Jirisan (2021) : เรื่องราวความลึกลับบางอย่างของอุทยานแห่งชาติจีรีซาน ผ่านแรนเจอร์สาวมือหนึ่งอย่างซออีคัง กับแรนเจอร์หนุ่มมือใหม่คังฮยอนโจ …
EP.1 เขาที่มีพลังงานบางอย่าง
EP.2 โศกนาฏกรรม
EP.3 หุบเขาแห่งภูตผี
EP.4 ระเบิดมันฝรั่ง
EP.5 ผู้สมรู้ร่วมคิด
EP.6 ลมรักแรกที่พัดหวน
EP.7 ไฟเรือนยอด
EP.8 ฆาตกรรมอำพราง
EP.9 ผู้ต้องสงสัย
EP.10 หุบเขาตาปิศาจ
EP.11 เหตุผลที่กลับมาภูเขาอีกครั้ง
EP.12 แผลใจในอดีต
EP.13 ฆาตรกรรมอำพราง
EP.14 ฆาตกรตัวจริง
EP.15 แรงจูงใจ
EP.16 ตอนจบ
คะแนน 6/10 เรตติ้งเฉลี่ย 8.4
สนุกไหม ? ต้องบอกว่าการมีนักแสดงอย่าง “จีฮยอน” ทำให้ซีรีส์ดูน่าสนใจมากถึงมากที่สุด ดูได้จากเรตติ้งเปิดตัวที่แตะระดับ 9.1 และ 10.7 แต่หลังจากนั้นก็ตกลงมาที่ระดับ 7-8 … หมายความว่าอะไร ? หมายความว่าซีรีส์เรื่องนี้ไม่ใช่ซีรีส์ที่ทุกคนจะดูสนุก และการเดินเรื่อง รวมถึงตอนจบอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนชอบ
EP.1 เขาที่มีพลังงานบางอย่าง
เริ่มต้นด้วยการบรรยายเรื่องราวของเขาจีรี (지리산/จีรีซาน) …
“เป็นเวลาต่อเนื่องยาวนานที่มีผู้คนมากมายขึ้นไปบนเขาจีรี แม้เขาลูกนี้จะเป็นดินแดนแห่งความหวังของใครบางคน แต่ก็เป็นดินแดนมรณะของคนบางคนเช่นกัน ผู้คนมากมายยังคงนำเรื่องราวของตัวเองขึ้นมาบนเขาลูกนี้ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะกลับลงไปพร้อมกับความหวังนั้น พรมแดนที่กั้นกลางระหว่างความหวังกับความหายนะ ระหว่างความเป็นกับความตาย ที่ซึ่งจุดเริ่มต้นและกลิ่นคาวเลือดอยู่ร่วมกัน … เขาจีรีคือดินแดนที่อยู่ระหว่างโลกนี้กับโลกหน้า”
ปี 2018 ณ อุทยานแห่งชาติเขาจีรี หน่วยพิทักษ์ป่าแฮดง
คังฮยอนโจ (รับบทโดย จูจีฮุน) เริ่มทำงานเป็นวันแรกในฐานะแรนเจอร์ หรือเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าคนใหม่ในหน่วยพิทักษ์ป่าแฮดง แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้แนะนำตัวเอง ภารกิจเร่งด่วนทำให้เขาถูกส่งไปช่วยเด็กมัธยมต้น อายุ 14 ปี ที่ขึ้นปีนเขาแล้วหายตัวไป
การออกค้นหาครั้งแรกของทีมค้นหาประสบความล้มเหลว ทำให้ในการออกค้นหาครั้งที่สองมีการขยายรัศมีการค้นหากว้างออกไปจาก 3 เป็น 10 กิโลเมตร ระหว่างปฏิบัติภารกิจ ฮยอนโจแสดงให้เห็นถึงความสามารถอันโดดเด่น ที่แตกต่างจากแรนเจอร์คนอื่น ๆ อย่างชัดเจน โดยการช่วยเพื่อนร่วมทีมที่ถูกหินหล่นลงมากระแทกจนสลบด้วยเชือก จากนั้นเขาก็ต้องทำหน้าที่แทนเพื่อนร่วมทีมคนนั้น
ฮยอนโจได้ร่วมทีมกับซออีคัง (รับบทโดย จอนจีฮยอน) หรือคนในหน่วยพิทักษ์ป่าตั้งฉายาให้เธอว่า “มารซอ” (หรือผีภูเขาซอ) ซึ่งจองกูยอง (รับบทโดย โอจองเซ) ได้เตือนฮยอนโจด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “เธอมีฉายาว่ามารซอ ระวังตัวไว้ให้ดี ๆ”
อีคัง เป็นแรนเจอร์สาวที่ได้รับการยอมรับว่าเก่งที่สุดในอุทยานแห่งชาติเขาจีรี จากสกิลในการเอาชีวิตรอด และความชำนาญเส้นทางในผืนป่าอันกว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้
และภารกิจครั้งนี้ยิ่งเพิ่มระดับความตึงเครียดเข้าไปอีก เมื่อทีมแรนเจอร์พบสัญญาณการฆ่าตัวตายของเด็กหนุ่มผู้มีนามว่า ยองซึงฮุน เขาเขียนระบายในสมุดบันทึกของเขาถึงเรื่องราวที่โดนบูลลีที่โรงเรียน
พวกเขาต้องทำงานแข่งกับเวลา โกลเดนไทม์ของภารกิจนี้คือ 30 ชั่วโมง นับถึงตอนนี้เวลาของพวกเขาเหลืออีกเพียง 7 ชั่วโมงเท่านั้น
อีคังกับฮยอนโจเดินเท้าเข้าไปยังจุดฆ่าตัวตายทั่วภูเขา จนอาทิตย์ได้ล่วงลับขอบฟ้าไปแล้ว แต่ดูเหมือนว่าอุปสรรคที่อันตรายกำลังก่อตัวขึ้นมาอีกครั้ง การพยากรณ์อากาศเตือนว่าจะมีพายุเข้า สภาพอากาศจะเลวร้ายมาก ระหว่างนั้นฮยอนโจถามกับอีคังว่า “นี่เรากำลังเสี่ยงชีวิตเพื่อตามหาเด็กที่ตายไปแล้วอยู่หรือเปล่า ?” อีคังมองค้อนแล้วตอบกลับไปว่า “คุณคงเป็นคนที่ชอบมองในอะไรในทางลบสินะ”
ฮยอนโจได้พบเป้ของเด็กหนุ่มที่ทุกคนกำลังตามหา ในนั้นมีรูปถ่ายครอบครัวที่ถ่ายที่เขาจีรี อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสภาพอากาศที่เลวร้ายจากพายุไต้ฝุ่น และการเดินทางจากจุดที่พวกเขาอยู่ไปยังจุดที่อยู่ในภาพถ่าย ต้องใช้เวลาเดินเท้านานกว่า 3 ชั่วโมง ทำให้ผู้อำนวยการอุทยานแห่งชาติเขาจีรี สั่งให้แรนเจอร์ทุกคนถอนตัวจากภารกิจจนกว่าพายุจะสงบ
ท่ามกลางพายุที่กำลังพัดโหมกระหน่ำ อีคังตัดสินใจที่จะเดินทางออกตามหาเด็กหนุ่มอีกครั้ง ส่วนฮยอนโจก็แอบตามอีคังมา “จะบ้าหรือไงที่ตามฉันมา” ฮยอนโจตอบแบบติดตลก “ถ้าผมบ้า รุ่นพี่ (อีคัง) ก็บ้าเหมือนกันแหละครับ อย่างน้อยก็ไม่เหงานะ เพราะเราบ้าเหมือนกัน … จริง ๆ แล้วรุ่นพี่ก็คงคิดไม่ต่างไปจากผมหรอกครับ ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่จริง ๆ แล้วเราไม่มาช่วยตอนนี้ เขาตายแน่”
ระหว่างนั้นพวกเขาได้รับข้อความที่เด็กหนุ่มคนนั้นส่งให้ยาย ก่อนที่สัญญาณโทรศัพท์จะถูกตัด ทำให้สัญญาณเรื่องการฆ่าตัวตายก่อนหน้านี้เป็นเรื่องเข้าใจผิด อีคังกับฮยอนโจจึงตัดสินใจที่จะแยกทางกันเพื่อออกตามหา แต่ดูเหมือนว่าโกลเดนไทม์ 30 ชั่วโมงจะหมดลงแล้ว ซึ่งหมายความว่าถ้าเจอตัวเด็กหนุ่มคนนั้นหลังจากนี้ อาจจะพบเขาในสภาพที่ไร้สติ หรือแย่ที่สุดก็อาจจะในสภาพที่ไร้ลมหายใจ
ตอนรุ่งสาง เรื่องเหลือเชื่อก็เกิดขึ้น เมื่อฮยอนโจเกิดเห็นนิมิตภาพอันแปลกประหลาดขึ้นมา เขาเรียกมันว่าสัญชาตญาณ ในนิมิตนั้นเขาเห็นว่าเด็กหนุ่มยังมีชีวิตอยู่ในสถานที่หนึ่ง ซึ่งเป็นบริเวณที่มีโขดหินสีดำ และมีต้นโอ๊กอยู่แถวนั้น เขาเอาเรื่องนี้ไปบอกอีคัง หลังจากนั้นทั้งสองก็เดินทางไปที่โขดหินซังซูรี
แม้อีคังจะยังงง ๆ และไม่เข้าใจว่าทำไมฮยอนโจถึงสามารถระบุตำแหน่งได้เจาะจงขนาดนั้น แต่เมื่อไปถึงทั้งสองก็พบร่างของเด็กน้อยนอนไร้สติอยู่ในซอกโขดหินนั้นจริง ๆ ในที่สุด การภารกิจครั้งนี้ก็ประสบความสำเร็จด้วยนิมิตอันเหลือเชื่อของฮยอนโจ
หลังจากวันนั้น ฮยอนโจบอกว่า “เขาลูกนี้บอกผมว่าเด็กคนนั้นอยู่ที่ไหน” ดูเหมือนว่าคำพูดของเขาจะได้รับการสนับสนุนจากความเชื่อที่มีมาเนิ่นนาน คนเกาหลีบูชาเขาจีรีมาตั้งแต่ก่อนยุคสามก๊ก คนนับถือที่นี่มาต่อเนื่องยาวนานนับแต่นั้น แต่ดูเหมือนว่าคนคนเดียวที่จะไม่เชื่อเรื่องนี้ก็คือ อีคัง “หยุดเพ้อเจ้อได้แล้ว”
ตัดภาพมาปี 2020 ณ อุทยานแห่งชาติเขาจีรี หน่วยพิทักษ์ป่าแฮดง
อีคัง ที่ตอนนี้กลายเป็นคนขาพิการ นั่งอยู่บนวีลแชร์กลับเข้าขอมาทำงานที่หน่วยพิทักษ์ป่าแฮดงอีกครั้ง กูยองทักอีคังประโยคแรกหลังจากไม่เจอกันมานานนับปี “เธอกลับมาทำไม !”
