Skip to content
สรุปเนื้อเรื่องซีรีส์ Big Mouth (2022)

สรุปเนื้อเรื่องซีรีส์ Big Mouth (2022)

Big Mouth สปอยล์ : ทนายความชั้นปลายแถว ที่มีอัตราการชนะคดีไม่ถึง 10% จนได้รับฉายาว่าบิ๊กเมาท์ ดีแต่พูดเก่งแต่ปาก แต่เรื่องราวนำพาให้เขากลายเป็นบิ๊กเมาส์ นักต้มตุ๋นระดับตำนานของเกาหลี …

EP.1 ทนายบิ๊กเมาท์

พัคชางโฮ (รับบทโดย อีจงซอก) ทนายความชั้นปลายแถวที่มีอัตราการชนะคดีต่ำกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ จนได้รับฉายาว่า ‘บิ๊กเมาท์’ เก่งแต่ปากดีแต่พูด

ถ้านึกไม่ออกว่าพัคชางโฮเป็นทนายที่ห่วยแตกขนาดไหน ก็ห่วยขนาดที่ว่าตัวเขาเองยังโดนพวกแก๊งต้มตุ๋นหลอกเอาเงินเก็บของภรรยาไปจนหมด แถมยังเป็นหนี้เป็นสินอีกหลายร้อยล้านวอน แต่จริง ๆ แล้วที่เขามาเป็นทนายก็ไม่ได้สนใจเรื่องความยุติธรรมอะไรนั่นหรอก เพียงแค่ต้องการใช้ชีวิตให้รอดไปวัน ๆ ก็พอ

แน่นอนว่าพัคชางโฮเป็นทนายความไร้น้ำยา หนี้สินพะรุงพะรัง ไม่มีเส้นสายคอนเนกชั่นใด ๆ แถมยังเป็นคนอับโชคมาตั้งแต่เกิด แต่สิ่งที่เขามีและคนอื่นไม่มีก็คือสามสิ่งนี้ … หนึ่ง โกมีโฮ (รับบทโดย ยุนอา) ภรรยาพยาบาลสาวสวยแกร่ง ที่คอยสนับสนุนและอยู่เคียงข้างเขามาตลอดตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย แม้เขาจะเฮงซวยห่วยแตกแค่ไหนก็ตาม สิ่งที่สองก็คือ เขามีพ่อตาที่รักเขามาก บางทีก็แสดงออกเหมือนกับว่ารักลูกเขยมากกว่าลูกสาวแท้ ๆ ของตัวเองด้วยซ้ำไป และสิ่งที่สามคือ เขามีดวงเรื่องอายุยืน แบบดายฮาร์ดคนอึดตายยากอะไรทำนองนั้น

ระหว่างนั้นบรรดาเจ้าหนี้นอกระบบต่างพากันมายึดทรัพย์สินในบ้านพัก พัคชางโฮคิดไม่ตกว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไร แล้วจู่ ๆ เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากชเวโดฮา (รับบทโดย คิมจูฮอน) นายกเทศมนตรีเมืองกูชอน ติดต่อให้เขามาเป็นทนายในคดีดังคดีหนึ่ง เป็นคดีฆาตกรรมอาจารย์โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยกูชอน เขาจึงรีบเดินทางไปตามนัดทันที

เมื่อไปถึง นายกชเวก็พูดตรง ๆ กับพัคชางโฮว่า ที่เลือกให้เขามาเป็นทนายในคดีนี้ก็เพราะลูกความต้องการทนายที่ห่วยแตกที่สุด ที่ทำทุกอย่างตามที่สั่ง เพราะพวกลูกความได้วางแผนการพิจารณาคดี รวมไปถึงการซื้อตัวผู้พิพากษาเอาไว้แล้ว สิ่งที่พัคชางโฮต้องทำก็คือทำตามคำสั่งเท่านั้น … แม้เขาจะเป็นทนายไร้น้ำยา แต่ก็มองออกว่างานนี้ไม่ปกติ ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เขาก็จำใจรับงานเพราะนายกชเวมัดจำค่าจ้างให้เป็นเงินสดเต็มถุงกระดาษ

ทีนี้เรื่องมันไม่เป็นอย่างนั้น เมื่อพัคชางโฮเกิดไปได้คลิปกล้องหน้ารถที่บันทึกเหตุการณ์ช่วงที่เกิดเหตุฆาตกรรม เขาจึงเกิดโลภคิดการใหญ่ เอาคลิปนั้นไปแบล็กเมลกงจีฮุน ผู้ทรงอิทธิพลในเมืองกูชอน ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์อูจองรายวัน และเป็นเซเลบชื่อดังคับประเทศเกาหลี … กงจีฮุนนี่แหละที่พัคชางโฮเชื่อว่าเป็นผู้จ้างวานฆ่า

ที่คฤหาสน์ส่วนตัวของกงจีฮุน พัคชางโฮวางท่าใหญ่โตต่อหน้าเจ้าของบ้าน เพราะเชื่อว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่า แต่ผลลัพธ์กลับตรงกันข้าม กงจีฮุนไม่สนใจคำขู่และหลักฐานของเขาเลยแม้แต่นิดเดียว แถมยังไล่เขาออกจากบ้านไปอย่างกับหมูกับหมา “แกรู้มั้ยว่าฉันเป็นใคร ถึงได้คิดจะมาแบล็กเมลกันแบบนี้ ไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้ !”

แล้วในวันถัดไปนั้นเอง พัคชางโฮก็โดนวางยา เขาดื่มน้ำที่มีส่วนผสมของยาเสพติดเข้าไป ขณะที่เขากำลังขับรถอยู่นั้น สติดับวูบไป ดวงตายังคงเบิกกว้าง แต่ความสามารถในการควบคุมรถเท่ากับศูนย์ เพียงไม่กี่วินาทีนับจากนั้น รถก็พุ่งเข้าชนฟุตบาตตีลังกาไปหลายตลบ จนไปแน่นิ่งอยู่กลางถนน แล้วเสียงพูดของพัคชางโฮก็ดังขึ้น “ไม่ต้องกลัวหรอก แม้ดวงผมจะห่วยแตกสักแค่ไหน แต่ผมไม่ตายง่าย ๆ”

EP.2 ผู้หญิงที่อยู่เคียงข้างเสมอ

เมืองกูชอน เมืองที่ผู้ทรงอิทธิพลต่างลอยอยู่เหนือกฎเกณฑ์ใด ๆ มันเป็นเมืองที่ผู้มีอิทธิพลได้บ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความชั่วจนงอกงาม และตอนนี้ พัคชางโฮก็คือเหยื่อที่ต้องได้รับผลจากความชั่วร้ายนั้น

หลังจากพัคชางโฮฟื้นขึ้นมาที่โรงพยาบาล ตำรวจก็ได้นำกำลังมาจับกุมตัวในข้อหาเสพยา เขาถูกนำตัวไปขังที่เรือนจำกูชอนทันที

พัคชางโฮรู้ดีว่า เรือนจำกูชอนเป็นคุกที่แย่ที่สุดที่ใช้ขังนักโทษระหว่างรอการพิจารณาคดี ที่นี่ไม่มีคำว่าสิทธิมนุษยชน มีแต่เรื่องทุจริตและผลประโยชน์ นั่นหมายความว่า ที่นี่เงินสามารถเสกให้มีทุกสิ่งที่เลือกสรรได้ แล้วตอนนี้ผู้มีเงินและอำนาจได้สั่งให้เขาตาย … พัคชางโฮถูกพาตัวไปพบลูกความที่เขาหักหลัง และพวกนั้นก็เป็นลูกน้องของกงจีฮุน ที่มีคำสั่งให้วันนี้เป็นวันสุดท้ายของเขา

บิ๊กเมาส์ นักต้มตุ๋นอัจฉริยะ

ในอีกด้านหนึ่ง ทางการเกาหลีได้สั่งให้ตำรวจจัดตั้งหน่วยสืบสวนคดีพิเศษขึ้น เพื่อตามล่าอาชญากรที่มีชื่อว่า ‘บิ๊กเมาส์’ นักต้มตุ๋นอัจฉริยะระดับตำนานที่หลอกเงินผู้คนไปนับหลายแสนล้านวอน และยังเป็นนักค้ายาเสพติดคนสำคัญระดับโลก โดยหนึ่งในเหยื่อของบิ๊กเมาส์ก็คือ กงจีฮุน เจ้าของลาลาแคปิตอลที่ถูกบิ๊กเมาส์โกงเงินจากกองทุนไป 140,000 ล้านวอน

การสืบสวนของตำรวจดำเนินไป จนกระทั่งตรวจสอบพบว่าที่สำนักงานกฎหมายของพัคชางโฮ มีการซุกซ่อนเงินสดจำนวน 5 พันล้านวอนอยู่บนฝ้าเพดาน ยาไอซ์มูลค่ากว่าหมื่นล้านวอน บัญชีการพนันผิดกฎหมาย และอาวุธปืนจำนวนมาก จากหลักฐานที่ได้ทำให้ตำรวจสันนิษฐานว่า พัคชางโฮคือบิ๊กเมาส์ !?

ข่าวโทรทัศน์รายงานข่าวด่วน ตำรวจสามารถระบุตัวบิ๊กเมาส์ได้แล้ว กงจีฮุนมองดูหน้าจอด้วยสีหน้าตกใจ เขารีบโทร. ไปหาพัศดีเรือนจำให้หยุดคำสั่งเก็บพัคชางโฮทันที เพราะตอนนี้ชีวิตของพัคชางโฮมีมูลค่ามากถึง 140,000 ล้านวอน !

ก็อย่างที่บอก พัคชางโฮมีดีในชีวิตไม่กี่อย่าง หนึ่งในนั้นก็คืออายุยืน … เขารอดอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาต้องฟื้นขึ้นมาพบว่าตัวเองโดนกล่าวหาว่าเป็นบิ๊กเมาส์

โกมีโฮเมื่อรู้จากข่าวว่าสามีตัวเองถูกกล่าวหาว่าเป็นอาชญากรบิ๊กเมาส์ เธอก็ออกมาปกป้องสามีด้วยความเข้มแข็ง โกมีโฮเผชิญหน้ากองทัพนักข่าวพร้อมประกาศอย่างหนักแน่นว่าสามีของเธอเป็นผู้บริสุทธิ์ และเธอจะทำทุกอย่างเพื่อให้ความจริงปรากฏ

วันต่อมาในเรือนจำกูชอน … พัคชางโฮถูกนำตัวเข้าเครื่องจับเท็จ เพื่อพิสูจน์เบื้องต้นว่าเขาใช่บิ๊กเมาส์ตัวจริงตามข้อสันนิษฐานหรือเปล่า แล้วผลก็ออกมาว่า เขาเป็นบิ๊กเมาส์จริง !?

แล้วนับจากนั้นชีวิตในเรือนจำของพัคชางโฮก็เปลี่ยนไป เขาไม่อยากให้โกมีโฮต้องมาเหนื่อยกับสามีห่วยแตกอย่างเขาอีกต่อไป เขาจึงตัดสินใจที่จะจบปัญหาทุกอย่างที่ตัวเอง และวิธีที่เขาเลือกคือความตาย … ขณะที่พัคชางโฮกำลังเลือกวิธีที่จะจบชีวิตตัวเองอยู่นั่น อยู่ดี ๆ ก็มีนักโทษวัยกลางคนคนหนึ่งเดินเข้ามาหา แล้วก็พูดขึ้นมาว่า “นายเป็นคนดวงแข็ง ถ้านายฆ่าตัวตายแล้วไม่ตายขึ้นมา ก็จะกลายเป็นคนพิการไปตลอดชีวิตนะ”

ใช่ พัคชางโฮรู้ตัวดีว่าเขาเป็นคนดวงแข็ง แล้วจะตายอย่างไรดีล่ะ ? ไม่นานนักเขาก็คิดขึ้นได้ว่า เขาจึงคิดที่จะยืมมือฆาตกรสุดโหดที่อยู่ในคุกแห่งนี้ฆ่าเขา แต่ผลลัพธ์กลับตรงกันข้าม พวกฆาตกรสุดโหดที่ฆ่าคนมานับไม่ถ้วยกลับหงอให้เขาซะอย่างนั้น

วิธีนี้ไม่ได้ผล พัคชางโฮจึงคิดที่จะตายโดยการแหกคุก เพื่อให้ผู้คุมลั่นกระสุนใส่เขา คืนนั้นเขาวางแผนแหกคุกทันที สัญญาณเตือนดังไปทั่วทั้งเรือนจำ ผู้คุมพร้อมอาวุธปืนไรเฟิลที่ประจำการอยู่บนป้อมเล็งปากกระบอกปืนไปที่พัคชางโฮ นิ้วอยู่ที่ไกปืน ผู้คุมเตรียมลั่นกระสุน แต่จังหวะนั้นเองที่พัศดีเห็นจากกล้องวงจรปิดจึงได้สั่งห้ามยิง เพราะพัคชางโฮในตอนนี้มีมูลค่า 140,000 ล้านวอน !

จากตอนแรกที่เป็นการวางแผนตาย กลับกลายเป็นเหตุการณ์เหล่านั้นสร้างชื่อเสียงให้กับพัคชางโฮ จากเดิมที่เป็นแค่นักโทษอีเป๋ออีป่อง แต่ตอนนี้มีแต่นักโทษเกรงใจ

พัคชางโฮกลายเป็นขาใหญ่ในคุกไปเสียแล้ว

EP.3 คุกแห่งชนชั้น

ในเรือนจำ สถานที่ซึ่งทุกคนถูกกำหนดให้เป็น น.ช. นักโทษชาย เหมือนกัน แต่ไม่ใช่สำหรับเรือนจำกูชอนแห่งนี้ เรือนจำที่มีพัศดีรอรับเงินสินบนจากนักโทษเพื่อหวังชีวิตที่สุขสบาย ส่วนพวกที่ไม่มีเงินน่ะเหรอ ก็มีชีวิตไม่ต่างไปจากหมาตัวหนึ่งเท่านั้น

พัคชางโฮยังมีชีวิตอยู่ คำสั่งตรงจากกงจีฮุนถึงพัศดีชัดเจนว่าห้ามให้เขาตาย นั่นเป็นเหตุผลเดียวที่พัคชางโฮยังไม่ตาย แต่ถึงไม่ตายแต่ชีวิตความเป็นอยู่ของเขาก็ไม่ต่างจากอยู่ในขุมนรก … เขาถูกจับขึ้นซอยขังเดี่ยว แล้วก็ถูกสั่งให้ไปตักเมล์ (ตักอุจจาระ) กับเพื่อน ๆ ผู้ต้องขังที่เขาเรียกว่านักโทษชั้นสาม … ในที่ซึ่งเงินสินบนเป็นใหญ่ ผู้ที่มีเงินและเส้นสายจะได้เป็นวีไอพี คนพวกนี้จะอยู่เหนือชนชั้น ใช้ชีวิตอยู่บนยอดพีระมิด ส่วนพวกที่จ่ายเงินสินบนรายเดือนก็จะได้เป็นนักโทษชั้นหนึ่ง คอยเป็นเบ๊รับใช้วีไอพี สุดท้ายคือนักโทษชั้นสาม พวกที่ต่ำที่สุดจะถูกกดขี่ใช้งานเยี่ยงทาส

วันหนึ่ง พัศดีเรียกให้พัคชางโฮเข้ามาพบเป็นการส่วนตัวภายในห้องทำงาน “รู้มั้ยทำไมแกถึงยังไม่ตายไปเสียที ก็เพราะท่านประธานกงจีฮุนคิดว่าแกเป็นบิ๊กเมาส์ตัวจริงน่ะสิ แต่ฉันว่าแกไม่ใช่บิ๊กเมาส์ตัวจริงหรอก ฮะฮะฮ่า เอาเงินมาให้ฉันแล้วฉันจะยอมให้แกเสนอหน้าเล่นละครเป็นบิ๊กเมาส์ต่อไป เพราะถ้าท่านประธานรู้ว่าแกไม่ใช่บิ๊กเมาส์ล่ะก็ ทั้งเมียและพ่อตาของแกจะต้องตายตามแกไปด้วย”

นี่คือประโยคปลดล็อกที่ทำให้พัคชางโฮตัดสินใจที่จะสวมรอยเป็นบิ๊กเมาส์ ทางเดียวที่จะปกป้องโกมีโฮเอาไว้ได้ก็คือการทำให้คนเชื่อว่าเขาเป็นบิ๊กเมาส์ตัวจริง … ในตอนนี้ พัคชางโฮประกาศกับพัศดีว่าเขาคือบิ๊กเมาส์ตัวจริง และบิ๊กเมาส์ตัวจริงจะไม่ยอมจ่ายเงินสินบนให้ใครเด็ดขาด จากนั้นเขาก็ขู่พัศดีว่าถ้ามีใครแตะต้องโกมีโฮเขาจะตอบแทนมันผู้นั้นอย่างสาสมเป็นร้อยเท่าสิบเท่า “…​ ที่อยู่ตรงหน้าแกคือบิ๊กเมาส์ตัวจริง ไอ้หน้าโง่ !”

