Skip to content
สรุปเนื้อเรื่องซีรีส์ Reflection of You (2021) ดั่งภาพสะท้อน

สรุปเนื้อเรื่องซีรีส์ Reflection of You (2021) ดั่งภาพสะท้อน

Reflection of You สปอยล์ : ชีวิตของจิตรกรหญิงเริ่มสั่นคลอน เมื่อเจอหญิงสาวที่สอนเธอวาดภาพ มันทำให้เธอรู้สึกดั่งว่าได้เห็นตัวเองในอดีตอีกครั้ง …

EP.1 คนที่เหมือนเธอ

จองฮีจู (รับบทโดย โกฮยอนจอง) กำลังลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ทิ้งลงทะเล มันหนักอึ้งจนเหมือนกับว่ามีศพใครบางคนอยู่ในนั้น แล้วภาพก็ตัดมาให้เราเห็นคราบเลือดที่สาดกระเซ็นไปทั่วทั้งบริเวณ เธอกำลังทำความสะอาดมันด้วยท่าทางตื่นกลัว ระหว่างนั้นก็มีเสียงบรรยายขึ้นมาว่า …

“ฉันได้แต่นึกถึงสิ่งที่เรียกว่านรก แม้ตอนนี้ฉันจะยังมีชีวิตอยู่ก็ตาม นรกสำหรับฉันนั้น คือการที่ทำให้คนที่ฉันรักตายแทนฉัน ถึงอย่างไรก็ตาม มันยังไม่เรียกว่านรกที่แท้จริง สิ่งที่ฉันต้องการตอนนี้คือความเชื่อ ความเชื่อในคำโกหก ฉันต้องการที่จะเชื่อว่า สิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้ไม่ได้เป็นอะไรที่เลวร้ายที่สุด และฉันจะไม่เป็นอะไร”

เรื่องราวเริ่มต้นด้วยการที่ลิซ่า (รับบทโดย คิมซูอัน แสดงเป็นลูกสาวของกงยูในภาพยนตร์เรื่อง Train to Busan) ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล หลังจากโดนกูแฮวอน (รับบทโดย ชินฮยอนบิน) ครูสอนศิลปะตบบ้องหูอย่างแรงซ้ำกันหลายครั้ง จนลิซ่าได้รับบาดเจ็บแก้วหูทะลุ

ฮีจูได้ดูคลิปที่ถูกบันทึกเอาไว้ขณะเกิดเหตุ เธอโกรธจัดเมื่อเห็นลูกสาวถูกทำร้ายอย่างรุนแรงเช่นนั้น แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ที่เห็นว่า ลิซ่าได้แต่ยืนนิ่งเฉยให้แฮวอนตบอยู่อย่างนั้น โดยไม่แสดงท่าทางปัดป้องตามสัญชาตญาณของมนุษย์ปรกติ

ฮีจูเป็นสะใภ้ของตระกูลร่ำรวยตระกูลหนึ่ง รวยขนาดที่ว่าโรงเรียนที่ลิซ่าเรียนอยู่ก็เป็นของตระกูล ซึ่งมีพ่อของลิซ่าเป็นผู้อำนวยการ และคุณย่าของลิซ่าก็นั่งอยู่ในตำแหน่งประธาน ส่วนโรงพยาบาลแทริมที่ลิซ่าเข้าไปทำการรักษาอยู่ตอนนี้ ก็เป็นโรงพยาบาลของตระกูลอีกเช่นกัน ถ้ามองในอีกมุมหนึ่ง ฮีจูถือเป็นคุณแม่ลูกสองที่น่าอิจฉาไม่น้อย

วันต่อมา ทางโรงเรียนมีการนัดแฮวอนให้มาขอโทษฮีจู แต่ทว่า ด้วยคำพูดและท่าทางกวนโอ๊ยของแฮวอน กลับแสดงให้เห็นถึงความไม่สำนึกกับสิ่งที่ทำลงไปแม้แต่นิดเดียว “ขอโทษค่ะ แต่มันเป็นการทำโทษต่างหาก ไม่ใช่การกระทำรุนแรง แต่ถ้ามันเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ ฉันก็ยอมรับผลที่จะเกิดขึ้น เธอ (ลิซ่า) เป็นคนทำผิดก็ต้องรู้จักขอโทษสิคะ”

ฮีจูระงับความโกรธเอาไว้ไม่ได้จริง ๆ เธอคว้าหนังสือเล่มโตที่วางอยู่บนโต๊ะ เอามาฟาดเต็มแรงเข้าที่บ้องหูของแฮวอนจนเธอกระเด็นตกเก้าอี้ไป หลังจากนั้นเมื่อเธอลุกขึ้นมาได้ก็เดินออกจากห้องไปโดยไม่สนใจอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว

หลังจากนั้นเมื่อใจเย็นลง ฮีจูได้นึกถึงเหตุการณ์ตอนที่เธอฟาดหนังสือเข้าหน้าของแฮวอน ทำให้เธอรู้ว่า มันเป็นความตั้งใจของแฮวอนที่จะยั่วเธอให้โกรธ เพราะว่าที่ห้องนั้นมีกล้องวงจรปิดบันทึกภาพเอาไว้

แล้วก็เป็นดังคาด แฮวอนยื่นฟ้องฮีจูในข้อหาทำร้ายร่างกาย

แต่หลังจากนั้นไม่นาน แฮวอนก็ปรากฏตัวพร้อมทั้งคุกเข่าอยู่ที่หน้าบ้านของฮีจู “พี่คะ ฉันขอโทษจากใจจริง ในตอนนั้นฉันจำพี่ไม่ได้” ฮีจูตกใจรีบพาตัวแฮวอนเข้าไปที่สตูดิโอวาดภาพของเธอ เพราะไม่อยากให้คนมาเห็น โดยเฉพาะลิซ่าที่ยังอยู่ในบ้าน

“พี่คะ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ ถ้าฉันรู้ว่าเป็นพี่ฉันคงไม่ทำเรื่องโง่ ๆ แบบนั้น ฉันคิดไม่ถึงจริง ๆ เลยว่าพี่จะมาเป็นจิตรกร ไม่รู้ทำไมฉันถึงจำพี่ไม่ได้เลย ฉันจะถอนฟ้องทันทีเลยค่ะ” แฮวอนยังคงเข่าไม่เลิกเพื่อแสดงออกว่าเธอรู้สึกเสียใจอย่างแท้จริง ก่อนที่จะพูดต่อว่า “ชีวิตฉันเจอแต่เรื่องยุ่ง ๆ ฉันเลยเลิกวาดภาพไป เพราะชีวิตฉันลำบากเลยมักทำอะไรผิดพลาด และยับยั้งตัวเองไม่ได้”

ฮีจูยิ้มออกมาไม่หยุดตามนิสัยโพสิทีฟของเธอ ที่พยายามให้คนรอบข้างเห็นว่าเธอเป็นคนไนซ์ แต่แท้จริงแล้วรอยยิ้มของเธอไม่ได้บ่งบอกถึงความคิดภายในแม้แต่นิดเดียว ตอนนี้ก็เช่นกัน ที่เธอยิ้มก่อนที่จะพูดออกไปว่า “จริง ๆ แล้วฉันยังรับคำขอโทษของเธอไม่ได้หรอก เมื่อนึกถึงความเจ็บปวดที่ลิซ่าได้รับ และฉันเองก็ไม่โอเคกับการที่เธอบุกมาหาฉันแบบนี้ ก่อนหน้านี้เธอทำหน้าตายไม่ยอมขอโทษ เอาแต่บอกว่าตัวเองไม่ผิด แล้วจู่ ๆ ก็โผล่มาแบบนี้ ฉันไม่รู้นะว่าเธอมีเจตนาอะไรกันแน่ เรื่องที่เราเคยรู้จักกันมันคนละเรื่องกับเรื่องนี้”

ภาพแฟลชแบ็กเผยภาพในอดีต ตอนนั้นฮันนา (อีกชื่อหนึ่งของแฮวอน) กำลังสอนฮีจูวาดภาพด้วยความสนิทสนม ทั้งสองดูสนิทสนมกันมาก … แต่มันต้องมีปมปริศนาบางอย่างที่ซุกซ่อนเอาไว้อย่างแน่นอน ถึงทำให้แฮวอนย้อนกลับมาในวันนี้ ?

ในตอนท้ายได้ทิ้งปริศนาบางอย่างเอาไว้ให้ชวนติดตาม … สามีของฮีจูไปเยี่ยมชายหนุ่มคนหนึ่งนอนไม่ได้สติอยู่ที่โรงพยาบาลสลิโก ประเทศไอร์แลนด์ ต่อมาเขาได้รับโทรศัพท์แจ้งว่าชายคนดังกล่าวได้ถูกพาออกจากโรงพยาบาลไป โดยผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อ “ฮันนา” !?

EP.2 ชื่อของเธอคือ ?

แฮวอนซึ่งถูกไล่ออกจากโรงเรียนเนื่องจากทำร้ายร่างกายลิซ่าเกินกว่าเหตุ แต่ก็ไม่วายตามมาวนเวียนอยู่ไม่ห่างจากคนรอบตัวของฮีจู จนทำให้ฮีจูอดสงสัยไม่ได้ว่าการมาครั้งนี้ของแฮวอนไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

ในคืนนั้นเอง ลิซ่าเปิดวิทยุจนสุดเสียงดังลั่นไปทั้งบ้าน ฮีจูตื่นขึ้นมาอย่างตื่นตระหนกเมื่อลิซ่าโวยวายออกมาไม่หยุดว่า “ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย” ฮีจูจึงต้องพาลูกสาวแอดมิดด่วน แต่เมื่อแพทย์ทำการวินิจฉัยแล้วปรากฏว่าทุกอย่างเป็นปรกติ อาการที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นผลทางด้านจิตใจ

ฮีจูขอดูกล้องวงจรปิดจากนิติบุคคลทำให้ได้รู้ว่า ก่อนที่ลิซ่าจะเกิดอาการผิดปรกติ ช่วงกลางวันแฮวอนตั้งใจโผล่มาให้ลิซ่าเห็นที่บริเวณหน้าป้อมยาม ทำให้ฮีจูคิดว่านี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ลิซ่ากระทบกระเทือนจิตใจ

ฮีจูจึงไปนัดพบกับแฮวอนเพื่อคุยเรื่องทีเกิดขึ้น ซึ่งแฮวอนกลับแก้ตัวด้วยการกล่าวหาลิซ่า “พ่อแม่ทุกคนที่ฉันเจอมาก็เป็นเหมือนกันหมด มองว่าลูกของตัวเองเป็นเด็กดี เพราะฉะนั้น พี่อย่ามองว่าลิซ่าแตกต่างจากเด็กคนอื่นเลย ครูจึงมีหน้าที่ตักเตือนเด็กในสิ่งผิด” ซึ่งแน่นอนว่าฮีจูคิดว่าสิ่งที่แฮวอนพูดเป็นเพียงคำแก้ตัว

