Skip to content
สรุปเนื้อเรื่อง The Gray Man (2022) ล่องหนฆ่า

สรุปเนื้อเรื่อง The Gray Man (2022) ล่องหนฆ่า

The Gray Man สปอยล์ : คอร์ท เจนทรี่ หรือที่รู้จักกันในชื่อซิก นักฆ่าในโครงการลับของ CIA ที่มีชื่อว่าเซียร์ร่า เขาเคยเป็นนักฆ่าล่องหนที่เก่งที่สุดของ CIA แต่ตอนนี้เขากลับต้องหนี เพราะไปล่วงรู้ความลับที่เลวร้ายขององค์กร ทำให้เขาต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่วิปริตสุดขั้ว นำไปสู่มหกรรมล่าระห่ำข้ามโลก …

แนว : แอ็คชั่น เรต 16+
ผู้กำกับฯ : แอนโธนี รุสโซ และโจ รุสโซ
สตรีมมิ่ง : Netflix
กำหนดฉาย : 22 กรกฎาคม 2022
ความยาว : 129 นาที
ประเทศ : สหรัฐอเมริกา
ทุนสร้าง : 200 ล้านเหรียญฯ

ปี 2003 ทัณฑสถานรัฐฟลอริดา

นักโทษชายคดีฆาตกรรม คอร์ท เจนทรี่ (รับบทโดย ไรอัน กอสลิง – Ryan Gosling) กำลังนั่งคุยอยู่กับแขกคนพิเศษ โดนัลด์ ฟิตซ์รอย (รับบทโดย บิลลี บ็อบ ธอร์นตัน – Billy Bob Thornton) เจ้าหน้าที่ระดับสูงของ CIA หน่วยข่าวกรองกลางของสหรัฐฯ

หลังจากพลิกแฟ้มดูประวัติและเอกสารต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว ฟิตซ์รอยก็ยื่นข้อเสนอให้เจนทรี่ “ฉันมาเพื่อลดโทษให้ ถ้านายตกลง ตอนที่ฉันเดินออกจากคุกเนี่ย นายจะเดินตามฉันออกไปด้วย แลกกับการที่นายต้องทำงานให้เรา เราจะฝึกนายไปฆ่าคนชั่ว นายจะได้เข้าไปอยู่ในโครงการลับเซียร์ร่า …” ฟิตซ์รอยโยนหมากฝรั่งรสแตงโมให้เจนทรี่ และพูดต่อ “… ฉันมาเพื่อทำให้ชีวิตที่เหลือของนายมีค่ามากขึ้น”

โครงการเซียร์ร่าคือโครงการที่ CIA ตั้งขึ้นเพื่อให้ทำภารกิจเสี่ยงตายผิดกฎหมาย ที่เจ้าหน้าที่อย่างเป็นทางการทำไม่ได้ โดยจะเลือกนักโทษเลือดเย็นมาฝึกทักษะการเป็นนักฆ่าและสายลับ ผู้ที่ถูกเลือกจะได้รับการยกเว้นโทษแลกกับการทำงานให้เซียร์ร่าไปตลอดชีวิต ประวัติทุกอย่างจะโดนทำลายไปจนหมดสิ้น ไร้ตัวตน เป็นนักฆ่าล่องหน

18 ปีต่อมา …

ปี 2021 ที่กรุงเทพฯ เจนทรี่ได้กลายเป็นนักฆ่าของ CIA ภายใต้ชื่อ “ซิก” ตอนนี้เขาได้รับมอบหมายภารกิจให้สังหารเป้าหมายชื่อ “ตู้เสบียง” ซึ่งจะปรากฏตัวในผับแห่งหนึ่ง เขาไม่รู้ว่าเป้าหมายเป็นใคร รู้แต่เพียงว่าเป้าหมายเป็นคนชั่ว ที่เดินทางมาเพื่อทำการซื้อขายข้อมูลลับที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ โดยซิกมีคู่หูเป็นเจ้าหน้าที่สาวจาก CIA ชื่อ แดนี่ มิรันด้า (รับบทโดย อนา เดอ อาร์มาส – Ana De Armas) คอยช่วยเหลืออยู่ห่าง ๆ

“ต้องกำจัดมันให้ได้ก่อนที่การซื้อขายจะสำเร็จ” คำสั่งที่มีน้ำเสียงดุดันและจริงจังจากปากของ เดนนี่ คาร์ไมเคิล (รับบทโดย Regé-Jean Page) หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการทางยุทธวิธีของ CIA สั่งผ่านวิทยุสื่อสารจากแลงลีย์

