใดนั้นเอง นักดาบจากอาณาจักรหมิงก็วาดคมดาบไปที่ตัวพระองค์ แต่ทันใดนั้นเอง คิมกาอนก็เอาตัวเขามารับคมดาบนั้นแทน ในภาวะวิกฤติเช่นนั้น ก่อนที่คมดาบจะวาดไปที่องค์รัชทายาทซ้ำสอง จีอุนก็เข้ามาขวางเอาไว้ได้ทัน
จังหวะนั้นเอง ท่านทูตได้สั่งให้มือดาบแห่งอาณาจักรหมิงถอยออกไป แล้วเขาก็ได้เข้าไปกระซิบข้างหูขององค์รัชทายาท “มีอยู่สิ่งหนึ่งพ่ะย่ะค่ะที่กระหม่อมต้องการจากโชซอน สิ่งนั้นก็คือต้องการเหยียบคนอย่างพระองค์ให้จมดิน”
คิมกาอนบาดเจ็บอย่างหนัก แต่โชคดีที่อาการไม่ได้สาหัส
ต่อมาองค์รัชทายาทได้เอาสมุดบัญชี ซึ่งเป็นหลักฐานที่ท่านทูตยักยอกทรัพย์สินขององค์จักรพรรดิ และความลับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างท่านทูตกับนางสนมของจักรพรรดิ ไปต่อรองกับท่านทูต “ข้าแปลกใจอยู่เล็กน้อย นอกจากผู้เป็นบิดาของพระสนมจะขายลูกสาวตัวเองกินแล้ว เขายังขู่จะแฉความสัมพันธ์ของลูกสาวกับท่าน เรียกร้องเงินจากชีวิตนาง แม้เพียงนั้นแล้วท่านก็ยังคงอดกลั้นได้ถึงเพียงนี้ ท่านรักนางมากมายขนาดนั้นเชียวหรือ ผู้หญิงขององค์จักรพรรดินางนั้นน่ะ”
ท่านทูตโกรธจนตัวสั่น กำหมัดแน่น “อย่าพูดถึงนางด้วยปากอันน่ารังเกียจของเจ้า หากแตะต้องนางล่ะก็ข้าไม่ยอมอยู่เฉยแน่ ข้าจะใช้ทุกอย่างที่มีแก้แค้นเจ้าและแผ่นดินโชซอน !”
“แก้แค้นหรือ ข้าได้ยินว่าพ่อแม่ของท่านขายท่านไปด้วยราคาเพียงข้าวสารหนึ่งกระสอบ ท่านได้แต่ใช้ชีวิตในทุกวันไปกับความโกรธแค้นพ่อแม่ที่ขายท่านไป หรือจะโกรธแค้นแผ่นดินนี้ที่ทิ้งราษฎรผู้บริสุทธิ์อย่างท่านไป ข้าไม่แปลกใจเลยที่ท่านต้องการแก้แค้น แต่มาถึงตอนนี้ท่านได้ดิบได้ดี มีผู้คนก้มหัวให้มากมาย ข้าว่าท่านไม่ควรจะมาเสี่ยงแก้แค้นอะไรเหล่านั้นนะ ท่านไม่ควรเสี่ยงที่จะพาตัวเองกลับไปที่จุดเดิมอีกแล้ว” องค์รัชทายาทเอ่ยวาจาออกไปด้วยน้ำเสียงที่นิ่มนวล
อารมณ์ของท่านทูตระอุไปด้วยความโกรธ แต่ประโยคนี้จากปากขององค์รัชทายาทกลับทำให้อารมณ์โกรธเหล่านั้นมลายหายไปสิ้น “ในฐานะที่เป็นองค์รัชทายาทของแผ่นดินที่ทอดทิ้งท่าน ข้าอยากขอโทษที่ทำให้ท่านต้องจากแผ่นดินนี้ไป ด้วยความยากลำบากและความทรมาน … ข้าจะเก็บงำความลับระหว่างท่านกับสตรีที่ท่านรักไปจนกว่าข้าจะสิ้นลมหายใจ พวกท่านคงเจ็บปวดมากกับการต้องปกปิดความรักนั้น ข้าคิดว่าข้าเข้าใจความรู้สึกของท่านนะ”
ท่านทูตกลับไปอาณาจักรหมิงด้วยข้อตกลงกับองค์รัชทายาท ทุกอย่างจึงผ่านไปได้ด้วยดี
องค์รัชทายาทได้ทรงเลี้ยงฉลองความสำเร็จ จีอุนดื่มจนเมามาย และในคืนนั้นเอง จีอุนได้เข้าหอมแก้มองค์รัชทายาทด้วยความเสน่หายิ่งนัก
EP.9 ความรู้สึกที่เรียกว่าความรัก
ในหัวของจีอุนยังคงคิดวนเวียนอยู่กับเหตุการณ์เมื่อคืนไม่หยุดจนทำให้ตื่นสาย เขาจึงรีบแต่งเนื้อแต่งตัวเพื่อไปทำการสอนองค์รัชทายาท เมื่อพบหน้าองค์รัชทายาทสิ่งแรกที่จีอุนเอ่ยออกมาคือคำขอโทษ ขอโทษในรอยจูบที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เขาอ้างว่ามันเป็นไปเพราะฤทธิ์ของสุราน้ำเมา หากทว่าเขาพยายามปกปิดความรู้สึกหวั่นไหวที่เกิดขึ้นในหัวใจให้องค์รัชทายาทอีฮวีได้รู้
แต่ดูเหมือนว่าองค์รัชทายาทจะไม่ความใดกับรอยจูบที่เกิดขึ้น “ข้าเข้าใจ ที่แท้แล้วมันเป็นความผิดของสุรา ไม่ใช่ความผิดของท่านเลยแม้แต่นิดเดียว ดังนั้นอย่าได้กังวลไปเลย มันควรถูกมองให้เป็นเรื่องตลกเสียด้วยซ้ำ” แล้วทั้งสองศิษย์อาจารย์ก็หัวเราะออกมาด้วยความขบขัน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าองค์รัชทายาทอีฮวีจะทรงกลบเกลื่อนความรู้สึกด้วยเสียงหัวเราะ แต่แท้จริงแล้วภายในใจของพระองค์นั้น ไม่ต่างกับผลท้อที่ค่อย ๆ ถูกทุบทีละนิด ๆ พระองค์ไม่สามารถลบภาพและความรู้สึกหวั่นไหวในรอยจูบของจีอุนออกไปจากใจได้เลย
แต่ที่อาการหนักยิ่งกว่าก็คือจีอุน ที่ตอนนี้ไม่ต่างจากคนป่วยเป็นโรคไข้ใจ เพราะไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน สายตาของเขาก็จะปรากฏแต่ภาพขององค์รัชทายาทอีฮวีอยู่เบื้องหน้าตลอด มันอาการหนักถึงขั้นที่ว่าเขาคิดว่าตัวเองเกิดภาพหลอนด้วยซ้ำไป
เรื่องราวดำเนินไป กระทั่งวันหนึ่งพระพันปีเกิดปิ๊งไอเดียเรื่องการอภิเษกขององค์รัชทายาทขึ้นมา
อีกทางหนึ่ง โนฮากยองได้บังเอิญเจอกับองค์รัชทายาท และก็บังเอิญซ้ำไปอีกเมื่อนางเดินสะดุดจนได้ไปอยู่ในอ้อมแขนขององค์รัชทายาท ก่อนที่พระองค์จะไล่โนฮากยองให้ไปเดินเล่นที่อื่น ส่วนโนฮากยองนั้นกลับหลงรักองค์รัชทายาทตั้งแต่แรกเห็น นางได้แต่คิดว่าจะต้องเป็นชายาของพระองค์ให้จงได้
เรื่องงานอภิเษกขององค์รัชทายาทที่เป็นความประสงค์ของพระพันปีนั้น ดูเหมือนว่าจะโดนขัดขวางโดยองค์ราชาที่ไม่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นที่รู้กันว่าในใจของฝ่าบาทนั้น ต้องการดันองค์ชายเจฮยอนให้ขึ้นเป็นองค์รัชทายาทแทน แต่ในท้ายที่สุดแล้วพระพันปีก็ยืนยันที่จะจัดงานอภิเษกขึ้น ทำให้ฝ่าบาทจนใจที่จะต้านทาน
ตัดภาพกลับมาที่จีอุน ที่ตอนนี้ไม่สามารถข่มตาหลับได้เลย ในหัวของเขามีแต่เรื่องขององค์รัชทายาทวนเวียนอยู่ในหัวเต็มไปหมด
ในตอนเช้ารุ่งขึ้นเขาจึงมุ่งไปหาพระองค์ในทันที เขาเอ่ยปากขอให้พระองค์ทรงสวมกอดเขาอีกครั้ง เพราะในตอนนี้เขากำลังป่วยเป็นไข้ใจและกำลังได้รับความทรมานเป็นอย่างมาก องค์รัชทายาทก็ทรงกอดจีอุนด้วยความนุ่มนวล ก่อนจะเอ่ยวาจาให้กำลังใจออกไป แต่ …
ความในใจจริง ๆ ขององค์รัชทายาทที่มีต่อการสวมกอดในครั้งนี้ก็คือ เป็นสิ่งที่พระองค์จะทรงทำให้เขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่พระองค์จะต้องเข้าพิธีอภิเษกสมรส
จะอย่างไรก็ตาม ความจริงก็คือความจริง จีอุนพยายามตัดใจจากองค์รัชทายาทให้ได้ เมื่อเขาได้รู้ข่าวว่าพระองค์กำลังจะเข้าพิธีอภิเษก แต่แล้วระหว่างที่เขาหยิบเอาลูกเต๋าไม้ของดัมอีขึ้นมา ความทรงจำในคืนก่อนก็ได้พรั่งพรูกลับมา …
แท้จริงแล้วในคืนนั้น หลังจากที่จีอุนได้หอมแก้มองค์รัชทายาท ตัวองค์รัชทายาทเองก็ได้โน้มตัวไปจูบเขา ทันใดนั้นเอง จีอุนจึงรีบวิ่งไปหาองค์รัชทายาท และได้สารภาพรักกับพระองค์ !