จากนั้น ฮีจูไปหาเพื่อนเก่าเพื่อให้ติดต่อนักสืบให้ตามสืบเหตุผลที่แฮวอนกลับมาในครั้งนี้ ซึ่งเธอมั่นใจว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน

ที่แกลเลอรีที่กำลังจัดเตรียมนิทรรศการแสดงผลงานของฮีจู ในตอนนั้น แฮวอนได้มายืนขวางทางเข้า ทำให้ฮีจูต้องลงจากรถเพื่อมาคุยกับเธอ แล้วคำพูดเดิม ๆ ก็พรั่งพรูออกมาจากปากของแฮวอน “พี่ ฉันขอโทษจากใจจริงที่ไปทำอย่างนั้นกับลิซ่า …” แฮวอนโผเข้าไปกอดฮีจูพร้อมทั้งทำเสียงสะอึกสะอื้นออกมา

ฮีจูผลักแฮวอนออกไป พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงแสดงความไม่พอใจ “เธอกลับมาทำไม ? เธอมีจุดประสงค์อะไรกันแน่ ?” แล้วใบหน้าของแฮวอนก็เปลี่ยนจากใบหน้าของคนสำนึกผิด กลายเป็นใบหน้าที่เรียบเฉยที่แฝงไปด้วยความกวนโอ๊ยที่มุมปาก “ฉันกลับมามีจุดประสงค์อะไรอย่างนั้นเหรอ”

ในตอนท้าย ภาพแฟลชแบ็กได้เผยให้เห็นความสัมพันธ์ของฮีจูกับแฮวอน ในตอนนั้น แฮวอนกำลังจะแต่งงานกับอูแจ (ชายที่นอนเป็นผักอยู่ที่โรงพยาบาลสลิโก) แต่ดูเหมือนว่าอูแจจะให้ความสนใจในตัวของฮีจูอยู่ไม่น้อย ทำให้เกิดปมปริศนาชวนสงสัยในความสัมพันธ์ของทั้งสามคน ว่าแท้จริงแล้วเรื่องราวมีความเป็นมาอย่างไรกันแน่ !?

EP.3 เรื่องส่วนตัวของฉัน

ย้อนกลับไปเรื่องราวในอดีตของฮีจู ในตอนนั้นเธอแต่งงานกับอันฮยอนซอง ทายาทของกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ แต่ด้วยความที่มีฐานะทางสังคมที่ต่ำกว่ามาก ทำให้ฮีจูถูกปฏิบัติจากครอบครัวของสามีไม่ต่างไปจากแม่บ้านเท่าไรนัก

ฮีจูรู้สึกโดดเดี่ยวจากการที่สามีทำงานอย่างหนัก อีกทั้งตอนนั้นลิซ่า ลูกสาวคนโตไปเรียนที่อังกฤษ ทำให้เธอต้องเจอลูกผ่านหน้าจอเฟซไทม์เพียงเท่านั้น เธอมองดูลูกสาวตัวน้อยผ่านหน้าจอด้วยความคิดถึงทั้งน้ำตา … จริง ๆ แล้วแม่สามีเป็นคนส่งให้ลิซ่าไปเรียนที่นั่น โดยที่ฮีจูไม่รู้เลยว่าเป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงและค่าเทอมแพงมาก

ระหว่างนั้นเองที่ฮีจูได้รู้จักกับแฮวอน (ตอนนั้นฮีจูรู้จักเธอในชื่อฮันนา) และได้เริ่มชักชวนให้ฮีจูมาเรียนวาดรูป เมื่อวันนัดมาถึง แทนที่แฮวอน จะเป็นผู้มาสอนเอง เธอกลับส่งให้รุ่นพี่ซออูแจ (คู่หมั้นของแฮวอน) มาสอนแทนเป็นการส่วนตัว จุดนี้เองที่เป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ต้องห้ามคนทั้งสอง

ตัดภาพกลับมาปัจจุบันที่หน้าแกลเลอรี แฮวอนพยายามที่จะขอโทษด้วยถ้อยคำเดิม ๆ แต่ฮีจูกลับมองต่างออกไป “ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าเธอคอยมาป้วนเปี้ยนวนเวียนกับครอบครัวฉัน”

แฮวอนนัดเจอกับฮีจูอีกครั้ง บทสนทนาของทั้งสองก็ไม่ต่างไปจากเดิม จนมาถึงก่อนที่ฮีจูจะกลับ แฮวอนได้พูดว่า “รุ่นพี่อูแจอยากเจอพี่ รุ่นพี่เขาคิดถึงพี่มากเลยนะคะ”

ฮีจูถึงกับสตั๊นในทันทีเมื่อได้ยินชื่อของอูแจ เธอนึกภาพแฟลชแบ็กย้อนกลับไปในอดีต ในตอนนั้นเธอกำลังเก็บกระเป๋าและจะไปจากอูแจ ขณะเดียวกันนั้นเอง อูแจได้อุ้มทารกน้อยคนหนึ่งเดินหนีจากไป ก่อนที่เขาจะพูดออกไปว่า “ถ้าคุณจะไปก็ไปคนเดียว อย่าพาโฮซูไป”

ทิ้งปมปริศนาไว้ให้ติดตามว่า แท้จริงแล้วโฮซูเป็นลูกของฮีจูที่เกิดจากอูแจใช่หรือไม่ และเธอกำลังปิดบังความจริงนี้กับสามีและครอบครัวหรือไม่ !?

EP.4 ความรักต้องห้าม

ในอดีตนั้น แฮวอนหัวใจแตกสลายเมื่อตอนที่โดนรุ่นพี่อูแจทิ้งไปอย่างไม่ไยดีแม้แต่นิดเดียว

“รุ่นพี่อูแจคิดถึงพี่มากเลยนะคะ”
“พวกเธอสองคนน่ะเลิกกันไปแล้วไม่ใช่เหรอ ?”
“ฉันน่าจะเลิกกับเขา ตอนที่พี่ห้ามเอาไว้ตั้งแต่ตอนนั้น … ฉันว่าที่ฉันกลายเป็นคนแปลก ๆ แบบนี้ก็เพราะรุ่นพี่อูแจ เขาทำลายชีวิตฉันจนไม่เหลือชิ้นดี ถ้าฉันรู้เหตุผลที่เขาจากไปและรู้ว่าเขาทำอะไรอยู่ ฉันคงไม่รู้สึกเจ็บปวดขนาดนี้ ฉันได้กล้ำกลืนฝืนทนเอาแต่สาบานว่าชีวิตนี้คงไม่มีวันให้อภัยเขา แต่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังลืมเขาไม่ได้สักที มันเป็นอะไรที่ทรมานมากเลยจริง ๆ เมื่อถึงตอนนั้นฉันเลยคิดขึ้นมาได้ว่า ให้อภัยเขาเสียดีกว่า ฉันก็เลยให้อภัยเขา … เพราะรุ่นพี่กลับมาแล้วค่ะ”

มันเป็นรอยยิ้มที่แปลกประหลาดยิ่งนัก รอยยิ้มเยาะที่เคลือบด้วยแววตาอันแสนเศร้า มันคือรอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าของแฮวอน ว่าที่จริง มันเป็นรอยยิ้มที่แสดงให้เห็นถึงความโรคจิตที่ฝังอยู่ก้นบึ้ง “พอนึกถึงว่าเวลาดี ๆ ที่มีร่วมกันกับรุ่นพี่ ในนั้นก็มีพี่อยู่ตลอดเลยค่ะ ไว้ไปเจอพี่เขาด้วยกันนะคะ อันที่จริงรุ่นพี่เขา …”

“ไม่” ฮีจูตัดบท เหมือนกับว่าเธอใช้เวลาฟังนานเรื่องไร้สาระที่เธอไม่อยากฟังมานานเกินไปแล้ว “ขนาดคู่แต่งงานเมื่อเลิกรากันไปก็ยังลืมกันได้เลย แต่เธอคบกับเขาแค่ช่วงสั้น ๆ เป็นแค่ความรักของวัยรุ่น แถมเขายังทิ้งเธอไปอย่างไม่ไยดี แต่เธอกลับแค้นฝังหุ่นขนาดนั้น ฉันไม่เข้าใจเลยจริง ๆ”

“ฉันมีเหตุผลของฉันค่ะ”
“ใช่สินะ เหตุผลที่เธอหามาอ้างได้ตลอด เหตุผลที่เอามาใช้ในการสร้างความชอบธรรมเพื่อทำร้ายลิซ่า อย่าได้มาเจอกันอีกต่อไปเลย” พูดจบฮีจูก็เดินหันหลังจากไป โดยไม่สนใจสิ่งที่แฮวอนยังพูดไม่จบ บางทีมันอาจไม่ใช่แค่ไม่อยากฟัง แต่เป็นเพราะไม่อยากให้คำพูดของแฮวอนมากระตุ้นความทรงจำของเธอในอดีตมากไปกว่านี้ อดีตที่อยากจะลบมันไปจากหัวใจ

ฮยอนซอง (สามีของฮีจู) นัดเจอกับแฮวอนที่บาร์แห่งหนึ่ง เพื่อถามถึงซออูแจ แต่ทว่าคำตอบจากแฮวอนทำให้ได้รู้ว่า ฮยอนซองรู้มาตลอดว่า ฮีจูมีขู้ … “พี่เขา (ฮีจู) รู้ไหมคะว่าสามีเป็นคนยังไง คงไม่รู้สินะ เพราะอย่างนั้นถึงได้อยู่ด้วยกันได้ ว่าแต่ว่าทั้งที่รู้อยู่แล้วทำไมยังทนอยู่ด้วยกันล่ะ นั่นเป็นเพราะคุณเชื่อว่าตัวเองสามารถจะลืมทุกอย่าง แล้วใช้ชีวิตครอบครัวอย่างมีความสุขต่อไป แบบนี้มันเรียกว่าความหลงผิดหรือเปล่าคะ”

นิทรรศการศิลปะได้เริ่มต้นขึ้น ฮีจูไปร่วมงานในฐานะศิลปินคนสำคัญ แต่เธอก็ต้องพบกับเซอร์ไพรซ์อย่างถึงที่สุด เมื่อศิลปินหน้าใหม่ที่มาร่วมแสดงผลงานในวันนี้ก็คือ “ซออูแจ” !!