ในขณะที่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ อีคังกับฮยอนโจติดอยู่บนเขาตอนที่หิมะตกหนัก อีคังพิการ ส่วนฮยอนโจต้องนอนเป็นผักอยู่ที่โรงพยาบาลนับแต่นั้น
การกลับมาครั้งนี้ อีคังต้องการหาคำตอบบางอย่าง …
EP.2 โศกนาฏกรรม
หัวหน้าโจแดจิน (รับบทโดย ซอลดงอิล) พูดกับอีคัง เหมือนกับว่าเขาไม่อยากให้เธอกลับมาด้วยเหตุผลบางอย่าง “คนที่นอนอยู่โรงพยาบาลเป็นปีแล้วรอดมาได้อย่างเธอ จะมาสนใจเรื่องพวกนี้ทำไม เพราะฮยอนโจเหรอ ? จนถึงวันนี้ฉันยังไม่เข้าใจ อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในวันนั้นเลย คนที่รู้ดีว่าภูเขาหิมะมันอันตรายแค่ไหนแต่กลับขึ้นไปบนนั้น ระหว่างฮยอนโจกับเธอมีเรื่องอะไรกันแน่ ?” อีคังตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย “ไม่มีอะไรทั้งนั้นค่ะ ฉันแค่พยายามปกป้องภูเขาเท่านั้น มันเป็นงานของพวกเรา”
ตัดภาพกลับไปเมื่อปี 2018 …
ในตอนนั้นฮยอนโจเดินลาดตระเวนเข้าไปในเขตหวงห้าม ระหว่างนั้นภาพนิมิตก็ผุดขึ้นมาในหัวของ เป็นภาพชายคนหนึ่งที่นอนเลือดท่วมกายอยู่กลางป่าสน จากนั้นเขาก็เข้าไปเจอชายคนหนึ่งที่เดินเข้าในเขตหวงห้าม แต่เมื่อชายคนนั้นอ้างว่ามาตามหากระดูกพ่อที่หายไปเมื่อปีก่อน ทำให้ฮยอนโจปล่อยชายคนนั้นไป เพราะในกระเป๋าเป้ของชายคนนั้นมีโถเก็บอัฐิอยู่จริง ๆ
คืนนั้นมีพิธีรำลึกเหตุการณ์โศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นที่เขาจีรี ฮยอนโจจึงเข้าไปถามถึงเหตุการณ์นั้น “เขาจีรีมีภูมิประเทศที่สูงชัน การไหลเวียนของอากาศถูกปิดกั้น จึงทำให้มีฝนตกหนักในพื้นที่บ่อย ในฤดูร้อนปี 1995 ตอนนั้นร้ายแรงเป็นพิเศษ ฝนตกหนักมากจนทำให้เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ และมันโชคร้ายหนักไปกว่าเดิม เพราะมันไปตรงกับช่วงวันหยุดในฤดูกาลท่องเที่ยว ทำให้มีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก แถมหน่วยกู้ภัยและอาสาสมัครต่าง ๆ ที่พากันระดมมาช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่พลัดหลง หลายคนก็เสียชีวิตหรือไม่ก็หายสาบสูญไป ในเหตุการณ์นั้นมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 100 คน ซึ่งรวมถึงชาวบ้านในหมู่บ้านนี้ด้วย ว่ากันว่ามีการจัดงานศพขึ้นทุกบ้านเลย”
อีคังก็เป็นหนึ่งในผู้เสียคนพ่อแม่ไปจากเหตุการณ์นั้น !
ฮยอนโจเอาเรื่องของชายที่เขาเจอในเขตหวงห้ามไปปรึกษากับอีคัง เนื่องจากเขาเดินหาพ่อของเขาที่หายไปเป็นปี ๆ ผู้สูญหายชื่อฮงซังกยู เขาเป็นนักธุรกิจที่กำลังล้มละลายด้วยหนี้ก้อนมหาศาล ตอนที่เขาหายไปมือถือถูกปิดเอาไว้ ทำให้การสืบสวนเป็นไปได้ยาก และเมื่อตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดทั่วทั้งเขา ก็ไม่พบร่องรอยเลย ทำให้คดีถูกปิดโดยไม่มีการค้นหา “ลูกชายเขายังไม่ยอมแพ้ ผมอยากช่วยเขาครับ”
อีคังตอบกลับไปด้วยท่าทีที่ไม่เห็นด้วย “นายคิดว่าตำรวจไม่ออกไปค้นหาเพราะอะไร นายคิดว่าตำรวจโง่เหรอ เปล่าเลย แต่มันเป็นเพราะไม่มีหลักฐานที่ระบุได้อย่างชัดเจนว่าคนคนนั้นมาที่เขาจีรี เลิกคิดเรื่องนี้ไปซะ”
อย่างไรก็ตาม ฮยอนโจตัดสินใจที่จะเล่าเรื่องนิมิต “เดี๋ยวก่อนรุ่นพี่ ตอนนั้นรุ่นพี่เคยถามผมว่า รู้ได้ยังไงว่าเด็กคนนั้นอยู่ที่ไหน ผมเห็นครับ ผมเห็นสัญลักษณ์บางอย่างที่มีคนทิ้งเอาไว้ คราวนี้ผมก็เห็นเหมือนกันครับ เห็นพื้นที่ที่มีหมอก ป่าสน มีใครบางคนเลือดไหลอยู่ที่นั่น”
แต่ก็อีกเช่นเคยที่อีคังแสดงท่าทีไม่เชื่อ “นี่นายเมาอยู่หรือเปล่า” ฮยอนโจทำใจ “งั้นก็ไม่เป็นไรครับ เพราะมันเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อ”
วันรุ่งขึ้นฮยอนโจตัดสินใจไปช่วยชายคนนั้นคนเดียว อย่างไรก็ตาม อีคังรู้สึกผิดสังเกตอะไรบางอย่างจึงไปที่สถานีตำรวจเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม ทำให้อีคังได้รู้ว่า ชายคนที่ฮยอนโจไปช่วยเป็นนักต้มตุ๋น ไม่ใช่ชายที่ตามหากระดูกพ่อตามที่ฮยอนโจหลงเชื่อ
ชายที่หายตัวไปเป็นหนี้ก้อนโต ทำให้เขาถูกบีบให้เข้าไปร่วมขบวนการลักลอบขนต้นสนเถื่อนในเขตหวงห้าม จนเกิดการขัดแย้งกันเรื่องแบ่งเงิน 50 ล้านวอน เขาถูกผลักจนตกหน้าผาพร้อมกับเงินก้อนนั้น ส่วนชายคนที่หลอกฮยอนโจว่าตามหากระดูกพ่อ แท้จริงแล้วเขาต้องการตามหาเงินก้อนนั้น
ต้นสนที่มีรูปแบบสวยงามจะอยู่บนภูเขา ที่มีลมพัดแรงมาเป็นเวลานาน ถึงจะมีกิ่งก้านและรูปร่างที่งดงาม การขุดต้นสนตามธรรมชาติแบบนี้เป็นเรื่องผิดกฎหมาย เป็นการทำลายธรรมชาติอย่างมากมาย ต้องเลือกเส้นทางในการลากต้นสนต้นนั้นลงมา ตั้งแต่ยอดภูเขาจนถึงด้านล่าง ทำให้ต้องโค่นต้นไม่เป็นจำนวนหลายร้อยต้น กว่าจะฟื้นฟูธรรมชาติที่เสียหายไปให้กลับมาเหมือนเดิม ต้องใช้เวลานานหลายสิบปี ทำให้มูลค่าของต้นสนเหล่านั้นมีราคากว่าร้อยล้านวอน
อย่างไรก็ตามฮยอนโจก็จับพิรุธได้ จนชายนักต้มตุ๋นคนนั้นชักมีดขึ้นมาแทงฮยอนโจจนเลือดไหลท่วม แต่ท้ายที่สุด อีคังก็พากำลังตำรวจมาจับชายคนนั้นได้ และสามารถช่วยฮยอนโจได้สำเร็จ
ตัดภาพกลับมาที่ปัจจุบัน …
หัวหน้าโจแดจินพูดกับอีคังที่อยู่ในวีลแชร์ว่า “ฉันขอตำแหน่งที่สำนักงานใหญ่ไว้ให้เธอแล้ว อยู่ที่นี่เธอจะทำงานได้ไม่สะดวกด้วยเหตุผลหลายอย่าง เรื่องสัญลักษณ์อะไรนั่นฉันจะไปสืบให้เอง ถ้ารู้อะไรฉันจะบอกเธอเป็นคนแรก ไปอยู่สำนักงานใหญ่เถอะนะ”
ภาพอินเสิร์ตให้ชวนสงสัยในตัวของหัวหน้าโจแดจิน ว่าเขากำลังอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์บางอย่าง !?
EP.3 หุบเขาแห่งภูตผี
มีเรื่องเล่ามากมายในหมู่ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ เกี่ยวกับเรื่องลึกลับที่เกิดขึ้นที่หุบเขาแบคโทกล จริงบ้างเท็จบ้างคละเคล้ากันไป แต่สิ่งที่ทุกคนเชื่อตรงกันก็คือ …
หุบเขาแบคโทกลเป็นจุดที่มีพลังหยินแรงมาก เป็นพื้นที่ที่เกิดการปฏิวัติชาวนาดงฮัก ยุคที่ปกครองโดยญี่ปุ่น หรือแม้แต่ในสงครามเกาหลี มีผู้คนมากมายอยู่ที่นี่เป็นเวลานาน ทุกวันนี้ยังมีการขุดเจอโครงกระดูกของผู้เสียชีวิตอยู่เลย ทั่วทั้งแบคโทกลมีการวางไม้กางเขน หรือการเรียงเจดีย์หินอยู่หลายจุด เป็นการระลึกถึงผู้เสียชีวิตโดยไม่มีหลุมศพ ถ้าผีมีอยู่จริงพวกมันก็น่าจะอยู่ที่นี่มากกว่าที่ไหน ๆ พวกหมอผีถึงได้มารับพลังงานจากที่นี่ … ถ้าผีมีอยู่จริงที่นี่จะเป็นที่ที่เหมาะมากกว่าที่ไหน ๆ
ปี 2018 …
คุณยายกึมรเย ซึ่งเสียคุณแม่ในแบคโทกลตั้งแต่เมื่อท่านยังเป็นเด็ก ท่านจึงมักชอบลักลอบขึ้นไปไหว้คุณแม่ปีละหลายครั้ง คุณยายกึมรเยจึงกลายเป็นที่รู้จักในหมู่ของเจ้าหน้าที่
วันนี้ คุณยายกึมรเยก็ขึ้นไปที่แบคโทกลเพื่อไหว้คุณแม่เช่นเคย ด้วยความที่หุบเขาเป็นพื้นที่เขตหวงห้าม ทำให้อีคังกับฮยอนโจได้รับมอบหมายให้ตามขึ้นไปตามคุณยาย แต่เมื่อทั้งสองขึ้นไปยังจุดที่เรียกว่า “ต้นรูกระสุน” จุดที่มีการสังหารหมู่เกิดขึ้นที่นี่ ซึ่งเป็นจุดที่คุณยายขึ้นมาเซ่นไหว้คุณแม่เป็นประจำ แต่ครั้งนี้มีบางอย่างผิดปรกติไป คุณยายหายไป !?
