Skip to content
สรุปเนื้อเรื่อง Nope (2022) ไม่

สรุปเนื้อเรื่อง Nope (2022) ไม่

NOPE : เรื่องราวของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่อันห่างไกล ลึกเข้าไปในเวิ้งหุบเขาและโดดเดี่ยวของรัฐแคลิฟอร์เนีย พวกเขาได้พบเหตุการณ์แปลกประหลาดที่อธิบายไม่ได้ … มันคืออะไรกันแน่ ?

หนังเปิดด้วยการแสดงข้อความจากพระคัมภีร์ไบเบิลบทหนึ่ง (พันธสัญญาเดิม) … “เราจะโยนความโสโครกอันน่ารังเกียจใส่เจ้า ทำให้เจ้าเป็นคนสามานย์ และทำให้ทุกคนมองเห็นความชั่วช้าที่เจ้าได้กระทำ” นาฮูม 3:6

ฉากแรกเปิดมาแสดงให้เห็นภายในห้องส่งรายการแนวซิตคอมยุค 90 ยุคที่โทรทัศน์ยังใช้ระบบส่งสัญญาณแบบอนาล็อก (analog) ที่ซึ่งเกิดเหตุการณ์อันน่าสยดสยองขึ้น ผู้หญิงคนหนึ่งนอนแน่นิ่งไร้สติอยู่กับพื้น ในขณะที่ลิงชิมแปนซีกำลังเดินไปเดินมาด้วยเลือดที่เปรอะไปทั่วทั้งตัว แต่สิ่งอัศจรรย์ได้ปรากฏขึ้นอยู่เบื้องหลัง รองเท้าข้างหนึ่งตั้งขึ้นอยู่กลางห้องส่ง

ตัดภาพมาที่ ‘ฟาร์มม้าเฮย์วูดฮอลลีวูด’ ซึ่งเป็นฟาร์มที่ฝึกม้าเอาไว้ใช้ในการแสดงภาพยนตร์ ที่ตั้งอยู่กลางหุบเขาอันห่างไกล ขณะที่โอทิส เฮย์วูด ซีเนียร์ (รับบทโดย คีธ เดวิด) กำลังเตรียมม้าอยู่ในคอก โอทิส จูเนียร์ (เรียกสั้น ๆ ว่า ‘โอเจ’ รับบทโดย แดเนียล คาลูยา) ลูกชายของเขาก็เดินมาทักทาย จังหวะนั้นเอง มีเสียงแปลก ๆ ดังมาจากบนท้องฟ้า โอทิสจึงเงยหน้าขึ้นไปมอง จู่ ๆ ก็มีวัตถุคล้ายโลหะขนาดเล็กร่วงหล่นลงมาจากบนท้องฟ้าเป็นจำนวนมาก โอเจเห็นพ่อแน่นิ่งไปและตกลงจากหลังม้า เขาจึงรีบพาตัวพ่อไปโรงพยาบาล แต่ดูเหมือนว่ามันจะสายไปเสียแล้ว พ่อของเขาเสียชีวิต โดยผลเอกซเรย์พบเหรียญควอเตอร์มูลค่า 25 เซนต์ทะลุผ่านดวงตาเข้าไปลึกถึงแกนสมอง

โอเจขับรถกลับมาที่ฟาร์มด้วยความเศร้า เขาเห็นม้าตัวที่พ่อขี่มีลูกกุญแจปักอยู่ที่ตัวของมัน … วัตถุเหล่านี้มันตกลงมาจากฟ้าได้อย่างไร ? เขาได้แต่คิดด้วยความมึนงง

6 เดือนต่อมาหลังจากโอทิสตาย … โอเจได้รับช่วงต่อกิจการของพ่อ โดยการนำเจ้าม้าที่ชื่อโกสต์ (Ghost ที่แปลล่าผี) เข้าไปแสดงในโปรเจกต์ของผู้กำกับฯ ชื่อดัง แต่ดูเหมือนว่าโอเจจะไม่ค่อยมีความมั่นใจ ออกแนวประหม่าเมื่ออยู่ท่ามกลางคนมีชื่อเสียง แถมยังพูดไม่ค่อยเก่ง ทำให้ต้องรอเอ็มเมอรัลด์ (เรียกสั้น ๆ ว่า ‘เอ็ม’) น้องสาวของเขาซึ่งมีทักษะในการพูดมากกว่า

