Skip to content
รีแคปซีรีส์ The Law Cafe EP.4 : ความรักกับความรุนแรง

รีแคปซีรีส์ The Law Cafe EP.4 : ความรักกับความรุนแรง

The Law Cafe EP.4 : ยูริพบน้องหมาถูกฆ่าในคาเฟ่ ตำรวจเริ่มสืบคดีแต่ไม่พบเบาะแสของคนร้าย จากนั้น ลูกความคนใหม่ของยูริก็มาปรึกษาวิธีรับมือกับชายข้างห้องที่ชอบแอบสะกดรอยตาม แต่กลายเป็นว่าชายคนมานั้นมาที่คาเฟ่ และเล่าเรื่องแปลกประหลาดให้ยูริฟัง …

ภาพที่ยูริเห็นนั้นคือศพของนูรุงกี น้องหมาที่อาศัยอยู่ที่ตึก คืนนั้น จองโฮอุ้มยูริไปนอนพักที่บ้านบนดาดฟ้าของเขา

จากนั้นจองโฮก็โทร. แจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาเก็บหลักฐานดำเนินคดี เบื้องต้นสันนิษฐานว่า คนร้ายฆ่าหมาแล้วลากเข้ามา นอกจากนั้นก็ไม่พบหลักฐานอะไรเลย ทั้งกล้องวงจรปิด รอยนิ้วมือ ไม่มีเลย

ยูริตื่นขึ้นมาตอนบ่ายของอีกวัน สิ่งแรกที่เห็นก็คือชุดวอร์มสีน้ำเงินที่วางอยู่ปลายเตียง กับกระดาษโน้ตที่เขียนด้วยลายมือของจองโฮ “พักผ่อนเยอะ ๆ อย่าเพิ่งไปไหน ฉันไปโรงพักแป๊บ”

ระหว่างนั้นพนักงานที่ร้านและเพื่อนบ้านผู้ใจดีก็เข้ามาช่วยกันเก็บกวาดร้าน สักพักจองโฮก็กลับมาจากโรงพัก เมื่อเห็นยูริกำลังเก็บกวาดข้าวของที่ร้านก็บ่นออกมาชุดใหญ่ที่เธอไม่นอนพัก แล้วก็บอกให้ยูรินอนอยู่ที่ห้องของเขาก่อนสักสองสามวันในระหว่างที่ยังจับคนร้ายไม่ได้ โดยเขาจะย้ายไปนอนบนพื้นหน้าประตูเอง ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ยูริก็สงสัยว่าเขากับเธอจะนอนห้องเดียวกันได้ยังไง “ชายหญิงนอนห้องเดียวกันจะไม่มีความรู้สึกเลยหรือไง ?”

จองโฮที่อึ้งไปแป๊ปนึงก็อ้ำ ๆ อึ้งแล้วบอกไปว่า “ไม่มี เอ่อ … เธอกับฉันก็เหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน แบบเอ่อ พี่ชายน้องสาว”

เอาล่ะสิ เจอคำนี้เข้าไปยูริก็ของขึ้นทันที เธอตวาดเสียงดังลั่นใส่หน้าจองโฮ “ครอบครัวบ้านแกสิ เออ นอนบ้านแกก็ได้ แล้วทำไมเราไม่นอนเตียงเดียวกันไปเลยล่ะ จะได้จบ ๆ ไป !?” แต่ก่อนที่เรื่องจะบานปลายไปมากกว่านี้ แม่ของยูริก็โผล่เข้ามาพอดี

แม่ยูริเนี่ยแอบเชียร์ให้ทั้งคู่คบกันตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว แต่จองโฮก็ทำเป็นบ่ายเบี่ยงมาตลอด ยูริเห็นแม่ออกตัวแรงขนาดนั้นก็ได้แต่เบ้ปากไปสิ (555)

คนจ้างวานฆ่าน้องหมา

ขณะยูริกำลังเดินกลับจากไปให้ปากคำที่โรงพัก จู่ ๆ เธอก็พ่นคำสบถออกมาชุดใหญ่ “ไอ้คนโรคจิต ปสด.เอ๊ย กล้าดียังไงมาฆ่าน้องหมา ถ้าจับได้ล่ะก็ มันต้องโดนถลกหนังหัวแล้วเอาไปต้มน้ำส้วม ไอ้สลัดผักเอ๊ย“ (555) จองโฮกลั้นฮาไม่อยู่ หัวเราะลั่นออกมา แต่สักพักเขาก็ยิ้มไม่ออกเมื่อยูริเอ่ยชื่อประธานอีออกมา เธอเชื่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นต้องเกี่ยวกับบริษัทก่อสร้างโดฮัน

