Skip to content
รีแคปซีรีส์ Little Women EP.3 : วิญญาณที่ขายได้ราคาแพง

รีแคปซีรีส์ Little Women EP.3 : วิญญาณที่ขายได้ราคาแพง

Little Women EP.3 : อินกยองก่อเรื่องที่งานเลี้ยงฉลองชัยชนะการแข่งขันของพัคฮโยริน ส่วนอินจูหอบหิ้วดอกกล้วยไม้เดินทางไปที่โรงพยาบาลจิตเวช เพื่อขอรับคำปรึกษาบางอย่าง …

อินจูรีบวิ่งจากอาคารจอดรถลงมาชั้นล่าง เพื่อมาช่วยดึงร่างของกรรมการชินออกจากตัวรถ มือที่สั่นเทาด้วยความกลัวของเธอคว้าเอาโทรศัพท์กดหมายเลข 119 เพื่อขอความช่วยเหลือ ระหว่างรอเธอก็พยายามช่วยชีวิตกรรมการชินด้วยการทำ CPR จังหวะนั้นเองที่เธอเหลือบไปเห็นดอกกล้วยไม้รูปร่างแปลกประหลาดดอกหนึ่งตกอยู่ ไม่นานนักรถกู้ชีพฉุกเฉินก็มาถึง

ที่แผนกฉุกเฉิน อินจูนั่งขอบตาแดงก่ำ โดยรอบเต็มไปด้วยน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด มันไหลออกมาอยู่อย่างนั้น ในหัวของเธอตอนนี้ปั่นป่วนไปหมด กรรมการชินตายแล้ว เขาตายไปแล้ว แต่คำพูดของเขายังอยู่ในหัวเธอ “… มีสิ่งที่น่ากลัวอยู่บนโลกใบนี้ มีใครบางคนอยู่เหนือเรา” มันดังซ้ำวนเวียนอยู่อย่างนั้น

แม้ความตั้งใจในตอนแรกคือการขุดคุ้ยหาความจริงเบื้องหลังการตายของเพื่อนรุ่นพี่ แต่เรื่องราวมันน่ากลัวเกินไป เกินกว่าที่อินจูจะไปต่อได้ เธอจึงตั้งใจจะหลับหูหลับตาและใช้ชีวิตของตัวเองต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอตั้งใจอย่างนั้นจริง ๆ

ขายหน้าไม่ไหว

อินกยองเห็นข่าวการมอบรางวัลการประกวดภาพวาดให้กับพัคฮโยรินก็นึกเอะใจขึ้นมา เธอจำได้ว่าภาพวาดภาพนั้นอินฮเยเป็นคนวาด ค่ำวันนั้น อินกยองจึงมารอรับอินฮเยที่หน้าโรงเรียน เพื่อถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่คำตอบที่ได้กลับตรงกันข้ามจากสิ่งที่เธอคิด อินฮเยเต็มใจมอบภาพวาดนั้นให้พัคฮโยรินนำไปใช้ประกวด …

“แม่ฮโยรินบอกว่าจะส่งฉันไปเรียนมหาวิทยาลัยศิลปะบอสตันกับฮโยริน แลกกับการวาดภาพใส่ในพอร์ตโฟลิโอแค่ไม่กี่ภาพ” อินฮเยเผยความในใจกับพี่สาวโดยไม่มีอะไรเคลือบแฝง แต่อินกยองกลับมองว่า สิ่งที่น้องสาวชั้น ม.5 ทำอยู่นั้นมันเป็นอาชญากรรม ซึ่งอินฮเยไม่เห็นด้วย โดยอ้างว่าศิลปินระดับโลกก็วาดภาพเพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้องเหมือนกับที่เธอทำ

อินกยองก็ยังยืนยันว่ามันเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง เธอเรียกสิ่งที่น้องสาวทำว่าเป็นการขายวิญญาณ นั่นแหละ อินฮเยก็พยายามอธิบายในมุมมองของเธอ “วิญญาณมันสร้างมาจากอะไรเหรอ ถ้าฉันมีวิญญาณที่ขายได้ราคาแพงขนาดนั้น ฉันก็ภูมิใจที่จะขายมันนะ หรือพี่มีวิธีอื่นที่ทำให้ฉันไปเรียนเมืองนอกได้” อินกยองได้ฟังแล้วก็พูดไม่ออก ไม่ว่าจะถูกหรือผิด แต่เธอไม่สามารถปฏิเสธสิ่งที่น้องสาวพูดได้เลย