เมื่อเอ็มมาถึงก็พูดเป็นต่อยหอย เธอพรีเซนต์ว่าเฮย์วูดฮอลลีวูดทำธุรกิจสตันต์แมนควบคู่ไปกับการฝึกม้า และเป็นฟาร์มม้าที่มีเจ้าของเป็นคนผิดดำแห่งเดียวในฮอลลีวูด จนคนทั้งกองต้องนิ่งฟัง จังหวะนี้เอง เอ็มถือโอกาสให้ความรู้กับคนผิวขาวในกองถ่าย โดยอ้างว่าชายผิวดำขี่ม้าในผลงานการถ่ายภาพเคลื่อนไหวครั้งแรกของเอ็ดเวิร์ด มายบริดจ์ (Eadweard Muybridge) ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของโลกภาพยนตร์ มีชื่อว่าอลิสแตร์ เฮย์วูด เป็นปู่ทวดของเธอ พูดง่าย ๆ ก็คือเธอกำลังโม้ว่าตระกูลของเธอเป็นส่วนหนึ่งในการให้กำเนิดโลกภาพยนตร์ (ซึ่งจริง ๆ แล้วในบันทึกหน้าประวัติศาสตร์ไม่มีใครรู้ว่าชายผิวดำที่ขี่ม้าคนนั้นเป็นใคร)

เอ็มพูดจบแล้วก็เดินออกไปทำธุระอะไรบางอย่าง โอเจที่ตอนนี้อยู่คนเดียวก็เริ่มประหม่าอีกครั้ง เมื่อดาราดัง ผู้ช่วย และเจ้าหน้าที่พร็อพเข้ามารุมล้อมเพื่อเตรียมการถ่ายทำ จังหวะนั้นเอง เจ้าโกสต์เห็นภาพสะท้อนของตัวมันในกระจก ด้วยสัญชาตญาณของม้ามันเลยดีดขาหลังไปโดนข้าวของแตกกระจาย และเกือบไปโดนนักแสดงนำหญิงของเรื่อง พังพินาศ … โอเจ เอ็ม และเจ้าโกสต์โดนถอดออกจากโปรเจกต์

โอเจกับเอ็มเดินทางไปที่สวนสนุกธีมคาวบอยย้อนยุคชื่อ ‘จูปิเตอร์ส เคลม’ เขามีที่นี่เพื่อขายม้า นับตั้งแต่พ่อตายเขาได้ขายม้ากินไปนับสิบตัวแล้วในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา

สวนสนุกแห่งนี้มีเจ้าของชื่อริกกี้ หรือคนมักจะเรียกเขาว่าจู๊ป (รับบทโดย สตีเฟ่น ยอน) เป็นอดีตนักแสดงเด็กชื่อดังในซิตคอมเรื่อง ‘Gordy’s Home’ ที่นี่แม้จะมีขนาดไม่ใหญ่มากแต่ก็มีกิจกรรมและการละเล่นหลายอย่างน่าสนใจ เช่น การถ่ายภาพโดยใช้กล้องโพลารอยด์ที่ติดตั้งเอาไว้ก้นบ่อน้ำ ต้องชะโงกหน้าเข้าไปมองในบ่อน้ำ และภาพที่ได้ก็จะเป็นมุมเสยขึ้นจากก้นบ่อ

โอเจเข้าไปที่ออฟฟิศของจู๊ปเพื่อคุยเรื่องการขายฟาร์ม แต่ยังคุยไม่ทันจะรู้เรื่อง เอ็มก็พูดแทรกขึ้นมาหลังจากเดินดูนู่นดูนี่ในห้อง แล้วเกิดไปสะดุดตาภาพลิงชิมแปนซีที่มีข้อความในภาพว่า “สุขสันต์วันเกิดไอ้ลิงบ้า” ริกกี้เลยเล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์ในอดีตเมื่อเขายังเป็นดาราเด็กในซิตคอมเรื่อง ‘บ้านของกอร์ดี้’ (Gordy’s Home) ในวันนั้นเป็นฉากวันเกิดของกอร์ดี้ (ชิมแปนซี) แต่มันก็เกิดคลุ้มคลั่งขึ้นมา ก่อนจะเข้าทำร้ายทุกคนในกองถ่าย

