Skip to content

รีแคปซีรีส์ One Ordinary Day EP.4 : คำรับสารภาพ

One Ordinary Day EP.4 : ฮยอนซูพร้อมทนายใหม่ทั้งสองพยายามหาทางพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้ตัวเอง แต่ข้อมูลบางอย่างที่ของฮงกุกฮวาที่ได้จากชินจุงฮันกลับทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป …

รีแคปซีรีส์ One Ordinary Day EP.4 : คำรับสารภาพ

อัยการอันแทฮีวางแผนโน้มน้าวให้ฮยอนซูเข้าเครื่องจับเท็จ เธอกล่าวว่า “ถ้าปล่อยไปแบบนี้ คุณจะถูกตั้งข้อหาข่มขืน ทำร้ายร่างกาย และฆาตกรรม ซึ่งมันเป็นอาชญากรรมที่โหดเหี้ยม ทั้งไม่รับสารภาพและไม่สำนึกผิด ฉันบอกได้เลยว่าโทษจำคุกตลอดชีวิตมันคงไม่ไกลเกินเอื้อม หรืออาจจะถึงประหารชีวิตด้วยซ้ำ”

ที่จริงอัยการสาวอันแทฮีวางแผนจัดฉากกับหัวหน้าพัคซึงบอม เพื่อให้ผลการเข้าเครื่องจับเท็จเป็นประโยชน์ในการเล่นกับความรู้สึกของประชาชน แม้ว่าผลดังกล่าวจะไม่สามารถนำมาใช้ในศาลได้ก็ตาม

หัวหน้าพัคซังบอมพาฮยอนซูไปดูศพของฮงกุกฮวาเป็นครั้งสุดท้ายที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ก่อนเข้าเครื่องจับเท็จ คือเป็นเทคนิคที่อัยการอันแทฮีใช้เพื่อจะทำให้ผลการเข้าเครื่องจับเท็จออกมาว่าฮยอนซูโกหก เพราะในทางการแพทย์ผู้ป่วยเป็นโรคหอบหืดไม่เหมาะที่จะเข้าเครื่องจับเท็จ

ทีนี้ ชินจุงฮันก็เข้ามาแทรกแซกการเข้าเครื่องจับเท็จ โดยเขาได้แนะนำให้ทนายผู้ช่วยซอซูจินแจ้งสิทธิ์ให้กับฮยอนซูว่า ผู้ตกเป็นจำเลยมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธการเข้าเครื่องจับเท็จได้ทุกเมื่อ เพราะมันไม่สามารถนำไปใช้ในชั้นศาลได้

ฮยอนซุกลับมาอยู่ในคุกตามเติมหลังจากปฏิเสธการเข้าเครื่องจับเท็จ แต่ความเป็นอยู่ของเขาในตอนนี้กลับแย่ลงไปกว่าเดิม เมื่อเขามีพัคดูชิกแห่งแก๊งแบคโฮเป็นศัตรู แต่โดจีแทก็ยังคอยช่วยเหลือเขาอยู่เสมอ คืนก่อนวันนัดไตร่สวนการฝากขังที่ศาล โดจีแทได้มอบหนังสือประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา พร้อมด้วยแว่นสไตล์เด็กเรียนให้ใช้ใส่ไปในศาล

ฮยอนซูเปิดหนังสือเล่มนั้นอ่าน เขาพบมอตโต้ที่เขียนเอาไว้ในหน้าแรกที่ระบุว่า “ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย ไม่มีผู้ใดพึงสันนิษฐานว่าผิด”

ระหว่างนั้น ชินจุงฮันก็ยังคงสืบคดีของฮยอนซูต่อไป จนได้พบว่าฮงกุกฮวาติดยาเสพติดที่มีชื่อว่า “เฟนทานิล” ซึ่งเป็นยาที่จ่ายให้เมื่อมีใบสั่งยาจากแพทย์เท่านั้น แล้วชินจุงฮันก็ได้เอกสารการสั่งยาพร้อมประวัติการรักษาตลอดระยะเวลา 3 ปี จากคลินิกเวชศาสตร์แห่งหนึ่ง

