Skip to content
สรุปเนื้อเรื่องซีรีส์ Little Women (2022) สามพี่น้อง

สรุปเนื้อเรื่องซีรีส์ Little Women (2022) สามพี่น้อง

ซีรีส์ Little Women (2022) สปอยล์ : เรื่องราวของสามสาวพี่น้องที่เกิดมาในครอบครัวยากจน แต่ยังมีกันและกันเป็นที่ยึดเหนี่ยว พวกเธอได้เข้าไปพัวพันในคดี และต้องเผชิญหน้ากับตระกูลที่ร่ำรวยและทรงอิทธิพลในเกาหลี …

EP.1 มีแม่เมื่อพร้อม

สามสาวพี่น้องตระกูลโอ โออินจู, โออินกยอง และโออินฮเย เกิดมาในครอบครัวที่ยากจน แต่คืนนี้ อินจูกับอินกยองเตรียมเค้กวันเกิดเซอร์ไพรส์อินฮเย น้องสาวคนเล็กที่กำลังกลับมาจากโรงเรียน

สามสาวอาศัยอยู่กับแม่ในบ้านซอมซ่อหลังหนึ่งย่านชานเมืองกรุงโซล แม่ที่วัน ๆ เอาแต่วุ่นวายอยู่แต่กับการทำกิมจิ วันเกิดอินฮเยวันนี้ แม่ก็ทำกิมจิไชเท้าอ่อนให้ แต่ดูเหมือนแม่จะไม่รู้เลยว่า ลูกสาวคนเล็กไม่กินกิมจิไชเท้าอ่อน

ระหว่างนั่งกินข้าวเย็นกันอย่างพร้อมหน้าสี่คน พี่คนโตกับคนรองก็เอ่ยถามถึงของขวัญวันเกิดที่อินฮเยอยากได้ “อยากทำจมูกมั้ง” เด็กสาววัยมัธยมตอบว่าต้องการทำจมูก แต่ทั้งแม่และพี่ ๆ ต่างไม่เห็นด้วยเลย เพราะจมูกของเธอสวยกว่าทุกคนในบ้าน แต่ก็นั่นแหละ อินฮเยก็อธิบายตามความรู้สึกของที่ว่า เธออยากมีจมูกที่ดูมีมิติแบบผู้ดี

เซอร์ไพรส์ … อินจูหยิบซองสีขาวที่มีเงินสดอยู่ด้านในจำนวน 2.5 ล้านวอน (ประมาณ 67,000 บาท) ให้กับน้องสาวคนเล็ก เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปทัศนศึกษาที่ยุโรป อินฮเยดีใจเป็นอย่างมาก เพราะนี่แหละคือของขวัญวันเกิดที่เธอต้องการได้มากที่สุด แต่ที่ไม่บอกตั้งแต่แรกก็เพราะเธอคิดมาตลอดว่ามันเป็นไปไม่ได้

แต่ยังไม่ทันที่อินฮเยจะหายตื่นเต้น แม่ก็คว้าเอาซองเงินสดไปจากมือของเธอ แล้วหยิบธนบัตรออกมานับอย่างหน้าตาเฉย ก่อนจะพูดออกไปว่า “นี่ เด็ก ม.ปลายควรจะไปทัศนศึกษาที่ยุโรปหรือไง” คำพูดจากปากแม่ทำเอาสาวน้อยอินฮเยถึงกับหน้าเสีย

ทุกคนรู้ พี่ ๆ ของเธอก็รู้ว่ามันสำคัญแค่ไหนสำหรับการไปทัศนศึกษาที่ยุโรป สำหรับเด็ก ม.ปลายที่เรียนอยู่โรงเรียนศิลปะที่ดีที่สุดของประเทศ แต่เหมือนมีคนเดียวบนโลกที่ไม่รู้ คนคนนั้นคือ แม่ !

คืนนั้น อินฮเยนอนหลับไปด้วยความรู้สึกอันเจ็บปวด ความเจ็บปวดที่กลั่นออกมาเป็นน้ำตา น้ำตาที่ไหลออกมาโดยไม่ให้ใครเห็น

คนที่ไม่สมควรเป็นแม่ใคร

รุ่งเช้า อินจูกับอินกยองถึงกับกุมขมับ เมื่อเจอจดหมายที่แม่เขียนด้วยลายมือทิ้งเอาไว้ให้ดูต่างหน้า ข้อความระบุว่า “พวกแกรู้ไหมว่า อายุฉันป่านนี้แล้วยังไม่เคยได้ไปเหยียบเมืองนอกเลยสักหน หรือแม้แต่วันเกิดตัวเองก็ยังไม่เคยได้ฉลอง จากนี้ไป ฉันขอใช้ชีวิตในฐานะคนคนหนึ่ง ไม่ใช่ในฐานะแม่ … ฉันขอโทษแกนะ อินฮเย แต่แกยังเด็ก มีโอกาสอีกตั้งเยอะที่จะได้ไปเมืองนอก”

แม่แอบขโมยเงินแล้วหนีออกจากบ้านไปใช้ชีวิตของตัวเอง !

อินฮเยเงียบขรึมยืนเตรียมอาหารใส่กระปุกไปกินที่โรงเรียน อินจูเดินมาปลอมน้องสาว “คนบางคนไม่สมควรเป็นแม่ใคร แต่คนคนนั้นดันมาเป็นแม่ของเรา” แต่อึนฮเยยังคงยืนหั่นไข่ เอาผักใส่กระปุก ระหว่างนั้นก็เอ่ยออกไปว่า “ไม่เป็นไร ยังไงฉันก็ไม่คิดจะไปตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ขอร้องล่ะนะ อย่าทำอะไรแบบนี้อีก ฉันไม่ชอบที่ต้องเห็นพวกพี่ดิ้นรนหาเงินขนาดนั้น” ถึงน้องสาวจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ ทว่าอินจูกับอินกยองตั้งใจแล้วว่าจะหาเงินมาให้อินฮเยได้ไปทัศนศึกษา ทั้งสองจึงตกลงกันว่าจะแบ่งกันไปหาเงินคนละครึ่งให้ได้ภายในสัปดาห์นี้

ที่ออฟฟิศ บริษัทออร์คิดการก่อสร้าง … อินจูบากหน้าขอเบิกเงินเดือนล่วงหน้ากับหัวหน้าทีม แต่กลับถูกปฏิเสธ โดยไม่ถามด้วยซ้ำว่าเธอต้องการเงินเอาไปทำอะไร

ช่วงพักเที่ยง อินจูขึ้นไปหารุ่นที่สนิทกันที่ทำงานอยู่ชั้น 14 เพื่อปรับทุกข์ แล้วรุ่นพี่คนนั้นก็ตกลงจะให้เธอยืมเงิน 1.25 ล้านวอน อินจูกล่าวขอบคุณเป็นการใหญ่ และสัญญาว่าจะคืนให้เร็วที่สุด

ดูรวยแบบไม่ต้องตั้งใจ

อินจูไปทานอาหารกับเพื่อนรุ่นพี่ที่ร้านอาหารสุดหรู ด้วยความที่ไม่คุ้นชินกับการใช้ชีวิตแบบคนรวย อินจูจึงออกท่าทางงก ๆ เงิ่น ๆ แถมยังแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าราคาถูก ส่วนรองเท้าก็เป็นส้นสูงระดับ Low-end ระหว่างเดินขึ้นไปที่ร้านอาหารรองเท้าของเธอก็เกิดส้นหลุดขึ้นมา เพื่อนรุ่นพี่จึงถอดรองเท้าส้นสูงที่ใส่อยู่ไปให้อินจู ส่วนเธอก็ใส่รองเท้าผ้าใบคู่สำรองที่เตรียมมา เมื่ออินจูใส่รองเท้าคู่นั้นก็ตื่นเต้นมาก เพราะไม่เคยใส่รองเท้าส้นสูงที่ใส่แล้วสบายอย่างนี้มาก่อน

ระหว่างทานอาหาร อินจูก็เล่าถึงความฝันถ้าวันหนึ่งมีเงินเยอะ ๆ จะทำอะไร “ฉันอยากอยู่อพาร์ตเมนต์ที่วิวสวย ๆ กับน้อง ๆ แล้วฉันก็จะนอนให้เต็มอิ่มโดยที่ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรทั้งนั้น เพราะทุกวันนี้ ตื่นขึ้นมาเมื่อไรความเครียดเรื่องเงินก็จะถาโถมเข้ามาเมื่อนั้น” แต่เมื่ออินจูถามเพื่อนรุ่นพี่ คำตอบที่ได้กลับดูแปลก ๆ โดยบอกว่าจะไม่ทำอะไร แต่จะถอนเงินออกมาให้หมดแล้วไปอยู่ที่ไม่มีใครหาเจอ

อินจูเข้าห้องน้ำ จู่ ๆ ก็มีหญิงสาวแต่งตัวดูดีเข้ามาทักทาย แล้วบอกว่าส้นสองที่อินจูใส่เหมือนของเธอเป๊ะเลย ก่อนจะบอกว่ารองเท้าคู่นี้เป็นรุ่นที่นำเข้ามาขายในเกาหลีใต้แค่สามคู่ อินจูก้มมองดูรองเท้าตัวเองแบบงง ๆ

ด้านอินกยองเองก็ได้รับโทรศัพท์จากคุณย่าเรียกให้ไปหา จริง ๆ อินกยองไม่อยากไปหาคุณย่าเลย แต่เธอก็ตอบตกลงไปเพราะเธอตั้งใจจะไปยืมเงินคุณย่า

คุณย่าเป็นคนรวยมีฐานะ แต่ด้วยความที่ไม่ถูกกับแม่ของสามพี่น้อง ทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเธอกับคุณย่าไม่ค่อยจะดีนัก อินกยองมักจะโกรธคุณย่าเสมอที่เอาแต่ด่าแม่ของเธอให้ฟัง อย่างไรก็ตาม การนัดเจอกันคราวนี้คุณย่าดูมีท่าทีที่เบาลง คุณย่าโอนเงิน 1.25 ล้านวอน แลกกับการที่อินกยองต้องมาอ่านหนังสือพิมพ์ให้ท่านฟังทุกสัปดาห์เป็นเวลาหนึ่งเดือน

เมื่อรวบรวมครบ 2.5 ล้านวอนแล้ว อินจูก็เอาเงินจำนวนนั้นไปให้อินฮเยเป็นของขวัญวันเกิดรอบสอง (เพราะรอบแรกโดนแม่ขโมยไป) แต่ดูเหมือนว่าอินฮเยจะไม่ค่อยพอใจเท่าไร เธอรู้สึกเหมือนพี่ ๆ สปอยล์เธอเกินไป จนทำให้เธอรู้สึกไม่ดี “ฉันไม่อยากให้พวกพี่ลำบากเพราะฉัน ฉันบอกครูไปแล้วว่าไม่ไปทัศนศึกษา” อินฮเยไม่รับเงินก้อนนั้น แล้วเดินไปขึ้นรถเพื่อนที่มารอรับอยู่ริมถนน

นักข่าวสายขุด

อินกยอง เป็นนักข่าวที่สถานีโทรทัศน์ OBN เธอกำลังทำข่าวขุดคุ้ยความไม่ชอบมาพากลบางอย่างของพัคแจซัง ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีกรุงโซล ย้อนกลับไปเมื่อ 4 ปีที่แล้ว เงินฝากจำนวน 4 แสนล้านวอนของธนาคารออมทรัพย์โบแบหายไป ต่อมามีการจับกุมผู้ต้องหา 32 ราย พัคแจซังได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบว่าความให้ผู้ต้องหาสี่ราย แต่ที่น่าแปลกประหลาดคือ ผู้ต้องหาทั้งสี่รายฆ่าตัวตายทั้งหมด และการตายของผู้ต้องหาทั้งสี่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงิน 140,000 ล้านวอน (ประมาณ 3,700 ล้านบาท) ซึ่งจะสามารถสาวกลับไปถึงเครือญาติของพัคแจซังได้นั่นเอง

จากข้อมูลเบื้องต้นที่อินกยองหามา ทำให้หัวหน้าไฟเขียวให้เธอเดินหน้าต่อ

งานเปิดตัวมูลนิธิพัคแจซัง … อินกยองยกมือขึ้นถามคำถามเรื่องการฆ่าตัวตายของลูกความสี่คนที่พัคแจซังรับผิดชอบคดีเมื่อ 4 ปีก่อน แต่ด้วยความเฉลียวฉลาดมีไหวพริบทำให้จัดการกับคำถามของอินกยองได้ไม่ยาก

หลังจบงาน ขณะที่อินกยองกำลังกลับ พัคแจซังได้เข้ามาทักทายเธอบริเวณล็อบบี้ ก่อนที่เขาจะถามเธอเรื่องกลิ่นเหล้าที่โชยมาจากตัวเธอ !

สิ่งที่พัคแจซังพูดกับอินกยองถูกบันทึกคลิปเอาไว้แล้วไปเผยแพร่ ผลก็คือแท็ก “นักข่าวโออินกยองเมา ณ งานแถลงข่าว” ติดเทรนด์ในโลกโซเชียลทันที … รุ่นพี่ที่บริษัทมาค้นที่โต๊ะทำงานของอินกยอง มีเตกิล่าหลายขวดถูกเก็บเอาไว้ในลิ้นชัก โดยมีส่วนหนึ่งที่ถูกใส่เอาไว้ในขวดน้ำยาบ้วนปาก เพื่อตบตาคน

อินกยองถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวน เธอยอมรับว่าตัวเองติดเหล้า และยอมเข้ารับการบำบัดทันที ส่วนบทลงโทษที่ทำให้บริษัทเสื่อมเสียชื่อเสียง จากการดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างการทำงานคือการพักงานเป็นเวลาหนึ่งเดือน

อพาร์ตเมนต์วิวสวย ๆ

ตัดภาพมาที่อินจู เธอไปหาเพื่อนรุ่นพี่ที่บ้าน หลังจากไม่มีใครติดต่อเธอได้มาหลายวัน อินจูมีรหัสเปิดประตู เพราะเพื่อนรุ่นพี่มักจะวานให้เธอมาให้อาหารปลาตอนที่เดินทางไปทำงานต่างประเทศอยู่บ่อย ๆ เมื่อเธอเปิดเข้าไปก็ต้องพบกับภาพอันน่าตกตะลึง เพื่อนรุ่นพี่ของเธอผูกคอตายในตู้เสื้อผ้า !