มันเป็นโศกนาฏกรรมที่เป็นบาดแผลในใจของจู๊ปตั้งแต่วัยเด็ก แต่เขาก็เปิดขายบัตรให้คนเข้ามาดูพิพิธภัณฑ์เหตุสะเทือนขวัญอันเลวร้ายนี้ และใช้มันหากินจนร่ำรวย

เมื่อกลับมาถึงบ้าน เอ็มแสดงความไม่พอใจที่โอเจคิดจะขายฟาร์มของพ่อให้กับจู๊ป แต่เมื่อโอเจเสนอ ‘ปุ๊น’ ชนิดพันลำให้ เอ็มก็กลับมาอารมณ์ดีในทันที … แหม่

โกสต์ – Ghost

ในคืนเดียวกันนั้น โอเจสังเกตเห็นเจ้าโกสต์ไม่ได้อยู่ในคอก เขาจึงลงไปที่พามันเข้าคอก ยังไม่ทันที่โอเจจะถึงตัวเจ้าโกสต์ มันก็วิ่งหนีไปด้วยความตกใจเสียงเพลงที่เอ็มเปิดดังลั่นจากในบ้าน เวลาเดียวกันนั้นโอเจก็ได้ยินเสียงแปลกประหลาดจากบนท้องฟ้า เสียงแบบเดียวกับที่เกิดขึ้นก่อนที่พ่อของเขาจะถูกเหรียญตกลงมาใส่จนตาย แล้วไฟก็ดับพรึ่บไปหลายวินาทีก่อนที่จะติดขึ้นมาอีกครั้ง และเวลานั้นเองที่เขาได้เห็นวัตถุบางอย่างบนท้องฟ้า เขาจึงรีบวิ่งกลับมาที่บ้านทันที

โอเจรีบมาดูภาพบันทึกจากกล้องวงจรปิด แต่มันก็ไม่เห็นอะไรเลยเพราะไฟดับไปเสียก่อน

ตลอดเวลาที่ผ่านมา คนมักจะบอกว่าเหรียญที่ทำให้พ่อของโอเจตายตกมาจากเครื่องบิน เขาเองก็เชื่ออย่างนั้นมาตลอด แต่ตอนนี้เขาเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่ามันเป็นอย่างที่คนเขาว่ากัน เพราะวันนี้เขาได้เห็นวัตถุแปลกประหลาด ที่มีขนาดใหญ่กว่า และเคลื่อนที่เร็วกว่าเครื่องบินมาก ๆ ซึ่งโอเจมั่นใจว่ามันต้องไม่ใช่เครื่องบินอย่างแน่นอน … เอ็มจึงบอกว่า “มันคือยูเอฟโอ”

โคลเวอร์ – Clover

วันรุ่งขึ้น เอ็มจึงปิ๊งไอเดีย เธอชวนโอเจไปที่ร้านขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อซื้อกล้องวงจรปิดมาติดตั้งทั่วทั้งฟาร์ม แผนของเอ็มคือจับภาพยูเอฟโอให้ได้แล้วเอามันไปขาย

สองพี่น้องได้เจอกับพนักงานชื่อแองเจิล (รับบทโดย แบรนดอน เพเรีย) ที่จะมาทำหน้าที่ติดตั้งอุปกรณ์ให้ที่ฟาร์ม โดยแองเจิลเนี่ยเป็นคนเนิร์ดเรื่องยูเอฟโอมนุษย์ต่างดาวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อเห็นสถานที่ที่วางกล้องต่าง ๆ และมุมกล้องที่เงยหน้าขึ้นฟ้า เขาจึงรู้ได้ในทันทีว่าสองพี่น้องต้องการบันทึกภาพยูเอฟโอ

ระหว่างที่ติดตั้งกล้องวงจรปิด แองเจิลก็พยายามชวนโอเจคุยเรื่องที่ทางการเปลี่ยนชื่อเรียก UFOs เป็น UAP (Unidentified Aerial Phenomena) แต่โอเจก็ไม่ค่อยอยากคุยด้วยเท่าไร