แต่ขณะที่ปลายปากกระบอกปืนไรเฟิลติดลำกล้องหันเข้าหาเป้าหมาย เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น มีเด็กน้อยคนหนึ่งเดินเข้ามายืนคู่กับ “ตู้เสบียง” ทำให้ซิกตัดสินใจขัดคำสั่ง เขาเลือกที่จะไม่เหนี่ยวไก และเปลี่ยนแผนไปจัดการเป้าหมายด้วยวิธีของเขาเอง นั่นคือการเข้าสังหารแบบประชิดตัว จากการลอบสังหารเลยการเป็นยิงปะทะกันเลือดสาดเละเทะ ซิกและมิรันด้ายิงปะทะกับลูกน้องของเป้าหมาย จนทั้งหมดลงไปนอนจมกองเลือดอยู่กับพื้น ในที่สุดเขาก็เข้าถึงตัวเป้าหมายและใช้มีดแทงเข้าไปหลายแผล แต่ก่อนที่ตู้เสบียงจะสิ้นลมหายใจ เขาได้ยื่นสร้อยคอที่ด้านในมี SD Card ซ่อนอยู่ด้านในให้กับซิก พร้อมทั้งบอกว่าตัวเขาเองคือ “โฟร์” และบอกด้วยว่าคาร์ไมเคิลเป็นคนชั่ว !?

ซิกรู้ในทันทีว่ามันต้องมีเรื่องไม่ชอบมาพากลซ่อนอยู่เบื้องหลังภารกิจนี้อย่างแน่นอน เขาจึงแอบเอา SD Card ที่ได้ไปเปิดดูข้อมูล แต่มันก็เปิดไม่ได้เพราะมีการเข้ารหัสเอาไว้ เขาจึงนำมันใส่ซองจดหมายแล้วส่งไปรษณีย์ไปให้ใครบางคนที่กรุงปราก สาธารณะรัฐเช็ก

คาร์ไมเคิลส่งทีมเข้าไปเก็บกวาด แต่กลับไม่พบสิ่งที่เขาต้องการ มันหายไปแล้ว และคนที่เอาไปจะต้องเป็นซิกอย่างแน่นอน คาร์ไมเคิลติดต่อซิกทันทีเพื่อขอของคืน แต่ซิกปฏิเสธโดยอ้างว่าไม่รู้ … จากการได้คุยกับคาร์ไมเคิลทำให้ซิกสังหรณ์ใจว่า เขาได้ตกเป็นเป้าหมายศพต่อไปเสียแล้ว ซิกจึงรีบติดต่อหาฟิตซ์รอยทันที ทำให้ซิกได้รู้ว่าคาร์ไมเคิลคนนี้แหละที่เป็นคนบีบให้ฟิตซ์รอยลาออกจาก CIA แล้วฟิตซ์รอยก็ให้ซิกไปสนามบินที่เชียงใหม่ เขาจะจัดหาทีมพาหนีไปรับที่นั่น

จับปีศาจต้องใช้ปีศาจ

ซิกคือนักฆ่าเบอร์หนึ่งของเซียร์ร่า และเป็นนักฆ่าคนสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ คาร์ไมเคิลรู้ดีว่าการจะจัดการกับซิก จำเป็นต้องใช้นักฆ่าที่ร้ายยิ่งกว่า โหดยิ่งกว่า ชั่วยิ่งกว่า ลอยด์ แฮนเซ่น (รับบทโดย คริส อีแวนส์ – Chris Evans) เจ้าหน้าที่ CIA นอกแถวที่ขาดการควบคุมอารมณ์และไร้ศีลธรรม จึงโดนเรียกตัวด่วนให้มาจัดการซิกทันที

ลอยด์ได้รับคำสั่งให้ตามล่าหาตัวซิก และเอา SD Card กลับมาให้ได้ แต่ปัญหาคือจะตามตัวซิกได้ที่ไหนล่ะ เพราะเขาไม่มีอะไรให้ตามได้ทั้งนั้น ไม่มีประวัติ พ่อแม่พี่น้อง ถิ่นที่อยู่ ใด ๆ คือไม่มีอะไรเลย แต่ลอยด์รู้ว่าฟิตซ์รอยเป็นคนที่ซิกจะต้องติดต่อไปเมื่อต้องการความช่วยเหลือ และด้วยความบ้าพลังอย่างไร้ขอบเขตของลอยด์ เขาจึงสั่งลูกน้องให้ไปลักพาตัวหลานสาวของฟิตซ์รอยที่ชื่อว่า แคลร์ (รับบทโดย จูเลีย บัตเตอร์ส – Julia Butters) มาไว้เป็นตัวประกัน ก่อนที่จะจับตัวฟิตซ์รอยซึ่งเป็นอดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ CIA เอาไว้ด้วย