วันรุ่งขึ้น ข่าวช่อง OBN รายงานข่าวการเสียชีวิตของเพื่อนรุ่นพี่ ระบุว่าภายในห้องเต็มไปด้วยกล่องเสื้อผ้าและรองเท้าที่ยังไม่ได้แกะ มีบันทึกทางการแพทย์รายการว่าเธอเข้าทำศัลยกรรมก่อนเสียชีวิต ในจดหมายลาตายระบุว่าเธออยากมีใบหน้าสวยไร้ที่ติสักครั้งก่อนตาย

ในวันเดียวกันนั้น อินจูถูกผู้บริหารบริษัทเรียกเข้าไปพบ เธอจึงได้รู้เรื่องอันน่าตกใจว่า เพื่อนรุ่นพี่ของเธอแอบยักยอกเงินบริษัท 7 หมื่นล้านวอน (ประมาณ 1,800 ล้านบาท) จากบัญชีสำนักงานยุโรป เมื่อโดนจับได้จึงชิงฆ่าตัวตายไปซะก่อน ดังนั้น อินจูจึงเป็นกุญแจดอกเดียวที่จะไขปริศนาได้ว่า เงินทั้งหมดอยู่ที่ไหน เพราะอินจูเป็นคนเดียวที่สนิทและรู้สไตล์การทำงานของเพื่อนรุ่นพี่

นั่นแหละ อินจูปฏิเสธที่จะช่วยตามหาเงิน และยื่นจดหมายลาออกตอนนั้นเลย

พอถึงตอนหัวค่ำก็มีโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่ร้านโยคะแจ้งว่า เพื่อนรุ่นพี่ได้โอนสิทธิ์สมาชิกให้เธอ อินอูไปที่ร้านโยคะแห่งนั้น เมื่อเธอเปิดตู้ล็อกเกอร์ก็พบกับกระเป๋าใบใหญ่และข้าวของต่าง ๆ อินจูหยิบกระดาษที่เขียนด้วยลายมือขึ้นมาอ่าน เธอจำได้ว่ามันเป็นลายมือของรุ่นพี่ “ขอบคุณสำหรับที่ผ่านมานะ อินจู เธอจิตใจดีกับฉันเหลือเกิน หวังว่าเธอจะได้อยู่อพาร์ตเมนต์วิวสวย ๆ กับน้อง ๆ นะ”

อินจูยกกระเป๋าใบนั้นออกมาจากตู้ล็อกเกอร์ กระเป๋าที่หนักจนเธอแทบยกไม่ไหว เมื่อเธอเปิดกระเป๋าออกมาก็พบธนบัตรใบละ 50,000 วอนอัดแน่นอยู่เต็มกระเป๋า … อินจูนั่งทรุดร้องไห้ออกมาไม่หยุดอยู่เบื้องหน้ากระเป๋าใบนั้น

EP.2 ชายผู้หมกมุ่นเรื่องเท้าผู้หญิง

อินจูยังทำตัวปกติ เธอทำก๋วยเตี๋ยวกิมจิหัวไชเท้าอ่อนกินกับอินกยองที่บ้าน อินกยองอาศัยจังหวะนั้นสารภาพว่าเธอโดนพักงานหนึ่งเดือน เพราะดื่มเหล้าระหว่างเวลาทำงาน และบอกด้วยว่าเธอติดเหล้าเหมือนกับพ่อ “พี่ว่าฉันจะอาภัพเหมือนกับที่พ่อเป็นมั้ย ?” อินจูร้องเสียงแข็งยืนยันว่าอินกยองไม่เหมือนพ่อเลยแม้แต่นิดเดียว และจะต้องมีชีวิตที่ดีกว่าพ่ออย่างแน่นอน

ในห้องน้ำคืนนั้น อินจูเอาเงินสดมานับแล้วซ่อนเอาไว้ในกล่องใส่กิมจิจำนวนสองกล่อง แต่ละกล่องใส่เงินสดได้ 1 พันล้านวอน สองกล่องก็เท่ากับจำนวนเงินที่อินจูได้จากเพื่อนรุ่นพี่ ระหว่างนั้นอินจูก็ถามตัวเองว่า ถ้ามีเงินมากมายจะเอาไปทำอะไร ? อินจูตอบกับตัวเองว่า “ไม่รู้”

แม้จะไม่รู้ว่ามีเงินมากมายแล้วจะเอาไปทำอะไร แต่อย่างน้อยอินจูก็รู้ว่าเงินสามารถเอาไปซื้อไอศกรีมที่เธอชอบกินได้ เธอคว้าธนบัตรใบละ 5 หมื่นวอนในกล่องกิมจิออกมาหนึ่งปึก แล้วไปซื้อของกินที่ร้านสะดวกซื้อ ระหว่างเดินกลับ อินจูก็คิดขึ้นมาได้ว่า ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่คนมีเงินมากมายขนาดนี้จะฆ่าตัวตาย ไม่มีเลยจริง ๆ เธอจึงคิดว่าเพื่อนรุ่นพี่อาจไม่ได้ฆ่าตัวตาย แต่เป็นการจัดฉากฆาตกรรม !?

เพื่อตอบข้อสงสัย อินจูจึงกลับไปที่บริษัทออร์คิดการก่อสร้างอีกครั้ง เธอตอบรับข้อเสนอของกรรมการชิน ในการช่วยตามหาเงิน 7 หมื่นล้านวอนที่เพื่อนรุ่นพี่ยักยอกไป

อินจูกลับมาที่ห้องพักของเพื่อนรุ่นพี่อีกครั้ง การมาคราวนี้เพื่อมาสืบหาเบาะแสเงิน 7 หมื่นล้านวอน อินจูค่อย ๆ ไล่เรียงไปทีละจุด … ระหว่างนั้น กรรมการชินก็เดินเข้ามา แล้วก็พูดพล่ามนู่นนี่นั่นไปเรื่อยเกี่ยวกับเท้าของอินจู คำพูดแปลก ๆ เหล่านั้นมันทำให้เธอรู้สึกกลัว แล้วจู่ ๆ กรรมการชินที่เหลือบไปเห็นกล้วยไม้รูปทรงประหลาดดอกหนึ่งปักอยู่ในแจกันเล็ก ๆ บนโต๊ะ เขาตกใจเป็นอย่างมาก ก่อนจะสบถออกมา “ไอ้เวรเอ๊ย” แล้วก็เดินออกจากที่นั่นไปอย่างคนไม่สบอารมณ์ ทิ้งให้อินจูยืนงงอยู่เพียงลำพัง !?

อินจูให้ทักษะทางบัญชีที่เพื่อนรุ่นพี่สอนมาในการแกะรอย จนไปพบช่องโหว่ที่หาคำตอบมาเติมเต็มไม่ได้ … อินจูตัดสินในไปที่ร้านรองเท้า Bruno Zumino เพื่อสอบถามกับพนักงานขาย (คนที่เป็นอดีตมาเฟียอิตาลีชื่อวินเซนโซนั่นแหละ 😁) ว่าคนที่ซื้อรองเท้ารุ่นลิมิเต็ดคู่นี้ ใช่กรรมการชินหรือไม่ ? ซึ่งคำตอบก็คือ “ใช่”

จิ๊กซอช่องโหว่ต่าง ๆ ถูกต่อจนเริ่มเห็นเป็นรูปเป็นร่าง แม้มันจะยังไม่ใช่ข้อเท็จจริงชนิดที่เรียกได้ว่าสิ้นสงสัย แต่มันก็มีเงื่อนงำที่ตั้งเป็นข้อสันนิษฐานได้ว่า ทั้งหมดอาจจะเป็นแผนการของกรรมการชิน หลักฐานที่ทำให้อินจูคิดอย่างนั้นก็คือจดหมายลาตายที่พิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ แทนที่จะเขียนด้วยลายมือ แถมข้อความยังเป็นการตัดแปะเอาแคปชั่นในไอจีมาต่อเรียงกัน

อินจูมาขอดูกล้องวงจรปิดที่บันทึกเอาไว้ในวันที่เพื่อนรุ่นพี่ฆ่าตัวตาย แต่ช่วงเวลาเกิดเหตุคลิปกลับถูกลบไปหมด แม้จะเป็นกล้องหน้ารถจากบริเวณใกล้เคียงก็ไม่มี

ต่อมาเมื่อกู้ข้อความที่เพื่อนรุ่นพี่ใช้คุยกับกรรมการชิน ทำให้อินจูพบว่า เพื่อนรุ่นพี่เป็นคนเก็บหลักฐานการกระทำความผิดต่าง ๆ ของกรรมการชินตลอดระยะเวลาสี่ปีที่ทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการยักยอก เล่นการพนัน และอื่น ๆ โดยเพื่อนรุ่นพี่ได้ส่งหลักฐานเหล่านั้นไปให้อัยการเพื่อเอาผิดกับกรรมการชิน

คืนนั้น ด้วยความเครียดจัดไม่รู้ทำยังไง อินจูเลยลองวิธีใช้เงินแก้ปัญหาดู เธอไปช็อปปิ้งของไร้สาระน้ำหอม ลิปสติก นู่นนี่นั่นจนกองพะเนิน แต่อินจูก็ได้พบความจริงว่ามันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว

ด้วยความที่มันแน่นอก อินจูจึงไปหากรรมการชินแล้วพูดตรง ๆ ออกไปเลยว่าเธอสงสัยเขา แต่คำตอบที่ได้กลับตรงกันข้าม กรรมการชินชี้แจงสิ่งที่เธอสงสัยได้หมด “ฉันรู้ว่าเธอสงสัยฉันถึงได้ขุดคุ้ยเรื่องนู้นเรื่องนี้ไปทั่ว รู้อะไรมั้ย การยักยอกมันเป็นของคู่กับธุรกิจ มันถูกสร้างมาให้ใครสักคนต้องรับผิดชอบ … ฉันรู้ว่าเธอต้องคิดว่าฉันกับยัยนั่นเป็นชู้กัน แต่ไม่ใช่ ความจริงคือฉันแค่โดนหลอกใช้”

กรรมการชินถือกล่องเอกสารกล่องหนึ่งในมือขณะกำลังเดินไปที่รถ ที่จอดอยู่บนอาคารจอดรถ เขากำลังจะไปสำนักงานอัยการเพื่อมอบตัว อินจูเดินตามเขามาติด ๆ เพื่อถามสิ่งที่เธอสงสัย ทำไมคนที่มีเงิน 7 หมื่นล้านวอนอยู่ในมือถึงฆ่าตัวตาย ?

“เพราะยัยนั่นไม่รู้ไงว่ามันมีสิ่งที่น่ากลัวอยู่บนโลกใบนี้ มีใครบางคนอยู่เหนือเรา” คำพูดจากปากของกรรมการชินทำเอาอินจูถึงกับประหม่า เธอยืนนิ่งอึ้งอยู่อย่างนั้นกลางอาคารลานจอดรถ

ตูม ! อินจูได้ยินเสียงดังสนั่นเหมือนเสียงรถยนต์พุ่งตกจากอาคารจึงรีบวิ่งมาดู ภาพที่เธอเห็นอยู่เบื้องล่างคือรถของกรรมการชิน ที่เพลิงกำลังลุกไหม้เป็นเศษซาก !

EP.3 วิญญาณที่ขายได้ราคาแพง

อินจูรีบวิ่งจากอาคารจอดรถลงมาชั้นล่าง เพื่อมาช่วยดึงร่างของกรรมการชินออกจากตัวรถ มือที่สั่นเทาด้วยความกลัวของเธอคว้าเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดหมายเลข 119 เพื่อขอความช่วยเหลือ ระหว่างรอเธอก็พยายามช่วยชีวิตกรรมการชินด้วยการทำ CPR จังหวะนั้นเองที่เธอเหลือบไปเห็นดอกกล้วยไม้รูปร่างแปลกประหลาดดอกหนึ่งตกอยู่ ไม่นานนักรถกู้ชีพฉุกเฉินก็มาถึง

ที่แผนกฉุกเฉิน อินจูนั่งขอบตาแดงก่ำ โดยรอบเต็มไปด้วยน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด มันไหลออกมาอยู่อย่างนั้น ในหัวของเธอตอนนี้ปั่นป่วนไปหมด กรรมการชินตายแล้ว เขาตายไปแล้ว แต่คำพูดของเขายังอยู่ในหัวเธอ “… มีสิ่งที่น่ากลัวอยู่บนโลกใบนี้ มีใครบางคนอยู่เหนือเรา” มันดังซ้ำวนเวียนอยู่อย่างนั้น

แม้ความตั้งใจในตอนแรกคือการขุดคุ้ยหาความจริงเบื้องหลังการตายของเพื่อนรุ่นพี่ แต่เรื่องราวมันน่ากลัวเกินไป เกินกว่าที่อินจูจะไปต่อได้ เธอจึงตั้งใจจะหลับหูหลับตา และใช้ชีวิตของตัวเองต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอตั้งใจอย่างนั้นจริง ๆ

ขายหน้าไม่ไหว

อินกยองเห็นข่าวการมอบรางวัลการประกวดภาพวาดให้กับพัคฮโยรินก็นึกเอะใจขึ้นมา เธอจำได้ว่าภาพวาดภาพนั้นอินฮเยเป็นคนวาด ค่ำวันนั้น อินกยองจึงมารอรับอินฮเยที่หน้าโรงเรียน เพื่อถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่คำตอบที่ได้กลับตรงกันข้ามจากสิ่งที่เธอคิด อินฮเยเต็มใจมอบภาพวาดนั้นให้พัคฮโยรินนำไปใช้ประกวด …

“แม่ฮโยรินบอกว่าจะส่งฉันไปเรียนมหาวิทยาลัยศิลปะบอสตันกับฮโยริน แลกกับการวาดภาพใส่ในพอร์ตโฟลิโอแค่ไม่กี่ภาพ” อินฮเยเผยความในใจกับพี่สาวโดยไม่มีอะไรเคลือบแฝง แต่อินกยองกลับมองว่า สิ่งที่น้องสาวชั้น ม.5 ทำอยู่นั้นมันเป็นอาชญากรรม ซึ่งอินฮเยไม่เห็นด้วย โดยอ้างว่าศิลปินระดับโลกก็วาดภาพเพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้องเหมือนกับที่เธอทำ

อินกยองก็ยังยืนยันว่ามันเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง เธอเรียกสิ่งที่น้องสาวทำว่าเป็นการขายวิญญาณ นั่นแหละ อินฮเยก็พยายามอธิบายในมุมมองของเธอ “วิญญาณมันสร้างมาจากอะไรเหรอ ถ้าฉันมีวิญญาณที่ขายได้ราคาแพงขนาดนั้น ฉันก็ภูมิใจที่จะขายมันนะ หรือพี่มีวิธีอื่นที่ทำให้ฉันไปเรียนเมืองนอกได้” อินกยองได้ฟังแล้วก็พูดไม่ออก ไม่ว่าจะถูกหรือผิด แต่เธอไม่สามารถปฏิเสธสิ่งที่น้องสาวพูดได้เลย