ในตอนนั้น ฮยอนโจได้เห็นภาพนิมิตเป็นภาพเจดีย์หิน เขาจึงบอกให้อีคังไปหาคุณยายกึมรเยที่จุดเจดีย์หิน
ระหว่างเดินทางนั้นเอง ฮยอนโจได้เจอกลุ่มทหารที่ทำการฝึกรบอยู่ที่นั่น ทำให้เราได้รู้ว่า แท้ที่จริงแล้วฮยอนโจเป็นอดีตทหารยศร้อยเอก แต่ที่เขาออกจากการเป็นทหาร ก็เพราะเหตุการณ์ที่เขาฝึกจนผู้ใต้บังคับบัญชาเสียชีวิต
ฮยอนโจเล่าให้อีคังฟังว่า “มีคนเคยบอกผมว่า มีพลังงานบางอย่างอยู่ที่แบคโทกล ผมไม่แน่ใจว่าสิ่งนั้นเรียกว่าผีหรือเทพภูเขากันแน่ แต่ผมคิดว่าสิ่งนั้นให้บางอย่างกับผม เพื่อให้ผมได้ช่วยเหลือคน”
หลังจากตามหาไปยังจุดต่าง ๆ ในที่สุด ฮยอนโจกับอีคังก็พบคุณยายกึมรเยอยู่ในสภาพไร้ลมหายใจ
เมื่ออีคังได้พบว่าคุณยายได้เสียชีวิตไปแล้ว เธอเกิดอาการช็อกขึ้นมา เธอยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น … ย้อนกลับไปในเหตุการณ์อุทกภัยครั้งประวัติศาสตร์ อีคังได้เสียทั้งพ่อและแม่ในเหตุการณ์นั้น มันทำให้บาดแผลที่ฝังลึกในใจนี้ผุดขึ้นมาทุกครั้ง เมื่อเธอได้เห็นคนตายอยู่เบื้องหน้า
ในตอนท้าย ฮยอนโจพบความจริงที่ว่า ภาพนิมิตที่เขาเห็นไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน แต่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อปีกลาย ในวันที่ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาเสียชีวิตไปนั้น มีคนทำให้เขาตาย !
นั่นหมายความว่า ฆาตกรคนคนนั้นยังคงอยู่บนเขาลูกนี้ และยังคงเข่นฆ่าผู้คนอยู่บนเขาลูกนี้เรื่อยมา …
EP.4 ระเบิดมันฝรั่ง
อีคังตรวจสอบรายชื่อของคดีคนหายและเสียชีวิตในช่วงปี 2018 ถึงปัจจุบัน ซึ่งในวันเกิดเหตุของทุกราย ปรากฏว่า ตรงกับวันที่หัวหน้าโจแดจินออกเวรทุกครั้ง ทำให้หัวหน้าโจแดจินตกเป็นผู้ต้องสงสัยอย่างเลี่ยงไม่ได้
อีคังไปเยี่ยมฮยอนโจที่โรงพยาบาล ซึ่งเขาก็ยังอาการทรงตัว คือนอนเป็นผักไม่ได้สติอยู่บนเตียง พร้อมด้วยเครื่องช่วยหายใจ
ระหว่างกลับ อีคังได้เจอคิมซอล เธอจึงตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องลึกลับบนเขาจีรี ซึ่งก็ได้คำตอบว่า “รุ่นพี่คิดว่าเรื่องเล่ามากมายที่เกี่ยวกับภูเขาคือเรื่องโกหกเหรอครับ บางคนมาปีนเขาที่นี่เพื่อความสนุกสนาน แต่ก็มีคนที่มาพร้อมเรื่องราวอื่น ๆ บางคนมาพร้อมกับความโกรธและความเสียใจ ภูตผีเองก็คือความโกรธและความเสียใจ ใครก็ตามที่มีความปรารถนาอันแรงกล้า ก็อาจหลงเหลือเป็นภูตผีอยู่ที่ภูเขานั้นก็ได้”
อีดาวอน (รับบทโดย โกมินซี) ตั้งข้อสังเกตว่าอีคังกำลังแจ้งเหตุเท็จ เพราะใช้แค่สัญลักษณ์จากกิ่งไม้ที่ลมพัดจนกลายเป็นสัญลักษณ์บางอย่าง แต่สุดท้ายทีมลาดตระเวนกลับพบผู้ประสบภัยจริง ๆ
ผู้ประสบภัยกำลังนอนน้ำลายฟูมปากอยู่บริเวณลำธาร ใกล้ ๆ ตัวมีขวดนมเปรี้ยวตกอยู่ จากนั้นเฮลิคอปเตอร์กู้ภัยได้พาตัวนำส่งโรงพยาบาลล้างท้องได้ทัน เมื่ออาการดีขึ้น อีคังจึงเดินทางไปสอบถามเพิ่มเติม ซึ่งคำตอบที่ได้ทำเอาเธอถึงกับตกตะลึง …
“นมเปรี้ยวนั้นคุณเจอที่ไหนเหรอคะ ?”
“นมเปรี้ยวอยู่ในถุงวางอยู่บริเวณลำธาร” จากนั้นผู้ประสบภัยก็ได้เล่าต่อว่า “ช่วงนี้มีผีผู้ชายอยู่บนภูเขา ว่ากันว่าถ้าใครได้เห็นผีตนนั้นไม่นานจะต้องตาย ตอนแรกผมก็ไม่เชื่อหรอก แต่เมื่อสองสามวันก่อนผมเห็นผีนั่นกับตาตัวเองเลย ตอนแรกผมนึกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ก็เลยตกใจไปซ่อนตัว แต่มันแปลก ๆ ตรงที่เขามีเลือดอยู่เต็มตัว”
อีคังเปิดรูปของฮยอนโจในโทรศัพท์ให้ชายผู้ประสบภัยดู เขากับร้องด้วยความมั่นใจว่า ฮยอนโจเป็นผีตนนั้นที่เขาเห็นจริง ๆ !!!
เมื่อได้รู้ความจริงอันน่าตกตะลึงนั้น อีคังนึกถึงคำพูดของฮยอนโจขึ้นมาทันที “แค่เพราะรุ่นพี่ไม่เข้าใจไม่ได้แปลว่ามันเป็นเรื่องโกหก ผมคิดว่ามันเป็นพรสวรรค์เพื่อให้ผมได้ช่วยเหลือผู้คน ผู้คนที่ประสบเหตุบนเขาลูกนี้”
ตัดภาพกลับไปเมื่อปี 2018 …
มีเหตุการณ์เกิดขึ้น เมื่อชายคนหนึ่งเสียชีวิตจากระเบิด ที่เรียกว่าระเบิดมันฝรั่ง
ระเบิดมันฝรั่งเป็นระเบิดแสวงเครื่องชนิดหนึ่ง ที่พวกลักลอบล่าสัตว์ใช้เพื่อล่าหมีควายบนเขาจีรีช่วงปี 1960 ถึง 1970 สมัยนั้นตับกับถุงน้ำดีของหมีถือว่ามีราคาแพงมาก เลยมีการวางระเบิดเหล่านั้นบนเขาจีรี คล้าย ๆ กับทุ่นระเบิด ต่อมาในปี 1960 หลังถูกกำหนดให้เป็นอุทยานแห่งชาติ ทำให้มีการระดมชาวบ้านมาเก็บวัตถุอันตรายที่หลงเหลืออยู่บนภูเขา
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าระเบิดมันฝรั่งจะมีอายุยาวนานมากกว่า 60 ปีแล้วก็ตาม แต่มันยังทำงานได้ก็เพราะว่าผิวด้านนอกมีการเคลือบแวกซ์เอาไว้ ทำให้ลมหรือน้ำเข้าไปไม่ได้ ทำให้ตัวจุดชนวนหรือดินระเบิดที่อยู่ด้านในยังใช้การได้อยู่
แต่ประเด็นก็คือ ฮยอนโจกับอีคังเพิ่งตรวจสอบจุดดังกล่าวไปก่อนหน้านี้แล้ว “ผมมีเรื่องจะบอกครับ ก่อนเกิดเหตุเราได้ตรวจสอบบริเวณนั้นแล้ว แต่ตอนนั้นเราไม่พบว่ามีระเบิดอยู่ที่นั่น”
ต่อมาผู้อำนวยการอุทยานแห่งชาติเขาจีรีแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ด้วยการลาออกจากตำแหน่ง แม้ว่าผู้เสียชีวิตจะเข้าไปจับงูอย่างผิดกฎหมายในเขตหวงห้ามก็ตาม
ฮยอนโจเชื่อว่าต้องมีคนนำเอาระเบิดนั้นไปวาง หลังจากที่เขากับอีคังไปตรวจอย่างแน่นอน ทำให้เขาพยายามสืบที่มาของระเบิด จนตามไปยังชาวบ้านที่เคยทำหน้าที่กู้ระเบิดเมื่อ 60 ปีที่แล้วตามรายชื่อที่เขาได้รับมา
แต่ที่น่าประหลาดใจก็คือ ฮยอนโจได้พบว่ามีระเบิดมันฝรั่งของชาวบ้านคนหนึ่งหายไป และที่ทำให้เขาตกใจยิ่งกว่าเมื่อรู้ว่า เป็นครอบครัวของเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่าคนหนึ่ง อียังซอน
EP.5 ผู้สมรู้ร่วมคิด
ปี 2018 …
เซอุคเป็นเด็กที่เกิดและโตในหมู่บ้านเดียวกับอีคัง เป็นคนที่มีนิสัยไม่ค่อยพูด เขาเกิดบนภูเขาและโตมาบนภูเขา เป็นคนที่รู้จักภูเขามากกว่าใคร สมัยเด็กหลังจากเสียพ่อไป เขาก็ไปอาศัยอยู่บ้านของยังซอน (เจ้าหน้าที่ธุรการหน่วยพิทักษ์ป่าแฮดง) ที่เป็นญาติกัน ตอนนี้เขาแยกตัวออกมา และหากินด้วยการเลี้ยงผึ้งอยู่ที่ตีนเขา
ฮยอนโจเชื่อมั่นว่าเซอุคเป็นคนเอาระเบิดมันฝรั่งไปวาง เพราะเขาจำรอยแผลบนหลังมือของเซอุคได้ เขาจำได้เป็นอย่างดีจากภาพนิมิตที่เขาได้เห็น อย่างไรก็ตามอีคังยังคงไม่เห็นด้วย และต้องการให้เขามีหลักฐานที่เป็นรูปธรรมมากกว่าแค่คำพูด “ตำรวจไม่เชื่อหรอกว่าเซอุคเป็นคนที่เอาระเบิดไปวางไว้”
ระหว่างนั้นเอง เด็กใหม่ในหน่วยพิทักษ์ป่าอย่างยังซอน ก็ขึ้นภูเขากลางป่าลึกที่เรียกว่า “เซมากล” เมื่ออีคังกับฮยอนโจรู้เช่นนั้นจึงรีบไปตามหาตัวยังซอนทันที เพราะรู้ดีว่ายังซอนไม่มีความชำนาญในการเดินป่าเลยแม้แต่นิดเดียว แม้แต่ตอนฝึกเดินป่าตอนปฐมนิเทศเด็กใหม่ ยังซอนก็ยังเป็นลมล้มพับไป
สุดท้ายแล้วอีคังกับฮยอนโจก็เจอยังซอนนั่งหลังพิงต้นไม้ร้องไห้อยู่คนเดียว เมื่อเห็นรุ่นพี่ทั้งสอง ยังซอนจึงชี้นิ้วไปที่ระเบิดมันฝรั่งที่วางเอาไว้อยู่ในกรงดักสัตว์ ก่อนที่เธอจะเล่าว่า เซอุคบอกเธอว่าเห็นคุณปู่เดินเข้าป่าในวันที่เกิดเหตุ ทำให้เธอตัดสินใจเดินเข้ามาดูด้วยตาตัวเอง เพราะเธอไม่เชื่อว่าปู่จะเป็นคนทำ แต่การที่เธอได้มาเห็นกับตาว่าระเบิดมันฝรั่งถูกวางอยู่ในกรงดักสัตว์ของคุณปู่ มันทำให้เธอเสียใจเป็นอย่างมาก
จากคำให้การของยังซอน ทำให้ตำรวจจำเป็นต้องเรียกตัวคุณปู่มาสอบสวน ในขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าคุณปู่เป็นผู้ต้องสงสัย ฮยอนโจกลับคิดต่างออกไป เขายังเชื่ออย่างปราศจากข้อสงสัยว่า เซอุคคือฆาตกรตัวจริง
ฮยอนโจเอารูปของเซอุคไปถามพลทหารอัน ซึ่งก็ยืนยันว่าชายคนที่เอานมเปรี้ยวผสมยาพิษให้เขากินก็คือเซอุค !
