Skip to content
สรุปเนื้อเรื่องซีรีส์ Bad Guys ล่าล้างเมือง (2022)

สรุปเนื้อเรื่องซีรีส์ Bad Guys ล่าล้างเมือง (2022)

Bad Guys ล่าล้างเมือง สปอยล์ : ทีมคลี่คลายคดีพิเศษที่เป็นการรวมกันของนักโทษ นักฆ่า และตำรวจที่นิยมความรุนแรง เพื่อทำงานเฉพาะกิจไขคดีต่าง ๆ ยิ่งพวกเขาปิดคดีได้มากเท่าไรก็จะถูกลดโทษมากขึ้นเท่านั้น …

EP.1 จุดเริ่มต้น

ในการบุกจับฆาตกรต่อเนื่องที่ตำรวจเรียกมันว่า “ฆาตกรสายฝน” ร.ต.อ.นำโชค หรือเพื่อน ๆ เรียกติดปากว่าผู้กองโชค เกิดพลาดท่าเสียทีให้ฆาตกรชั่ว มีดในมือของมันแทงเข้าที่หน้าอกตำรวจน้ำดีผู้นี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนสาแก่ใจ ก่อนที่มันจะค่อย ๆ เดินจากไปอย่างเลือดเย็น

ผู้กองโชคเป็นลูกชายของท่านนำชัย บิ๊กตำรวจระดับผู้บัญชาการ ผบช.น. จึงมีคำสั่งพิเศษยกเลิกคำสั่งพักราชการสารวัตรพิทักษ์ (รับบทโดย เอ็ม สุรศักดิ์) เพื่อให้มาทำภารกิจตามล่าฆาตกรสายฝนให้ได้ ไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็ตาม “มึงจะใช้วิธีไหนก็ได้ เอาตัวมันมาให้กู ที่เหลือกูเคลียร์เอง”

สารวัตรหมาบ้า

สารวัตรพิทักษ์มีฉายาในวงการตำรวจว่าสารวัตรหมาบ้า ในมือคีบบุหรี่แทบจะตลอดเวลา บุหรี่ที่สูบมวนต่อมวน เหมือนในหัวมีเรื่องเครียดที่รอการระบายอยู่มากมาย มืออีกข้างถือขวดเหล้า เขาดื่มมันแทบจะตลอดเวลา อาจเป็นเพราะเขาคิดว่าเหล้ามันช่วยบรรเทาความเจ็บปวดในอดีตให้เบาบางลงไปได้บ้าง …

อดีตที่ลูกสาวของสารวัตรพิทักษ์โดนฆาตกรโรคจิตฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม และเหตุผลที่ทำให้เขาเสียใจมากนั่นอาจจะเป็นเพราะว่าเขาเป็นตำรวจ ตำรวจที่ไม่มีปัญญาแม้แต่จะปกป้องลูกสาวตัวเองได้ นั่นทำให้สารวัตรพิทักษ์กลายเป็นตำรวจที่นิยมใช้ความรุนแรงแบบสุดขั้ว โดยเฉพาะถ้าเหยื่อหรือผู้ถูกกระทำเป็นผู้หญิง เขาจะยิ่งเพิ่มระดับความรุนแรงเป็นเท่าทวีคูณ

ท่านนำชัยมีหลานสาวเป็นตำรวจน้ำดีอีกคนชื่อผู้กองอลิส (รับบทโดย นิ้ง ชัญญา) จึงใช้ให้เธอไปกำกับดูแลการทำงานของสารวัตรพิทักษ์ แต่ผู้กองสาวไม่เห็นด้วย หลังจากดูประวัติของสารวัตรพิทักษ์ที่ทำผิดวินัยร้ายแรงจนถูกพักราชการ เธอไม่เชื่อว่าจะควบคุมได้ ถึงอย่างนั้น ท่านนำชัยก็เชื่อว่าความบ้าระห่ำอย่างกับหมาบ้าของสารวัตรพิทักษ์เหมาะกับงานนี้ที่สุด

ยามโพล้เพล้ที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง … สารวัตรพิทักษ์นั่งดวดเบียร์กระป๋องอยู่บนฟุตบาท เหมือนกำลังนั่งรอใครบางคนอยู่ ระหว่างนั้นเขาเห็นชายฉกรรจ์ขับรถมินิคูเปอร์เข้ามาจอดเติมน้ำมันโวยวายเสียงลั่นปั๊ม ก่อนจะเดินเข้าไปตบหน้าน้องเด็กปั๊มผู้หญิงจนล้มลงไปกองกับพื้น สารวัตรพิทักษ์ของขึ้นทันที เดินปรี่มาซัดใช้ทั้งมือทั้งตีนระดมเข้าไปที่ร่างของชายหน้าตัวเมียคนนั้น ไม่นานนัก ผู้กองอลิสก็ปรากฏกายขึ้นพร้อมกับปืนกล็อกในมือเล็งไปที่สารวัตรพิทักษ์ พร้อมกับตวาดลั่นออกไปด้วยโทนเสียงที่ละมุนยิ่งนัก “ถึงจะเป็นคนร้ายแต่คุณก็ไม่มีสิทธิ์ใช้ความรุนแรงกับเขา”

สารวัตรพิทักษ์หันขวับไปมองหญิงสาวต้นเสียงที่ถือปืนเล็งมาที่เขา “แล้วที่มันตบผู้หญิงล่ะเรียกว่าอะไรฮะ แบบนี้ฉันเรียกยุติธรรม เธอคิดว่ากฎหมายของเธอทำอะไรพวกแม่งได้อย่างงั้นเหรอ ต้องเรียกคนมาช่วยกระทืบมัน กฎหมายมัน here ไง” !

ทีมหมาบ้า

สารวัตรพิทักษ์ต้องการใช้นักโทษที่อยู่ในคุกมาร่วมทีมล่าฆาตกรสายฝน เขาให้รายชื่อนักโทษทั้งสามกับผู้กองอลิส …

  • คนแรก ไอ้ยักษ์ = พละกำลัง (รับบทโดย หยวน กวินรัฏฐ์) มันมีพละกำลังมากกว่าคนปกติ จากเด็กช่างกลายมาเป็นนักเลง แล้วก็เริ่มเข้าสู่วงการมาเฟีย ไม่นานนักแก๊งของมันก็กลายเป็นแก๊งที่ใหญ่ที่สุด
  • คนที่สอง เรส = ทักษะการฆ่า (รับบทโดย ก๊อต จิรายุ) อาชีพนักฆ่ารับจ้าง มันฆ่ามาแล้ว 50 ศพโดยไม่มีใครรู้ โดยใช้การอำพรางคดีว่าเป็นอุบัติเหตุ แถมมันยังไม่เคยมีประวัติอาชญากรรมในแฟ้มของตำรวจ ว่าที่จริง ตำรวจไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันมีตัวตนอยู่ แล้วตำรวจจับมันได้ยังไงน่ะเหรอ อยู่ดี ๆ มันก็มอบตัวเองอย่างไม่มีเหตุผล
  • คนสุดท้าย สกาย = มันสมอง (รับบทโดย ณ ณภัทร) ฆาตกรต่อเนื่องที่อายุน้อยที่สุด ไอคิวสูงถึง 165 เรียนจบด้านศิลปะและปรัชญา มันฆ่ามาแล้ว 15 ศพ แต่ไม่เคยทิ้งหลักฐานเอาไว้ในที่เกิดเหตุเลย ไม่มีรอยนิ้วมือ รอยเท้า หรือแม้แต่เส้นผม จากการประเมินสภาพจิตพบว่า เข้าข่ายเป็นคนวิกลจริตประเภทคนสองบุคลิก

ริมตลิ่งแห่งหนึ่ง ท่านนำชัยกำลังนั่งตกปลาอยู่ … ผู้กองอลิสเอารายชื่อทั้งสามนักโทษมาให้ แต่ก็พยายามคัดค้านวิธีการปล่อยสัตว์ร้ายออกจากกรงให้มันมาล่ากันเองแบบนี้ แต่คำตอบจากปากของท่านนำชัยคือ “บางครั้งถ้าจะหยุดความรุนแรงก็ต้องรุนแรงกว่า โหดเหี้ยมกว่า” แล้วท่านนำชัยก็ให้อลิสช่วยหยิบไส้เดือนในกระป๋องมาเกี่ยวเบ็ด ผู้กองสาวหน้าเหยเกทันทีด้วยความขยะแขยง ยิ่งตอนเอาตัวมันไปเกี่ยวเบ็ด น้ำคาว ๆ ในตัวของมันทะลักออกมากลิ่นตลบ ผู้กองอลิสแทบอยากจะไปจากที่นั่นทันที ท่านนำชัยหัวเราะ หึ ๆ “แล้วแบบนี้จะตกปลาได้ยังไงล่ะถ้าไม่มีเหยื่อ”

ที่โบสถ์ร้างแห่งหนึ่ง … ไอ้ยักษ์กับเรสถูกพาตัวมาโดยรถเคลื่อนย้ายนักโทษของกรมราชทัณฑ์ ที่นั่นผู้กองอลิสได้อธิบายภารกิจที่ทั้งสองต้องทำ แต่ความเกรียนของพวกเดนนรกมันหยั่งลึกเกินกว่าที่ผู้กองสาวสวยจะรับมือได้ ทั้งไอ้ยักษ์กับไอ้เรสไม่มีใครฟังสิ่งที่เธอพูดเลยแม้แต่นิดเดียว ไอ้ยักษ์ก็โวยวายหาแต่ของกิน ส่วนไอ้เรสพูดขัด “จับฆาตกรมันเป็นเรื่องของตำรวจไม่ใช่เรื่องของกู”

สารวัตรพิทักษ์โผล่หน้าออกมา แล้วก็พูดโพล่งออกไปว่า “ใครจับไอ้ฆาตกรสายฝนได้ลดโทษห้าปี” เท่านั้นแหละ ไอ้ยักษ์กับเรสสนใจข้อเสนอที่ได้รับทันที “แต่มีข้อแม้ว่าพวกมึงต้องใส่กำไลจีพีเอส เพื่อจะได้ตามพวกมึงได้ตลอด 24 ชั่วโมง”

ผู้กองอลิสได้รับโทรศัพท์แจ้งว่า สกายหนีไปได้ระหว่างขอผู้คุมเข้าห้องน้ำในปั๊มระหว่างทาง

สารวัตรพิทักษ์รู้ว่าสกายต้องกลับไปหาแฟนของมัน เพราะเธอเป็นพยานคนสำคัญที่ทำให้มันติดคุกตลอดชีวิต ที่สำคัญยังเป็นผู้หญิงที่มันรักมากที่สุดอีกด้วย … เธอชื่อ แจน ปารดา อายุ 23 ปี สูง 163 ซม. ตอนนี้เป็นเด็กนั่งดริ๊งก์อยู่ที่หัวหิน

สารวัตรพิทักษ์ใช้เส้นสายจนรู้ว่าแจนพักอยู่ที่อพาร์ตเมนต์หัวหินซอย 35 สารวัตรพิทักษ์พังประตูห้องเข้าไป ก็เจอสกายกำลังบีบคอแจน !

EP.2 ทีมหมาบ้า

ปัง !

เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัดจากปลายกระบอกปืนของสารวัตรพิทักษ์ เขาตั้งใจเล็งไปที่หัวของไอ้สกายที่กำลังบีบคอหญิงสาวที่นอนแผ่หลาอยู่บนเตียง ยังโชคดีที่ไม่มีใครสูญเสีย เพราะผู้กองอลิสปัดมือสารวัตรพิทักษ์ก่อนที่เขาจะเหนี่ยวไก หัวกระสุนเลยเปลี่ยนทิศทางไปที่ผนังห้อง ก่อนจะมีเสียงโวยวายออกมาดังลั่น “ไหนบอกว่าจะมาจับเป็นไง !?” ผู้กองสาวถามด้วยความสงสัย แต่ก็นั่นแหละ ไม่มีคำตอบจากสารวัตรหมาบ้า

สกายนั่งคิดพิจารณาอยู่คนเดียวในโบถ์ร้าง ที่ใช้เป็นฐานชั่วคราวของทีมหมาบ้า สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจยอมร่วมทีม สารวัตรพิทักษ์ยื่นขวดเหล้าออกไปให้ทุกคนดื่ม ไม่เว้นแม้แต่ผู้กองอลิส “ดื่มซะ จากนี้ไปเราคือทีมเดียวกัน”

ความเชื่อใจ คือ ?

วันแรกของการรวมทีมก็ดูจะเป็นการวันเริ่มต้นของความวุ่นวาย ผู้กองอลิส ไอ้ยักษ์ เรส สกาย กำลังนั่งรถตู้ผ่านแถวดอนเมือง จู่ ๆ เรสก็ขอตะโกนให้หมวดคิง (ลูกน้องผู้กองอลิส) หยุดรถ จากนั้นมันเอ่ยกับผู้กองสาว “ผู้กองผมขอตัว ผมขออนุญาตผู้กอง” ผู้กองอลิสได้แต่อึ้งยอมให้มันเดินลงจากรถไป

เรสเดินไปที่บ้านหลังหนึ่ง เพื่อไปหาหญิงสาวคนหนึ่งที่อยู่บ้านหลังนั้น หญิงสาวที่ชื่อเกด เกดคือเจ้าของบ้านหลังนั้น ที่เมื่อนานมาแล้วมันโดนคนที่มันไว้ใจสั่งฆ่าจนได้รับบาดเจ็บเจียนตายอยู่ที่หน้าบ้านหลังนี้ และเธอก็เป็นคนช่วยชีวิตมันเอาไว้จากความตาย “เกด” จึงเป็นผู้หญิงคนเดียวในโลกที่มันต้องการปกป้อง

เรสกดกริ่งสักพัก ก็มีหญิงสาวออกมาเปิดประตู แต่เธอไม่ใช่เกด เกดไม่อยู่ที่นี่แล้ว เรสยืนงงอยู่หน้าบ้านเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างในใจ สักพักรถ Grab ก็ขี่ผ่านมาส่งอาหาร เรสมันปิ๊งไอเดียทันที ปล้นรถมอเตอร์ไซค์

เรสไปหาคนคนหนึ่งที่มันเรียกว่าป๋า ชายแก่เชื้อจีนที่เปิดร้านขายของโบราณใหญ่โตโอ่อ่า ป๋าแสดงสีหน้าแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นเรส ก่อนจะก้มหน้าส่องแว่นขยายต่อไป เรสยิงคำถามเข้าประเด็นถามหาว่าผู้หญิงคนนั้นอยู่ที่ไหน ? ป๋าบอกปัด “แกให้ฉันโอนเงินให้อย่างเดียว นี่ต้องให้ฉันตามไปดูแลผู้หญิงคนนั้นด้วยอย่างนั้นเหรอ”

เรสยังคุมโทนเสียงให้ราบเรียบ แม้ว่าแววตาเขาเริ่มคุกรุ่นไปด้วยความรู้สึกบางอย่าง “ที่ผ่านมาชีวิตผมก็ให้ป๋าได้ แค่ดูแลผู้หญิงคนนั้นทำไมทำให้ผมไม่ได้”