กล้องวงจรปิดที่สามารถควบคุมระบบได้จากระยะไกล และอุปกรณ์การบันทึกภาพถูกติดตั้งเรียบร้อย จากนั้น เอ็มก็ไปขโมยรูปปั้นม้าจากสวนสนุกของจู๊ปมาใช้เป็นเหยื่อล่อ (เพราะเอ็มคิดว่าม้าเป็นเงื่อนไขที่ทำให้ยูเอฟโอปรากฏตัว) … ระหว่างนั้นจู๊ปก็มาหาโอเจเพื่อชวนเขาไปดูการแสดงใหม่ที่กำลังจะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้

แล้วในคืนนั้นก็เกิดฝุ่นตลบขึ้นที่รูปปั้นม้าล่อ พร้อมกับเจ้าโคลเวอร์ ม้าในฟาร์มอีกหนึ่งตัวที่วิ่งหนีเตลิดไปจากคอก ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ไฟดับ ในเวลานั้น แองเจิลก็โทร. หาเอ็ม และบอกกับเธอว่าตั๊กแตนมันไปเกาะอยู่ที่เลนส์กล้องทำให้จับภาพอะไรไม่ได้ เอ็มจึงขึ้นไปบนหลังคาบ้านเพื่อเอาเจ้าตั๊กแตนออกแต่มันก็ไม่สำเร็จ จนเมื่อเหตุการณ์สงบลง ไฟกลับขึ้นมาสว่างอีกครั้ง ตั๊กแตนตัวนั้นก็กระโดดหายไป

สรุปคือ จับภาพยูเอฟโอไม่ได้อีกเช่นเคย

ระหว่างนั้น เอ็มโทร. หาแอนต์เลอร์ (ไมเคิล วินค็อตต์) ช่างภาพที่เคยร่วมงานด้วย เพื่อให้มาช่วยถ่ายภาพโปรเจกต์ใหญ่บิ๊กบึ้มระดับโลก แต่คำตอบที่ได้คือ “สิ่งที่คุณกำลังเพ้อฝันว่าตัวเองจะได้ขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุด มันจะไม่เกิดขึ้นหรอก”

รุ่งขึ้น แองเจิลมาที่เพื่อทำการเช็กภาพจากกล้องวงจรปิด แล้วก็พบว่ามีเมฆก้อนหนึ่งไม่เคลื่อนไหวไปตามเมฆก้อนอื่น ๆ มันหยุดนิ่งอยู่ตรงนั้นตลอดเวลา เขาจึงเชื่อว่ายูเอฟโอของพวกมนุษย์ต่างดาวต้องซ่อนอยู่ห้องก้อนเมฆก้อนนั้นอย่างแน่นอน แต่เอ็มก็แย้งว่าเธอเคยเห็นก้อนเมฆแบบนี้ในข่าวพยากรณ์อากาศ มันก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ … ภาพก้อนเมฆก็ยังใช้ไม่ได้อีกเช่นเคย

กอร์ดี้ – Gordy

ย้อนหลังกลับไปเมื่อปี 1998 จู๊ปกำลังเข้าฉากในซิตคอมชื่อดังระดับตำนานเรื่อง Gordy’s Home ขณะนั้นเกิดมีลูกโป่งแตกโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้เจ้ากอร์ดี้เกิดคลุ้มคลั่งขึ้นมา มันพุ่งเข้าโจมตีผู้คนด้วยสัญชาตญาณสัตว์ป่า ทุกคนในกองถ่ายต่างหนีกันหัวซุกหัวซุน

เด็กหญิงเคราะห์ร้ายคนหนึ่งโดนเจ้าลิงชิมแปนซีกอร์ดี้เข้าทำร้ายที่ใบหน้าอย่างรุนแรงจนนอนแน่นิ่งไปกับพื้น ในขณะที่จู๊ปหลบอยู่ใต้โต๊ะด้วยท่าทางหวาดกลัว ได้เห็นโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นทุกอย่าง จังหวะเดียวกันนั้นเอง จู๊ปได้เหลือบสายตาไปเห็นรองเท้าที่ตั้งอยู่กลางห้องอย่างแปลกประหลาด ใบหน้าของเขาเปล่งประกายรอยยิ้มออกมา เหมือนมีปาฏิหาริย์กำลังเกิดขึ้น …

เจ้าชิมแปนซีกอร์ดี้ค่อย ๆ เดินไปหาจู๊ปที่หลบอยู่ใต้โต๊ะ แต่ท่าทางคลุ้มคลั่งของมันเปลี่ยนไป มันดูนิ่งขึ้น กอร์ดี้ค่อย ๆ ยื่นมือไปขอชนหมัดกับจู๊ป (fist bump หรือ bro fist เป็นการทักทายอย่างหนึ่ง) แต่ก่อนที่หมัดของทั้งสองจะสัมผัสกัน กระสุนก็วิ่งเข้าสู่ศีรษะของกอร์ดี้ สมองกระจายไปทั่วบริเวณต่อหน้าต่อตาจู๊ป !