EP.5 สูญเสียความทรงจำ

ฮีจูได้พบกับอูแจอีกครั้งอย่างไม่คาดฝันที่งานแสดงผลงานศิลปะ แต่การพบกันครั้งนี้ อูแจกลับแสดงท่าทางเหมือนไม่เคยรู้จักฮีจูมาก่อน มันทำให้ฮีจูตกตะลึงงงงันยืนนิ่งอึ้งอยู่อย่างนั้น แต่ไม่นานนัก แฮวอนก็เข้ามาพูดกับฮีจู “ฉันคิดว่าเขามาเจอพี่แล้วความทรงจำเขาจะกลับมาได้ซะอีก”

อูแจสูญเสียความทรงจำหลังเกิดอุบัติเหตุ เขานอนเป็นผักไม่ได้สติอยู่นานหลายปี อูแจต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่ไอร์แลนด์มาตลอดหลังเกิดอุบัติเหตุ และกลายเป็นบุคคลนิรนามผิดกฎหมายในต่างประเทศ เนื่องจากพาสปอร์ตของเขาได้สูญหายไป …

แฮวอนเอ่ยด้วยความสงสัยกับฮึจู “ฉันเดินเรื่องอย่างยากลำบากกว่าจะพารุ่นพี่กลับมาได้ แต่ที่ฉันสงสัยก็คือ ทำไมเขาถึงได้ไปอยู่ในประเทศที่ห่างไกลแบบนั้นได้ มันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ … ว่าแต่ว่าพี่ก็เคยอยู่ที่ไอร์แลนด์ไม่ใช่เหรอคะ ?”

ย้อนกลับไปตอนนั้น อูแจหนีไปอยู่กับฮีจูที่ไอร์แลนด์พร้อมทั้งโฮซู ลูกชายคนเล็กวัยแบเบาะ แต่ฮีจูก็ยังไม่ได้เลิกกับสามีเพราะเธอต้องการเงิน กระทั่งวันหนึ่ง ฮีจูตัดสินใจหนีอูแจกลับเกาหลี โดยวางยานอนหลับ พร้อมทั้งเอาพาสปอร์ตของเขาไปทิ้ง

อย่างไรก็ตาม ฮีจูไม่รู้เรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับอูแจมาก่อนเลย และไม่เชื่อเรื่องที่อูแจความจำเสื่อม เธอจึงเข้าไปหาเขาพร้อมกับคำถามมากมายก่ายกอง “สนุกไหมที่ทำแบบนี้ ให้ฉันทำเป็นไม่รู้จักนายอย่างนั้นเหรอ ทำเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นเหรอ นายต้องการอะไรกันแน่ ?” อูแจที่ท่าทางอ่อนแรงเหมือนจะเป็นลมพยายามเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาออกไปว่า “คุณทำแบบนี้ทำไม ผมทำอะไรผิดไปเหรอครับ ?”

เรื่องราวดำเนินไป ระหว่างนั้นฮีจูพยายามใกล้ชิดกับอูแจ ด้วยความที่เธอยังมีความรักให้กับเขา แต่ก็เป็นกังวลว่าการกลับมาครั้งนี้ของอูแจจะทำให้ครอบครัวของเธอมีปัญหา

ณ งานนิทรรศการแสดงผลงานศิลปะ ฮีจูและฮยอนซองต้องเผชิญหน้ากับอูแจและแฮวอน ด้วยบรรยากาศที่ตึงเครียด

EP.6 ความรักที่ยังไม่จางหายไป

ทั้งสี่คนเผชิญหน้ากันด้วยความตกตะลึงท่ามกลางบรรยากาศอันตึงเครียด อูแจยื่นมือเพื่อไปทักทายกับฮยอนซอง แต่ฮยอนซองกลับถามไปว่า “รู้จักผมเหรอครับ ?” ความเงียบงันปกคลุมไปชั่วเวลาหนึ่ง ก่อนที่อูแจจะตอบกลับไปว่า “ขอโทษครับ ผมนึกว่าคุณเป็นคนที่ผมรู้จักน่ะครับ เพราะผมรู้สึกผิดที่จำคนที่เคยรู้จักไม่ได้ เลยติดนิสัยว่าต้องทำเป็นรู้จักก่อนน่ะครับ”

ระหว่างนั้น สงครามประสาทระหว่างฮีจูกับแฮวอนก็ก่อตัวขึ้นอย่างรุนแรง แม้ใบหน้าทั้งสองจะเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม แต่ภายในนั้นต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

วันต่อมา แฮวอนมาที่บ่อตกปลาเพื่อนของฮีจู ที่นั่นเธอได้เผชิญหน้ากับฮีจูอีกครั้ง …

“นี่เธอตามฉันมาทั้งวันเลยเหรอ ?” ฮีจูไม่พอใจ
“หนังสือของพี่ที่ชื่อว่า เรื่องราวของเกาะและทะเลสาบ ในคำนำเขียนเอาไว้ว่าพี่จะมาที่นี่เวลานึกถึงเรื่องความยากลำบากที่ไอร์แลนด์ ฉันเลยอยากลองมาที่นี่ดูบ้าง จริง ๆ พี่ก็เคยอยู่ที่ไอร์แลนด์ รุ่นพี่ก็เคยอยู่ที่ไอร์แลนด์ ฉันก็เลยคิดว่าพี่กับรุ่นพี่อาจจะ …”

ฮีจูขึ้นเสียงตวาดขึ้นมาแทรกทันที “ฉันเคยบอกเธอแล้วไงว่าฉันไม่เคยเจอเขา วัน ๆ ฉันวุ่นอยู่กับเรื่องเลี้ยงลูก ทั้งยังต้องเรียนอีก ฉันไม่มีเวลาไปเจอใครหรอก และขอร้องว่าอย่ามาวุ่นวายกับฉันอีกเลย … ตอนที่ฉันห้ามไม่ให้แต่งงาน เธอก็บอกกับฉันว่าการแต่งงานจะทำให้เธอมีความสุข ถ้าตอนนี้ชีวิตเธอมันจะเป็นทุกข์ก็ต้องโทษตัวเองแล้วล่ะ เธอเลือกเอาชีวิตไปผูกกับผู้ชายเพียงคนเดียว ชีวิตของเธอถึงได้เป็นแบบนี้ไง”

หลังจากแฮวอนกลับไปแล้ว ฮีจูได้เล่าเรื่องที่เธอมีชู้ให้เพื่อนสนิทฟัง เธอนึกเสียใจมาตลอดว่าตัวเองไม่ควรทำแบบนั้น ทั้งที่ยังรับและใช้เงินของสามีอยู่ และฮีจูก็มั่นใจว่าเรื่องนี้ไม่มีใครรู้นอกจากตัวเธอและอูแจ

อย่างไรก็ตาม เพื่อนของฮีจูกลับมองต่างออกไป เธอมีลางสังหรณ์ว่า เรื่องที่ฮีจูมีชู้อาจไม่เรื่องที่เป็นความลับระหว่างคนสองคนก็เป็นได้

สุดท้ายแล้วผลงานศิลปะของอูแจก็มีเศรษฐีผู้ไม่ประสงค์ออกนามซื้อไปในราคาสูง

แฮวอนตามสืบจนรู้ว่าผู้ที่ซื้อผลงานนั้นไปก็คือฮีจู เธอจึงใช้ลูกเล่นให้ขนส่งผลงานศิลปะดังกล่าวไปที่โรงพยาบาลแทริม แทนที่จะส่งไปที่โกดังเก็บผลงานของฮีจู

ฮีจูโกรธจัดที่แฮวอนเข้ามาวุ่นวายไม่เลิก จึงรีบบึ่งรถไปหาด้วยความหงุดหงิด “นี่เธอทำบ้าอะไร ทำไมส่งไปที่โรงพยาบาลแทริม แค่สนับสนุนผลงานของเขาต้องขออนุญาตเธอด้วยเหรอ”

แฮวอนยิ้มเยาะออกมาด้วยท่าทางกวนประสาทเป็นอย่างมาก ก่อนที่จะเอ่ยในสิ่งที่ฮีจูไม่คาดคิด “ทำไมพี่ต้องทำแบบนี้ด้วย เพราะต้องการรุ่นพี่ไปเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปเหรอคะ ทั้งที่พี่ก็มีทุกอย่างอยู่แล้ว แต่รุ่นพี่เขาเป็นทุกอย่างสำหรับฉันที่ไม่มีอะไรเลย … ฉันก็อยากให้เรื่องนี้มันเป็นเรื่องเหลวไหลเหมือนกัน พี่น่าจะพูดกับฉันตรง ๆ นะ ทั้งพี่และรุ่นพี่เป็นคนที่ฉันรักมากที่สุด บางทีฉันอาจจะยอมให้ก็ได้นะ”

ที่แท้แล้ว แฮวอนกลับรู้เรื่องที่ฮีจูเป็นชู้กับอูแจ มันทำให้ฮีจูสตั๊นไปจนร่างกายแทบไม่ไหวติง แถมแฮวอนยังรู้ด้วยว่า โฮซูเป็นลูกฮีจูที่เกิดกับอูแจ !!!

ในตอนท้าย อูแจมาหาโฮซูที่กำลังเล่นเบสบอลอยู่ที่สนาม อูแจได้เข้าไปคุยกับเด็กน้อยด้วยท่าทีสนิทสนม ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ฮยอนซองถือไม้เบสบอลมาเห็นเหตุการณ์พอดี

EP.7 สายฝนและโชคชะตา

อูแจมาที่สนามเบสบอลและเข้าไปคุยกับโฮซู เมื่อฮีจูเห็นเข้าก็รีบวิ่งมาดึงตัวโฮซูออกไป ก่อนที่จะตวาดออกมาด้วยความเดือดดาล “นายคิดจะทำอะไรกันแน่ ต้องการอะไรถึงมาทำแบบนี้เอาตอนนี้ !”