ชายแก่เชื้อจีนยังคงโฟกัสความสนใจไปที่สิ่งของที่กำลังใช้แว่นขยายส่อง แต่ก็เงยหน้าขึ้นมาพูด “ผู้หญิงคนนั้นมันสำคัญกับแกมากมายขนาดนั้นเลยเหรอ ?” เรสเริ่มเม้มปาก เหมือนจะต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะเอ่ยปากพูดประโยคนี้ “ผู้หญิงคนนั้นชีวิตผมไว้ ในวันที่ป๋าสั่งฆ่าผมไง !” จากนั้น เรสก็ขอร้องเป็นครั้งสุดท้ายให้ป๋าตามหาผู้หญิงคนนั้น แล้วดูแลเธอให้ดี ถ้าไม่อย่างนั้น เขาจะตามมาจัดการป๋าด้วยตัวของเขาเอง

เสียงไซเรนตำรวจดังขึ้น สารวัตรพิทักษ์เดินปรี่เข้ามาหาเรส ปืนรีวอลเวอร์ในมือจ่อเข้าไปที่หน้าอกของเรส “นี่มึงตอบแทนความเชื่อใจกูแบบนี้เหรอ”

เรสยิ้มเยาะ “ความไว้ใจอย่างงั้นเหรอ ความไว้ใจที่เปิดโอกาสให้คนอื่นแทงเราจากข้างหลังอย่างงั้นน่ะเหรอ คุ้นมั้ย” สารวัตรพิทักษ์ของขึ้นเลย สาวหมัดเข้าไปที่เบ้าหน้าเรสหนึ่งหมัด ก่อนจะเอาปืนจ่อไปที่หัว แล้วก็บ่นพึมพำสอนว่าคนต่างจากสัตว์เพราะมันรู้จักบุญคุณ … แต่แวบเดียว เสี้ยววินาที เรสมันใช้สกิลขั้นเทพแย่งปืนมาจากมือของสารวัตรพิทักษ์ ก่อนจะส่งปืนกลับคืนไปด้วยสีหน้ายิ้มเยาะ ส่วนสารวัตรพิทักษ์ได้แต่ยืนงงเป็นไก่ตาแตกอยู่อย่างนั้น

เสพติดกลิ่นคาวเลือด

สารวัตรพิทักษ์พาไอ้ยักษ์ เรส สกาย ไปสืบหาเบาะแสคดีฆาตกรรมที่เพิ่งเกิดขึ้น แต่ละคนก็ใช้ทักษะของตัวเองในการล่าตัวฆาตกรสายฝน สิ่งนี่คือสิ่งที่ได้จากการออกหาเบาะแสในวันแรก …

“มันฆ่าคนเพราะว่าเสพติดกลิ่นเลือด ในวันที่ฝนตกกลิ่นเลือดจะแรงกว่าปกติเพราะว่าความชื้น มันเลยเลือกฆ่าคนในวันที่ฝนตก ในวันฝนตกครั้งต่อไปมันต้องออกฆ่าอีกแน่ …” สกายแชร์สิ่งที่มันรู้กับทีม “… การฆ่าของมันถูกฝึกมาอย่างดี มีดแรกแทงเข้าที่ไต เมื่อไตถูกแทงเลือดจะออกในช่องท้อง ตอนนั้นเหยื่อจะหมดแรงสู้ มีดสองมีดสาม มันจะแทงเพื่อเปิดทางให้เลือดไหลออกมา ช่องท้อง ต้นขา ใต้ชายโครง ปอด ระหว่างนั้นเหยื่อก็ยังไม่ตาย ระหว่างนั้นมันจะเสพกลิ่นเลือดที่ไหลออกมาสด ๆ จนพอใจ แล้วค่อยฆ่าเหยื่อทิ้ง”

จากนั้น สกายมันก็เผยความจีเนียสอันน่าเหลือเชื่อของมันออกมา “การฆ่าที่สมบูรณ์แบบของฆาตกรสายฝน มันต้องผ่านการลองผิดลองถูกมาก่อน ดังนั้น การฆ่าครั้งแรก ๆ ของมันจะเต็มไปด้วยความผิดพลาด” สกายเสนอให้สารวัตรพิทักษ์พลิกแฟ้มคดีฆาตกรรมที่เต็มไปด้วยความผิดพลาด ที่ยังหาตัวคนร้ายไม่ได้ ฆาตกรสายฝนจะอยู่ในคดีพวกนั้น

สารวัตรพิทักษ์ทำตามคำแนะนำของสกาย จนได้พบเหยื่อผู้รอดชีวิตสามคน … สารวัตรพิทักษ์กับเรสจึงไปสอบถามข้อมูลจากผู้รอดชีวิตเหล่านั้น แต่ที่น่าตกใจสำหรับเรสก็คือ หนึ่งในนั้นคือเกด !

เกดในตอนนี้มีชีวิตย่ำแย่ ต้องมาอาศัยอยู่ที่บ้านซอมซ่อกับลูกสาว … ภาพแฟลชแบ็กย้อนกลับไปเมื่อสองปีก่อน เรสได้รับใบสั่งให้สังหารสามีของเกด มันเป็นครั้งแรกที่ทำให้เขารู้สึกผิดกับการฆ่าคน เขาเห็นเกดและลูกสาวตัวน้อยร้องไห้ที่เห็นพ่อมาจากไปต่อหน้าต่อตา

ที่บ้านซอมซ่อหลังนี้ สารวัตรพิทักษ์เห็นเรสท่าทางแปลก ๆ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เรสที่จิตใจนิ่งอย่างหินผา แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหญิงสาวคนนี้ ทำไมดูอ่อนปวกเปียกไปในทันที

การบังเอิญได้เจอเกดในวันนี้ ทำให้เรสได้รู้ความจริงว่า ป๋าไม่เคยโอนเงินให้เกดตามที่เขาขอเลย เกดจึงต้องอยู่ในสถานที่ซอมซ่อแบบนี้

ในคืนนั้น ผู้กองอลิสได้รับแจ้งว่าเมื่อคืนมีเหยื่อรายหนึ่งถูกฆาตกรสายฝนสังหาร เมื่อเอาข้อมูลมาดูก็พบว่า มันกลับไปเก็บงานเหยื่อที่มันเคยทำพลาด ทีมหมาบ้าจึงรีบออกไปล่าไอ้ฆาตกรโรคจิตทันที

เรสก็รีบไปที่บ้านเกด แต่เมื่อไปถึงก็ไม่พบใครอยู่ที่บ้านหลังนั้น ส่วนไอ้ยักษ์ก็เจอฆาตกรสายฝนโดยบังเอิญระหว่างเข้าไปซื้อของในร้านชำ มันพยายามวิ่งไล่จับ แต่พลาดท่าเสียทีโดนแทงเข้าที่ท้องไปสองแผล ยังโชคดีที่สกายตามมาทัน ไอ้ยักษ์เลยรอดไปได้

ผลตรวจนิติเวชออกมาผิดคาด ตำรวจพบรอยนิ้วมือคนร้าย ตำรวจตามไปจับไอ้เอ็ดดี้ ลูกน้องไอ้ยักษ์ แต่ไม่มีใครเชื่อเลยสักคนว่าเอ็ดดี้เป็นฆาตกรสายฝน โดยเฉพาะสกาย

EP.3 พ่อค้า

“มัน (เอ็ดดี้) ไม่ใช่ฆาตกร” สกายบอกเรสกับไอ้ยักษ์ มันยังให้เหตุผลด้วยว่า …

จนถึงตอนนี้ ฆาตกรสายฝนฆ่าเหยื่อไปแล้ว 23 ราย ซึ่งเทียบเท่ากับฆาตกรต่อเนื่องคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ มันจึงต้องการฆ่าอีกหนึ่งศพเพื่อจะขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ฆาตกรต่อเนื่อง … เมื่อเรสได้ฟังแล้วก็หน้าเครียดขึ้นมาทันที

คืนนี้เป็นคืนที่ฝนตก เกดเดินกางร่มฝ่าสายฝนกลับบ้าน มืออีกข้างถือถุงกับข้าวที่ซื้อเอาไว้ให้ลูกสาว แต่ระหว่างทางชายคนหนึ่งก็ปรากฏตัว หรือมันคือฆาตกรสายฝน ใช่ มันคือฆาตกรสายฝน มันเข้าทำร้ายเกดจนลงไปนั่งหมดสติอยู่กับพื้น เลือดไหลออกจากร่างเธอไม่หยุด

“กลิ่นเลือดมึงแม่งโคตรหอมเลยว่ะ หอมจนกูต้องกลับมาหามึงอีกรอบเนี่ย” พูดจบไอ้ฆาตกรโรคจิตก็หัวเราะออกมาอย่างมีความสุข แต่ไม่ทันที่มันจะได้ทำอะไรต่อ เรสก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าไอ้ฆาตกรชั่ว เรสใช้สกิลการต่อสู้ระดับเทพจัดการกับไอ้ฆาตกรสายฝนอย่างง่ายดาย เรสเตรียมใช้มีดในมือสำเร็จโทษไอ้ฆาตกรตัวนี้ให้ตายดับดิ้นไป จังหวะนั้นเอง สารวัตรพิทักษ์ก็โผล่มา “หยุดเดี๋ยวนี้นะ ถ้ามึงฆ่ามันมึงจบ”

ปืนรีวอลเวอร์ลำกล้องสั้นในมือของสารวัตรพิทักษ์เล็งไปที่เรส เขาต้องการจับเป็น ส่วนเรสต้องการฆ่ามันให้ตายไปซะตรงนี้ เรสไม่สนคำพูดของสารวัตรหมาบ้า ที่สำคัญมันไม่กลัวคมกระสุนเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ไม่ทันที่มีดในมือจะทะลุเข้าไปในร่างของฆาตกรสายฝน สารวัตรหมาบ้าก็ลั่นไกปล่อยกระสุนเข้าไปที่หัวไหล่ของเรส

“โอ๊ย ไอ้สลัด !” เรสตะโกนด่าสารวัตรพิทักษ์ที่กำลังพาตัวไอ้ฆาตกรโรคจิตไป เรสร้องด้วยความเจ็บปวด จากนั้นเรสก็ค่อย ๆ คลานเข้าไปดูอาการของเกดที่กึ่งนั่งกึ่งนอนหายใจรวยริน

ถัดออกไปไม่ไกล สารวัตรพิทักษ์พาตัวไอ้ฆาตกรโรคจิตมานั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าท่านนำชัย ก่อนที่จะยื่นปืนกึ่งอัตโนมัติขนาด 9 มม. ให้ท่านนำชัยสำเร็จโทษมันซะตรงนี้ … “โอ๊ย น่ากลัวฉิบหายเลยว่ะ อย่างกับในหนัง” ฆาตกรสายฝนมันโรคจิตโดยสมบูรณ์ มันไม่กลัวความตายเลยแม้แต่นิดเดียว แล้วจู่ ๆ ท่านนำชัยที่นิ้วชี้อยู่โกร่งไกก็เกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา “ยังไม่ถึงเวลา” ท่านนำชัยส่งปืนในมือคืนให้สารวัตรพิทักษ์ แล้วเดินกลับขึ้นรถไป

เหยื่อล่อ

เมื่อกลับมาที่โบสถ์ร้าง ผู้กองอลิสโกรธเป็นฟืนเป็นไฟที่สารวัตรพิทักษ์หลอกเธอ และใช้วิธีสกปรกในการจับตัวคนร้าย โดยการแกล้งจับตัวเอ็ดดี้ แล้วใช้เกดเป็นเหยื่อล่อ แต่สารวัตรหมาบ้ากลับมองตรงกันข้าม เขามองว่าสุดท้ายแล้วผลลัพธ์คือจับตัวฆาตกรสายฝนได้ แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว

“ฉันว่านะ เธอไม่เหมาะที่จะทำงานนี้หรอก ลาออกจากทีมไปซะ” สารวัตรพิทักษ์ที่มือคีบบุหรี่อยู่ในมือ พูดคำพูดนั้นใส่หน้าผู้กองอลิส ซึ่งเป็นจังหวะกับที่เรสปรี่เข้ามาสาดหมัดเข้าใส่เบ้าหน้าสารวัตรพิทักษ์อย่างแรง สารวัตรพิทักษ์สะบัดหน้าเพื่อเรียกสติให้กลับมา ก่อนจะสูดควันพิษเข้าไปในปอดหนึ่งปื้ด

“มึงนี่มัน here จริง ๆ เลยนะ” เรสด่าสารวัตรพิทักษ์เพื่อระบายอารมณ์

แต่ยังไม่ทันที่สารวัตรพิทักษ์จะทำสติให้กลับมาปกติจากหมัดแรก หมัดที่สองจากไอ้ยักษ์ก็ถูกซัดเข้าที่กรามของสารวัตรหมาบ้าอีกดอก “ไอ้สลัดเอ๊ย นี่สำหรับเอ็ดดี้”

หมัดที่สองที่โดนเข้าเบ้าหน้า สารวัตรพิทักษ์ใช้เวลานานกว่าเดิมกว่าจะพยุงตัวเองขึ้นมาจากพื้นได้ แต่ที่น่าแปลกประหลาดคือ บุหรี่ที่เขาคีบอยู่ที่มือยังอยู่ดีเหมือนเดิม สารวัตรพิทักษ์ค่อย ๆ ประคองตัวเองขึ้นมาแล้วสูดควันพิษเข้าไปในปอดที่หนึ่งปื้ด แถมยังลอยหน้าลอยตาพยายามเก็บทรง ในเวลาเดียวกันนั้น เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ก็เข้ามาพาตัวเรสกับไอ้เรสไป

ผู้กองอลิสได้แต่จ้องตาสารวัตรพิทักษ์ที่ตอนนี้เผยธาตุแท้ออกมาแล้ว เขาหักหลังทุกคน !

ภาพตัดมาที่ห้องสอบสวน … สกายกำลังสอบสวนฆาตกรสายฝน แล้วก็ได้รู้ความจริงอันน่าตกตะลึงว่า ฆาตกรสายฝนไม่ได้เป็นคนฆ่าผู้กองโชค ลูกชายของท่านนำชัย … สารวัตรพิทักษ์ที่แอบดูการสอบสวนนี้อยู่ถึงกับหน้าเหวอทันที

สัญญาต้องเป็นสัญญา

แม้ทีมหมาบ้าจะจับตัวฆาตกรสายฝนเข้าซังเตได้แล้ว แต่ยังมีฆาตกรโรคจิตที่ลงมือฆ่าผู้บริสุทธิ์อยู่เกลื่อนเมือง และคดีสังหารโหดหญิงสาวล่าสุด ก็ได้สร้างความเสื่อมเสียให้กับตำรวจอีกครั้ง ตำรวจที่ไม่มีปัญญาปกป้องประชาชน ตำรวจที่เอาแต่อ้างสารพัดเหตุผลเมื่อไม่สามารถจับตัวคนร้ายได้ !