EP.10 ความสัมพันธ์ที่เป็นไปไม่ได้
จีอุนสารภาพรักกับองค์รัชทายาทอีฮวีอยู่ที่ริมบึง แต่องค์รัชทายาททรงตรัสว่ามันเป็นความสัมพันธ์ที่เป็นไปไม่ได้ “เราอยู่ในความสัมพันธ์ที่เป็นไปไม่ได้ ข้าเป็นองค์รัชทายาทของแผ่นดินนี้ และท่านก็เป็นอาจารย์ของข้า”
แม้จะโดนปฏิเสธ จียุนก็ยังยืนกรานที่จะรับมือกับผลลัพธ์ที่ตามมา ไม่ว่าเขาจะโดนคนทั้งโลกด่าทอหรือรุมประณาม แต่สุดท้ายองค์รัชทายาทก็กล่าวตัดบทว่า “จงลืมมันไปซะ ข้าจะแกล้งทำเป็นว่าไม่เคยมีเรื่องนี้เกิดขึ้น” หลังจากที่พระองค์เดินหันหลังจากไป น้ำตาก็ร่วงหล่นออกมาด้วยความเสียใจ ที่มิอาจทำตามหัวใจของตัวเองได้เช่นกัน
วันต่อมา องค์รัชทายาทปลอมตัวเป็นสามัญชนออกไปเที่ยวเล่นกับจีอุน เหมือนประสงค์จะปลอบประโลมความเศร้าของจึอุน ก่อนที่จะกล่าวว่าพระองค์ได้สั่งย้ายให้จีอุนไปทำงานในตำแหน่งอื่นที่สูงกว่า แน่นอนว่าความเจ็บปวดเกิดขึ้นไม่ต่างกัน แต่องค์รัชทายาททรงเก็บความรู้สึกอันเจ็บปวดเหล่านั้นไว้ในหัวใจ พระองค์ยังคงทำได้แต่เพียงแอบร้องไห้อยู่เพียงคนเดียว
ต่อมา จีอุนขอสลับตารางการสอนกับอาจารย์ท่านอื่นเพื่อจะได้พบกับองค์รัชทายาท หลังจากเรียนจบ จีอุนได้กล่าวกับองค์รัชทายาทว่า เขาจะกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมก่อนที่จะเข้ามาเป็นอาจารย์ เพราะเขามิอาจทำใจให้ไม่คิดถึงพระองค์ได้เลยแม้เพียงเสี้ยววินาที หากเขายังทำงานอยู่ในวังต่อไป จากนั้นเขาก็ยื่นจดหมายลาออกและกล่าวลา
องค์รัชทายาทได้แต่เพียงทอดสายตามองจีอุนเดินจากไป จากนั้นน้ำตาของพระองค์ก็เอ่อล้นออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ …
EP.11 คำสารภาพ
จึอุนยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นอาจารย์หลวงให้กับองค์รัชทายาทอีฮวี แล้วเดินจากไปด้วยรอยยิ้ม ทิ้งให้องค์รัชทายาทยื่นนิ่งด้วยน้ำตาคลอเบ้าอยู่อย่างนั้น
จีอุนกลับมาใช้ชีวิตเป็นหมอช่วยเหลือรักษาชาวบ้านตามเดิม หากแม้ภายนอกของเขาจะดูสบายใจ แต่ภายในของเขานั้นต่างออกไปเหมือนคนละโลก เขามิอาจลบความคิดถึงและความรักที่มีให้ต่อองค์รัชทายาทได้เลยแม้แต่นิดเดียว ในอีกด้านหนึ่ง องค์รัชทายาทเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน พระองค์ได้แต่คิดถึงช่วงเวลาที่จีอุนอยู่เคียงข้างพระองค์ เมื่อคิดถึงขึ้นมาเมื่อไรน้ำตาก็เอ่อล้นออกมาทุกที
มือสังหารแอบลอบยิงธนูหวังสังหารท่านเสนาบดีซังฮอน แต่จางซอกโจได้เข้าสกัดลูกธนูนั้นเองไว้ได้ทัน จากนั้นจากซอกโจก็ไล่ล่าและลงดาบจนมือสังหารปริศนาบาดเจ็บ แต่ทันใดนั้นเอง หัวหน้าราชองครักษ์ขององค์ราชาก็เข้ามาขัดขวางจากซอกโจ จนทำให้มือสังหารหนีรอดไปได้
ว่าที่จริงแล้ว มือสังหารคนนั้นคือคิมกาอน และผู้ที่สั่งให้เขาไปสังหารท่านเสนาบดีซังฮอนก็คือองค์ราชา !
ระหว่างนั้นเอง ท่านอา (องค์ชายชางอุน) คู่ปรับขององค์รัชทายาทเกิดไปสังหารสาวรับใช้ผู้บริสุทธิ์คนหนึ่ง ทำให้พระองค์ไม่พอพระทัยเป็นอย่างมาก จึงจับตัวท่านอาของพระองค์ไปลงโทษตามกฎหมายบ้านเมือง เพราะพระองค์ถือว่า แม้หญิงสาวคนนั้นจะเป็นเพียงทาสแต่ก็เป็นราษฎรที่ต้องดูแล ไม่อาจให้เชื้อพระวงศ์ใช้อภิสิทธิ์อยู่เหนือกฎหมายได้
ท่านอาขององค์รัชทายาทคุกเข่าอ้อนวอนขอชีวิต เมื่อเห็นเป็นเช่นนั้นพระองค์จึงเอ่ยเงื่อนไขออกไป “ถ้าอยากให้ข้าไว้ชีวิต ก็จงไปเยี่ยมหลุมฝังศพของนางแล้วคุกเข่าคำนับขออภัยซะ เมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าจะไว้ชีวิตท่านแล้วส่งท่านขึ้นศาลเพื่อไต่สวนความผิด”
องค์ราชาและพระพันปีโกรธเป็นอย่างมากที่องค์รัชทายาทสั่งให้เชื้อพระวงศ์ไปคุกเข่าเคารพศพสาวรับใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่หมิ่นเกียรติเป็นอย่างมาก แต่ดูเหมือนองค์รัชทายาทจะทรงยืนกรานว่าสิ่งที่พระองค์ทำเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
ไม่เพียงเท่านั้น ท่านเสนาบดีซังฮอนก็ไม่พอใจเช่นกัน “พระองค์ต้องการเป็นกษัตริย์ที่เปี่ยมไปด้วยเมตตาหรือพ่ะย่ะค่ะ แต่พระองค์ไม่ทรงคิดบ้างหรือว่า สิ่งที่พระองค์ทำลงไปมันจะเป็นการกระตุกความรู้สึกของเชื้อพระวงศ์และเหล่าขุนนางชั้นสูง และมันไปทำลายขนบเดิม อย่างน้อยผู้ที่ขึ้นมาดำรงตำแหน่งเป็นองค์ราชาก็ไม่ควรทำลายขนบนั้น เพื่อแลกกับชีวิตอันต่ำต้อยเพียงชีวิตเดียว … กระหม่อมกำลังบอกว่าพระองค์ทำผิด ที่ไปยุ่งเกี่ยวกับการตายของสตรีชั้นต่ำนางนั้น”
องค์รัชทายาทฟังคำตำหนิของท่านตาด้วยมือที่กำหมัดแน่น “โลกนี้ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ และไม่มีชีวิตใดที่สมควรตายอย่างไม่มีเหตุผล ไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์พรากชีวิตผู้อื่นตามอำเภอใจทั้งนั้น !”