มันเป็นอย่างที่ยูริคิดจริง ๆ ประธานอีสั่งให้ลูกน้องไปข่มขู่ยูริ และยังรู้ด้วยว่ายูริคือลูกสาวของหัวหน้าคนงานที่เสียชีวิตจากเหตุไฟไหม้โกดังเมื่อหลายปีก่อน

ในคืนนั้น ยูริออกไปเดินเล่นกับหมอพัค เธอเล่าเรื่องเด็กผู้หญิงลึกลับในกระจกข้างครัวที่คาเฟ่ “ที่แปลกก็คือเด็กผู้หญิงคนนั้น เหมือนแกจะกลัวที่เห็นฉัน ฉันก็เลยไม่กลัว” หมอพัคก็เลยจะแนะนำร่างทรงที่รู้จักให้

ที่ห้องจองโฮ … ยูริอาบน้ำเสร็จแล้วอยู่ในชุดสีชมพู๊ชมพู แต่ระหว่างจะเดินไปนอน เกิดซุ่มซ่ามเดินเตะขาโต๊ะอย่างแรงจนเล็บฉีก จองโฮเลยเข้าไปอุ้มเธอ แต่ยูริก็โวยวายออกมาเพราะไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องทำดีกับเธอขนาดนี้ “ถ้ามาแตะต้องตัวฉันหรือทำดีกับฉันอีก สักวันนายจะต้องเสียใจ” จองโฮทำหน้ายิ้ม ๆ เหมือนลิงหลอกเจ้าหยอกยูริ ก่อนที่จะเขยิบเข้าไปใกล้ ๆ เธอ

ทารุณกรรม

ยังซูอินมาขอรับคำปรึกษาจากยูริเรื่องที่ถูกชายข้างห้องสะกดรอยตาม เธอเล่าว่า ชายคนนั้นมักจะยืนมองผ่านหน้าต่างขณะที่เธอกำลังพาลูกไปโรงเรียน และยังเห็นเขาแอบถ่ายรูปเธอเอาไว้ด้วย

ในคืนนั้น ชายคนดังกล่าวก็มาหายูริที่คาเฟ่และได้เล่าเรื่องราวอีกมุมหนึ่งที่แปลกยิ่งกว่าของยังซูอิน เขาได้กลิ่นเหม็นแปลก ๆ โชยมาจากระเบียงห้องยังซูอินมาถึงห้องของเขา และวันหนึ่งเขาก็ได้เห็นกับตา ในห้องนั้นมีเด็กอยู่อีกคน “ที่แปลกคือ ป้าแก (ยังซูอิน) ไม่เคยพาเด็กคนนั้นออกไปไหนเลย นี่ไงครับถึงทำให้ผมจับตาดูป้าแกทุกวัน” แล้วชายคนนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดรูปให้ดูตอนที่เด็กคนนั้นออกมาวิ่งเล่นข้างนอกตอนกลางคืน

ยูริดูรูปนั้นซ้ำแล้วซ้ำอีกจนเธอเอะใจขึ้นมาว่า เด็กหญิงคนนั้นเป็นเด็กคนเดียวกับเด็กหญิงที่เธอเข้าใจว่าเป็นผีอยู่ในคาเฟ่ (ที่เล่าให้หมอพัคฟัง) เมื่อรู้ดังนั้นเธอกับจองโฮจึงรีบไปแจ้งความที่โรงพักทันที แล้วพาเจ้าหน้าที่ไปค้นห้องของยังซูอินทันที เมื่อไปถึงก็ไม่พบเด็กคนนั้น โดยยังซูอินเอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด “คุณตำรวจคะ ฉันไม่เคยตบตีแกเลยนะ เด็กมันชอบขโมยเงินฉันอยู่ตลอด ที่ฉันทำไปก็แค่สั่งสอนครั้งสองครั้งเท่านั้น”