เมื่อถึงวันไต่สวนการฝากขัง ศาลพิจารณาให้ฝากขังฮยอนซู ด้วยเหตุผลที่อัยการอันแทฮีแจ้งต่อศาลว่า ฮยอนซูพยายามหลบหนีระหว่างอยู่ในเรือนจำ “ทนายจำเลยพยายามบอกว่าจำเลยไม่คิดที่จะหลบหนี แต่ตัวจำเลยเองกลับพยายามหนีออกจากเรือนจำ และทั้งที่อ้างว่าตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์แต่กลับปฏิเสธการเข้าเครื่องจับเท็จ ตามคำแนะนำของอัยการ”

ทีนี้ ชินจุงฮันเอาเอกสารการสั่งยาเสพติดของฮงกุกฮวาไปเสนอขายให้กับทนายพัคมีกยอง เมื่อได้เอกสารดังกล่าว เธอจึงเดินทางไปเจรจาต่อรองกับอัยการอันแทฮี จากเดิมที่อัยการตั้งคดีเป็นข่มขืนและฆ่าโดยเจตนา ซึ่งมีโทษจำคุกตลอดชีวิตถึงประหารชีวิต แต่ด้วยหลักฐานชิ้นนี้ ทำให้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่อัยการจะพิสูจน์ความผิดของจำเลยว่าเป็นการเจตนาฆ่า เพราะยาเสพติดไม่ใช่ของฮยอนซู และฮงกุกฮวาก็เป็นคนที่ขึ้นรถแท็กซี่ของเขาวันนั้นด้วยตัวเอง

พัคมีกยองจึงเสนอว่าให้ลงโทษฮยอนซูในฐานข่มขืนและฆ่าโดยไม่เจตนา อัตราโทษ 10 ปี โดยไม่มีการอุทธรณ์ ซึ่งอัยการอันแทฮีขอให้ฮยอนซูรับสารภาพเพื่อแลกกับข้อตกลงนี้

ทนายพัคมีกยองถือว่าข้อเสนอนี้เป็นข้อเสนอที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว เธอจึงเดินทางไปหาฮยอนซูในเรือนจำเพื่อเกลี้ยกล่อมให้เขารับข้อเสนอดังกล่าว “ฉันแนะนำในฐานะผู้เชี่ยวชาญทางด้านกฎหมาย สถานการณ์ในตอนนี้มันยากที่คุณจะพ้นโทษจำคุกตลอดชีวิต และอาจจะเป็นโทษประหารก็ได้ … ยอมรับโทษสิบปี ถ้าคุณเป็นนักโทษชั้นเยี่ยม คุณก็จะได้ออกมาใช้ชีวิตได้เร็วขึ้น 3-4 ปี ตอนนั้นคุณก็จะอายุเพียงแค่สามสิบเท่านั้น”

ฮยอนซูตอบตกลง แม้ในใจลึก ๆ เขาจะยังเชื่อว่าตัวเองไม่ได้เป็นคนฆ่าฮงกุกฮวาก็ตาม

เมื่อถึงวันนัดรับสารภาพที่ศาล ชินจุงฮันคนเดิมก็มาไซโคฮยอนจูที่ใต้ถุนศาลว่า แม้มันจะเป็นข้อเสนอที่ดีที่จะรับสารภาพแลกกับการรับโทษเพียงแค่สิบปี แต่หลังจากนั้น สังคมก็จะตีตราเขาว่าเป็นฆาตกรไปตลอดชีวิต ดังนั้น ชินจุงฮันจึงแนะนำว่าถ้าฮยอนซูเชื่อว่าตัวเองไม่ได้ฆ่า ก็ไม่ต้องรับสารภาพ และสู้คดีตามกระบวนการ แม้มันจะเสี่ยงที่ต้องรับโทษสูงสุดคือประหารชีวิตก็ตาม

ฮยอนซูยืนต่อหน้าศาล แต่แทนที่เขาจะกล่าวคำรับสารภาพตามที่ตกลงไว้กับทนายพัคมีกยอง เขากลับเชื่อชินจุงฮัน​ “ผมไม่ได้เป็นคนฆ่าฮงกุกฮวา !!!”

Photos: ภาพหน้าจอจาก VIU Thailand