วันเดียวกันนั้น อินฮเยไปงานเลี้ยงฉลองการได้รับรางวัลภาพวาดของพัคฮโยรินที่จัดขึ้นที่แมนชั่นสุดหรู … อินกยองเดินดุ่ย ๆ ขอเข้าไปในงานเลี้ยง แต่ด้วยความที่เป็นงานเลี้ยงส่วนตัว นักข่าวอย่างเธอจึงไม่เป็นที่ต้อนรับ อินกยองจึงถือวิสาสะเดินเข้าไปในงานโดยไม่ได้รับอนุญาต แถมยังโวยวายเรียกชื่ออินฮเยให้กลับบ้าน อินฮเยที่เห็นพี่สาวทำเรื่องน่าอายแบบนี้ก็ถึงกับต้องมุดหลบอยู่ใต้โต๊ะ

อินกยองเริ่มสติแตกเมื่อโทร. ไปหาน้องสาวแล้วถูกตัดสาย เธอเดินเข้าไปซื้อโซจูที่ร้านสะดวกซื้อเพื่อย้อมใจ ระหว่างนั้น พัคแจซัง พ่อของพัคฮโยรินก็เข้ามาคุยกับอินฮเย พร้อมกับชมเชยความเป็นอัจฉริยะในด้านศิลปะของเธอ คำพูดเหล่านั้นที่ออกจากปากคนที่มีทั้งเงินและอำนาจในมือ มันทำให้เด็กสาวหัวใจพองโตอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ว่าที่จริง คำพูดเหล่านี้เธอเคยได้ยินจากปากของพี่ ๆ นับครั้งไม่ถ้วน แต่มันไม่เคยทำให้เธอรู้สึกแบบนี้เลย

เพราะอะไรน่ะเหรอ ? เพราะคนที่มีเงินและอำนาจสามารถทำในสิ่งตัวเองพูดให้เป็นจริงได้ทันที พัคแจซังให้มูลนิธิของเขาพิจารณาทุนการศึกษาเรียนต่อที่อเมริกาให้อินฮเย

อินกยองเมามายได้ที่ สติสตางค์เริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เธอปีนขึ้นไปบนเสากล้องวงจรปิดเพื่อเรียกอินฮเยให้กลับบ้าน “ออกมาเดี๋ยวนี้ อินฮเย ฉันไม่กลับหรอกถ้าแกยังไม่ออกมา …” เสียงป้อแป้ที่ออกจากปากอินกยอง ทำให้คนทั้งงานหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคลิป แล้วก็พากันหัวเราะออกมาไม่หยุด ไม่เว้นแม้แต่พัคแจซังที่ถึงกับยิ้มไม่หุบที่ได้เห็นพฤติกรรมแปลกประหลาดแบบนี้

เมื่อไม่หยุดโวยวาย อินฮเยก็จำใจต้องออกมาจากงานเพื่อพาพี่สาวกลับบ้าน ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ตำรวจสายตรวจเข้ามาดูเหตุการณ์พอดี แต่พัคแจซังขอไว้ไม่ให้เอาเรื่อง อินฮเยจึงเดินก้มหน้าก้มตาออกไปจากที่นั่นด้วยความอาย อายจากสิ่งที่พี่สาวแท้ ๆ ของเธอเป็นคนทำ อายจากสิ่งที่พี่สาวขี้เมาของเธอเป็นคนทำ …

ในคืนนั้น อินฮเยแชตหาอินกยองที่นอนหลับเมามายไม่ได้สติ “วันนี้เป็นวันที่อับอายขายขี้หน้ามากที่สุดตั้งแต่เกิดมา ฉันคิดว่าทั้งชีวิตนี้ฉันก็คงให้อภัยพี่ไม่ได้ ฉันบล็อกนะ เราคงไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก” !!!