วันเดียวกันนั้น อินฮเยไปงานเลี้ยงฉลองการได้รับรางวัลภาพวาดของพัคฮโยรินที่จัดขึ้นที่แมนชั่นสุดหรู … อินกยองเดินดุ่ย ๆ ขอเข้าไปในงานเลี้ยง แต่ด้วยความที่เป็นงานเลี้ยงส่วนตัว นักข่าวอย่างเธอจึงไม่เป็นที่ต้อนรับ อินกยองจึงถือวิสาสะเดินเข้าไปในงานโดยไม่ได้รับอนุญาต แถมยังโวยวายเรียกชื่ออินฮเยให้กลับบ้าน อินฮเยที่เห็นพี่สาวทำเรื่องน่าอายแบบนี้ก็ถึงกับต้องมุดหลบอยู่ใต้โต๊ะ

อินกยองเริ่มสติแตกเมื่อโทร. ไปหาน้องสาวแล้วถูกตัดสาย เธอเดินเข้าไปซื้อโซจูที่ร้านสะดวกซื้อเพื่อย้อมใจ ระหว่างนั้น พัคแจซัง พ่อของพัคฮโยรินก็เข้ามาคุยกับอินฮเย พร้อมกับชมเชยความเป็นอัจฉริยะในด้านศิลปะของเธอ คำพูดเหล่านั้นที่ออกจากปากคนที่มีทั้งเงินและอำนาจในมือ มันทำให้เด็กสาวหัวใจพองโตอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ว่าที่จริง คำพูดเหล่านี้เธอเคยได้ยินจากปากของพี่ ๆ นับครั้งไม่ถ้วน แต่มันไม่เคยทำให้เธอรู้สึกแบบนี้เลย

เพราะอะไรน่ะเหรอ ? เพราะคนที่มีเงินและอำนาจสามารถทำในสิ่งตัวเองพูดให้เป็นจริงได้ทันที พัคแจซังให้มูลนิธิของเขาพิจารณาทุนการศึกษาเรียนต่อที่อเมริกาให้อินฮเย

อินกยองเมามายได้ที่ สติสตางค์เริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เธอปีนขึ้นไปบนเสากล้องวงจรปิดเพื่อเรียกอินฮเยให้กลับบ้าน “ออกมาเดี๋ยวนี้ อินฮเย ฉันไม่กลับหรอกถ้าแกยังไม่ออกมา …” เสียงป้อแป้ที่ออกจากปากอินกยอง ทำให้คนทั้งงานหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคลิป แล้วก็พากันหัวเราะออกมาไม่หยุด ไม่เว้นแม้แต่พัคแจซังที่ถึงกับยิ้มไม่หุบที่ได้เห็นพฤติกรรมแปลกประหลาดแบบนี้

เมื่อไม่หยุดโวยวาย อินฮเยก็จำใจต้องออกมาจากงานเพื่อพาพี่สาวกลับบ้าน ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ตำรวจสายตรวจเข้ามาดูเหตุการณ์พอดี แต่พัคแจซังขอไว้ไม่ให้เอาเรื่อง อินฮเยจึงเดินก้มหน้าก้มตาออกไปจากที่นั่นด้วยความอาย อายจากสิ่งที่พี่สาวแท้ ๆ ของเธอเป็นคนทำ อายจากสิ่งที่พี่สาวขี้เมาของเธอเป็นคนทำ …

ในคืนนั้น อินฮเยแชตหาอินกยองที่นอนหลับเมามายไม่ได้สติ “วันนี้เป็นวันที่อับอายขายขี้หน้ามากที่สุดตั้งแต่เกิดมา ฉันคิดว่าทั้งชีวิตนี้ฉันก็คงให้อภัยพี่ไม่ได้ ฉันบล็อกนะ เราคงไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก” !!!

ดอกเจ้าหญิง

อินจูจำได้ว่าเพื่อนรุ่นพี่เคยบอกเอาไว้ ให้เธอเอาดอกเจ้าหญิงไปให้ประธานวอนซังอู (ประธานผู้ไม่เอาไหนของบริษัทออร์คิดการก่อสร้าง)

ในวันนั้น อินจูจึงแบกกระเป๋าแบบแบ็กแพ็กที่มีเงินสด 2 พันล้านวอนอยู่ในนั้น เดินตุปัดตุเป๋ไปเข้าเยี่ยมประธานวอนซังอูที่โรงพยาบาลจิตเวชเซนต์เบเนดิกต์ เมื่อได้เจอหน้ากันครั้งแรก อินจูก็เข้าประเด็นเลย เธอได้เงินสดสองพันล้านนี่มาแต่เธอไม่รู้จะทำอย่างไรกับมันดี “ฉันกลัวค่ะ ฉันไม่อยากตายเพราะเงินนี่”

ประธานวอนซังอูจึงค่อย ๆ อธิบายให้อินจูเข้าใจทีละเปลาะ โดยเริ่มจากการยักยอกเงินบริษัทมันมีมาตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อของเขาแล้ว มันเป็นแบบนี้มาตลอด เขาเคยคิดจะทำให้มันถูกต้องโดยการฟ้องร้องพ่อของเขาเรื่องยักยอก แต่ผลที่ได้รับคือการที่ต้องมาใช้ชีวิตอยู่ในโรงพยาบาลบ้า

สิ่งที่ประธานวอนซังอูบอกกับอินจูก็คือ ให้เธอเก็บเงินนี้ไว้ เพราะถึงจะแจ้งตำรวจ เงินมันก็จะกลับไปหาพวกที่ทำการยักยอกอยู่ดี ส่วนเธอก็จะกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดยักยอกเงินบริษัท “คุณเก็บเงินนี้ไว้เถอะ ถ้าเงินนี้สร้างความกังวลให้คุณอินจู วิธีแก้ก็คือการใช้มัน” … ประธานวอนซังอูแนะนำอินจูให้ใช้เงินเพื่อคลายความกังวล ! จากนั้นเขาก็หยิบเอาสิ่งที่เรียกว่า “สมุดบัญชีเงินทุนซุกซ่อน” ให้กับอินจู และย้ำว่าบัญชีเหล่านี้เป็นสิ่งที่พวกนั้นต้องการมากที่สุด

แต่ก่อนที่จะได้คุยอะไรมากกว่านี้ ผู้จัดการชเวโดอิลก็มาโดยมิได้นัดหมาย (ชเวโดอิลคือลูกน้องของพัคแจซังที่ร่วมกับอินจูตามสืบหาเงิน 7 หมื่นล้านวอนที่หายไป) อินจูจึงต้องรีบหนีออกมา แต่ก็ดั๊นลืมไอโฟนที่กระจกด้านหลังแตกเอาไว้ในห้องของประธานวอนซังอู ทำให้ผู้จัดการชเวโดอิลรู้ว่าอินจูมาที่นี่

อินจูนั่งรอรถประจำทางอยู่ที่หน้าโรงพยาบาลจิตเวชเซนต์เบเนดิกต์ นั่งรอรถประจำทางทั้ง ๆ ที่ด้านหลังสะพายกระเป๋าแบ็กแพ็กที่มีเงินสดสองพันล้านวอนอยู่ด้านใน แต่นั่งอยู่ได้ไม่นาน ผู้จัดการชเวโดอิลก็ขับรถมาจอด แล้วเรียกให้ขึ้นมาบนรถ …

ที่แท้ผู้จัดการชเวโดอิลรู้เรื่องทั้งหมดอยู่ก่อนแล้ว เขาเสนออินจูให้ร่วมมือกันถ้าอยากเล่นเกมนี้ให้ชนะ เพราะเกมนี้ไม่ใช่เดิมพันแค่สองพันล้านวอนที่อยู่ในกระเป๋านั่น แต่มันเดิมพันถึงชีวิต

สิ่งที่ต้องแลกกับของที่อยากได้

อินจูเอาเงินมาเก็บไว้ในกล่องกิมจิเหมือนเดิม ค่ำวันนั้น อินกยองมาเจอเงินสดที่ซ่อนในกล่องกิมจิ เธอหยิบเงินสดมากองเอาไว้รอจนอินจูกลับมา … อินกยองแสดงท่าทีชัดเจนว่าเธอไม่ต้องการเงินสกปรกเหล่านี้ เธอเรียกเงินก้อนนี้ว่า “เงินสกปรกที่ขโมยมา” เงินที่จะทำให้ครอบครัวเจอกับเรื่องอันตราย อินจูที่มีท่าทีนิ่งเฉยได้เล่าเรื่องบางอย่างที่อินกยองไม่เคยรู้ เธอเล่าด้วยน้ำเสียงที่เคลือบไปด้วยความเศร้า …

“ตอนที่โรงพิมพ์พ่อเจ๊ง เราเก็บข้าวของหนีกันกลางดึก ตอนนั้นเรามีน้องอายุสองขวบอยู่ด้วย (ไม่ใช่อินฮเย) อยู่ดี ๆ น้องก็ไม่หายใจ แต่ตอนนั้นเราทำอะไรไม่ได้เพราะเราไม่มีเงิน น้องตายไปโดยที่เราทำอะไรไม่ได้ด้วยซ้ำ …” อินกยองไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีน้องร่วมสายเลือดอีกคน “… และนั่นทำให้แม่เริ่มสติแตก พ่อก็เริ่มเป็นคนติดเหล้า ตอนนั้นฉันจำได้ขึ้นใจเลยว่าการไม่เงินเท่ากับตาย ถ้าเรามีเงินก้อนนี้ในตอนนั้น แกคงจะได้เรียนที่ตัวเองอยากเรียน อินฮเยก็คงเป็นเด็ก ม.ปลายที่ยิ้มเก่ง และมีความสุขกับการวาดรูป และน้องคนนั้นก็ยังมีชีวิตอยู่” (แม่บอกอินจูภายหลังว่าน้องชื่ออินชอน)

อินจูแบกเงินสองล้านวอนใส่กระเป๋าแบ็กแพ็กไปหาคุณย่า เธอบอกกับคุณย่าตรง ๆ ว่าตอนนี้มีเงินสด 2 พันล้านวอน อยากให้คุณย่าหาอพาร์ตเมนต์สามห้องนอนในกรุงโซลให้

ตัดภาพมาที่บ้านของพัคฮโยริน … อินฮเยกำลังเดินสำรวจภายในบ้าน เดินดูสิ่งของต่าง ๆ จนไปสะดุดตาเข้ากับตุ๊กตาย่อส่วน “แอรีแอดเน่” อินฮเยขโมยมัน แต่ …

ทุกการกระทำของอินฮเยอยู่ในสายตาของพัคแจซังที่เฝ้าดูอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง เขาไม่ได้ว่าอะไร แต่เลือกที่จะเล่าชีวิตในวัยเด็กก่อนที่จะมีวันนี้ เมื่อก่อนเขาเป็นเพียงลูกชายคนขับรถ แต่ด้วยความพิเศษบางอย่างที่เขามี จึงทำให้เขาได้ทุกอย่างมาครอบครองอย่างที่เห็นในทุกวันนี้ …

“ฉันต้องเสียสละครั้งยิ่งใหญ่กว่าจะได้มันมา แล้วเธอล่ะ อยากได้ตุ๊กตานั่นเหรอ ?” พัคแจซังเอ่ยถามด้วยใบหน้าแฝงรอยยิ้ม

อินฮเยเงียบไปนานนับสิบวินาที ก่อนจะตอบออกไปว่า “ค่ะ”

“แล้วเธอคิดว่าจะทำได้อย่างที่ฉันทำมั้ย เธอคิดว่าจะทรยศคนที่รักเธอที่สุดในโลกได้หรือเปล่า ?”

EP.4 การเมืองคือธุรกิจสร้างภาพ

คุณย่าพาอินจูมาดูอพาร์ตเมนต์หรูวิวติดแม่น้ำฮัน พร้อมยื่นเสนอขายให้ในราคาสุดพิเศษ

ในขณะที่อินฮเยพาพัคฮโยรินมาที่บ้านซอมซ่อของเธอ บ้านที่ต้องเดินขึ้นบันไดนับร้อย ๆ ขั้นเพื่อจะก้าวไปถึง บ้านที่เปิดหน้าต่างเพื่อสูดอากาศภายนอกไม่ได้เพราะรางเลื่อนเสีย บ้านที่ห้องอาบน้ำอยู่ใต้บันไดทำให้ไม่สามารถยืนอาบน้ำได้ บ้านที่มีทางมดเดินผ่าน บ้านที่ได้กลิ่นก็รู้ว่าเป็นบ้านคนจน บ้านที่ไม่ได้ทำให้ผู้อาศัยรู้สึกภูมิใจเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ดูเหมือนพัคฮโยรินจะชอบบ้านนี้ไม่น้อย บ้านที่เธอเรียกว่าของจริง “ของในบ้านหลังนี้ดูเหมือนเป็นของจริงทั้งหมดเลยนะ” อินฮเยได้แต่พูดกลับไปแบบขำ ๆ ว่า “งั้นบ้านเธอก็เป็นของปลอมงั้นเหรอ”

สวนลับกล้วยไม้ผี

อินกยองหาข้อมูลเรื่องกล้วยไม้สีน้ำเงินแปลกประหลาด ที่มักจะอยู่ในสถานที่เกิดอุบัติเหตุ มันถูกเรียกว่า “กล้วยไม้ผี” เป็นกล้วยไม้พันธุ์ลี้ลับและหายากที่สุดในจำนวนทั้งหมด 3 หมื่นสายพันธุ์ ว่ากันว่ามีคนเข้าไปหามันในป่าประเทศเวียดนาม แต่ได้มันกลับมาเพียงไม่กี่ดอก กว่าจะได้มันมาก็ต้องแลกด้วยชีวิต บางคนจึงเรียกมันว่ากล้วยไม้แห่งความตาย … “ผู้ที่เข้าใกล้กล้วยไม้ชนิดนี้ครั้งแรก หรือสูดดมกลิ่นมันเข้าไปก็จะรู้สึกหายเจ็บปวดในทันที ไม่นานก็จะรู้สึกวิงเวียนและเคลิบเคลิ้ม แต่บางคนที่มีความรู้สึกไว ก็อาจจะเกิดอาการหลอน“ ใช่แล้ว กล้วยไม้ผีมันมีฤทธิ์ต่อจิตประสาท

ที่แมนชั่นสุดหรูของพัคฮโยริน … แม่พัคฮโยรินดูจะให้ความเอ็นดูกับอินฮเยเป็นพิเศษ เธอพาอินฮเยเข้าไปในสวนลับภายในบ้าน อินฮเยตกตะลึงกับต้นไม้ขนาดใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้า มันสวยงามแต่ก็แฝงไปด้วยความน่าเกรงขาม มันเป็นกล้วยไม้พันธุ์หายาก มันถูกห้ามนำเข้าและเพาะพันธุ์เนื่องจากฤทธิ์ของมัน

ที่สวนลับ แม่พัคฮโยรินขอให้อินฮเยวาดรูปเหมือนให้ ซึ่งอินฮเยก็เต็มใจวาดให้ทันที อินฮเยวาดได้ไม่นานนัก เธอก็เป็นลมล้มพับไปนอนอยู่กับพื้น !