ฮยอนโจมุ่งหน้าหาหลักฐานต่อไป โดยการตรวจสอบกล้องวงจรปิดบนภูเขามากกว่า 30 ตัว ในท้ายที่สุดก็ได้เห็นภาพหลักฐานชัดเจนว่า คนที่เอาระเบิดมันฝรั่งไปวางไว้ก็คือเซอุค
ในขณะที่เซอุคซึ่งรู้ตัวแล้วว่าโดนจับได้ ได้ส่งข้อความไปหาใครบางคนว่า “เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรู้แล้วว่าเราเป็นคนทำ” ผ่านไปไม่นานนัก ข้อความก็ตอบกลับมาว่า “ทำงานให้สำเร็จ เรื่องเจ้าหน้าที่คนนั้นเดี๋ยวฉันจัดการเอง” … เซอุคไม่ได้ทำงานคนเดียว !
ข้อความที่บอกว่าให้ทำงานให้สำเร็จ นั่นก็คือ การสังหารยังซอน
เซอุคไปหายังซอนที่บ้านโดยทำทีว่าเป็นห่วง เขาเอานมเปรี้ยวให้ยังซอนกิน หลังจากดื่มนมเปรี้ยวเข้าไปแล้ว ยังซอนถามเซอุคอีกครั้ง “นายแน่ใจหรือว่าเห็นคุณปู่เดินเข้าป่าในวันนั้น ?” เซอุคเผยรอยยิ้มโรคจิตออกมาแล้วตอบว่า “ไม่ ฉันโกหกเพื่อต้องการจะฆ่าเธอ”
อย่างไรก็ตาม อีคังกับฮยอนโจสามารถมาช่วยพายังซอนโรงพยาบาลเพื่อล้างท้องได้อย่างปลอดภัย ส่วนเซอุคก็ใช้ความชำนาญเส้นทางบนภูเขาหนีฮยอนโจที่วิ่งไล่ตามไปได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
ในตอนท้าย เซอุคถูกพบเป็นศพอยู่กลางป่า และในเวลาใกล้เคียงกันนั้นเอง ภาพได้เผยให้เห็นหัวหน้าโจแดจินเดินอยู่ใกล้เคียงกับร่างที่ไร้วิญญาณของเซอุค !?
EP.6 ลมรักแรกที่พัดหวน
ปี 2018 คริสต์มาสที่หิมะตกและอากาศหนาวอย่างงรุนแรง …
อีคังได้รับแจ้งเหตุมีผู้ประสบภัยขาแพลงระหว่างขึ้นไปศูนย์พักพิงบีดัม อีคังตัดสินใจไปช่วยผู้ประสบภัยเพียงคนเดียว โดยให้ฮยอนโจรออยู่ที่สำนักงานศูนย์พักพิงบีดัม
อีคังฝ่าสภาพอากาศจนไปช่วยหญิงสาวขาแพลง เธอแนะนำตัวเองว่าเป็นตำรวจหน่วยปราบปรามยาเสพติด “รุ่นพี่ที่ทำงานกับฉันถูกใส่ความว่ารับสินบนจากพ่อค้ายา เขาบอกว่าหลักฐานพิสูจน์ความบริสุทธิ์อยู่ที่ศูนย์พักพิง (บีดัม) ฉันต้องไปเอามันค่ะ”
ด้วยความสงสัย อีคังจึงถามไปว่าทำไมหลักฐานสำคัญขนาดนั้นถึงไปอยู่ที่ศูนย์พักพิง คำตอบที่ได้รับคือ “รุ่นพี่ (อิมชอลกยอง) บอกว่าเขานัดเจอกับสายลับบนเขาจีรี และสายลับคนนั้นก็ทิ้งหลักฐานเอาไว้ที่ศูนย์พักพิง”
เมื่อได้ฟังเช่นนั้น อีคังจึงตัดสินใจพาหญิงสาวคนนั้นไปที่ศูนย์พักพิง แต่ทว่าเมื่อไปถึงอีคังกลับพบจองกูยองนอนจมกองเลือดอยู่กับพื้น !
อีคังตกใจ รีบโทร. แจ้งตำรวจ แต่ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร ชายปริศนาก็ได้เข้ามาทำร้ายเธอจากทางด้านหลังจนสลบไป ด้านหญิงสาวขาแพลงก็เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงว่าเป็นพวกเดียวกับคนร้าย อย่างไรก็ตาม อิมชอลกยองก็ปรากฏตัวขึ้นและจัดการคนร้ายไปได้อย่างง่ายดาย
เมื่ออีคังฟื้นตื่นได้สติขึ้นมา ภาพเบื้องหน้าที่เธอได้เจอคือรักแรก รักแรกที่ทำให้เธอตกอยู่ในภวังค์ อิมชอลกยองเป็นรักแรกที่ฝังอยู่ในหัวใจของอีคัง ที่แม้ผ่านไปกว่ายี่สิบปีแต่เธอก็ไม่อาจลืมเลือน
อีคังรักอิมชอลกยองมาตั้งแต่เด็ก จนมาวันหนึ่งเขาเกิดไปขโมยเงินเจ้าของร้านอาหาร เพื่อเอาไปซื้อมอเตอร์ไซค์พาอีคังไปเที่ยวทะเล เจ้าของร้านสงสัยว่าเขาเป็นคนขโมยเงินจึงไล่ออกและพูดจาดูถูก ณ จุดนั้นเอง มันทำให้อิมชอลกยองตัดสินใจหนีออกไปจากที่นั่น และหนีไปจากอีคัง “ฉันไม่รู้หรอกนะว่าต่อจากนี้ไปฉันจะเป็นอะไร แต่ที่แน่ ๆ ฉันจะไม่ใช้ชีวิตที่น่าอับอายแบบนี้อย่างแน่นอน”
วันเวลาผ่านไปนานหลายปี อีคังตัดสินใจที่จะทำงานในหน่วยพิทักษ์ป่า ว่าที่จริงเธอเป็นคนเกลียดและกลัวภูเขา เพราะพ่อแม่ของเธอต้องมาตายเพราะภูเขา แต่มันเหมือนกับว่าเธอตั้งใจอยู่ที่นี่เพื่อรอใครบางคน
ใช่ มันเหมือนกับเธอรอใครบางคนอยู่ที่นี่ แล้ววันหนึ่งเธอก็ได้เจอเขาอีกครั้ง แต่โชคชะตาก็ทำให้เธอไม่ได้พูดกับเขามากนัก จนมาถึงวันนี้ …
“ไม่เจอกันนานเลยนะ ฉันไม่รู้ว่าเรื่องมันจะบานปลายจนอันตรายขนาดนี้”
“ทำไมนายมาแล้วไม่โทร. หาฉันก่อนล่ะ”
“ที่จริงแล้ว ฉันมีเรื่องจะสารภาพกับเธอ”
“อะไรเหรอ ?”
“ตอนนั้นฉันเป็นคนขโมยเงินไปเองล่ะ เพราะฉันอยากได้มอเตอร์ไซค์พาเธอไปเที่ยวทะเล แต่ตอนนั้นฉันอายจนไม่กล้าบอกความจริง ขอโทษนะที่โกหก”
“คราวหน้าถ้ามาปีนเขาฉันจะโทร. หาเธอนะ เพราะภรรยาของฉันก็ชอบภูเขาเหมือนกัน”
อีคังได้ยินประโยคนั้นก็ได้แต่ยิ้มอ่อนออกมา มันเหมือนกับเป็นคำเฉลยที่เธอได้รับหลังจากรอคำตอบมานานกว่ายี่สิบปี
ในตอนท้าย อีคังดื่มมักกอลลีมันเทศจนหมดถ้วย หลังจากโดนฮยอนโจตั้งคำถามว่า “รุ่นพี่ชอบคนที่ชื่ออิมชอลกยองมากขนาดนั้นเลยเหรอ ชอบจนออกไปจากภูเขาไม่ได้ ต้องรอเขาอยู่ที่นี่” สุดท้ายแล้วฮยอนโจก็ต้องแบกรุ่นพี่อีคังที่เมาพับไร้สติไปส่งที่บ้าน
ระหว่างที่อยู่บ้านอีคัง ภาพนิมิตได้ปรากฏขึ้นในหัวของฮยอนโจ มันเป็นภาพไฟป่าที่กำลังลุกไหม้อย่างรุนแรง !!?