องค์ชายชางอุนตัดสินใจปลิดชีวิตตัวเอง เพราะฝืนความอัปยศที่องค์รัชทายาทได้กระทำกับเขาไม่ไหว ชนชั้นขุนนางต้องคุกเข่าต่อหน้าหลุมศพของนางทาส
จดหมายลาตายขององค์ชายชางอุนตกไปอยู่ในมือของฝ่ายตรงข้าม ทำให้เรื่องราวบานปลายกลายเป็นปัญหาการเมืองใหญ่โต ต่อมามีการประกาศจากลัทธิขงจื๊อเรียกร้องให้ถอดยศองค์รัชทายาท ที่ทำให้บ้านเมืองเกิดความปั่นป่วน เนื่องจากฝ่าฝืนกฎของชนชั้นปกครอง
เรื่องราวลุกลามใหญ่โตเข้าไปอีก เมื่อท่านเสนาบดีซังฮอนเสนอให้องค์ราชาจัดการกับพวกที่มายื่นฎีกาให้ปลดองค์รัชทายาท แต่องค์ราชาทรงไม่เห็นด้วยและขอตัดสินใจเรื่องนี้ด้วยพระองค์เอง
องค์ชายอีฮยอนเดินทางมาเข้าพบองค์รัชทายาทเพื่อสารภาพเรื่องราวบางอย่าง ความจริงที่เขาเก็บไว้มาอย่างต่อเนื่องยาวนานกว่า 14 ปี “สายตาของพระโอรสที่เป็นน้องของกระหม่อม กระหม่อมรู้จักและจดจำมันได้เป็นอย่างดี แม้จะมีใบหน้าที่เหมือนกันแต่พระองค์ไม่ใช่พระโอรสอย่างแน่นอน … กระหม่อมอยากปกป้องพระองค์พ่ะย่ะค่ะ แม้พระองค์จะไม่ถูกปลดออกจากตำแหน่ง แต่ทว่าพระองค์จะปิดบังเรือนร่างความเป็นสตรีเอาไว้ได้อย่างไร ถ้าความลับนี้ถูกเปิดเผย พระองค์ก็รู้ว่าผลลัพธ์มันจะออกมาเป็นอย่างไร”
องค์ชายอีฮยอนเสนอตัวเป็นคนพาองค์รัชทายาทหนีไปจากวังหลวง หนีไปให้ไกลแสนไกลจากที่นี่ และได้มอบรองเท้าสตรีไว้เป็นของขวัญ
คืนนั้นเอง องค์รัชทายาทได้แต่คิดทบทวนถึงอนาคต พระองค์ปล่อยผมยาวสลวยของตัวเองและมองตัวเองผ่านกระจก จากนั้นก็หยิบเอารองเท้าสตรีสีแดงคู่นั้นมาสวมใส่ เป็นครั้งแรกในรอบ 14 ปีที่พระองค์ได้ใส่รองเท้าของสตรี พระองค์เดินไปเดินมาทั่วห้อง โดยที่ไม่รู้เลยว่า มีสายตาขององค์ราชาจับจ้องอยู่ !!!
EP.12 นี่คือความลับ
องค์ราชาทรงแอบเห็นองค์รัชทายาทสวมรองเท้า และปล่อยผมยาวสลวยเหมือนเพศหญิง ก่อนที่พระองค์จะเดินจากไปอย่างเงียบ ๆ
รุ่งขึ้น องค์ราชาทรงประกาศปลดองค์รัชทายาทออกจากตำแหน่งต่อหน้าเหล่าขุนนางที่ท้องพระโรง จากนั้นพระองค์ได้เรียกองค์รัชทายาทให้เข้าเฝ้าเพื่อกล่าวถึงเหตุผลที่ทรงทำเช่นนั้น “ขัารู้มานานแล้วว่าเจ้าคือสตรี” แท้จริงแล้ว ฝ่าบาทรู้ความจริงเรื่องนี้ตั้งแต่วันที่พระชายาทรงสิ้นใจ
องค์รัชทายาทอีฮวีน้ำตาไหลพรากออกมาไม่หยุด ก่อนที่จะเอ่ยถามองค์ราชา ในฐานะเสด็จพ่อว่า “ถ้าหากย้อนเวลากลับไปได้ในวันที่หม่อมฉันเกิด พระองค์จะยังเลือกทำเช่นเดิมหรือไม่ ?” ฝ่าบาทกำหมัดแน่นด้วยความเจ็บปวดหัวใจ พร้อมกับเอ่ยปากให้องค์รัชทายาทออกไปจากวังหลวง เพื่อไปใช้ชีวิตของตัวเอง โดยที่พระองค์ไม่ได้ตอบคำถามนั้น
จึอุนกลับมาที่วังหลวงอีกครั้งเพื่อพบ (อดีต) องค์รัชทายาทอีฮวี ทั้งสองสบตากันอย่างเนิ่นนานราวกับว่าความฝันในวันวานได้ย้อนกลับมาเข้าใกล้ความเป็นจริง ก่อนที่จีอุนจะวิ่งเข้าไปสวมกอดกับองค์รัชทายาทด้วยความรักอันเอ่อล้น …
“กระหม่อมผิดเองที่ปล่อยพระองค์ไว้เพียงลำพัง กระหม่อมจะไม่ทำเช่นนั้นอีก”
“ทำพูดอะไรของท่าน กลับไปเสียเถิด” องค์รัชทายาทพยายามฝืนใจ
“พระองค์จะว่าอย่างไร หากต่อจากไปนี้ไปกระหม่อมจะขออยู่เคียงข้างเพื่อปกป้องพระองค์” สิ้นเสียงของจีอุน เขาก็โน้มตัวไปจุมพิตกับองค์รัชทายาทด้วยความรักอันหวานซึ้ง ประหนึ่งกับว่าเป็นรอยจูบที่เขาเฝ้าใฝ่ฝันมานานทั้งชีวิต
จึอุนชวนองค์รัชทายาทไปอยู่กับเขา ไปใช้ชีวิตเยี่ยงสามัญชนกับเขา แต่ทว่าองค์รัชทายาททรงปฏิเสธ โดยให้เหตุผลว่า พระองค์ขอเลือกเดินตามทางที่ทรงเลือกเอง “ข้าอยากให้อาจารย์จองมีความสุข เหมือนที่ท่านพร่ำบอกให้ข้าใช้ชีวิตอย่างมีความสุข นี่ถือเป็นคำร้องขอสุดท้ายของข้า”
องค์รัชทายาทมากล่าวลาองค์ราชา แต่พระองค์ไม่อนุญาตให้เข้าเฝ้า องค์รัชทายาทจึงคุกเข่าและกล่าวลาอยู่ด้านนอกพระตำหนักทั้งน้ำตา
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เรื่องราวทางการเมืองภายในวังหลวงกลับคุกรุ่น เหมือนภูเขาไฟที่รอการระเบิด ความขัดแย้งก่อตัวขึ้นจากสิ่งที่องค์รัชทายาทได้กระทำโดยที่พระองค์เองก็ไม่รู้ตัว เพียงจุดเล็ก ๆ ที่พระองค์เรียกว่าความถูกต้องเพื่อรักษาชีวิตของนางทาสคนหนึ่ง ณ ตอนนี้กำลังจะกลายเป็นชนวนให้เกิดการตายอีกนับสิบ นับร้อย หรืออาจจะนับพัน !?
ระหว่างเส้นทางกลางป่าที่องค์รัชทายาทกำลังเดินทาง ปรากฏว่ามีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งกำลังดักรอเพื่อที่จะลักพาตัวพระองค์ คนร้ายกลุ่มนั้นคือหัวหน้าราชองครักษ์ที่ได้รับคำสั่งมาจากองค์ราชา ในท้ายที่สุดหัวหน้าราชองครักษ์สามารถลักพาตัวองค์รัชทายาทสำเร็จได้โดยง่าย (โดยได้รับความช่วยเหลือจากองค์ชายอีฮยอน)
คือเรื่องของเรื่องคือ ฝ่ายองค์ราชาต้องการให้องค์รัชทายาทได้ไปใช้ชีวิตของตัวเอง โดยไม่ต้องการให้ท่านเสนาบดีซังฮอนใช้ตัวองค์รัชทายาทเป็นฐานอำนาจ ส่วนฝ่ายของท่านเสนาบดีซังฮอนนั้น ต้องการใช้องค์รัชทายาทขึ้นเป็นกษัตริย์เพื่อเป็นรากฐานอำนาจให้กับตัวเอง
ทีนี้ จางซอกโจ (พ่อของจึอุน) ลูกน้องคนสนิทของท่านเสนาบดีซังฮอน ที่ได้รับคำสั่งให้ดูแลองค์รัชทายาท เพื่อรอคำสั่งจากท่านเสนาบดีซังฮอนให้พาองค์รัชทายาทกลับวังขึ้นมารับตำแหน่งกษัตริย์ (หลังจากท่านเสนาบดีซังฮอนทำการยึดอำนาจภายในวังหลวงได้เรียบร้อยแล้ว) เมื่อองค์รัชทายาทถูกลักพาตัวไป เขาจึงออกตามหาแทบพลิกแผ่นดิน
องค์รัชทายาทเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นสตรี (ฮันบก) เพื่ออำพรางตัวเองจากจากซอกโจ ตอนนั้นจีอุนก็ปรากฏตัวขึ้นเพื่อช่วยพาพระองค์หนี แต่ด้วยความบังเอิญ จางซอกโจเห็นจีอุนจึงสั่งให้ทหารไล่ตาม ระหว่างการไล่ล่าทหารคนหนึ่งเกิดฝ่าฝืนคำสั่ง ยิงลูกธนูไปเฉียดแขนขององค์รัชทายาทจนพระองค์เลือดไหลออกมาไม่หยุด ณ ตอนนี้เองที่จางซอกโจได้เห็นองค์รัชทายาทในชุดฮันบก เขาจึงรู้ได้ทันทีว่าเด็กที่เขาสังหารไปเมื่อตอนนั้น เป็นการสังหารผิดคน !