อินฮเยถูกนับตัวส่งโรงพยาบาลอย่างทันท่วงที แพทย์ผู้เชี่ยวชาญวินิจฉัยว่า อินฮเยเป็นโรคหัวใจทางพันธุกรรม ซึ่งเป็นเคสที่หาได้ยากมาก “จากการตรวจคลื่นไฟฟ้าพบว่าผู้ป่วยมีอาการตรงกับโรคใหลตาย ที่จะหมดสติและเสียชีวิตเมื่อไรก็ได้ ทางเดียวที่จะทำให้ผู้ป่วยมีชีวิตอยู่ต่อได้คือการผ่าตัดใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจเข้าไปที่ใต้ผิวหนังตรงหน้าอก เมื่อหายใจหยุดเต้น เครื่องก็จะส่งกระแสไฟฟ้าเข้าไปกระตุ้นหัวใจทันที”

อินจูตัดสินใจแล้วว่าจะใช้ “เงินก้อนนั้น” ส่วนอินกยองที่ตอนแรกไม่เห็นด้วยกับการใช้เงินก้อนนั้น ก็พยักหน้าตกลง แม้แต่คนที่ยึดถือกับความถูกต้องมากที่สุดในบ้าน เมื่อต้องตัดสินใจระหว่างความถูกต้องกับน้องสาวแท้ ๆ ความถูกต้องก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญอีกต่อไป

เกมที่ใช้ความรุนแรง

โกซูอิม ทำงานให้กับพัคแจซัง ถ้านับว่าผู้จัดการชเวโดอิลเป็นมือซ้าย โกซูอิมก็เป็นมือขวา ถ้าผู้จัดการชเวโดอิลเป็นสายพิราบ โกซูอิมก็เป็นสายเหยี่ยว

โกซูอิมได้รับคำสั่งให้ตามสืบหาเงินสด 2 พันล้านวอน เธอตามจากกล้องวงจรปิดจนพบว่ามันอยู่ในร้านโยคะแห่งนี้ ร้านโยคะที่อินจูกำลังมาเอาเงินสด 100 ล้านวอน (ประมาณ 2.6 ล้านบาท) ใส่กระเป๋า เพื่อใช้เป็นค่าผ่าตัดเครื่องกระตุ้นหัวใจของอินฮเย แต่ดูเหมือนมันจะสายไปเสียแล้ว

โกซูอิมพาตัวอินจูพร้อมกับเงินสด 2 พันล้านวอนไปยังสถานที่หนึ่ง อินจูนั่งคุกเข่าบนพื้นอ้อนวอนขอยืมเงิน 100 ล้านวอนเพื่อใช้เป็นค่าผ่าตัดอินฮเย ผลจากการจ้อไม่หยุดของอินจู ทำเอาโกซูอิมเริ่มคิดจะทดสอบว่าอินจูจะอดทนได้แค่ไหนเพื่อเงิน 100 ล้านวอน มันเป็นเกมที่ใช้ความรุนแรง …

โกซูอิมคุกเข่ายอง ๆ เบื้องหน้าอินจู ก่อนจะง้างมือกวาดฝ่ามือตบเข้าไปที่หน้าของอินจูอย่างแรง “ฉันขอแบบนี้แค่สิบที ถ้ายอมโดนครบสิบที ฉันจะให้เธอยืม 100 ล้านวอน โดนอัดหนึ่งครั้งถ้ายังจะไปต่อก็ให้พูดออกมาว่า ‘โก‘ แล้วฉันจะอัดเธอต่อไปเรื่อย ๆ จนครบ แต่ถ้าหยุดกลางคันเธอก็จะอดได้เงิน”

เสียงแผ่ว ๆ ดังออกมาจากปากของอินจู “โก” จากนั้นโกซูอิมก็เรียกให้อินจูลุกขึ้น ก่อนจะกระทุ้งหมัดเข้าไปที่ท้องอีกหนึ่งดอก หญิงสาวตัวงอเป็นกุ้งแต่ก็พยายามจะประคองตัวเองให้ยืนอยู่ได้ แล้วพูดออกไปว่า “โก”

โกซูอิมง้างหมัดต่อยเข้าไปที่เบ้าหน้าของอินจูอย่างแรง จนหญิงสาวร่างผอมเพรียวกระเด็นลงไปนั่งกองอยู่กับพื้น อินจูทำท่าเหมือนจะร้องไห้ ใบหน้าเธอมีรอยบวมช้ำแต่ปากเธอก็ยังพูดออกไปว่า “โก” สิ้นเสียง โกซูอิมก็กระโดดเตะเข้าไปที่ชายโครงของอินจู แต่ละครั้งมันเพิ่มระดับความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และครั้งนี้ก็ทำเอาอินจูลงไปนอนคุดคู้อยู่กับพื้น เธอนอนอยู่อย่างนั้นแต่ปากเธอก็ยังพูดออกไปว่า “โก”

โกซูอิมสั่งให้ลูกน้องหยิบกระบองมาให้ เธอฟาดมันลงไปที่หน้าแข้งของอินจูอย่างแรง แล้วก็เอ่ยขึ้นเตือนว่าครั้งต่อไปจะตีที่หัว … นี่มันเกมบ้าบออะไรกัน จะมีคนบ้าที่ไหนที่นิยมความรุนแรงได้ขนาดนี้ แต่มันคงมีคนบ้าอย่างนี้อยู่มากมายจริง ๆ โลกของเราจึงได้เป็นอย่างทุกวันนี้

อินจูยังคงนอนดิ้นไปดิ้นมาอยู่กับพื้น การโดนไม้ฟาดไปที่หน้าแข้งเป็นใครหน้าไหนก็ไม่อาจยืนขึ้นมาได้ แต่ปากของเธอก็ยังพูดว่า “โก” … โกซูอิมจับไม้สองมือยกมันขึ้นเหนือหัว เตรียมฟาดลงไปที่ร่างของอินจูอย่างสุดกำลัง ทันใดนั้นเอง ผู้จัดการชเวโดอิลก็ปรากฏตัวขึ้นมาขวาง ถึงอย่างนั้นก็เถอะ โกซูอิมก็ยังคงลอยหน้าลอยตา อ้างว่ามันเป็นเกมที่ต่างฝ่ายต่างยินยอมพร้อมใจเล่น อินจูก็บอกอย่างนั้น เธอยอมที่จะเล่นเกมนี้ เกมที่เธอต้องเล่นเพื่อชีวิตน้องสาวของเธอ มันเป็นเกมบ้าบอที่เธอต้องเล่นจริง ๆ

แต่ดูเหมือนเกมต้องหยุดลงจริง ๆ แล้ว แม่ของพัคฮโยรินรีบเดินเข้าไปอินจู พร้อมกับตำหนิโกซูอิมอย่างแรงที่ทำเรื่องบ้า ๆ แบบนี้ “คืนเงินแล้วก็ควรจบสิ คุณโออินจูไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร จากนี้ไปอย่าแตะต้องเธออีก ฉันจะจัดการเอง”

บรูโน่ซูมิโน่

แม่ของพัคฮโยรินมาอินจูมาทานอาหารที่ร้านสุดหรู ที่เดียวกับที่เธอเคยมากินกับเพื่อนรุ่นพี่ สิ่งที่ทำให้อินจูแปลกใจอีกอย่างหนึ่งก็คือ รองเท้าที่แม่พัคฮโยรินใส่เป็นรองเท้าบรูโน่ซูมิโน่รุ่นลิมิเต็ดที่มีเพียงสามคู่ในเกาหลี แบบเดียวกับที่เพื่อนรุ่นพี่ให้เธอ

แม่พัคฮโยรินเล่าเรื่องต่าง ๆ ออกมาหมด ตอนนี้เองที่ปริศนาต่าง ๆ เริ่มคลี่คลาย สิ่งที่อินจูสงสัยมาตลอดเริ่มคลี่คลาย คนคนนั้นที่เธอเข้าใจว่าเป็นกรรมการชินมาตลอด ที่แท้คนคนนั้นคือแม่พัคฮโยริน !

จากนั้น อินจูก็ได้รับข้อเสนอให้ทำงานกับแม่พัคฮโยริน ทำงานแบบเดียวกับที่เพื่อนรุ่นพี่เคยทำ เมื่อได้ยินข้อเสนอนั้น อินจูตอบปฏิเสธทันทีแทบไม่ต้องคิด “มันเป็นงานที่เสี่ยงอันตรายเกินไปค่ะ …” อินจูเป็นคนพูดในสิ่งที่คิด เธอจึงพูดออกไปตรง ๆ “… พูดตามตรงนะคะ ฉันไม่เชื่อว่าแม่ฮโยรินกับรุ่นพี่จะเป็นเพื่อนกันจริง ๆ อย่างน้อยรุ่นพี่ก็ไม่คิดอย่างนั้น คนรวยอย่างแม่ฮโยรินเป็นเพื่อนกับคนอย่างพวกเราไม่ได้หรอกค่ะ” แม่พัคฮโยรินทำท่าเบ้ปากที่ได้ยินเช่นนั้น แต่ …

แต่อินจูก็ทำเซอร์ไพรส์ “ตราบใดที่แม่ฮโยรินไม่ขอฉันเป็นเพื่อน ฉันก็จะลองทำดูค่ะ แล้วฉันจะได้เงินเดือนเท่าไรเหรอคะ ?” แม่พัคฮโยรินยิ้มออกมาแก้มแทบปริเมื่อได้ยินคำพูดหักมุมจากปากอินจู

การเมืองคือธุรกิจสร้างภาพ

การผ่าตัดของอินฮเยจะเข้ามาอยู่ในความดูแลของมูลนิธิพัคแจซัง โดยเงื่อนไขคือต้องยอมให้มีการถ่ายทำสารคดีการช่วยเหลืออินฮเย เพื่อนำไปใช้ในการสร้างคะแนนนิยมทางการเมืองของพัคแจซัง แน่ล่ะ คนที่ไม่เห็นด้วยคืออินกยอง

อินกยองลากอินจูออกมาคุยกันด้านนอก โวยวายเรื่องที่ใช้เงินพัคแจซังในการรักษาอินฮเย ตรงกันข้ามกับอินจูโดยสิ้นเชิง สิ่งเดียวที่เธอสนคือชีวิตของอินฮเย “แกทำเป็นไปรู้เรื่องไปเหอะ มีปัญญาจ่ายแล้วค่อยมาพูด ความรักมันต้องใช้เงิน ถ้าแกไม่มีเงินก็ทน ๆ ไปเถอะ”

ระหว่างนั้น อินกยองไปหาคุณย่า เพื่อขอร้องให้คุณย่าจ่ายค่าผ่าตัดอินฮเย 100 ล้านวอนให้ แล้วคุณย่าก็มาจ่ายให้จริง ๆ !?

จากตอนแรกที่ต่างเป็นกังวลเรื่องค่าผ่าตัด อินจูยอมถูกซ้อมปางตาย อินกยองยอมทิ้งความเชื่อตัวเอง แล้วอยู่ดี ๆ ก็มีคนมาแย่งกันจ่ายเงินซะอย่างนั้น

วันต่อมา ผู้จัดการชเวโดอิลได้เบาะแสสำคัญ เขารีบเอาเรื่องนี้บอกกับอินจูทันที ชื่อและตัวตนที่เพื่อนรุ่นพี่ใช้ตอนอยู่สิงคโปร์คือชื่อของอินจู อพาร์ตเมนต์ รถยนต์ ทุกอย่างมีชื่ออินจูเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ นั่นหมายรวมถึงเงิน 7 หมื่นล้านวอนที่ฝากอยู่ในบัญชีธนาคาร ก็อยู่ในชื่อของอินจูด้วยเช่นกัน !!!

EP.5 แสดงละครตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง

ผู้จัดการชเวโดอิลบอกให้อินจูทำงานให้กับแม่พัคฮโยริน เพื่อจะได้มีโอกาสไปสิงคโปร์โดยที่ไม่มีใครสงสัย และการทำให้แม่พัคฮโยรินไว้ใจ “ต้องเป็นคนประเภทที่ยอมเสี่ยงชีวิตตัวเองเพื่อปกป้องเงินคนอื่น”

อินจูลั่นขำออกมา เธอไม่เชื่อจริง ๆ ว่าจะมีคนแบบนั้นอยู่บนโลก คนที่เอาชีวิตของตัวเองเพื่อปกป้องเงินของคนอื่น แต่เมื่อมันเป็นทางเดียวที่ทำให้แม่พัคฮโยรินไว้ใจ เธอก็จะทำ

จากนั้น เมื่ออินจูได้เงิน 7 หมื่นล้านวอนมาแล้ว ผู้จัดการชเวโดอิลจะเอา “บัญชีเงินทุนซุกซ่อน” ไปต่อรองกับพัคแจซัง ซึ่งเขาคำนวณมาแล้วว่าพัคแจซังจะยอม เพราะสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่ารออยู่ นั่นคือการได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีของประเทศนี้ ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผน เขาจะย้ายไปอยู่ที่เกาะอันดรอส ประเทศกรีซ ที่ซึ่งเป็นแหล่งพักตากอากาศของเศรษฐีจากทั่วโลก ด้วยใบหน้าใหม่และตัวตนใหม่

อินจูตื่นเต้นกับแผนของผู้จัดการชเวโดอิล เพราะสิ่งที่เขาเสนอมันเป็นความฝันของเธอมาทั้งชีวิต

บ้านที่เต็มไปด้วยคนเสียสติ

อินจูตกลงมาทำงานที่แมนชั่นสุดหรูของแม่พัคฮโยริน โดยทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงเด็ก วันแรกก็ได้เจอฤทธิ์ความเหวี่ยงวีนเยอะสิ่งของแม่พัคฮโยริน เพียงแค่หาเสื้อที่เตรียมเอาไปสิงคโปร์ไม่เจอ เธอถึงกับโวยวายตะโกนลั่นออกมาไม่หยุด แล้วก็สั่งไล่แม่บ้านคนนั้นออกทันที

จากนั้น อินจูกับอินฮเยก็ได้พบความจริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังครอบครัวที่สมบูรณ์พร้อม ว่ามันตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง เพราะบ้านหลังนี้มีแต่คนเสียสติอยู่เต็มไปหมด !