ระหว่างนั้น จองโฮก็เดินสำรวจภายในห้องที่คาดว่าใช้ขังเด็กหญิงเอาไว้ ภายในห้องมีกลิ่นเหม็นตลบอบอวล มีตู้เล็ก ๆ ขนาดเท่ากับเด็กหญิงเข้าไปนั่งขดตัวได้วางอยู่ จองโฮรู้ได้ในทันทีว่า ตู้เล็ก ๆ ใบนี้เป็นตู้ที่ใช้ขังเด็กหญิง ที่นั่นยังมีสายจูงจักรยานที่เอาไว้ใช้ล่ามเด็กหญิงวางอยู่ด้วย จองโฮเห็นสภาพแล้วก็รู้สึกหดหู่ยิ่งนัก

เจ้าหน้าที่แจ้งกับยังซูอินว่าต้องไปที่โรงพัก ส่วนลูกสาวของเธออีกคนเจ้าหน้าที่จะติดต่อพ่อของเด็กมาดูแล เธอจึงสติแตกคว้ามีดขึ้นมา ก่อนที่จะปรี่เข้าไปทำร้ายยูริ แต่จองโฮเข้ามาขวางเอาไว้จนมีดบาดเข้าที่แขนของเขาจนเลือดไหลเป็นทาง

อัยการได้ส่งประวัติอาชญากรรมของยังซูอินให้กับจองโฮ เธอเคยโดนคดีทารุณกรรมลูกตัวเองเมื่อสามปีก่อน ทำให้ลูก ๆ ของเธอถูกส่งไปที่ศูนย์พักพิง จากนั้นก็ถูกส่งไปอยู่กับครอบครัวบุญธรรมเป็นเวลาประมาณ​หกเดือน แต่ศาลยกฟ้อง ทำให้เธอได้ลูก ๆ กลับมาเลี้ยงอีกครั้ง

ที่คาเฟ่ … จีอาอยู่ในความดูแลของยูริเป็นการชั่วคราว วันนี้เธอรวบรวมความกล้าเพื่อบอกกับยูริว่า “หนูรู้ว่าตอนนี้พี่ซูอา (พี่สาวของเธอ) อยู่ที่ไหนค่ะ …” จีอาเริ่มสะอื้นแล้วก็ร้องไห้ออกมา “… ถ้าหนูบอกว่าซูอาอยู่ที่ไหน ซูอาก็ต้องกลับบ้าน แล้วแม่ก็จะรังแกซูอาต่อไป” ที่หนูน้อยจีอาไม่ยอมบอกใครว่าพี่สาวของเธออยู่ไหน เพราะกลัวว่าพี่สาวจะถูกแม่ทำร้ายอีก พอพูดจบหนูน้อยจีอาก็ร้องไห้ออกมาไม่หยุด

ตรงนี้ ภาพตัดมาที่ยูริกำลังพูดให้ข้อมูลกับเรา “เด็กที่เป็นเหยื่อทารุณกรรมไม่เคยได้สัมผัสโลกภายนอกครอบครัว ส่วนใหญ่มักจะไม่รู้ว่าตัวเองกำลังถูกทารุณกรรม เมื่อคนที่ควรรักพวกแกมากที่สุดกลับเป็นคนที่ทำร้ายพวกแกเสียเอง เด็กคนไหนจะเข้าใจได้ง่าย ๆ ล่ะ”

ยูรินึกถึงกระเป๋าสตางค์ของเธอที่หายไปตอนวางอยู่ที่คาเฟ่ มีรายการการใช้บัตรเครดิตที่ร้านขายของชำที่หนึ่ง เธอจึงคิดว่าต้องเป็นหนูน้อยซูอาที่ใช้แน่ ๆ เธอจึงชวนจองโฮไปตามหาหนูน้อยซูอาที่นั่น ทั้งสองใช้เวลาหาทั้งวันจนดึกดื่นแต่ก็คว้าน้ำเหลว

ยูริกับจองโฮกลับมาที่คาเฟ่ในกลางดึกคืนนั้น ซูอาที่กำลังแอบขโมยของกินอยู่ก็ตกใจกำลังจะทำท่าวิ่งหนี แต่ยูริก็นั่งคุกเข่าลงกับพื้น​ (เพื่อให้เด็กน้อยรู้สึกปลอดภัย) แล้วก็ใช้โทนเสียงพูดอันนุ่มนวลเพื่อให้หนูน้อยซูอาคลายความกลัว …