จีอุนพาองค์รัชทายาทที่บาดเจ็บหนักมาหลบในป่าข้าง ๆ แหล่งน้ำเพื่อทำแผลให้ ระหว่างที่องค์รัชทายาทค่อย ๆ เปลื้องผ้าออกเพื่อให้จีอุนทำแผลที่แขน ในเวลานั้นเองความลับที่องค์รัชทายาททรงเก็บไว้นานแสนนานก็ได้เปิดเผย
จีอุนมองไปที่เรือนร่างขององค์รัชทายาทด้วยความตกตะลึง เรือนร่างที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นสตรีเพศอย่างชัดเจน ก่อนที่องค์รัชทายาทจะเอ่ยขึ้นมาว่า “นี่แหละคือความลับของข้า” !
EP.13 ความฝันที่มีร่วมกัน
จีอุนทำแผลที่แขนให้กับองค์รัชทายาทด้วยความทะนุถนอม ประหนึ่งกลัวว่ามือของบุรุษเยี่ยงเขาจะไปเพิ่มความเจ็บปวดให้กับผิวอันบอบบางขององค์รัชทายาทก็ไม่ปาน
ในคืนนั้น พระองค์ได้เล่าถึงเหตุการณ์ในอดีตที่ทำให้ได้กลายมาเป็นองค์รัชทายาทของโชซอนทั้งที่มีร่างกายเป็นสตรี เมื่อได้ฟังเรื่องราวจนจบ จีอุนได้ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบาแต่มั่นคงและจริงใจว่า “ต่อให้เรื่องราวจะเป็นอย่างไรก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปอยู่ดีพ่ะย่ะค่ะ เพราะสำหรับกระหม่อม ขอแค่ให้ได้อยู่กับพระองค์ก็เพียงพอแล้ว” จากนั้นเขาก็โน้มตัวไปกอดองค์รัชทายาทอีฮวีด้วยความรัก ประหนึ่งเป็นการปลอบประโลมหัวใจด้วยความอบอุ่น
ท่านเสนาบดีซังฮอนโกรธจัดจนเลือดขึ้นสมองที่องค์รัชทายาทหายตัวไป ในขณะที่จองซอกโจก็นำกำลังทหารออกตามหาตัวองค์รัชทายาทอย่างไม่ลดละ
ตัดภาพมาที่วังหลวง การเมืองภายในยังคงร้อนระอุ องค์ราชาถูกวางยาพิษโดยหัวหน้าขันที องค์ราชาสวรรคตในทันที !!!
หลังคืนนั้นที่ได้นอนในอ้อมกอดของกันและกัน เช้ารุ่งขึ้นจีอุนกับองค์รัชทายาทได้วางแผนถึงอนาคตที่จะได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเยี่ยงสามัญชน เยี่ยงคู่รักชายหญิงอย่างที่มีไม่ยศถาบรรดาศักดิ์ใด ๆ มาขวางกั้น แต่ดูเหมือนความฝันที่วาดเอาไว้จะไม่ได้ง่ายอย่างนั้น เมื่อองค์รัชทายาทโดนจับตัวไประหว่างที่กำลังเดินตลาดอยู่เพียงลำพัง
จองซอกโจกล่าวกับองค์รัชทายาท “ตอนนี้ได้เวลาเสด็จกลับวังแล้วพ่ะย่ะค่ะ” จากนั้นท่านเสนาบดีซังฮอนได้เดินทางมารับองค์รัชทายาทด้วยตัวเอง “ฝ่าบาทสวรรคตแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
การที่องค์ราชาสวรรคตไปตอนที่พระองค์ยังไม่ได้แต่งตั้งองค์รัชทายาทองค์ใหม่ ทำให้เป็นช่องว่างทางอำนาจขึ้น แต่ก็ใช้ว่าท่านเสนาบดีซังฮอนจะโน้มน้าวให้พระพันปีทรงเห็นด้วย กับการให้องค์รัชทายาทอีฮวีขึ้นบัลลังก์กษัตริย์ได้โดยง่าย เมื่อเป็นเช่นนั้น แผนการที่ได้วางเอาไว้ล่วงหน้าอยู่ก่อนแล้วจึงถูกหยิบขึ้นมา …
ท่านเสนาบดีซังฮอนนำเอาหลักฐานการซ่องสุมกำลังทหารและอาวุธของเสนาบดีชางชอน (พ่อขององค์ราชินี) ไปมอบให้กับพระพันปี ทั้งให้ร้ายว่าเสนาบดีชางชอนเตรียมก่อการกบฏ อีกทั้งยังเป็นผู้วางแผนลอบวางยาพิษกษัตริย์ เพื่อจะให้องค์ชายเจฮยอนขึ้นเป็นกษัตริย์แทน
เมื่อเห็นเป็นเช่นนั้น พระพันปีจึงสั่งทหารบุกจับตัวเสนาบดีชางชอน องค์ราชินี และองค์ชายเจฮยอน !
ท่านเสนาบดีซังฮอนปูทางด้วยกลีบกุหลาบและคาวเลือดไว้ให้องค์รัชทายาทอีฮวี มันเป็นแผนการที่เขาตระเตรียมมากว่าครึ่งค่อนชีวิต แต่ทว่า องค์รัชทายาทกลับไม่ต้องการก้าวขึ้นสู่บัลลังก์นั้น แท้จริงแล้วพระองค์ไม่เคยต้องการเป็นองค์รัชทายาทเสียด้วยซ้ำ ไม่เคยเลยจริง ๆ พระองค์เพียงต้องการใช้ชีวิตในฐานะหญิงสาวคนหนึ่งอยู่กับคนที่ตัวเองรัก แต่ท่านเสนาบดีซังฮอนมาไกลเกินกว่าที่จะหันหลังกลับ เขาขู่ที่จะจัดการกับรอบข้างที่พระองค์รักทั้งหมดเพื่อบีบให้ยอมรับตำแหน่ง
องค์รัชทายาทจำต้องยอมรับกับข้อเสนอที่มิอาจปฏิเสธได้ โดยมีข้อแม้ว่าต้องไว้ชีวิตองค์ชายเจฮยอน
วันเดียวกันนั้นเอง จึอุนแอบบุกเข้ามาหาองค์รัชทายาทด้วยความเป็นห่วง เพื่อทวงสัญญาที่ให้ไว้ว่าจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตลอดไป แต่องค์รัชทายาททรงฝืนใจเอื้อนเอ่ยออกไปว่า พระองค์คงทำเรื่องที่ตกลงไว้ไม่ได้แล้ว เพราะพระองค์กำลังจะเข้าพิธีราชาภิเษกเป็นกษัตริย์องค์ต่อไป
EP.14 ความรู้สึกที่ไม่อาจเปิดเผย
จีอุนมาขอร้องจองซอกโจผู้เป็นพ่อ ให้พาเขาเข้าทำงานในวังหลวง ในตอนแรกจองซอกโจดูจะไม่เห็นด้วย “เจ้าเป็นคนที่มองทุกสิ่งเป็นเรื่องถูกผิด แต่สำหรับวังหลวงนั้น สิ่งที่ถูกไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องเสมอไป เจ้าคิดว่าจะทนอยู่ในสภาพฝืนใจได้อย่างนั้นหรือ ?” แต่จีอุนเอ่ยปากยืนกรานที่จะขออยู่เคียงข้างฝ่าบาท จองซอกโจจึงไปขอร้องกับท่านเสนาบดีซังฮอน
จีอุนมาพบกับฝ่าบาท เขาเอ่ยว่าจะอยู่เคียงข้างฝ่าบาทเป็นเวลาสองเดือน เพื่อดูแลจนกว่าบาดแผลที่แขนของพระองค์จะหายดี โดยตกลงจะทำเป็นว่าอีกฝ่ายไม่มีตัวตนอยู่ในสายตา
ในทุก ๆ วัน จีอุนต้องทำงานอันแสนน่าเบื่ออยู่ที่สำนักราชเลขาธิการ หน้าที่ของเขาเป็นเพียงนำหนังสือราชการไปมอบให้ฝ่าบาท ซึ่งในช่วงเวลานี้เอง ที่เขาจะใช้ในการดูแลบาดแผลที่แขนของฝ่าบาทอย่างเป็นความลับ
ท่านเสนาบดีซังฮอนควบคุมอำนาจในวังหลวงโดยสมบูรณ์และเบ็ดเสร็จ องค์ราชาเป็นเพียงรากฐานอำนาจเท่านั้น ท่านเสนาบดีซังฮอนแนะนำให้ฝ่าบาททรงละทิ้งเรื่องกิจการบ้านเมืองอันหนักหัว แล้วไปให้ความสนใจเรื่องการให้กำเนิดทายาทสืบสกุล “แม้ต้นไม้ใหญ่เพียงใดแต่หากไม่ผลิดอกออกผล ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่คนในพระราชวังแห่งนี้อยากตัดทิ้ง และหันไปปลูกต้นไม้ต้นอื่นแทน” องค์ราชาได้แต่ยิ้มให้ท่านตาด้วยความน้อมรับคำแนะนำ
ฤกษ์ร่วมห้องขององค์ราชากับองค์ราชินีมาถึงในวันนี้ ฝ่าบาทเดินทางไปที่ตำหนักองค์ราชินี แต่คำพูดของฝ่าบาททำเอาองค์ราชินีถึงกับต้องนอนหลั่งน้ำตาออกมาทั้งคืน “ข้าจะไม่อธิบายสิ่งที่ข้าจะทำต่อไปนี้ ซึ่งมันอาจทำให้เจ้าอับอายและเจ็บปวดที่มีสามีที่น่าตำหนิเช่นนี้” จากนั้น ฝ่าบาทก็สั่งให้ซังกุงคิมนำเอาเครื่องนอนเข้ามา “คืนนี้ เราได้ร่วมรักกันแล้วในฐานะคู่สามีภรรยา และรวมถึงการร่วมห้องในอนาคต จะมีการเตรียมเครื่องนอนไว้สองชุดเช่นนี้ ซึ่งขอให้องค์ราชินีเก็บเรื่องทั้งหมดนี้ไว้เป็นความลับ”
ความจริงแล้วที่องค์ราชาอีฮวียอมเป็นหุ่นเชิดให้กับท่านเสนาบดีซังฮอน ก็เป็นเพราะพระองค์มีแผนการทำลายท่านตาอย่างลับ ๆ
คืนหนึ่ง อดีตหัวหน้าราชองครักษ์แอบเข้ามาพบฝ่าบาท เพื่อแจ้งเรื่องที่ท่านเสนาบดีซังฮอนได้ซ่องสุมกำลังอย่างลับ ๆ เอาไว้ ตอนนี้สิ่งที่ต้องตามสืบมาให้ได้ คือหลักฐานว่าท่านเสนาบดีซังฮอนเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังการลอบวางยาพิษกษัตริย์องค์ก่อน