อูแจแสดงท่าทางตกใจเป็นอย่างมาก และทำท่ายืนงงอยู่อย่างนั้น ก่อนที่จะเอ่ยปากถามออกมาด้วยความไม่รู้ “ทำไมต้องกลัวผมขนาดนั้นด้วยครับ มีเรื่องอะไรระหว่างเราหรือเปล่า ตอบผมมาเถอะครับ ผมจะได้รู้ตัวไว้”

ฮยอนซองที่ยืนอยู่ห่าง ๆ มาระยะหนึ่งแล้ว เห็นสถานการณ์ไม่ค่อยดี เขาจึงเข้ามาทำลายบรรยากาศที่น่าอึดอัดนั้น “คุณซออูแจสวัสดีครับ มาที่นี่ได้ยังไงครับ ?” อูแจจึงตอบกลับไปอย่างซื่อ ๆ “ผมก็แค่อยากมาลองเช็กตัวเองดูว่าชอบเล่นเบสบอลหรือเปล่าเท่านั้นแหละครับ เห็นว่าที่นี่อยู่ใกล้ ๆ เลยลองมาดู แต่ผมไม่รู้ว่าพวกคุณอยู่ที่นี่ด้วย”

หลังจบการแข่งขันเบสบอลเสร็จ ฮยอนซองจึงชวนอูแจติดรถไปด้วย แต่เมื่อถึงที่พักของอูแจ เมื่อฮยอนซองจะขับรถออกไป แฮวอนก็มายืนขวางถนนเเอาไว้ จากนั้นก็มาเรียกฮีจูลงจากรถ ก่อนที่จะเอาน้ำแดงในมือราดไปที่หัวของฮีจูด้วยความโกรธ แต่ก่อนที่เรื่องจะบานปลาย อูแจก็ได้เข้ามาห้ามเอาไว้

ในคืนนั้น อูแจถามแฮวอนด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเป็นอย่างมาก …

“พวกนั้นหวังดีมาส่งฉัน ทำไมต้องทำแบบนั้นด้วย ?”
“พวกเขาไม่ชอบฉัน อย่าไปเจอพวกเขาตอนที่ฉันไม่อยู่”
“ทำไมฉันต้องเกลียดพวกนั้นด้วย ? แล้วทำไมเราต้องมาทะเลาะกันเพราะคนอื่นด้วย ?”
“ไม่หรอก จริง ๆ แล้วเราไม่โอเค ฉันแค่เสแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรต่างหากล่ะ ความจริงแล้วฉันไม่โอเคเลยสักนิด รุ่นพี่ไม่รู้หรอกว่าที่ผ่านมาฉันใช้ชีวิตยังไง”

อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่ก็ผ่านช่วงเวลาอันตึงเครียดไปด้วยความปรารถนาที่หยิบยื่นให้แก่กันในคืนนั้นเอง

แฮวอนขออูแจให้จัดงานแต่งงาน แม้อูแจจะไม่ค่อยเห็นด้วย แต่ก็ตอบตกลงไปอย่างเสียไม่ได้

จากนั้นอูแจเกิดสงสัยเรื่องที่ว่า ทำไมเขาถึงต้องไปไอร์แลนด์อย่างกะทันหัน แต่แฮวอนก็เฉไฉตอบไปว่า เขาอยากไปไอแลนด์มาตลอดทั้งชีวิต เพราะประติมากรคนโปรดของเขาอยู่ที่นั่น

อูแจเข้าบัญชีอีเมลเก่าของเขา ในนั้นเขาได้เจออีเมลฉบับหนึ่งจากสถานทูตเกาหลีประจำประเทศไอร์แลนด์ เนื้อหาระบุว่า มีคนแจ้งความกับตำรวจเกาหลีว่าเขาหายตัวไป ขณะที่เขาอยู่ที่ไอร์แลนด์

วันรุ่งขึ้น อูแจเดินทางไปที่สถานีตำรวจเขาจึงได้รู้ว่า แฮวอนเป็นคนแจ้งความว่าเขาหายตัวไป นั่นหมายความว่าสิ่งที่แฮวอนบอกกับเขา ที่เขาเดินทางไปไอร์แลนด์เป็นเรื่องโกหก

“แฮวอน ฉันเคยหนีไปจากเธอเหรอ ฉันรู้ว่าเธอแจ้งความคนหาย มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น ?”
“ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน รุ่นพี่บอกว่ากลับมาแล้วจะเล่าให้ฉันฟัง ฉันก็ได้แต่รอแต่รุ่นพี่ก็ไม่มา รู้ไหมว่ามันทรมานมาก แต่รุ่นพี่กลับประสบอุบัติเหตุและโผล่มาเป็นคนใหม่แบบนี้ ทำให้ฉันโกรธไม่ลง แต่ฉันก็ยังรอให้รุ่นพี่อธิบายให้ฟังอยู่นะ”

ในตอนท้าย อูแจกับฮีจูบังเอิญได้ใกล้ชิดกันอีกครั้งท่ามกลางสายฝน …

EP.8 วนลูปกลับไปที่จุดเดิม

ฮีจูกับอูแจกอดกันกลางสายฝนโดยบังเอิญ ก่อนที่ฮีจูพยายามผละตัวออก …

“แฮวอนสั่งให้มาสะกดรอยตามตัวฉันอย่างนั้นเหรอ ?”
“ไม่ใช่ครับ ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าคุณจะมา”
“จะบอกว่าเป็นเรื่องบังเอิญอีกแล้วเหรอ ?”
“ผมว่าบางทีอาจจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญก็ได้ครับ เพราะผมคิดเอาไว้แล้วว่าอาจจะได้เจอคุณที่นี่”

แฮวอนตื่นมาไม่เจออูแจ จึงให้จูยองตามถ่ายคลิปมาให้ จนเธอได้รู้ว่าอูแจแอบไปเจอกับฮีจู แวบแรกที่เห็นคลิป แฮวอนนึกถึงภาพตอนที่เธอเลือกจบชีวิตตัวเอง ตอนที่อูแจได้ทิ้งเธอไป

อย่างไรก็ตาม เมื่ออูแจกลับมาบ้าน แฮวอนก็ทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น

หลังจากนั้นฮยอนซองเดินทางไล่ที่ที่บ้านของพ่อจูยอง ในท้ายที่สุดฮยอนซองก็โดนไม้บิลเลียดตีเข้าที่หัว ทำให้พ่อจูยองโดนจับ

ทีนี้แฮวอนก็เดินทางไปหาฮยอนซองที่ออฟฟิศเพื่อเจรจาให้ไม่เอาเรื่องพ่อจูยอง แต่จังหวะนั้นเอง แม่ของฮยอนซองเกิดเดินทางมาพอดี ทำให้ทั้งสองเกิดมีปากเสียงถึงขั้นถึงเนื้อถึงตัวกัน เพราะแม่ของฮยอนซองเข้าใจว่าแฮวอนมาอ่อยลูกชายของเธอ ทันใดนั้นเอง ฮีจูก็เข้ามาตบหน้าแฮวอนอย่างแรง “กล้าดียังไงถึงมาทำตัวลามปาม ทำกับฉันยังไม่พอ ยังกล้ามาทำตัวแบบนี้ที่นี่อีกเหรอ”

สุดท้ายแล้ว อูแจก็เข้ามาแยกตัวแฮวอนออกไป พร้อมกับโค้งขอโทษทุกคน ซึ่งนั่นทำให้แฮวอนเกิดความไม่พอใจโวยวายออกมาอย่างกับคนบ้า “อย่าไปขอโทษคนพวกนั้น”

ระหว่างนั้น ฮีจูเริ่มสงสัยว่าฮยอนซองรู้เรื่องอะไรของเธอตอนที่อยู่ไอร์แลนด์บ้าง เธอเริ่มเช็กประวัติการเดินทางไปต่างประเทศ และประวัติการโทร. ของเขา เมื่อสืบไปสืบมาก็ทำให้เธอได้รู้ว่า ในวันที่ฮยอนซองเดินทางไปไอร์แลนด์ 16 มีนาคม 2018 เป็นวันเดียวกับที่อูแจประสบอุบัติเหตุ และทางมูลนิธิแทริมก็เป็นคนรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายการรักษาของอูแจมาโดยตลอด

วันแต่งงานของแฮวอนกับอูแจซึ่งจัดขึ้นที่หอศิลป์ วันนี้ดูเหมือนว่าเป็นวันที่แฮวอนจะยิ้มแย้มด้วยความสุขมากที่สุดในรอบหลายปี ในตอนนั้นแฮวอนได้เข้าไปพูดแขวะฮีจูที่มาร่วมงาน “ทำไมพี่ถึงทำตัวไม่สะทกสะท้าน ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วใช้ชีวิตอย่างสบายใจ สรุปว่าต้องโยนความละอายต่อบาปทิ้งไปใช่มั้ย ถึงจะทำให้คนเราหน้าด้านได้มากขึ้นเหมือนอย่างพี่”

ในระหว่างงานแต่งงานนั้นเอง อูแจได้เห็นฮีจูยืนอยู่คนเดียว จู่ ๆ เขาก็ทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ ทันใดนั้นเองเขาก็วิ่งที่หาฮีจู ก่อนที่จะจูงมือเธอไปที่มุมหนึ่ง ก่อนที่ทั้งสองจะจูบก่อนอย่างเร่าร้อน เหมือนดังว่าเป็นแรงขับจากความปรารถนาที่อัดอั้นมาอย่างยาวนาน

EP.9 สั่นไหวแม้นิ่งสงบ

ความทรงจำของอูแจค่อย ๆ กลับมา เขาจูบฮีจูด้วยความรู้สึกที่เกิดจากจิตใต้สำนึก รอยจูบนั้นได้กระตุ้นความรู้สึกของฮีจูอย่างบอกไม่ถูก แต่เมื่อรวบรวมสติได้ ฮีจูก็ผลักอูแจออกไปพร้อมกับกล่าวออกไปว่า “ไปซะ กลับไปที่ของคุณที่คุณควรอยู่ ถือว่าเราไม่เคยเจอกันที่นี่”

อูแจเดินเข้าสู่พิธีแต่งงานกับแฮวอนด้วยความรู้สึกอันแปลกประหลาด แต่เขาก็ทำให้พิธีแต่งงานผ่านไปด้วยดี

การแต่งงานของอูแจกับแฮวอนผ่านไป แต่เรื่องราวในวันนั้นยังไม่จบลง เมื่อลิซ่าได้เห็นอูแจจูบกับแม่ของเธอ !!! ลิซ่าร้องไห้ออกมามากมายไม่ต่างอะไรกับคนบ้า แม่ของเธอทำเรื่องเลวทรามต่อเนื่องยาวนานมาตั้งแต่เมื่อเธอยังเป็นเด็ก จนถึงตอนนี้

ฮีจูไปหาแฮวอนเพื่อถามเรื่องที่เชิญลิซ่าไปงานแต่งงาน “เชิญลิซ่าไปงานแต่งทำไม ? เธอกับสามีฉันกำลังรวมหัวกันทำอะไรอยู่ ? สิ่งที่เธอรู้มันคืออะไรกันแน่ ?”

แฮวอนตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ฉันไม่ได้เชิญลิซ่า และสิ่งที่ฉันรู้จากการเป็นครูก็คือ คนที่ทำให้เด็กเจ็บปวดมากที่สุดก็คือพ่อแม่ มันเป็นความผิดหวังที่เกิดจากความรักและเชื่อใจ พี่คงกลัวว่าลิซ่าจะรู้เรื่องอะไรบางอย่างของพี่สินะ แต่สำหรับเรื่องที่ฉันรู้ ฉันว่าพี่ลองไปถามสามีของพี่เองจะดีกว่า ถ้าพี่กล้าพอที่จะถามเขาล่ะนะ”

ในตอนท้าย อูแจไปพบฮีจูอีกครั้ง ครั้งนี้เขามาพร้อมคำถาม คำถามที่ฮีจูไม่คาดคิดว่าจะได้ยิน “ก่อนหน้านี้ที่คุณบอกว่าเมื่อก่อนผมเคยเกลียดคุณ คุณโกหกผมใช่มั้ย เพราะแท้จริงแล้วผมชอบคุณต่างหาก”

EP.10 ยามที่ลมไม่พัดหวน

แฮวอนตบหน้าอูแจเพราะเขาแอบไปหาฮีจู จนทำให้คุณตาของแฮวอนต้องนั่งรอเธอไปรับนานกว่า 3 ชั่วโมง จนเป็นเหตุให้คุณตาเสียชีวิต

ฮีจูเดินทางมางานศพของคุณตา เธอเดินเข้าไปหาแฮวอนเพื่อเอ่ยคำปลอบประโลม “ฉันรู้ว่าเธอรักคุณตามากแค่ไหน เข้มแข็งไว้นะ ขอโทษด้วยนะ” แฮวอนตอกกลับ “ดูเหมือนว่าตอนนี้พี่ไม่มีสิทธิ์มาขอโทษฉันแล้วล่ะ ตอนที่ฉันต้องการคำขอโทษจากพี่ ฉันยังพอมีใจจะยกโทษให้พี่อยู่ ที่ผ่านมาพี่เมินโอกาสที่ฉันให้ไป แต่กลับมาขอโทษตอนนี้ตอนที่ฉันพังทลายที่สุด ฉันก็เลยไม่รับคำขอโทษของพี่ไง ฉันจะบอกอะไรให้นะว่าคำขอโทษมันไม่ได้จบเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเรา ฉันเกลียดพี่ และไม่ว่าพี่จะอยู่ที่ไหน ฉันก็ตามไปหลอกหลอนไม่จบสิ้น ชีวิตของพี่จะกลายเป็นนรก ขอให้พี่มีชีวิตยืนยาวและตายอย่างโดดเดี่ยวนะคะ !!!”

อูแจยังลบความรู้สึกสงสัยว่าแท้จริงเขาเคยชอบฮีจูจริงหรือไม่ออกไปจากใจไม่ได้ เขาจึงหาโอกาสไปเจอกับฮีจูเพื่อถามสิ่งที่เขาสงสัย แต่ฮีจูก็ยังคงตอบกลับไปอย่างเลี่ยง ๆ ว่า เขาเคยชอบเธอแบบเป็นกิ๊กกันเล่น ๆ เท่านั้น ไม่ได้มีอะไรที่ต้องเอามารื้อฟื้นอีกต่อไป

คำตอบของฮีจูมันทำให้หัวของอูแจแทบระเบิด เพราะมันตรงกันข้ามกับความรู้สึกของเขาอย่างสิ้นเชิง ความคิดของเขาตีกันอยู่ในเซลล์สมองอยู่อย่างนั้นจนทำให้เขาแทบเป็นบ้า … ทำไม ? อะไร ? อย่างไร ? ในหัวของเขามีแต่เครื่องหมายคำถามเต็มไปหมด ????????

แฮวอนกลับมาเจอกับอูแจ หลังจากการไว้ทุกข์และจัดการเรื่องคุณตา เธอบอกความจริงบางอย่างในใจของเธอกับเขา “รู้ไหมทำไมฉันถึงอยากแต่งงาน ก็เพราะว่าฉันอยากใส่กุญแจมือรุ่นพี่ ฉันคงห้ามไม่ให้รุ่นพี่คิดถึงคนอื่นไม่ได้ แต่ฉันจะไม่ปล่อยรุ่นพี่ไปอีกแล้ว ไม่ว่ารุ่นพี่กับคนคนนั้นจะรักกันแค่ไหน มันก็เป็นการคบชู้ที่น่ารังเกียจ เป็นได้แค่นั้นแหละ”

บางทีแล้วแฮวอนในตอนนี้น่าจะอยู่ในห้วงช่วงของความพังทลายอย่างแท้จริง แววตาของเธอดูเศร้าอย่างบอกไม่ถูก เหมือนดั่งเธอทำให้ตัวเองเป็นตัวเก็บกักความทุกข์ทั้งหมดที่มีบนโลกเอาไว้ก็ไม่ปาน มันเป็นเช่นนั้นจริง ๆ แต่เมื่อเศร้าจนถึงขีดสุดมันก็แปรเปลี่ยนเป็นการล้างแค้น

วันนี้เป็นวันเกิดของโฮซู ทุกคนต่างวุ่นวายอยู่กับการจัดเตรียมปาร์ตี้วันเกิด เมื่อถึงเวลาเลิกเรียน มีคนสวมหน้ากากมารับโฮซูไป และจากนั้นเขาก็หายตัวไป !?

เมื่อฮีจูรู้ว่าลูกชายคนเล็กหายตัวไป เธอจึงโทร. ไปหาแฮวอน “โฮซูอยู่ที่ไหน เอาเป็นว่าฉันขอโทษ สิ่งที่ฉันทำไปมันเป็นสิ่งที่ผิด แต่เธอไม่มีสิทธิ์มาแตะต้องลูกของฉันนะ ทั้งหมดเป็นความผิดของฉันเอง”

ในขณะที่ฮีจูกำลังโวยวายเหมือนคนบ้า แฮวอนได้แต่ยิ้มเยาะด้วยความสะใจอยู่ที่ปลายสาย …

EP.11 ปิศาจในตัวคุณ

แฮวอนเป็นคนแนะนำให้พ่อของจูยองปลอมตัวเป็นตัวตลกใส่หน้ากากปิศาจ เพื่อลักพาตัวโฮซูขณะกลับจากโรงเรียน ฮยอนซองตามมาที่ห้องพ่อจูยอง แต่ก็ไม่พบกับโฮซู ตำรวจจึงได้ควบคุมตัวไปในข้อหาลักพาตัว

แท้จริงแล้ว โฮซูอยู่กับแฮวอนที่ห้องพักของเธอ เมื่ออูแจกลับมาบ้านก็โวยวายออกมาด้วยความโมโห ก่อนที่เขาจะอุ้มโฮซูออกไปส่งคืนให้ฮีจูที่บ้าน แฮวอนตามมาด้วย เธออ้างกับฮยอนซองและฮีจูว่า เธอเป็นคนช่วยเกลี้ยกล่อมพาโฮซูมาจากพ่อของจูยอง

แน่นอนว่าทั้งหมดเป็นแผนของแฮวอน ที่ต้องการทำให้ฮีจูเจ็บปวดจากการเสียคนที่ตัวเองรักไป แม้มันจะเป็นเวลาเพียงแค่ครึ่งวันก็ตามที

ต่อมามีการสอบปากคำโฮซู แต่ด้วยความที่แฮวอนตีสนิทกับโฮซูมานานแล้ว ทำให้โฮซูไม่ได้มองว่าแฮวอนเป็นคนร้าย แถมยังมีหลักฐานอื่น ๆ ที่แฮวอนตั้งใจจัดฉากเอาไว้ ทำให้แฮวอนรอดพ้นความผิดไปได้

ฮีจูได้พบซองสีน้ำตาลที่แฮวอนส่งมาที่บ้าน แต่เมื่อเธอเปิดดูกลับเป็นแค่ซองเปล่า เธอจึงไปนัดเจอกับแฮวอนเพื่อถามว่าสิ่งของในซองสีน้ำตาลคืออะไร แฮวอนบอกความจริงไปงาสว่า มันคือรูปถ่ายครอบครัวของฮีจู ที่มีอูแจและโฮซูอยู่เคียงข้างสมัยที่อยู่ด้วยกันที่ไอร์แลนด์ !

แฮวอนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่สายตาแฝงไปด้วยความรู้สึกเย้ยหยัน “ตอนแรกฉันก็สงสัยนะว่าเด็กคนนั้นเป็นใคร แต่ฉันก็ยังคิดนะว่าพี่คงไม่ทำอย่างนั้นกับฉันหรอก เพราะตอนนั้นฉันรักพี่มาก ฉันเคยคิดขนาดที่ว่าฉันจะใช้ชีวิตยังไงถ้าไม่มีพี่ แต่ตอนนี้ฉันกลับคิดว่า ถ้าพี่ตายก่อน ฉันคงจะโล่งใจ”

อย่างไรก็ตาม ฮีจูก็ยังพยายามปากแข็งแก้ตัวว่า มันไม่ใช่รูปครอบครัว แต่เป็นความบังเอิญที่เธอได้เจอกับอูแจที่นั่น แล้วก็ถ่ายรูปด้วยกันก็เท่านั้นเอง แถมยังตอกกลับด้วยว่า “ปิศาจที่แท้จริงมันอยู่ในตัวเธอต่างหาก ที่ทุกคนทิ้งเธอไปเพราะเบื่อเธอ และคนที่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางความทรมานอันแสนเจ็บปวดก็คือเธอ ไม่ใช่ฉัน” แต่แฮวอนก็ทำลอยหน้าลอยตาตอบกลับ “ถ้าฉันเป็นปิศาจ คนที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้คือใครกัน”

ฮีจูพยายามตามหาว่ารูปใบนั้นในซองสีน้ำตาลใครเป็นคนเอาไป แต่ก็หาไม่พบ

ถัดมา อูแจเจอกับฮีจูที่โรงพยาบาลโดยบังเอิญ เขาอยู่ในสภาพที่อึดอัดกับความลับที่ฮีจูปกปิดเขาเอาไว้ ก่อนที่เขาจะเอ่ยปากด้วยความโกรธ “สามีคุณรู้อยู่แล้วว่าเราเคยคบกัน”

มาถึงจุดนี้ สภาพจิตใจของฮีจูอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่สุดขีด กับความลับอันเลวทรามต่ำช้าของตัวเองที่พยายามปกปิดมาตลอด เธอกลัวว่ามันจะถูกเปิดเผยออกมา

ในคืนนั้น ฮยอนซองตื่นขึ้นมากลางดึกแล้วไม่เจอฮีจูนอนอยู่ข้างเตียง จู่ ๆ ความหึงหวงก็เข้าครอบงำจนทำให้เขากลายเป็นเหมือนคนแทบสิ้นสติ ฮยอนซองรีบบึ่งรถ BMW คันหรูไปหาฮีจูที่สตูดิโอของอูแจ แต่เมื่อไปถึงเขากลับพบแฮวอน จากนั้นเธอจึงได้ส่งโลเคชั่นของอูแจให้

ฮยอนซองขับมาถึงบาร์แห่งหนึ่งตามโลเคชั่น แต่จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนใจขับรถกลับบ้านเฉยเลย ก่อนที่จะมุ่งไปที่สตูดิโอของฮีจูซึ่งอยู่ภายในบ้าน เมื่อเจอหน้าฮีจูที่ท่าทางเหมือนกับคนเผลอหลับไป เขาก็โวยวายออกมา …

“คุณไปอยู่ไหนมา ?”
“ฉันจะไปไหนได้ล่ะ”
“พูดอะไรออกมาก็ได้ โกหกออกมาก็ได้ !!!”