EP.7 ไฟเรือนยอด
ดาวอนเดินทางไปติดตั้งกล้องวงจรปิดที่ต่าง ๆ ตามคำขอของอีคัง ระหว่างนั้นเธอได้ไปเจอเข้ากับสิ่งที่น่าตกตะลึง คนใส่ชุดเครื่องแบบฤดูหนาวของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า ในสภาพที่บนเสื้อผ้าและมือมีเลือดเต็มไปหมด แต่ขณะที่ดาวอนกำลังช็อกจนแน่นิ่งไปได้ไม่นาน คนคนนั้นก็หายตัวไปต่อหน้าต่อตา
ดาวอนรีบวิ่งหน้าตาตื่นกลับมาหาอีคัง พร้อมทั้งเล่าเรื่องเหลือเชื่อที่เธอเพิ่งเจอ อีคังรู้ได้ในทันทีว่า สิ่งนั้นหรือคนคนนั้นที่ดาวอนเห็นก็คือ วิญญาณของฮยอนโจ !
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ทางโรงพยาบาลได้โทร. มาแจ้งอาการของฮยอนโจว่าอาการทรุดลงอย่างหนัก “คนไข้มีความดันเลือดสูงอย่างกะทันหัน และมีเลือดออกภายใน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเป็นแบบนี้ แต่ทุกครั้งแพทย์ก็ตรวจหาสาเหตุไม่พบ”
จากสิ่งที่ดาวอนเห็น มันทำให้เธอคิดว่าฮยอนโจรอคอยอีคังมานานแสนนาน เขาได้ยินและรับรู้เรื่องราวทุกอย่าง เป็นเพียงแต่ว่าเขาไม่สามารถสื่อสารได้โดยตรง แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้อีคังได้รู้ว่า สิ่งที่เขาต้องการคือหยุดฆาตกรที่คร่าชีวิตผู้คนบนเขาแห่งนี้
ปี 2018 …
เกิดไฟป่าขึ้นจริง ๆ ตามที่ฮยอนโจเห็นภาพนิมิต แต่ด้วยความร่วมแรงร่วมใจและการทำงานประสานกันอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมไฟป่าเอาไว้ได้
โดยปกติแล้วไฟป่าจะเกิดขึ้นในพื้นที่ที่รถดับเพลิงไม่สามารถเข้าไปได้ ทำให้ต้องระดมเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าเข้าไปสร้างแนวกันไฟ เพื่อพยายามป้องกันสิ่งที่เรียกว่า “ไฟเรือนยอด” (수관 화) ซึ่งเป็นไฟที่เผาไหม้กิ่งไม้และใบไม้ แล้วลมก็จะพัดเชื้อไฟเหล่านั้นออกไปเป็นวงกว้างจนเป็นอันตรายร้ายแรง เมื่อสร้างแนวกันไฟได้แล้วก็จะให้เฮลิคอปเตอร์โปรยน้ำเพื่อดับไฟ
แต่ถึงแม้จะดับไฟได้แล้วก็ยังไม่จบกระบวนการ จะต้องมีทีมเก็บกวาดเดินเท้าไปสำรวจเชื้อไฟที่ยังคุอยู่ด้านใต้ เพราะเชื้อไฟเล็ก ๆ เหล่านั้นอาจทำให้เกิดเพลิงไหม้ที่ใหญ่กว่าเดิมก็ได้ ซึ่งตามปกติแล้วจะต้องคอยตามดูประมาณ 3 วันเป็นอย่างน้อย
คืนนั้น ฮยอนโจยังไม่วางใจ เพราะภาพนิมิตที่เขาเห็นมีป้ายเตือนไฟป่าอยู่ในนั้นด้วย เมื่อสอบถามชาวบ้านที่มาเก็บสมุนไพรก็ได้รู้ว่า ป้ายนั้นเก็บเอาไว้ที่บ้านของชายคนที่โดนระเบิดมันฝรั่ง ฮยอนโจจึงรีบเดินทางไปที่นั่นทันที
ฮยอนโจมาถึงที่บ้านหลังนั้นก็พบลูกทั้งสามของคุณป้าเก็บสมุนไพร แต่ทันใดนั้นเอง ก็มีบุคคลปริศนาได้มาล็อกกุญแจขังเขากับเด็ก ๆ เอาไว้ภายในบ้าน (บ้านมีลักษณะเป็นโกดัง จึงมีทางเข้าออกทางเดียวและไม่มีหน้าต่าง)
ในเวลาเดียวกันนั้น ทีมเก็บกวาดไฟป่าก็ลงสำรวจพื้นที่ แล้วสิ่งที่ทุกคนกลัวก็เกิดขึ้น เมื่อลมพัดแรงโหมทำให้เกิดไฟเรือนยอดขึ้น ไฟมันลุกลามอย่างรวดเร็วและน่ากลัวมาก ๆ แต่สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือทิศทางลมมันพัดไปทางหมู่บ้านแฮดง และบ้านที่ฮยอนโจกับเด็ก ๆ ถูกขังอยู่ด้านใน !
EP.8 ฆาตกรรมอำพราง
ไฟป่าลุกลามเป็นวงกว้าง เจ้าหน้าที่ต้องทำการอพยพชาวบ้านออกจากหมู่บ้านแฮดง รถดับเพลิงถูกระดมมาช่วยกันปกป้องชีวิต และทรัพย์สินบ้านเรือนของชาวบ้าน ไฟไหม้ป่าครั้งนี้ถือเป็นไฟไหม้ป่าครั้งใหญ่ มีการรายงานข่าวทางทีวีออกไปทั่วประเทศ
ตัดภาพมาที่ฮยอนโจ เขาพยายามพังผนังโกดังจนกลายเป็นรู้เล็ก ๆ เพื่อให้เด็กน้อยทั้งสามสามารถลอดออกไปได้
ระหว่างนั้นเองที่เขายังติดอยู่ด้านในที่เพลิงกำลังลุกไหม้โหมกระหน่ำ รถดับเพลิงก็มาถึงและเข้าช่วยเหลือฮยอนโจเอาไว้ได้ทัน แต่ปัญหาที่ตามต่อมาก็คือ เด็ก ๆ ทั้งสามคนวิ่งหนีไฟเข้าไปในเขา ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องพากันออกตามหาเด็ก ๆ บนเขา และโชคก็เข้าข้าง กระแสลมเกิดเปลี่ยนทิศ ทำให้เจ้าหน้าที่เบาใจไปได้เปลาะหนึ่ง
และในท้ายที่สุด อีคังก็ช่วยเด็ก ๆ ทั้งสามคนเอาไว้ได้ ทุกคนปลอดภัย
ฮยอนโจมาเยี่ยมอีคังที่โรงพยาบาล เขาเล่าเรื่องเซอุคที่ถูกพบเป็นศพในป่าสนในสภาพศพไหม้เป็นตอตะโก จากการชันสูตรพบกระดูกร้าวไปทั่วทั้งตัว ตำรวจเลยสันนิษฐานว่าเป็นการเสียชีวิตจากการตกหน้าผา
แต่สิ่งที่ฮยอนโจสงสัยก็คือ การตายของเซอุคอาจเป็นคดีฆาตกรรมอำพราง เพราะนับแต่จ่าสิบโทคิมฮยอนซู (ลูกน้องของฮยอนโจสมัยที่เขายังเป็นทหาร) เสียชีวิตจนถึงตอนนี้ มีคดีเสียชีวิตบนเขาจีรีทั้งหมด 25 คดี แต่เขาเห็นภาพนิมิตแค่บางคดี ส่วนคดีที่เหลือส่วนใหญ่เป็นคดีอุบัติเหตุหัวใจหยุดเต้นของนักท่องเที่ยวที่เป็นโรคหัวใจ หรือไม่ก็เป็นอุบัติเหตุธรรมดา ๆ ส่วนดดีที่เขาเห็นภาพนิมิตนั้นล้วนแล้วแต่เป็นคดีฆาตกรรมที่อำพรางให้ดูเหมือนเป็นอุบัติเหตุ อย่างเช่น เห็ดพิษ นมเปรี้ยว หรือไม่ก็ระเบิดมันฝรั่ง ฯลฯ
สรุปก็คือ ฮยอนโจคิดว่า เซอุคมีผู้สมรู้ร่วมคิดร่วมมือก่อเหตุกับเขา …
“อย่างที่โกดังไฟไหม้ มีใครบางคนตั้งใจขังเราเอาไว้ แล้วจุดไฟเผา ตำรวจไปตรวจสอบดูแล้วแต่ไม่พบร่องรอยใด ๆ แต่ผมมั่นใจว่าต้องมีใครบางคนต้องการเล่างานผม ผมไม่รู้ว่าคนคนนั้นเป็นใคร แต่ผมเชื่อมั่นว่ามันต้องตามจัดการกับผมอีกแน่นอน” ฮยอนโจเชื่อว่า ถ้าคนร้ายจัดการกับเขาอีกครั้ง
ภูเขาจะช่วยเขาให้เห็นภาพนิมิต และเมื่อถึงตอนนั้นเขาจะจัดการกับคนร้ายด้วยตัวเอง
ตัดกลับมาในปี 2020 …
ดาวอนกำลังขึ้นเขาไปเก็บเมมโมรีการ๋ดจากกล้องวงจรปิด ระหว่างนั้นเองเธอได้เจอใครบางคนที่สวมชุดเครื่องแบบของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า ในมือของคนคนนั้นถือขวดนมเปรี้ยวอยู่ในมือ ดาวอนตกใจเป็นอย่างมาก แต่เมื่อเธอหันมาเจอคนคนนั้นก็ถึงกับยิ้มออกมา “ตกใจหมดเลย แล้วมาทำอะไรที่นี่คะ ?”
EP.9 ผู้ต้องสงสัย
ดาวอนตกใจเป็นอย่างมากเมื่อได้พบกับหัวหน้าโจแดจินบนภูเขา ทั้งสองกล่าวทักทายกัน ก่อนที่เธอจะขอตัวไปปฏิบัติภารกิจของตัวเองต่อ และหลังจากนั้นก็ไม่มีใครสามารถติดต่อดาวอนได้อีกเลย
อีคังร้อนใจเป็นอย่างมากเมื่อรู้ว่าดาวอนหายตัวไป เธอจึงแจ้งให้แรนเจอร์คนอื่น ๆ ช่วยกันออกตามหา หลังขึ้นเขาออกตามหาไม่นานนัก สิ่งแรกที่พวกเขาพบก็คือโทรศัพท์มือถือที่เปื้อนเลือดของดาวอน … เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบโทรศัพท์พบว่า มีคลิปบันทึกเสียงสนทนาระหว่างดาวอนกับหัวหน้าโจแดจินถูกบันทึกเอาไว้ นั่นทำให้ตั้งเป็นข้อสงสัยได้ว่า ดาวอนพบกับหัวหน้าโจแดจินก่อนที่เธอจะหายตัวไป
ต่อมาแรนเจอร์ก็พบศพของดาวอน ในมือของเธอกำถุงมือปืนเขาสีดำที่ปักชื่อของหัวหน้าโจแดจินเอาไว้แน่น หลักฐานชิ้นนี้ทำให้ตำรวจขอเชิญตัวหัวหน้าโจแดจินไปสอบปากคำ ส่วนอีคังก็ปักใจเชื่อไปแล้วว่าหัวหน้าเป็นคนฆ่าดาวอน !