นักโทษส่วนหนึ่งเชื่อว่าพัคชางโฮเป็นบิ๊กเมาส์ แต่ส่วนใหญ่ก็ยังไม่เชื่อ เช่นเดียวกับที่กงจีฮุนเชื่อว่าเขาเป็นบิ๊กเมาส์ แต่ลูกน้องคนอื่น ๆ ไม่เชื่อ พวกที่ไม่เชื่อนี่แหละที่ต้องการจะกำจัดเขา เพราะเขาได้เห็นคลิปกล้องหน้ารถที่บันทึกเหตุการณ์ฆาตกรรม แผนการวางงานปิดกล่องพัคชางโฮจึงได้เริ่มขึ้น

EP.4 รายชื่อผู้ค้ายา

แผนปิดกล่องสังหารพัคชางโฮล้มเหลวเพราะพัศดีเข้ามาขัดขวาง พัคชางโฮรอดไปได้อีกเช่นเคย แต่ระหว่างนั้นได้เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น นักโทษที่เข้ารุมสังหารเขาทั้งสามคน เริ่มฆ่าตัวตายไปทีละคน ๆ แล้วมันก็เป็นจุดเริ่มต้นของข่าวลือว่า พวกที่ตายเป็นฝีมือร่ายคาถาไสยศาสตร์มนต์ดำของบิ๊กเมาส์พัคชางโฮ คำพูดปากต่อปากของนักโทษแต่ละคนเริ่มสร้างตัวตนของบิ๊กเมาส์ขึ้นมาให้เว่อร์วังอลังการ มีความสามารถที่เก่งกาจเหนือมนุษย์ จนนักโทษจำนวนมากเริ่มศรัทธาในตัวพัคชางโฮมากขึ้นเรื่อย ๆ

หลังจากเหตุการณ์ในเรือนจำเงียบสงบได้ไม่กี่วัน กงจีฮุนก็เดินทางมาพบกับพัคชางโฮ เพื่อถามหารายชื่อผู้ค้ายาที่เป็นเอเจนต์ให้บิ๊กเมาส์ “ถ้าแกเป็นบิ๊กเมาส์ตัวจริง ก็บอกรายชื่อผู้ค้ายามา 5 คน ฉันให้เวลาแกหนึ่งสัปดาห์เพื่อหาคำตอบ”

จริง ๆ แล้วพัคชางโฮกลัวจนลนลานแต่ก็พยายามปั้นหน้าเรียบเฉยให้สมกับเป็นบิ๊กเมาส์ จนเมื่อกงจีฮุนกลับออกไป เขาจึงรีบหาทางติดต่อกับนายกชเวเพื่อให้ช่วยหารายชื่อผู้ค้ายาของบิ๊กเมาส์ แต่ยังพูดไม่ทันจบ นายกชเวก็รีบวางสายไปเสียก่อน

ด้านโกมีโฮเองก็พยายามสืบเรื่องงานวิจัยของศาสตราจารย์ซอ ที่เป็นต้นเหตุทำให้เกิดเรื่องราวทั้งหมด โดยเธอลาออกจากโรงพยาบาลเดิม เพื่อมาสมัครงานที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยกูชอน ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ศาสตราจารย์ซอสังกัดอยู่ก่อนที่จะเสียชีวิต หลังจากทำงานไปได้ไม่กี่วัน โกมีโฮเริ่มสังเกตเห็นว่า ผอ.ฮยอนจูฮี ภรรยาของนายกชเว มีความลับที่พยายามปกปิดเอาไว้

แล้วสถานการณ์ก็เริ่มซับซ้อนมากยิ่งขึ้น เมื่อความขัดแย้งของนายกชเวกับกงจีฮุนเริ่มเข้าสู่จุดแตกหัก เพราะคนที่กงจีฮุนเรียกว่า ‘ท่าน’ กำลังสนับสนุนให้นายกชเวขึ้นมาเล่นการเมืองระดับชาติ โดยได้รับการสนับสนุนจาก ผอ.ฮยอนจูฮี

แผนการเด็ดปีกนายกชเวของกงจีฮุนได้เริ่มต้นขึ้นควบคู่กับการแผนกระชากหน้ากากบิ๊กเมาส์ โดยก่อนหน้านี้กงจึฮุนได้ใช้ให้อัยการผู้ทำคดีบิ๊กเมาส์นำเอารายชื่อผู้ค้ายาปลอมไปให้นายกชเว นั่นหมายความว่า ถ้านายกชเวเอารายชื่อนั้นไปให้พัคชางโฮ ทั้งคู่ก็จะโป๊ะแตก … นายกชเวจะกลายเป็นคนทรยศ ส่วนพัคชางโฮก็จะกลายเป็นบิ๊กเมาส์ลวงโลก !

ตอนแรกนายกชเวก็ไม่คิดจะเอารายชื่อให้ แต่อยู่ดี ๆ ก็เกิดเปลี่ยนใจ เขาเขียนรายชื่อลงในกระดาษโน้ตด้วยลายมือ แล้วนำมันไปให้โกมีโฮเพื่อฝากถึงพัคชางโฮ

ด้วยกระดาษรายชื่อนี้เอง เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดการเดิมพันครั้งใหญ่ขึ้นในคุก เดิมพันที่ว่า “พวกวีไอพี (ลูกน้องของกงจีฮุน) จะอยู่รอดจากบิ๊กเมาส์ได้เกินหนึ่งเดือนหรือไม่ ?” โดยอัตราต่อรองอยู่ที่วีไอพี 6-4

ต่างฝ่ายต่างมั่นใจ พัคชางโฮมั่นใจเพราะตอนนี้เขามีรายชื่อผู้ค้ายาอยู่ในมือ เมื่อพิสูจน์ได้ว่าตัวเองเป็นบิ๊กเมาส์ กงจีฮุนย่อมต้องทำทุกอย่างเพื่อให้เขายังมีชีวิตอยู่ ส่วนพวกวีไอพีก็รู้แผนการของกงจีฮุน และมั่นใจว่าพัคชางโฮเป็นบิ๊กเมาส์ตัวปลอม เมื่อต่างฝ่ายต่างมั่นใจ ทั้งสองจึงเดิมพันกันด้วยเงินสด 300 ล้านวอน

นักโทษที่เชื่อว่าพัคชางโฮเป็นบิ๊กเมาส์ต่างโห่ร้างดังสนั่น ในขณะที่ผู้ที่ได้ชื่อว่าบิ๊กเมาส์ประกาศดังลั่นออกมา “เด็ก ๆ ที่แทงข้างบิ๊กเมาส์เตรียมจับเงินเข้ากระเป๋าได้เลย”

EP.5 บิ๊กเมาส์ตัวจริง ?

พัคชางโฮถูกผู้คุมพาตัวจากห้องขังมาพบกับกงจีฮุนตามนัดหมาย ท่ามกลางเสียงโห่ร้องเชียร์ “บิ๊กเมาสึ” ของนักโทษที่เชื่อว่าเขาคือบิ๊กเมาส์ตัวจริง ด้านนายกชเวก็รีบมาที่เรือนจำเพื่อบอกให้พัคชางโฮได้รู้ว่า รายชื่อที่เขาให้ไปก่อนหน้านี้เป็นรายชื่อปลอม แต่ดูเหมือนมันจะสายไปเสียแล้ว

ภายในห้องวีไอพีที่จัดเตรียมเป็นห้องประชุมพิเศษ กงจีฮุนพร้อมด้วยนักโทษวีไอพีเผชิญหน้ากับพัคชางโฮบนโต๊ะกาสิโนที่ปูด้วยผ้าสักหลาด กระดาษปากกาวางอยู่เบื้องหน้า แต่ละฝ่ายต้องเขียนชื่อเอเยนต์ค้ายาของบิ๊กเมาส์ 5 คนลงในกระดาษ เพียงคนเดียวที่ดูจะเป็นกังวลที่สุดก็เห็นจะเป็นนายกชเว …

แต่แล้วเมื่อกระดาษถูกเปิดขึ้นมา ทุกคนก็ถึงกับตกตะลึง เพราะพัคชางโฮสามารถเขียนรายชื่อได้ถูกต้องทั้งหมด ไม่ผิดพลาดเลยแม้แต่คนเดียว … รายชื่อที่พัคชางโฮเขียนไม่ใช่รายชื่อที่นายกชเวให้ หรือว่าพัคชางโฮจะเป็นบิ๊กเมาส์ตัวจริง !!?

คนที่งงที่สุดเห็นจะเป็นกงจีฮุน ที่ไม่เข้าใจว่าทำไมพัคชางโฮถึงรู้รายชื่อเหล่านี้ได้ ?

จังหวะเดียวกันนั้น ตำรวจก็จับตัวปีเตอร์ฮงได้พอดี ปีเตอร์ฮงเป็นผู้จัดการกองทุนให้กับกงจีฮุน เป็นคนที่ทำเงิน 140,000 ล้านวอนหายไป แล้วอ้างว่าบิ๊กเมาส์เป็นคนอยู่เบื้องหลัง อัยการผู้รับผิดชอบคดีเห็นว่าคดีนี้ควรจะถูกปิดได้แล้ว เขาจึงยื่นข้อเสนอให้ปีเตอร์ฮงชี้ตัวว่าบิ๊กเมาส์คือพัคชางโฮ … ปีเตอร์ฮงตอบตกลง เพราะเขาได้ข้อเสนอการลดโทษเป็นข้อแลกเปลี่ยน แม้ว่าความจริงแล้วเขาจะไม่เคยเห็นหน้าหรือแม้แต่ได้ยินเสียงบิ๊กเมาส์ตัวจริงเลยก็ตาม

แต่เรื่องเหลือเชื่อก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อถึงเวลาที่ปีเตอร์ฮงต้องชี้ตัวพัคชางโฮว่า จู่ ๆ เขาก็เกิดอาการตัวเกร็งน้ำลายฟูมปาก ตายคาที่ภายในห้องสอบสวน

คนที่จ้องจะเล่นงานพัคชางโฮกลับตายอย่างประหลาดไปอีกคนแล้ว หรือพัคชางโฮจะเป็นบิ๊กเมาส์ ?

พัคชางโฮในตอนนี้ นอกจากจะทำให้แทบทุกคนเชื่อว่าเขาคือบิ๊กเมาส์แล้ว สิ่งที่ได้มาอีกนั่นคือเงินเดิมพัน 300 ล้านวอน เขาทิปเงินก้อนโตให้พัศดี และใช้เงินอีกก้อนหนึ่งซื้อให้ตัวเองได้เป็นวีไอพี แถมยังใช้เงินอีกก้อนหนึ่งซื้ออาหารดี ๆ เลี้ยงคนทั้งเรือนจำ ทำให้เวลานี้พัคชางโฮกลายเป็นขาใหญ่คับบ้านที่นักโทษต่างให้ความเคารพ

ความยิ่งใหญ่และบารมีความเป็นบิ๊กเมาส์ของพัคชางโฮในเวลานี้ ทำเอาวีไอพีลูกน้องของกงจีฮุนถึงกับร้อนก้น เพราะไม่รู้ว่าบิ๊กเมาส์จะเล่นงานพวกเขาเมื่อไร กลัวขึ้นสมองจนถึงขั้นขอร้องให้กงจีฮุนย้ายเรือนจำให้ แต่กงจีฮุนก็ปฏิเสธ

กงจีฮุนสั่งพัศดีให้ใช้นักโทษในเรือนจำปิดกล่อง (สังหาร) พัคชางโฮ แต่ดูเหมือนว่าพัศดีจะไม่เห็นด้วย โดยอ้างว่าไม่สามารถทำตามคำสั่งได้ เพราะตัวพัคชางโฮมีค่าเท่ากับเงินนับแสนล้าน

ตัดภาพมาที่นายกชเวที่นัดเจอกับโกมีโฮ เขาเล่าว่าสมัยที่เขายังเป็นเด็กพ่อของเขาทำโรงงานย้อมผ้า ตอนนั้นมีนักข่าวเขียนข่าวว่าโรงงานของพ่อเขาทิ้งสารพิษที่เป็นอันตราย จนพ่อของเขาต้องฟ้องร้องนักข่าวพวกนั้น แต่ไม่นานพ่อของเขาก็ต้องมาตายจากไปซะก่อน นับแต่นั้นเป็นต้นมา เขาจึงคิดที่จะเป็นนักกฎหมายเพื่อจะได้ช่วยเหลือผู้คนที่ถูกเอาเปรียบอย่างที่พ่อของเขาต้องเจอ พอเขาได้เป็นอัยการเขาได้เจอกับผู้จัดการโรงงานของพ่อเขาในเวลานั้น ทำให้เขาได้รู้ความจริงว่าพ่อของเขาทิ้งสารพิษตามที่นักข่าวพวกนั้นเขียนข่าวจริง ๆ …

“… ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมคิดว่าผมเป็นคนที่โชคร้ายที่สุดในโลก แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่า คุณ (โกมีโฮ) ต่างหากเป็นคนที่โชคร้ายยิ่งกว่า เพราะพัคชางโฮคือบิ๊กเมาส์ตัวจริงครับ รายชื่อที่ผมให้ไปเป็นรายชื่อปลอม แต่เขากลับรู้รายชื่อจริง ๆ ซึ่งมีแต่บิ๊กเมาส์เท่านั้นที่รู้ แถมทุกคนที่ต่อต้านบิ๊กเมาส์ต่างก็ต่างเรียงหน้ากันตายไปทีละคน” นายกชเวพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบนุ่มนวล แต่น้ำเสียงนั้นมันเขย่าหัวใจของโกมีโฮจนสั่นสะท้านไม่หยุด

โกมีโฮในตอนนี้เริ่มไม่มั่นใจแล้วว่า สามารถมั่นใจสามีตัวเองได้อีกหรือเปล่า ?