ตัดภาพกลับมาในปัจจุบัน จู๊ปกำลังคิดถึงภาพตัวเองในวันนั้น แต่ดูเหมือนว่าเรื่องราวเจ้าลิงคลั่งกอร์ดี้ ที่มีทั้งเรื่องจริงและเรื่องแต่งเติมอยู่ในนั้นจะทำเงินให้เขาไม่ได้อีกต่อไปแล้ว วันนี้เขาจึงต้องเริ่มการแสดงใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจกว่า

ลัคกี้ – Lucky

ที่การแสดงของจู๊ป … มันเป็นลานโล่ง ๆ มีอัฒจันทร์ที่จุผู้ชมได้หลายร้อยคน แต่ตอนนี้มีผู้ชมรวมทีมงานก็ประมาณยี่สิบสามสิบคน จู๊ปยืนอยู่เบื้องหน้าผู้ชม ข้าง ๆ เขามีเจ้าลัคกี้ (ม้าของโอเจ) อยู่ในตู้กระจกที่ตอนนี้มีผ้าสีเขียวปิดอยู่ จู๊ปอธิบายถึงการแสดงที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า …

“ในทุกวันศุกร์เวลา 18.13 น. ตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา (หลังจากพ่อของโอเจตาย) ผมและครอบครัวได้เห็นปรากฏการณ์อันน่าตกตะลึง (absolute spectacle) ‘บางสิ่ง’ บนท้องฟ้าลอยออกมาจากเมฆหมอก บางสิ่งที่คล้ายกับจานบินที่ด้านล่างมีรูกลมขนาดเท่ารถบัสโรงเรียนต่อกันประมาณสองคัน ทุกท่าน ผมไม่ได้พูดเล่น พวกมันกำลังสอดส่องพวกเราอยู่ และวันนี้เราจะสอดส่องสิ่งที่พวกมันทำบ้าง” จากนั้นจู๊ปก็แนะนำให้ทุกคนรู้จักกับผู้หญิงที่ถูกกอร์ดี้ทำร้าย ที่นั่งเป็นหนึ่งในผู้ชมบนอัฒจันทร์ เธอปกปิดใบหน้าที่บิดเบี้ยวผิดรูปไม่ให้ใครเห็น

แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะไม่เป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้ วัตถุคล้ายจานบินมนุษย์ต่างดาวมาเร็วกว่าเวลาปกติ จู๊ปจึงเปิดคอกตู้กระจกเพื่อให้เจ้าลัคกี้วิ่งไปให้จานบินดูดเหมือนม้าตัวที่ผ่าน ๆ มา แต่เจ้าลัคกี้ก็ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ในขณะที่จู๊ปและคนอื่น ๆ กำลังเงยหน้าขึ้นมองปรากฏการณ์แปลกประหลาดบนท้องฟ้าด้วยความตกตะลึง แล้วจานบินจากนอกโลกก็ดูดทุกคนเข้าไปในกระเพาะของมัน

โอเจมาที่สวนสนุกของจู๊ป แต่ดูเหมือนว่าในเวลานี้มันกลายเป็นสวนสนุกร้างไร้ผู้คนไปเสียแล้ว โอเจเดินไปที่ลานแสดง ที่นั่นเขาเห็นเจ้าลัคกี้ยืนนิ่งสะบัดหางไปมาอยู่ที่ลานการแสดง เขาจึงพยายามเรียกให้มันเดินมาหา ทันใดนั้นเอง วัตถุคล้ายจานบินก็บินวนไปวนมา ก่อนที่มันจะพุ่งมาทางโอเจและอ้าปากของมันออก … โอเจหมดสติไป

โอเจฟื้นขึ้นมาพร้อมกับภาพวัตถุแปลกประหลาดนั่น บางทีมันอาจไม่ใช่จานบิน แต่มันคือสัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างคล้ายจานบิน ที่ดูดกินทุกคนในสวนสนุกไปทั้งหมด !?