แต่เรื่องราวมันดูเหมือนจะซับซ้อนมากไปกว่านั้น เมื่อภาพได้ฉายให้เห็นว่า ฆาตกรที่ฆ่าดาวอนตั้งใจเอาโทรศัพท์ไปวางเอาไว้ในจุดที่ถูกค้นพบได้ง่าย ส่วนข้าวของอื่น ๆ ในเป้ของดาวอนกลับถูกเก็บไปหมด … หรือว่าฆาตกรตั้งใจวางแผนโยนความผิดไปให้หัวหน้าโจแดจิน !?
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ชายที่แอบขึ้นเขาไปลักลอบเก็บสมุนไพรก็เกิดไปเจอเข้ากับ “ผีฮยอนโจ” ชายคนนั้นตกใจแต่ดูเหมือนผีฮยอนโจจะตกใจยิ่งกว่า ที่ได้รู้ว่ามีคนเห็นเขาและได้ยินเสียงเขา เมื่อเป็นเช่นนั้นผีฮยอนโจจึงฝากชายคนนั้นไปบอกกับอีคังว่า “คนที่ทิ้งสัญลักษณ์เอาไว้ครั้งนี้ไม่ใช่ผม” (หมายถึงสัญลักษณ์ที่ทิ้งเอาไว้ให้ตามหาร่างของดาวอน)
อีคังตกใจเป็นอย่างมากเมื่อได้รู้ข้อความที่ผีฮยอนโจฝากมาถึง !
EP.10 หุบเขาตาปิศาจ
ปี 2019 …
ยูทูบเบอร์เข้าไปไลฟ์สดในหุบเขาสะพานดำ ซึ่งได้รับการกล่าวขานว่าเป็นหุบเขาหลอกลวงผู้คน หรือบางคนก็เรียกว่าหุบเขาตาปิศาจ มันเป็นหุบเขาที่แม้แต่อีคังเองก็ไม่คุ้นเคยกับพื้นที่ เพราะมันเป็นเส้นทางที่อันตรายมากแถมวิวยังไม่ได้สวยงามเหมือนพื้นที่อื่น ๆ
ระหว่างทาง ยูทูบเบอร์หนุ่มไปเจอหญิงสาววัยกลางคนคนหนึ่งนั่งขอความช่วยเหลืออยู่บริเวณหุบเขาสะพานดำ เธอร้องขอเขาให้แจ้งเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าเข้ามาช่วยเหลือเธอ ซึ่งยูทูบเบอร์คนนั้นก็รับปากไปอย่างเสียไม่ได้
ต่อมายูทูบเบอร์คนนั้นมานั่งหลอนอยู่ข้างถนนทางหลวง เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาดูเขาก็ได้แต่พูดถึง “ตาปิศาจ” ที่เขาเจอบนหุบเขาสะพานดำแห่งนั้น ก่อนที่จะเอ่ยถึงหญิงคนที่รอรับการช่วยเหลือ
ฮยอนโจกับอีคังเดินทางไปยังหุบเขาสะพานดำเพื่อไปช่วยเหลือหญิงคนดังกล่าว ปัญหาคือทั้งสองไม่รู้ตำแหน่งที่แน่นอน ระหว่างทางจู่ ๆ ทั้งสองก็เหมือนถูกตัดขาดออกจากโลกภายนอก สัญญาณโทรศัพท์มือถือและสัญญาณ GPS ถูกตัดขาด แถมยังมีหมอกลงจัดจนมองแทบไม่เห็นทางไปไกลเกินกว่าหนึ่งช่วงตัว ทันใดนั้น อีคังเกิดไปเห็นดวงตาสองคู่สะท้อนกับแสง เธอจึงรีบตะโกนให้ฮยอนโจรีบวิ่งหนีจนเข้าไปหลบในถ้ำ อีคังสันนิษฐานว่าดวงตาที่เห็นนั้นคือหมีควาย
ตัดภาพมาที่หน่วยพิทักษ์ป่าแฮดง หัวหน้าโจแดจินได้ส่งคนเข้าไปช่วยอีคังกับฮยอนโจ เมื่อเห็นว่าทั้งสองขาดการติดต่อไปนานจนผิดสังเกต ในที่สุดก็เข้าไปช่วยเหลือทั้งสองรวมถึงหญิงวัยกลางคนคนนั้นออกมาจนได้
ต่อมาฮยอนโจได้เรียนรู้ว่า เมื่อกว่ายี่สิบปีมาแล้ว มีหมู่บ้านตั้งอยู่ที่หุบเขาสะพานดำ แต่ชาวบ้านเหล่านั้นได้อพยพออกจากพื้นที่ไปเพราะสิ่งลึกลับที่เรียกว่า “ตาปิศาจ” และเขาก็ได้รับการบอกเล่าว่าสิ่งที่เขาเห็นนั้นไม่ใช่หมีควาย หากแต่มันคือตาปิศาจ ซึ่งมันได้ช่วยนำทางให้เจ้าหน้าที่เจอตำแหน่งของหญิงที่รอรับการช่วยเหลือคนนั้น
ชายที่บอกเรื่องราวต่าง ๆ กับฮยอนโจคือ “ซอล” ซึ่งตอนที่ซอลเดินจากไป เขาได้หยิบถุงมือสีดำขึ้นมาสวม ที่น่าสังเกตก็คือ มันเป็นถุงมือแบบเดียวกับที่ฆาตกรที่สังหารดาวอนใส่ มันทำให้เกิดความสงสัยว่า ซอลคือฆาตกรตัวจริง ?
EP.11 เหตุผลที่กลับมาภูเขาอีกครั้ง
ปัจจุบัน …
อีคังไปเยี่ยมหัวหน้าโจแดจินที่ตอนนี้ถูกคุมขังอยู่ที่สถานีตำรวจ เพื่อถามข้อสงสัยหลายอย่างเกี่ยวกับการตายของดาวอน …
“ในวันที่ดาวอนตาย หัวหน้าไปทำอะไรที่นั่นคะ ?”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับแดวอนในวันนั้น”
“ฉันเห็นริบบิ้นสีเหลืองเปื้อนเลือด ทำไมมันไปอยู่ที่ลิ้นชักโต๊ะของหัวหน้าคะ ?”
“เธอกลับมาเพราะเรื่องนี้เหรอ ไปหาอิลแฮแล้วเธอจะรู้ความจริงทุกอย่างเอง”
ณ เวลาเดียวกันนั้นี่โรงพยาบาล ฮยอนโจที่นอนเป็นผักอาการแย่ลงอย่างกะทันหัน เขาไม่สามารถหายใจได้ด้วยตัวเอง ซึ่งอาจมีผลทำให้เกิดภาวะสมองตายได้ อีคังคิดว่าถ้าเธอสามารถจับตัวคนร้ายได้ ฮยอนโจก็อาจจะฟื้นขึ้นมา
อีคังกลับมาหาอิลแฮและกูยองที่หน่วยพิทักษ์ป่าแฮดง “พวกนายคงสงสัยว่าฉันกลับมาทำไม ที่ฉันกลับมาก็เพราะมีใครบางคนคอยเข่นฆ่าผู้คนอยู่บนภูเขา โดยจัดฉากว่าเป็นอุบัติเหตุ ฉันกลับมาเพื่อหาว่าคนร้ายตัวจริงคือใคร”
อิลแฮได้เฉลยเรื่องราวของหัวหน้าโจแดจินทุกอย่างออกมา เขาบอกว่าหัวหน้าก็สงสัยเช่นเดียวกับที่อีคังสงสัย เรื่องที่มีคนที่คอยเข่นฆ่าผู้คนอยู่บนภูเขา หัวหน้าโจแดจินจึงออกไปสำรวจที่เกิดเหตุเพื่อหาหลักฐาน ซึ่งริบบิ้นสีเหลืองและนมเปรี้ยวผสมยาพิษก็เป็นหลักฐานที่หัวหน้าเก็บมาได้จากภูเขา “และในวันที่ดาวอนตาย หัวหน้าก็ขึ้นไปที่นั่นเพื่อหาสิ่งนี้” อิลแฮหยิบขวดนมเปรี้ยวที่ถูกเก็บเอาไว้ในถุงพลาสติกออกมาให้อีคังและกูยองได้ดู
ถ้ายึดถือจากคำพูดของอิลแฮ นั่นก็หมายความว่า หัวหน้าโจแดจินไม่ใช้คนร้ายที่อีคังกำลังตามหาอยู่
จากนั้นอีคังก็บอกว่า “ฮยอนโจรู้อยู่แล้วว่าคนร้ายคือใคร” แล้วเธอก็เล่าเรื่องที่เธอกับฮยอนโจขึ้นไปบนหุบเขาสะพานดำท่ามกลางหิมะในวันนั้น จนเป็นที่ทำให้เธอกลายเป็นคนพิการท่อนล่าง และทำให้ฮยอนโจอาการสาหัสจนต้องนอนเป็นผักมานานนับปี
ในวันนั้นเมื่อปี 2019 … มีคนจงใจทำกับดักให้อีคังเกิดอุบัติเหตุจนล่วงลงจากขอบหน้าผาหิมะ ทำให้เธอได้รับบาดเจ็บสาหัส ฮยอนโจช่วยปฐมพยาบาลให้อีคังเบื้องต้น ก่อนที่จะเดินเท้าไปหาสัญญาณโทรศัพท์เพื่อติดต่อให้คนมาช่วย แต่หลังจากที่เขาติดต่อให้คนมาช่วยได้แล้ว ฮยอนโจก็โดนทำร้ายนอนหมดสติอยู่กลางหิมะ
ก่อนหน้านั้น ฮยอนโจสืบเรื่องราวต่าง ๆ จนได้รู้ความจริงว่า “เหยื่อทุกคน (ที่ตายบนภูเขาอย่างผิดธรรมชาติ) เกี่ยวข้องกับอุทกภัยในปี 1995”
ต่อมา อีคังบอกกับอิลแฮว่าเธอสงสัยกูยองว่าเป็นคนร้าย เพราะคนร้ายต้องเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่อย่างแน่นอน และในวันที่ดาวอนตาย กูยองก็อยู่บนภูเขา แล้วเธอก็วางแผนกับอิลแฮเพื่อบีบให้กูยองเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมาเอง
EP.12 แผลใจในอดีต
ฮยอนโจบอกกับอีคังว่า “เหยื่อทุกคนมีความเกี่ยวข้องกับอุทกภัยที่หุบเขาโดวอนเมื่อปี 1995 คนร้ายน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับอุทกภัยในครั้งนั้น” จากนั้นเขาก็ถาม “ตอนนั้นมีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ ? เหตุการณ์ที่พอจะเป็นเหตุผลให้คนร้ายทำเรื่องแบบนี้”