เวลาเดียวกันนั้น ณ สนามบินเชียงใหม่ ทีมช่วยเหลือซิกมารอตามที่นัดหมาย ซิกขึ้นเครื่องออกมาจากประเทศไทย แต่ระหว่างอยู่บนเครื่อง ซิกสังเกตสิ่งผิดปกติบางอย่าง เขาตัดสินใจจัดการฆ่าทุกคนบนเครื่องบิน ทำให้เกิดการยิงต่อสู้กันจนเป็นเหตุให้เครื่องบินระเบิด !

ทุกคนบนเครื่องตายหมด เครื่องบินกลายเป็นซาก มีเพียงคนเดียวที่ยังรอดชีวิต ซิกติดต่อหาฟิตซ์รอยทันที ทำให้เขาได้รู้ว่าแคลร์โดนจับตัวไป

ก็แค่วันพฤหัสฯ ธรรมดาวันนึง

ภาพแฟลชแบ็กย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีก่อน ซิกได้รับการขอร้องให้ไปช่วยดูแลความปลอดภัยของแคลร์ที่ฮ่องกง เพราะข้อมูลประวัติของฟิตซ์รอยเกิดรั่วไหล ทำให้แคลร์ตกอยู่ในอันตราย อีกอย่างคือแคลร์เป็นเด็กที่ได้รับการผ่าตัดใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ นอกจากที่ซิกต้องระวังคนร้ายแล้ว ยังต้องระวังหัวใจของแคลร์ด้วย ในตอนแรกซิกก็ไม่ค่อยอยากทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงเด็กสักเท่าไร “นี่พวกคุณฝึกผมให้ฆ่าคน ไม่ได้ฝึกผมให้มาช่วยคนนะ” แต่สุดท้ายเขาก็ตกลงอย่างเสียไม่ได้

ซิกอยู่กับแคลร์ระยะเวลาหนึ่ง ทั้งสองเริ่มผูกพันกันแม้อายุจะห่างกันหลายรอบ แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันก็คือความไม่ยี่หระสนใจโลก คนหนึ่งคร่าชีวิตผู้คนจนชาชิน ใกล้ชิดกับความตายจนชาชิน อีกคนหนึ่งไม่มีพ่อแม่ แถมเกิดมาด้วยภาวะหัวใจผิดปกติ หัวใจหยุดเต้นไปหลายต่อหลายครั้ง ใกล้ชิดความตายก็หลายหน ดังนั้น ความตายสำหรับคนทั้งสองเป็นเรื่องที่โซอีซี่มาก

วันหนึ่ง แคลร์เกิดภาวะหัวใจหยุดเต้น เธอนอนนิ่งอยู่กับพื้น ซิกเข้ามาเห็นพอดีจึงรีบอุ้มพาเธอไปส่งโรงพยาบาล ตรงนี้เองที่ทำให้เขารู้ว่า เครื่องกระตุ้นให้ใจในตัวของแคลร์สามารถส่งบอกตำแหน่ง GPS ได้ หลังจากเด็กสาวรู้สึกตัว ซิกเดินเข้าไปหาเธอที่กำลังนั่งอยู่บนเตียง เขาถามเธอว่าเป็นยังไงมั่ง ? เธอหันไปมองด้วยใบหน้าเรียบเฉยแล้วไปว่า “ก็แค่วันพฤหัสฯ ธรรมดาวันนึง”

ผ่านมาหลายวัน แคลร์กลับมาอยู่ที่บ้าน คืนนั้นมีนักฆ่าบุกเข้าภายในบ้าน ซิกได้ต่อสู้กับนักฆ่าเหล่านั้นและฆ่าพวกมันได้ทั้งหมด แคลร์ได้ยินเสียงจานแตกจึงเดินออกจากห้องมาดู เธอเห็นซิกยืนอยู่ในความมืดท่าทางแปลก ๆ จึงถามไปว่าเป็นยังไงมั่ง ? ซิกยักไหล่แล้วตอบกลับไปว่า “ก็แค่วันพฤหัสฯ ธรรมดาวันนึง” แล้วแคลร์ก็เดินกลับเข้าห้องไปแบบงง ๆ