พัคแจซังที่ดูเป็นคนสุขุมนุ่มลึก มีรอยยิ้มตลอดเวลา จู่ ๆ ก็เดินเข้ามาที่ห้องนั่งเล่นระหว่างที่พัคฮโยรินกับอินฮเยกำลังนั่งดูทีวีกันอยู่ เขาเดินเอาไม้กอล์ฟฟาดเข้าไปที่จอทีวีขนาด 85 นิ้วแตกละเอียดคามือ พัคฮโยรินที่นั่งอยู่ถึงกับหวาดกลัวจนอาการแพนิกกำเริบ ตัวสั่นไปทั่งตัว และเหตุผลที่ทำให้เขาโกรธก็คือ แม่พัคฮโยรินไปสิงคโปร์อย่างกะทันหันโดยไม่บอกเขา

ส่วนพัคฮโยรินก็เป็นเด็กที่รู้สึกโดดเดี่ยวเพราะเป็นลูกสาวคนเดียวของบ้าน ทุกครั้งที่พ่อแม่ทะเลาะกัน เธอจะหายใจไม่ออกและรู้สึกเหมือนจะตาย ทางออกที่เธอเลือกก็คือการใช้คัตเตอร์กรีดแขนตัวเองเพื่อให้ใจเย็นลง

อินฮเยพูดกับพัคฮโยรินว่า จริง ๆ แล้วตัวเธอก็รู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนกันทั้งที่มีพี่น้องเยอะ วิธีแก้ความโดดเดี่ยวที่เธอทำมาตลอดก็คือ การวาดสิ่งนั้นออกมาเป็นภาพวาด เมื่อวาดไปเรื่อย ๆ เราก็จะไม่รู้สึกกลัวสิ่งนั้นอีกเลย แล้วเราก็จะไม่รู้สึกโดดเดี่ยวอีกต่อไป

การแสดงละครตลอด 24 ชั่วโมง

วันหนึ่ง แม่พัคฮโยรินให้อินจูพาไปที่บ้านเพื่อนรุ่นพี่ ที่นั่นแม่พัคฮโยรินนั่งร้องไห้กับการสูญเสียของคนที่ตัวเองคิดว่าเป็นเพื่อนไป แล้วแม่พัคฮโยรินก็เล่าเรื่องที่ความฝันที่ล้มเหลวของเธอให้อินจูฟัง …

“ฉันอยากแสดงละครมาก ๆ เลย แต่ฉันแสดงต่อหน้าคนอื่นไม่ได้ มีแต่คนวิจารณ์ในทางลบ ฉันก็เลยเลิกเป็นนักแสดง แล้วตัดสินใจมาแอบแสดงแทน เหมือนอย่างตอนนี้ฉันก็กำลังแสดงละคร 24 ชั่วโมงอยู่ ในบทบาทภรรยาที่รักของพัคแจซัง เป็นบทเดียวที่ฉันเล่นได้ดีค่ะ …” อินจูฟังถึงตรงนี้ก็ทำท่าตรงใจ เพราะเธอเข้าใจมาตลอดว่าสิ่งที่เห็นเป็นเรื่องจริง “… ฉันกับพ่อพัคฮโยรินเป็นนักแสดงระดับรางวัลออสก้าค่ะ เราแสดงบทคนรักของกันและกันได้อย่างแนบเนียน”

แม่พัคฮโยรินยิ้มเปล่งประกายด้วยความภาคภูมิใจ เหมือนกับมันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เธอมีความสุข กับการแสดงตลอด 24 ชั่วโมงของเธอ “ฉันเป็นคนแคสต์พ่อฮโยรินมาเองเลยนะคะ ฉันอยากเป็นภรรยาของประธานาธิบดี”

วันหนึ่ง อินจูเกิดไปเห็นรูปที่พัคฮโยรินวาดเอาไว้ มันเป็นภาพของเพื่อนรุ่นพี่แขวนคอตายในตู้เสื้อผ้า อินจูตกใจเป็นอย่างมาก คืนนั้นพัคฮโยรินแอบไปเปิดดูกล้องบันทึกภาพกล้องหน้ารถในวันที่ 17 เดือนก่อน ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่เพื่อนรุ่นพี่แขวนคอตาย อินจูคว้าคลิปนั้นมาดู แล้วเธอก็ถึงกับตกใจเมื่อพบว่า ชายที่ไปหาเพื่อนรุ่นพี่ในคืนที่เธอตายก็คือพัคแจซัง !

EP.6 กล้วยไม้ผีสีน้ำเงิน

พัคฮโยรินเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 17 เดือนที่แล้ว ซึ่งเป็นวันที่เพื่อนรุ่นพี่แขวนคอตาย เธอเล่าว่าวันนั้นเธอเพิ่งกลับมาจากโรงเรียน มาถึงบ้านก็ได้ยินเสียงพ่อแม่ทะเลาะกัน พ่อหุนหันพลันแล่นเดินออกไปจากบ้านโดยไม่หันมามองหน้าเธอด้วยซ้ำ จากนั้นเธอก็เปิดกล้องวงจรปิดดู ก็เห็นว่าพ่อขับรถของปู่ที่ตายไปแล้วออกจากบ้านไป ตอนนั้นเองที่เธอเริ่มรู้สึกว่ามันมีอะไรแปลก ๆ ทำให้เธอตัดสินใจกรีดแขนตัวเองเพื่อระบายความเครียดจากอาการแพนิกที่กำเริบ

ส่วนการตายของเพื่อนรุ่นพี่นั้น พัคฮโยรินไม่รู้เรื่องเลย เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเธอถึงวาดภาพนั้นออกมาได้ อินฮเยจึงตั้งข้อสังเกตว่า น่าจะเป็นเพราะกล้วยไม้ผิดกฎหมายที่อยู่ในสวนลับ กลิ่นของมันทำให้คนเห็นภาพหลอน และทำให้เห็นวิญญาณคนตายได้

อย่างไรก็ตาม พัคฮโยรินก็บอกกับอินจูไปว่า การที่พ่อเธอไปที่นั่นมันไม่ได้หมายความว่าพ่อต้องฆ่าใคร และเธอจะขอเก็บคลิปกล้องหน้ารถไว้กับตัว ถ้ามีใครเอาไปเธอจะฆ่าตัวตาย ซึ่งอินจูก็บอกว่าเข้าใจและตอบตกลง

แต่ก็นั่นแหละ อินจูรอจนพัคฮโยรินนอนหลับ จากนั้นก็แอบเข้ามาในห้องเพื่อขโมย SD Card ที่บันทึกคลิปนั้นไว้ แต่หายังไงก็หาไม่เจอ กระทั่งอินฮเยเดินเข้ามาพร้อมกับเฟียสใส่พี่สาวอย่างเจ็บแสบ “ทำไมถึงมั่นใจนักว่าเป็นการฆาตกรรม คนจนต้องโดนคนรวยกระทำทุกครั้งเลยเหรอ ความคิดแบบนี้มันเป็นความเพ้อฝันที่เอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางของพวกคนจนนะ” โดนดอกนี้เข้าไป อินจูถึงกับพูดไม่ออก

รุ่งขึ้น อินฮเยก็พาพัคฮโยรินมาฝัง SD Card ในสวนลับ จากนั้นอินฮเยก็แนะนำให้พัคฮโยรินอย่าเชื่อใครทั้งนั้น ให้คิดซะว่าโลกนี้มีแค่ฉันกับเธอ แล้วก็มาช่วยกันคิดต่อว่าจะทำอย่างไรต่อจากนี้

แฉ

ในรายการดีเบตผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีกรุงโซล อีกยองได้บุกเข้าไปกลางงาน และแย่งไมค์จากนักข่าวคนอื่น ๆ เพื่อยิงคำถามสดใส่พัคแจซัง โดยระบุว่าพ่อของพัคแจซังมีที่ดินอยู่ในครอบครองมูลค่ากว่า 8 พันล้านวอน ซึ่งตรงกันข้ามกับที่เขาพูดมาตลอดว่า เกิดมาในครอบครัวที่มีพ่อเป็นทหารจน ๆ รับใช้ชาติจนวินาทีสุดท้าย

สำนักข่าวทุกสำนักเล่นข่าวนี้กันอย่างต่อเนื่อง ขยี้กันอย่างเมามัน พัคแจซังสั่งลูกน้องให้ปล่อยไปแบบนี้สักสองสามวัน เพราะตอนนี้ไม่ว่าจะอธิบายไปอย่างไรก็ไม่มีใครฟังอยู่ดี แม้เหลืออีก 5 วันจะถึงวันเลือกตั้งก็ตาม

เช้ารุ่งขึ้น ที่แมนชั่นหรูของพัคแจซัง … คุณย่าอินจูมาเยี่ยมโดยไม่ได้นัดหมาย การมาของคุณย่าคือมาเพื่อเจรจาให้พัคแจซังเลิกใช้อิทธิพลกลั่นแกล้งธุรกิจของคุณย่า แลกกับการที่อินกยองจะหยุดขุดคุ้ยเรื่องของเขา

แต่สิ่งที่ทำให้เขาสงสัยคือความสัมพันธ์ของคุณย่ากับพ่อและคนในครอบครัวนี้ต่างหาก แต่ไม่ว่าอย่างไร คุณย่าก็เดินออกไปด้วยรอยยิ้มของผู้ชนะ (ความลับของคุณย่าคืออะไรกันนะ ?)

หลังปล่อยให้นักข่าวขยี้กันจนหนำใจไปสองสามวัน พัคแจซังก็เปิดแถลงข่าวชี้แจงที่มูลนิธิฯ มันเป็นงานแถลงข่าวที่มีนักข่าวเข้ามาร่วมงานนับร้อยชีวิต พัคแจซังยอมรับว่าพ่อเขามีที่ดินมูลค่ามหาศาลจริงตามที่อินกยองตั้งคำถาม แต่ไม่ใช่มูลค่า 8 พันล้านวอนตามที่เธออ้าง ความจริงคือก่อนตายพ่อเขาถือครองที่ดินมูลค่า 2 หมื่นล้านวอน

จากนั้น พัคแจซังก็เปิดภาพพ่อของเขาขณะยังมีชีวิต “พ่อเป็นคนขับรถให้ท่านนายพลวอนกีซอน (พ่อของแม่พัคฮโยริน) ร่วม 40 ปี พ่อเลี้ยงลูกชายตัวเล็ก ๆ ภายในบ้านหลังเล็ก ๆ ที่มีเพียงห้องเดียวจนกระทั่งท่านจากไป” ที่เปิดภาพนี้ให้ดูก็เพื่อที่จะโยงว่า พ่อเขาไม่รู้เรื่องที่ดินมูลค่า 2 หมื่นล้านวอนนั่นเลย แต่เป็นการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินของท่านนายพลวอนกีซอน พ่อตาของเขา

พัคแจซังสารภาพตามตรงว่าเขากับภรรยารู้เรื่องนี้มาก่อนแล้ว แต่ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไรดี ถ้าถามในฐานะคนเป็นลูก การเปิดเผยเรื่องนี้ออกมาก็เท่ากับเป็นการอกตัญญูกับผู้เป็นพ่อ “มันเป็นเรื่องที่เจ็บปวด ไม่ว่าเราจะตัดสินใจไปทางไหน จะเปิดเผยหรือจะเก็บเป็นความลับไปแบบนี้ ผมได้แต่ถามว่าความผิดของพ่อจะตกมาสู่ลูกที่ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยหรือเปล่า ?”

แต่สิ่งที่พัคแจซังตัดสินใจทำกับเรื่องนี้ก็คือ การนำเอาทรัพย์สินทั้งหมดนั้นมาเป็นเงินทุนเริ่มต้นให้กับมูลนิธิฯ ซึ่งได้จ่ายทุนการศึกษาให้กับนักเรียนทุนไปแล้วกว่า 1 พันคน และได้สร้างบุคลากรที่มีความสามารถให้กับเกาหลีใต้มากมาย และหนึ่งในนั้นก็คืออินฮเย น้องสาวของอินกยองนั่นเอง !

อินกยองโดนกระแสตีกลับที่ไม่ทำการบ้านให้ดีก่อนที่จะออกมาแฉ แถมคนที่ได้ทุนการศึกษาก้อนนั้นก็ยังเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของตัวเองเสียอีก

จากเหตุการณ์นี้ทำให้คะแนนนิยมของพัคแจซังนำหน้าคู่แข่งไปถึง 5 เปอร์เซ็นต์

ความลับของคุณย่า

คุณย่ายอมรับกับอินกยองว่าท่านเป็นคนทำให้เธอโดนปลดจากการเป็นนักข่าวสถานีโอบีเอ็น และสั่งให้อินกยองเลิกขุดคุ้ยเรื่องพัคแจซัง “ที่ฉันเรียกแกมาวันนี้ก็จะบอกเรื่องเดียวนี่แหละ เลิกยุ่งกับเรื่องนี้ซะ ไม่งั้นบริษัทฉันจะล่มจม และแกก็จะไม่ได้มีชีวิตไว้หายใจต่อไป”

แต่ก็นั่นแหละ อินกยองก็ยังคงเป็นอินกยอง เธอยังคงขุดคุ้ยเรื่องที่ต้องการขุดคุ้ยต่อไป โดยไม่สนว่าจะเกิดผลอะไรตามมา เธอพบว่าคุณย่าเธอไปเกี่ยวข้องกับสมาคมจองรัน ซึ่งคนที่อยู่ในสมาคมนี้ต่างพากันตายไปทีละคน ๆ ส่วนคนที่ยังมีชีวิตอยู่มีไม่กี่คน หนึ่งในนั้นก็คือคุณย่า !?