EP.6 สร้อยไม้กางเขน

โกมีโฮสับสนเป็นอย่างมากกับความคิดที่ว่าสามีของเธอเป็นบิ๊กเมาส์หรือไม่ ซึ่งเธอเชื่อหมดทั้งหัวใจในความบริสุทธิ์ของเขา แต่หลักฐานที่ปรากฏมันก็ยากที่จะปฏิเสธได้ เพื่อให้คลายความสงสัย ทางเดียวก็คือไปถามพัคชางโฮตรง ๆ ต่อหน้า

โกมีโฮเยื้องย่างกายเข้าไปในเรือนจำเป็นครั้งแรก ทั้งนักโทษและผู้คุมต่างดูไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไรนัก แต่เมื่อมีผู้คุมคนหนึ่งจำได้ว่าเธอเป็นภรรยาของพัคชางโฮ การปฏิบัติต่อเธอก็เปลี่ยนไป ผู้คุมคนนั้นรีบกุลีกุจอพาโกมีโฮไปพบกับพัคชางโฮที่ห้องวีไอพี ระหว่างทางนักโทษต่างก็โค้งคำนับให้เธอราวกับนายหญิง

ที่ห้องวีไอพี พัคชางโฮแต่งตัวอย่างหล่อให้สมกับการได้เจอภรรยาสุดที่รักอย่างใกล้ชิด แต่คำถามแรกที่โกมีโฮลั่นก็คือ “นายคือบิ๊กเมาส์ตัวจริงอย่างที่เขาว่ากันจริง ๆ ใช่มั้ย ?” พัคชางโฮไม่ตอบคำถามใด ๆ เขาได้แต่นิ่งเงียบงันอยู่อย่างนั้น

สักพัก พัคชางโฮก็พาตัวโกมีโฮออกมาที่สนามหญ้า นั่นเป็นเพราะเขารู้ดีว่าทุกที่ในเรือนจำมีกล้องวงจรปิดอยู่ทุกที่ จะมีก็แต่สนามหญ้านี่แหละที่ปลอดภัยมากที่สุด แล้วเขาก็เริ่มเล่าความจริงให้เธอฟัง … หลังได้รายชื่อนายกชเวก็มีใครบางคนจับเขาคลุมหัวและดมยาสลบ เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบรายชื่ออยู่ในไพ่ยิปซี และก่อนหน้านี้ก็จะมีไพ่ยิปซีส่งมาให้เขาเพื่อบอกใบ้ในหลาย ๆ สถานการณ์ ซึ่งเขาเชื่อว่าคนที่ทำเรื่องนี้ต้องเป็นบิ๊กเมาส์อย่างแน่นอน แต่เขายังไม่รู้ว่าบิ๊กเมาส์ตัวจริงคือใคร ?

จากคำอธิบายละเอียดยิบจากปากของพัคชางโฮ ทำให้โกมีโฮกลับมาเข้าใจสามีสุดที่รักของเธออีกครั้งอย่างปราศจากข้อสงสัย

เรื่องราวดำเนินไป กระทั่งวันหนึ่งโกมีโฮได้รับโทรศัพท์จากญาติคนไข้ปริศนาคนหนึ่ง โดยเธอรู้ว่างานวิจัยของหมอซอนั้นอยู่ที่ไหน มันอยู่ในสร้อยไม้กางเขน แต่ยังไม่ทันที่จะพูดว่าสร้อยไม้กางเขนของใคร ญาติคนไข้รายนั้นก็ตกลงมาจากดาดฟ้า เสียชีวิตคาที่ทันที !

ภายในห้องน้ำโรงพยาบาล … โกมีโฮเข้าใจว่าเป็นสร้อยไม้กางเขนที่ ผอ.ฮยอนจูฮีใส่อยู่ประจำ จึงเข้าไปถามตรง ๆ ผอ.ฮยอนจูฮีจึงถอดสร้อยออกมาให้ดู พร้อมกับบอกว่ามันเป็นแค่สร้อยธรรมดา ๆ เท่านั้น แถมยังต่อว่าโกมีโฮอย่างหนักที่เที่ยวไปกล่าวหาคนโดยไม่มีหลักฐานอะไรเลย … แต่ในห้องน้ำนั้นไม่ได้มีแค่สองคน จางฮเยจินก็อยู่ในห้องน้ำนั้นด้วย

จางฮเยจินไม่รู้เรื่องอะไรมาก่อนเลย จากคำพูดของโกมีโฮทำให้เธอได้รู้ความจริงเกี่ยวกับสร้อยไม้กางเขนที่อยู่ในคอเป็นครั้งแรก เธอเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวในอดีต หมดซอเป็นชู้รักของเธอ และเป็นคนที่มอบสร้อยเส้นนี้ให้กับเธอไม่นานก่อนที่เขาจะถูกฆ่าตาย

EP.7 ขอกลับไปเป็นคนธรรมดาได้ไหม

พ่อของโกมีโฮเดินทางมาหาจางฮเยจินเพื่อสืบเรื่องสร้อยไม้กางเขน แต่ดูเหมือนว่าเธอจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

ในเวลาเดียวกันนั้น โกมีโฮพยายามเข้าไปช่วยคนไข้ที่กำลังวิกฤติ แต่หัวหน้าพยาบาลเข้าขัดขวาง โดยอ้างว่าญาติคนไข้ได้เซ็นเอกสารปฏิเสธการกู้ชีพเอาไว้ และสั่งให้โกมีโฮยืนดูคนไข้ตายไปต่อหน้าต่อตา !?

โกมีโฮเดินทางไปงานศพของคนไข้ ภายในงานเธอได้ยินว่าภรรยาคนไข้รับเงินก้อนโตจากโรงพยาบาล แลกกับการเซ็นเอกสารปฏิเสธการกู้ชีพ และมีเงื่อนไขการรักษาที่เป็นความลับ โดยห้ามทำการชันสูตรเด็ดขาด ..​. ด้วยเซ้นส์ความเป็นพยาบาล โกมีโฮรู้ได้ในทันทีว่าโรงพยาบาลต้องมีความลับที่ปิดบังอยู่ ในวันนั้น เธอจึงแอบเข้าไปในห้องดับจิต แล้วทำการเจาะตัวอย่างเลือดของคนไข้รายนั้นออกมา

ผอ.ฮยอนจูฮีได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ว่าโกมีโฮแอบเข้าไปในห้องดับจิต แต่เมื่อ ผอ. และเจ้าหน้าที่เข้ามาทำการค้นตัวก็ไม่พบอะไร ผอ.จึงจำใจปล่อยโกมีโฮไป

ในคืนเดียวกันนั้น ขณะที่โกมีโฮกำลังแอบมาเอาเลือดที่ซ่อนเอาไว้ เธอก็โดนคนร้ายสวมไอ้โม่งเข้าทำร้ายโดยการบีบคอ แต่ยังโชคดีที่นายกชเวเข้ามาเจอพอดี คนร้ายจึงรีบหนีไป … โกมีโฮปลอดภัย และเลือดก็ยังอยู่ เธอจึงบอกกับนายกชเวว่าเลือดหลอดนี้อาจจะเป็นตัวไขปริศนาเรื่องราวทั้งหมดก็เป็นได้ ส่วนนายกชเวก็ออกปากว่าจะช่วยเธอเพื่อให้ความจริงปรากฏ จากนั้นโกมีโฮก็เอาเลือดมาส่งให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์

ตัดภาพมาที่เรือนจำกูชอน …​ พัคชางโฮสั่งให้เพื่อนทนายความของเขาเอารูปปั้นพระแม่มารีมาบริจาค หลังจากที่เขาเพิ่งทำมันตกแตกไป และได้กำชับให้แอบติดกล้องวงจรปิดเอาไว้ เพราะตอนนี้เขาต้องการหาตัวบิ๊กเมาส์ตัวจริง

ต่อมา พัคชางโฮเปิดดูไฟล์ที่บันทึกจากกลัองวงจรปิด ทำให้เขาสงสัยเจอร์รี่ เพื่อนซี้ในคุก (เจอร์รี่มีบิ๊กเมาส์เป็นไอดอล ถึงขนาดที่สักรูปหนูเอาไว้ที่ข้อมือ) แต่เจอร์รี่กลับย้อนถามว่า “นายไม่ใช่บิ๊กเมาส์ตัวจริงใช่มั้ย ?” พัคชางโฮก็อึ้งนิ่งไม่ตอบอะไร สีหน้าของเจอร์รี่ออกอาการผิดหวังชัดเจนที่ได้รู้ว่าพัคชางโฮหลอกเขาและทุกคนในคุกมาตลอด

สิ่งผิดปกติอีกอย่างที่พัคชางโฮพบก็คือ ไฟล์กล้องวงจรปิดมันหายไปครึ่งชั่วโมง นั่นแสดงว่าต้องมีคนรู้เรื่องกล้องวงจรปิดนี้และทำการแก้ไขไฟล์ แต่มีเพียงแค่ 4 คนที่รู้เรื่องกล้องวงจรปิด ทนายเพื่อนซี้, พ่อตา, โกมีโฮ และตัวเขาเอง หรือว่าบิ๊กเมาส์จะเป็นคนใกล้ชิดของเขา !?

คิดไปคิดมาหัวจะปวดก็คิดไม่ออก แต่ที่แน่ ๆ ตอนนี้พัคชางโฮเริ่มรู้สึกแล้วว่า เขาไม่มีทางต่อกรกับบิ๊กเมาส์ได้เลย เพราะบิ๊กเมาส์เดินแต้มล้ำหน้ากว่าเขาหนึ่งแต้มเสมอ

กงจีฮุนเข้ามาเยี่ยมเจอร์รี่ พร้อมกับยื่นข้อเสนอที่มิอาจปฏิเสธได้ เขาจะได้รับการปล่อยตัวและได้รับเงินก้อนโตก้อนหนึ่งเพื่อไปใช้ชีวิตอยู่กับน้องสาว แลกกับการที่เขาต้องเอาน้ำที่เตรียมไว้ให้พัคชางโฮกิน

ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่กงจีฮุนวางเอาไว้ พัคชางโฮดื่มน้ำขวดนั้นแล้วเกิดอาการปวดท้องอย่างหนัก จากนั้น พัคชางโฮก็ถูกนำตัวขึ้นรถพยาบาลออกจากเรือนเพื่อไปยังสถานที่หนึ่ง เจอร์รี่เห็นรถพยาบาลก็รู้สึกผิดจึงบอกเรื่องที่เกิดขึ้นกับโกมีโฮ ทั้งสองจึงขับรถตามรถพยาบาลคันนั้นไป

โกมีโฮเช็กแล้วว่ารถพยาบาลคันนั้นไม่ได้จุดหมายที่โรงพยาบาล เธอจึงเอารถปาดหน้าเพื่อเข้าช่วยพัคชางโฮทันที จากนั้นก็รีบพาตัวเขาส่งโรงพยาบาล … ในห้องคนไข้ พัคชางโฮกุมมือโกมีโฮแล้วพูดขึ้นมาว่า “เราทั้งสองจะกลับไปเป็นคนธรรมดาเหมือนเมื่อก่อนได้มั้ย”

หลังจากพัคชางโฮอาการดีขึ้น เขาก็ถูกพาตัวไปที่โรงพยาบาลจิตเวชแห่งหนึ่ง !?

EP.8 หลอกใช้

ภายในห้องสีขาวขนาดใหญ่ที่ว่างเปล่าไร้เฟอร์นิเจอร์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกใด ๆ ทั้งห้องนอกจากไฟสว่างบนเพดาน ก็มีเพียงเตียงคนไข้ที่พัคชางโฮนอนอยู่เท่านั้น

พัคชางโฮพยายามดิ้น แต่เชือกหรือวัสดุคล้ายเชือกที่พันธนาการร่างเขาอยู่มันก็แน่นเกินกว่าที่เขาจะสลัดมันหลุดออกไปได้ ไม่นานนัก หัวหน้าพยาบาลสาวก็เข้ามาพร้อมกับเข็มฉีด เมื่อยาเข็มนั้นถูกฉีดเข้าร่าง พัคชางโฮก็แน่นิ่งหมดฤทธิ์ไปในทันที … แต่ห้ามหลับ กฎคือห้ามหลับ !?

กงจีฮุนปรากฏกายขึ้นเบื้องหน้าพัคชางโฮที่ไม่ได้นอนมาหลายวัน นี่เป็นแผนที่เขาวางเอาไว้เพื่อให้พัคชางโฮคายความจริงทุกอย่างออกมา … กงจีฮุนเตรียมใช้ยาที่มันเรียกว่า ‘ยาคายความจริง’ กับพัคชางโฮ และยานี้มันจะออกฤทธิ์ดีที่สุดก็ต่อเมื่อเหยื่ออ่อนเพลียจนเกิดภาพหลอน

ยาเข็มนั้นถูกฉีดเข้าไปในเส้นเลือดของพัคชางโฮ ยามันออกฤทธิ์รวดเร็ว เขาหลอนแทบเป็นบ้า แล้วจู่ ๆ พัคชางโฮก็สารภาพออกไปว่าซ่อนเงินเอาไว้บนภูเขาแห่งหนึ่ง กงจีฮุนมาตามจุดที่พัคชางโฮได้บอกเอาไว้ มันมีทองซ่อนเอาไว้จริง ๆ แต่มันมีเพียงแท่งเดียว … ทองคำมูลค่า 140,000 ล้านวอน แต่ตอนนี้มันมีเพียงแท่งเดียว !

กงจีฮุนโกรธจัดแทบอยากจะเอาทองคำแท่งนั้นยัดปากพัคชางโฮ แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะเวลานี้พัคชางโฮถือไพ่มูลค่านับแสนล้านวอนอยู่ในมือ

แต่คนที่แปลกใจไม่น้อยไปกว่ากงจีฮุน คนคนนั้นก็คือตัวพัคชางโฮเอง เพราะสถานที่ที่ซ่อนทองที่เขาบอกไปนั้น เขาเพียงบอกไปมั่ว ๆ แต่ทำไมมันมีทองคำแท่งฝังอยู่จริง ๆ … มันต้องเป็นฝีมือของบิ๊กเมาส์อย่างแน่นอน แล้วบิ๊กเมาส์รู้สิ่งที่เขาบอกกับกงจีฮุนได้อย่างไร ?

ไม่นานนักหลังจากนั้น ก็มีชายปริศนาที่มีรอยสักรูปหนูอยู่ที่นิ้วมือเข้ามาลอบวางเพลิงโรงพยาบาลจิตเวชที่ใช้ขังพัคชางโฮ ไฟไหม้วอดทั่วทั้งโรงพยาบาล แต่เวลาไม่ถึงนาทีนักดับเพลิงก็มากันอย่างรวดเร็ว และหนึ่งในนั้นก็คือเจอร์รี่

เจอร์รี่ช่วยพัคชางโฮออกมาได้ แต่ระหว่างทางเขาก็ไม่ตอบคำถามที่พัคชางโฮยิงใส่เลยแม้แต่คำถามเดียว เพียงสารภาพว่าเขาไปเจอบิ๊กเมาส์ และสิ่งที่ทำอยู่นี้ก็เป็นแผนที่บิ๊กเมาส์เตรียมเอาไว้ทั้งหมด แล้วเจอร์รี่ก็ให้พัคชางโฮหนีไปกับรถอีกคันที่เตรียมเอาไว้

พัคชางโฮหนีได้สำเร็จ ระหว่างทางเขาได้เห็นศพของเจอร์รี่ มันทำให้เขารู้สึกโกรธแค้นบิ๊กเมาส์เป็นอย่างมาก โกรธแค้นที่บิ๊กเมาส์หลอกใช้เจอร์รี่แล้วปล่อยให้มาตายอย่างน่าอเนจอนาถ

ตัดกลับที่โกมีโฮ ตอนนี้เธอหาที่ซ่อนตัวของจางฮเยจินเจอแล้ว และกำลังโน้มน้าวให้ร่วมมือกันเผยความจริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังสร้อยไม้กางเขน … จางฮเยจินตกลงโดยมีเงื่อนไขบางอย่าง

ส่วนพัคชางโฮที่ตอนนี้ถูกไล่ล่าจากทางการ ก็เกิดไปปรากฏตัวอยู่ที่รายการทีวีรายการหนึ่ง แผนของเขาคืออะไรกันนะ !?