กลับมาปัจจุบัน …

เหตุการณ์เริ่ม “โกโซบิ๊ก” ไปใหญ่โต คาร์ไมเคิลตั้งค่าหัวซิกไว้มากถึง 50,000,000 ดอลลาร์ฯ (ประมาณ 1,844 ล้านบาท) ส่งผลให้วงการนักฆ่าทั่วโลกถึงกับแตกตื่น

ส่วนซิกตอนนี้เดินทางมายังเวียนนา ประเทศออสเตรีย เพื่อมาหาสายข่าวคนหนึ่งให้ช่วยทำพาสปอร์ตปลอม และตามหาสัญญาณ GPS จากเครื่องกระตุ้นหัวใจของแคลร์ แต่ระหว่างที่ซิกกำลังยืนถ่ายรูปเพื่อทำพาสปอร์ต เขากลับโดนหักหลัง พื้นที่เขายืนอยู่กลับถูกเปิดออกด้วยกลไก ร่างของซิกตกลงไปอยู่ด้านล่างที่ถูกสร้างไว้เป็นกับดักโดยเฉพาะ ซิกชักปืนออกมายิงใส่ประตูกล แต่ดูเหมือนว่ามันเป็นประตูกันกระสุน !

สายข่าวผู้ทรยศบอกกับซิกว่า มีคนตั้งค่าหัวเขา 50 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมันมากพอที่จะทำให้เขาที่จะหักหลัง

เมื่อรู้จากสายข่าวว่าจับซิกเอาไว้ได้ ลอยด์ก็รีบนำกำลังไปทันที แต่ก่อนที่ลอยด์จะมาถึง ซิกได้ใช้ปืนยิงท่อน้ำภายในหลุมกับดักจนน้ำท่วมขึ้นมา เมื่อลอยด์มาถึง ซิกก็จัดการจุดระเบิดทันที … ด้วยแรงระเบิด ซิกออกมาจากหลุมกับดักได้ และยังฆ่าลูกน้องของลอยด์ตายเกลี้ยงไปในคราวเดียว ส่วนเขารอดมาได้เพราะมีม่านน้ำบังแรงระเบิดเอาไว้

ซิกกำลังวิ่งหนี แต่เขาก็ต้องหยุดเมื่อลอยด์หันปากกระบอกปืนมาที่เขา “หยุด !” แต่ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรต่อ มิรันด้าก็แอบเข้ามาด้านหลัง ยิงลูกดอกยาสลบเข้าที่ขาของลอยด์ จากนั้นเธอก็จับซิกยัดใส่หลังรถแล้วพาเขาหนีไปได้

ทำไมจู่ ๆ มิรันด้าถึงโผล่มาช่วยซิก ? นั่นเป็นเพราะเธอกำลังโดนคาร์ไมเคิลจ้องหาเรื่องเด้งเธอออกจาก CIA โดยกล่าวหาว่าเธอร่วมมือกับซิก ดังนั้น เธอจึงต้องการเอาตัวซิกเป็นพยานว่าเธอไม่มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่เมื่อได้รู้เรื่อง SD Card ซึ่งซิกบอกว่าตอนนี้มันอยู่กับมาร์กาเร็ต เคฮิลล์ อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ CIA ที่กรุงปราก สาธารณะรัฐเช็ก มิรันด้าจึงเปลี่ยนแผน หันหัวรถไปที่กรุงปรากทันที

อำนาจจากมือที่มองไม่เห็น

ซิกและมิรันด้ามาถึงบ้านมาร์กาเร็ต คนที่ซิกส่ง SD Card มาให้ เธอรู้รหัสที่สามารถเปิดดูข้อมูลใน SD Card ได้ ในนั้นเป็นข้อมูลหลักฐานการกระทำความผิดทั้งหมดของคาร์ไมเคิล ไม่ว่าจะเป็นการลอบสังหาร ทรมาน วางระเบิด ทั้งหมดล้วนแล้วแต่ไม่ได้รับอนุญาต