โอเจพาเจ้าลัคกี้ขึ้นรถบรรทุกแล้วรีบหนีออกมา ระหว่างทางก็โทร. ไปบอกเอ็มถึงสิ่งที่เขาได้เจอ “มันไม่ใช่จานบินแต่มันเป็นสัตว์ประหลาด …” แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ สัญญาณโทรศัพท์ก็ถูกตัดไปพร้อมกับไฟฟ้าที่ดับสนิท

เอ็มอยู่กับแองเจิลภายในบ้านอันมืดมิดก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้คนดังมาจากบนท้องฟ้า เสียงที่ดังออกมาจากตัวของสัตว์ประหลาดเอเลี่ยน ซึ่งก็เป็นเวลาเดียวกับที่มันค่อย ๆ ถุยวัตถุที่กินไม่ได้ออกมา แล้วเลือดของผู้คนที่อยู่ในท้องของมันก็ไหลลงมาที่หน้าต่าง เอ็มได้แต่ตกตะลึงนั่งทรุดลงไปบนพื้นบ้าน

ส่วนโอเจเมื่อขับรถเข้าเขตบ้าน รถของเขาก็เกิดดับ (เข้ารัศมีของเอเลี่ยน) ภาพที่เห็นเบื้องหน้าก็คือ เลือดจากเจ้าสัตว์ประหลาดต่างดาวตัวนี้กำลังไหลลงหลังคาบ้านอย่างน่าสยดสยอง จากนั้นมันก็คล่อย ๆ เคลื่อนตัวออกจากบริเวณบ้านจนมาอยู่เหนือรถของโอเจ ในตอนนั้นเองเจ้าสัตว์ประหลาดกรีดร้องดังลั่น แล้วมันก็ถุยวัตถุที่กินไม่ได้ออกมามากมาย หนึ่งในนั้นก็คือรูปปั้นม้าล่อที่พุ่งลงมากระแทกใส่รถของโอเจอย่างแรง โชคดีที่มันไม่ได้ตกลงมาด้านที่นั่งฝั่งคนขับที่เขานั่งอยู่

นั่นหมายความว่า เจ้าสัตว์ประหลาดเอเลี่ยนตัวนี้มันแยกไม่ออกระหว่างเนื้อที่กินได้กับวัตถุที่เป็นโลหะ แล้วการที่มันรูปปั้นม้าเข้าไปก็ทำให้มันได้รับบาดเจ็บ และเงื่อนไขสำคัญของวัตถุที่มันจะกินก็คือ สิ่งนั้นต้องเวยหน้าขึ้นไปมองมัน (โอเจรอดจากการถูกกินก็เพราะไม่ได้มองหรือไม่ได้สนใจมันนั่นเอง)

เหตุการณ์ผ่านไปถึงตอนเช้า ทั้งสามคนจึงพากันหนีไปหลบอยู่ที่บ้านของแองเจิล ระหว่างนั้นก็มีข่าวรายงานว่ามีคนหายไปจากสวนสนุก 40 คนอย่างเป็นปริศนา โดยที่กล้องวงจรปิดไม่สามารถจับภาพอะไรได้เลย … ข่าวนี้เองเกิดไปกระตุ้นต่อมบางอย่างของแอนต์เลอร์ ช่างภาพตัวกลั่นของฮอลลีวูดที่เอ็มเคยโทร. ไปหาเขาเมื่อไม่นานมานี้

โอเจ เอ็ม และแองเจิลกลับมาที่บ้าน ที่ตอนนี้เต็มไปด้วยคราบเลือด แต่คนที่ทั้งสามไม่คาดคิดว่าจะได้เจอก็คือแอนต์เลอร์ แอนต์เลอร์เป็นช่างภาพที่มีความชำนาญและสนใจเป็นพิเศษในด้านเก็บภาพสัตว์ป่า มีประสบการณ์มายาวนานหลายสิบปีในวงการ