ฮยอนซองตวาดเสียงดังลั่น ก่อนที่เขาจะหยิบรูปนั้นออกมาทิ้งไปบนพื้น ฮีจูได้แต่มองด้วยสีหน้าตกตะลึง !

EP.12 เส้นทางที่ยังไปไม่ถึงนรก

ฮีจูก้มตัวลงไปหยิบรูปถ่ายใบนั้นขึ้นมา ในขณะที่อารมณ์โกรธจากความหึงหวงของฮยอนซองยังคงหนักแน่นอยู่อย่างนั้น “คุณกลับไปคบกับซออูแจอย่างนั้นเหรอ พูดอะไรออกมาหน่อยสิ !?”

ในหัวของฮีจูในตอนนี้มีคำพูดต่าง ๆ มากมายวิ่งพล่านไม่หยุด จะตอบเขาว่าอะไรดีนะ ? ถ้าพูดอะไรออกไปเขาจะเชื่อหรือเปล่านะ ? หรือว่า ฉันต้องทำยังไงคุณถึงปฏิบัติกับฉันเหมือนเดิม ? ท้ายที่สุดเธอจึงพูดออกไปว่า “ฉันพูดอะไรได้ล่ะ จะให้ฉันพูดถึงความไร้ยางอายเหล่านั้นออกมาได้ยังไง ที่แฮวอนมาวุ่นวายกับครอบครัวของเราก็เป็นเพราะฉันเอง ฉันทำมันพังทั้งหมด แม้ฉันจะพูดอะไรออกไปมันก็ล้วนแล้วแต่เป็นคำแก้ตัวทั้งสิ้น ถ้าคุณทนอยู่กับฉันไม่ได้ ฉันก็จะเป็นฝ่ายไปจากคุณเอง”

หลังพูดจบ ฮีจูก้มหน้าเหมือนกับยอมรับชะตากรรมของตัวเอง ทันในนั้น ฮยอนซองก็เอื้อมมือไปจับมือของฮีจูเอาไว้ ก่อนจะเอ่ยคำพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ ราวกับเป็นคนละคนกับเมื่อครู่ “ถ้าผมต้องการแบบนั้น ผมคงไม่ตามหาคุณเหมือนคนบ้าหรอก ผมต่อสู้เพื่อคุณและครอบครัวของผมมาตลอดทั้งชีวิต ผมจะไม่ปล่อยมันไปเด็ดขาด”

ฮยอนซองหยิบรูปใบนั้นไปเผาไฟ “ต่อจากนี้ ห้ามหายไปจากสายตาของผมอีก” แล้วเขาก็เข้าสวมกอดฮีจู

ฮยอนซองยกโทษให้กับฮีจูโดยสมบูรณ์แล้ว เขายกโทษให้เธออย่างแท้จริง ยกโทษให้กับการหลอกลวงต่าง ๆ นานาที่ใช้เป็นข้ออ้างเพื่อจะได้แอบไปอยู่กับชายอื่น เขายกโทษให้เธอทั้งหมดจริง ๆ มันง่ายดายจนตัวฮีจูเองก็แทบไม่อยากเชื่อว่ามันเป็นความจริง

ด้านแฮวอนเอง เมื่อรู้ว่าแผนการทำลายฮีจูโดยใช้รูปถ่ายไม่ได้ผล เธอจึงเอาข้อสงสัยเรื่องพ่อผู้ให้กำเนิดโฮซูไปเปิดเผยให้แม่สามีของฮีจูได้รู้ โดยใช้สูติบัตรที่มีชื่อของอูแจเป็นชื่อพ่อจากโรงพยาบาลสลิโก ประเทศไอร์แลนด์ แม่สามีของฮีจูจึงทำการตรวจ DNA ของโฮซูเพื่อพิสูจน์สายเลือดที่แท้จริง !

ส่วนอูแจก็ยังคงหมกมุ่นอยู่กับการตามหาความทรงจำของตัวเองไม่เลิก กระทั่งเขาตัดสินใจเดินทางไปไอร์แลนด์เพื่อตามล่าความทรงจำ เมื่อไปถึง อูแจก็บังเอิญได้เจอสายสะดือของโฮซูที่เขาเก็บเอาไว้เป็นที่ระลึก มันทำให้ภาพความทรงจำของเขาย้อนกลับมา …

โฮซูคือลูกชายของเขา !!?

EP.13 ฟื้นความทรงจำที่หายไป

อูแจเดินทางไปไอร์แลนด์เพียงลำพัง เพื่อฟื้นความทรงจำที่หายไป ที่นั่นเขาได้เรียนรู้ถึงช่วงเวลาที่มีความสุขสุด ๆ กับฮีจู และมีลูกน้อยด้วยกันหนึ่งคน … โฮซู !?

ยิ่งไปกว่านั้น อูแจยังได้รู้ว่าฮยอนซองมาเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาลสลิโกที่ไอร์แลนด์อยู่บ่อยครั้ง และยังเป็นคนค่าใช้จ่ายเรื่องรักษาพยาบาลเป็นเวลานานหลายปีให้ด้วย อูแจเชื่อว่าฮยอนซองมีส่วนเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุ ที่ทำให้เขาต้องนอนเป็นเจ้าชายนิทรามานานหลายปี

ด้านฮีจูก็แก้ตัวกับแม่สามีเป็นพัลวัน เรื่องที่มีชื่อของอูแจปรากฏเป็นชื่อผู้ปกครองโฮซู ในสูติบัตรโรงพยาบาลสลิโกที่ไอร์แลนด์ ฮีจูอ้างว่าด้วยความที่อูแจเป็นคนชาติเดียวกันที่ต่างแดน ทำให้มีความสนิทสนมมากเป็นพิเศษ และตอนนั้นเธอก็ปวดท้องคลอดก่อนกำหนด ซึ่งอูแจก็เป็นคนช่วยเธอพาไปส่งโรงพยาบาล จึงมีชื่อเป็นผู้ปกครองของโฮซู แน่นอนว่าแม่สามีของฮีจูไม่เชื่อ ผลตรวจดีเอ็นเอเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ความจริงทั้งหมด

วันรุ่งขึ้น ผลการวิเคราะห์ดีเอ็นเอออกมาแล้ว ความเป็นไปได้ที่ฮยอนซองเป็นพ่อของโฮซูเท่ากับ 99.999 เปอร์เซ็นต์ โฮซูเป็นลูกของฮยอนซอง !

ฮีจูโต้เถียงกับแฮวอนที่หอศิลป์ด้วยเรื่องเดิม ๆ จนเมื่อเห็นประธานหอศิลป์เดินมา ฮีจูจึงแกล้งทำทีเป็นโดนแฮวอนทำร้าย สุดท้ายแฮวอนก็โดนไล่ออก ซึ่งเธอเองก็ยอมรับโดยไม่ได้โต้แย้งใด ๆ

อูแจกลับมาถึงเกาหลี การกลับมาคราวนี้ เป้าหมายของอูแจเปลี่ยนไป เขากำลังวางแผนเพื่อเอาคืนฮยอนซองซึ่งเขาเชื่อว่า เป็นคนที่ทำให้เขากลายเป็นเจ้าชายนิทรานานหลายปี

ภาพแฟลชแบ็กเผยให้เห็นความจริงเมื่อหลายปีก่อน ในคืนที่อูแจเกิดอุบัติเหตุรถชน คืนนั้น ฮยอนซองเจอกับอูแจที่บาร์แห่งหนึ่งที่ไอร์แลนด์ อูแจพูดจายั่วประสาทเรื่องฮีจู “คุณคิดเหรอว่าเธอจะอยากอยู่กับคุณจริง ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเงินที่คุณมี คุณคงไม่มีวันได้รู้หรอกว่าผู้หญิงอย่างฮีจูเร่าร้อนแค่ไหน” ฮยอนซองโกรธจัดคว้าคอเสื้อของอูแจเหมือนอยากจะตะบันหน้าให้หมอบลงไปกับพื้น แต่เขาก็พยายามระงับสติอารมณ์ตัวเองเอาไว้ แต่ …

ระหว่างที่ฮยอนซองขับรถออกมาจากบาร์ เขาบังเอิญได้เห็นอูแจเดินอยู่คนเดียวกลางถนน ในชั่วเวลานั้นเอง อารมณ์ความโกรธผสมกับความหึงหวงก็เข้าครอบงำ ฮยอนซองเหยียบคันเร่งคนมิด ความเร็วของรถพุ่งเข้าชนอูแจอย่างจังหมดสติลงไปนอนกองอยู่กับพื้น

ในวันเดียวกันนั้นเอง อูแจขอเลิกกับแฮวอน “ขอโทษนะ เลิกกันเถอะ ถ้าไม่อย่างนั้นฉันก็จะทิ้งเธอไปอีกครั้ง” แฮวอนของขึ้น ตวาดออกมาด้วยเสียงดังลั่น “ความทรงจำกลับมาก็ยังทำตัวเหมือนเดิมเลยนะ รู้มั้ยว่าสิ่งที่รุ่นพี่เป็นมันเรียกว่าเสพติด มันเหมือนกับที่ฉันเสพติดรุ่นพี่นั่นแหละ เพราะงั้นพวกเราถึงไม่มีวันหลุดออกจากบ่วงนี้ได้ไงล่ะ”

รุ่งขึ้น อูแจแอบมาหาฮีจูที่หอศิลป์ เขาดึงตัวเธอไปในมุมที่ไม่มีใครเห็น “อย่าหนีหน้าผมไปไหนอีกนะ ผมไม่สนว่าพี่จะมีสามีแล้ว พี่ก็รู้นี่นาว่าผมไม่สนใจเรื่องนั้นอยู่แล้ว ใช้ชีวิตแต่งงานกับเขาแล้วคบกับผมนะครับ”

ฮีจูตาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง เธอตกในที่อูแจจำเรื่องราวทั้งหมดได้ “นี่นายบ้าไปแล้วเหรอ !?” จังหวะนั้นเอง ฮยอนซองเดินมาเจอทั้งสองคนพอดี แต่เขาก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ระหว่างทางกลับเขาก็พยายามพูดให้ฮีจูสบายใจว่าเขาไม่ได้คิดอะไร