EP.9 โฉมหน้าบิ๊กเมาส์ตัวจริง

พัคชางโฮออกรายการถ่ายทอดสด พร้อมกับทำนายผลการพิจารณาคดีของสามวีไอพีลูกน้องกงจีฮุนว่า ศาลจะตัดสินยกฟ้องอย่างแน่นอน พร้อมกับเปรียบเทียบการพิจารณาคดีครั้งนี้เป็นเหมือนการแสดงละครตบตาประชาชนคนทั้งประเทศ ด้วยวิธีการอันแยบยลของอัยการที่ร่วมมือวางแผนกับสามวีไอพี

จากนั้น พัคชางโฮก็เล่าเป็นฉาก ๆ ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในการพิจารณาคดีวันนี้ ซึ่งภายในห้องพิจารณาคดีมันก็เป็นตามที่เขาพูดเอาไว้ทุกประการ … พัคชางโฮจึงกล่าวต่อหน้ากล้องถ่ายทอดสดที่มีผู้ชมเป็นจำนวนมาก ที่เขารู้ก็เพราะเคยเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดจากคลิปบันทึกจากกล้องหน้ารถ แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้คลิปนั้นคงโดนพวกคนชั่วทำลายทิ้งไปแล้ว

การถ่ายทอดสดของพัคชางโฮ หรือที่ประชาชนคนเกาหลีในตอนนี้เชื่อว่าคือบิ๊กเมาส์ แม้จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการพิจารณาคดีได้ แต่มันสร้างแรงกระเพื่อมในกระบวนการยุติธรรม ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลเป็นวงกว้าง ผลที่ตามมาก็คือกงจีฮุนต้องยอมทำตามข้อเรียกร้องของจางฮเยจิน โดยการนำใบหย่าของสามีเธอไปแลกกับงานวิจัยที่อยู่ในสร้อยไม้กางเขน

แต่ดูเหมือนกงจีฮุนจะติดกับดักของพัคชางโฮเข้าให้แล้ว งานวิจัยที่ได้เป็นงานวิจัยปลอม แถมยังมีกล้องแอบถ่ายทุกกิริยาและคำพูดของกงจีฮุนเอาไว้ทั้งหมด

ภาพจากกล้องแอบถ่ายขณะที่กงจีฮุนนัดเจอจางฮเยจิน ถูกพัคชางโฮนำออกมาเผยแพร่ในไลฟ์สดทันที ไม่นานนัก พัคชางโฮก็ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าศาลต่อหน้านักข่าวหลายสิบชีวิต เขาประกาศอย่างหนักแน่นว่าไม่ได้หนีคุก แต่มีคนลักพาตัวเขาออกจากเรือนจำและขังเขาไว้ที่โรงพยาบาลจิตเวช พร้อมทั้งยืนยันว่าเขาไม่ใช่บิ๊กเมาส์ และจะหาหลักฐานมาพิสูจน์ให้ได้ จังหวะนั้นตำรวจก็แห่กันมาจับตัวพัคชางโฮกลับเข้าเรือนจำ

ผลที่ตามมาคือ อัยการผู้ทำคดีโดนตั้งคณะกรรมการสอบสวน ส่วนทั้งสามวีไอพีก็มีแววจะถูกศาลพลิกกลับคำพิพากษา เพราะจะมีการรื้อคดีขึ้นมาสืบสวนและพิจารณาคดีใหม่ทั้งหมด โดยไม่มีอัยการที่เล่นตามบทที่ตัวเองกำหนดเหมือนที่ผ่านมา

ระหว่างนั้นพัคชางโฮก็รู้ว่าเจอร์รี่ยังไม่ตาย และกำลังพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง พัคชางโฮจึงขอให้ทนายเพื่อนซี้ของเขาไปตามหา เพราะเจอร์รี่คือคนเดียวที่เคยเจอกับบิ๊กเมาส์ตัวเป็น ๆ

ภาพตัดมาที่นายกชเว ในมือของเขาถืองานวิจัยเจ้าปัญหาของหมอซออยู่ในมือ ในตอนนี้ภาพได้พยายามทำให้เราเชื่อว่า นายกชเวคือบิ๊กเมาส์ โดยเฉลยว่าเขาเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์หลายอย่าง เข่น เป็นคนวางแผนวางยาพัคชางโฮขณะขับรถ แล้วเอาคลิปกล้องหน้ารถนั้นมา เป็นต้น … ส่วนเหตุผลที่เขาทำก็เพื่อที่จะได้สืบทอดอำนาจต่อจาก “ท่าน” ผู้ยิ่งใหญ่แห่งเมืองกูชอน โดยมีปมแค้นเรื่องที่ปู่ของเขาซึ่งเป็นหนึ่งในผู้สร้างเมื่อกูชอนให้เจริญรุ่งเรือง ถูกฆ่าอย่างเป็นปริศนาขณะที่เขายังเด็ก

ที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยกูชอน ผอ.ฮยอนจูฮีเรียกโกมีโฮเข้าพบ โดยบีบให้เธอลาออก แลกกับการไม่โดนฟ้องที่เอาผลเลือดคนไข้ไปส่งตรวจที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์โดยไม่ได้รับอนุญาต … โกมีโฮจำใจต้องลาออก

ตัดมาในเรือนจำ พัคชางโฮเขียนจดหมายถึงบิ๊กเมาส์เพื่อนัดเจอในเวลา 2 ทุ่มคืนนี้ พัคชางโฮนั่งรออย่างใจจดใจจ่อ เมื่อเวลานัดมาถึง เสียงของใครบางคนก้าวเท้าเข้ามา พัคชางโฮหันควับ แต่เมื่อได้เห็นถึงโฉมหน้าของบิ๊กเมาส์ สีหน้าของเขาก็ถึงกับออกอาการตกตะลึง … แต่มันจะใช่นายกชเวจริง ๆ หรือเปล่านะ !?

EP.10 ปลอกคอและโซ่ตรวน

พัคชางโฮรอบิ๊กเมาส์ตามเวลาที่นัดหมาย แต่คนที่มาพบคือพัศดี จึงทำให้พัคชางโฮตกใจเป็นอย่างมาก … พัศดีคือบิ๊กเมาส์ ?

พัคชางโฮคุยกับพัศดีไม่นานนักก็เริ่มสงสัยว่าพัศดีไม่น่าจะใช่บิ๊กเมาส์ตัวจริง พัศดีจึงโชว์สัญลักษณ์รอยสักบิ๊กเมาส์ให้ดู เมื่อพัคชางโฮได้เห็นเท่านั้นแหละก็ถึงกับหัวเราะเบา ๆ ออกมาทันที เพราะสัญลักษณ์ที่แขนของพัศดีนั้น มันเป็นเพียงรอยสักของลูกน้องบิ๊กเมาส์ เขาจึงฝากพัศดีไปบอกบิ๊กเมาส์ว่าให้เผยโฉมหน้าของตัวเองออกมาได้แล้ว

จากนั้น โกมีโฮก็มาที่เรือนจำเพื่อสัมภาษณ์งานตำแหน่งพยาบาลประจำ ที่นี่เธอได้เจอกับหัวหน้าพยาบาลที่ไม่ชอบขี้หน้ากันตั้งแต่อยู่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยกูชอน แต่ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังต่อปากต่อคำกันอยู่นั้น ก็ได้เกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดขึ้นที่ลานออกกำลังกาย เสียงสัญญาณฉุกเฉินดังกึกก้องไปทั่วทั้งเรือนจำ …

จู่ ๆ นักโทษประหารคนหนึ่งก็แสดงอาการบ้าคลั่งเข้าทำร้ายนักโทษด้วยกันจนเลือดท่วมตัว ไม่ต่างไปจากคนเมายาบ้าเลยแม้แต่นิดเดียว จนผู้คุมต้องเข้ามาควบคุมสถานการณ์ด้วยการยิงปืนไฟฟ้า สุดท้ายนักโทษประหารคนนั้นก็นอนสลบแน่นิ่งไปกองอยู่กับพื้น จังหวะนั้นเอง โกมีโฮพร้อมกับพัศดีได้วิ่งเข้ามาดูอาการนักโทษคนนั้น ปรากฏว่าเขาไม่หายใจ โกมีโฮจึงทำ CPR ให้อย่างไม่รีรอ แล้วปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น นักโทษประหารที่แน่นิ่งไปกลับขึ้นมาหายใจได้อีกครั้ง

จากเหตุการณ์นี้ ทำให้พัศดีตอบรับโกมีโฮเข้าทำงานเป็นพยาบาลประจำเรือนจำทันที

วันต่อมา โกมีโฮไปดูอาการของนักโทษประหารคนนั้น ที่นอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยกูชอนก็ถึงกับแปลกใจ เมื่อแพทย์เจ้าของไข้แจ้งว่าตรวจไม่พบสิ่งผิดปกติใด ๆ ในตัวของนักโทษคนนั้นเลย ซึ่งเซนส์ความเป็นพยาบาลของเธอมันบอกว่าไม่มีทางเป็นไปได้ โกมีโฮจึงแอบเจาะเลือดของนักโทษคนนั้นเก็บไว้เพื่อเอาไปตรวจ

ส่วนสถานการณ์ในเรือนจำเวลานี้ พัคชางโฮถูกพัศดีสั่งจับขังเดี่ยว พัศดียิ้มเยาะใส่หน้าพัคชางโฮพร้อมกับพูดด้วยความสะใจว่า “ปลอกคอที่แกเคยใส่ตอนนี้มันกลายเป็นโซ่ตรวนไปซะแล้ว” พัคชางโฮฟังแล้วก็งง ๆ ไม่เข้าใจสิ่งที่พัศดีพูด อะไรคือปลอกคอ อะไรคือโซ่ตรวน ?

วันนี้เป็นวันแรกที่โกมีโฮได้เข้ามาทำหน้าที่พยาบาลในเรือนจำ พัศดียิงคำถามใส่โกมีโฮเรื่องงานวิจัยของหมอซอ ซึ่งเธอก็ตอบกลับไปว่า “ฉันได้ข่าวมาว่าท่านพัศดีเองก็เป็นมือไม้ให้กับบิ๊กเมาส์เหมือนกันนี่” ก่อนที่เธอจะบอกจุดประสงค์ที่เข้ามาทำงานที่นี่ก็เพื่อต้องการจะปกป้องสามีของเธอ พัศดีจึงยื่นข้อเสนอไปว่าจะปล่อยตัวพัคชางโฮออกจากขังเดี่ยวถ้าเธอยอมเอางานวิจัยของหมอซอมาแลก

พัคชางโฮถูกพาตัวมาที่ห้องทำงานของพัศดี … เมื่อพัคชางโฮรู้ว่าพัศดีรับโกมีโฮเข้ามาทำงานในเรือนจำก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ที่ดึงเอาภรรยาของเขาเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ด้วย แต่พัศดีก็ตอบไปด้วยน้ำเสียงกวนบาทาว่า โกมีโฮยื่นใบสมัครด้วยตัวเอง แถมเธอก็มีคุณสมบัติตรงตามที่ต้องการ เขาจึงต้องรับเข้าทำงานตามระเบียบของเรือนจำ

จากนั้นพัศดีก็ชวนพัคชางโฮเล่นเกม 20 คำถามกับบิ๊กเมาส์ โดยพัศดีได้บอกความลับอย่างหนึ่งของบิ๊กเมาส์ว่า คนที่บิ๊กเมาส์รักตายไปเพราะงานวิจัยนั่น คำถามคืองานวิจัยที่ว่ามันคืออะไรกันแน่ ? พัคชางโฮจึงตอบกลับไปว่า “เลือดที่เจาะมาจากนักโทษ”

ต่อมาอัยการ (ลูกน้องของกงจีฮุน) พาเจ้าหน้าที่เข้ามาควบคุมตัวพัศดีตามหมายจับข้อหากรรโชกทรัพย์นักโทษ พัศดีจึงโทร. ไปหากงจีฮุนเพื่อให้หน้าเคลียร์ ซึ่งทางอัยการก็บอกว่า นายกชเวเป็นคนเดินเรื่องกดดันผู้ใหญ่ให้ออกหมายจับพัศดี

ใ่นคืนเดียวกันนั้นเอง ผอ.ฮยอนจูฮีดื่มน้ำจากแก้วของเธอก่อนจะขับรถกลับบ้าน ระหว่างทางอาการภาพหลอนก็เกิดขึ้นเหมือนกับที่พัคชางโฮเคยเป็น ก่อนเธอจะขับรถพุ่งเข้าชนข้างทาง

พัคชางโฮเห็นข่าวอุบัติเหตุของ ผอ.ฮยอนจูฮีก็รีบบอกกับโกมีโฮทันทีว่า มันไม่ใช่อุบัติเหตุแต่มันเป็นการจัดฉากเหมือนที่เขาเคยเจอ และผู้ที่อยู่เบื้องหลังคือนายกชเว !

EP.11 ตามล่าหาตัวบิ๊กเมาส์

ผอ.ฮยอนจูฮีนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงที่โรงพยาบาล หลังประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ นายกชเวเข้ามาเยี่ยมภรรยาที่นอนไร้สติ เขากุมมือของเธอเอาไว้แน่น สีหน้าของเขาแสดงออกถึงความเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

ทางตำรวจสันนิษฐานเบื้องต้นว่า ผอ.ฮยอนจูฮีเมาแล้วขับ แต่ผลตรวจเลือดออกมาพบสารเสพติดอยู่ในกระแสเลือด เมื่อข่าวนี้ถึงหูกงจีฮุน เขาจึงสั่งให้กองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ที่เขาเป็นเจ้าของประโคมข่าวนี้ให้ดังเป็นกระแส กงจีฮุนคิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ ผอ.ฮยอนจูฮีต้องเป็นฝีมือของบิ๊กเมาส์อย่างแน่นอน เพราะมันเคยเกิดเหตุการณ์คล้าย ๆ กันนี้กับพัคชางโฮมาก่อน และเขาคิดว่า “บิ๊กเมาส์ต้องอยู่ใกล้ตัวพัคชางโฮอย่างแน่นอน”

ตัดภาพมาในเรือนจำกูชอน … ผู้คุมคังซูชอนได้ขึ้นเป็นพัศดีแทนพัศดีคนเดิมที่โดนเด้งไป โดยพัศดีซูชอนได้ประกาศต่อหน้านักโทษทุกคนว่า เรือนจำกูชอนภายใต้การดูแลของเขาจะไม่มีการคอร์รัปชันและรับสินบนใต้โต๊ะใด ๆ เหมือนในอดีต จากนี้นักโทษทุกคนจะมีความเท่าเทียมกัน และเขายังได้ติดตั้งตู้รับฟังความคิดเห็นของนักโทษเอาไว้ทั่วเรือนจำ โดยเขาจะเป็นผู้ถือกุญแจเปิดตู้เพียงคนเดียว จึงรับประกันได้ว่าทุกข้อความในตู้นั้นจะเป็นความลับ … การประกาศของพัศดีซูชอนทำให้นักโทษโห่ร้องออกมาด้วยความดีใจ