แม่พัคฮโยรินเรียกอินจูให้มาพบ โดยมอบหมายให้อินจูเป็นตัวแทนเธอไปงานสมาคมกล้วยไม้นานาชาติ (สมาคมจองรัน) ที่จัดขึ้นที่สิงคโปร์ในสัปดาห์หน้า และได้มอบกล้วยไม้แปลกประหลาดให้อินจูเอาไว้ด้วย “กล้วยไม้นี้มีชื่อว่าผีสีน้ำเงิน เปิดฝาแล้ววางไว้ข้างเตียงก่อนนอน คืนนี้ดอกมันจะบานค่ะ ถ้าได้สูดกลิ่นของมันทั้งคืนจะได้เห็นสิ่งที่ตัวเองต้องการ”

คืนนี้อินจูมานอนที่บ้านคุณย่าตามคำแนะนำของท่าน ที่ต้องการให้หลาน ๆ มานอนที่นี่เพื่อความปลอดภัย … ที่ห้องนอน อินจูเปิดฝากล่องเพื่อหยิบกล้วยไม้ผีสีน้ำเงินขึ้นมาสูดดม จากนั้นอินจูก็เข้าไปหาคุณย่าที่ห้องทำงาน และได้พูดข้อเสนอบางอย่างที่น่ากลัว …

อินจูสารภาพกับคุณย่าวว่าเธอมี “บัญชีเงินทุนซุกซ่อน” สิ่งที่จะทำลายพัคแจซังได้ เธอบอกว่าจะใช้สิ่งนี้ต่อรองเพื่อให้ได้เงิน 7 หมื่นล้านวอน และอยากให้คุณย่าร่วมมือกับเธอด้วย

คุณย่าไม่เห็นด้วยประการทั้งปวง คุณย่ารู้ดีว่ามันอันตรายขนาดไหน คุณย่าจึงตัดบท “คืนนี้ฉันเพลียมาก ไว้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้เถอะ”

อินจูนอนอยู่ในห้องนอนที่มีกล้วยไม้ผีสีน้ำเงินวางอยู่ข้าง ๆ เตียงตามที่แม่พัคฮโยรินบอก

คืนนี้อินกยองกลับมานอนที่บ้านของคุณย่าเช่นกัน เมื่อเธอเปิดประตูเข้าไปก็พบกับภาพอันน่าตกตะลึง เลือดกองอยู่เต็มพื้นไปทั่วบริเวณ มีเหล็กที่ใช้เขี่ยฟืนที่ผิงไฟวางตกอยู่ ใกล้ ๆ นั้น ร่างที่ไร้สติของคุณย่านอนอยู่กับพื้น ขณะที่หัวหนุนตักของอินจูอยู่ อินจูที่เนื้อตัวและหน้าตาเต็มไปด้วยเลือดค่อย ๆ หันไปมองอินกยองที่เปิดประตูเข้ามา เธอหันไปมองอินกยองช้า ๆ ด้วยสีหน้าเหมือนคนสติสัมปชัญญะเลื่อนลอย ทุกสิ่งเงียบงัน ที่กองเลือดกองนั้นมีกล้วยไม้ผีสีน้ำเงินตกอยู่ !!?

EP.7 แผนกินรวบ

การตายของคุณย่าสร้างความเคลือบแคลงสงสัยให้กับผู้คนไม่น้อย ว่าที่จริงตัวอินจูเองก็อดสงสัยไม่ได้ว่าอะไรกันแน่ที่ทำให้คุณย่าต้องตาย เพราะเธอจำเหตุการณ์ในช่วงนั้นไม่ได้เลย กล้วยไม้นั่นหรือเปล่านะที่ทำให้คุณย่าต้องตาย เธอถามคำถามนั้นกับแม่พัคฮโยรินว่ากล้วยไม้นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณย่าตายหรือเปล่า ? คำตอบที่ได้คือ ไม่ใช่

ตัดภาพมาที่การประชุมเปิดพินัยกรรมของคุณย่า ทนายเผยว่าท่านมีทรัพย์สินก่อนหักหนี้สินจำนวน 2 หมื่นล้านวอน แต่มีหนี้สินที่รอการชำระจำนวน 3.6 หมื่นล้านวอน ทำให้ทายาทคนอื่น ๆ ขอสละกองมรดก (เพราะมีหนี้สินมากกว่าหนี้สิน) แต่คนที่ขอรับไว้คืออินกยอง ทำให้ลูกหลานแต่ละคนไม่มีใครปฏิเสธเลยแม้แต่คนเดียว ยินยอมพร้อมใจยกกองมรดกหนี้ให้กับอินกยองอย่างเต็มใจ

ฆาตกรตัวจริง ?

ไม่กี่วันหลังจากการเสียชีวิตของคุณย่า ฆาตกรได้เข้ามอบตัวกับตำรวจ คนคนนั้นคือชอนซังฮยอก คนที่เป็นพ่อบ้านคอยทำอาหารให้กับคุณย่ามานานหลายปี อินกยองไม่เชื่อว่าเขาจะเป็นฆาตกรตัวจริง

ชอนซังฮยอกอัปคลิปรับสารภาพของเขาบนยูทูบ เขาบอกว่าการฆาตกรรมที่เกิดขึ้นนี้ถูกเตรียมการมานานหลายปีแล้ว เขาเรียกมันว่า “การลงทัณฑ์ปีศาจอสังหาฯ” เขาได้อ้างว่าตัวเองเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากคำแนะนำของคุณย่าที่บอกว่า ตลาดอสังหาฯ จะไม่มีวันล่ม แต่จุดสำคัญอยู่ในตอนท้ายคลิป มือของเขาถือกล้วยไม้ผีสีน้ำเงินอยู่ในมือ หรือว่ากล้วยไม้ที่ตกอยู่ข้าง ๆ ศพคุณย่าจะเป็นของชอนซังฮยอก ไม่ใช่ของอินจู ?

อินกยองตัดสินใจจะเขียนข่าวเปิดโปงพัคแจซัง และเรื่องกล้วยไม้ผีสีน้ำเงิน แต่อินจูรีบห้ามเอาไว้ เธอบอกว่ามีบัญชีเงินสด 7 หมื่นล้านวอนฝากเอาไว้ในชื่อเธอที่ธนาคารสิงคโปร์ อีกหนึ่งอาทิตย์เธอก็จะไปที่นั่นแล้วเบิกเงินก้อนนั้นออกมา อินจูขอให้อินกยองรอถึงตอนนั้นก่อนแล้วค่อยเขียนข่าวเปิดโปงทุกอย่างเพื่อทำลายล้างพวกมันให้สิ้นซาก

ด้วยความที่อินกยองเป็นผู้เดียวที่รับมรดก ทำให้เธอมีสิทธิ์ในบ้านของคุณย่าด้วย ดังนั้น เธอจึงรื้อค้นข้าวของคุณย่าจนได้เบาะแสตามมามากมาย และพบว่าพ่อของผู้จัดการชเวโดอิลเป็นหนึ่งในสมาชิกของสมาคมจองรัน ซึ่งเป็นคนเดียวที่ยังไม่ตาย (ถ้าไม่นับนายพลวอนกีชอนที่นอนเป็นผักอยู่ที่โรงพยาบาล) แต่อยู่ในสถานะหายสาบสูญ ส่วนแม่ของผู้จัดการชเวโดอิลก็ติดคุกในข้อหาฆาตกรรมด้วยโทษ 30 ปี

อินกยองกับอินจูไปเยี่ยมแม่ของผู้จัดการชเวโดอิลเพื่อขอให้เธอช่วยเรื่องเปิดโปงสมาคมจองรัน แล้วแม่ที่ยอมรับโทษ 30 ปีด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง โดยไม่เคยปริปากบอกใครเรื่องความลับเกี่ยวกับสมาคมจองรันเลย อยู่ดี ๆ ก็ให้ข้อมูลสำคัญกับอินกยองกับอินจูซะอย่างนั้น

แผนกินรวบ

อินจูพบกับผู้จัดการชเวโดอิลพร้อมกับประกาศว่าจะไม่ทำตามแผนเดิมที่ตกลงกันไว้ เธอจะไปสิงคโปร์แล้วถอนเงิน 7 หมื่นล้านวอนออกมาก หลังจากนั้นก็จะใช้ “บัญชีเงินทุนซุกซอน” เปิดโปงสมาคมจองรัน และทำลายอนาคตทางการเมืองของพัคแจซังให้สิ้นซาก ผู้จัดการชเวโดอิลไม่ได้ทัดทานอะไร เพียงแต่บอกว่านับจากนี้ชีวิตของเธอจะตกอยู่ในอันตราย

ต่อมา แม่พัคฮโยรินก็โยนจดหมายลับที่เขียนลายมือให้กับอินฮเยเพื่อส่งต่อให้อินจู “ฉันถูกขังอยู่ ตอนนี้สามีฉันอันตรายมาก ฉันจะหนีออกไปจากที่นี่ให้ได้ ไปสิงคโปร์แล้วเตรียมเงินสดให้ฉันด้วยนะคะ ฉันจะรีบพาเด็ก ๆ ตามไป”

ระหว่างเดินกลับบ้าน พัคแจซังมารอพบกับกับอินฮเย เขาพาเธอขึ้นไปบนดาดฟ้าของตึกร้างตึกหนึ่งที่เขาเพิ่งซื้อมาได้ไม่นาน เขาบอกกับเธอว่าไม่นานตึกนี้จะถูกทุบเพื่อเตรียมการก่อสร้างตึกใหม่ อินฮเยบอกไปตรง ๆ ว่าเธอไม่เข้าใจที่เขาสื่อ พัคแจซังเลยพูดไปตรง ๆ ว่า “ไม่ว่าจะเกิดอะไรข้น ฉันจะไม่ยอมให้พัคฮโยรินกับแม่พัคฮโยรินต้องเจ็บปวดแม้แต่นิดเดียว ฉันยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อสองคนนั้นได้ และถ้าเธอเลือกทำแบบเดียวกัน เธอก็เข้ามาอยู่ในครอบครัวของเราได้ แต่เธอต้องเข้าใจก่อนว่าตึกสองตึกสร้างอยู่บนที่เดียวกันไม่ได้ อีกไม่กี่วันข้างหน้าจะเกิดเรื่องหลายอย่างขึ้น ฉํนอยากรู้ว่าเธอจะทนเรื่องพวกนั้นได้แค่ไหน” อินฮเยมองไปที่พ่อพัคฮโยรินด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

วันเดียวกันนั้นเอง อินฮเยให้ SD Card กล้องบันทึกหน้ารถกับอินจู พร้อมกับบอกว่าให้เป็นของขวัญวันเกิด เพราะวันนี้เป็นวันเกิดอินจู

ตัดภาพมาที่อินกยอง ตอนนี้เธอตามมาจนพบกับสมาชิกสมาคมจองรันผู้หายสาบสูญ อินกยองไม่รู้จะหาวิธียังไงเพื่อจะได้เข้าไปในบ้าน เธอจึงแกล้งยื่นมือไปให้สุนัขกัด เมื่อได้เข้ามาในบ้านแล้วอินกยองก็เข้าประเด็นทันที แต่ไม่ทันจะพูดจบ เจ้าบ้านคว้าเอาเหล็กไล่ให้อินกยองออกไป

พัคแจซังสั่งให้ผู้จัดการชเวโดอิลจัดการกับอินจูให้เร็วที่สุดและเนี้ยบที่สุด ผู้จัดการชเวโดอิลจึงมาพบกับอินจูที่กำลังนั่งกินอาหารในร้านอาหารหรูเพียงลำพัง เป็นการฉลองวันเกิดให้ตัวเอง เขามาพร้อมกับข่าวร้ายที่อินจูฟังแล้วถึงกับกระเดือกอาหารที่อยู่ในลำคอแทบไม่ลง …

ผู้จัดการชเวโดอิลเปิดข่าวงานกล้วยไม้นานาชาติรอบพรีวิวที่สิงคโปร์ ในนั้นมีรูปของหญิงสาวคนหนึ่งกำลังเดินเข้าไปในงาน ทำให้เห็นจากทางด้านหลัง แต่จุดสังเกตของหญิงคนนั้นคือรอยสักที่เท้าซ้ายที่เหมือนกับรอยสักของเพื่อนรุ่นพี่เป๊ะ “เพื่อนรุ่นพี่ของคุณตายแล้วจริง ๆ เหรอครับ” คำถามที่ทำเอาอินจูถึงกับอึ้งทั้งที่เดิมก็อึ้งอยู่แล้ว แต่นั่นยังไม่เท่ากับปัญหาที่หนักกว่า …

“บัญชี 7 หมื่นล้านวอนในชื่อของคุณอินจูอาจถูก (เพื่อนรุ่นพี่) ถอนออกไปจนหมดแล้ว !”

EP.8 เด็กน้อยที่ทำของเล่นหาย

ผู้จัดการชเวโดอิลชวนอินจูไปสิงคโปร์ เพื่อเช็กว่าเพื่อนรุ่นพี่ยังมีชีวิตอยู่จริง ๆ หรือไม่ อินจูตอบตกลงทันที

ที่โรงแรมฟูลเลอร์ตัน สิงคโปร์ … อินจูตื่นเต้นมากที่ได้เห็นโรงแรมที่เธอกำลังจะเข้าพักในคืนนี้ เธอเดินเข้าไปเช็กอินเหมือนลูกค้าปกติของโรงแรม แต่เมื่อพนักงานต้อนรับรู้ชื่อของเธอก็ทำท่าลนลานรีบไปตามผู้จัดการมาทันที เพราะสำหรับที่นี่ อินจูคือลูกค้าระดับ MIP หรือลูกค้าคนสำคัญที่สุดในโลก !

ในคืนนั้น อินจูนอนหลับไปด้วยรอยยิ้มพร้อมกับคำว่า “คนสำคัญที่สุดในโลก”

จริง ๆ แล้วอินจูเป็นคนไม่รู้ภาษาอังกฤษ การสื่อสารของเธอทุกประโยคต้องผ่าน Google Translate แม้มันจะติด ๆ ขัด ๆ บ้างแต่มันก็ทำให้สามารถสื่อสารกันได้ วันนี้เธอกับผู้จัดการชเวโดอิลจะไปตามสืบเรื่องเพื่อนรุ่นพี่ และเข้าไปทำการประมูลกล้วยไม้ที่งานของสมาคมกล้วยไม้นานาชาติ ตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่จะมีคนเข้ามาทักเธอตลอดเวลาเหมือนคนรู้จัก เธอถูกทำให้เชื่อว่ามีคนที่หน้าตาเหมือนเธอที่ใช้ชื่ออินจูอาศัยอยู่ที่สิงคโปร์ และถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ก็เท่ากับว่าเพื่อนรุ่นยังไม่ตาย !?

เพื่อนรุ่นพี่ยังไม่ตายจริง ๆ เหรอ ?

อินจูเชื่อว่าเพื่อนรุ่นพี่ยังไม่ตาย และมาอยู่ที่สิงคโปร์โดยใช้ชื่ออินจู แถมยังไปผ่าตัดศัลยกรรมยกหน้าใหม่ให้เหมือนกับเธอเป๊ะ ส่วนผู้จัดการชเวโดอิลไม่เห็นด้วย เขาบอกว่าไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะมีคนทำศัลยกรรมให้หน้าเหมือนอีกคนได้เป๊ะ ๆ เหมือนกับฝาแฝดคลอดตามกันมา อินจูไม่รู้ แต่เธอเชื่ออย่างนั้นไปแล้ว เธอเชื่อไปหมดใจแล้วว่าเพื่อนรุ่นพี่ยังมีชีวิตอยู่

ผู้จัดการชเวโดอิลบอกให้อินจูทำตามแผน นั่นคือการถอนเงิน 7 หมื่นล้านจาก 7 ธนาคารให้ได้เร็วที่สุด ก่อนที่จะมีคนสังเกตเห็นความผิดปกติ เร็วที่สุดของเขาคือทำให้เสร็จภายใน 2 ชั่วโมง จากนั้นก็จะเดินทางไปยังมาเลเซีย

ทุกอย่างเป็นไปตามแผน การถอนเงินเป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้ ผ่านไป 6 ธนาคารทุกอย่างยังคงดำเนินไปได้ด้วยดี แต่เมื่อถึงธนาคารสุดท้าย มีหญิงชราคนหนึ่งแกล้งเดินมาชนกับอินจู จากนั้นก็ยื่นกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ที่มีข้อความเขียนด้วยลายมือให้กับเธอ ในจดหมายเริ่มต้นด้วยคำที่เพื่อนรุ่นพี่ชอบใช้ … มันเป็นจดหมายจากเพื่อนรุ่นพี่จริง ๆ เหรอ ?