แอนต์เลอร์มองไปที่เมฆก้อนนั้น เมฆก้อนที่มันหยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหว มันทำใ้ห้เขาเชื่อโดยสนิทใจในสิ่งที่เอ็มบอกเขาก่อนหน้านี้ว่า มันคือโปรเจกต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก

แอนต์เลอร์เอ่ยปากถามว่าจะทำอย่างไรถึงจะได้เห็นเจ้าสัตว์ประหลาดนอกโลกตัวนี้อีก ? โอเจจึงบอกไปว่ามันจะออกมาตอนเวลาที่มันต้องการกิน จากนั้นเขาก็เล่าเป็นฉาก ๆ ว่า สัตว์ประหลาดตัวนี้ได้รับบาดเจ็บเมื่อกินรูปปั้นม้าขนาดใหญ่เข้าไป (คล้าย ๆ กับคนกินกระดูกเข้าไปแล้วเข้าไปบาดคออาหารบาดกระเพาะทำนองนั้น)

จากนั้น โอเจก็วางแผนโดยเขาจะเป็นคนล่อให้สัตว์ประหลาดมันออกมา ส่วนแอนต์เลอร์จะใช้กล้องโบราณที่ไม่ใช่ไฟฟ้าในการถ่ายภาพมัน โดยมีกฎก็คือ ห้ามมองหน้ามัน และมันไม่ชอบวัตถุที่มีสีฉูดฉาด

ในขณะที่แองเจิลก็พูดจาไปใหญ่โตว่าสิ่งที่ทุกคนกำลังทำกันอยู่นี้ นอกจากจะได้เงินแล้ว ยังเป็นการช่วยโลกอีกด้วย มันจะได้ไม่สามารถไปกินคนได้อีก

แล้วเอ็มก็ตั้งชื่อให้กับสัตว์ประหลาดตัวนี้ว่า ‘ยีนแจ็คเก็ต’ ซึ่งเป็นชื่อม้าที่เธอรักในวัยเด็ก แต่พ่อขายมันไปทำให้เธอรู้สึกเสียใจและคิดถึงมันเป็นอย่างมาก

ยีนแจ็คเก็ต – Jean Jacket

แล้ววันปฏิบัติการล่าเจ้าสัตว์ประหลาดยีนแจ็คเก็ตก็มาถึง ตุ๊กตาเป่าลมล้มลุกสีฉูดฉาดถูกจัดเรียงเอาไว้เต็มพื้นที่ ส่วนโอเจ เอ็ม ก็แต่งตัวสีเขียวสีส้มกันเพื่อดึงดูดความสนใจของมัน แต่จู่ ๆ ก็มีชายปริศนาปรากฏตัวขี่มอเตอร์ไซค์ มือขวาบิดคันเร่ง มือซ้ายถือกล้องเพื่อเก็บภาพ โดยมีเป้าอยู่ที่ก้อนเมฆก้อนนั้น แต่เมื่อเขาขี่เข้าไปได้สักพัก รถมอเตอร์ไซค์ก็ล้มลง ส่วนกล้องก็หยุดทำงาน นั่นเป็นเพราะเขาขี่เข้าใกล้รัศมีของเจ้ายีนแจ็คเก็ต ทำให้อุปกรณ์ที่ใช้ไฟฟ้าจะไม่ทำงานนั่นเอง

โอเจใส่เสื้อสีส้มอยู่บนหลังม้าก็ตัดสินใจเข้าไปช่วยชาวคนนั้น แต่จังหวะที่กำลังเข้าไปช่วย เจ้ายีนแจ็คเก็ตก็โผล่เข้ามาดูดชายคนนั้นเข้ากระเพาะไป ด้วยความกลัว โอเจรีบควบม้าหนีไปอย่างไว แต่เจ้าสัตว์ประหลาดหน้าตาคล้ายจานบินก็มาอยู่เหนือหัวของโอเจ แต่สิ่งที่เขาทำก็คือ ‘ก้มหน้า’ เจ้ายีนแจ็คเก็ตก็เคลื่อนตัวหนีห่างไปโดยไม่ทำอันตรายใด ๆ กับโอเจเลยแม้แต่นิดเดียว