เมื่อตำรวจปกติไม่สามารถจัดการฆาตกรชั่วเหล่านี้ได้ ท่านนำชัยจึงมีคำสั่งด่วนให้เรียกทีมหมาบ้ากลับมาใช้งานอีกครั้ง

สารวัตรพิทักษ์เข้าไปตีเยี่ยม เรส, ไอ้ยักษ์ และสกาย ที่เรือนจำ และได้ยื่นข้อเสนอลดโทษให้อีกครั้ง ทำให้ถึงจะเหม็นขี้หน้าแค่ไหนก็เหอะ ข้อเสนอดี ๆ อย่างนี้ ทั้งสามจึงจำต้องรับเอาไว้

ทุกอย่างเหมือนวนลูปกลับมาที่จุดเดิม เพิ่มเติมคือทั้งสามจะได้ทำงานที่เป็นกิจจะลักษณะมากขึ้น “ตอนนี้พวกนายเป็นทีมหน่วยงานลับ หน้าที่หลักคือปิดคดีที่ทีมปกติไม่สามารถทำได้ เมื่อปิดคดีได้จะได้ลดโทษตามสัญญา และกลับเข้าไปอยู่ในเรือนจำรอจนกว่าจะมีคดีใหม่อีกครั้ง ใครได้ลดโทษจนหมดก็จะเป็นอิสระ” ผู้กองอลิสพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

พ่อค้า

ผู้กองอลิสพาทั้งสามไปยังที่เกิดเหตุ “สองวันก่อนมีหญิงสาวโทร. แจ้งเหตุกับ 191 ว่าถูกคนร้ายลักพาตัว เธอชื่อหลิน อายุ 24 ปี หลังจากมันขังหลินเอาไว้ เธอเกิดได้สติ จึงโทร. แจ้งตำรวจ คนร้ายได้ยินเสียงคุยโทรศัพท์จึงเข้ามาจัดการกับหลิน เมื่อเจ้าหน้าที่ถึงที่เกิดเหตุก็ศพชิ้นส่วนมนุษย์มากกว่าสามร้อยชิ้นอยู่ในที่เกิดเหตุ เป็นของเหยื่อมากกว่าสิบคน แต่ไม่มีหลินเป็นหนึ่งในนั้น”

นั่นหมายความว่าหลินอาจจะยังมีชีวิตอยู่ ?

แต่ที่น่าแปลกคือ คนร้ายจะใช้น้ำกรดราดตัวเหยื่อก่อนที่จะทำการหั่นศพ … ระหว่างที่ทุกคนกำลังใช้ความคิด ไอ้ยักษ์ก็ใช้พละกำลังอันมหาศาลของมันพังผนังเข้าไปจนเจอห้องลับ ทำให้ได้รู้ความจริงว่า คนร้ายมันเป็นพ่อค้าอวัยวะมนุษย์

เมื่อได้เบาะแสสำคัญว่าคนร้ายเป็นพ่อค้าอวัยวะมนุษย์ แต่ละคนก็ออกไปตามหาเบาะแสตามที่ตัวเองถนัด จนได้เบาะแสสำคัญว่า ไอ้พวกชำแหละศพขายเป็นพวกแก๊งคนจีน !

เรสตามไปจนพบเบอร์โทร. ของคนร้าย เขาจึงให้ผู้กองอลิสหาตำแหน่งให้ ในที่สุดก็พบ มันอยู่ที่โรงงานแห่งหนึ่งแถวบางขุนเทียนชายทะเล ทั้งหมดจึงตามกันไปที่นั่น

สภาพโรงงานเป็นตึกแถวติดกันหลายห้อง ห้องเชือดอยู่ชั้นบน ศพมนุษย์ถูกจับแก้ผ้ามัดขาผูกเอาไว้กับขื่อ ให้หัวห้อยลงมาเพื่อให้เลือดไหลออกให้หมดร่าง ที่ห้องมีศพแบบนี้ห้อยรอการเชือดอยู่สามถึงสี่ศพ ไม่ห่างจากโต๊ะเชือด หลินนอนหายใจรวยรินอยู่ สายตาที่เต็มไปด้วยความกลัวของเธอมันยังแฝงไปด้วยพลังฮึดสู้ ตอนนี้ในมือของเธอซ่อนกรรไกรเอาไว้ เธอแอบซ่อนมันเอาไว้ เธอจะไม่ยอมตายไปง่าย ๆ อย่างแน่นอน

ไอ้เล้งคือมือเชือด ไอ้เล้งเดินมาหาหลิน จังหวะนั้นเองที่เธอเหวี่ยงกรรไกรในมือสุดแรง แต่แรงของหญิงสาวน้อยนิดเกินไป แม้มันจะทำให้ไอ้เล้งบาดเจ็บได้ แต่มันก็เล็กน้อยเกินไป ไอ้เล้งโกรธจัด คว้าเอาค้อนทุบเข้าไปที่ตัวของหลินไม่ยั้งสามถึงสี่ที !?

ที่ชั้นล่าง ไอ้ยักษ์ทำท่าจะบุกเดี่ยวขึ้นไปช่วยหญิงสาว แต่ดูเหมือนว่าเรสจะส่งซิกให้มันอยู่เฉย ๆ เรสสวมถุงมือหนังที่ผ่านการตัดเย็บมาอย่างดี มืออีกข้างคว้ามีดพกเล็ก ๆ ออกมา เรสเดินดาหน้าจัดการกับลูกน้องแก๊งค้ามนุษย์ชาวจีนทีละคน ๆ ด้วยสกิลการฆ่าคนของเรส สามารถจัดการพวกลูกกระจ๊อกเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย ง่ายดายขนาดที่ว่า เรสไม่เสียเหงื่อสักหยด

สารวัตรพิทักษ์รีบปรี่เข้าไปในห้องเชือด ไอ้ยักษ์เข้าไปกระทืบไอ้เล้งจนแขนหลุด ส่วนสารวัตรรีบเข้าไปดูร่างของหลินที่นอนนิ่งอยู่บนโต๊ะเชือด เลือดทั่วร่างของเธอทำให้สารวัตรหมาบ้าฟิวส์ขาด เขาใช้ปืนรีวอลเวอร์คู่กายจ่อไปที่หัวของไอ้เล้งและลั่นไกทันที “แปะ” กระสุนหมด !

ไอ้เล้งร้องเสียงหลง คนที่ฆ่าคนได้อย่างเลือดเย็น เมื่อถึงเวลาที่ตัวเองต้องตายกลับกลัวตายจนร้องเสียงหลงแบบนี้นี่เอง สารวัตรพิทักษ์เดินไปหยิบลูกซองสไลด์ห้านัด ไอ้เล้งต้องตาย มันไม่สมควรจะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป แต่จังหวะนั้นเอง หลินขยับตัว เธอยังไม่ตาย … สารวัตรพิทักษ์เอานิ้วชี้ออกจากโกร่งไก ในขณะที่ผู้กองอลิสก็โล่งอกที่วันนี้ไม่ต้องมีคนตายเพิ่ม

หลังจากภารกิจผ่านไปได้ด้วยดี สารวัตรพิทักษ์จึงพูดกับสามคนนั่นว่า “พวกมึงจำความรู้สึกนี้เอาไว้ให้ดี เพราะภารกิจที่แท้จริงที่พวกมึงต้องทำคือการช่วยคน” เรสฟังไปก็รำคาญไปกับการดึงดราม่าของสารวัตรพิทักษ์

สารวัตรพิทักษ์ให้ที่อยู่ของเกดกับเรส และอนุญาตให้เขาไปเยี่ยมเธอได้

ในตอนท้าย ไอ้ยักษ์โดนกลุ่มชายปริศนาคลุมหัวด้วยถุงดำและพาตัวขึ้นรถตู้ไป !?

EP.4 กับดัก

ไอ้ยักษ์ถูกลักพาตัวไปพบคนคนหนึ่งที่มันเรียกว่า “เฮียเหม” มันได้รับคำสั่งให้ฆ่าสกาย ! จากนั้นมันก็กลับมาที่โบสถ์ร้าง โดยอ้างว่ามันไปฉี่แล้วเดินหลงทางกลับมาไม่ถูก อ้างด้วยเหตุผลซื่อบื้อแบบนี้มีเหรอที่ผู้กองอลิสจะเชื่อ แต่ก็นั่นแหละ ผู้กองอลิสไม่รู้จะทำยังไง ได้แต่เดินสะบัดบ๊อบออกไปด้วยความไม่พอใจ

ระหว่างนั้นท่านนำชัยสั่งเก็บฆาตกรสายฝนในคุก มันถูกแทงตายในโรงอาบน้ำอย่างน่าอนาถ

จากนั้น สารวัตรพิทักษ์ได้เริ่มปฏิบัติการล้างบางขบวนการค้าอวัยวะ โดยเรียกปฏิบัติการนี้ว่า “Cleaning Day” โดยเป้าหมายคือจัดการกับตัวการใหญ่ที่อยู่บนยอดพีระมิดของขบวนการค้าอวัยวะ

หลังทำการสืบสวนในเชิงลึก พบว่าพวกลูกกระจ๊อกยิบย่อยในขบวนการค้าอวัยวะจะสาวย้อนกลับไปถึงสาวใหญ่คนหนึ่งที่มีชื่อว่า ไฮโซจันทรา อายุ 53 ปี หรือมีฉายาว่า เจ๊เดือน นานา อดีตเจ้าแม่วงการค้าเนื้อสด ที่ผันตัวมาค้าอวัยวะ โดยมีบริษัทธุรกิจขายตรงอาหารเสริมบังหน้า จนปัจจุบันร่ำรวยใหญ่โต มีผู้ใหญ่ในแวดวงการเมืองให้การหนุนหลัง แถมยังมีตำรวจยศใหญ่โตรับเงินสินบนจากเธออีกด้วย นี่แหละเป็นเหตุผลที่จันทรายังลอยหน้าลอยตาทำผิดได้อย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย

บุกรังจันทรา

รถตู้เมอร์ซีดีสรุ่นบุโรทั่งคันสีดำของทีมหมาบ้ามาจอดอยู่ที่อาคารสำนักงานแถวถนนวิทยุ มันเป็นอาคารของบริษัทจันทรา อาคารที่ผู้กองอลิสบรีฟให้ทุกคนรู้ว่า ที่นี่ถูกใช้เป็นที่เชือดคนกลางเมือง …

“แผนคือพวกนายต้องเข้าไปหาหลักฐานเกี่ยวกับการค้าอวัยวะมาให้ได้ แล้วที่เหลือ ผบ.นำชัยจะจัดการเอง” ผู้กองอลิสบอกแผนคร่าว ๆ กับสามสมาชิกทีมหมาบ้า

สารวัตรพิทักษ์นำทีมเดินเข้ามาภายในอาคาร ด่านแรกที่ต้องเจอคือพนักงานรักษาความปลอดภัยสาว เธอพูดจานิ่มนวลต้อนรับแขกผู้มาเยือน แต่เมื่อสารวัตรหมาบ้าแจ้งว่าเขาเป็นตำรวจมาพบคุณจันทรา ระบบรักษาความปลอดภัยก็ดูจะเข้มงวดขึ้นทันที ชายฉกรรจ์ในชุดสูทหลายคนมาประกบทั้งสี่สมาชิกทีมหมาบ้าทันที

“รบกวนฝากอาวุธไว้ที่เคาน์เตอร์นะครับ เป็นกฎของอาคาร” ชายฉกรรจ์ในชุดสูทสีดำพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน สารวัตรพิทักษ์ล้วงเข้าไปหยิบปืนลูกโม่สีเงินแวววาววิบวับของตัวเองออกมาให้ ก่อนที่พนักงานสาวจะค่อย ๆ ใช้เครื่องสแกนตรวจทีละคน ๆ จนมาถึงไอ้ยักษ์ พนักงานสาวถึงกับสีหน้าตกใจเมื่อสแกนไปที่บริเวณเป้าของไอ้ยักษ์แล้วเครื่องส่งสัญญาณดังรัว ๆ “ตี๊ด ๆ ๆ ๆ” พนักงานสาวสแกนย้ำไปที่เป้าของมันอยู่อย่างนั้นจนไอ้ยักษ์ร้องขอให้หยุด จากนั้นมันก็ใช้มือล้วงเข้าไปในเป้ากางเกงเพื่อล้วงวัตถุที่ทำให้เครื่องสแกนร้องจนเสียงดังออกมา มันคือ …

มันคือปลัดขิก เครื่องรางของขลังของผู้ที่มีความเชื่อในเรื่องไสยศาสตร์ ว่ากันอย่างนั้น แต่ปลัดขิกของไอ้ยักษ์ไม่เหมือนของคนอื่น เพราะปลัดขิกของมันขนาดเท่านิ้วก้อยเด็กแรกเกิด เมื่อมันหยิบออกมา พนักงานสาวถึงกับหัวเราะไม่หยุดด้วยความเขินอาย (เธอคงคิดในใจว่าตัวใหญ่อย่างกับยักษ์ แต่ห้อยปลัดขิกอันเท่านิ้วก้อยเด็ก)

ทีมหมาบ้าเข้ามาในอาคารได้แล้ว แต่ทุกการกระทำของทุกคนอยู่ในสายตาของจันทรา ที่กำลังมองผ่านกล้องวงจรปิด สาวใหญ่จันทรามองสารวัตรพิทักษ์ด้วยความเดือดดาล ที่กล้าเข้าวุ่นวายความสงบสุขของเธอ

กับดัก

ทั้งสี่เข้าไปในอาคาร แต่มีหนึ่งในนั้นที่รู้สึกแปลก ๆ สกายเป็นคนเดียวที่รู้สึกแปลก ๆ สารวัตรพิทักษ์ถูกพาตัวไปที่ห้องรับรอง เรสถูกพาแยกออกไปเดินดูโดยรอบของอาคาร ส่วนไอ้ยักษ์กับสกายอยู่ด้วยกัน เมื่อแต่ละคนถูกจับแยกออกจากกัน พวกลูกสมุนของจันทราก็เข้ารุมหมายสังหารทีละคน ๆ

คนต่อมาที่รู้ว่าเป็นกับดักก็คือเรส หลังจากจัดการกับชายฉกรรจ์ที่คุมตัวเขาทั้งสามคนไปได้แล้ว เขาก็รีบโทร. หาผู้กองอลิสทันที “มันเป็นกับดัก ! มีคนหักหลังเราแน่ ตอนนี้พวกมันล้อมฆ่าเราอยู่”

แต่พอวางสายไป หมวดคิงที่เป็นพลขับก็กระแทกหมัดเข้าเบ้าหน้าผู้กองอลิสอย่างแรง จนเธอสลบไปทันที … ไอ้ตัวทรยศ มันคือไอ้หมวดคิงนี่เอง !