คำถามของแรนเจอร์รุ่นน้องทำให้อีคังฉุกคิดถึงเรื่องราวในอดีตขึ้นมา เหตุการณ์ที่ดูเหมือนจะเป็นแผลในใจที่ถูกกดทับเอาไว้มาต่อเนื่องยาวนานกว่า 25 ปี …
ในตอนนั้น พ่อแม่ของอีคังเกิดปัญหาด้านการเงิน จากการที่ไปเซ็นสัญญาค้ำประกันให้กับคนอื่น เหตุการณ์ย่ำแย่ถึงขั้นอาจจะโดนยึดบ้าน ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเองก็ได้เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ขึ้นที่หุบเขาโดวอน พ่อแม่ของอีคังก็เสียชีวิตในเหตุการณ์นั้น
ต่อมาเจ้าหน้าที่ประกันได้มาแจ้งเรื่องการรับเงินประกันว่า ในกรณีที่เสียชีวิตจากอุทกภัยต้องมีขั้นตอนการตรวจสอบการฆ่าตัวตายก่อน แน่นอนว่าเด็กน้อยอีคังในตอนนั้นไม่เชื่อว่าพ่อแม่ของเธอจะฆ่าตัวตาย “ไม่มีทาง พ่อแม่ไม่มีทางทิ้งหนูไปแบบนั้น พวกท่านไม่มีทางทำแบบนั้น”
แม้ถึงตอนนี้ อีคังก็ยังเชื่ออย่างนั้น ภัยพิบัติเป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้น มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่พ่อแม่ของเธอจะตั้งใจฆ่าตัวตายในเหตุการณ์ครั้งนั้น แม้ว่าเธอจะไม่รู้เหตุผลแท้จริงที่พ่อแม่ไปบนหุบเขาโดวอนในครั้งนั้นก็ตาม
อีคังกับฮยอนโจได้เข้าไปช่วยผู้ประสบภัยคนหนึ่งจากเหตุการณ์น้ำป่าไหลหลาก ในขณะที่หลบอยู่ในซอกหิน อีคังได้เกิดนึกถึงปมในใจของเธอในอดีตขึ้นมา ในตอนนั้นเธอตวาดใส่พ่อของเธอด้วยอารมณ์โกรธแบบเด็ก ๆ “หนูชอบภูเขาแต่หนูไม่อยากใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ที่นี่หนูไม่มีเพื่อนไม่มีอะไรทั้งนั้น หนูจะไปโซล หนูเกลียดแม่ เกลียดพ่อ ที่ทำให้หนูต้องเป็นแบบนี้”
อีคังเริ่มระบายความรู้สึกที่เก็บเอาไว้มานานแสนนานให้ฮยอนโจได้รู้ ที่เธอบอกว่าพ่อแม่ของเธอไม่มีทางฆ่าตัวตายนั้น จริง ๆ แล้วลึก ๆ เธอก็กลัวว่ามันจะเป็นความจริง เธอกลัวว่าพวกท่านจะเลือกทางนั้น จากการที่เธอเคยพูดจาร้าย ๆ ใส่พวกท่าน เคยต่อว่าที่พวกท่านทำให้ชีวิตของเธอเป็นแบบนั้น ที่สำคัญมันไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่พวกท่านจะไปหุบเขาโดวอนในวันนั้น ไม่มีเลยจริง ๆ ไม่มีเลยแม้แต่ข้อเดียว
อีคังร้องไห้ออกมาไม่หยุดอย่างกับเด็ก ๆ โดยมีฮยอนโจคอยปลอบประโลมอยู่ข้าง ๆ “พวกท่านอาจจะตัดสินใจทำแบบนั้นเพราะคำพูดอันร้ายกาจของฉัน ฉันอยากจะลบมันไปจากหัวใจ ฉันคิดถึงพวกท่านมาก”
ในตอนท้าย ยังซอนเข้าไปช่วยผู้ประสบภัยน้ำป่าไหลหลากเพียงตัวคนเดียว แต่ระหว่างนั้นเอง ชายปริศนาถุงมือดำไปปรากฏตัวขึ้น ในขณะที่เสียงกรีดร้องของยังซอนก็ยังผ่านวิทยุมายังหน่วยพิทักษ์ป่า สร้างความตกตะลึงให้กับทุกคนโดยเฉพาะกูยอง !?
EP.13 ฆาตรกรรมอำพราง
อียังซอนตกลงไปในแม่น้ำอันเชี่ยวกรากขณะออกไปช่วยผู้ประสบภัย ทำให้กูยอง รวมทั้งอีคังและฮยอนโจออกตามหาอียังซอนด้วยความร้อนใจ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์น้ำเข้าขั้นวิกฤติ ความรุนแรงเริ่มก่อตัวเหมือนอย่างในปี 1995 อีกครั้ง ทำให้หัวหน้าโจแดจินต้องออกคำสั่งให้ทุกคนรีบออกมาทันที
กูยองนั่งร้องไห้ออกมาอย่างกับเด็ก ๆ คนที่เขารักมากที่สุดจากเขาไปแล้วหรือ กระแสน้ำอันเชี่ยวกรากได้พัดพาร่างของอียังซอนไปถึงไหน ณ จุดนี้ กูยองและใครก็มิอาจรู้คำตอบนั้น แต่สิ่งที่เขามั่นใจก็คือโอกาสที่เขาจะได้เจอเธออีกครั้ง ได้ยิ้มอย่างมีความสุขกับเธออีกครั้งมันคงไม่มีอีกแล้ว
หลังจากทีมค้นหาคว้าน้ำเหลวในการหาร่างของอียังซอน ผอ. อุทยานฯ ได้แจ้งให้ยุติการค้นหา พร้อมกับตั้งข้อสันนิษฐานว่า ร่างของเธออาจจะโดนกระแสน้ำพัดลงทะเลไปแล้ว
อีกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลาใกล้เคียงกัน รถโดยสารประจำทางที่มีผู้โดยสารเกือบเต็มคัน โดยมีคุณยายของอีคังอยู่ในนั้นด้วย ได้ประสบอุบัติเหตุตกลงไปในแม่น้ำขณะรถกำลังข้ามสะพาน ทุกคนเสียชีวิต !
ฮยอนโจมาร่วมพิธีศพของคุณยาย แต่อีคังไล่เขาไปอย่างไม่สนใจไยดีแม้แต่นิดเดียว “นายไปซะเถอะ ไปซะ … ถ้าไม่ใช่เพราะนายที่ให้คุณยายขึ้นรถคันนั้น ท่านก็คงไม่จากไปแบบนี้” น้ำตาของอีคังร่วงออกจากเบ้าอย่างที่ฮยอนโจไม่เคยเห็นมาก่อน หญิงสาวที่แสดงท่าทีเข้มแข็งมาตลอด แต่ไม่ใช่วันนี้ ไม่ใช่วันที่คุณยายคนที่ถือว่าเป็นญาติผู้ใหญ่ของเธอเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ต้องมาจากไป จากไปอย่างไม่มีวันกลับ
ท่ามกลางความเสียใจที่มิอาจหาคำใดมาบรรยาย ความเสียใจที่ทำให้ผู้คนเหมือนยืนอยู่กลางหุบเหวอันเคว้งคว้างว่างเปล่าไร้ซึ่งผู้คน มันยากจริง ๆ ที่ใครจะมูฟออนก้าวข้ามมันไปได้ แต่ …
ดูเหมือนว่าฮยอนโจจะพบเบาะแสสำคัญบางอย่างที่บ่งบอกว่า อุบัติเหตุรถประจำทางตกแม่น้ำอาจจะไม่ใช่อุบัติเหตุอย่างที่ทุกคนเข้าใจ หากทว่ามันเป็นการฆาตกรรมหมู่ !!!
ฮยอนโจตัดสินออกจากการเป็นแรนเจอร์ (เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า) เขาตั้งใจที่จะสืบหาตัวคนร้ายให้ได้ หลังจากสืบไปสืบมา ฮยอนโจเกิดความสงสัยเรื่องหมู่บ้านที่มีชื่อว่า “หมู่บ้านหุบเขาสะพานดำ” ทำให้เขาไปขอความรู้จากหัวหน้าโจแดจิน
หัวหน้าโจแดจินเล่าว่า “เมื่อปี 1991 มีโครงการสร้างรถกระเช้าเกิดขึ้นที่หมู่บ้าน (ชาวบ้านไม่เห็นด้วยกับการโครงการ) มันแต่นั้นก็มีเรื่องแปลกประหลาดเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีคนแอบเอาซากสัตว์ใส่ลงไปในบ่อน้ำส่วนกลางของหมู่บ้าน จากนั้นก็มีชาวบ้านเสียชีวิตไปหลายคน เหตุการณ์น่าสลดเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการฆ่าตัวตาย … เราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในหมู่บ้านแห่งนั้น แต่ที่แน่ ๆ คือโครงการรถกระเช้าก็ถูกพับโครงการไป สุดท้ายทางอุทยานแห่งชาติก็มีโครงการให้ชาวบ้านอพยพออกจากพื้นที่ (โครงการย้ายถิ่นฐาน) และหมู่บ้านแห่งนั้นก็กลายเป็นหมู่บ้านร้างอย่างเช่นทุกวันนี้”
และเมื่อฮยอนโจได้เห็นรายชื่อของคนที่เข้าโครงการย้ายถิ่นฐานก็พบว่า ผู้เสียชีวิตที่ผ่านมาอยู่ในรายชื่อโครงการนั้นทั้งสิ้น !!?