ซูอาล้วงหยิบกระเป๋าสตางค์ของยูริที่เธอขโมยไปออกมาด้วยมือที่สั่นเทา น้ำเสียงก็สั่นสะอื้น “หนูผิดไปแล้วค่ะ”

ยูริเหลือบตามองที่มือของหนูน้อย แล้วรีบพูดออกไปว่า “ถ้าเรื่องกระเป๋า พี่ไม่โกรธหนูเลย แค่หนูเอาไปซื้อของกินอร่อย ๆ พี่ก็โอเคแล้ว พี่ไม่โกรธหนูเลยจริง ๆ นะ” แล้วยูริก็กางมือออกพร้อมกับรอยยิ้ม เพื่อเป็นสัญญาณว่าเธอไม่โกรธเลยจริง ๆ “มานี่มา”

ซูอาค่อย ๆ ใช้เท้าเปล่าก้าวเข้ามาหายูริ แต่ก้าวได้เพียงสองก้าวเธอก็หยุดพร้อมกับส่ายหน้า “หนูกลับบ้านดีกว่าค่ะ …” ซูอาพูดไปทั้งน้ำตาที่ไหลออกมา “… หนูต้องกลับบ้านไปรับน้อง ถ้าหนูไม่อยู่จีอาจะเป็นคนโดนดุแทน”

“ที่หนูต้องกลับบ้าน ก็เพราะหนูกลัวน้องโดนดุอย่างงั้นเหรอ” ยูริถามเสร็จ น้ำตาก็ไหลพรากออกมาไม่หยุด จองโฮที่ยืนอยู่ไม่ห่างก็พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ จากนั้นยูริก็โอบกอดซูอาและบอกว่าจะช่วยให้ทั้งสองไม่ต้องกลับไปที่บ้านอีก

ตัดภาพมาที่จองโฮให้ข้อมูลกับเราด้วยตาอันแดงก่ำ “เรามารู้กันทีหลังว่า ซูอาโดนสายคล้องจักรยานล่ามคอขังไว้ที่ระเบียงทั้งวัน พอแม่หลับ แกก็จะแอบหนีออกมาทางหน้าต่าง แกจะแอบออกมาแล้วมาซ่อนตัวอยู่ที่คาเฟ่ของยูริทุกคืน เราถามแกว่าทำไมต้องมาอยู่ที่คาเฟ่ แกบอกเราว่า มันอุ่นดี”

หลังจากยูริกับจองโฮเดินเรื่องให้ซูอาได้ไปอยู่กับครอบครัวบุญธรรมที่เคยอยู่แล้ว เธอก็หันมาพูดกับกล้องว่า “ครอบครัวก็เหมือนกับโลกหนึ่งใบ พอโลกนั้นแตกสลาย คนส่วนใหญ่ก็จะคิดว่าชีวิตตัวเองย่อยยับไม่มีชิ้นดี แต่จริง ๆ แล้วครอบครัวก็เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของชีวิต ไม่ใช่ทุกอย่าง ต่อให้รักครอบครัวมากแค่ไหน แต่บางทีเราก็ต้องไขว่คว้าความสุขของตัวเองบ้าง บางครั้งเราก็จำเป็นต้องถอยเพื่อหาทางออก เพราะถ้าหนีไม่ทัน ก็อาจจะต้องทุกข์ไปตลอดชีวิตก็ได้ ถ้ามีคนในครอบครัวหรือใครก็ตามทำให้คุณเจ็บช้ำ หนีออกมาเถอะค่ะ คนพวกนั้นคือคนโง่ที่แยกแยะระหว่างความรักกับความรุนแรงไม่ออก”

เมื่อเคลียร์ทุกอย่างจบ อยู่ดี ๆ ยูริก็เข้าสวมกอดจองโฮ และจูบเขา ก่อนที่จะบอกเขาว่าตอนนี้เธอไม่อยากเป็นคนในครอบครัว แต่อยากเป็นอย่างอื่นมากกว่า …

Photos : ภาพหน้าจอจาก KBS2 Korea