ข้อความในจดหมายระบุว่า “ฉันไม่นึกเลยว่าเธอจะมาถึงจุดนี้ อินจู แต่ผู้ชายที่ชื่อชเวโดอิลเป็นคนอันตรายมาก เธอต้องหนีออกมาให้ได้นะ เดี๋ยวนี้เลย …” ต่อจากนั้น ก็เป็นข้อความที่เขียนแผนการหนีเอาไว้ให้อินจูทำตาม โดยให้หนีออกมาทางประตูข้างธนาคารพร้อมกับเงินสดที่ใส่อยู่เต็มกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ ที่นั่นจะมีรถจอดรออยู่ คนขับจะพาเธอมาที่อพาร์ตเมนต์ เธอสามารถเข้ามาได้เลย ประตูทุกบานสามารถใช้ลายนิ้วมือของเธอสแกนเข้าไปได้เลย

แต่มันไม่เป็นตามแผนที่ระบุเอาไว้ ระหว่างทางอินจูถูกรถไล่ตาม ทำให้เกิดอุบัติเหตุรถพ่วงขนาดใหญ่พุ่งเข้าชนกลางลำ อินจูนอนสลบไม่ได้สติอยู่บนรถคันนั้น ไม่นานนักเธอถูกนำตัวมาที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง

ที่นั่น เธอนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงผู้ป่วยฉุกเฉิน เธอนอนนิ่งไม่ได้สติอยู่อย่างนั้น ที่ข้างเตียงมีกระเป๋าเดินทางวางอยู่ ระหว่างนั้น ภาพหลอนหรือวิญญาณของเพื่อนรุ่นพี่ก็มาปลุกอินจู มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ไม่มีใครรู้ว่ามันคือภาพหลอนหรือวิญญาณเพื่อนรุ่นพี่มาปลุกอินจูให้เธอรีบหนีไป แม้แต่อินจูก็ไม่รู้ … อินจูอิดออดในตอนแรกแต่สุดท้ายก็ฝืนตัวเองลุกขึ้นมา จุดหมายคืออพาร์ตเมนต์ที่เพื่อนรุ่นพี่ระบุให้เป็นจุดนัดพบ อินจูค่อย ๆ เดินลากกระเป๋าไปที่นั่น ระหว่างทางเธอก็ตั้งคำถามขึ้นมาตลอดว่า ทำไมต้องเป็นเธอด้วย ? ทำไมต้องเป็นเธอที่ได้เงินจำนวนมากมายมหาศาลขนาดนี้ ? ชีวิตที่มีเงินมหาศาลต่อจากนี้จะเป็นยังไงนะ ?

อินจูมาถึงอพาร์ตเมนต์ เธอสแกนลายนิ้วมือเข้าไปอย่างง่ายดาย เมื่อเข้ามาภายในห้อง สิ่งแรกที่เธอทำคือรีบวิ่งเข้าไปดื่มน้ำที่วางอยู่บนโต๊ะ หรือมันจะเวลคัมดริงก์ เวลคัมดริงก์น้ำสีน้ำเงินชวนน่าดื่ม อินจูดื่มมันไปรวดเดียวแทบไม่หยุดหายใจ อาจเป็นเพราะความกระหายจากความเหนื่อยล้าที่เธอต้องเผชิญมาทั้งวัน

อินจูนั่งรออยู่ที่เก้าอี้ที่เข้าชุดกับโต๊ะตัวนั้น นั่งมองดูวิวสุดสวยจากกระจกเต็มบานของอพาร์ตเมนต์สุดหรู แก้วน้ำที่มีน้ำสีน้ำเงินเหลืออยู่เกือบครึ่งแก้วยังคงวางอยู่บนโต๊ะ เธอนั่งรอเพื่อนรุ่นพี่อยู่บนเก้าอี้ตัวเดิมตัวนั้น ในมือของเธอก็พับกระดาษเป็นรูปจรวดเพื่อฆ่าเวลา แต่หน้าตาของเธอตอนนี้ดูอ่อนล้าเหลือเกิน ดูเพลียเหลือเกิน ทันใดนั้น ประตูอพาร์ตเมนต์ก็ถูกเปิดขึ้น … เพื่อนรุ่นพี่มาแล้ว ?

ผู้กำกับการแสดง

ระหว่างนั้น อินฮเยได้พูดกับพัคแจซัง เธอสารภาพตามตรงว่าเธอสามารถทรยศคนที่เธอรักที่สุดในโลกได้ เพราะความรักของทั้งแม่และพี่ ๆ มันทำให้เธอรู้สึกเหมือนจะตาย ซึ่งพัคฮโยรินก็เป็นแบบเดียวกับที่เธอเป็น “ขอร้องเถอะค่ะ อย่ามายุ่งเรื่องของพวกเราเลย เพราะเราก็ไม่สนใจเรื่องของผู้ใหญ่เหมือนกัน”

มันเป็นอย่างที่อินฮเยพูดจริง ๆ ผู้ใหญ่ควรเลิกเอาเรื่องของผู้ใหญ่มาใส่หัวเด็กได้แล้ว เพราะสิ่งที่ผู้ใหญ่เรียกว่าการแก้ปัญหา แท้จริงแล้ว มันคือการสร้างปัญหาใหม่เพื่อมากลบปัญหาเก่า เป็นเพียงแต่ว่าปัญหานั้นจะมีใครมองเห็น หรือจะเกิดขึ้นเมื่อไรเท่านั้นเอง มันเป็นอย่างนั้นมาตลอด และก็จะเป็นแบบนี้ตลอดไป

หลังกลับจากโรงเรียน อินฮเยแอบเข้าไปเปิดคอมพิวเตอร์ในห้องทำงานพัคแจซัง เธอเชื่อว่าเขาแอบติดตั้งกล้องวงจรปิดเอาไว้ในห้องของแม่พัคฮโยริน มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ … อินฮเยไล่ดูไฟล์บันทึกภาพไปถึงวันที่ 17 เดือนที่แล้ว วันที่เพื่อนรุ่นพี่ตาย แล้วอินฮเยก็ถึงกับตกตะลึงกับภาพที่เห็น

อินฮเยเอาไฟล์นั้นมาให้พัคฮโยรินดู … คลิปแสดงให้เห็นว่า ในคืนวันนั้นแม่พัคฮโยรินใส่เสื้อเฟอร์ออกไปจากบ้าน แต่กลับมาโดยไม่มีเสื้อเฟอร์ตัวนั้น แต่เสื้อเฟอร์ตัวนั้นกลับไปอยู่ที่ศพของเพื่อนรุ่นพี่ แต่นั่นมันยังไม่น่าตกใจเท่ากับสิ่งที่พวกเธอได้เห็นมาก่อนหน้านี้ โรงละครโรงเล็กที่แม่ของเธอทำขึ้นตอนเรียนการแสดงอยู่ที่นิวยอร์กเมื่อหลายสิบปีก่อน มันตรงกับฉากฆาตกรรมเพื่อนรุ่นพี่ทุกประการ ศพที่สวมเสื้อเฟอร์รองเท้าส้นสูงสีแดงแขวนคอตายอยู่ในตู้เสื้อผ้า ที่ห้อยเท้าลงมาให้เห็นแค่ขาเบื้องล่าง

ฉากในละครโรงเล็กกลายมาเป็นฉากฆาตกรรมในชีวิตจริง ! แม่พัคฮโยรินคือผู้กำกับการแสดงทางฉากที่เกิดขึ้นอย่างนั้นเหรอ ?

ตัดภาพกลับมาที่สิงคโปร์ … อินจูกำลังตื่นเต้นกับคนที่เปิดประตูอพาร์ตเมนต์เข้ามา เธอดีใจเพราะเธอเชื่อว่าเพื่อนรุ่นพี่ยังไม่ตาย แต่หญิงสาวที่เปิดประตูเข้ามากลับเป็นหญิงสาวที่ยืนยิ้มแฉ่งเหมือนคนโรคจิต แม่พัคฮโยริน !

อินจูช็อก หลังจากแม่พัคฮโยรินได้เผยความจริงออกมาทั้งหมด ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่เธอเซตเอาไว้ทั้งหมด “รู้อะไรมั้ย มันเป็นความผิดของเธอทั้งหมดที่เกิดมาจน คนจนที่พยายามกระเสือกกระสนพาตัวเองมาถึงจุดนี้”

รอยยิ้มบนใบหน้าของแม่พัคฮโยรินไม่เหมือนกับรอยยิ้มของคนอายุใกล้เข้าเลข 50 เลยแม้แต่นิดเดียว ดูเหมือนรอยยิ้มของเด็กน้อยที่เวลาเล่นเกมชนะ แต่เมื่อรอยยิ้มนั้นมันมาอยู่บนใบหน้าของคนที่อายุขนาดนี้ มันทำให้รู้สึกได้ว่าเป็นรอยยิ้มของคนโรคจิต “ฉันแค่เล่นเป็นผู้กำกับฯ ที่ทำให้โลกน่าเบื่อนี้น่าอยู่ขึ้น”

แม่พัคฮโยรินบอกด้วยว่าทุกอย่างตั้งแต่อินจูเริ่มเข้าทำงานล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ถูกจัดฉากขึ้น การสั่งให้คนในแผนกทำให้อินจูกลายเป็นหมาหัวเน่า แล้วก็เฝ้าดูผ่านหน้าจอด้วยความสนุกสนาน แล้วเพื่อนรุ่นพี่ล่ะ ? เพื่อนรุ่นพี่ก็เป็นหนึ่งในนักแสดงที่แม่พัคฮโยรินกำหนดบทบาทเอาไว้เช่นกัน บทบาทที่คำคัญ บทบาทที่ต้องเป็นเพื่อนสนิทของหมาหัวเน่าในบริษัทอย่างอินจู

อินจูท่าทางอู้อี้เหมือนกำลังจะหลับ นั่นเป็นเพราะน้ำที่เธอดื่มไปเป็นน้ำจากกล้วยไม้ผีสีน้ำเงิน อินจูพยายามอ้าปากเอ่ยขออะไรบางอย่างเป็นครั้งสุดท้าย “ฉันขอดูเงิน 7 หมื่นล้านสักครั้งได้มั้ยว่าหน้าตามันเป็นยังไง ?” แม่พัคฮโยรินตอบตกลงด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ก่อนเธอจะเกิดไปเปิดกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ขึ้นมา แต่สิ่งที่อยู่ในกระเป๋าไม่ใช่เงิน มันคือก้อนอิฐ !

ตอนนี้เงิน 7 หมื่นล้านที่ควรจะอยู่ในกระเป๋าใบนี้กลับกลายเป็นก้อนอิฐไปเสียแล้ว

ปืนรีวอลเวอร์ขนาดลำกล้อง 2 นิ้วอยู่ในมือของอินจู ปลายปากกระบอกปืนเล็งมาที่แม่พัคฮโยริน ปืนที่ผู้จัดการชเวโดอิลให้เธอพกติดตัวไว้ ตอนนี้มันได้ใช้แล้ว ท่าทางที่อ่อนแรงของอินจูไม่ใช่อุปสรรคที่เธอจะใช้นิ้วโป้งออกแรงง้างนก นกถูกง้างแล้ว นิ้วชี้อยู่ที่โกร่งไกแล้ว กระสุนอยู่ในรังเพลิงแล้ว เหลือเพียงแค่อินจูออกแรงกระดิกนิ้วชี้เพียงเล็กน้อย ผู้กำกับการแสดงละครโรงนี้ก็จะตายดับดิ้นไป แต่เธอยังไม่เหนี่ยวไก เหมือนเธออยากชื่นชมใบหน้าตอนนี้ของแม่พัคฮโยรินให้เต็มที่ อินจูยิ้มเยาะ มันเป็นรอยยิ้มของผู้ชนะอย่างแท้จริง เวลาเดียวกันนั้นเธอก็ค่อย ๆ อ้าปากเอ่ยคำพูดออกมาทีละคำ …

“ฉัน … ชอบสีหน้านี้ที่สุดเลย อย่างกับเด็กน้อย … ที่ทำของเล่นหาย” !!!

EP.9 มิชชั่นอิมพอสซิเบิ้ล !