อย่างไรก็ตาม จริง ๆ แล้วพัศดีซูชอนไม่ได้ดีเด่อะไรอย่างที่พูด เขาเพียงทำตามคำสั่งของพัคชางโฮ แต่ลึก ๆ ก็ไม่พอใจพัคชางโฮที่เอาแต่สั่งนู่นนี่นั่น ทำอย่างกับเขาเป็นเบ๊รับใช้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะพัคชางโฮใช้เส้นสายดันเขาให้ขึ้นมาเป็นพัศดี (ชั่วคราว)

แต่คนมันบ้าอำนาจ เมื่อมีอำนาจอยู่ในมือก็เก็บเอาไว้ไม่อยู่ … วันนี้ พัศดีคนเก่าถูกพาตัวมาควบคุมที่เรือนจำ แต่ยังไม่ทันจะได้เหยียบเรือนนอน พัศดีซูชอนก็มารับน้องด้วยการฟาดกระบองเข้าไปที่หัวของพัศดีคนเก่าอย่างไม่ยั้ง ก่อนจะประกาศลั่นต่อหน้าทุกคนว่า “หากตาดูเอาไว้ ฉันเป็นพัศดีที่นี่ ฉันเป็นราชาที่นี่โว้ย”

จากนั้น พัศดีซูชอนก็สั่งให้ผู้คุมพาตัวนักโทษสามคนที่เป็นลูกน้องของพัศดีคนเก่ามาทรมาน เพื่อบีบให้พัศดีคนเก่ายอมตอบคำถามที่ว่า “ใครคือบิ๊กเมาส์ตัวจริง ?” ถ้าไม่พูดละก็ลูกน้องทั้งสามจะต้องตายไปพร้อมกับความทรมานอย่างสาหัส เรียกว่าโหดสุด ๆ ไปเลย … สองคนแรกจะถูกมัดเอาไว้อยู่กับพื้น อีกคนหนึ่งถูกแขวนเอาไว้โดยมีเชือกผูกที่คอ ซึ่งปลายขาจะเหยียบอยู่ที่หัวของสองคนนั้น

แต่ดูเหมือนไม่ว่าจะทรมานแค่ไหนก็ไม่มีใครเอ่ยปากออกมา พัศดีคนเก่าเห็นลูกน้องตัวเองโดนทรมานใกล้ตายก็ได้แต่มองอยู่อย่างนั้น ไม่ปริปากอะไรออกมาเลยสักคำ … ทันใดนั้นเอง ก่อนที่จะมีใครตาย เชือกที่แขวนนักโทษลูกกระจ๊อกก็ขาดผึง พัคชางโฮมาช่วยเอาไว้ได้ทัน จากนั้นก็สั่งให้พัศดีซูชอนกลับไปที่ห้องทำงานของตัวเองซะ ตอนแรกพัศดีซูชอนทำท่าจะไม่ยอม แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องยอมแต่โดยดี เพราะเขารู้ดีว่าถ้ามีเรื่องกับพัคชางโฮเขาจะต้องหลุดจากตำแหน่งพัศดี

แล้วทุกอย่างก็เข้าทางพัคชางโฮ เมื่ออดีตพัศดีเข้ามาอยู่ในคุกที่ตัวเองเคยกดขี่นักโทษเอาไว้อย่างสาหัส โอกาสรอดของเขาในนี้มีเพียง “ศูนย์” พัคชางโฮจึงยื่นข้อเสนอให้อดีตพัศดีมาเป็นพวกเดียวกับเขา “มองดูรอบ ๆ สิ สภาพนี้ไม่มีใครรับประกันความปลอดภัยของนายได้หรอก แม้แต่บิ๊กเมาส์ตัวจริงก็ช่วยนายไม่ได้หรอก ร่วมมือกับฉันแล้วนายจะรอด” แต่อดีตพัศดีก็ปฏิเสธ เพราะเขาไม่ต้องการทรยศบิ๊กเมาส์

แล้วคืนแรกในเรือนนอนของอดีตพัศดีก็โดนกลุ่มนักโทษเก็บยอด ด้วยการเอาผ้าคลุมแล้วรุมกระทืบ

พัศดีซูชอนโทร. ไปหานายกชเว ผู้เป็นเจ้านายเพื่อขอไฟเขียวในการล่าตัวบิ๊กเมาส์ตามวิธีของเขา ที่ทำแบบนี้ก็เพื่อว่าผลงานการจับบิ๊กเมาส์จะทำให้เขาถูกเสนอชื่อให้เป็นพัศดีถาวร นายกชเวตอบตกลง

จากนั้น พัศดีซูชอนก็ประกาศให้ทุกคนได้รู้ว่า พัคชางโฮเป็นบิ๊กเมาส์ตัวปลอม และระหว่างนี้จะมีการใช้ “ประกาศภาวะฉุกเฉิน” ซึ่งจะตัดเวลาพัก เพิ่มเวลาทำงาน ลดปริมาณอาหาร งดเยี่ยมญาติ โดยประกาศนี้จะใช้ยาวไปจนกว่าเขาจะนับบิ๊กเมาส์ตัวจริงได้ วิธีการคือถ้านักโทษคนไหนสงสัยใครว่าเป็นบิ๊กเมาส์ ก็ให้เขียนชื่อแล้วหย่อนลงในตู้รับความคิดเห็น ถ้าใครแจ้งชื่อบิ๊กเมาส์ตัวจริงได้ถูกต้องก็จะได้รับการลดโทษเป็นกรณีพิเศษ

จากการประกาศภาวะฉุกเฉินของพัศดีซูชอน ทำให้ตอนนี้เรือนจำกูชอนไม่ต่างไปจากนรกบนดินอย่างแท้จริง ทั้งความอดอยากยากลำบากที่นักโทษได้รับ อีกทั้งทำให้แต่ละแก๊งแต่ละฝ่ายเกิดความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจกัน ใครที่มีชื่อในกล่องว่าเป็นบิ๊กเมาส์ก็ถูกเอาตัวไปขังเดี่ยว ทั้ง ๆ ที่เจ้าตัวไม่รุ้เรื่องอะไรเลย ผลก็คือเละตุ้มเป๊ะ

พัคชางโฮฝากอดีตพัศดีให้ส่งข่าวไปถึงบิ๊กเมาส์ว่า เขานัดเจอคืนนี้สองทุ่ม เมื่อถึงเวลานั้น ก็มีคนเดินเข้ามาตรงตามเวลานัดเป๊ะ ซึ่งคนคนนั้นก็คือ “ลุงนักโทษหมอดู” นั่นเอง !?

EP.12 คุณลุงบิ๊กเมาส์

ในเรือนจำ พัคชางโฮกำลังตามล่าหาตัวบิ๊กเมาส์ นอกเรือนจำ โกมีโฮก็ตามหาความลับที่อยู่เบื้องหลังงานวิจัยของหมอซอ โดยมีจางฮเยจินเป็นคนเอาเลือดไปตรวจให้ที่แล็บในอเมริกา แต่ขณะนี้ จางฮเยจินได้กลายเป็นศพด้วยฝีมือของหมอฮัน อดีตสามีของเธอไปเสียแล้ว

นายกชเวตามมาที่ห้องพักของจางฮเยจิน และหยิบมือถือของเธอขึ้นมาดู ก็พบความจริงที่ว่า โกมีโฮกับพัคชางโฮได้รู้ความจริงทุกอย่างหมดแล้ว เขาจึงโทร. ไปสั่งให้พัศดีซูชอนเก็บพัคชางโฮกับโกมีโฮซะในคืนนี้เลย

พัศดีซูชอนจัดการตามคำสั่ง โดยวางแผนให้นักโทษก่อการจลาจลขึ้นภายในเรือนจำ เป้าหมายของเขาคือ “เก็บพัคชางโฮและโกมีโฮ” ทุกอย่างถูกเตรียมการเอาไว้หมดแล้ว กล้องวงจรปิดทุกตัวถูกปิด รวมถึงไฟทุกดวงก็ถูกปิดเช่นกัน ในคืนนี้มันเป็นคืนแห่งมิคสัญญีอย่างแท้จริง … เวลาเดียวกันนั้น พัคชางโฮที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นภายนอก เพราะเขารอเจอกับบิ๊กเมาส์ตามเวลาที่นัดหมายตอนสองทุ่ม แล้วคนที่ปรากฏตัวมาเวลานั้นก็คือ “คุณลุงนักโทษหมอดู”

คุณลุงหมอดูที่หน้าตาดูใจดี๊ใจดี และเป็นหนึ่งในคนที่พัคชางโฮรักและไว้ใจมากที่สุดคือบิ๊กเมาส์ตัวจริงอย่างนั้นเหรอ … ใช่ เพราะลุงหมอดูบอกทุกอย่างที่มีแต่บิ๊กเมาส์กับพัคชางโฮเท่านั้นที่รู้ออกมาได้ทั้งหมด !

พัคชางโฮได้แต่นั่งนิ่งอึ้งไปพักใหญ่ ก่อนจะถามออกไปว่าทำไมต้องเป็นเขาด้วย ลุงหมอดูจึงเฉลยความจริงทั้งหมดออกไปว่า …

“มันเริ่มตั้งแต่ตอนที่นาย (พัคชางโฮ) ไปแบล็กเมลกงฮีจุน ตอนนั้นนายต้องกลายเป็นศพไปแล้ว แต่มีคนบอกให้ฉันช่วยชีวิตนายเอาไว้ และวิธีที่จะช่วยนายได้คือทำให้นายเป็นบิ๊กเมาส์ซะ แล้วสถานการณ์ก็ลากมาจนถึงจุดนี้” ลุงหมอดูพูดไปด้วยมืออีกข้างหนึ่งก็ยกแก้วบรั่นดีขึ้นมาจิบ เมื่อพูดจบ พัคชางโฮก็ถามต่อถึงเหตุผลที่บิ๊กเมาส์หมกมุ่นอยู่กับงานวิจัยของหมอซอ ณ จุดนี้ ลุงหมอดูก็หลั่งน้ำตาออกมา “ฉันต้องตามหาคนที่ฆ่าลูกสาวฉันให้ได้”

ลุงหมอดู (ที่ตอนนี้ทุกคนเชื่อว่าเป็นบิ๊กเมาส์ตัวจริง) ไม่เชื่อในระบบกฎหมายปกติว่าจะเอาคนผิดที่มีอำนาจมาลงโทษได้ เพราะคนเหล่านั้นจะใช้ทั้งเงินและอำนาจที่มีพาตัวเองให้รอดจากเงื้อมมือกฎหมายไปได้ “ความกลัวและความสิ้นหวังที่ลูกสาวฉันต้องเผชิญ พวกมันต้องเจอมากกว่าเป็นร้อยเท่าพันเท่า ฉันจะทำให้โลกที่พวกมันอยู่กลายเป็นนรกอเวจี นี่แหละคือความยุติธรรมสำหรับฉัน”

ณ จุดนี้ น้ำตาบิ๊กเมาส์อย่างคุณลุงหมอดูที่เจ็บปวดเรื่องลูกสาวก็เอ่อล้นเต็มสองเบ้า ไม่ต่างไปจากพัคชางโฮที่น้ำตาก็นองหน้าเช่นกัน เขาอยากจะออกไปให้พ้นจากเรื่องบ้า ๆ นี้เต็มทีแล้ว เขาไม่เข้าใจว่าทำไมบิ๊กเมาส์ต้องเลือกเขา ทั้งที่มีลูกกระจ๊อกอยู่ทั่วบ้านทั่วเมือง แต่ลุงบิ๊กเมาส์ก็ตวาดลั่นใส่พัคชางโฮว่า “เพราะฉันไม่สามารถเอาชนะพวกมันได้ถ้าไม่มีนายยังไงล่ะ นายต้องร่วมมือกับฉันจนกว่าจะทำลายมันจนย่อยยับ”

จังหวะนี้เอง พัคชางโฮถึงกับหัวเราะออกมาทั้งน้ำตา และได้ยื่นข้อเสนอให้กับลุงบิ๊กเมาส์ ข้อเสนอที่ว่านี้คือเขาจะจับตัวลุงเข้าคุกในฐานะบิ๊กเมาส์ตัวจริง ซึ่งลุงก็ยอมตามแผนการของพัคชางโฮ แถมยังบอกด้วยว่ารู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไปทั้งหมด … หืม

ระหว่างนั้นลุงบิ๊กเมาส์ก็ได้รับโทรศัพท์ที่ปลายสายแจ้งว่า ตอนนี้โกมีโฮกำลังตกอยู่ในอันตราย พัคชางโฮจึงรีบไปช่วยทันที

พัศดีซูชอนเล็งปืนไปที่โกมีโฮแต่ยังไม่ทันได้ลั่นไก พัคชางโฮก็เข้ามาช่วยเอาไว้ได้ทัน เขากระหน่ำหมัดเข้าใส่พัศดีบ้าอำนาจไม่ยั้งจนสลบเหมือดไปกับพื้น จากนั้น พัคชางโฮก็เข้าสวมกอดภรรยาด้วยความเป็นห่วงและโล่งอกที่เธอปลอดภัย … ในเวลาเดียวกันนั้น อดีตพัศดีก็ปรากฏตัวขึ้น เขาจัดการปลิดชีวิตพัศดีซูชอนเพื่อชำระแค้น แล้วคืนแห่งความบ้าคลั่งในเรือนจำกูชอนก็จบลงตรงนี้

ในคืนเดียวกันนั้น อัยการลูกน้องกงจีฮุนและนายกชเวก็เดินทางมาที่เรือนจำกูชอน แล้วพัคชางโฮก็จับลุงบิ๊กเมาส์ใส่กุญแจมือส่งตัวให้ดำเนินคดีง่าย ๆ แบบนี้เลย

ผลที่ตามมาก็คือ อัยการถอนฟ้องพัคชางโฮ ตอนนี้ไม่เพียงเขาจะได้รับอิสรภาพ แต่เขายังได้กลายเป็นทนายเบอร์หนึ่งของเกาหลีที่สามารถจับบิ๊กเมาส์ตัวจริงได้อีกด้วย เรียกได้ว่าจู่ ๆ ทนายปลายแถวที่มีอัตราการชนะคดีไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ก็กลายเป็นทนายเบอร์หนึ่งไปซะอย่างงั้น ไม่เท่านั้น พัคชางโฮยังได้เปิดสำนักงานกฎหมายที่ใหญ่โต ที่มีลูกความโทร. ติดต่อมาจ้างเป็นจำนวนมาก

แต่ลูกความคนสำคัญที่สุดของทนายพัคชางโฮในเวลานี้ก็คือลุงบิ๊กเมาส์ วันนี้เขาได้ยื่นเอกสารขอให้ลุงบิ๊กเมาส์เซ็นเอกสารยอมรับผิดทุกข้อกล่าวหา แล้วเขาจะยื่นประกันตัวให้ … ซึ่งจริง ๆ ก็ไม่น่าประกันตัวได้ แต่อยู่ดี ๆ นายกชเวก็ไปขอร้องกับ “ท่าน” ให้เดินเรื่องให้ประกันตัวบิ๊กเมาส์ซะอย่างนั้น

ลุงบิ๊กเมาส์ได้รับประกันตัวออกมา พัคชางโฮพาลุงบิ๊กเมาส์มาที่ร้านอาหารชื่อบิ๊กเมาส์ ก่อนที่จะนัดให้พัคชางโฮมาที่นี่ในเวลาสามทุ่มเพื่อเจอกับบุคคลปริศนา คนที่ขอร้องให้ลุงบิ๊กเมาส์ช่วยชีวิตพัคชางโฮจากเงื้อมมือของกงจีฮุนนั่นแหละ

แต่เมื่อพัคชางโฮออกมานอกร้าน ไม่นานหลังจากนั้น อาคารที่เป็นที่ตั้งของร้านอาหารบิ๊กเมาส์ก็เกิดระเบิดขึ้นดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งบริเวณ !?