จากนั้นมันก็เตรียมนำร่างที่ไร้สติของผู้กองอลิสไปถ่วงน้ำ แต่โชคดีที่ผู้กองสาวได้สติขึ้นมาก่อนจึงจัดการกับไอ้หมวดชั่วได้

แต่หมวดคิงมันจะทำด้วยตัวเองเพียงลำพังเหรอ ไม่ …

ภาพตัดกลับไปที่เลานจ์แห่งหนึ่ง นายตำรวจใหญ่ชื่อ ท่านประทิน กำลังนั่งดื่มเหล้าเคล้านารีกับเพื่อนรัก ท่านประทินกำลังคุยโทรศัพท์กับจันทรา เขาสั่งหน่วย S.W.A.T. ไปที่อาคารเพื่อสังหารทีมหมาบ้าให้แล้ว จันทราก็เลยรับปากจะมอบสินบนเป็นบ้านที่สวิสให้เป็นการตอบแทน … แล้วเพื่อนรักที่อยู่กับท่านประทินคือใคร ? ภาพค่อย ๆ เผยให้เห็น ตำรวจชั่วที่หักหลังทีมหมาบ้า คือ ท่านนำชัย !!?

จันทราสั่งให้ลูกน้องของเธอทั้งอาคารจัดการกับทีมหมาบ้าให้สิ้นซาก ระหว่างนั้นหน่วย S.W.A.T. ก็เดินทางมาถึง มันได้รับสินบนคนละหนึ่งล้านบาทในการสังหารทีมหมาบ้าเช่นกัน … ณ เวลานี้ แขกที่ไม่เกี่ยวข้องถูกเชิญให้ออกจากอาคารทั้งหมด อาคารถูกปิดแล้ว ตอนนี้มันไม่ใช่อาคารธุรกิจอีกต่อไป นับจากนี้มันคือสนามรบ

สถานการณ์ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หน้าโง่แค่ไหนก็รู้ดีว่าต้องร่วมมือกัน สกายที่มีสกิลการต่อสู้น้อยกว่าคนอื่นจัดการพวกลูกกระจ๊อกได้ไม่กี่คน ก็ถึงกับหมดแรงนั่งหลังพิงราวบันได แต่ไม่นานนัก ไอ้ยักษ์ก็เข้ามาฉุดให้เขาลุกขึ้น ทั้งสองมองตากัน ส่งสายตากันแล้วพยักหน้าให้กันเล็กน้อย เป็นภาษากายที่ตกลงว่าจะร่วมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กัน เป้าหมายของทั้งสองคือไปหาสารวัตรพิทักษ์ที่ชั้นบน ชั้นไหนสักแห่งในอาคารนี้

ก็อย่างที่บอกนั่นแหละ สกายมีทักษะการต่อสู้ที่อ่อนด้อยกว่าคนอื่น เพราะความเก่งของเขาอยู่ที่มันสมอง จังหวะนั้นเอง ไอ้พวกลูกกระจ๊อกก็อาศัยจังหวะที่สกายเผลอ มันคว้ามีดจ้วงแทงจากด้านหลังเข้าไปที่ขาของสกาย ยังดีที่ยังมีไอ้ยักษ์พาสกายรอดจากความตายไปได้อย่างหวุดหวิด

ไอ้ยักษ์ประคองสกายมาหลบในห้องหนึ่ง แต่กลายเป็นว่าห้องที่มันเจอเป็นห้องที่ใช้ชำแหละคน ห้องที่ใช้ชำแหละคนเพื่อเอาอวัยวะไปขาย !

ไม่นานนัก เรสก็ตามมาสมทบ และด้วยสกิลการฆ่าระดับเทพของเรส ทำให้ทั้งสามสามารถบุกตะลุยไปหาสารวัตรพิทักษ์ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

สารวัตรพิทักษ์ไล่ให้ทั้งสามออกไปจากตึก “หมดหน้าที่ของพวกมึงแล้ว ที่เหลือกูจัดการเอง พวกมึงไม่ควรจะต้องมาตายที่นี่” แต่ไอ้ยักษ์ก็สวนกลับไปทันทีด้วยคำพูดเท่ ๆ ที่ออกมาจากใจของมัน “อะไรของมึงไอ้สารวัตร เข้ามาด้วยกันก็ต้องออกไปด้วยกัน ที่กูอยู่มาได้ถึงทุกวันนี้ เพราะกูไม่เคยทิ้งใครไว้ข้างหลัง”

จากนั้น สารวัตรพิทักษ์ก็บอกทั้งสามว่า เขาโดนท่านนำชัยหักหลัง “ตอนนี้กูขอจับจันทราให้ได้ก่อน แล้วค่อยไปเคลียร์กับพี่ (นำชัย) กูทีหลัง”

ทั้งสี่บุกตะลุยเข้าไปจัดการกับลูกกระจ๊อกที่พยายามปกป้องนายสาว สารวัตรพิทักษ์ที่แก่หงำและเชื่องช้า ไม่ใช่ปัญหา เพราะในมือมีปืนกึ่งอัตโนมัติลำกล้อง 3 นิ้วพร้อมกับความบ้าระห่ำไม่กลัวตาย ไอ้พวกลูกกระจ๊อกหน้าโง่จึงกลายเป็นแค่โล่รับกระสุน … ส่วนเรสก็ใช้มีดในมือจัดการไอ้พวกลูกกระจ๊อกทีละคน ๆ ไอ้ยักษ์กับสกายก็ต่อสู้ด้วยมือเปล่าตามที่ตัวเองถนัด แต่พวกลูกกระจ๊อกมันเยอะเหลือเกิน เยอะเกินกว่าที่ทีมหมาบ้าจะฆ่าพวกมันได้หมด

จนกระทั่ง ท่านนำชัยกับผู้กองอลิสพากำลังเสริมมาช่วยทีมหมาบ้าได้ทัน !

คนที่ผ่านความตายมาด้วยกัน

ที่แท้แล้ว ท่านนำชัยวางแผนใช้ปฏิบัติการบุกจับจันทราเป็นเหยื่อล่อ เพื่อจับปลาที่ใหญ่กว่า และปลาตัวนั้นคือท่านประทิน ผู้การชั่ว … สารวัตรพิทักษ์ที่ได้รู้ความจริงก็ถึงกับโล่งอก

จากผลงานทลายแก๊งค้าอวัยวะมนุษย์ และจัดการเปิดโปงการคอร์รัปชันของบิ๊กระดับผู้การในวงการตำรวจ ทำให้ท่านนำชัยได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งถือได้ว่าเป็นผู้บัญชาการที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์

หลังเสร็จภารกิจสำคัญ ทั้งห้าสมาชิกแก๊งหมาบ้าก็มานั่งก๊งเหล้าด้วยกัน ทั้งห้าดูจะถูกหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้น เพราะแต่ละคนได้ผ่านความเป็นความตายมาด้วยกัน โดยเฉพาะผู้กองอลิสที่เป็นหญิงสาวคนเดียวในทีมหมาบ้า หญิงสาวแสนสวยที่ไม่เคยมีรอยยิ้มให้เห็นใครแม้แต่ครั้งเดียว แต่บนโต๊ะวงสุราคืนนี้ เธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับคำพูดของไอ้ยักษ์ที่เรียกเธอว่า “นางฟ้าขาโหด”

EP.5 ฆาตกร

หลังจากท่านนำชัยก้าวขึ้นรับตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางแทนผู้การประทิน พวกพ่อค้ายาและอาชญากรที่เคยจ่ายสินบน ต่างดาหน้าโดนท่านนำชัยกวาดล้างอย่างไม่ไว้หน้า ไม่เว้นแม้แต่อัยการชั่วที่วัน ๆ เอาแต่นั่งเล่นโทรศัพท์คุยกับเมียน้อย รอแต่รับสินบนไปวัน ๆ … แต่ก็นั่นแหละ ตำรวจเลวกับอัยการชั่วมันมีมากมายเหลือเกิน จัดการเท่าไรมันก็ไม่หมดไปสักที

เหตุกราดยิง

มีเหตุกราดยิงต่อเนื่องกันสองวันสองเหตุการณ์ ทีมหมาบ้าจึงต้องออกสืบสวนว่าทั้งสองเหตุมีความเชื่อมโยงกันหรือไม่ และที่สำคัญคือแรงจูงใจในการฆ่าของคนร้ายคืออะไร ?

คำถามข้อแรกคลี่คลายได้ไม่ยาก เมื่อสารวัตรพิทักษ์เห็นหัวกระสุนที่ได้จากตัวเหยื่อจากสองเหตุการณ์มีความเหมือนกัน แล้วอะไรล่ะคือแรงจูงใจของมัน เรสกับสกายกำลังลงพื้นที่เพื่อหาคำตอบ …

หลังจากไปดูที่เกิดเหตุ สกายตั้งข้อสังเกตที่ได้จากคำบอกเล่าของพยานทั้งสองเหตุการณ์ มีอย่างหนึ่งที่เหมือนกันคือ เสียงปืนห้านัดแรกจะดังต่อเนื่องกัน แต่นัดที่หกมีการเว้นระยะเวลา “ฆาตกรมันยิงแบบมีจังหวะ เล็ง ยิงสองนัด โหลดกระสุน ยิงสองนัด แล้วก็โหลดกระสุน แล้วยิงอีกหนึ่งนัด ส่วนนัดที่หก มันใช้เวลาเล็งนานกว่าปกติ เหยื่อคนที่หกของทั้งสองเหตุการณ์อาจเป็นเป้าหมายของฆาตกรก็เป็นได้” เรสส่งเสียงอือเล็ก ๆ ว่าเห็นด้วย

ระหว่างนั้น ได้เกิดเหตุกราดยิงครั้งที่สามขึ้น แต่ครั้งนี้กลับแตกต่างออกไป คนร้ายยิงพลาด … แต่เบาะแสสำคัญที่ได้คือเหยื่อรายที่หกทั้งสามเหตุการณ์มีอย่างหนึ่งเหมือนกันคือ ทุกคนทำงานที่กรมโยธา และเมื่อสืบสวนลึกลงไปก็พบว่า เป็นการฆ่าล้างแค้นที่โกงเงินประมูลงาน

เมื่อได้ข้อมูลชัดเจนแบบนี้แล้วก็ไม่ยากที่จะจับตัวคนร้าย สารวัตรพิทักษ์ใช้เป้าหมายคนสุดท้ายที่ร่วมโกงเป็นเหยื่อล่อ คนร้ายถูกจับได้ในที่สุด

แต่ระหว่างนั้น เฮียเหมสั่งคนให้พาตัวไอ้ยักษ์ไปฆ่า เพราะมันไม่ทำตามคำสั่งที่เฮียเหมให้มันไปฆ่าสกาย ณ จุดนี้ ไอ้ยักษ์ยอมรับกับเฮียเหม ผู้มีพระคุณของมันไปตรง ๆ ว่า มันไม่อยากฆ่าคนอีกต่อไปแล้ว เพราะการฆ่าไม่เคยทำให้มันมีความสุขเลย ยิ่งตอนนี้มันได้ช่วยคน ทำให้มันไม่อยากกลับไปเหมือนเดิมอีกต่อไป ไอ้ยักษ์บอกกับเฮียเหมว่ามันยอมตาย

“จับเอามันเข้าโลง” คำพูดสุดท้ายจากปากเฮียเหม ไอ้ยักษ์ทำตามแต่โดยดี ถ้าเป็นคนอื่นมันจะสู้ แต่สำหรับคำพูดของเฮียเหมแล้วมันยอมรับอย่างสุดใจ ไอ้ยักษ์ลงไปนอนในโลกที่เตรียมเอาไว้ จากนั้นลูกน้องของเฮียเหมก็เอาตะปูมาตอกฝาโลง !

EP.6 ความลับ

เฮียเหมให้ลูกน้องแบกโลงศพที่มีไอ้ยักษ์อยู่ด้านในใส่เข้าไปในเมรุ “ไว้เจอกันเว้ยไอ้ยักษ์”

เวลาเดียวกันนั้น เป็นเวลาเดียวกับที่ตำแหน่งจีพีเอสของไอ้ยักษ์กลับมาอีกครั้ง ผู้กองอลิสจึงสั่งรวมทีมเพื่อไปตามหาไอ้ยักษ์ทันที ตำแหน่งของไอ้ยักษ์อยู่ที่วัดแห่งหนึ่ง … ผู้กองอลิสยืนอยู่หน้าเมรุ ก้มดูโทรศัพท์ด้วยสีหน้างงงวยที่ตำแหน่งจีพีเอสของไอ้ยักษ์ตรงกับเตาเผาศพที่ไฟกำลังลุกโชน เรสกับสกายไม่รอช้า ใช้ชะแลงที่วางอยู่ใกล้ ๆ แถวนั้นงัดเตาเผา และช่วยไอ้ยักษ์ออกมาได้ในที่สุด ไอ้ยักษ์เหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง

สักพัก เสียงโทรศัพท์ที่ซ่อนอยู่ในโลงศพก็ดังขึ้น ไอ้ยักษ์รีบกดรับสายนั้นทันที เสียงจากปลายสายมันคือเสียงของเฮียเหม “กูจะถือว่ากูได้ฆ่ามึงไปแล้ว” ที่แท้แล้วเฮียเหมเป็นคนช่วยไอ้ยักษ์เอาไว้ ช่วยเอาไว้จาก “บุคคลปริศนา” ที่ต้องการฆ่ามัน ไม่ใช่สิ ช่วยมันเอาไว้จาก “บุคคลปริศนา” ที่ต้องการฆ่าสกาย

เฮียเหมยังไม่กดวางโทรศัพท์ เขาตั้งใจให้ไอ้ยักษ์ได้ยินเสียงเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น มีชายฉกรรจ์นับสิบคนถูกสั่งให้มาเอาตัวเฮียเหมไป … ไอ้ยักษ์ได้ยินเสียงที่เกิดขึ้นทั้งหมดผ่านโทรศัพท์ สิ่งเดียวที่มันคิดได้ในตอนนี้คือต้องไปช่วยเฮียเหม ปัญหาคือมันไม่รู้ว่าเฮียเหมอยู่ที่ไหน

ไอ้ยักษ์ที่ตอนนี้น้ำตาเอ่อเบ้า ลงไปคุกเข่าต่อหน้าสารวัตรพิทักษ์เพื่อขอให้ช่วยตามหาเฮียเหมให้หน่อย เมื่อเห็นสารวัตรนิ่งไม่ตอบรับสิ่งที่มันขอ มันจึงพนมมือลงไปกราบตีนสารวัตรพิทักษ์ “ช่วยผมตามเฮียเหมหน่อย ผมขอโอกาสตอบแทนบุญคุณเฮียเหม แล้วหลังจากนี้ สารวัตรจะให้ผมทำอะไร ผมยอมทุกอย่างเลย”

ปฏิบัติการตามหาเฮียเหม

เฮียเหมถูกลูกน้องของไอ้สิงห์จับตัวไป ไอ้สิงห์มันต้องการโค่นเฮียเหม เพื่อที่ตัวมันเองจะได้ขึ้นเป็นเบอร์หนึ่ง สิ่งที่ไอ้สิงห์ต้องการคือคลิปลับที่เฮียเหมจ่ายสินบนให้พวกบิ๊กตำรวจและข้าราชการระดับสูง มันเป็นหลักประกันที่ทำให้เฮียเหมเป็นใหญ่ได้อย่างยาวนาน โดยที่ไม่มีใครกล้าทำอะไร