คืนนั้น อูแจโทร. นัดให้ฮีจูมาหาที่สตูดิโอ ซึ่งฮีจูก็ตัดสินใจมาหาเพื่อตั้งใจจะบอกว่า อย่าให้เขามายุ่งกับเธออีกนอกจากเรื่องงานที่หอศิลป์ แต่ทว่าชายหนุ่มกลับคิดต่างออกไป “กลับมาหาผมนะครับ ช่วยกลับมารักผมตอนนี้หน่อยนะ” อูแจเข้าสวมกอดฮีจูเอาไว้ในอ้อมแขนของเขา เหมือนดั่งว่าเขาจะไม่ยอมให้เธอหลุดออกไปจากอ้อมกอดของเขาอีกครั้ง …

EP.14 ความรักอันมัวเมา

อูแจกอดฮีจูอยู่อย่างนั้น เหมือนดั่งว่าจะให้เธออยู่ในอ้อมกอดของเขาไปนานเท่านานชั่วกัลปาวสาน แต่ฮีจูก็แกะมือของเขาออก แล้วพยายามอธิบายสถานการณ์ให้เขาเข้าใจด้วยความนุ่มนวล “นายเข้าใจถูกแล้วที่ฉันเคยรักนายมากถึงขนาดที่ว่าโกหกครอบครัวตัวเอง แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันจบไปแล้ว เรื่องของเรามันจบไปแล้ว อย่าพยายามต่อสัมพันธ์ที่มันขาดสะบั้นไปแล้วเลย ฉันขอร้องล่ะ”

แน่นอนว่าคำพูดอันสวยหรูเพียงประโยคเดียวของฮีจู ไม่สามารถทำให้ความตั้งใจของอูแจล้มเลิกไป เขายังคงดื้อดึงที่จะดึงฮีจูกลับมา

แฮวอนแสดงความประสงค์ชัดเจนว่า เธอจะไม่ยอมหย่ากับอูแจเด็ดขาด

ทีนี้ ฮยองกี สามีของพี่สามีฮีจู ได้นัดฮีจูไปเจอกันที่ตึกร้างที่กำลังถูกทุบเพื่อสร้างเป็นหอศิลป์แทริม เพื่อใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ต้องห้ามของฮีจูกับอูแจ โดยฮยองกีขู่จะแฉหลักฐานที่ระบุได้ว่าฮยอนซองเป็นคนขับรถชนอูแจที่ไอร์แลนด์

จริง ๆ แล้ว สิ่งที่ฮยองกีต้องการคือต้องการขึ้นเป็นผู้บริหารบริษัทในเครือแทริม แทนที่จะเป็นแค่ทนายความกระจอกงอกง่อยที่ไร้ตัวตนอย่างที่เป็นอยู่ แต่ความทะยานอยากของเขาจะเป็นไปไม่ได้เลยถ้ายังมีฮยอนซองอยู่ ด้วยเหตุนี้เองที่ผ่านมาเขาจึงร่วมมือกับแฮวอนเพื่อทำลายฮยอนซองและฮีจู แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่เขาต้องการมันจะไม่ได้มาง่าย ๆ อย่างที่เขาคิด

ฮีจูแสดงออกอย่างชัดเจนว่า เธอไม่ได้สนใจสิ่งที่ฮยองกีเอามาขู่เลยแม้แต่นิดเดียว เพราะเธอเชื่อว่ายังไง ๆ ฮยอนซองก็ยืนอยู่ข้างเธอ ในขณะเดียวกันนั้นฮีจูจึงตอกกลับฮยองกี ด้วยเรื่องที่เขาเป็นคนที่ชอบใช้ความรุนแรงทำร้ายภรรยาของตัวเอง ทำให้ทั้งสองทะเลาะมีปากเสียงกัน จังหวะนั้นฮยองกีเกินพลัดตกบันไดหัวฟาด เลือดไหลออกมาไม่หยุด

แล้วจู่ ๆ อูแจก็โผล่มา เขาเดินมาคว้าโทรศัพท์ของฮีจูเพื่อไม่ให้เธอโทร. ไปแจ้งรถฉุกเฉิน แต่เขาหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาเพื่อโทร. แจ้งในนามของตัวเขา สิ่งที่เขาทำก็เพื่อปกป้องฮีจูไม่ให้ตกเป็นผู้ต้องสงสัย

อาการของฮยองกีเข้าขั้นโคม่า กระดูกหักหลายท่อน และมีภาวะเลือดออกในสมอง แต่ถึงอย่างไรฮีจูก็ยังไม่เข้าใจว่า อูแจจะออกตัวรับแทนเธอทำไม เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุ และถ้าฮยองกีฟื้นได้สติขึ้นมาก็รู้อยู่ดีว่าเธออยู่กับเขา อูแจจึงตอบกลับไปด้วยแววตาและน้ำเสียงที่ขึงขัง “ผมไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาแตะต้องพี่ เพราะถึงมันไม่ตกบันไดไปเอง ผมก็ต้องทำให้มันเป็นอย่างนั้นอยู่ดี !”

ฮีจูขับรถไปส่งอูแจที่สตูดิโอ ณ ที่นั่นเอง อูแจสะกดกั้นอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ไม่ไหว เขาระดมจูบหญิงสาวรุ่นพี่ จูบของเขาเป็นจูบที่แสดงให้เห็นถึงความหิวโหย เหมือนดั่งว่าเป็นรอยจูบที่เขายอมแลกทุกอย่างในชีวิต ในตอนแรกฮีจูก็ดูจะเคลิบเคลิ้มตาม แต่เธอเหลือบไปเห็นกล้องติดหน้ารถของเธอ ทำให้เธอผลักเขาออก และรีบขึ้นรถและขับออกไปในทันที

ฮีจูขับรถกลับออกมา เธอเห็นรถของฮยอนซองจอดอยู่ และเห็นแฮวอนลงมาจากรถด้านคนขับ ฮีจูรีบเดินมาฝั่งผู้โดยสาร เธอเห็นสามีของเธอมีอาการคล้ายคนเมามายไม่ได้สติ ฮีจูมองไปที่แฮวอนที่ตอนนี้แสดงสีหน้ายิ้มเยาะออกมา “นี่เธอทำบ้าอะไรกับเขาเนี่ย !!?”

EP.15 รักกันง่ายกว่าการจากลา

แฮจูโกรธตาแดงก่ำที่แฮวอนมาวุ่นวายกับฮยอนซอง แต่แฮวอนก็ยิ้มเยาะตอกกลับไปว่า สิ่งที่น่ากลัวของการทรยศคือ คนคนนั้นจะสูญเสียความไว้ใจไปตลอดชีวิต “พี่แย่งเขา (อูแจ) ไปจากฉัน แล้วพี่ก็ทิ้งเขาไปอย่างกับเขาเป็นของเล่นที่มาเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไป … รู้มั้ยการทรยศมันน่ากลัวแค่ไหน เพราะมันทำให้สงสัยในตัวคนที่ตัวเองรักอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทั้งฉัน อูแจ และก็สามีของพี่เอง”

รุ่งขึ้นฮีจูถามฮยอนซองที่เพิ่งสร่างเมาว่า เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นแฮวอนถึงได้ขับรถมาส่งที่บ้าน เขาจึงเล่าเรื่องทั้งหมด แต่คำพูดต่อมาของฮีจูทำเอาฮยอนซองถึงกับของขึ้น “มีแค่นั้นเองเหรอคะ ?”

ฮยอนซองตอกกลับภรรยาไปด้วยความโกรธ ที่เธอแสดงออกถึงความไม่เชื่อใจเขา “ต้องมีอย่างอื่นอีกงั้นเหรอ อย่าคิดไปเองสิว่าคุณทำเรื่องแบบนั้น แล้วผมจะต้องทำด้วย !!!”

ฮีจูอ้าปากหวอด้วยความอึ้ง เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะโดนตอกกลับแรงขนาดนั้น

ระหว่างนั้นอูแจก็พยายามตามตื๊อฮีจูไม่เลิก แต่ฮีจูก็ไม่มีท่าทีที่จะตอบรักเขาเหมือนที่เคยเป็นในวันวาน แถมฮีจูยังเอาคลิปจากกล้องบันทึกหน้ารถ ที่บันทึกเหตุการณ์ในวันที่อูแจพยายามบังคับจูบฮีจู ไปให้กับประธานหอศิลป์เพื่อบีบให้อูแจเลิกยุ่งกับเธอ แลกกับการที่เธอจะไม่เอาคลิปไปเปิดเผยต่อสาธารณะ และจะไม่เอาเรื่องทางกฎหมาย

มา ณ จุดนี้ทำให้อูแจเริ่มรู้แล้วว่าตัวเขากำลังโดนฮีจูตัดหางปล่อยวัด แต่มันยิ่งทำให้เขาเริ่มออกอาการคลั่งรักมากขึ้นไปกว่าเดิม

อูแจเปิดเผยความสัมพันธ์กับฮีจูให้ลิซ่าได้รับรู้ ลิซ่ารู้สึกเสียใจกับผู้เป็นแม่อย่างยิ่ง เธอตวาดใส่แม่ด้วยหัวใจที่แตกสลาย “แม่ทิ้งหนูกับพ่อไปอยู่กับผู้ชายคนนั้น (อูแจ) แถมยังไปเจอกับคนคนนั้นอย่างหน้าชื่นตาบาน ไม่กลัวพ่อรู้บ้างเลยหรือไง น่าเกลียดที่สุด หนูเกลียดแม่จริง ๆ”

อูแจขอแฮวอนหย่าอีกครั้ง แต่คำตอบของแฮวอนคือ “ฉันเคยบอกรุ่นพี่แล้วไง มีทางเดียวที่จะทำให้เราเลิกจากกันได้ คือต้องมีใครคนหนึ่งตายจากกันไป ไม่รุ่นพี่ก็ต้องเป็นฉัน ยังอยากจะเลิกกันอีกมั้ย !!?”