EP.13 เอ็นอาร์ฟอรัม

ที่แท้ ผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ระเบิดร้านอาหาร จนทำให้คุณลุงบิ๊กเมาส์เสียชีวิตไปก็คือท่านผู้อาวุโสนั่นเอง

นายกชเวที่อยู่ภายในห้องส่วนตัวกับท่านผู้อาวุโสจึงกล่าวด้วยความกังวลว่า เขาคิดว่าพัคชางโฮคือคนที่น่ากลัวกว่าตาลุงบิ๊กเมาส์นั่นเสียอีก เขาจึงแนะนำให้ผู้อาวุโสสั่งเก็บพัคชางโฮไปด้วยอีกคน แต่ทว่า คำตอบของท่านผู้อาวุโสกลับย้อนแย้งตรงกันข้ามซะอย่างนั้น ท่านบอกว่าไม่ชอบการสั่งฆ่าใคร จะทำก็ต่อเมื่อถึงคราวจำเป็นเท่านั้น แถมยังเตือนนายกชเวให้ทำตัวขาวสะอาดเข้าไว้ เพราะกำลังจะเข้าสู่เส้นทางการเมือง

เมื่อยืมมือท่านอาวุโสไม่ได้ นายกชเวจึงไปสั่งนักฆ่าของตัวเองไปเก็บพัคชางโฮ

นักฆ่ากำลังลงมือสังหารพัคชางโฮด้วยการใช้มีดปาดคอ ทันใดนั้นเอง เจอร์รี่ก็เข้ามาช่วยพัคชางโฮเอาไว้ได้ทัน จากนั้นเขาก็พาพัคชางโฮไปที่โบสถ์แห่งหนึ่งที่กำลังจัดงานศพให้คุณลุงบิ๊กเมาส์ ที่นั่นมีแขกระดับวีไอพีในองค์กรบิ๊กเมาส์มาร่วมมากมาย แต่ละคนล้วนแล้วแต่เป็นคนที่คุณลุงบิ๊กเมาส์เคยช่วยเหลือ ณ จุดนี้ พัคชางโฮจึงได้รู้ว่า พัศดีพัคคือเบอร์สามขององค์กรบิ๊กเมาส์

ระหว่างที่ผู้มาร่วมงานอยู่ในภาวะโศกเศร้า ผู้จัดงานก็ได้เปิดคลิปของคุณลุงบิ๊กเมาส์ที่บันทึกเอาไว้ก่อนเสียชีวิตว่า เขาเจอคนที่สามารถนำองค์กรต่อไปได้แล้ว คนคนนั้นคือพัคชางโฮ !

แต่คนที่ไม่เห็นด้วยคือพัศดีพัค ที่มองว่าอยู่ดี ๆ พัคชางโฮก็มาชุบมือเปิบยึดเอาองค์กรไปอย่างหน้าตาเฉย ระหว่างที่กำลังโต้เถียงกันอยู่นั้น ทนายซุนแท เพื่อนสนิทของพัคชางโฮก็เดินเข้ามา พร้อมกับแนะนำตัวเองว่าเป็นเบอร์สองขององค์กร และเป็นคนถ่ายคลิปที่คุณลุงบิ๊กเมาส์ยกตำแหน่งผู้นำองค์กรให้พัคชางโฮด้วยตัวเอง

งงสิครับ พัคชางโฮงงเป็นไก่ตาแตกว่า เพื่อนสนิทของเขาไหงกลายมาเป็นเบอร์สองขององค์กรบิ๊กเมาส์ไปได้ และโกรธมากที่เพื่อนสนิทลากเขาเข้ามาวุ่นวายกับเรื่องบ้า ๆ เหล่านี้ … ทนายซุนแทอธิบายว่าที่ต้องลากพัคชางโฮเข้ามา เพราะไม่อยากเห็นเขาตายด้วยน้ำมือของพวกคนชั่ว และคนที่ลากเขาเข้ามาสู่เรื่องนี้ตัวจริงก็คือนายกชเว

อย่างไรก็ตาม พัคชางโฮยังไม่ตัดสินใจว่าจะรับตำแหน่งบิ๊กเมาส์คนใหม่หรือเปล่า เขาเล่าความจริงทุกอย่างและถามความเห็นโกมีโฮกับพ่อตา คำตอบคือ พ่อตาไม่เห็นด้วย ส่วนโกมีโฮสนับสนุนให้สู้จนถึงที่สุด เพราะตอนนี้มีคนไข้ที่นอนรอความตายอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นจำนวนมาก ที่รอคอยความช่วยเหลือ สรุปคือพัคชางโฮยอมรับตำแหน่งบิ๊กเมาส์

ถึงตรงนี้ ทนายซุนแทจึงได้เล่าความจริงทั้งหมดให้พัคชางโฮฟัง เรื่องมันเริ่มจากลูกสาวของคุณลุงบิ๊กเมาส์เป็นนักข่าวที่ทำเรื่องขุดคุ้ยโปรเจกต์ลับของท่านผู้อาวุโส วันหนึ่งเธอได้หายตัวไป และหลายปีต่อมาก็มีคนพบเธอเหลือแค่โครงกระดูก พร้อมสมุดบันทึกที่เขียนข้อความด้วยลายมือว่างานวิจัยของหมอซอ จากนั้นหมอซอก็โดนฆ่าปิดปากก่อนที่จะมีการสอบสวน

เมื่อช่องทางตามกฎหมายเจอทางตัน บิ๊กเมาส์จึงส่งคนเข้าไปทำงานกับกงจีฮุนเพื่อเป็นหนอนสืบข่าว แต่มันกลับโลภ ยักยอกทองคำมูลค่า 1.4 แสนล้านวอนไปแล้วโยนความผิดว่าเป็นการกระทำของบิ๊กเมาส์ ส่วนคนที่ขุดเอาทองคำมูลค่ามหาศาลนี้ไปก็คือนายกชเว

เอ็นอาร์ฟอรัม

และงานแรกที่พัคชางโฮสั่งในฐานะบิ๊กเมาส์คือ ต้องการข้อมูลทั้งหมดของท่านอาวุโส หรือบางคนเรียกว่าท่านประธานคัง …

ย้อนกลับไปเมื่อหลายสิบปีก่อน กูชอนเป็นเมืองชนบทที่ห่างไกลความเจริญ จนได้กลุ่มคนกลุ่มแรกเข้ามาพัฒนาเมือง โดยมีท่านอาวุโสหรือประธานคังเป็นหัวเรือใหญ่ในการก่อตั้งโปรเจกต์ลับที่ชื่อว่าเอ็นอาร์ฟอรัม จนกูชอนกลายเป็นเมืองที่เจริญและทันสมัยอย่างที่เป็นในทุกวันนี้

เอ็นอาร์ฟอรัมทำธุรกิจแทบทุกอย่างในเมืองกูชอน แต่มีธุรกิจหนึ่งที่ดูจะมีปัญหา นั่นก็คือธุรกิจผลิตสารเคมี (ที่อาจเป็นสาเหตุของการมีผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก)

ตัดภาพมาที่ ผอ.ฮยอนจูฮีที่ได้อ่านรายงานเรื่องสารพิษรั่วไหล เธอไปพบท่านผู้อาวุโสด้วยความโกรธ เธอไม่เห็นด้วยเลยแม้แต่นิดเดียวกับธุรกิจสารเคมี เพราะมันทำให้มีคนป่วยเพิ่มมากขึ้นจนเกินขีดจำกัดที่โรงพยาบาลจะรับไหว แต่ท่านผู้อาวุโสก็ตอบกลับไปว่า “มันเป็นความเจ็บปวดที่ต้องยอมรับเพื่อแลกกับความเจริญที่ได้มา” และท่านก็บอกอีกด้วยว่า เรื่องนี้มันถูกปิดเป็นความลับมาหลายสิบปีแล้ว เขาอยากให้มันยังเป็นอย่างนั้นต่อไป สิ่งที่เขาทำให้กับเมืองนี้มันทำให้เขาภูมิใจ และไม่มีทางที่จะหยุดมันกลางคัน

คนที่ดูจะงง ๆ กับปฏิกิริยาของ ผอ.ฮยอนจูฮีก็คือนายกชเว ที่ไม่เข้าใจว่าเธออยู่กับเรื่องแบบนี้มาตั้งหลายสิบปี แต่ทำไมจู่ ๆ ถึงทนไม่ได้กับเรื่องนี้ในตอนนี้

ผอ.ฮยอนจูฮีสั่งให้หัวหน้าพยาบาลทำลายห้องแล็บทิ้ง โดยต่อมาเธออ้างกับท่านผู้อาวุโสว่า เธอย้ายแล็บไปที่อื่นเพื่อความปลอดภัย จากนั้นก็ขอหุ้นที่กงจีฮุนถืออยู่ในบริษัทหนังสือพิมพ์ทั้งหมด ซึ่งท่านผู้อาวุโสก็ตอบตกลง งานนี้กงจีฮุนตกกระป๋องอย่างแท้จริง

นายกชเวประกาศกับนักข่าวว่าเขาจะลงสมัคร ส.ส. เมื่อพัคชางโฮได้เห็นข่าวนั้นจึงปิ๊งวิธีในการเข้าหาท่านผู้อาวุโส เขาสั่งให้ทนายซุนแทจัดงานแถลงข่าวให้ใหญ่โตที่สุดเท่าที่เคยมีมา และเมื่อถึงวันแถลงข่าว พัคชางโฮก็ได้ประกาศว่าตัวเขาจะลงสมัคร ส.ส. ด้วยเหตุผลที่ว่านายกชเวเข้าไปพัวพันกับเรื่องราวทุจริตมากมาย และเขาต้องการเปิดโปงเรื่องเหล่านี้ให้ทุกคนได้รู้

ต่อจากนั้น พัคชางโฮก็ขอเข้าพบท่านผู้อาวุโสในฐานะผู้ลงสมัคร ส.ส.เมืองกูชอน

EP.14 ท่านผู้อาวุโส

พัคชางโฮได้พบกับท่านผู้อาวุโส แล้วก็ร่ายยาวเรื่องที่แต่งขึ้นมา โดยบอกว่าตอนนี้มีบิ๊กเมาส์คนใหม่ที่น่ากลัวบิ๊กเมาส์คนเก่าขึ้นมารับตำแหน่งแทน มันได้จับตัวครอบครัวของเขาไป ทางเดียวที่ครอบครัวของเขาจะปลอดภัยก็คือต้องสังหารท่านผู้อาวุโส

จากนั้น พัคชางโฮก็เล่าเรื่องงานวิจัยของหมอซอที่ท่านผู้อาวุโสสงสัยว่า ทำไมพวกบิ๊กเมาส์ถึงอยากได้มันนัก เขาจึงเล่าว่า ลูกสาวของบิ๊กเมาส์ที่มีอาชีพเป็นนักข่าว เสียชีวิตระหว่างทำข่าวสืบสวนสอบสวนที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยของหมอซอ

สุดท้ายพัคชางโฮได้บอกว่าที่มาที่นี่ก็เพื่อมาพึ่งใบบุญของท่านผู้อาวุโสให้ช่วยครอบครัวของเขา และเขายังขอตำแหน่งนายกเมืองกูชอนเพื่อจัดการโค่นองค์การบิ๊กเมาส์ให้สิ้นซาก ก่อนที่พัคชางโฮจะซื้อใจท่านผู้อาวุโสด้วยการมอบรายชื่อคนในองค์กรบิ๊กเมาส์ ที่กำลังแทรกซึมอยู่ตามหน่วยงานที่ต่าง ๆ ในเมืองนี้ … พูดง่าย ๆ คือพัคชางโฮจะทำหน้าที่เป็นนกสองหัวสายลับสองหน้าให้ท่านผู้อาวุโสนั่นเอง

ระหว่างนั้น กงจีฮุนแนะนำท่านผู้อาวุโสว่าควรเก็บพัคชางโฮเอาไว้จะมีประโยชน์มากกว่า ส่วนนายกชเวมองว่าพัคชางโฮอันตรายเกินกว่าที่จะเก็บเอาไว้ แต่สรุปคือ ท่านผู้อาวุโสเลือกที่จะเอาพัคชางโฮมาเป็นพวกซะอย่างนั้น … หืม !?

กระชากหน้ากาก

เรื่องราวดำเนินไป พัศดีพัคก็ยิ่งไม่พอใจพัคชางโฮมากขึ้นเป็นลำดับ เขามองว่าพัคชางโฮชุบมือเปิบทุกอย่างไป เขาจึงตัดสินใจไปร่วมมือกับนายกชเวเพื่อกำจัดพัคชางโฮ

วันนี้เป็นวันเกิดของท่านผู้อาวุโส มีแขกเหรื่อมาร่วมงานมากมาย แต่วันนี้พัคชางโฮติดธุระด่วนไม่สามารถไปร่วมงานได้ โกมีโฮจึงไปร่วมงานเพียงลำพัง

ระหว่างงานเลี้ยงกำลังดำเนินไป นายกชเวก็ได้รับสายวิดีโอคอลจากพัศดีพัค ภาพที่นายกชเวเห็นเป็นภาพพัคชางโฮนั่งอยู่บนเก้าอี้ถูกจับเอามือไพล่หลังด้วยเชือกขนาดใหญ่ ไม่นานนัก พัศดีพัคก็เหนี่ยวไกลั่นกระสุนใส่พัคชางโฮ เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ พัคชางโฮตายแล้วจริง ๆ เหรอ ?

