Happiness EP.1 : แซบม ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ (คอมมานโด) ที่ใฝ่ฝันอยากมีบ้านเป็นของตัวเอง ในที่สุดโอกาสทองก็มาถึง เมื่อทางรัฐบาลได้มีโครงการอพาร์ตเมนต์สำหรับตำรวจออกมา แต่เจ้าหน้าที่ที่จะได้รับการพิจารณาสิทธิดังกล่าว นอกจากจะต้องมีผลงานอันโดดเด่นแล้ว ยังต้องเป็นตำรวจที่มีครอบครัวแล้วอีกด้วย เมื่อเป็นเช่นนั้น แซบมจึงได้ขออีฮยอน เพื่อนตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลายแต่งงาน …
หน่วยกู้ภัยและรถพยาบาลต่างรีบเร่งมายังที่เกิดเหตุ หลังจากได้รับแจ้งว่ามีชายวัยรุ่นคนหนึ่งนั่งห้อยขาอยู่บนชั้นดาดฟ้าของตึก ระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังเข้ามาเกลี้ยกล่อมเขาให้เลิกคิดสั้น ทันใดนั้นเอง เด็กสาววัยมัธยมปลายเดินเข้ามาเพื่อช่วยเจรจา เธอเดินเข้าไปนั่งห้อยขาคู่กับเขา แล้วก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงชิล ๆ …
“เสียใจที่เล่นเบสบอลไม่ได้เหรอ ?”
“ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันก็แค่มานั่งสูดอากาศ จู่ ๆ รถตำรวจกับรถพยาบาลก็กรูกันเข้ามา ไม่รู้ว่าไอ้ตัวไหนมันโทร. ไปแจ้ง ฉันก็แค่รอดูว่าพวกเขาจะเล่นใหญ่กันไปถึงไหน เพราะฉันก็ไม่มีอะไรทำด้วยแหละ”
หลังเรื่องราวคลี่คลายผ่านไป เด็กหนุ่มคนนั้นก็ถามเด็กหญิงว่า “เรามาเป็นแฟนกันมั้ย ?”
แต่คำตอบที่ได้ก็คือ “ไม่”
จองอีฮยอน (รับบทโดย พัคฮยองชิก) และ ยุนแซบม (รับบทโดย ฮันฮโยจู) เป็นเพื่อนตั้งแต่มัธยมปลาย และสถานะของทั้งสองก็เป็นอยู่แค่นั้นจริง ๆ
12 ปีผ่านไป …
แซบมเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ที่ฝันอยากมีอพาร์ตเมนต์เป็นของตัวเองมาตลอด ยิ่งเมื่อทางรัฐบาลมีโครงการอพาร์ตเมนต์สำหรับเจ้าหน้าที่ที่มีครอบครัวแล้ว ยิ่งทำให้เธอเริ่มคิดว่าฝันของเธอใกล้เป็นจริงมากขึ้น ติดอยู่เพียงอย่างเดียวคือเธอยังไม่มีครอบครัว ว่าที่จริงเธอยังไม่มีแฟนด้วยซ้ำไป
ส่วนอีฮยอนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยอาชญากรรม
อีฮยอนไปถึงที่เกิดเหตุหลังได้รับแจ้งเหตุฆาตกรรมที่อพาร์ตเมนท์แห่งหนึ่ง เขาได้พบการฆาตกรรมอันพิสดาร เหยื่อถูกกัดคอจนเสียชีวิต และผู้ต้องหาไม่มีอาวุธสังหาร เป็นเพียงแต่ใช้ปากและฟันของเขาในการสังหาร ! อย่างไรก็ตาม อีฮยอนสันนิษฐานเบื้องต้นว่าผู้ต้องหามีอาการหลอนจากการเสพยา
เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษเข้าควบคุมตัวผู้ต้องหาระหว่างการสอบสวน แต่ระหว่างนั้นเองเรื่องราวอันน่าตกตะลึงก็เกิดขึ้น ผู้ต้องหาเกิดอาการคลุ้มคลั่งคล้ายอาการของซอมบี้เข้าทำร้ายเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่ชื่ออีจงแท
แซบมเข้ามาเผชิญเหตุ ตอนนี้อีจงแทกลายเป็นติดเชื้อคลุ้มคลั่งวิ่งเข้าหาแซบม เธอจึงปฏิบัติขั้นตอนที่ฝึกมา โดยเริ่มจากใช้ปืนกึ่งอัตโนมัติยิงที่ขาสองนัดเพื่อหยุดการเคลื่อนที่ แต่ดูเหมือนว่าลูกกระสุนไม่สามารถทำอะไรอีจงแทได้เลย ทำให้เธอโดนข่วนทำให้บริเวณหลังมือของเธอเป็นแผลรอยยาว ก่อนที่จะหนีออกมาจากห้องและล็อกประตูขังอีจงแทเอาไว้
แซบมโทร. ไปหาอีฮยอนด้วยความโกรธ เพราะอีฮยอนไม่แจ้งเตือนก่อนว่าผู้ต้องหามีอาการคลุ้มคลั่งไม่ต่างกับสัตว์ร้าย ด้านอีฮยอนเองก็มึนงง เพราะตอนเขาเข้าจับกุม ผู้ต้องหาคนนั้นไม่มีท่าทีที่จะเป็นอันตรายเลยแม้แต่นิดเดียว
ต่อมา แซบมถูกเจ้าหน้าที่ทหารเชิญตัวไปเข้าศูนย์ควบคุม ซึ่งต่อมาพันโทฮันแทซอก จากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อ ได้แจ้งกับแซบมว่าเธอมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อโรคติดต่อชนิดหนึ่ง ซึ่งเชื่อว่าเป็นไวรัสสายพันธุ์พิเศษที่ส่งผลต่อระบบสมองอย่างร้ายแรง
ทีนี้เรื่องราวมันยิ่งไปกันใหญ่ เมื่อผลการตรวจร่างกายของผู้ต้องหาออกมาปรากฏว่าไม่พบสารเสพติด อีฮยอนจึงกลับไปตามสืบหาสาเหตุ และทำให้เขาได้รู้ว่าผู้ต้องหาได้ใช้ยารักษาอาการปอดอักเสบผ่านช่องปาก ซึ่งผลิตพร้อมกับยาต้านไวรัสที่มีการวิจัยในช่วงเกิดโรคระบาดโคโรนา โดยมีผลข้างเคียงทำให้เกิดประสาทหลอน
หอพักมหาวิทยาลัยวอนจุงในตอนนี้ถูกแปลงให้เป็นสถานที่กักกันสำหรับผู้ติดเชื้อ แซบมอาศัยอยู่ที่นี่จนกว่าจะมีผลการตรวจเชื้อออกมา ระหว่างนั้นเองที่เธอได้เห็นผู้ติดเชื้อจำนวนมากที่ถูกกักกันอยู่ที่นั่น มีอาการคลุ้มคลั่งไม่แตกต่างจากอาการของอีจงแท
สิ่งที่น่าแปลกก็คือ แซบมไม่ติดเชื้อเหมือนคนอื่น ๆ จึงมีการพาตัวเธอไปตรวจหาเชื้ออีกรอบ จากนั้นพันโทฮันแทซอกจึงได้แจ้งกับแซบมว่าผลตรวจของเธอเป็นลบ ซึ่งคาดว่าตัวเธอจะมีภูมิต้านทาน เขาจึงขอให้เธอมาเจาะเลือดทุกสองสัปดาห์
เมื่อออกมาจากห้องตรวจ แซบมได้เจอกับอีฮยอน ในตอนนั้นเองเธอจึงขอเขาแต่งงาน เพื่อเข้าเงื่อนไขของผู้มีสิทธิ์ได้อพาร์ตเมนต์