สารวัตรพิทักษ์กับผู้กองอลิสไปหาไอ้สิงห์ที่สถานบันเทิงรังของมัน ไอ้สิงห์พูดกับสารวัตรพิทักษ์เหมือนคนรู้จักกันมานาน จนทำให้ผู้กองอลิสออกสีหน้าสงสัย แต่ด้วยความที่ไอ้สิงห์เป็นพวกบ้าดีเดือด มันจึงพูดจี้ใจดำสารวัตรเรื่องที่ลูกสาวของเขาโดนฆ่าตาย สารวัตรพิทักษ์โกรธเลือดขึ้นหน้า ปรี่เข้าไปเอาปืนกรอกขมับไอ้สิงห์ “ยิงกูเลยสิ ยิงเลย” ไอ้สิงห์ท้าทาย

ไอ้สิงห์มันกล้าท้าทายสารวัตรหมาบ้า เพราะมันเห็นว่าลูกน้องมันเล็งปืนนับสิบกระบอกไปที่หัวของผู้กองสาว สารวัตรพิทักษ์ไม่มีทางเลือกนอกจากยอมจำนน

ลูกน้องของไอ้สิงห์เตรียมยิงผู้กองอลิสกับสารวัตรพิทักษ์ทิ้ง แต่จู่ ๆ ก็มีนักฆ่าที่อัยการเผด็จจ้างมา เข้ามาช่วยตำรวจทั้งสองเอาไว้ได้ (อัยการเผด็จคืออัยการที่ท่านนำชัยดึงเข้ามาเป็นพวก ตอนที่จัดการกับอัยการชั่วที่สำนักงานอัยการเมื่อ EP.5) อัยการเผด็จบอกกับสารวัตรพิทักษ์ที่ท่าทางสงสัยว่า เขาใช้วิธีการเดียวกับที่ท่านนำชัยใช้ เพียงแต่เขาใช้เงินจ้าง ไม่ใช่การลดโทษให้แบบทีมหมาบ้า

จากนั้น ทีมหมาบ้าก็ตามไปช่วยเฮียเหมจนสำเร็จ แต่ทว่า เมื่อเฮียเหมเห็นหน้าสกาย เฮียแกก็คว้าเอามีดปรี่เข้าไปเตรียมจะจ้วงแทงสกายทันที ไอ้ยักษ์เห็นก่อน มันจึงเอื้อมมือไปคว้ามีดจนเลือดไหลเป็นทาง

เฮียเหมตะโกนโวยวายออกมาที่เห็นไอ้ยักษ์เข้ามาขัดขวาง “ถ้ามึงฆ่ามันตั้งแต่วันนั้น เรื่องมันคงไม่เป็นแบบนี้ มึงไม่ฆ่า กูก็เลยต้องมาฆ่า กูไม่มีทางเลือก” ไอ้ยักษ์ยังคงกำคมมีดเอาไว้แน่น มันไม่ยอมให้เฮียเหมฆ่าสกาย เพราะสกายคือเพื่อนรักของมัน เพื่อนที่เคยทั้งช่วยชีวิตมัน เพื่อนที่เคยเจ็บแทนมัน

เฮียเหมจำใจต้องวางมีดลง แต่ก่อนจะเดินจากไป เฮียเหมได้สอนไอ้ยักษ์ด้วยน้ำเสียงจริงจัง “มึงจำไว้นะไอ้ยักษ์ อย่าไว้ใจใคร ยิ่งมึงไว้ใจใครมากเท่าไร มึงยิ่งต้องระวังมันมากเท่านั้น”

ใคร ?

แม้ปฏิบัติการช่วยเฮียเหมจะสำเร็จ แต่มันได้ทิ้งปมปริศนาเอาไว้มากมาย …

  • ผู้กองอลิสสงสัยความสัมพันธ์ของสารวัตรพิทักษ์กับเฮียเหม ที่ดูจะมีความลับซ่อนอยู่เบื้องหลังความสัมพันธ์
  • เรสเองมันเคยได้รับใบสั่งให้ฆ่าสกายมาหลายใบ แต่เรสไม่รู้ว่าใครคือบุคคลปริศนาคนนั้น
  • ไอ้ยักษ์มันไม่คิดไม่ออกเลยว่า คนอย่างเฮียเหม ที่เป็นมาเฟียเบอร์หนึ่งของประเทศ ทำไมต้องกลัวคนคนนั้นมากขนาดนี้ คนที่สั่งให้เฮียเหมฆ่าสกาย มันคือใคร ?

EP.7 ถึงคราวแตกหัก

เรสไปดูศพป๋าที่ห้องดับจิต ระหว่างนั้นเขาก็นึกภาพย้อนกลับเมื่อยังเป็นเด็ก …

เรส, พีท และอิน ทั้งสามเป็นเด็กกำพร้าที่ป๋าเก็บมาเลี้ยงตั้งแต่เด็ก จากนั้นก็ฝึกให้เป็นนักฆ่า ทั้งสามไม่ใช่นักฆ่าทั่วไป แต่พวกมันจะรับงานสังหารเหยื่อระดับวีไอพีเท่านั้น ป๋ารักทั้งสามเหมือนลูกแท้ ๆ

ผลการชันสูตรพลิกศพสร้างความประหลาดใจให้กับสารวัตรพิทักษ์เป็นอย่างมาก เมื่อรูปแบบการใช้มีดแทงเหยื่อของคนร้ายที่สังหารผู้กองโชค (ลูกชายท่านนำชัย) ตรงกับรูปแบบการฆ่าของนักฆ่าที่อัยการเผด็จจ้างมาจัดการกับพวกลูกน้องไอ้สิงห์ และยังคล้ายกับที่ฆ่าป๋า !?

ผู้กองอลิสเรียกทุกคนกลับฐาน เนื่องจากวันนี้ท่านนำชัยได้ส่งคนมาช่วยงานทีมหมาบ้าอีกหนึ่งคน คนคนนั้นคืออัยการเผด็จ หลังจากแนะนำตัวเรียบร้อย ท่าทีทุกคนที่มีต่อสมาชิกใหม่คือ “ไม่ต้อนรับ”​ โดยเฉพาะสารวัตรพิทักษ์ที่ไม่ไว้ใจอัยการเผด็จตั้งแต่แรกเห็น

ในเวลาเดียวกันนั้น ลายนิ้วมือที่พบบนมีดที่ใช้สังหารป๋าคือลายนิ้วมือของพืท ซึ่งเมื่อทีมหมาบ้าไปถึงที่บ้านพีท ก็พบเขาอยู่ในสภาพกลายเป็นศพ โดยถูกจัดฉากว่าเป็นการฆ่าตัวตาย … ไม่มีใครรู้ว่าเป็นฝีมือใคร แต่เรสรู้ว่ามันเป็นฝีมือของอิน

ใครสั่งฆ่าสกาย ?

ที่ผับของเฮียเหม … ไอ้ยักษ์แบกหน้าไปหาเฮียเหมเพื่อถามคำถามนี้ “ใครสั่งฆ่าไอ้สกาย ?” แต่ก็เหมือนเดิมเฮียเหมไม่ตอบ แถมยังง้างมือไปตบหน้าไอ้ยักษ์จนหน้าหัน ก่อนจะตะคอกด่า “ไอ้โง่ มีสมองคิดมั่ง กูรุ่นไหนแล้วยังไม่กล้าชนกับแม่งเลย ถ้าอยากมีชีวิตก็ปล่อยให้เพื่อนมึงตายไปซะ” ไอ้ยักษ์ส่ายหัวก่อนจะเดินออกไป

ระหว่างที่ไอ้ยักษ์คุยอยู่กับเฮียเหม สกายรออยู่ด้านนอกผับก็โดนอินใช้มีดจ้วงแทงจนลงไปนั่งกองเลือดนองพื้น ยังดีที่สารวัตรพิทักษ์ตามมาช่วยได้ทัน

เรสตามล่าไปหาอินจนเจอ อินรอเรสอยู่ที่โกดังร้างแห่งนั้น มันมั่นใจว่าเรสจะต้องมาหามัน และเรสก็มาหามันจริง ๆ ว่าที่จริงแม้เรสกับอินจะไม่ใช่พี่น้องกันโดยสายเลือด แต่ทั้งสองก็ถูกเลี้ยงหล่อหลอมให้รักกันเหมือนพี่น้อง มันเป็นอย่างนั้นมาตลอด จนกระทั่งอินได้รับใบสั่งฆ่าจากคนคนนั้นให้ฆ่าสกาย ต่อมาก็ใบสั่งให้ฆ่าเรส แล้วก็ใบสั่งฆ่าพีท สำหรับป๋าที่อินต้องฆ่าก็เพราะป๋าพยายามขัดขวางอิน

แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร เมื่อนักฆ่าเผชิญหน้ากันแล้วต้องมีความตายเกิดขึ้น ไม่คนใดก็คนหนึ่ง ด้วยสกิลที่เหนือชั้นกว่ามากทำให้เรสจัดการอินได้ไม่ยาก “ฆ่ากูเลยเรส มึงต้องฆ่ากู มันเป็นทางเลือกเดียวของมึง”

อย่าว่าแต่อินที่เรสนับถือและรักเหมือนเป็นพี่น้องเลย แม้แต่คนอื่น ๆ เรสก็ไม่อยากฆ่าใครอีกแล้ว มันถึงยอมเข้ามอบตัวกับตำรวจเพื่อที่มันจะได้ไม่ต้องฆ่าใครอีก หลังจากฆ่าสามีของเกดไปในวันนั้น ทำให้เรสได้รู้ว่า เวลามันฆ่าคนมันไม่ได้ฆ่าคนคนเดียว แต่มันฆ่าคนทั้งครอบครัว !

“สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของการเป็นนักฆ่า ไม่ใช่มือที่เปื้อนเลือด แต่เป็นความรู้สึกผิดในใจที่ไม่มีวันล้างออก” เรสจำคำสอนของป๋าได้ดี แต่ …

แต่ตอนนี้เรสจำเป็นต้องฆ่า เรสต้องฆ่าอิน มีดปลายแหลมทำจากสเตนเลสสตีลค่อยฝังเข้าไปในคอหอยของอิน มือของเรสค่อย ๆ ดันปลายมีดเล่มนั้นเข้าไป น้ำตาของเรสก็ค่อย ๆ ไหลออกมาเช่นกัน ยิ่งมีดเล่มนั้นเข้าไปในคอหอยของอินลึกเท่าไร น้ำตาของเรสก็ยิ่งออกมากเท่านั้น แต่อินกลับหัวเราะออกมา คนที่ยิ้มรับความตายแบบอินถือว่าเป็นคนยังไงนะ กล้าหาญไหม บ้าดีเดือดไหม เรสไม่รู้ เรสค่อย ๆ ดึงมีดออกมาจากคอหอยอิน แล้วแทงซ้ำเข้าไปอีกครั้งด้วยความเร็ว …

แล้วร่างอินก็หมดลมหายใจร่วงลงไปนอนอยู่กับพื้น … “อ๊ากกก” เรสตะโกนเสียงลั่นออกมาด้วยความบ้าคลั่ง

ที่พึ่งพิงสุดท้ายของหัวใจ

เรสพาตัวเองไปที่บ้านเกด เรสพาหัวใจอันพังพินาศไปหาเกด เขาบอกกับเธอว่า “วันนี้ผมเสียคนในครอบครัวไป ผมเพิ่งเข้าใจวันนี้นี่เองว่ามันรู้สึกยังไง”

EP.8 เงื่อนงำอันซับซ้อน

สกายเป็นจิตเภทชนิดรุนแรง เขาจำเหตุการณ์ฆาตกรรมที่ตัวเองลงมือไม่ได้เลยสักครั้งเดียว เขาจึงไปจ้างนักสืบเอกชนให้สะกดรอยตามตัวเอง เพื่อจะได้รู้ว่าในแต่ละคืนเขาไปทำอะไรบ้าง ที่น่าแปลกประหลาดก็คือ ในทุกคืนจะมีรถมารับเขา ซึ่งไม่มีใครรู้ว่ารถคันนั้นเป็นของใคร ?

สารวัตรพิทักษ์อยากลั่นไกเป่าสมองสกายด้วยมือของเขาเองมาตลอด ตลอดเวลาที่ตั้งทีมหมาบ้ามา เขาอยากลั่นไกใส่หัวสกายแทบจะทุกวินาที เพราะสกายมันคือฆาตกรที่ฆ่าลูกสาวของเขา มันคือฆาตกรที่สังหารลูกสาวสุดที่รักของเขาแล้วทิ้งเอาไว้ข้างถนน แต่ทำไมเขาไม่ทำในสิ่งที่อยากทำ เหตุผลเดียวคือตัวสารวัตรพิทักษ์เองก็ยังไม่แน่ใจว่าสกายคือฆาตกรตัวจริง !?

สกายเอารูปรถที่ได้จากนักสืบเอกชนให้กับสารวัตรพิทักษ์ และขอให้ตามสืบหารถปริศนาคันนั้น

บกพร่องทางจิต

อัยการเผด็จเจอกับผู้กองอลิสโดยบังเอิญระหว่างขี่รถเล่น ผู้กองอลิสจึงถามเรื่องคดีของสกาย อัยการเผด็จที่เป็นผู้รับผิดชอบคดีนั้น จึงเล่าทุกอย่างให้ผู้กองสาวฟัง …

คดีนั้น พ่อแม่ของสกายโดนโจรสองคนเข้าทำร้ายจนตายไปต่อหน้า สกายจึงใช้หินทุบเข้าไปที่พวกโจรนั่นจนตายคาที่ ตายแล้วก็ยังทุบซ้ำแล้วซ้ำอีก จนหัวกะโหลกยุบหน้าเละระบุตัวตนไม่ได้ ซึ่งดูจากพฤติการณ์แล้วน่าจะเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ แต่อัยการเผด็จสั่งไม่ฟ้อง ด้วยเหตุผลที่ว่าสกายที่ความบกพร่องทางจิต จากการกระทบกระเทือนทางสมองอย่างรุนแรง แล้วมีแนวโน้มจะเป็นฆาตกร จากนั้นก็ส่งสกายเข้าไปรักษาที่โรงพยาบาลจิตเวช

“และนั่นเป็นการกระทำที่ผิดพลาดที่ผมเสียใจมาจนถึงตอนนี้ สกายกลายเป็นฆาตกรต่อเนื่อง และมันก็ทำให้สารวัตรพิทักษ์ไม่ชอบหน้าผม เพราะเขาคิดว่าผมเป็นต้นเหตุที่ทำให้ลูกสาวเขาต้องตาย” อัยการเผด็จกำลังบอกในสิ่งที่ผู้กองอลิสไม่เคยรู้มาก่อน “เหยื่อรายที่ 15 คือลูกสาวสารวัตรพิทักษ์”

ผู้กองอลิสเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ทำให้เธอเชื่อว่าสารวัตรพิทักษ์สร้างทีมหมาบ้าขึ้นมาหลอกใช้ทุกคนเพื่อการล้างแค้นส่วนตัว !