เจอร์รี่ที่ตอนนั้นแอบดูเหตุการณ์ตอนทื่พัศดีพัคลั่นกระสุนใส่ร่างพัคชางโฮ ก็รีบโทร. ไปแจ้งข่าวกับโกมีโฮทันทีว่า พัคชางโฮตายด้วยคมกระสุนของพัศดีพัคแล้ว … โกมีโอที่รู้ข่าวร้ายของสามีสุดที่รักก็ร้องไห้ออกมาอย่างสติแตก เธอร้องไห้ออกมาไม่หยุด จนพักหนึ่งก็สลบหมดสติไป

ความตายของคนคนหนึ่ง มีคนที่เสียใจก็ย่อมมีคนที่ดีใจ นายกชเวยิ้มแก้มปริหัวเราะออกมาไม่หยุด ขณะที่ดูวิดีโอคอลไลฟ์สดตอนที่ศัตรูตัวสำคัญโดนฆ่า มันเป็นเสียงหัวเราะของผู้ชนะอย่างแท้จริง … เมื่อวางสายวิดีโอคอล นายกชเวก็รีบเดินทางไปยังที่เกิดเหตุเพื่อหาพัศดีพัค

ที่นั่น ลูกน้องของพัศดีพัคกำลังเก็บกวาดล้างคราบเลือด นายกชเวยิ้มแทบไม่หุบตลอดเวลา แล้วพัศดีพัคก็ใช้คำถามชี้นำเพื่อให้นายกชเวพูดเรื่องที่อยากฆ่าท่านผู้อาวุโสให้ตายคามือ นายกชเวแสดงความเกลียดชังที่ตัวเองมีต่อท่านผู้อาวุโสออกมา โดยที่ไม่รู้เลยว่ามีกล้องกำลังบันทึกภาพอยู่

ในเวลาเดียวกันนั้น พัคชางโฮก็เปิดคลิปให้ท่านผู้อาวุโสดูความเกลียดชังที่นายกชเวเก็บซ่อนเอาไว้มาตลอด จากนั้นเขาก็เล่าประวัติของนายกชเวว่า แท้จริงแล้วเป็นหลานของปู่แจซู ผู้ร่วมก่อสร้างเมืองนี้และเป็นเพื่อนักของท่านผู้อาวุโส … ท่านผู้อาวุโสจึงบอกว่าเขาจะจัดการเรื่องนี้ด้วยวิธีของเขาเอง

ตัดภาพมาที่โรงพยาบาล … โกมีโฮนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยด้วยสีหน้าที่เศร้าหมอง แต่ก็ถึงกับตกใจหน้าถอดสีเมื่อเห็นพัคชางโฮมายืนอยู่ข้างเตียง เขายังไม่ตาย ! ใช่ พัคชางโฮกล่าวขอโทษภรรยาสุดที่รัก ก่อนที่เขาจะเล่าความจริงทั้งหมดว่ามันเป็นเพียงแค่แผนการหลอกให้นายกชเวติดกับ

ท่านผู้อาวุโสนั่งอยู่บนรถเข็นวีลแชร์มีสายน้ำเกลือห้อยระโยงระยาง เขาได้แต่พร่ำถึงเรื่องปู่แจซู เพื่อนรักที่ร่วมก่อร่างสร้างเมืองกูชอนนี้มาด้วยกัน แต่ด้วยความขัดแย้งเรื่องการพัฒนาสารเคมีทำให้ท่านผู้อาวุโสจำเป็นต้องเลือกกำจัดเพื่อน เพื่อความเจริญก้าวหน้าซึ่งเป็นประโยชน์ของคนส่วนรวม

ระหว่างที่ท่านผู้อาวุโสกำลังรำลึกและสำนึกผิดกับอดีตกับสิ่งที่ตัวเองทำ จู่ ๆ นายกชเวก็ปรากฏกายขึ้นเบื้องหน้าผู้อาวุโส โดยบอกว่าเป็นอย่างไรบ้างล่ะที่ถูกคนที่ตัวเองไว้ใจหักหลัง แล้วอยู่ดี ๆ อาการของท่านผู้อาวุโสก็ทรุดลงอย่างรวดเร็ว เหมือนกับมีใครใส่ยาบางอย่างเอาไว้ในน้ำเกลือ ไม่นานนักท่านผู้อาวุโสก็หัวใจวายตายคารถเข็นไปอย่างน่าอนาถ

แล้วนายกชเวก็เอานิ้วมือจากร่างที่ไร้วิญญาณของท่านผู้อาวุโสไปสแกนเปิดตู้เซฟ แล้วสับเปลี่ยนพินัยกรรมกับฉบับที่เขาเตรียมมา

ในพิธีศพของท่านผู้อาวุโส … พัคชางโฮเดินทางมาเคารพศพของท่านผู้อาวุโส ท่ามกลางความแปลกใจของนายกชเวที่เข้าใจว่าเขาตายไปแล้วด้วยคมกระสุนของพัศดีพัค แต่ไม่ทันที่นายกชเวจะหายตกใจ พัคชางโฮก็เคลื่อนหน้าไปกระซิบที่ข้าง ๆ หูของนายกชเว “คงตกใจมากใช่มั้ยที่รู้ว่าฉํนยังไม่ตาย แล้วฉันจะทำให้คนทั้งโลกได้รู้ความเลวทรามต่ำช้าของแก”

ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น โกมีโฮที่พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลมีอาการเลือดออกในช่องปาก และเลือดกำเดาไหลอย่างไม่ทราบสาเหตุ เธอเป็นอะไรนะ หรือจะเป็นผลกระทบที่เกิดจากสารเคมี !!?

EP.15 บิ๊กเมาส์ที่ดีมีคุณธรรม

ถึงวันเปิดพินัยกรรมของท่านผู้อาวุโส คนที่ดูชิลที่สุดก็เห็นจะเป็นกงจีฮุน เพราะเขาเคยเห็นข้อความในพินัยกรรมนั่นมาก่อนแล้ว แต่เมื่อทนายประกาศว่าท่านผู้อาวุโสได้เขียนพินัยกรรมขึ้นมาใหม่ก่อนที่ท่านจะเสียหนึ่งสัปดาห์ กงจีฮุนก็ถึงกับหน้าถอดสี

และมันก็เป็นอย่างที่กงจีฮุนกลัวจริง ๆ พินัยกรรมระบุยกกิจการในเครือทั้งหมดให้ฮยอนจูฮี ส่วนที่เหลือก็ยกให้นายกชเว ณ จุดนี้คนที่ยิ้มจนแก้มปริก็คือตัวนายกชเว ก็เล่นกวาดเรียบทุกอย่างไม่แบ่งให้ใครเลย ส่วนคนที่หัวเสียสุด ๆ ก็คือกงจีฮุน แต่ก็ได้แค่ออกท่าออกทางกระฟัดกระเฟียด เพราะยังไงซะตอนนี้ทุกอย่างตกอยู่ในกำมือนายกชเวทั้งหมดแล้ว

ระหว่างขับรถกลับบ้าน นายกชเวแกล้งตีมึนพูดกับภรรยาว่า ทำไมท่านผู้อาวุโสถึงได้ให้ทรัพย์สมบัติกับเขามากมายขนาดนี้ แต่ฮยอนจูฮีก็บอกให้เขาไม่ต้องสนใจอะไรทั้งนั้น แค่ใช้ชีวิตของเราไปตามปกติก็พอแล้ว

ส่วนคนที่นั่งไปติดพื้นก็คือกงจีฮุน เขาได้แต่หัวฟัดหัวเหวี่ยงที่อยู่ดี ๆ ก็มาโดนชุบมือเปิบขโมยทุกสิ่งทุกอย่างไปต่อหน้าต่อตา มันทำให้เขานึกถึงคำพูดของพัคชางโฮที่เคยพูดเอาไว้ว่า “ผู้อาวุโสถูกฆาตกรรม” เมื่อนึกได้ดังนั้น เขาจึงติดต่อขอนัดเจอกับพัคชางโฮทันที

กงจีฮุนขอให้พัคชางโฮช่วย และสารภาพตามตรงว่าตอนนี้เขาตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก อีกทั้งยังขอโทษกับเรื่องต่าง ๆ ที่ผ่านมาด้วย แถมสุดท้ายยังบอกด้วยว่าจะสนับสนุนให้พัคชางโฮได้ขึ้นเป็นนายกเทศมนตรีเมืองกูชอน

เมื่อได้รับข้อเสนอสุดพิเศษขนาดนี้ พัคชางโฮจึงเบิกเนตรกงจีฮุนไปว่า ทุกอย่างเป็นแผนการของนายกชเว ที่มีตัวตนจริง ๆ เป็นหลานของเพื่อนรักผู้ร่วมสร้างความเจริญให้กับเมืองกูชอน แต่ด้วยความขัดแย้งบางอย่าง ทำให้ผู้อาวุโสตัดสินใจสั่งเก็บเพื่อนรักคนนั้นทิ้ง ต่อมาเมื่อผู้อาวุโสรู้เรื่องนี้ได้ไม่นาน ก็โดนนายกชเววางแผนฆ่าจัดฉาก แล้วทำการปลอมแปลงพินัยกรรม

กงจีฮุนได้รู้ความจริงแล้วก็อดงงไม่ได้ว่านายกชเวทำเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ได้อย่างไร แต่ก็เถอะนะ พัคชางโฮบอกให้กงจีฮุนสนับสนุนให้เขาขึ้นเป็นนายกเทศมนตรีเมืองกูชอนให้ได้ แล้วเขาจะจัดการเอานายกชเวมาลงโทษตามกระบวนการทางกฎหมายด้วยตัวเอง

วันต่อมา นายกชเวประกาศลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีอีกหนึ่งสมัย โดยพูดต่อหน้าสื่อว่าเขาต้องการพัฒนาและทำเพื่อประชาชนชาวกูชอน … แต่ความจริงเหตุผลคืออะไรน่ะเหรอ ก็เพื่อขัดแข้งขัดขาพัคชางโฮยังไงล่ะ นายกชเวไม่ต้องการให้พัคชางโฮขึ้นมามีอำนาจในเมืองนี้

บิ๊กเมาส์ที่แสนดี

ที่โรงพยาบาล … โกมีโฮนั่งคอตก หลังหมอบอกผลตรวจว่าเธอเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดเฉียบพลันระดับสี่ และต้องเข้าทำเคมีบำบัดโดยด่วน

โกมีโฮกำลังคิดอะไรบางอย่าง เธอคิดที่จะเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับ เพราะไม่อยากให้อาการป่วยของเธอเป็นตัวฉุดแผนการของพัคชางโ

ในตอนนี้ พัคชางโฮออกหาเสียงกับชาวเมืองจนมีคะแนนนิยมตีตื้นขึ้นมาเป็นอันดับสาม ในคืนนั้นจึงมีการเลี้ยงฉลองกัน โกมีโฮก็มาร่วมงานด้วย ทุกคนมีแต่รอยยิ้มที่เปี่ยมสุข จนเวลาล่วงเข้าไปกลางดึก โกมีโฮที่ดื่มเข้าไปจนเมามายจูงมือพัคชางโฮมาเดินเล่นริมชายหาด …

“นายเคยโกหกฉันใช่ไหม ? บอกมาเถอะว่ามีเรื่องอะไรปิดบังฉันหรือเปล่า” โกมีโฮเอ่ยปากถาม พัคชางโฮทำท่ายิ้ม ๆ บิดไปบิดมาเหมือนพยายามใช้ภาษากายแทนคำพูด แล้วถามกลับไปว่า “ก็ … เอ่อ … แล้วเธอล่ะ ไม่เคยโกหกฉันเลยเหรอ ?”

โกมีโฮจึงสารภาพไปตามตรงว่า จะเป็นไปได้ยังไงที่คนเราจะไม่เคยโกหกคนอื่นเลยสักครั้ง พัคชางโฮจึงยิ้มออกมา “ใช่ไหมล่ะ เวลาที่เราคิดถึงคนอื่น บางครั้งเราก็ต้องโกหกบ้าง”

โกมีโฮจ้องตาพัคชางโฮอยู่นานหลายวินาทีโดยที่ไม่พูดอะไร หลายวินาทีที่ผ่านไปนั้นมีแต่เสียงคลื่นกับความมืดของท้องทะเลที่เป็นฉากหลัง แล้วเธอก็ยิงคำถามออกไป “นายเป็นบิ๊กเมาส์ใช่มั้ย …” พัคชางโฮก้มหน้าแทนคำพูด “… แหงล่ะ ทุกคนเชื่อฟังคำพูดของนายขนาดนั้นเป็นใครก็รู้”

พัคชางโฮพยายามอธิบายเหตุผลที่เขามาเป็นบิ๊กเมาส์ แต่เขายังพูดไม่ทันจบ โกมีโฮก็พูดขัดขึ้นมา พร้อมกับรอยยิ้มเล็ก ๆ ในแววตาของเธอ มันเป็นรอยยิ้มของคนที่รู้สึกศรัทธากับอะไรบางอย่าง “ฉันอยากให้นายเป็นบิ๊กเมาส์ที่ดีนะ …” โกมีโฮอธิบายคำว่าบิ๊กเมาส์ที่ดี “… ก็คนที่ลงโทษพวกคนชั่วที่เอาแต่รังแกคนที่ไม่มีอำนาจไงล่ะ ฉันอยากให้นายเป็นบิ๊กเมาส์ที่ดีมีคุณธรรมแบบนี้นะ”

จากนั้น โกมีโฮก็ขอขึ้นขี่หลังพัคชางโฮ ระหว่างนั้น ทั้งสองก็ได้คุยกันถึงเรื่องความหลังในอดีตอันแสนสุข

ใส่ร้ายป้ายสี

การขับเคี่ยวแข่งขันบนเส้นทางเข้าสู่ตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองกูชอนยังคงดำเนินไปอย่างดุเดือด พัคชางโฮเตรียมตัวอย่างหนักในการขึ้นเวทีดีเบต ซึ่งอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการเลือกตั้ง … แต่สำหรับโกมีโฮนั้นได้แต่นับวันถอยหลังช่วงเวลาของชีวิตที่เหลืออยู่

เช้าวันหนึ่ง ข่าวทีวีรายงานไปทั่วทั้งเมืองกูชอนว่า อัยการผู้รับผิดชอบคดีฉ้อโกงประชาชนที่พัคชางโฮเคยแพ้คดี (เมื่อตอนต้นเรื่อง) ได้ออกมาบอกว่า มีผู้ต้องหาคนหนึ่งในคดีนั้นออกมายอมรับว่า เคยให้เงินก้อนโตกับพัคชางโฮเพื่อให้ยอมแพ้คดี หลังข่าวนี้กระจายออกไปก็กลายเป็นกระแสลบท้นที พัคชางโฮอาจหมดอนาคตทางการเมืองตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มก็เป็นได้ … ถึงอย่างนั้นก็เถอะ พัคชางโฮยังเดินหน้าต่อไป เพราะอุตส่าห์มาถึงขั้นนี้แล้ว

รุ่งขึ้น พัคชางโฮเดินทางไปยังห้องส่งสถานีโทรทัศน์เพื่อเตรียมตัวดีเบต สีหน้าของเขาเรียบเฉย แต่เหมือนแฝงความมั่นใจอะไรบางอย่างเอาไว้ …

EP.16 เธอคือทุกส่ิงอย่างในชีวิต (ตอนจบ)

ณ ห้องส่งสถานีโทรทัศน์ … การดีเบตของเหล่าผู้ลงสมัครชิงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองกูชอนได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว พัคชางโฮพยายามใช้เวลาที่มีอย่างจำกัดให้เป็นประโยชน์มากที่สุด โดยการพุ่งเข้าประเด็นการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทต่าง ๆ ขณะที่นายกชเวอยู่ในตำแหน่ง

แต่ทุกอย่างก็ถูกเตี๊ยมเอาไว้หมดแล้ว เมื่อนายกชเวโดนรุกไล่อย่างหนัก ผู้ดำเนินรายการจึงขัดจังหวะซะอย่างนั้น ทำให้นายกชเวได้มีโอกาสตอกกลับใส่พัคชางโฮ ในเรื่องอื้อฉาวที่เคยรับเงินเพื่อยอมแพ้ในคดีฉ้อโกงประชาชน

การดีเบตเข้มข้นดุเดือด สูสี แต่นายกชเวดูจะมีเปรียบมากกว่า ถึงอย่างนั้นก็เถอะ พัคชางโฮก็พยายามใช้ทุกวินาทีให้มีค่ามากที่สุด เขาจี้เรื่องการที่นายกชเวยกเลิกกฎหมายการจัดการสารพิษที่มีอันตรายชนิดพิเศษ เป็นเพราะนายกชเวถือหุ้นอยู่ในบริษัทสารเคมี และยังส่งผลให้ผู้ป่วยมะเร็งในเมืองกูชอนสูงกว่าเมืองอื่นโดยทั่วไปมากถึง 20 เท่า

ข้อกล่าวหาเรื่องโรงงานสารเคมีของพัคชางโฮดูหนักแน่นและมีน้ำหนัก แต่ทว่า นายกชเวก็ตอบกลับไปอย่างชิล ๆ ว่า เรื่องที่พัคชางโฮว่ามาทั้งหมดนั้น ไม่มีอะไรเป็นความจริงเลยแม้แต่นิดเดียว แถมโรงงานสารเคมีที่ว่าเนี่ย ยังเป็นส่วนสำคัญที่ทำใ้ห้เมืองกูชอนพัฒนาสู่ความเจริญได้อย่างที่เห็นในทุกวันนี้