ดอกเจ้าหญิง

อินจูจำได้ว่าเพื่อนรุ่นพี่เคยบอกเอาไว้ ให้เธอเอาดอกเจ้าหญิงไปให้ประธานวอนซังอู (ประธานผู้ไม่เอาไหนของบริษัทออร์คิดการก่อสร้าง)

ในวันนั้น อินจูจึงแบกกระเป๋าแบบแบ็กแพ็กที่มีเงินสด 2 พันล้านวอนอยู่ในนั้น เดินตุปัดตุเป๋ไปเข้าเยี่ยมประธานวอนซังอูที่โรงพยาบาลจิตเวชเซนต์เบเนดิกต์ เมื่อได้เจอหน้ากันครั้งแรก อินจูก็เข้าประเด็นเลย เธอได้เงินสดสองพันล้านนี่มาแต่เธอไม่รู้จะทำอย่างไรกับมันดี “ฉันกลัวค่ะ ฉันไม่อยากตายเพราะเงินนี่”

ประธานวอนซังอูจึงค่อย ๆ อธิบายให้อินจูเข้าใจทีละเปลาะ โดยเริ่มจากการยักยอกเงินบริษัทมันมีมาตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อของเขาแล้ว มันเป็นแบบนี้มาตลอด เขาเคยคิดจะทำให้มันถูกต้องโดยการฟ้องร้องพ่อของเขาเรื่องยักยอก แต่ผลที่ได้รับคือการที่ต้องมาใช้ชีวิตอยู่ในโรงพยาบาลบ้า

สิ่งที่ประธานวอนซังอูบอกกับอินจูก็คือ ให้เธอเก็บเงินนี้ไว้ เพราะถึงจะแจ้งตำรวจ เงินมันก็จะกลับไปหาพวกที่ทำการยักยอกอยู่ดี ส่วนเธอก็จะกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดยักยอกเงินบริษัท “คุณเก็บเงินนี้ไว้เถอะ ถ้าเงินนี้สร้างความกังวลให้คุณอินจู วิธีแก้ก็คือการใช้มัน” … ประธานวอนซังอูแนะนำอินจูให้ใช้เงินเพื่อคลายความกังวล ! จากนั้นเขาก็หยิบเอาสิ่งที่เรียกว่า “สมุดบัญชีเงินทุนซุกซ่อน” ให้กับอินจู และย้ำว่าบัญชีเหล่านี้เป็นสิ่งที่พวกนั้นต้องการมากที่สุด

แต่ก่อนที่จะได้คุยอะไรมากกว่านี้ ผู้จัดการชเวโดอิลก็มาโดยมิได้นัดหมาย (ชเวโดอิลคือลูกน้องของพัคแจซังที่ร่วมกับอินจูตามสืบหาเงิน 7 หมื่นล้านวอนที่หายไป) อินจูจึงต้องรีบหนีออกมา แต่ก็ดั๊นลืมไอโฟนที่กระจกด้านหลังแตกเอาไว้ในห้องของประธานวอนซังอู ทำให้ผู้จัดการชเวโดอิลรู้ว่าอินจูมาที่นี่

อินจูนั่งรอรถประจำทางอยู่ที่หน้าโรงพยาบาลจิตเวชเซนต์เบเนดิกต์ นั่งรอรถประจำทางทั้ง ๆ ที่ด้านหลังสะพายกระเป๋าแบ็กแพ็กที่มีเงินสดสองพันล้านวอนอยู่ด้านใน แต่นั่งอยู่ได้ไม่นาน ผู้จัดการชเวโดอิลก็ขับรถมาจอด แล้วเรียกให้ขึ้นมาบนรถ …

ที่แท้ผู้จัดการชเวโดอิลรู้เรื่องทั้งหมดอยู่ก่อนแล้ว เขาเสนออินจูให้ร่วมมือกันถ้าอยากเล่นเกมนี้ให้ชนะ เพราะเกมนี้ไม่ใช่เดิมพันแค่สองพันล้านวอนที่อยู่ในกระเป๋านั่น แต่มันเดิมพันถึงชีวิต