จีอุนแอบฟังเรื่องทั้งหมดจึงทำให้เขาเป็นห่วงเป็นอย่างมาก แต่ฝ่าบาทก็บอกให้เขาลืมเรื่องที่ได้ยินไปให้หมดสิ้น จากนั้น จีอุนจึงขอทำแผลให้ฝ่าบาทเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เขาจะจากลาวังหลวงไปตามคำสัญญา
องค์ชายอีฮยอนชวนจีอุนไปดื่มสุราด้วยกันในฐานะเพื่อนสนิท แต่แท้จริงแล้ว องค์ชายอีฮยอนต้องการบอกความจริงที่เขาเก็บเป็นความลับมาทั้งชีวิต ความลับที่เขาหลงรักฝ่าบาทมาตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นเด็ก มันเป็นความรักที่ไม่สามารถแสดงออกมาให้ใครรู้ได้เลยแม้แต่นิดเดียว
ในคืนเดียวกันนั้นเอง องค์ราชาอีฮวีได้มาพบกับจึอุนเพื่อขอให้เขาอยู่ที่วังหลวงต่อไป “แผลที่แขนของข้าหายดีแล้ว แต่เจ้าสามารถอยู่ในวังหลวงต่อไปได้หากเจ้าต้องการ ข้าอยากอยู่กับเจ้า” จีอุนยิ้มแก้มปริด้วยความสุข จากนั้นทั้งสองก็ยืนยันความรู้สึกด้วยรอยจูบที่มีให้กันและกัน
แต่ทว่า ท่ามกลางความสัมพันธ์อันลึกซึ้งขององค์ราชาอีฮวีกับจีอุน จองซอกโจได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ในขณะที่มือของเขากำดาบจนสั่นเทา !?
EP.15 แบกรับด้วยหัวใจ
จองซอกโจตกตะลึงเมื่อเห็นจีอุนกับองค์ราชาอีฮวีจูบกันด้วยความหวานซึ้ง มันทำให้เขายิ่งสับสนเรื่องดัมอีมากไปกว่าเดิม เขาจึงแกล้งเข้าไปถามจีอุน “เจ้าได้เจอเด็กที่ชื่ออดัมอีหรือไม่ ?” แต่จีอุนก็ตอบกลับไปว่า นางได้ออกจากวังหลวงและป่วยไข้ตายไปแล้ว
ด้านคิมกาอนไปหาภรรยาของขันทีที่วางยาพิษองค์ราชาพระองค์ก่อน จึงได้รู้ความจริงว่าขันทีทำตามคำสั่งของท่านเสนาบดีซังฮอน และยังได้รู้อีกว่าจดหมายที่ใส่ร้ายว่าพ่อของเขาเป็นกบฏ ก็เป็นฝีมือของท่านเสนาบดีซังฮอน
เมื่อคิมกาอนได้รู้ความจริงเช่นนั้น อดีตหัวหน้าราชองครักษ์ หรือนายพลยุน ได้ชักชวนคิมกาอนให้ร่วมมือกันทำให้โลกนี้ให้ดียิ่งขึ้น ตามที่พ่อของคิมกาอนปฏิญาณกับองค์ราชาพระองค์ก่อน
ทีนี้เมื่อตัดมาที่สถานการณ์ทางด้านการเมืองภายในวังหลวงก็อยู่ในระดับเดือดระอุ เมื่อเหล่าบัณฑิตต่างไม่พอใจการกุมอำนาจในการบริหารราชการแบบเบ็ดเสร็จของท่านเสนาบดีซังฮอน แถมยังสกัดกั้นฎีการ้องเรียน จึงได้รวมตัวกันเพื่อชุมนุมประท้วงต่อองค์ราชา เพื่อทูลขอให้ปลดท่านเสนาบดีซังฮอนออก อย่างไรก็ตาม ฝ่าบาทก็แสร้งทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ แถมยังทำทีเป็นปกป้องท่านเสนาบดีซังฮอนในฐานะท่านตาอีกด้วย
ระหว่างนั้น องค์ราชาอีฮวีได้สั่งปลดเสนาบดีฝ่ายการคลังที่ถูกจับได้ว่าทุจริต แม้จะละเว้นการลงโทษสถานหนัก เพียงแต่ไล่ให้ออกจากวังหลวง แต่มันก็ทำให้ท่านเสนาบดีซังฮอนไม่พอใจเป็นอย่างมาก ที่ฝ่าบาทเข้ามายุ่งเหยิงกับคนของเขา ดังนั้น ท่านเสนาบดีซังฮอนจึงยื่นคำขาดกับฝ่าบาทว่า อย่าทรงทำอะไรที่เป็นการท้าทายเขาอีกเพราะเขาจะไม่ให้อภัยอีกต่อไป
จีอุนร่วมมือกับเหล่าอาจารย์ที่สำนักการศึกษาช่วยกันเขียนใบปลิวเรื่องการทุจริตของเสนาบดีการคลัง เพื่อแพร่กระจายข่าวสารให้คนได้รับรู้ องค์ราชาทรงพอพระทัยจีอุนเป็นอย่างมาก ทีนี้ จีอุนจึงขอรางวัลฝ่าบาทเป็นการจุมพิต
อีกด้านหนึ่ง องค์ชายจาอึน (อีฮยอน) มีท่าทีเย็นชากับจีอุน เพราะเขาไม่อาจตัดใจจากฝ่าบาทและตัดสินใจออกจากวังหลวงไป
ต่อมานายพลยุนแอบพาคิมกาอนมาพบองค์ราชา เพื่อแนะนำว่าคิมกาอนคือบุตรชายของอาจารย์คัง ที่โดนกล่าวหาว่าเป็นกบฏ ซึ่งคิมกาอนก็ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนที่ลอบสังหารฝ่าบาท สมัยที่พระองค์ยังเป็นองค์รัชทายาทที่สนามล่าสัตว์ และเหตุที่เข้าวังหลวงมาเพราะต้องการที่เอาชีวิตองค์ราชาพระองค์ก่อน เพราะต้องการล้างแค้นให้พ่อของเขา อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาพร้อมที่จะร่วมมือกับฝ่าบาทและนายพลยุน พร้อมกับบอกด้วยว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังการวางยาพิษองค์ราชาองค์ก่อน
เรื่องราวดำเนินไป วันหนึ่งองค์ราชาอีฮวีทรงอ่านหนังสือที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ กระทั่งพระองค์เผลอหลับไป จีอุนเดินผ่านมาจึงยกมือบังแดดให้ พระมเหสีเสด็จตามหาและเห็นพระองค์ทรงหลับอยู่ จีอุนจึงแอลหลบไปอยู่หลังต้นไม้และเห็นพระมเหสีแอบจุมพิตฝ่าบาท แต่ทันใดนั้นเอง พระองค์ทรงสะดุ้งตื่นเสียก่อน
จีอุนเห็นเช่นนั้นก็ออกอาการหึงหวงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด พระองค์จึงแอบกระซิบที่ข้างหูเขาให้ไปนัดพบกันที่เรือนร้างของดัมอี ณ ที่นั้น ฝ่าบาททรงจุมพิตจีอุน และเอ่ยออกมาว่า จะรับมือกับทุกสิ่งที่เกิดจากความรู้สึกในตอนนี้ “ข้าจะแบกรับมันไว้ด้วยหัวใจดวงนี้”
EP.16 พิสูจน์ความเป็นชาย
รอยจูบขององค์ราชาอีฮวีที่มีให้กับจีอุนนั้นช่างหวานลึกซึ้งตรึงใจยิ่งนัก แม้ทั้งสองจะได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันไม่นาน แต่มันก็เป็นความสุขอันหาที่สุดมิได้แล้ว
ต่อมา องค์ราชาอีฮวีได้เห็นจีอุนใช้เวลาอยู่ด้วยกันกับชินโซอึน ทำให้พระองค์รู้สึกหึงหวงขึ้นมา มันเป็นเพียงความหึงหวงของหญิงสาวนางหนึ่งมีต่อชายที่รัก ที่ให้บังเอิญว่าโชคชะตาให้นางต้องมาอยู่ในฐานะองค์ราชาของแผ่นดิน จีอุนจึงหัวเราะออกมากับสิ่งที่เขาได้เห็น “กระหม่อมคิดว่าพระองค์ทรงเข้าใจผิดแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เมื่อเป็นเช่นนั้นองค์ราชาอีฮวีก็หลุดหัวเราะออกมา ด้วยความเอียงอายเช่นกัน
นายพลยุนแอบเข้าไปขโมยบัญชีที่ใช้เอาผิดท่านเสนาบดีซังฮอน แต่ก็โดนจองซอกโจจับได้เสียก่อน ขณะที่นายพลยุนกำลังเพลี่ยงพล้ำ คิมกาอนก็ได้เข้ามาช่วยเอาไว้ได้ทัน ก่อนที่ทั้งสองจะพากันหนีไป แต่สุดท้ายแล้วนายพลยุนกับคิมกาอนก็ต้องมาหมดทางหนีที่หน้าผา จางซอกโจพร้อมทหารยื่นข้อเสนอให้กับนายพลยุน บัญชีเล่มนั้นแลกกับชีวิต
จริง ๆ แล้วจางซอกโจเป็นสหายสนิทกับนายพลยุนมาตั้งแต่ยังเยาว์วัย แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้ทั้งคู่ต้องเดินแยกกันไปคนละเส้นทาง แม้หน้าที่จะทำให้ต้องเป็นปฏิปักษ์กัน แต่ลึก ๆ แล้วทั้งสองก็ยังคงยึดมั่นในสัมพันธ์น้ำมิตร ทว่า ณ จุดนี้ทุกสิ่งอย่างได้จบลงแล้ว นายพลยุนเลือกที่จะแลกความตายกับสมุดบัญชีเล่มนั้น เขายัดสมุดบัญชีเล่มนั้นใส่มือของคิมกาอน ก่อนที่จะผลักเขาตกหน้าผาลงแม่น้ำเบื้องล่าง ทันใดนั้นเอง เหล่าทหารก็ปล่อยลูกธนูเข้าปักร่างของอดีตหัวหน้าราชองครักษ์นับสิบดอก !!!