พัคชางโฮตอกใส่นายกชเวด้วยข้อมูลที่ลึกไปกว่าเดิมอีก โดยระบุว่าสารเคมีที่โรงงานแห่งนี้ผลิด เป็นสารที่มีชื่อว่า NF9 เป็นสารที่มีประสิทธิภาพสูงที่ใช้ในการผลิตรถยนต์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ แต่ข้อเสียสำคัญของสารนี้ก็คือ รังสีของมันเป็นอันตรายต่อผู้คน (ซึ่งผู้คิดค้นสารชนิดนี้ขึ้นมาก็คือคุณปู่ของนายกชเวนั่นเอง)

เหยื่อสารพิษ NF9

ในอีกด้านหนึ่ง โกมีโฮกับเจอร์รี่ พร้อมด้วยสมุนอีกจำนวนมากได้บุกเข้าไปที่ฟาร์มปลาแห่งหนึ่ง ที่นั่นโกมีโฮได้พบความจริงอันน่าตกตะลึงว่า น้ำในฟาร์มปลาแห่งนี้เป็นน้ำที่รับมาจากโรงงานสารเคมี NF9 (ซึ่งโกมีโฮเคยสัมผัสน้ำที่นี่ตอนเข้ามาช่วยผู้ป่วยก่อนหน้านี้)

น้ำเหล่านี้เป็นน้ำที่ปนเปื้อนสารพิษ และฟาร์มปลาแห่งนี้ก็เป็นฉากบังหน้า ที่ใช้เป็นเส้นทางปล่อยน้ำปนเปื้อนลงสู่ทะเล

เมื่อรู้ความจริงแล้ว โกมีโฮจึงสั่งให้เจอร์รี่เก็บหลักฐานทั้งหมด และรีบไปที่สถานีโทรทัศน์โดยเร็วที่สุด … แผนการก็คือ โกมีโฮจะแฉเรื่องการปล่อยน้ำปนเปื้อนสารพิษกลางรายการสด ดีเบตผู้สมัครนายกเทศมนตรี

โกมีโฮมาถึงสถานีทันเวลา เธอยิงคำถามใส่นายกชเวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “ฉันมายืนอยู่ตรงนี้ในฐานะเหยื่อสารเคมีที่ผลิตโดย NK Chemicals ค่ะ …” ทุกคนตกตะลึงกับสิ่งที่โกมีโฮพูดออกมา พ่อของเธอ พัคชางโฮ เจอร์รี่ ทุกคนจริง ๆ ที่ตกตะลึง หรือแม้แต่นายกชเวก็ถึงกับตาลุกวาวกับสิ่งที่ได้ยิน “… ฉันไม่ได้บอกใครเรื่องนี้ค่ะ เมื่อวันที่ 12 มกราคม เกิดเหตุท่อระบายน้ำใต้ดินระเบิด ฉันโดนน้ำที่ปนเปื้อนสารพิษที่นั่น …”

โกมีโฮพยายามกลั้นน้ำตา และรวบรวมพลังที่จะพูดต่อไป แม้ตาของเธอจะแดงกล่ำ “… หมอวินิจฉัยว่าฉันเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะสุดท้าย” ทุกคนที่อยู่ภายในห้องส่งร้องฮือออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย พัคชางโฮลุกขึ้นยืนเหมือนโดนฟ้าฟาดลงกลางหัวใจ เขามองไปที่ภรรยาของเขา โกมีโฮที่พยายามฝืนยิ้มให้เขา เธอพยายามยิ้มให้เขาจริง ๆ แต่เธอทำไม่ได้ หัวใจต้องแข็งแกร่งแค่ไหนถึงฝืนน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาได้ โกมีโฮก็ไม่มีข้อยกเว้น น้ำตาเธอไหลพรากออกมาทั้งรอยยิ้ม เธอไม่ต้องการให้เวลาที่เหลืออยู่น้อยนิดของเธอเป็นตัวฉุดรั้งแผนการของเขา เธอคิดอย่างนั้นจริง ๆ เธอจึงฝืนยิ้ม ฝืนยิ้มทั้งที่น้ำตาก็ไหลออกมาไม่หยุดต่อหน้าประชาชน

โกมีโฮพยักหน้าเล็ก ๆ ให้กับพัคชางโฮ เป็นภาษากายง่าย ๆ ที่บอกว่า “ไม่เป็นไรนะ” พัคชางโฮก้มหน้าลงเล็กน้อยเหมือนพยายามไม่ให้เธอเห็นน้ำตาของเขา แต่ใครล่ะจะปกปิดน้ำตาของตัวเองได้

นายกชเวเองก็ถึงกับก้มหน้ากุมขมับ แต่มุมปากเขาก็ยิ้มกว้างออกมา เหมือนกับหัวเราะให้กับตลกร้ายที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตอนนี้

แล้วจังหวะนั้นเองคลิปคำรับสารภาพจากผู้จัดการฟาร์มปลาก็ถูกปล่อยออกมา มีน้ำปนเปื้อนสารพิษจำนวนมากถูกปล่อยออกมาจากโรงงาน NK Chemicals จริง และเป็นแบบนี้มาตลอด 30 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้ป่วยเป็นมะเร็งหลายหมื่นคนตลอดเวลาที่ผ่านมา และนี่คือสาเหตุแท้จริงที่ทำใ้ห้นายกชเวยกเลิกกฎหมายจัดการสารพิษ

หลักฐานที่โกมีโฮเอามาเป็นสิ่งที่อาจจะทำให้พัคชางโฮชนะการเลือกตั้ง พัคชางโฮรู้ดี แต่เขาไม่ได้สนใจมันแม้แต่นิดเดียว เขาไม่สนใจไอ้ตำแหน่งบ้า ๆ ทางการเมืองนี้แม้แต่นิดเดียว ถ้ามันต้องแลกด้วยชีวิตผู้หญิงที่เป็นทุกอย่างในชีวิตของเขาอย่างโกมีโฮ พัคชางโฮนั่งลงบนเก้าอี้ตามเดิม แต่หัวใจเขาล่องลอยไปไกลแล้ว

เธอคือทุกสิ่งอย่างในชีวิต

โกมีโฮไปที่สำนักงานเก่าของพัคชางโฮ ตั้งแต่สมัยเขายังเป็นทนายชั้นปลายแถว ที่มีอัตราการชนะคดีไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์ เธอมาที่นี่เพื่อระลึกถึงความหลัง ภาพต่าง ๆ แสดงให้เห็นว่า เธอเป็นคนอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของเขามาตลอด มันเป็นอย่างนี้มาตลอดนับตั้งแต่รู้จักกัน

พัคชางโฮรีบตามมาหาโกมีโฮที่นั่น ประโยคแรกที่เธอเอ่ยออกมา “ฉันว่าตอนนั้นแม้จะมีกินบ้างไม่มีกินบ้าง แต่ก็มีความสุขดีนะ …” โกมีโฮพยายามยิ้ม ยิ้มเพื่อไม่ให้น้ำตาไหลออกมา “… เรามาใช้เวลาที่เหลือให้มีความสุขกันเถอะ” แล้วทั้งสองก็ปลอบประโลมกันด้วยกอดอันแสนอบอุ่น

ต่อมา นายกชเวได้เข้าไปให้การในคดีการปล่อยสารพิษของ NK Chemicals ที่สำนักงานอัยการ ท่านกลางเสียงก่นด่าของประชาชนที่มาดักรอ แต่ก็นั่นแหละ นายกชเวก็ยังชิล ๆ เพราะเขาจะโยนความผิดที่เกิดขึ้นให้กับท่านผู้อาวุโสที่ตายไปแล้วทั้งหมด

ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ อัยการไม่สั่งฟ้องสำนวนคดีของนายกชเว ด้วยเหตุผลที่ว่าหลักฐานไม่เพียงพอ แล้วนายกชเวก็ออกสื่อตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จต่อหน้าประชาชนเมืองกูชอน ว่าเขาไม่รู้เรื่องอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว และหลังจากที่เขาได้กลับมาเป็นนายกเทศมนตรีอีกรอบ เขาจะสั่งให้มีการสอบสวนการบริหารงานของ NK Chimicals ที่เขาถือหุ้นใหญ่โดยละเอียด คือจะออกตัวว่าเขาเป็นเพียงผู้ถือหุ้น แต่ไม่ได้เข้าไปยุ่งกับการบริหาร

แล้วนายกชเวก็กลับขึ้นมามีคะแนนนิยมเป็นที่หนึ่งเหมือนเดิม อย่างกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อนเลย

เรื่องราวดำเนินไปจนถึงวันเลือกตั้ง มันก็เป็นไปตามคาดจริง ๆ นายกชเวชนะการเลือกตั้งอีกครั้ง แต่สิ่งที่เขาไม่ได้คาดเอาไว้ก็คือ เขาถูกภรรยาหักหลัง !

ก่อนหน้านี้ พัคชางโฮบอกฮยอนจูฮีเรื่องที่นายกชเวเป็นคนลงมือฆ่าจัดฉากท่านผู้อาวุโส ตอนแรกเธอก็ไม่เชื่อ ก็เลยไปหลอกถามลูกน้องของนายกชเวจนได้รู้ความจริง ต่อมา ฮยอนจูฮีจึงแอบเอาโทรศัพท์ที่สามารถใช้เป็นหลักฐานเอาผิดนายกชเวไปให้กับพัคชางโฮ แต่ …

แต่นายกชเวรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่า ฮยอนจูฮีจะหักหลัง เขาเลยใช้แผนซ้อนแผน วางกลทุกอย่างให้กลายเป็นว่าโทรศัพท์เครื่องนั้นเป็นของท่านผู้อาวุโส เมื่อเสร็จสิ้นการพิจารณาคดี ศาลจึงมีคำสั่งยกฟ้องนายกชเว

ภาพตัดกลับมาที่แล็บทดลอง ผู้ที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยคือฮยอนจูฮี ร่างของเธอถูกมัดเอาไว้ ไม่นานนักผู้ช่วยพยาบาลและนายกชเวก็เดินเข้ามาในห้อง แล้วก็ฉีดยาบางอย่างเข้าไปในร่างของเธอ

และในเวลาใกล้เคียงกัน บนเตียงผู้ป่วย โกมีโฮนอนจากไปอย่างสงบ โดยมีพัคชางโฮอยู่เคียงข้างไม่ห่าง จวบจนวินาทีสุดท้ายของชีวิตได้มาถึง

แผนการอันดำลึก

นายกชเวมาว่ายน้ำ-ดำน้ำที่สระตามปกติ ที่นั่น พัคชางโฮได้มายืนรออยู่ที่ขอบสระ นายกชเวที่ได้เห็นพัคชางโฮยืนอยู่ก็ยิ้มเยาะ ก่อนจะเอ่ยประโยคกดหัวออกไปว่า “ดีใจด้วยนะที่นายได้เป็นบิ๊กเมาส์ แต่มันจะมีความหมายอะไรล่ะ เพราะนายก็สู้ฉันไม่ได้อยู่ดี”

พัคชางโฮพูดตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่แฝงไปด้วยความรู้สึกน่าสมเพชอยู่ในคำพูด “กลัวโดนเหยียบย่ำเหมือนที่ปู่ตัวเองเคยโดน เลยดิ้นรนจนตัวเองกลายเป็นปีศาจ ระหว่างทางก็ได้แต่เหยียบย่ำคนอื่น” แต่ก็นั่นแหละ ปีศาจจะไปสนใจอะไรกับเรื่องพวกนี้ มันสนใจเพียงสิ่งที่มันได้ และชัยชนะที่มันได้รับก็เท่านั้น

“ตอนแรกฉันก็รู้สึกบาปนะ แต่เมื่อได้รู้ว่าแกไม่เคยสำนึกอะไรเลย ฉันก็โล่งใจ โล่งใจที่ได้รู้ว่ามันไม่ใช่บาป แต่มันเป็นการเก็บกวาดขยะ …” พัคชางโฮยังพูดไม่จบประโยค นายกชเวก็สำลักออกมาเป็นเลือด มันเกิดอะไรขึ้น ? “… มีคนมากมายต้องมาตายเพราะน้ำปนเปื้อนสารพิษที่แกทิ้ง แกก็ควรได้ทุกข์ทรมานในแบบเดียวกัน”

น้ำในสระที่นายกชเวมาดำน้ำ ที่นี่ เป็นน้ำปนเปื้อนสารพิษ !!!

นายกชเวนิ่งอึ้ง ร่างกายนิ่งอยู่อย่างนั้น ช็อก !

“รู้ไหมว่าคนเราสร้างกฎหมายขึ้นมาทำไม ก็เพื่อไม่ให้เราฆ่ากันเองยังไงล่ะ กฎหมายถูกสร้างเพื่อช่วยคน แต่แกไม่ใช้กฎหมาย ฉันก็เลยไม่จำเป็นต้องใช้กฎหมายกับแกเหมือนกัน ลาก่อนนะ” พัคชางโฮพูดจบและเดินจากไป นายกชเวก็ยังคงยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น จนเวลาผ่านไปหลายนาทีต่อมา ร่างของเขาก็ร่วงลงไปในสระน้ำ

บทสรุป

  • เหยื่อสารพิษ NF9 ได้ยื่นฟ้องคดีแพ่งเรียกค่าเสียหายมูลค่ารวม 1 ล้านล้านวอน (ประมาณ 26,200 ล้านบาท) โดยมีพัคชางโฮเป็นทนายความ และได้ใช้งานวิจัยของหมอซอมายื่นเป็นหลักฐานประกอบ
  • กงจีฮุนช่วยผอ.ฮยอนจูฮี ออกมาจากห้องแล็บ จากนั้น เธอได้ขึ้นเป็นพยานในศาล จนสามารถพิสูจน์ได้ว่า NF9 ทำให้ประชาชนเป็นมะเร็งนับหมื่นชีวิตตลอด 30 ปีที่ผ่านมา
  • อดีตสามนักโทษวีไอพีถูกตัดสินคำคุกสิบปี แต่การกลับเข้าคุกครั้งนี้พวกมันไม่ใช่วีไอพีอีกต่อไป พัศดีพัคที่ได้ตำแหน่งคืนสั่งให้เก็บยอดอดีตวีไอพีทั้งสามแทบปางตาย
  • กงจีฮุนได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานอูจองกรุ๊ป
  • สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า สถานพักฟื้น และองค์การเพื่อการกุศลต่าง ๆ ได้รับเงินบริจาคเป็นจำนวนมากจากผู้ไม่ประสงค์ออกนาม (ซึ่งก็คือทองมูลค่า 1.4 แสนล้านวอนที่ยึดจากนายกชเว ทองที่เขาวางแผนโยนความผิดว่าบิ๊กเมาส์เป็นคนขโมยไปจากกงจีฮุน)

สำหรับพัคชางโฮแล้ว ในทุกวันหรืออาจจะทุกวินาทีด้วยซ้ำไป เขายังคงคิดถึงโกมีโฮอยู่เสมอ เขาจำคำที่เธอพูดกับเขาตอนที่เธอขี่หลังที่ชายหาดได้เป็นอย่างดี “ฉันอยากให้นายเป็นบิ๊กเมาส์ที่ดีนะ”

ยามใดที่เขานึกถึงคำพูดนี้ บิ๊กเมาส์คนนี้ก็ได้แต่ยิ้มออกมาเล็ก ๆ เพราะทุกอย่างที่เขาทำก็เพื่อที่จะเป็นบิ๊กเมาส์ที่ดี …

“บิ๊กเมาส์ที่ลงโทษคนชั่ว คนชั่วที่ชอบรังแกคนที่ไม่มีอำนาจ นี่แหละคือบิ๊กเมาส์ที่แสนดีมีคุณธรรม”

จบบริบูรณ์

Photos : ภาพหน้าจอจาก MBC Korea