ในเวลาเดียวกันนั้น สารวัตรพิทักษ์ได้ข้อมูลเจ้าของรถปริศนาคันนั้นแล้ว เขาจึงไปพาสกายออกมาจากโรงพยาบาล และสั่งให้มันตัดกำไล GPS ออก เพื่อจะได้ไม่ถูกติดตามตัว … ตอนแรกไปหาข้อมูลจากคนขับรถ มันเป็นเพียงคนขับรถรับจ้าง โดยมันได้รับจ้างจากหมอคนหนึ่งชื่อ หมอสาธิต เป็นหมอจิตเวชที่เคยรักษาสกาย

สารวัตรพิทักษ์กับสกายไปหาหมอสาธิตที่บ้าน หมอเปิดประตูต้อนรับให้เข้ามาอย่างเป็นปกติ ก่อนจะพาทั้งสองไปนั่งคุยกันที่ห้องรับแขก แต่ยังไม่ทันที่สารวัตรพิทักษ์จะได้รับคำตอบ เขาก็ถูกช็อตด้วยเครื่องช็อตไฟฟ้าคนสลบไป ส่วนสกายก็โดนหมอสาธิตฉีดยาสลบเข้าร่างจนหมดสติไปเช่นกัน

เมื่อสารวัตรพิทักษ์ฟื้นขึ้นมาก็ไปพบใครแล้ว เขากลับมาที่ฐาน แล้วก็ทำท่าหัวฟัดหัวเหวี่ยง ก่อนที่ผู้กองอลิสจะเดินเข้ามา “คุณมันเลว ! คุณหลอกทุกคนให้เชื่อใจแล้วก็ฆ่าทิ้ง คุณเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดใช่มั้ย สารวัตร ?”

EP.9 ฝันร้าย

“คุณเป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดใช่มั้ย สารวัตร ? ช่ายม้ายยย !!?” ผู้กองอลิสตะโกนจนเสียงสั่นถามสารวัตรหมาบ้า

“ใช่ ใช่ อยากได้ยินแบบนี้ใช่มั้ย ใช่ …” สารวัตรพิทักษ์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงดุดัน “… ใครไม่มาเป็นกูแม่งไม่มีทางรู้หรอกโว้ย”

ผู้กองอลิสตอกกลับทันทีด้วยน้ำเสียงแหลม ๆ ที่หนักแน่นจริงจัง “ต่อให้สกายเป็นฆาตกรจริงคุณก็ไม่มีสิทธิ์ฆ่าเค้า คุณมันไม่ต่างอะไรกับสัตว์ร้ายหรอกสารวัตร”

ก่อนจะกลายเป็นสัตว์ร้าย

ภาพแฟลชแบ็กย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีก่อน … ตอนนั้นสารวัตรพิทักษ์ยังไม่กลายเป็นสัตว์ร้าย เขามีลูกสาววัยมัธยมปลาย “น้องนิ้ง” ที่มีความสามารถในการเล่นเปียโนอันโดดเด่น ด้วยความสามารถและความมุ่งมั่น น้องนิ้งได้ทุนไปเรียนต่อที่เบิร์กลีย์ บอสตัน (สถาบันศิลปะและการดนตรีอันดับหนึ่งของโลกที่อเมริกา) แต่น้องนิ้งอยากสละสิทธิ์เพราะไม่ต้องการให้พ่อมาแบกภาระเป็นเงินนับล้านบาท

ด้วยความที่สารวัตรพิทักษ์เป็นตำรวจตงฉิน ไม่กินเงินสินบน เฮียเหมลูกพี่ไอ้ยักษ์จะให้เงินก้อนโตมาเป็นทุนการศึกษาให้ลูกก็ไม่เอา จนวันหนึ่ง น้องนิ้งถูกนายหน้าสาวสองหลอกให้ไปทำงานในบาร์อะโกโก้จนโดนลูกค้าลวนลาม เมื่อน้องนิ้งไม่ยอมก็โดนมันทำร้ายจนถูกพาตัวมาส่งโรงพยาบาล

ความเป็นพ่อมันจะเจ็บช้ำแค่ไหน มันจะต้องเจ็บปวดแค่ไหน ที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อที่ไร้น้ำยา พ่อที่ลูกสาวมีความสามารถล้นเหลือ แต่กลับไม่มีปัญญาผลักดันให้ไปถึงฝั่งฝันได้ เพียงเพราะพ่อยึดมั่นที่จะเป็นตำรวจที่ดี ตำรวจที่ดีแต่ไม่มีเงิน !

สารวัตรพิทักษ์ไปหาเฮียเหมเพื่อเรียกรับเงินสินบนก้อนโต ที่จะเอามาใช้เป็นทุนการศึกษาให้กับน้องนิ้งได้ไปเรียนที่บอสตัน แลกกับการแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นเรื่องที่เฮียเหมทำผิดกฎหมาย แต่มีข้อแม้ว่าต้องให้ไอ้ยักษ์เป็นแพะติดคุกแทน

ระหว่างนั้น สารวัตรพิทักษ์ก็สืบสวนคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง 13 ศพ จนไปได้เบาะแสสำคัญเป็นภาพจากกล้องวงจรปิด นำไปสู่การจับกุมตัวสกาย แต่ตลอดระยะเวลาการสอบสวน สกายให้การปฏิเสธตลอดว่าเขาไม่ได้เป็นฆาตกร

สารวัตรพิทักษ์เชื่อเต็มร้อยว่าสกายคือฆาตกรต่อเนื่องตัวจริง เป็นเพียงแต่หลักฐานที่มีเป็นเพียงหลักฐานแวดล้อมที่ระบุเพียงว่า สกายโผล่ไปในที่เกิดเหตุทุกคดี และรายงานจากจิตแพทย์ว่าสกายเป็นโรคจิตเภทที่ทำให้เกิดอารมณ์รุนแรงสองขั้ว สารวัตรพิทักษ์จึงเอาตัวสกายมาเข้าเครื่องจับเท็จ แล้วผลก็ออกมาว่าเขาไม่ใช่ฆาตกร เขาพูดความจริง !

สรุปคืออัยการ (เผด็จ) สั่งไม่ฟ้องสกาย

ถึงสกายจะผ่านเครื่องจับเท็จ อัยการสั่งไม่ฟ้อง แต่สารวัตรหมาบ้าก็ยังเชื่ออยู่ดีว่าสกายเป็นฆาตกร คืนนั้นเขาจึงนัดเจอกับอัยการเผด็จที่บาร์แห่งหนึ่งเพื่อคุยเรื่องคดีสกาย แต่ระหว่างที่เขากำลังดื่มฆ่าเวลาระหว่างรออัยการเผด็จ ก็เกิดเรื่องร้ายขึ้นที่บ้านของเขา …

ไอ้ฆาตกรในชุดกันฝนสีดำใช้มีดปลายแหลมในมือของมันแทงเข้าไปที่ร่างของน้องนิ้งที่อยู่ในชุดนักเรียน น้องนิ้งที่กำลังจะได้ไปเรียนที่เบิรกลีย์ตามความฝัน น้องนิ้งที่พ่อยอมละทิ้งเกียรติที่ตัวเองยึดถือรับเงินสินบนก้อนโตเพื่อส่งให้เธอไปเรียน แต่ไอ้ฆาตกรชั่วช้าคนนั้นที่มือมันถือมีดก็จ้วงแทงเข้าไปที่ร่างของน้องนิ้งนับครั้งไม่ถ้วน มันแทงเข้าไปแล้วมันก็บิดมีด มันทำแบบนี้ซ้ำ ๆ จนเลือดน้องนิ้งท่วมไปทั่วทั้งบริเวณ ฝนที่สาดลงมาไม่หยุดก็ไม่อาจชะล้างเลือดบริสุทธิ์ของน้องนิ้งได้เลย ไม่ได้จริง ๆ …

EP.10 อาวุธที่ใช้ฆ่าคน-อาวุธที่ใช้ขู่คน

สารวัตรพิทักษ์สัญญาต่อหน้าศพน้องนิ้ง เขาจะจัดการคนที่มันทำแบบนี้ให้หมด เขาจะฆ่าพวกมันให้หมด และเขาก็เชื่อว่าคนคนนั้นคือสกาย แต่หลักฐานที่มีนั้นมันน้อยนิดเกินกว่าที่จะเอาผิดสกายในข้อหาฆาตกรรมได้ ว่าที่จริงนอกจากความเชื่อของสารวัตรก็ไม่มีหลักฐานอะไรเลยที่ระบุว่าสกายเป็นฆาตกรที่น้องนิ้ง

เมื่อไม่มีหลักฐาน วิธีคิดของตำรวจอย่างสารวัตรพิทักษ์ก็คือต้องสร้างหลักฐานเท็จขึ้นมาสนับสนุนความเชื่อ เขาไปพบกับแฟนสาวของสกายเพื่อเจรจาให้เธอเป็นพยานปรักปรำสกาย แลกกับเงินก้อนโตเอาไปจ่ายหนี้พนันออนไลน์ สารวัตรหมาบ้าใช้ให้แฟนสาวของสกายสร้างเรื่องขึ้นว่า เธอโดนสกายพยายามฆ่า แต่หนีเอาชีวิตรอดมาได้ …

หญิงสาวทำลายข้าวของในห้องให้เหมือนกับเคยมีการต่อสู้กัน จากนั้นก็ใช้คัตเตอร์กรีดแขนตัวเอง ก่อนจะเดินมาแจ้งความกับตำรวจด้วยตัวเองในสภาพเลือดท่วมตัว

แฟนสาวให้การปรักปรำสกายในชั้นศาล โดยกล่าวว่าเธอได้ยินสกายบอกว่าเคยฆ่าคนไปแล้ว 15 ศพ ก่อนที่สกายจะใช้มีดพยายามฆ่าเธอ คำให้การนั้นเป็นเรื่องแต่งทั้งสิ้น ถึงอย่างนั้น สุดท้ายผู้พิพากษาก็มีคำสั่งตัดสินจำคุกสกายตลอดชีวิต

อาวุธที่ใช้ขู่คน

ภาพตัดกลับมาปัจจุบัน … ผู้กองอลิสเผชิญหน้ากับสารวัตรหมาบ้าที่โบสถ์ร้างที่เดิม ผู้กองสาวเข้าใจทุกอย่างอย่างแจ่มแจ้ง แม้แต่ตอนนั้น ที่สกายหนีไปหาแฟนสาว สารวัตรพิทักษ์ที่ดูไม่รีบร้อนเลยก็เพราะเขารอจังหวะให้สกายทำร้ายแฟนสาว เพื่อจะได้มีเหตุผลในการลั่นไกเป่าสมองสกาย สารวัตรหมาบ้าต้องการฆ่าสกายตั้งแต่วันนั้น

“คุณหลอกใช้พวกเราทุกคนเพื่อแก้แค้นคนที่คุณคิดไปเองว่าเป็นฆาตกร …” แม้แต่ผู้กองอลิสก็ยังรู้ว่าสารวัตรหมาบ้าคิดไปเองว่าสกายคือฆาตกร “… ที่ฉันเห็นก็มีแต่คุณนั่นแหละที่พยายามสร้างหลักฐานใส่ร้ายสกายมาตลอด คุณนี่มันเลวจริง ๆ” ผู้กองอลิสปะติดปะต่อเรื่องราวจนได้รู้ว่า คนที่สั่งฆ่าสกายตั้งแต่อยู่ในคุกก็คือสารวัตรพิทักษ์

ผู้กองอลิสลั่นเสียงเล็กแหลมตะคอกใส่สารวัตรหมาบ้า “คุณถูกจับข้อหาสร้างหลักฐานเท็จและพยายามฆ่า” แต่สารวัตรหมาบ้าไม่สนใจเลยสักนิด เขาทำท่าจะเดินออกไป ทันใดนั้นเองเสียงขึ้นลำปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติก็ดังขึ้น ผู้กองสาวที่ตอนนี้น้ำตาไหลออกจากเบ้าเล็งปากกระบอกปืนไปที่สารวัตรหมาบ้าเพื่อขู่ให้เขาหยุด แต่ …

แต่แทนที่สารวัตรหมาบ้าจะหยุด เขากลับใช้คำพูดเย้ยกลับ “รู้มั้ยว่าโจรกับตำรวจมันต่างกันตรงไหน ตำรวจมันชักปืนมาแค่ขู่ …” พูดไม่ทันจบประโยค ผู้กองอลิสก็ลั่นไกสับกระสุนออกมาหนึ่งนัด ลูกตะกั่วเข้าที่บริเวณแขนขวาของสารวัตรหมาบ้า ความแม่นในการใช้ปืนสั้นขนาดพกระดับมือรางวัลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างผู้กองอลิส เล็งไม่มีพลาดเป้า แต่สารวัตรหมาบ้าไม่สนใจเลยสักนิด เขาหันไปมองเพียงหางตาก่อนจะเดินต่อไป ต่อไป และต่อไป ทิ้งผู้กองสาวที่ในมือกำปืนแน่นทั้งน้ำตายืนนิ่งอยู่อย่างนั้น

บางที ปืนเมื่ออยู่ในมือตำรวจมันอาจไม่ใช่อาวุธที่ใช้ฆ่าคน แต่มันเป็นได้แค่อาวุธที่ใช้ขู่คนเท่านั้น และเมื่อมีใครรู้จุดอ่อนจุดนี้ ปืนในมือของตำรวจคนนั้นก็ไม่ต่างไปกับเศษเหล็กก้อนหนึ่ง

อัยการเผด็จเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เขาจึงถามผู้กองอลิสตรง ๆ “อลิส ผมถามคุณจริง ๆ คุณเคยฆ่าคนหรือเปล่า ?” ผู้กองสาวตอบว่าไม่ แล้วอัยการหนุ่มก็สาธยายต่อ “… การฆ่าคนครั้งแรกถ้าคุณจะรู้สึกผิด คุณจะหยุด แต่ถ้าคุณรู้สึกดี คุณจะเสพติดมันจนหยุดไม่ได้ และผมก็ไม่รู้นะว่าคนอย่างพวกเรา ถ้าลองได้ฆ่าคนแรกไปแล้วจะหยุดได้หรือเปล่า”

ทำสิ่งสกปรกให้มันสะอาด

ณ ห้องสมุดย่านบางรัก … สกายฟื้นได้สติขึ้นมาในสภาพเหงื่อท่วมตัว เลือดเปรอะไปทั่วบริเวณ รอบ ๆ มีศพผู้เสียชีวิต 5 นอนอยู่ ในมือของเขาถือมีด สมองของสกายในตอนนั้นกำลังสับสน เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น จังหวะนั้นเองหมอสาธิตก็เข้ามา สิ่งที่หมอพูดเป็นอย่างแรกคือบอกว่าเขาฆ่าคนทั้ง 5 คนนั้น แล้วหมอก็ช็อตไฟฟ้าสกายจนสลบไปอีกรอบ !