คืนนั้นเอง แฮวอนกินยานอนหลับหมดกระปุกหวังฆ่าตัวตาย อย่างไรก็ตาม อูแจได้โทร. แจ้งให้คนไปช่วยพาแฮวอนส่งโรงพยาบาลล้างท้องได้ทัน

การรอดชีวิตจากการฆ่าตัวตายในครั้งนี้ ทำให้ชีวิตของแฮวอนได้เปลี่ยนไป หลังออกจากโรงพยาบาลฮีจูได้ไปหาแฮวอน เพื่อขอร้องให้ไปช่วยพูดกับอูแจให้เลิกมายุ่งกับเธอ “ฉันอยากขอร้องเธอ ช่วยห้ามอูแจหน่อยนะ ถ้าเธอพูดเขาอาจจะฟัง”

แฮวอนมองฮึจูคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าเธอด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก “ตอนนี้ฉันได้เรียนรู้แล้วว่าความเกลียดและความโกรธที่ฉันมีไม่สามารถทำร้ายพี่ได้ ที่พี่เคยบอกกับฉันว่าชีวิตพี่จะไม่มีวันพังเพราะคนอย่างฉัน มันก็อาจจะจริง แต่ฉันจะคอยดูต่อไปว่ามันจะพังเพราะตัวของพี่เองหรือเปล่า”

คืนนั้น แฮวอนไปหาอูแจที่สตูดิโอเพื่อเซ็นใบหย่าให้กับเขา พร้อมทั้งบอกเรื่องที่ฮีจูมาคุกเข่าอ้อนวอนให้มาพูดกับอูแจ ให้เลิกยุ่งกับชีวิตของเธอซะ เมื่อได้รู้ความจริงว่าตัวเองโดนผู้หญิงที่รักมากที่สุดตัดหางปล่อยวัด ความคลั่งรักก็ระเบิดขึ้นทันที อูแจระบายความโกรธด้วยการทำลายข้าวของจนพังพินาศ ก่อนที่แฮวอนจะเดินจากไปด้วยความอารมณ์ที่หม่นหมองยิ่งนัก

อูแจเดินทางมาหาฮีจูที่สตูดิโอ เขาโกรธจัดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ความรักแปรเปลี่ยนเป็นความหึงหวง ความหึงหวงแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ จากความโกรธแปรเปลี่ยนเป็นการทำลายล้าง …

อูแจผลักฮีจูลงไปนอนกับพื้น ทันใดนั้นเขาก็เอามือบีบคอเธออย่างแรง ประหนึ่งว่าต้องการให้หญิงสาวสิ้นใจตายอยู่ตรงนั้น “ถ้าผมไม่ได้ครอบครองพี่ คนอื่นก็ต้องไม่ได้” ฮีจูพยายามดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดอย่างเต็มที่ แต่ด้วยแรงที่น้อยกว่าทำให้เธอตัดสินใจฮึดเฮือกสุดท้าย พยายามไปคว้าเอาเหล็กแหลมที่วางอยู่ …

เลือดของอูแจสาดไปทั่วบริเวณ !!!

EP.16 ตอนจบ

ลิซ่าเห็นอูแจเข้าไปที่สตูดิโอวาดภาพของแม่ เธอจึงเดินตามไปดูด้วยความสงสัย เมื่อเห็นแม่ของตัวเองกำลังโดนทำร้าย ลิซ่าจึงคว้าเอาปากกาที่ร่วงอยู่บนพื้นแทงปักเข้าไปที่คออูแจอย่างแรง ด้วยความตกใจ ลิซ่าวิ่งกลับเข้าบ้านขึ้นห้องไปในทันที

อูแจยังไม่ตาย เขาพยายามลุกขึ้นและดึงปากกานั้นออกจากคอ แต่กลับกลายเป็นว่าเมื่อดึงปากกาออก เลือดก็พุ่งทะลักออกมาไปหยุด เลือดสด ๆ สาดกระเซ็นไปทั่วทั้งบริเวณ ไม่นานหลังจากนั้นอูแจก็สิ้นลมหายใจ

ฮีจูพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้เป็นปกติ แม้ในใจจะคลั่งแทบบ้ากับเรื่องที่เกิดขึ้น เธอเดินไปหน้าประตูห้องของลิซ่าเพื่อบอกว่า อูแจไม่ได้เป็นอะไรมาก ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ตอนนี้เขากลับบ้านไปอย่างปลอดภัยแล้ว “ลูกไม่ต้องเป็นห่วงนะ อาเขาไม่เป็นอะไรแล้ว นอนหลับพักผ่อนซะนะ” ฮีจูทำไปเพื่อปกปิดความผิดร้ายแรงให้กับลูกสาว ความผิดที่ว่า ลิซ่าเป็นฆาตกร !!!

จากนั้นฮีจูก็กลับมาที่สตูดิโอเพื่อทำความสะอาดและทำลายหลักฐาน ก่อนที่จะนำเอาศพอูแจใส่ท้ายรถเพื่อนำไปทิ้งอำพราง เธอเอาศพอูแจยัดใส่กระเป๋าเดินทางลากมายังแม่น้ำแห่งหนึ่ง แม่น้ำที่ไร้ซึ่งผู้คนและแสงไฟ ก่อนที่จะเอาซากศพของคนรักลงเรือและทิ้งลงไปกลางแม่น้ำแห่งนั้นนั่นเอง

ชู้รักรุ่นน้องตายจากไปแล้ว แต่เสียงของเขายังคงวนเวียนอยู่ในหัวของฮีจูไม่เลิก เสียงบอกรัก เสียงบอกว่าให้เธอตายไปพร้อมกับเขายังดังลั่นอยู่ในหัวตลอดเวลา แต่ฮีจูก็ยังพยายามทำทุกอย่างให้ดูเป็นปกติ เหมือนกับเมื่อคืนนี้ไม่ได้มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น

ด้านลิซ่าเองก็เดินมาที่สตูดิโอของแม่ด้วยความสงสัยว่า อูแจไม่เป็นอะไรอย่างที่แม่เธอบอกเอาไว้จริง ๆ หรือเปล่า ฮีจูเดินมาพอดีเธอจึงยิ้มให้แล้วก็พูดด้วยท่าทางติดตลกว่า “คนเราไม่ได้ตายกันง่าย ๆ หรอกน่า เขาเป็นผู้ชายนะ แข็งแรงจะตายไป ไม่ต้องกังวลอะไรหรอกนะ”

วันนั้น ฮีจูแอบมาเก็บของที่คอนโดของอูแจ เพื่อจะอำพรางว่าเขาหนีไป แต่สิ่งที่น่าเหลือเชื่อก็เกิดขึ้น เมื่อแฮวอนโผล่มาพอดี แล้วโชว์ปากกาที่ใช้เป็นอาวุธสังหารอูแจ

ช็อก ! ฮีจูช็อกที่แฮวอนรู้ว่าอูแจได้ตายไปแล้ว แถมยังมีหลักฐานสำคัญอยู่ในมือ ปากกาที่ใช้เป็นอาวุธสังหารที่มีคราบเลือดของอูแจ และลอยนิ้วมือของลิซ่าติดอยู่

ในท้ายที่สุด ฮีจูก็คุกเข่าลงต่อหน้าแฮวอนและขอร้องว่า “ได้โปรดปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปเถอะนะ ลิซ่าไม่ผิดอะไรเลย ที่เธอต้องทำอย่างนั้นเพราะเห็นแม่ถูกทำร้าย … ฉันจะยอมทิ้งทุกอย่างไปแล้วทำเหมือนกับหนีไปกับอูแจ ฉันจะยอมทิ้งครอบครัวและชีวิตที่เป็นอยู่ไป แล้วจะไม่กลับมาอีก ได้โปรดเถอะนะ” ฮีจูอ้อนวอนซ้ำแล้วซ้ำเล่า คุกเข่าอ้อนวอนอยู่อย่างนั้น จนแฮวอนยอมรับคำอ้อนวอนนั้น เพราะเธอเองก็เห็นด้วยที่ลิซ่าไม่ควรต้องมารับกรรมในสิ่งที่เกิดขึ้น

ฮีจูมาเตรียมจัดแจงทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนที่เธอจะจากไป เธอขอเวลาไม่กี่วันเพื่อได้อยู่กับลูก ๆ ของเธอ

ระหว่างนั้น แฮวอนได้บอกกับฮีจูเป็นนัยว่า ตัวเธอเองก็เคยจะมีลูกเหมือนกัน (แฮวอนน่าจะสื่อว่าเธอตั้งท้องกับอูแจตอนที่เขาหนีไปอยู่กับฮีจูไอร์แลนด์ และเธอก็ได้แท้งลูกตอนที่เธอฆ่าตัวตาย) ส่วนฮีจูก็กล่าวลากับแฮวอนเป็นครั้งสุดท้ายว่า “ฉันอยากให้เธอรู้ว่าเมื่อก่อนเธอเป็นคนที่ร่าเริงสดใสขนาดไหน ขนาดที่ตัวฉันเองยังอิจฉาและอยากที่จะเป็นอย่างเธอ”

ฮีจูได้หายตัวไปอย่างไรร่องรอย ฮยอนซองกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก เขาไปหาแฮวอนโวยวายใส่เธอเป็นการใหญ่ เพราะคิดว่าเป็นแผนที่แฮวอนคิดร้ายกับฮีจู แต่แฮวอนกลับตอบกลับไปว่า “ดูเหมือนว่าพี่ (ฮีจู) เขาถูกลักพาตัวไปอย่างนั้นเหรอ สองคนนั่นเขาหนีตามกันไปอีกแล้ว” จากนั้นแฮวอนก็เปิดข้อความในโทรศัพท์มือถือที่ฮีจูส่งมาให้ฮยอนซองดู

อย่างไรก็ตาม ฮยอนซองไม่เชื่อแม้แต่นิดเดียวว่าภรรยาของเขาจะยอมทิ้งชีวิตและความฝันทุกอย่าง เพื่อที่จะไปอยู่กับอูแจ มันไม่มีทางเป็นไปได้เลยแม้แต่นิดเดียว

ฮยอนซองพยายามให้นักสืบตามหาฮีจูเป็นเวลานานนับปี แต่ไม่มีเบาะแสแม้เพียงเล็กน้อยที่ทำให้สามารถติดตามตัวฮีจูได้ ไม่มีเลยจริง ๆ จนในที่สุดฮยอนซองก็ถอดใจตัดใจยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นว่า ภรรยาของเขายอมทิ้งลูก ๆ และครอบครัวหนีตามไปกับชู้รักจริง ๆ

หลายปีต่อมา ฮีจูใช้ชีวิตไปวัน ๆ ด้วยการเป็นคนดูแลคนชราที่บ้านพักคนชราแห่งหนึ่งอันห่างไกล เธอใช้ชีวิตเหมือนคนไร้ซึ่งจิตวิญญาณอยู่อย่างนั้นวันแล้ววันเล่า ตามที่ให้สัญญาไว้กับแฮวอน เป็นเหมือนการยอมรับบทลงโทษที่ตัวเธอเองก็คิดว่าควรจะได้รับมัน

ในขณะที่แฮวอนได้กลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงขึ้นมา หลังจากเธอมูฟออนจากอูแจไปได้

ในตอนท้าย ฮีจูไปนั่งดูพระอาทิตย์ตกดินที่บ่อตกปลาของเพื่อนสนิทที่ตอนนี้ปิดกิจการไปแล้ว มันเป็นที่ที่เธอชอบมาเมื่อมีเรื่องไม่สบายใจ ฮีจูเปิดโทรศัพท์จ้องมองดูรูปครอบครัวและลูก ๆ ของเธอด้วยความเศร้า … เธอได้แต่คิดว่า ณ จุดนี้ ชีวิตของเธอได้จบลงไปแล้วจริง ๆ

จบบริบูรณ์

Source: JTBC Korea