ทีนี้ โอเจเห็นว่าสบโอกาสจึงล่อเจ้าสัตว์ประหลาดให้เข้าไปในจุดที่แอนต์เลอร์ตั้งกล้องเพื่อเก็บภาพ ก่อนที่เขาจะปล่อยผ้าสีฉูดฉาดออกมา แล้วเรื่องไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น เจ้าสัตว์ประหลาดกลัวผ้าสี !? มันหยุดนิ่งอยู่กับที่และเอียงตัวเพื่อหลบผ้าสีที่ลอยเข้ามาหามัน ก่อนที่จะลอยหนีขึ้นไปบนท้องฟ้า

ณ จุดนี้ แอนต์เลอร์จับภาพเจ้าสัตว์ประหลาดยีนแจ็คเก็ตได้สำเร็จ แต่ภาพที่ได้เหมือนกับยังไม่สาแก่ใจ เพราะเขาอยากได้มุมที่ใกล้กว่านี้ แล้วอยู่ดี ๆ แอนต์เลอร์ก็เดินถือกล้องออกไปบนเนินเขาเพื่อล่อเจ้าสัตว์ประหลาดให้ออกมา ผลก็คือ … แอนต์เลอร์สามารถบันทึกภาพที่ต้องการเอาไว้ได้ แต่ต้องแลกกับการที่เขาถูกมันกินเข้าไปพร้อมกับกล้องและฟิล์มม้วนนั้น

หลังจากกินแอนต์เลอร์เข้าไป ยีนแจ็คเก็ตก็ทำลมหมุนอย่างรุนแรง แรงขนาดพัดเอาเอ็มกระเด็นออกมาจากบ้าน ก่อนที่จะดูดบ้านทั้งหลังเข้าไป แล้วตอนนั้นเองมันก็ได้หันมาดูดแองเจิลเข้าไปอีกคน แต่มันถุยแองเจิลออกมาทันที เพราะเขาได้พันลวดหนามเอาไว้ทั่วตัว จึงทำให้เจ้าสัตว์ประหลาดได้รับบาดเจ็บ

แต่จะด้วยลวดหนามที่พันตัวแอลเจิลที่ทำให้มันบาดเจ็บหรือไม่ ? ตอนนี้เจ้าสัตว์ประหลาดได้แปลงรูปร่างจากเดิมที่หน้าตาคล้ายจานบินต่างดาว กลายเป็นแมงกะพรุนยักษ์ลอยเท้งเต้งอยู่บนฟ้า !

สัตว์ประหลาดแมงกะพรุนลอยนิ่ง ๆ อยู่อย่างนั้น โดยมีโอเจจ้องมันตาไม่กะพริบ (แล้วทำไมโอเจถึงไม่โดนมันกิน !? นั่นสิ) ทั้งสองจ้องกันเหมือนกับคาวบอยกำลังดวลปืน จ้องอยู่อย่างนั้นนานพอที่จะถ่วงเวลาให้เอ็มสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์ขี่หนีออกไป …

เอ็มขี่มอเตอร์ไซค์ไปที่สวนสนุกร้างของจู๊ป เป้าหมายของเธอคือปล่อยลูกโป่งยักษ์ที่เป็นรูปการ์ตูนในชุดคาวบอย (หน้าตาคล้ายจู๊ป) ให้ลอยขึ้นไปบนฟ้า เพื่อเป็นเหยื่อล่อสัตว์ประหลาด แล้วเธอจะมาที่บ่อน้ำที่ติดตั้งกล้องถ่ายรูปหยอดเหรียญเอาไว้ที่ก้นบ่อ (บ่อเดียวกับตอนต้นเรื่อง) เอ็มรอจังหวะที่เจ้าสัตว์ประหลาดลอยมาเหนือบ่อน้ำ แล้วก็ลั่นชัตเตอร์ถ่ายภาพมันเอาไว้ได้อย่างชัดเจน

ส่วนเจ้าสัตว์ประหลาดก็สวาปามลูกโป่งยักษ์เข้าไป โดยที่ไม่รู้เลยว่ามันเป็นของที่กินไม่ได้ ก่อนที่จะร่างของมันจะระเบิดแตกกระจายด้วยแรงอัดลมภายในลูกโป่งยักษ์นั่นเอง

หลังจากนั้น ข่าววัตถุแปลกประหลาดที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าก็โด่งดังไปทั่วโลก

โอเจ เอ็ม และแองเจิล รอด

จบบริบูรณ์

Source: Universal Studios