คิมกาอนรอดชีวิตมาได้ เขาเอาสมุดบัญชีเล่มนั้นไปมอบให้กับองค์ราชา พร้อมกับข่าวการเสียชีวิตของนายพลยุน
ฝ่าบาทเดินทางไปเคารพศพนายพลยุน แต่ระหว่างเดินทางกลับได้เกิดเรื่องเหลือเชื่อขึ้น ชางอุนกุน ท่านอาคู่อริของฝ่าบาทยังไม่ตาย ! ที่แท้แล้ว เขาเพียงจัดฉากว่าตัวเองฆ่าตัวตายเพื่อเลี่ยงความผิด และเพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการปลดพระองค์ออกจากการเป็นองค์รัชทายาทในตอนนั้น
ชางอุนกุนต้องการพิสูจน์สิ่งที่เขาสงสัยมาตลอดว่า องค์ราชาของแผ่นดินนี้เป็นสตรีจริงหรือไม่ !!? ชางอุนกุนวาดดาบไปที่ฉลองพระองค์ จนเผยให้เห็นเรือนร่างภายใต้อาภรณ์ของพระองค์ ชางอุนกุนตกตะลึงที่ได้เห็นผ้ารัดหน้าอกของฝ่าบาท แต่ …
ระหว่างนั้นเอง จองซอกโจได้ปรากฏตัวขึ้นมาปกป้องฝ่าบาท !
EP.17 ต้นเหตุที่เกิดจากข่าวลือ
หัวหน้าราชองครักษ์จองซอกโจเข้ามาช่วยองค์ราชาอีฮวีเอาไว้ได้ทัน จากนั้นฝ่าบาทก็เอ่ยปากออกมาว่า ชายที่เข้ามาลอบสังหารคือท่านอาของพระองค์เอง “ข้ามั่นใจว่าต้องเป็นองค์ชายชางอุนแน่ ๆ”
อย่างไรก็ตามฝ่าบาททรงให้ทุกคนเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับ เพราะไม่ต้องการให้เกิดความวุ่นวายในวังหลวง อีกอย่างทุกคนก็เชื่อว่าองค์ชายชางอุนนั้นตายไปแล้ว แต่แท้จริงแล้วสิ่งที่ฝ่าบาททรงกลัวก็คือ ความจริงเรื่องเพศสภาพของพระองค์จะถูกเปิดเผยออกไป !
ระหว่างนั้นเอง ข่าวลือเรื่องความสัมพันธ์ชายรักชาย ระหว่างจีอุนกับองค์ราชาก็แพร่กระจายไปทั่วในหมู่ของนางกำนัลทั้งหลาย ทำให้พระพันปีแนะนำให้ฝ่าบาทไล่จีอุนออกไปจากวังหลวง เพื่อสยบข่าวลือที่เกิดขึ้น และให้ทรงทำหน้าที่องค์ราชาของแผ่นดิน ในการมีทายาทสืบสกุล
ตอนนี้สภาพจิตใจของฝ่าบาทช่างเปราะบางยิ่งนัก แต่ก็ยังดื้อดึงกับความรักต่อไป แม้ข่าวลือจะแพร่ไปทั่วขนาดนั้น จนสร้างความเสื่อมเสียให้กับพระองค์อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในหน้าแผ่นดินนี้
ผู้ที่น่าสงสารที่สุดกับความรักอันสลับซับซ้อนในครั้งนี้คงไม่พ้น องค์ราชินี ที่มีความรักให้ฝ่าบาทหมดทั้งหัวใจ แต่ทว่าไม่เคยได้รับความรักตอบจากฝ่าบาทเลยแม้แต่นิดเดียว ยิ่งเมื่อมีข่าวลือว่าฝ่าบาทกับจึอุนมีความสัมพันธ์กันแบบชายรักชาย มันยิ่งทำให้องค์ราชินียิ่งเหมือนตกอยู่ในขุมนรกก็ไม่ปาน
คืนหนึ่ง องค์ราชินีทรงบังเอิญได้เห็นฝ่าบาทกับจีอุนอยู่ด้วยกัน ยิ่งเป็นการตอกย้ำถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองมากขึ้นไปกว่าเดิม ต่อมาองค์ราชินีจึงเอ่ยปากกับฝ่าบาททั้งน้ำตาว่า “ให้หม่อมฉันสืบทายาทก็พอเพคะ ขอให้พระองค์ทำหน้าที่องค์ราชาของแผ่นนี้ด้วยเพคะ” คำพูดที่ทำเอาฝ่าบาทถึงกับอึ้ง พระองค์รู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีทางที่พระองค์จะทำหน้าที่นั้นได้ พระองค์ไม่ใช่ชายชาตรี !
ด้านจีอุนเองก็โดนกดดันไม่น้อยไปกว่าองค์ราชา เมื่อองค์ราชินีมาพูดกับเขาตรง ๆ “หากเจ้าภักดีต่อฝ่าบาทจริง ก็จงออกไปจากวังหลวงเสีย ฝ่าบาทไม่ควนโดนเหยียดหยามและเกลียดชังจากข่าวลืออีกต่อไป”
ข่าวลือแพร่กระจายลุกลามไปไกลเกินกว่าที่จะควบคุม จองซอกโจจึงยื่นข้อเสนอที่มิอาจปฏิเสธได้ให้กับจีอุน โดยให้เขาออกเรือนแต่งงานกับแม่นางโซอึน เพื่อกลบข่าวลือที่เกิดขึ้น
จองซอกโจเผยความจริงว่าเขารู้ความจริงที่ว่าองค์ราชาเป็นสตรีเพศ จึอุนต้องแต่งงานเพื่อแลกกับการที่จองซอกโจจะเก็บความลับนี้ไว้ ซึ่งมันเป็นทางเดียวที่เขาจะปกป้องฝ่าบาทจากอันตรายเอาไว้ได้
จากนั้น จองซอกโจก็ไปตามล่าตัวองค์ชายชางอุน แล้วก็จัดการฆ่าปิดปากทิ้งเสีย องค์ชายชางอุนตายอย่างน่าอนาถอยู่กลางป่า … ปิดปากสำเร็จ แต่จองซอกโจไม่รู้เลยว่า องค์ชายวอนซอนก็เป็นอีกคนที่รู้เรื่องเพศสภาพของฝ่าบาท องค์ชายวอนซอนที่ตอนนี้กลับเข้าไปอยู่ในวังหลวง รอจังหวะและโอกาสในการเปิดเผยความจริงนี้
ฝ่าบาททรงเสียพระทัยเป็นอย่างมากเมื่อได้รู้ข่าวว่าจึอุนกำลังจะแต่งงานกับโซอึน ในคืนนั้น จึอุนได้มากล่าวลากับฝ่าบาทด้วยสีหน้าและท่าทางอันแสนจะเย็นชา “ความสัมพันธ์ของเราควรหยุดไว้เพียงเท่านี้พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
น้ำตาไหลนองใบหน้าอันอ่อนช้อยขององค์ราชา พระองค์ยืนมองชายอันเป็นที่รักกำลังเดินจากไป ก่อนที่พระองค์จะตะโกนสั่งออกไปว่า “หยุดเดี๋ยวนี้ นี่เป็นพระบรมราชโองการ ข้าสั่งไม่ให้เจ้าไป” แต่ดูเหมือนว่าจีอุนจะไม่สนใจคำสั่งนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว เขาหันกลับมามองด้วยหางตา พร้อมกับเปล่งวาจาที่พยายามเก็บซ่อนความเจ็บปวดเอาไว้ “ไม่พ่ะย่ะค่ะ”
EP.18 ยามเมื่อรักแรกพัดหวน
มีข่าวลือแปลกประหลาดแพร่กระจายไปทั่วทั้งหอคณิกาในเมืองหลวง มีชายที่หน้าตาคล้ายกับองค์ชายชางอุนปล่อยข่าวไปทั่วว่า องค์ราชาเป็นฝาแฝด และบอกว่าพระองค์เป็นสตรี !!