สกายตื่นขึ้นมาในห้องบำบัดของหมอสาธิต “สกายคุณต้องเชื่อผมนะว่าคุณกำลังป่วยทางจิต มีอีกคนกำลังอยู่ในตัวของคุณ คุณสร้างตัวตนอีกบุคลิกขึ้นมา คุณใช้อีกตัวตนนึงฆ่าคนที่ฆ่าพ่อแม่คุณ ตอนนี้คุณกลายเป็นบุคคลอันตรายไปแล้วนะ” แล้วหมอก็ให้สกายกินแวเลียม จากนั้นก็พาเขาไปขังเอาไว้ในห้องควบคุม โดยอ้างว่าเขาจะได้ไม่ออกไปฆ่าคนได้อีก สกายทำตามที่หมอสาธิตพูดอย่างไม่แข็งขืน

หลังปิดห้องควบคุมตัวสกาย หมอสาธิตก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร. หาใครบางคน

ที่สำนักงานอัยการสูงสุด … อัยการเผด็จรับโทรศัพท์จากใครบางคน ก่อนที่ท่านอัยการจะพูดกับคู่สนทนาว่า “เรียบร้อยแล้วใช่มั้ย ทีนี้ก็เหลือแค่กำจัดไอ้พวกแมลงที่มากวนใจ แล้วเราจะได้ไปสะสางสิ่งที่มันสกปรกให้มันสะอาดสักที”

จากนั้นข่าวก็รายงานข่าวเหตุฆาตกรรม 5 ศพที่ห้องสมุดบางรัก ตำรวจสันนิษฐานว่าลักษณะในการฆ่าคล้ายกับคดีฆาตกรรมต่อเนื่องในอดีต

ตัดภาพมาที่สารวัตรพิทักษ์กำลังนั่งดูข่าวฆาตกรรม 5 ศพอยู่เช่นกัน ทันใดนั้น ชายสวมหน้ากากปริศนาก็เดินเข้ามาจากทางหลังใช้วัตถุคล้ายเชือกเข้ารัดคอสารวัตรพิทักษ์จนสลบแน่นิ่งไป จากนั้นมันก็เอาร่างสารวัตรใส่ท้ายรถขับมาที่สะพานแห่งหนึ่ง ที่นั่นชายสวมหน้ากากจับเหล้ากรอกใส่ปากสารวัตรหมาบ้าหนึ่งกลมใหญ่ ก่อนจะแบกร่างที่ไร้สติโยนลงกลางแม่น้ำ

บนสะพาน ชายสวมหน้ายังคงยืนมองไปที่แม่น้ำ ไม่นานนักเขาก็เปิดหน้ากากออกมา อัยการเผด็จ !

EP.11 ปั่นหัว

เฮียเหมถูกฆ่าปาดคอกลายเป็นศพอย่างน่าอนาถ ฆาตกรสวมสูทและรู้จักเขาเป็นอย่างดี มันใช้มีดปาดคอจากทางด้านหลัง ขณะที่เฮียเหมยังหัวเราะร่าคุยกับมันอยู่เลย

เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานแจ้งผู้กองอลิสเบื้องต้นว่า ลักษณะการลงมือคล้ายกับคดีฆาตกรรมที่มีสกายเป็นผู้ต้องสงสัยเมื่อ 2 ปีก่อน แต่ผู้กองสาวยังไม่ปักใจเชื่อว่าฆาตกรคือสกาย เพราะในที่เกิดเหตุมีแก้วเหล้าวางอยู่สองแก้ว บุหรี่วางอยู่บนที่เขี่ย ดังนั้น ฆาตกรกับเฮียเหมน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดี ซึ่งไม่ใช่สกายอย่างแน่นอน

การตายของเฮียเหม ในโลกนี้ไม่มีใครเสียใจมากกว่าไอ้ยักษ์อีกแล้ว มันเข้าไปดูศพในห้องดับจิต มือมันก็จับมืออันเย็นเฉียบของเฮียเหมไว้อย่างนั้น น้ำตามันก็ไหลออกมาไม่หยุด

เวลานี้เฮียเหมไม่อาจฟื้นกลับมามีชีวิต ใช่ คนตายแล้วไม่อาจฟื้น แต่สิ่งที่ไอ้ยักษ์จะทำจากนี้ก็คือ มันจะตามล่าฆ่าล้างแค้นไอ้คนที่มันทำแบบนี้กับเฮียเหม มันไปถามผู้กองอลิสแบบซื่อ ๆ ตรง ๆ ตามสไตล์ไอ้ยักษ์ “ใครฆ่าเฮียเหม ?”

ผู้กองอลิสบอกทุกอย่างไปตามจริง แต่ไอ้ยักษ์ที่มีร่างและกล้ามเนื้อใหญ่กว่าทุกคน กลับกลายเป็นมีเนื้อสมองเล็กกว่าทุกคน มันไม่สนใจเหตุผลใด ๆ จากปากของผู้กองอลิส สิ่งที่มันต้องการมากที่สุดในตอนนี้คือตามล่าหาตัวสกาย

ส่วนเรสก็ได้รู้ความจริงจากปากผู้กองอลิสเช่นกันว่า สารวัตรพิทักษ์คือคนที่จ้างฆ่าสกาย เรสจึงพูดขึ้นมาว่า “มันนี่เองที่ปั่นหัวให้เราฆ่ากันเอง”

ตาชั่งยุติธรรม

ตาชั่งยุติธรรม หรือ Scale of Justice ถูกสักอยู่กลางหลังของอัยการเผด็จ ตอนนี้อัยการหนุ่มไม่เหลือคราบของนักกฎหมายใส่แว่นเคร่งตำราอีกต่อไป เขาเปลือยท่อนบนต่อสู้กับคู่ต่อสู้ในสังเวียนที่เรียกว่าไฟต์คลับ กำปั้นที่ไร้เครื่องป้องกันตะบันเข้าใส่เบ้าหน้าคู่ต่อสู้ไม่ยั้ง เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ หน้าของอัยการเผด็จก็เต็มไปด้วยเลือดผสมปนเปกับเหงื่อ นี่ใช่มั้ยที่เรียกว่าการต่อสู้แบบลูกผู้ชายพันธุ์แท้ หรือควรจะเรียกมันว่าการต่อสู้ของพวกป่าเถื่อนกันนะ

หลังคู่ต่อสู้พ่ายแพ้ไปอย่างราบคาบ อัยการเผด็จเดินออกมายืนข้าง ๆ ลานไฟต์คลับที่มีหมอสาธิตยืนอยู่ ก่อนเขาจะหยิบหนังสือ “Monte Cristo Kreivi” (The Count of Monte Cristo) ให้กับชายคนหนึ่ง

ตัดภาพมาที่เซฟเฮ้าส์ … ท่านนำชัยมาหาสารวัตรพิทักษ์ที่กำลังซ่อนตัวอยู่ สารวัตรหมาบ้าบอกว่าที่ต้องมาหลบอยู่ที่นี่เพราะโดนคนอุ้มฆ่า แต่ไม่รู้ว่าใคร รู้อย่างเดียวคือคนคนนั้นมีรอยสักตาชั่งอยู่กลางหลัง

จากนั้นสารวัตรพิทักษ์ก็ขอให้ท่านนำชัยหาข้อมูลของสกายที่คลินิกจิตเวช ข้อมูลที่ได้กล้บกลายเป็นข้อมูลที่แตกต่างจากที่เคยรู้ สกายไม่ได้เป็นโรคจิตเภทที่ทำให้เกิดอารมณ์รุนแรงสองขั้วอย่างที่หมอสาธิตได้ทำการวินิจฉัย แต่สกายมีอาการแค่ไบโพลาร์เท่านั้น

อัยการเผด็จรู้ดีว่าเอกสารการรักษาสกายเป็นสิ่งที่ต้องปกปิดและทำลาย เขาจึงไปดักรอเจ้าหน้าที่ที่มีเอกสารนั้น อัยการเผด็จที่สวมหน้ากากปกปิดใบหน้าใช้มีดแทงเข้าที่ท้องเจ้าหน้าที่คนนั้น ก่อนจะเอาแฟ้มการรักษาสกายไปได้อย่างง่ายดาย

ผู้กองอลิสตามไปที่คลินิกจิตเวชเพื่อถามข้อมูลจากหมอกิ๊ฟ (หมอที่รักษาสกายคู่กับหมอสาธิต) และสิ่งที่ออกจากปากของหมอกิ๊ฟทำให้ผู้กองอลิสถึงกับตกอยู่ในสภาวะงงงวย “จากการวินิจฉัยของหมอ สกายไม่ได้มีอาการบ่งชี้ว่าจะเป็นโรคหลายอัตลักษณ์ ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าทำไมหมอสาธิตถึงวินิจฉัยแบบนั้น เพราะองค์ประกอบสำคัญของการเป็นโรคหลายอัตลักษณ์ก็คือ ต้องมีอาการความจำขาดหาย แต่สกายไม่ได้มีอาการแบบนั้นเลย หมอคิดว่าสกายเป็นแค่ไบโพลาร์ … และคิดว่าครั้งเดียวที่สกายฆ่าคนก็คือโจรที่ฆ่าพ่อแม่ของเขา”

ผู้กองอลิสไม่เข้าใจว่าทำไมหมอสาธิตถึงได้วินิจฉัยไปแบบนั้น ซึ่งตัวหมอกิ๊ฟเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน

ระหว่างนั้นสกายก็ออกตามหาแจน แฟนสาวที่เขารักจนสุดหัวใจ ผู้หญิงที่ถูกสารวัตรพิทักษ์เอาเงินฟาดหัวเพื่อเป็นพยานปรักปรำจนเขาถูกศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิต แต่ยังไม่ทันได้เจอแจน สกายก็ได้เจอกับลูกน้องของไอ้ยักษ์ แม้สกายจะหนีไปได้แต่ก็โดนกระสุนยิงทะลุท้อง เขาจึงหนีเข้าไปหลบที่บ้านเพื่อนแจนที่อยู่ใกล้ ๆ แถวนั้น

สกายฟื้นได้สติขึ้นมาก็เจอแจนคอยทำแผลและดูอาการเขาอยู่ไม่ห่าง เขาพูดประโยคแรกออกจากปาก ประโยคที่เขาอยากบอกกับเธอมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา “แจน ผมไม่เคยจะทำร้ายแจนเลยนะ จริง ๆ”

“แจนขอโทษที่ร่วมมือกับสารวัตรพิทักษ์ใส่ร้ายคุณ จนทำให้คุณต้องติดคุก แจนขอโทษ แจนขอโทษนะ” หญิงสาวพูดออกไปทั้งน้ำตา แจนพูดกับสกายทั้งน้ำตา แต่สิ่งที่สกายตอบกลับ ยิ่งทำให้เธอน้ำตาไหลหนักขึ้นไปกว่าเดิม “ไม่เป็นไร ผมไม่เคยโกรธคุณเลยนะ” มันจะดีแค่ไหน เมื่อคนที่เรารู้สึกผิดต่อเขาพูดออกมาอย่างจริงใจว่าไม่เป็นไร สิ่งที่เราทำผิดต่อเขาในอดีตคือไม่เป็นไร ความรู้สึกแจนในตอนนี้เหมือนยกทุกสิ่งทุกอย่างอันหนักอึ้งออกไปจากอก จากนั้นสกายก็โอบกอดแจนเอาไว้ในอ้อมอกของเขา

น้ำมันลินสีด

ผู้กองอลิสนำกำลังไปตรวจค้นบ้านหมอสาธิต แต่ตรวจแล้วไม่พบอะไรเลย เป็นเหมือนบ้านที่ไม่เคยมีคนอยู่ด้วยซ้ำไป จังหวะนั้นเองที่อัยการเผด็จอาสาขับรถพาผู้กองสาวไปส่งบ้าน ระหว่างที่ผู้กองอลิสกำลังช่วยเก็บของไว้ท้ายรถเธอบังเอิญไปเจอน้ำมันลินสีดใส่อยู่ในกล่อง ทำให้เธอสงสัยเป็นอย่างมากจึงถ่ายรูปเก็บเอาไว้ “ทำไมอัยการเผด็จถึงมีน้ำมันลินสีด ที่เป็นอุปกรณ์ของฆาตกรต่อเนื่องอยู่ท้ายรถนะ ?” (น้ำมันลินสีด คือน้ำมันที่ใช้ผสมสีน้ำมันเพื่อทำให้สีน้ำมันโปร่งแสงและเจือจางลง)

ในขณะที่ท่านนำชัยไปอบซาวน่ากับอัยการเผด็จ ทำให้ได้เห็นรอยสักตาชั่งที่ประทับอยู่บนหลังของอัยการหนุ่ม ท่านนำชัยนึกถึงคำพูดของสารวัตรพิทักษ์ทันที “ผมไม่เห็นหน้ามัน แต่มันมีรอยสักตาชั่งอยู่กลางหลัง” ท่านนำชัยจึงสั่งให้ลูกน้องไปสืบประวัติของอัยการเผด็จ

ในตอนท้าย ไอ้ยักษ์ตามล่าสกายจนเจอ มันเค้นถามสกายซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าฆ่าเฮียเหมทำไม สกายก็ได้แต่บอกว่าไม่ได้เป็นคนฆ่า มีคนใส่ร้าย ไอ้ยักษ์ไม่เชื่อ ระดมหมัดเข้าที่เบ้าหน้าของสกายจนแทบสิ้นสติคามือไอ้ยักษ์ ไอ้ยักษ์ระดมทิ้งหมัดอันหนักหน่วงของมันเข้าหน้าสกายไม่ยั้ง แต่ก่อนที่ไอ้ยักษ์จะทิ้งหมัดสุดท้ายเพื่อจบชีวิตสกาย สารวัตรพิทักษ์ก็โผล่เข้ามา พร้อมกับปืนรีวอลเวอร์ในมือเล็ง “เฮ้ย หยุด !!!”