มาร์กาเร็ตอธิบายต่อว่า คาร์ไมเคิลเป็นเจ้าหน้าที่ CIA ที่ได้รับการหนุนหลังจากผู้ที่มีอำนาจมหาศาล ที่อยู่เบื้องหลังรัฐบาลอีกที เป็นเหมือนรัฐบาลเงาที่มีอำนาจเหนือกว่ารัฐบาลตามกฎหมาย พูดง่าย ๆ ก็คือเป็นมือที่มองไม่เห็นที่คอยชักใยอยู่เบื้องหลัง ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดคือการเอาข้อมูลที่ได้นี้ไปส่งต่อให้นักข่าว โดยซิกจะต้องเป็นคนถือ SD Card นี้เอาไว้ เพราะข้อมูลนี้ไม่สามารถทำสำเนาได้

แต่ระหว่างนั้น ลอยด์ได้ข้อมูลว่าซิกได้ส่งเอกสารบางอย่างจากกรุงเทพฯ ไปที่ปราก เขาจึงไปเค้นฟิตซ์รอยโดยใช้แคลร์ข่มขู่ ซึ่งแน่นอนว่าฟิตซ์รอยไม่มีทางเลือก ลอยด์ส่งนักฆ่าจำนวนมากไปที่บ้านพักของมาร์กาเร็ต แต่สิ่งที่นักฆ่าเหล่านั้นต้องเจอก็คือ ระเบิด ! มาร์กาเร็ตให้ซิกกับมิรันด้าหนีออกไปก่อน ส่วนเธอก็ระเบิดตัวเองไปพร้อมกับนักฆ่าเหล่านั้น อพาร์ตเมนต์กลางกรุงปรากระเบิดสนั่นหวั่นไหว

ส่วนซิกที่อยู่ด้านนอกก็โดนตำรวจจับใส่กุญแจมือล็อกไว้กับแท่งปูนกลางจัตุรัสซะอย่างนั้น แล้วจากนี้ก็จะกลายเป็นฉากการยิงต่อสู้ระดับวินาศสันตะโร ลอยด์สั่งนักฆ่านับสิบนับร้อยเข้าไปให้สังหารซิกให้ได้ ปืนกล ระเบิด ถูกระดมยิงเข้าไป ในขณะที่อีกฝั่งหนึ่งก็เป็นตำรวจสาธารณะรัฐเช็กที่ยิงต่อสู้กับนักฆ่า ส่วนซิกก็ล่อเป้าหลบไปหลบมาอยู่หลังแท่งปูน สุดท้ายแล้วด้วยความเทพของซิกบวกกับความช่วยเหลือของมิรันด้า ก็จัดการนักฆ่าเหล่านั้นตายเกลี้ยง

หมาป่าเดียวดาย

ซิกและมิรันด้ารู้ตำแหน่ง GPS ของแคลร์แล้ว ในขณะที่ลอยด์ก็ส่งนักฆ่ามือดีที่สุดของเขาไปจัดการกับซิก มันมีฉายาว่า “หมาป่าเดียวดาย” แล้วมันก็เก่งกาจสมชื่อจริง ๆ มันจัดการซิกจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ยังดีที่มิรันด้าพาเขาหนีไปได้

ระหว่างนั้นมิรันด้าได้ถามถึงสาเหตุที่ทำให้เขาติดคุก ซิกจึงเล่าว่าเขาติดคุกเพราะฆ่าพ่อตัวเอง เพราะพ่อทำร้ายน้องชายเขาอย่างรุนแรง มันเป็นจุดที่เขาต้องเลือกว่า “จะฆ่าพ่อตัวเองหรือจะปล่อยให้น้องตาย ?” ซึ่งแน่นอนว่าเขาเลือกอย่างแรก

ซิกและมิรันด้าเดินทางไปยังเซฟเฮ้าส์ที่โครเอเชีย ที่ซึ่งลอยด์ใช้เป็นที่ขังแคลร์และฟิตซ์รอย … ไม่ต้องพูดเยอะ มิรันด้าทำหน้าที่ล่อพวกที่อยู่ด้านในเซฟเฮ้าส์ให้ออกมาด้านนอก ส่วนซิกเข้าไปจัดการลูกน้องของลอยด์ที่เฝ้าด้านในเซฟเฮ้าส์จนตายเกลี้ยงเพื่อช่วยฟิตซ์รอยกับแคลร์

ระหว่างที่ซิกกำลังพาฟิตซ์รอยกับแคลร์ออกมาจากเซฟเฮ้าส์ ฟิตซ์รอยที่ตอนนี้ได้รับบาดเจ็บหนักก็ไปต่อไม่ไหว เขาจึงไล่ให้ซิกกับแคลร์รีบหนีไป ส่วนตัวเขาก็ถือระเบิดไว้ในมือและถอดสลักยอมตายไปกับนักฆ่าที่ตามไล่ล่ามา