สิ่งที่ต้องแลกกับของที่อยากได้

อินจูเอาเงินมาเก็บไว้ในกล่องกิมจิเหมือนเดิม ค่ำวันนั้น อินกยองมาเจอเงินสดที่ซ่อนในกล่องกิมจิ เธอหยิบเงินสดมากองเอาไว้รอจนอินจูกลับมา … อินกยองแสดงท่าทีชัดเจนว่าเธอไม่ต้องการเงินสกปรกเหล่านี้ เธอเรียกเงินก้อนนี้ว่า “เงินสกปรกที่ขโมยมา” เงินที่จะทำให้ครอบครัวเจอกับเรื่องอันตราย อินจูที่มีท่าทีนิ่งเฉยได้เล่าเรื่องบางอย่างที่อินกยองไม่เคยรู้ เธอเล่าด้วยน้ำเสียงที่เคลือบไปด้วยความเศร้า …

“ตอนที่โรงพิมพ์พ่อเจ๊ง เราเก็บข้าวของหนีกันกลางดึก ตอนนั้นเรามีน้องอายุสองขวบอยู่ด้วย (ไม่ใช่อินฮเย) อยู่ดี ๆ น้องก็ไม่หายใจ แต่ตอนนั้นเราทำอะไรไม่ได้เพราะเราไม่มีเงิน น้องตายไปโดยที่เราทำอะไรไม่ได้ด้วยซ้ำ …” อินกยองไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีน้องร่วมสายเลือดอีกคน “… และนั่นทำให้แม่เริ่มสติแตก พ่อก็เริ่มเป็นคนติดเหล้า ตอนนั้นฉันจำได้ขึ้นใจเลยว่าการไม่เงินเท่ากับตาย ถ้าเรามีเงินก้อนนี้ในตอนนั้น แกคงจะได้เรียนที่ตัวเองอยากเรียน อินฮเยก็คงเป็นเด็ก ม.ปลายที่ยิ้มเก่ง และมีความสุขกับการวาดรูป และน้องคนนั้นก็ยังมีชีวิตอยู่” (แม่บอกอินจูภายหลังว่าน้องชื่ออินชอน)

อินจูแบกเงินสองล้านวอนใส่กระเป๋าแบ็กแพ็กไปหาคุณย่า เธอบอกกับคุณย่าตรง ๆ ว่าตอนนี้มีเงินสด 2 พันล้านวอน อยากให้คุณย่าหาอพาร์ตเมนต์สามห้องนอนในกรุงโซลให้

ตัดภาพมาที่บ้านของพัคฮโยริน … อินฮเยกำลังเดินสำรวจภายในบ้าน เดินดูสิ่งของต่าง ๆ จนไปสะดุดตาเข้ากับตุ๊กตาย่อส่วน “แอรีแอดเน่” อินฮเยขโมยมัน แต่ …

ทุกการกระทำของอินฮเยอยู่ในสายตาของพัคแจซังที่เฝ้าดูอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง เขาไม่ได้ว่าอะไร แต่เลือกที่จะเล่าชีวิตในวัยเด็กก่อนที่จะมีวันนี้ เมื่อก่อนเขาเป็นเพียงลูกชายคนขับรถ แต่ด้วยความพิเศษบางอย่างที่เขามี จึงทำให้เขาได้ทุกอย่างมาครอบครองอย่างที่เห็นในทุกวันนี้ …

“ฉันต้องเสียสละครั้งยิ่งใหญ่กว่าจะได้มันมา แล้วเธอล่ะ อยากได้ตุ๊กตานั่นเหรอ ?” พัคแจซังเอ่ยถามด้วยใบหน้าแฝงรอยยิ้ม

อินฮเยเงียบไปนานนับสิบวินาที ก่อนจะตอบออกไปว่า “ค่ะ”

“แล้วเธอคิดว่าจะทำได้อย่างที่ฉันทำมั้ย เธอคิดว่าจะทรยศคนที่รักเธอที่สุดในโลกได้หรือเปล่า ?”

ซีรีส์ Little Women สามพี่น้อง EP.3 : ดูซีรีส์เรื่องนี้ที่ NETFLIX
Source: tvN Korea