EP.12 ความยุติธรรม (ตอนจบ)

ทั้งสารวัตรพิทักษ์ ไอ้ยักษ์ สกาย มะรุมมะตุ้มตะลุมบอลกันจนเละเทะไปหมด แต่ก่อนที่จะมีใครฆ่าตาย เรสก็ต้องเข้ามาห้ามทัพเอาไว้ …

“มึงฟังกูก่อนไอ้ยักษ์ ไอ้เผด็จมันหลอกปั่นหัวพวกเรา มันอยากให้เราฆ่ากันเอง เฮียเหมถูกไอ้เผด็จมันฆ่าแล้วก็โยนความผิดให้ไอ้สกาย พี่น้องกูก็เหมือนกัน มันหลอกให้ฆ่ากันเองแล้วโยนความผิดให้สารวัตร” เรสตะโกนกรอกหูไอ้ยักษ์

เมื่อรู้ความจริง ทั้งสี่จึงไปลากตัวหมอสาธิตมาทรมานเพื่อรีดหาความจริง ตอนแรกหมอก็ทำเป็นปากแข็ง แต่เมื่อโดนหมัดทะลวงไส้ของไอ้ยักษ์จนกระอักออกมาเป็นเลือด หมอสาธิตก็ยอมเปิดปากบอกความจริงทั้งหมด …

ยาที่หมอสาธิตให้สกายกินระหว่างการรักษาเป็นยากล่อมประสาทชนิดรุนแรง กินแล้วจะเกิดอาการหวาดระแวงเห็นภาพหลอน จิตใต้สำนึกก็จะคิดถึงแต่เรื่องรุนแรงจนสมองสั่งให้ไปฆ่า แต่หมอสาธิตบอกว่า “… ไอ้ยาเนี่ยมันทำอะไรสกายไม่ได้ ยานั่นไม่ได้ทำให้สกายฆ่าใคร”

แล้วหมอสาธิตก็สารภาพว่าคนที่บงการเรื่องทั้งหมดคืออัยการเผด็จ !

หมอสาธิตยอมรับกับสารวัตรพิทักษ์ว่า น้องนิ้งตายด้วยฝีมือของมันกับเผด็จ “… อ๋อ ลูกของมึงเองเหรอ อ้าว แล้วมึงดูแลลูกของมึงยังไงวะ ถึงปล่อยให้ตายอย่างหมาข้างถนน เป็นตำรวจแต่ปกป้องลูกตัวเองไม่ได้ ทีโจรปล่อยให้เต็มบ้านเต็มเมือง สมควรแล้วที่ตาย” สารวัตรหมาบ้าโดนคำพูดเลวระยำแบบนี้กรอกใส่หูก็ถึงกับทนไม่ไหว สารวัตรเอาปืนกรอกเข้าไปที่ปากหมอสาธิต มือที่พร้อมจะเหนี่ยวไกทุกวินาที จังหวะนั้นเองที่เสียงของเรสก็ดังเข้ามาเตือนสติของสารวัตรหมาบ้า “ถ้าสารวัตรทำมัน ไอ้เผด็จมันรอดนะ ไอ้เผด็จมันจะรอดนะ”

สารวัตรพิทักษ์ได้สติ ปลดนิ้วชี้ออกจากโกร่งไกและลากตัวหมอสาธิตไปหาอัยการเผด็จ แต่ …

ก่อนที่จะพาหมอสาธิตขึ้นรถตู้ เด็กหนุ่มคนหนึ่งก็ลั่นไกฆ่าตัดตอนหมอสาธิตตามคำสั่งของอัยการเผด็จ เด็กหนุ่มที่ชื่ออชิระ เด็กหนุ่มที่อัยการเผด็จให้หนังสือ Monte Cristo Kreiv ตอนที่เจอกันในสังเวียนไฟต์คลับนั่นเอง

เมื่อความจริงปรากฏ สารวัตรพิทักษ์ก็ยอมเอ่ยปากขอโทษสกาย และสารภาพกับสกายไปตรง ๆ ว่า “มึงรู้มั้ยว่ากูอยากฆ่ามึงทุกครั้งที่กูเห็นหน้ามึง แต่พอได้ทำงานกับมึง ได้เห็นบางอย่างในตัวมึง มันเลยทำให้กูไม่มั่นใจว่ามึงเป็นคนฆ่าลูกกูจริง ๆ หรือเปล่า เพราะไม่เคยมีหลักฐานชัด ๆ ว่ามึงเป็นคนฆ่า มึงมันบริสุทธิ์ สกาย”

บทลงโทษของความยุติธรรม ?

อัยการเผด็จตัดสินใจเผยความจริงทั้งหมดกับท่านนำชัย … ก่อนหน้านี้ อัยการเผด็จมีชีวิตที่มีความสุขกับภรรยา แต่แล้ววันหนึ่งภรรยาของเขาก็ถูกฆาตกรโรคจิตบุกเข้ามาสังหารถึงในบ้าน คืนเดียวกับที่เธอกำลังจัดเตรียมอาหารและเค้กเพื่อฉลองวันเกิดให้กับเขา

ฆาตกรถูกตำรวจจับได้ไม่นานนักหลังจากมันลงมือก่อเหตุ และมันก็ถูกลงโทษด้วยการจองจำตามกระบวนการยุติธรรม แต่ระหว่างนั้นในทุก ๆ คืน อัยการเผด็จไม่เคยลบความเจ็บปวดออกไปจากใจตัวเองได้เลย … วันหนึ่ง เขาจึงตัดสินใจเข้าตีเยี่ยมฆาตกรที่ฆ่าภรรยาของเขา ในวันนั้นเองมันทำให้เขาได้พบความจริงที่ว่า ไอ้ฆาตกรชั่วไม่ได้รู้สึกผิดกับสิ่งที่มันทำไปเลยแม้แต่นิดเดียว มันคงยังมีชีวิตยิ้มหน้าระรื่น แต่คนที่โดนลงโทษที่แท้จริงกับการต้องอยู่ทนทุกข์ทรมานก็คือตัวญาติของเหยื่อ ซึ่งก็คือตัวเขาเอง

นับตั้งแต่วันนั้น อัยการเผด็จก็ได้แต่คิดว่าอะไรกันแน่คือความยุติธรรมที่แท้จริง ? แล้วเขาก็คิดได้ และได้เริ่มทำอะไรบางอย่างที่เขาเรียกว่า “ความยุติธรรมที่ญาติของเหยื่อเป็นผู้กำหนด”

อัยการเผด็จได้รวบรวมคนที่สูญเสียคนที่ตัวเองรักไปจัดตั้งขึ้นเป็นลักษณะองค์กรลับ องค์กรที่มีคนหลากหลายอาชีพเต็มใจเข้ามารวมตัวกันเพื่อทำในสิ่งที่เรียกว่า “ความยุติธรรมในแบบที่พวกเขากำหนดเอง” … นั่นก็คือให้พวกมัน (ฆาตกร) ได้ลิ้มรสความเจ็บปวดแบบเดียวกัน

คืนนั้น อัยการเผด็จเข้าไปสังหารเมียของไอ้ฆาตกรชั่วที่มันฆ่าภรรยาเขา ใช้มีดจ้วงแทงแบบที่ภรรยาของเขาโดนกระทำ ตาต่อตาฟันต่อฟัน หลังจากนั้น อัยการเผด็จก็กลับไปตีเยี่ยมไอ้ฆาตกรชั่วอีกครั้ง ครั้งนี้มันไม่เหมือนเดิม แววตาแห่งความเจ็บปวดปรากฏขึ้นเมื่อมันรู้ว่าอัยการเผด็จคือคนสังหารเมียของมัน

ท่านนำชัยได้ยินเรื่องราวจากปากของอัยการเผด็จก็ถึงกับลั่นปากออกมาว่ามันเป็นความชั่วที่ไม่อาจยอมรับได้ แต่อัยการหนุ่มก็ถอดแว่นตาออกแล้วหัวเราะ หึ หึ “ท่านกับผมก็ไม่ต่างกันนักหรอก ท่านก็สั่งฆ่าคนเหมือนกัน เพียงแต่ท่านสั่งฆ่าเพราะความรู้สึกส่วนตัว แต่สิ่งที่ผมทำมันเรียกว่าความยุติธรรม”

ท่านนำชัยตวาดกลับไปทันที “ความยุติธรรมที่ฆ่าคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวด้วยอย่างงั้นน่ะเหรอ”

คราวนี้อัยการเผด็จไม่ใช้ปากเป็นคำตอบ แต่ใช้มีดในมือเป็นคำตอบ เขาจ้วงแทงเข้าไปที่ท้องของท่านนำชัย “ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง เพราะมีดเล่มนี้เป็นเล่มเดียวกับที่ใช้แทงผู้กองโชค ใช่ ผมเป็นคนฆ่าเองแหละ” ท่านนำชัยทรุดลงไปนอนกองกับพื้น แล้วอัยการเผด็จก็หยิบโทรศัพท์มือถือของท่านนำชัยโทร. ไปหาสารวัตรพิทักษ์ พร้อมกับพูดว่า “นี่เป็นความช่วยเหลือครั้งสุดท้ายที่ท่านจะได้จากผม”

สารวัตรพิทักษ์ได้รับโทรศัพท์ก็รีบบึ่งมาหาท่านนำชัยทันที ทุกคนในทีมหมาบ้ามากันครบยกเว้นผู้กองอลิสคนเดียว ผู้กองอลิสที่ตอนนี้เข้าไปค้นภายในบ้านของอัยการเผด็จเพียงลำพัง … ไอ้ยักษ์จะอาสาอุ้มท่านนำชัยพาไปโรงพยาบาล แต่ท่านนำชัยกลับบอกว่าเขาอยากนอนอยู่ที่นี่ นอนอยู่อย่างนี้ “กูเหนื่อยเหรือเกิน กูจะได้ไปเจอกับลูกกูสักที” ไม่กี่วินาทีนับจากนั้น ท่านนำชัยก็สิ้นลมอยู่ตรงนั้น แต่ …

แต่ทันทีที่ท่านนำชัยสิ้นลม เจ้าหน้าที่ตำรวจก็แห่กันมาล้อมจับทีมหมาบ้า ที่แท้แล้วมันเป็นแผนที่อัยการเผด็จวางเอาไว้ เพื่อโยนความผิดให้สารวัตรพิทักษ์นั่นเอง ยังดีที่ทีมหมาบ้าใช้สกิลการหนีขั้นเทพหลบหนีไปได้

อัยการเผด็จใช้เส้นสายบีบให้ “ท่านรอง” ออกแถลงข่าวแฉต่อนักข่าวเรื่องที่สารวัตรพิทักษ์ช่วยนักโทษคดีอุกฉกรรจ์สามรายออกมาจากคุก และเชื่อว่าทั้งหมดจะเป็นคนลงมือฆ่าท่านนำชัย แต่คนที่ไม่เห็นด้วยคือผู้กองอลิส เพราะตอนนี้เธอเชื่อว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด รวมถึงการตายของท่านนำชัยคืออัยการเผด็จ แต่ตำรวจยศต๊อกต๋อยอย่างเธอก็ไม่อาจจะงัดคานอำนาจของท่านรองได้ แล้วจู่ ๆ ผู้กองสาวก็คิดทำในสิ่งที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะทำมาก่อน …

ผู้กองอลิสเดินตามอัยการเผด็จไปที่ลานจอดรถ เธอสไลด์ขึ้นลำปืนกึ่งอัตโนมัติในมือ ก่อนจะค่อย ๆ ย่องเข้าไปหวังลอบสังหารอัยการเผด็จเพื่อล้างแค้นให้กับท่านนำชัย ผู้มีศักดิ์เป็นลุงของเธอ มันเป็นทางเดียวที่ผู้กองสาวจะคิดได้แล้วจริง ๆ มืออยู่ในโกร่งไก สายตามองไปที่อัยการชั่วเตรียมจะเหนี่ยวไกลั่นกระสุน ทันใดนั้นเอง สารวัตรพิทักษ์ก็โผล่ขึ้นมากระชากตัวผู้กองอลิสมาอีกทางหนึ่ง “จะบ้าไปแล้วเหรอ ถือปืนดุ่ม ๆ ไปยิงเนี่ยนะ”

ผู้กองอลิสบอกกับสารวัตรว่าเธอมีหลักฐานที่ทำให้เชื่อได้ว่าอัยการเผด็จเป็นคนฆ่าผู้กองโชคและท่านนำชัย แต่ไม่มากพอที่จะใช้เป็นหลักฐานเพื่อลงโทษตามกฎหมายได้ … อย่างไรก็ตาม ณ จุดนี้ ทีมหมาบ้ากลับมารวมตัวกันครบทีม 5 คนเหมือนเดิมแล้ว ทีมหมาบ้ากับอีกหนึ่งผู้กองสาวสุดเท่

บุกรังบอสใหญ่

สารวัตรพิทักษ์แบกค้อนปอนด์บนบ่ายืนจังก้าอยู่ด้านหน้าตึกขนาดใหญ่ที่เป็นรังขององค์กรลับ ประกาศก้องจะจัดการกับอัยการเผด็จให้ตายคามือในวันนี้ ไอ้ยักษ์ถือไม้ในมือ สารวัตรพิทักษ์ถือค้อนปอนด์ เรสใช้มีดที่มันถนัด สกายใช้มือเปล่าเพราะไม่ถนัดใช้อาวุธอะไรเลย

ทีมหมาบ้าบุกฝ่าดงกระสุนและดงตีนเข้าไปเจอกับบอสใหญ่ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก อัยการเผด็จในฐานะบอสใหญ่ยังคงทำหน้านิ่งใจเย็นอยู่อย่างนั้น แม้ลูกน้องนับร้อยและห่ากระสุนที่ระดมยิงมันจะไม่ระคายผิวทีมหมาบ้าเลยแม้แต่นิดเดียว อัยการเผด็จเผชิญหน้ากับสารวัตรพิทักษ์ตัวต่อตัว สารวัตรหมาบ้าตะโกนถามอัยการเผด็จ “มึงฆ่าลูกกูทำไม มึงฆ่าเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ทำไม”

ไม่น่าเชื่อว่าคำตอบที่ออกจากปากอัยการเผด็จมันเหมือนคนบ้า “ที่กูฆ่าลูกมึงก็เพื่อเติมเชื้อไฟความโกรธให้มึงยังไงล่ะ” ปืนในมือของสารวัตรพิทักษ์ลั่นกระสุนเข้าสมองของอัยการเผด็จ เสียงสุดท้ายของอัยการบ้าลั่นออกมาพร้อมด้วยเสียงหัวเราะ “แล้วสักวันพวกมึงจะเข้าใจว่าสิ่งกูทำมันเป็นสิ่งที่ถูก ฮะฮะฮ่า”

หลังบุกตะลุยพังทลายรังบอสใหญ่ได้สำเร็จ สารวัตรพิทักษ์ก็ขอมอบตัวในคดีสร้างหลักฐานเท็จในคดีฆาตกรรมใส่ร้ายสกาย ส่วนไอ้ยักษ์กับเรสก็โดนจับใส่กุญแจมือเข้าซังเตกันไปตามระเบียบ แต่การกลับเข้าคุกครั้งนี้ของทุกคนมันเต็มไปด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มที่ได้เคลียร์ปมในใจของตัวเองไปจนหมดสิ้น

1 ปีต่อมา …

ฆาตกรสายฝนยังคงออกอาละวาดฆ่าผู้คนไม่เลิก เบื้องบนจึงมีคำสั่งให้ผู้กองอลิสฟอร์มทีมหมาบ้าขึ้นมา ทุกคนได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งเพื่อปฏิบัติภารกิจที่ตำรวจปกติทำไม่ได้ …

จบบริบูรณ์

Photos : ภาพหน้าจอจาก TrueID
ดูซีรีส์เรื่องนี้ได้ที่ : Netflix และ TrueID Series