EP.14 ฆาตกรตัวจริง
ฮยอนโจขึ้นไปที่หมู่บ้านหุบเขาสะพานดำอีกครั้ง ครั้งนี้เขาได้เจอกับคิมซอล เมื่อสอบถามก็ได้ความว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจอุงซุนเป็นคนนัดเจอเขาที่นี่
จากข้อมูลที่ได้ มันทำให้ฮยอนโจเชื่อในทันทีว่า “อุงซุน” คือฆาตกรตัวจริง แต่สิ่งที่เขาไม่เข้าใจก็คือ ทำไมอุงซุนต้องตามฆ่าคนในบ้านเกิดของตัวเองด้วย ? ฮยอนโจจึงเดินหน้าสืบเรื่องนี้ต่อไป เขาต้องรู้ให้ได้ว่าตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นที่หมู่บ้านหุบเขาสะพานดำ
ตัดกลับมาปัจจุบัน …
อีคังขอให้กูยองพาเธอขึ้นไปที่หมู่บ้านหุบเขาสะพานดำ ณ ที่นั้นเอง เธอได้เจอกับผีฮยอนโจ ผีที่เฝ้ารอที่จะได้เจอเธอมานานแสนนาน และวันนี้มันก็เป็นจริง
ผีฮยอนโจบอกกับอีคังว่า คนร้ายตัวจริงคืออุงซุน แน่นอนว่ามันยากที่อีคังจะเชื่อได้ เพราะอุงซุนเป็นตำรวจที่ยิ้มแย้มอ่อนโยนในสายตาของทุกคน ผีฮยอนโจจึงบอกตำแหน่งที่คนร้ายจะก่อเหตุในอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้น
จากนั้น อีคังขอให้กูยองขึ้นไปติดตั้งกล้องวงจรปิดในจุดที่กำหนด เพื่อพิสูจน์ความจริง
EP.15 แรงจูงใจ
หลังจากแผนการติดกล้องวงจรปิดของอีคังล้มเหลว …
อีคังมาเยี่ยมหัวหน้าโจแดจินเพื่อแสดงเจตจำนงที่จะจับตัวคนร้ายให้ได้ เขาจึงได้ให้อีคังไปเอารายงานคดีที่อาจจะเป็นประโยชน์ในการตามหาตัวคนร้ายที่เขาเก็บเอาไว้ พร้อมกับกำชับอย่างมั่นใจว่า อีคังจะต้องจับตัวคนร้ายได้อย่างแน่นอน “เธอบอกว่าคนร้ายใช้ภูเขาเพื่อฆ่าคน ดังนั้น คำตอบมันอยู่บนภูเขา คนที่รู้จักภูเขาดีที่สุดก็คือเธอ ฉันเชื่อว่าเธอต้องหาคำตอบเจออย่างแน่นอน”
อีคังกลับมาดูเอกสารและรายงานคดีต่าง ๆ เธอสันนิษฐานว่า แรงจูงใจของคนร้ายน่าจะเกี่ยวข้องกับโครงการกระเช้าลอยฟ้าอย่างแน่นอน เพราะการสร้างโครงการมีทั้งคนได้ประโยชน์และเสียประโยชน์
อีคังสืบเรื่องราวต่อไป จนได้พบว่า คิมซอลและอุงซุนเป็นผู้ต้องสงสัยจริง ๆ
EP.16 ตอนจบ
ความจริงที่เกิดขึ้นเมื่อปี 1991 ก็คือ …
ในตอนนั้น พ่อของคิมซอลเป็นเพียงคนเดียวที่ปฏิเสธการลงนามอนุญาตให้โครงการกระเช้าลอยฟ้าดำเนินการก่อสร้างได้ เพราะเขาไม่ต้องการจะย้ายออกจากไปจากบ้านเกิดของตัวเอง
ระหว่างนั้น เด็กน้อยคิมซอลได้แอบเอาตราประทับในหนังสือลงนาม และเอาไปให้ผู้ดำเนินโครงการ ในตอนนั้นเอง เด็กชายคิมซอลแอบได้ยินว่า พวกมันเป็นคนทำเรื่องเลวร้ายต่าง ๆ ขึ้นมาในหมู่บ้าน รวมถึงฆ่าแม่ของเขา และวางยาผึ้งของพ่อเขา ทำให้พ่อของคิมซอลกลายเป็นบ้า สุดท้ายก็ตัดสินใจฆ่าตัวตาย
คิมซอลยืนยันกับอีคังว่าเขาไม่ใช่คนร้าย “รุ่นพี่ (อีคัง) มั่นใจว่าผมเป็นคนร้ายหรือครับ แต่ทำไมรุ่นพี่ถึงไม่ไปแจ้งตำรวจเลยล่ะครับ จะมาหาคนเพียงลำพังให้ตัวเองเสี่ยงอันตรายทำไม หรือเป็นเพราะว่ารุ่นพี่ไม่มีหลักฐาน ก็เลยมาที่นี่เพื่อหาหลักฐาน” แท้จริงแล้ว อีคังมาหาคิมซอลเพื่อแอบเอา GPS ใส่เอาไว้ในเป้ของเขา เพราะเธอเชื่อมั่นว่า เขาต้องแอบขึ้นเขาไปทำลายหลักฐานที่ซ่อนเอาไว้อย่างแน่นอน
แล้วสิ่งที่อีคังคิดก็เป็นจริง คิมซอลกับอิลแฮแอบขึ้นไปบนเขา โดยมีกูยองแอบตามขึ้นไป
คิมซอลเผชิญหน้ากับผีฮยอนโจ ที่ยิงคำถามใส่เขาว่าทำไมถึงฆ่าคนพวกนั้น ? คำตอบจากปากคิมซอลก็คือ “ก็เพราะว่าคนพวกนั้นจำไม่ได้ยังไงล่ะ คนพวกนั้นจำไม่ได้ว่าตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น … ตอนแรกผมไม่คิดจะฆ่าใครเลย แต่ผมคิดจะฆ่าตัวตายต่างหาก จริง ๆ ผมพยายามฆ่าตัวตายมาหลายครั้งแล้ว แต่ก็มีบางสิ่งช่วยผมเอาไว้ทุกครั้ง วันนั้นผมจึงเอานมเปรี้ยวผสมยาพิษขึ้นไป เพื่อที่จะฆ่าตัวตาย แต่ …”
ในวันนั้น คิมซอลบังเอิญเจอกับพลทหารคิมฮยอนซูที่เดินหลงทางมาพอดี (คิมฮยอนซูคือทหารในหน่วยของฮยอนโจที่เสียชีวิต ซึ่งเป็นเหตุให้ฮยอนโจลาออกจากกองทัพ) คิมซอลจำคิมฮยอนซูได้เป็นอย่างดี เป็นเพียงแต่อีกฝ่ายกลับจำคิมซอลไม่ได้เลย แถมยังถามถึงพ่อของคิมซอลด้วยว่าสบายดีอยู่หรือเปล่า คำทักทายที่เรียบง่ายของคิมฮยอนซูนั้นมันบาดจี๊ดเข้าไปในใจของคิมซอล พ่อของเขาฆ่าตัวตาย แต่กลับไม่มีใครจำเหตุการณ์นั้นได้เลย !!?
ณ จุดนี้เองที่เป็นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง คิมซอลเอี้อมมือล้วงเข้าไปในกระเป๋าเพื่อหยิบน้ำเปรี้ยวผสมยาพิษให้กับคิมฮยอนซูดื่ม จากนั้นคิมซอลก็ไปโน้มน้าวเซอุคให้มาร่วมกับเขาด้วย ที่สำคัญคือ คิมซอลเชื่อว่าภูเขาอยู่ข้างเขา
ผีฮยอนโจกล่าวกับคิมซอลว่า “แท้จริงแล้วภูเขาไม่ได้อยู่ข้างคุณ แต่ต้องการลงโทษคุณต่างหาก ภูเขาจึงทำให้ผมได้เห็นภาพต่าง ๆ ที่คุณได้ทำมันขึ้น ทำให้ผมได้เห็นความเลวร้ายที่คุณได้ก่อขึ้น และสุดท้ายคุณก็จะโดนลงโทษ” แต่คิมซอลก็ตอบกลับไปว่า “ถ้าคุณเชื่ออย่างนั้น ก็จับผมให้ได้สิ”
ตัดภาพกลับมาที่โรงพยาบาล ในวันนี้ทางพ่อแม่และครอบครัวของฮยอนโจได้เดินทางมาพบเขาเป็นครั้งสุดท้าย เพราะทุกคนตัดสินใจที่จะถอดสายออกซิเจนของฮยอนโจในวันนี้ ทุกคนตัดสินในที่จะปล่อยเขาไปในวันนี้ … เครื่องช่วยหายใจถูกปิดลง !
เวลาเดียวกันนั้นเอง อีคังขอให้หัวหน้าโจแดจินแบกเธอขึ้นหลังไปบนภูเขา เพื่อไปหาเบาะแสที่ผีฮยอนโจได้ทิ้งเอาไว้ สรุปคือหลักฐานที่เอาผิดคนร้ายก็คือโทรศัพท์ของเซอุคที่เก็บอยู่ที่สถานีตำรวจแฮดง
ในโทรศัพท์ของเซอุคมีข้อความที่ใช้ติดต่อกับคิมซอล จึงใช้เป็นหลักฐานที่ตำรวจใช้ในการเอาผิดคิมซอล
คิมซอลไหวตัวทัน เขาหนีการจับกุมของตำรวจไปได้ และไปลักพาตัวอีคังเพื่อเอาไปฆ่าบนภูเขา แต่ระหว่างทาง อีคังเลือกที่จะกระโดดออกมาจากรถ ทั้งสองเกิดต่อสู้กัน อีคังก็ตะโกนด่าคิมซอลว่าเขาเป็นเพียงแค่คนบ้า ด้านคิมซอลก็บอกว่าสิ่งที่เขาทำเป็นสิ่งที่ภูเขาต้องการ แล้วจู่ ๆ สิ่งไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น …
ดินถล่มลงมาทับร่างของคิมซอลตายไปต่อหน้าต่อตาอีคังเฉยเลย !!!
หนึ่งปีต่อมา …
กูยองยังคงเก็นอียังซอนเอาไว้ในส่วนลึกของหัวใจของเขาเสมอมา ทุกครั้งที่เขาคิดถึงเธอ น้ำตาก็จะไหลรินออกมาด้วยความคิดถึง กูยองมักจะขึ้นไปนั่งอยู่คนเดียวบนภูเขา เพื่อเป็นการระลึกถึงอียังซอน
อีคังมีตำแหน่งเป็นคนสัมภาษณ์งานที่สำนักงานอุทยานแห่งชาติ เธอกล่าวกับผู้สมัครเป็นแรนเจอร์คนหนึ่งว่า “คุณกลัวภูเขาอยู่ใช่มั้ย จริง ๆ แล้วฉันก็ยังกลัวภูเขาอยู่เหมือนกัน แต่ว่าภูเขาก็เป็นแค่ภูเขา แต่ละคนมีภูเขาของแต่ละคนที่แตกต่างกันไป บางคนขึ้นไปเพื่อใช้ชีวิต บางคนขึ้นไปเพื่อต้องการตาย แต่มันไม่สำคัญหรอก เพราะหน้าที่ของพวกเรามีเพียงสิ่งเดียว นั่นก็คือต้องปกป้องความปลอดภัยของพวกเขาเท่านั้น … ภูเขาก็เป็นเพียงแค่ภูเขาค่ะ”
ที่สำคัญคือ อีคังกลับมาเดินได้เป็นปกติ ส่วนฮยอนโจก็ฟื้นขึ้นมาจากความตายได้อย่างน่าเหลือเชื่อ แล้วเรื่องราวก็จบลงไปแบบนี้อย่างมีความสุข
จบบริบูรณ์
Source: YouTube tvN Drama