ตัดภาพมาที่ด้านนอกเซฟเฮ้าส์ มิรันด้าพลาดท่าให้กับหมาป่าเดียวดาย แต่อยู่ดี ๆ นักฆ่าเจ้าของฉายาหมาป่าเดียวดายก็ยอมปล่อยเธอไป และกล่าวว่าเขาจะไม่ทำงานกับคนที่ไร้เกียรติอย่างลอยด์อีกต่อไป (เพราะลอยด์จับเด็กผู้หญิงมาเป็นตัวประกัน ซึ่งการเอาเด็กมาเป็นเหยื่อมันเป็นเรื่องที่ไร้เกียรติมากสำหรับเขา)

ลอยด์จับแคลร์มาเป็นตัวประกัน ซิกจึงท้าลอยด์แบบตรง ๆ อย่างลูกผู้ชายให้มาสู้กันด้วยมือเปล่าแบบตัวต่อตัว เพื่อจะได้รู้กันไปเลยว่าใครเจ๋งกว่ากัน ซิกวางปืนลง ส่วนลอยด์ก็ปล่อยแคลร์ไป ในตอนนั้นเองซิกได้พูดกับแคลร์ที่ท่าทางตื่นกลัวว่า “ก็แค่วันพฤหัสฯ ธรรมดาวันนึง” คำพูดนี้ทำให้แคลร์รู้สึกโอเคขึ้นมาทันที

การต่อสู้ได้เริ่มขึ้น ฝีมือของซิกเหนือกว่าลอยด์อย่างชัดเจน ลอยด์โดนอัดจนน่วม แล้วสันดานโจรก็ปรากฏขึ้น ลอยด์คว้ามีดขึ้นมาจัดการกับซิก คมมีดที่กรีดเข้าไปที่เนื้อทำเอาซิกแทบจะขาดใจ ตอนนั้นเองภาพของพ่อที่กำลังทำร้ายเขาได้ผุดเข้ามาในหัว ซิกจึงเกิดแรงฮึดขึ้นมาอีกครั้ง ซิกกำลังจะจบชีวิตลอยด์ แต่ทันใดนั้นเอง กระสุนก็กระแทกร่างของลอยด์ !!!

กระสุนจากปากกระบอกปืนของซูซาน ผู้ช่วยของคาร์ไมเคิล ปลิดชีวิตของลอยด์ตายคาที่ จากนั้นก็ยื่นข้อเสนอให้ซิก โดยเธอจะโยนความผิดทั้งหมดไปให้ลอยด์ และจากนี้ขอให้เขาทำตามที่เธอสั่งทุกอย่างถ้ายังต้องการให้แคลร์ปลอดภัย (ซูซานจับตัวแคลร์เอาไว้ขังในเซฟเฮ้าส์เพื่อไว้ต่อรองกับซิก)

บทสรุป

2 สัปดาห์ต่อมา ในขณะที่ซิกยังนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล โดยมีเจ้าหน้าที่เฝ้าเขาอยู่เป็นจำนวนมาก มิรันด้า คาร์ไมเคิล และซูซาน ก็ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวน ก็หลักฐานทั้งหมดชี้ความผิดไปที่ลอยด์ ทำให้ทุกคนพ้นข้อกล่าวหา

คาร์ไมเคิลทำลาย SD Card ทิ้งไปเรียบร้อยแล้ว และต้องการให้ซูซานฆ่าซิกทิ้ง เพื่อจะไม่ได้กลายเป็นปัญหาในอนาคต แต่ซูซานอยากเอาเขามาใช้งาน เพราะเธอคิดง่าย ๆ ว่าถ้ามีแคลร์เป็นตัวประกัน ซิกจะต้องอยู่ภายใต้คำสั่งของเธอทุกอย่าง แต่ไม่ทันที่ทั้งสองจะได้ข้อสรุป ข่าวซิกฆ่าเจ้าหน้าที่และหนีออกไปจากโรงพยาบาลก็เข้าหูของทั้งสอง ช็อก !

ตัดภาพมาที่เซฟเฮ้าส์ที่ใช้ขังแคลร์ เสียงปืนดังขึ้นหลายนัด จากนั้นซิกก็ปรากฏกายขึ้นเบื้องหน้าแคลร์ ทั้งสองกอดกัน ก่อนที่เขาจะพาเธอหนีไปอย่างไร้ร่องรอย

จบบริบูรณ์

Source : Netflix Official Site