คืนนั้นเอง องค์ราชินีจึงได้จัดห้องโดยใช้เครื่องนอนเพียงชุดเดียว พระองค์เปิดใจกับฝ่าบาท “นับจากนี้เป็นต้นไปเราจะใช้เครื่องนอนเพียงชุดเดียวเท่านั้น ไม่มีการร่วมห้องของคู่สามีภรรยาที่ไหนใช้เครื่องนอนสองชุดกันหรอกเพคะ อีกอย่าง การใช้กำเนิดทายาทเป็นหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในฐานะราชินี ได้โปรดช่วยให้หม่อมฉันทำหน้าที่ให้สำเร็จด้วยเถิดเพคะ”
ว่าที่จริง องค์ราชาก็ได้แต่ยืนอึ้งฟังสิ่งที่องค์ราชินีได้เอื้อนเอ่ยออกมา ทั้งที่ฝ่าบาททรงรู้ดีว่าพระองค์ไม่อาจทำหน้าที่นั่นได้ ฝ่าบาทจึงเข้าไปสวมกวดองค์ราชินีเพื่อปลอมประโลม พลางกล่าวออกไปด้วยความรู้สึกผิด “ไม่ใช่เพราะว่าข้าเกลียดองค์ราชินีเลยแม้แต่น้อย แต่มันเป็นเหตุผลที่ข้ายากจะอธิบายได้ แต่อีกไม่นานข้าจะบอกเหตุผลที่แท้จริงนี้ให้องค์ราชินี้ได้รู้อย่างแน่นอน”
จีอุนยังคงตามหาแห่งซื้อขายสมุนไพรพิษโซนังโช (พิษที่ใช้ปลงพระชนม์กษัตริย์องค์ก่อน) จนได้เบาะแสแหล่งที่มา แต่ที่แท้มันเป็นกับดักที่ท่านเสนาบดีซังฮอนได้วางเอาไว้ เพื่อกำจัดคนที่ตามหาสมุนไพรโซนังโช ระหว่างที่จีอุนกำลังพลาดท่าจนได้รับบาดเจ็บ จองซอกโจได้เข้ามาช่วยเอาไว้ได้ทัน
โซอึนอยู่ดูแลจึอุน ผู้เป็นที่รักและว่าที่สามีของเธออยู่ทั้งคืน อย่างไรก็ตาม จีอุนที่นอนซมอยู่นั้น ได้ละเมอเพ้อถึงฝ่าบาทออกมาว่า เขาคิดถึงพระองค์เหลือเกิน ทำให้โซอึนตกใจเป็นอย่างมากที่ได้ยินเช่นนั้น
ท่านเสนาบดีซังฮอนสงสัยเรื่องเพศสภาพขององค์ราชามากขึ้น จึงได้ถามกับองค์ราชินี แต่คำตอบที่ได้คือทุกอย่างเป็นปรกติดี แถมยังบอกด้วยว่าอีกไม่นานคงมีข่าวดีเรื่องทายาท
ด้วยความเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย องค์ราชาได้สั่งให้คิมซังกุงและขันทีฮง สองคนสนิทออกไปอยู่นอกวังหลวง ระหว่างทางนั้น คิมซังกุงได้แวะไปหาจีอุนเพื่อบอกความลับบางอย่าง ความลับที่ว่า ฝ่าบาทคือดัมอี …
เมื่อรู้เช่นนั้น จีอุนจึงรีบเดินทางไปที่เรือนร้างในทันที เมื่อเจอฝ่าบาท จีอุนจึงเรียกพระองค์ว่า “ดัมอี” !!!
EP.19 ขั้นแตกหัก
จีอุนสงสัยว่าทำไมฝ่าบาทต้องปิดบังเรื่องที่พระองค์คือดัมอีด้วย ฝ่าบาทจึงตอบไปด้วยใบหน้าที่เปื้อนสุขว่า “ข้าทนไม่ได้ที่จะเห็นอาจารย์จอง (จีอุน) เจ็บปวดเพราะข้า และข้าไม่อยากให้ความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับท่านพ่อเลวร้ายลงไปมากกว่านี้เพราะข้า ทั้งอาจารย์และข้าไม่ได้เลือกให้มันเป็นแบบนี้ ได้โปรดอย่าโทษตัวเองอีกต่อไปเลย”
ความสุขสมหวังอย่างประหลาดได้เกิดขึ้นในหัวใจของจีอุนอย่างบอกไม่ถูก เมื่อเขาได้เจอหญิงสาวที่เขาเฝ้าตามหามาตั้งชีวิต หญิงสาวที่เป็นรักแรกของเขา “กระหม่อมตามหาพระองค์ (ดัมอี) อยู่นาน เด็กหญิงที่โดดเดี่ยวมาทั้งชีวิต แต่ก็ยังสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเข็มแข็ง กระหม่อมปรารถนาให้นางมีความสุขพ่ะย่ะค่ะ”
องค์ราชาอีฮวีได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับน้ำตาซึม พระองค์เอื้อมมืออันนุ่มนวลไปสัมผัสแก้มของจีอุน ก่อนที่จะตรัสออกไปว่า “ข้าเองก็เช่นกัน การที่ได้เห็นท่านอยู่ตรงนี้ก็เพียงพอแล้ว” ฝ่าบาทเอื้อมมือไปปาดน้ำตาที่อาบแก้มของจีอุน ก่อนที่พระองค์จะโน้มตัวไปจุมพิตเขาด้วยความรักอันหวานซึ้ง
แม่นางชินโซอึนได้พบกับจีอุน นางกล่าวทั้งน้ำตายังนองหน้าว่าให้ยกเลิกงานแต่งงานครั้งนี้ไปเสีย ให้ทำเหมือนว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น เพราะแม่นางชินโซอึนรู้ดีว่าในใจของจีอุนไม่มีนางอยู่ในเศษเสี้ยวหนึ่งของหัวใจเลยแม้แต่นิดเดียว
ด้านท่านเสนาบดีซังฮอนเมื่อได้รู้ว่าจองซอกโจเก็บงำความลับเรื่อง “ดัมอี” เอาไว้ โดยที่ไม่บอกเรื่องนี้ตั้งแต่แรก ก็ได้ส่งทหารบุกไปที่บ้านจองซอกโจเพื่อสังหารเขาคนในครอบครัวให้สิ้น แต่บังเอิญว่าจีอุนมาเห็นเหตุการณ์พอดีจึงได้เข้ามาช่วยท่านพ่อสังหารเหล่าทหารจนหมดสิ้น
ยังไม่เท่านั้น ท่านเสนาบดีซังฮอนยังได้วางแผนที่จะยกตำแหน่งราชาให้กับองค์ชายวอนซอน แต่ต้องแลกกับการที่เขาต้องไปสังหารองค์ชายจีอึน แต่เมื่อถึงเวลาองค์ชายวอนซอนก็ฆ่าองค์ชายจีอึนซึ่งมีศักดิ์เป็นน้องไม่ลง
ระหว่างนั้นเอง จางซอกโจได้บอกที่ซ่อนสมุนไพรพิษโซนังโชให้กับจีอุน เมื่อรู้ที่ซ่อนสมุนไพร จีอุนจึงลอบเข้าไปเอาสมุนไพรนั่นมาใช้เป็นหลักฐานในการเอาผิดท่านเสนาบดีซังฮอน ส่วนจองซอกโจก็แสร้งทำเป็นสำนึกผิดกับท่านเสนาบดีซังฮอน เพื่อเป็นการถ่วงเวลาให้จีอุน
ท้ายที่สุด เมื่อจึอุนได้สมุนไพรพิษโซนังโช จองซอกโจก็จับกุมตัวท่านเสนาบดีซังฮอนเอาไว้ แต่เรื่องกลับตาลปัตร เมื่อองค์ชายวอนซอนมาช่วยท่านเสนาบดีซังฮอนเอาไว้ได้ทัน ทั้งจีอุนและจองซอกโจจึงโดนจับกุมตัวเอาไว้
องค์ชายจีอึนพาร่างอันสะบักสะบอมกลับมาบอกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับองค์ราชาอีฮวี จนทำให้พระองค์ใช้กำลังทหารมาบุกจับตัวท่านเสนาบดีซังฮอน เพื่อช่วยจีอุนและจองซอกโจ … ฝ่าบาทแสดงท่าทีแข็งกร้าวต่อหน้าท่านเสนาบดีซังฮอน “ท่านจับตัวหัวหน้าราชองครักษ์และขันทีที่รับใช้ข้ามา แบบนี้เรียกว่าก่อการกบฏมิใช่หรือ !!?” ฝ่าบาทแสดงท่าทีที่ไม่เคยแสดงมาก่อน พระองค์ชักดาบออกจากฝังพร้อมกับวางมันทาบเอาไว้ที่คอของคนที่พระองค์เรียกว่าท่านตา
“จงจับกุมท่านเสนาบดีซังฮอนในข้อหาก่อการกบฏเดี๋ยวนี้” ฝ่าบาทรับสั่งเหล่าทหารราชองครักษ์ ในขณะที่ท่านเสนาบดีซังฮอนได้ทิ้งคำพูดเอาไว้ด้วยสีหน้าโกรธแค้น “ฝ่าบาททรงทำผิดพลาดครั้งใหญ่แล้วล่ะพ่ะย่ะค่ะ !!!”
ขณะที่ท่านเสนาบดีซังฮอนถูกขังอยู่ในคุก เขาก็ยังข่มขู่ฝ่าบาทว่าจะเปิดโปงเรื่องที่พระองค์เป็นสตรี แต่องค์ราชาอีฮวีก็ทำใจดีสู้เสือ กล่าวว่า “ใครจะไปเชื่อคำพูดของกบฏที่ลอบปลงพระชนม์องค์ราชาองค์ล่ะ”
ฝ่าบาทตรัสกับพระพันปีว่า พระองค์จะจัดการประหารชีวิตท่านเสนาบดีซังฮอน จากนั้นพระองค์จะสละราชสมบัติให้กับองค์ชายเจฮยอน และเปิดเผยความจริงว่าพระองค์เป็นสตรี
ต่อมาฝ่าบาทได้เผยความจริงกับองค์ราชินีว่า แท้จริงแล้วพระองค์เป็นสตรี และขอให้องค์ราชินีออกจากวังหลวงเพื่อไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ ส่วนท่านพ่อขององค์ราชินีจะต้องรับโทษในข้อหากบฏเช่นเดียวกับท่านเสนาบดีซังฮอน
ในตอนท้าย องค์ชายวอนซอนได้นำกองกำลังทั้งหมดที่มี กลับมาที่วังหลวงช่วยท่านเสนาบดีซังฮอนที่หนีออกจากคุกไปได้
EP.20 ตอนจบ
องค์ชายวอนซอนนำกำลังทหารมาช่วยท่านเสนาบดีซังฮอนและก่อการกบฏ การต่อสู้กันอย่างดุเดือดได้เริ่มต้นขึ้น แต่ผลลัพธ์มันหนักเกินกว่าสิ่งที่ฝ่าบาทจะคาดคิดได้ …
องค์ชายเจฮยอนที่ถูกวางตัวให้ขึ้นเป็นองค์ราชาองค์ต่อไปถูกสังหารอย่างเลือดเย็น ฝ่าบาททรงเสียพระทัยเป็นอย่างมาก ถึงกับลงไปกอดร่างที่ไร้วิญญาณขององค์ชายเจฮยอน “ตื่นขึ้นมาเดี๋ยวนี้ ข้าผิดเอง ข้าไม่น่าเรียกเจ้าให้กลับเข้ามาวังหลวงเลย ลืมตาขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ”
ระหว่างการต่อสู้ จองซอกโจพลาดท่าให้กับท่านเสนาบดีซังฮอน ดาบในมือของท่านเสนาบดีผู้ยิ่งใหญ่แห่งโชซอนทะลุร่างของอดีตลูกน้องคนสนิทลึกไปจนถึงเกือบสุดโคนดาบ จีอุนได้แต่มองท่านพ่อจากไปต่อหน้าต่อตาอย่างไม่มีทางทำอะไรได้เลย เขายืนมองอยู่อย่างนั้นด้วยความตกตะลึง มันสายไปเสียแล้ว เขาได้แต่พร่ำบอกความในใจของเขา ในยามที่ผู้เป็นพ่อเหลือลมหายใจเพียงเฮือกสุดท้าย
ด้านพระพันปีได้เผชิญหน้ากับองค์ชายวอนซอนก่อนที่ตวาดใส่ด้วยความโกรธ “เจ้าไม่เกรงกลัวฟ้าดินบ้างเลยหรือ ที่พยายามก่อการกบฏอันโหดร้ายเช่นนี้ เจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยให้เจ้าขึ้นครองบัลลังก์อย่างง่ายดายอย่างนั้นหรือ”
คำพูดของเสด็จย่าดูเหมือนจะไม่ระคายหูขององค์ชายวอนซอนเลยแม้แต่นิดเดียว ว่าที่จริงเขามองว่ามันเป็นคำพูดที่น่าตลกขบขันยิ่งนัก “กระหม่อมคิดว่าเสด็จย่าก็ควรกลัวฟ้าดินเช่นกัน เพราะพระองค์ก็เป็นได้ขึ้นเป็นองค์ราชินีจากการก่อกบฏเช่นกัน พระองค์ทรงลืมไปแล้วหรือว่า กระหม่อมคือหลานชายคนโตขององค์ราชาองค์นั้น !”
บางทีแล้ว องค์ราชาอีฮวีอาจจะไม่ได้คาดการณ์อะไรไปไกลเกินกว่าสายตาเบื้องหน้า เพราะตอนนี้ความสูญเสียที่เกิดขึ้น มันมากเกินกว่าที่พระองค์จะรับเอาไว้ด้วยจิตใจอันอ่อนไหวเช่นนั้น พระองค์จึงคิดที่จะหยุดความสูญเสียโดยการเจรจาต่อรองกับท่านเสนาบดีซังฮอน “ข้าจะสละราชบัลลังก์ให้กับองค์ชายวอนซอน และทำทุกอย่างตามที่ท่านตาประสงค์ … ข้าขอรับโทษที่ปิดบังท่านตาเรื่องที่ข้าเป็นสตรี ซึ่งถือเป็นการดูหมิ่นท่านตากับราชวงศ์”
“การที่ฝ่าบาทได้ขึ้นครองบัลลังก์มันไม่ใช่ความผิดของพระองค์เพียงคนเดียว กระหม่อมเองเป็นคนทำผิดคนแรก ส่วนความผิดที่สองเป็นของลูกสาวกระหม่อม ซึ่งก็คือมารดาของฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่าบางทีแล้วฝ่าบาทเป็นเพียงเหยื่อของเรื่องนี้ต่างหาก แต่แทนที่พระองค์จะทรงอยู่อย่างเงียบ ๆ แต่กลัวก่อเรื่องจนบานปลายมาถึงวันนี้ ดังนั้น คนที่ผิดคนที่สามก็คือพระองค์” ท่านเสนาบดีซังฮอนพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบยิ่งนัก ก่อนที่จะให้องค์ราชาอีฮวีดื่มยาพิษเพื่อจบชีวิตตัวเอง
แต่แท้จริงแล้ว ฝ่าบาทกลับมีแผนที่ยากลึกเกินหยั่งถึง พระองค์วางยาพิษโซนังโชในชาที่ทรงดื่มกับท่านตา “ในชาที่ท่านดื่มมีโซนังโชผสมอยู่ ท่านตาไปกับข้าด้วยเถิดเจ้าค่ะ อย่างน้อยข้าก็ลงโทษท่านตาได้” เวลาผ่านไปเพียงชั่วครู่ เลือดก็ทะลักออกจากปากของฝ่าบาทและท่านเสนาบดีซังฮอน !!!
ท่านเสนาบดีซังฮอนเสียชีวิตไปในทันที แต่ที่ประหลาดก็คือ ฝ่าบาทฟื้นขึ้นมาได้อย่างปลอดภัย !!!
พระพันปีก็ขอให้ฝ่าบาทหลบไปใช้ชีวิตอย่างเงียบ ๆ ทำให้เหมือนเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่พระองค์ก็ทรงยืนยันที่จะเปิดเผยเรื่องนี้เพื่อรับโทษที่ทรงปิดบังเรื่องที่เป็นสตรี
เรื่องราวผ่านไป เมื่อองค์ชายจีอึนได้ขึ้นครองราชย์ ก็ได้มีการพิจารณาโทษที่เกิดขึ้น แต่เรื่องที่น่าแปลกประหลาดก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อจู่ ๆ เหล่าขุนนางก็ละทิ้งคตินิยมของลัทธิขงจื๊อไปหมดสิ้น พร้อมทั้งยกโทษให้อดีตองค์ราชา โดยยกเรื่องคุณงามความดีร้อยแปดพันประการขึ้นมา
แม้โทษจะร้ายแรงยิ่งนัก แต่ในท้ายที่สุด แทนที่จะโดนลงโทษสถานหนัก อดีตองค์ราชาอีฮวีกลับได้รับการรื้อฟื้นตัวตนที่แท้จริงของตัวเองขึ้นมาใหม่อีกครั้ง นั่นหมายความว่าจากนี้ไป นางคือ “ดัมอี”
นับแต่นั้น จีอุนก็ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับดัมอีตามที่เฝ้าใฝ่ฝันมาทั้งชีวิต ทั้งสองใช้ชีวิตคู่กันตามแบบฉบับสามัญชน ส่วนองค์ราชาจีอึนก็มีความสุขที่ได้เห็นเพื่อนสนิทกับหญิงอันเป็นที่รักแรกมีความสุขเช่นกัน
จบบริบูรณ์
- รีแคปสรุปซีรีส์ The King’s Affection (2021) ราชันผู้งดงาม
- เรื่องย่อซีรีส์เกาหลี The King’s Affection (2021) ราชันผู้งดงาม
Photos: KBS2 Korea