ปืนรีวอลเวอร์ขนาดลำกล้อง 2 นิ้วในมือของอินจูกวัดแกว่งไปมาไม่ต่างไปจากผู้ที่ถือมัน ตาที่กำลังจะปิด มือที่อ่อนแรง สติที่อินจูใช้ประคองตัวเองเริ่มลดน้อยถอยลง จังหวะนั้นเองที่ลูกน้องของแม่พัคฮโยรินเข้ามาจัดการแย่งปืนจากมือเธอไปได้อย่างง่ายดาย

อินจูพยายามสร้างเงื่อนไขกับแม่พัคฮโยรินว่า ถ้าฆ่าเธอเงิน 7 หมื่นล้านจะสูญไปทันที

ว่าที่จริง แม่พัคฮโยรินไม่ได้สนใจเงิน 7 หมื่นล้านวอนเลยสักนิด เธอต้องการฆ่าอินจูให้ตายไปซะเดี๋ยวนี้ เพื่อให้ฉากละครที่เธอเป็นผู้กำกับฯ จบบริบูรณ์ตามบทที่วางเอาไว้ แต่ทันใดนั้นเอง ผู้จัดการชเวโดอิลก็โผล่เข้ามา พร้อมกับโทรศัพท์ในมือที่ปลายสายคือพัคแจซัง ที่ตอนนี้อยู่กับอินกยอง

อินกยองเอา “สมุดบัญชีเงินทุนซุกซ่อน” มาต่อรองเพื่อแลกกับชีวิตของอินจู สมุดบัญชีเงินทุนซุกซ่อนที่มีมูลค่านับล้านล้านวอน หรือเท่ากับทรัพย์สินทั้งหมดของแม่พัคฮโยริน มันมากมายขนาดที่เธอจำเป็นต้องยอมรับข้อเสนอ ข้อเสนอที่ทำให้แผนการเล่นสนุกกับอินจูต้องล้มเหลวพังพินาศไปไม่เป็นท่า … แม่พัคฮโยรินเดินออกจากห้องไปอย่างไม่สบอารมณ์ โดยโยนปืนกระบอกนั้นทิ้งเอาไว้บนพื้น

อินจูนอนอ่อนแรงอยู่บนตักผู้จัดการชเวโดอิล น้ำกล้วยไม้ผีสีน้ำเงินที่ดื่มเข้าไปเริ่มออกฤทธิ์เต็มที่แล้ว เธอใช้ความพยายามอย่างมากที่จะพูดออกมาแต่ละคำ “พี่เขาตายแล้วค่ะ จริง ๆ แล้วฉันไม่อยากหักหลังคุณผู้จัดการหรอกค่ะ เพียงแต่ฉันอยากเจอพี่เขาเหลือเกิน …” แล้วเธอก็บอกเขาว่า เงิน 7 หมื่นล้านวอนอยู่ที่ตู้ล็อกเกอร์เบอร์หก สถานีแมคเฟอร์สัน อินจูเอื้อมหยิบกุญแจออกจากกระเป๋าแล้วยื่นให้เขา “… ถ้าฉันตายไปทั้งอย่างนี้ ช่วยเอาส่วนแบ่งไปให้น้องสาวฉันด้วยนะคะ”

สมาคมจองรันอันยิ่งใหญ่

พัคแจซังโยนสมุดบัญชีเจ้าปัญหาเข้าไปในเตาผิง หลักฐานสำคัญถูกไฟไหม้กลายเป็นเถ้าถ่านไปหมดสิ้นแล้ว

จากนั้น พัคแจซังจึงบอกเหตุผลที่ทำให้อินกยองยังมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้ นั่นก็เป็นเพราะหัวหน้าแผนกโจวานกยู รุ่นพี่ที่อินกยองให้ความนับถือนป็นคนของสมาคมจองรัน และเขาก็ต้องการให้เธอเข้ามาร่วมกับสมาคมจองรัน นี่แหละคือเหตุผลที่ทำให้อินกยองยังมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้

อินกยองในตอนนี้หมดหนทางเปิดโปงพัคแจซังและสมาคมจองรัน เธอมานั่งกลุ้มไม่รู้จะจัดการอย่างไรต่อไป เธอจึงโทร. ไปหาพ่อของผู้จัดการชเวโดอิล ที่เป็นอดีตทหารจอมโหด เขาบอกกับเธอว่าวิธีเดียวที่จะจัดการเรื่องนี้คือฆ่าพัคแจซังทิ้งซะ ซึ่งอินกยองก็เอ่ยปากว่าจะขอร่วมด้วย

อินจูฟื้นได้สติขึ้นมาก็พบผู้จัดการจัดแจงเตรียมทุกอย่างไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ทั้งทรัพย์สิน ที่อยู่ในต่างประเทศ และเรื่องที่ปรึกษาการลงทุน ทั้งสองเตรียมบินด่วนไปยังประเทศปลายทาง แต่ยังไม่ทันที่อินจูจะได้ขึ้นเครื่อง เธอก็ได้รับแจ้งผ่านทางโทรศัพท์ว่าอินกยองหายตัวไปกะทันหัน ทำให้อินจูตัดสินใจกลับเกาหลี โดยเธอเชื่อใจฝากทรัพย์สินหลายหมื่นล้านวอนไว้กลับผู้จัดการชเวโดอิล และสั่งเสียไว้ว่าถ้าเกิดเป็นอะไรไปก็ขอให้เขามอบทรัพย์สินทั้งหมดกับน้อง ๆ

ห้องที่ปิดตาย

ตัดภาพมาที่อินฮเยกับพัคฮโยริน หลังจากที่รู้ว่าแม่เป็นฆาตกร ทั้งสองก็คิดแผนเตรียมหนีไปยังที่ต่าง ๆ ทั่วโลก โดยเริ่มต้นจากญี่ปุ่นเป็นที่แรก ด้วยการเตรียมเอาเงินในบัญชีที่อยู่ในชื่อของพัคฮโยริน เงินสดสกุลดอลลาร์ และพันธบัตรออกมาจากตู้เซฟให้อินฮเยเก็บไว้

วันนี้อินฮเยกับพัคฮโยรินจะไปเรียนเป็นวันสุดท้าย หลังจากโรงเรียนเลิกทั้งสองจะเดินทางไปฮอกไกโดด้วยกัน ไปเสพความสุขอย่างที่ฝันกันสองคน แต่จู่ ๆ อินฮเยก็ขอลาแล้วก็หายตัวไปจากโรงเรียน … อินฮเยหนีไปญี่ปุ่นคนเดียวอย่างนั้นเหรอ ? … พัคฮโยรินที่คิดว่าโดนอินฮเยหักหลังก็ถึงกับเป็นลมล้มพับไปทันที

พัคฮโยรินฟื้นขึ้นมาโดยมีแม่เฝ้าอยู่ข้าง ๆ แม่ถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับอินฮเย เพราะเช็กดูแล้วอินฮเยเดินทางไปญี่ปุ่นตั้งแต่ช่วงเย็น ส่วนสมุดบัญชี เงินดอลลาร์ที่อยู่ในตู้เซฟก็หายไปด้วย แม่บอกว่าจะไปแจ้งความ แต่พัคฮโยรินเอื้อมมือไปจับมือแม่พร้อมกับบอกว่าเธอเป็นคนให้เงินทั้งหมดนั้นกับอินฮเยเอง เพื่อให้อินฮเยเดินทางไปดูผลงานศิลปะที่ต่างประเทศ อีกไม่กี่วันก็กลับ แม่ยิ้มให้ลูกรักและสัญญาว่าจะไม่แจ้งตำรวจ

ตัดภาพมาที่อินฮเย เธอไม่ได้ไปญี่ปุ่น แต่เธอนอนอยู่ในห้องหนึ่ง ห้องที่ถูกตกแต่งทุกอย่างเหมือนห้องในบ้านจำลองขนาดเล็กที่เรียกว่า “ห้องที่ปิดตาย” (ผลงานของแม่พัคฮโยรินตอนที่เรียนการละครที่นิวยอร์ก) ห้องเดียวกับที่มีผู้หญิงใส่รองเท้าสีแดงผูกคอตายในตู้เสื้อผ้า … ห้องเดียวกับกับฉากที่เพื่อนรุ่นพี่ผู้คอตายในตู้เสื้อผ้า … ความจริงคืออินฮเยไม่ได้หนีไปไหน แต่เธอถูกแม่พัคฮโยรินจับตัวมาขังเอาไว้ที่ “ห้องที่ปิดตาย” แห่งนี้ …

ห้องปิดตายที่สุดท้ายแล้วอินฮเยจะต้องผูกคอตายอยู่ในตู้เสื้อผ้าตู้นั้น

นักข่าวขี้เหล้ากับโรงพยาบาลโรคจิต

อินกยองไม่ได้ไปไหน แต่เธอตั้งใจไปแอดมิดไปอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวชเซนต์เบเนดิกต์ ที่เดียวกับที่ประธานวอนซังอูอยู่นั่นแหละ อินกยองไปที่นั่นเพื่อทำภารกิจมิสชั่นอิมพอสซิเบิ้ล นั่นคือการปืนเข้าไปตามท่ออากาศเพื่อไปที่ห้องของประธานวอนซังอู !?

อินจูให้คนเช็กสัญญาณโทรศัพท์ก็พบว่าจุดสุดท้ายก่อนที่อินกยองจะปิดโทรศัพท์ เธออยู่ที่โรงพยาบาลเซนต์เบเนดิกต์ อินจูงงมาก อินกยองจะไปแอดมิดเข้าโรงพยาบาลจิตเวชทำไม ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้โรคจิตสักหน่อย แต่เมื่อคิดไปคิดมาอินจูก็รู้ว่าอินกยองตั้งใจมาพบประธานวอนซังอู

อินกยองทำมิชชั่นอิมพอสซิเบิ้ลสำเร็จได้อย่างง่ายดาย นักข่าวสาวขี้เหล้าที่กินเตกิลาได้วันละเป็นขวด ๆ ปีนเข้าไปในช่องระบายอากาศได้อย่างง่ายดาย เธอคลานไปตามช่องนั้นจนไปเจอกับประธานวอนซังอู เมื่อได้เจอเธอก็ยิงคำถามนู่นนี่นั่นที่อยากรู้ทันที และคำตอบที่ได้จากปากประธานวอนซังอูก็เป็นข้อมูลสำคัญอันน่าตกตะลึง …

“พวกเขาทำให้ธนาคารล้ม (ธนาคารออมทรัพย์โบแบ) พอธนาคารล้มก็ไม่จำเป็นต้องใช้หนี้ ประชาชน บริษัทประกัน และผู้ถือบัญชีจะเป็นผู้แบกรับความเสียหายทั้งหมดไป เพราะผมต้องการเปิดโปงเรื่องนี้นี่แหละ ถึงทำให้ผมต้องมาอยู่ที่นี่” จากนั้นยังบอกด้วยว่า ถ้าพัคแจซังได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีจริง ๆ จะเกิดเรื่องเลวทรามต่ำช้าขึ้นอีกมากมาย

อินกยองก็ยังเป็นอินกยอง เธอเสนอให้ประธานวอนซังอูออกไปให้การเพื่อเปิดโปงเรื่องที่เกิดขึ้น โดยเธอจะขอเป็นคนพาเขาออกไปจากที่นี่เอง

โกซูอิมกับลูกน้องมาที่โรงพยาบาลจิตเวชเซนต์เบเนดิกต์เพื่อจับตัวอินกยอง แต่อินจูที่เดินทางไปที่นั่นพอดีก็เข้าไปทำร้ายโกซูอิม (เพื่อขัดขวางไม่ให้โกซูอิมไปจับตัวอินกยอง) แต่สุดท้ายอินจูก็โดนลูกน้องโกซูอิมจับตัวเอาไว้ได้ นั่นแหละ อย่างน้อยอินจูก็ช่วยให้อินกยองมีเวลามากพอที่จะทำภารกิจมิชชั่นอิมพอสซิเบิ้ลให้สำเร็จ นักข่าวขี้เหล้าพาประธานวอนซังอูหนีออกมาจากโรงพยาบาลโรคจิตได้อย่างเหลือเชื่อ ผ่านทางท่อระบายน้ำเสีย !?

ทุกอย่างเป็นไปตามแผนเป๊ะ ๆ เหมือนกับเขียนบทเอาไว้ จากนั้น ผู้จัดการชเวโดอิลก็โผล่มาช่วยอินจูได้อย่างเหลือเชื่ออีกเช่นกัน เขาสวมหน้ากากกันแก๊สน้ำตา ในมือก็ปลดสลักโยนแก๊สน้ำตาทั่วโรงพยาบาลเซนต์เบเนดิกต์ … แล้วทั้งหมดก็ได้มาเจอกัน

ระหว่างที่ทุกคนกำลังประชุมเรื่องจัดการพัคแจซัง จู่ ๆ อินจูก็เกิดนึกถึงอินฮเยขึ้นมา อินฮเยที่ตอนนี้ไม่มีใครติดต่อได้เลย !?

ด้านประธานวอนซังอูนัดเจอกับพัคแจซัคเพื่อขอเงินสดแล้วเขาจะหลบไปใช้ชีวิตเงียบ ๆ โดยไม่มายุ่งเรื่องนี้อีก เมื่อพัคแจซังไปถึงที่นัดหมาย ประธานวอนซังอูก็แอบเข้ามาทางด้านหลัง ในมือถือปืนกึ่งอัตโนมัติจ่อที่ไปหัวของพัคแจซัง ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ แจซัง”

EP.10 ความพยายามที่ไร้ประโยชน์

สิ่งที่ประธานวอนซังอูต้องการก็คือ เงินหนึ่งพันล้านดอลลาร์โอนเข้าบัญชีธนาคารในชื่อเขาที่ปานามา และขอเงินสด 3 พันดอลลาร์เดี๋ยวนี้ เขาตั้งใจจะออกเดินทางโดยเรือตอนเช้ามืดพรุ่งนี้ ยังไม่ทันสิ้นเสียง พัคแจซังอาศัยจังหวะนั้นแย่งปืนจากมือจากประธานวอนซังอูไปได้

พัคแจซังไม่รอช้า เหนี่ยวไกไม่ยั้ง “แชะ ๆ ๆ” ปืนไม่มีกระสุน !

แม้ปืนไม่มีกระสุน แต่คนยังมีเท้า พัคแจซังเตะเข้าหน้าประธานวอนซังอูอย่างแรงไปหลายดอก ก่อนจะหยิบหินก้อนใหญ่ทุบเช้าที่หัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนประธานวอนซังอูตายคาที่ไปตรงนั้นเอง

พัคแจซังกลับมาที่บ้าน เขามาหาแม่พัคฮโยริน ก่อนจะค่อย ๆ นั่งพับเพียบลงกับพื้น แล้วเอาหน้าซบลงที่ตักของเธอเหมือนกับเด็ก ๆ ขณะที่มือของเธอค่อย ๆ ลูบหัวของเขาอย่างแผ่วเบา เหมือนเป็นรางวัลที่ลงมือฆ่าพี่ชายของเธอได้สำเร็จ สักพักเธอก็ยื่นยานอนหลับให้พัคแจซังสองเม็ด “หลับซะนะ พรุ่งนี้มีเรื่องวุ่นวายให้ทำอีกมาก”

จากนั้นแม่พัคฮโยรินก็เดินไปหาอินฮเยที่ “ห้องที่ปิดตาย” เธอเล่าเรื่องเกี่ยวกับ 2,922 วันที่แม่เธออาศัยอยู่ในห้องนี้ เหมือนต้องการระบายความอัดอั้นบางอย่าง …

“ตอนนั้นฉันอายุเก้าขวบ ยังท่องสูตรคูณไม่ได้ด้วยซ้ำ ฉันต้องการแม่ วันเวลาผ่านไปจนฉันเริ่มมีประจำเดือน พ่อฉันได้แต่รอวันที่แม่สำนึกผิดแล้วก็จะปล่อยแม่ออกไปจากที่นี่ แต่แม่ยังคงดึงดันที่จะเอาเรื่องที่พ่อฆ่าคนไปเล่าให้คนอื่นฟัง และสุดท้ายแม่ก็เลือกที่จะตายจากไป ทำไมนะ การมีชีวิตอยู่ต่อมันยากขนาดนั้นเชียวเหรอ เป็นแม่คนแล้วมันก็ต้องตลอดชีวิตสิ” แม่พัคฮโยรินหลั่งน้ำตาออกมา ทำเอาอินฮเยก็กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่เช่นกัน นี่สินะที่เป็นความเศร้าที่เป็นปมฝังลึกในใจของแม่พัคฮโยรินมาตั้งแต่เด็ก

ความเศร้าและความอาภัพของแม่

หลังแม่พัคฮโยรินออกไปจาก “ห้องที่ปิดตาย” ก็เป็นเวลาใกล้เคียงกับที่อินจูกับผู้จัดการชเวโดอิลเข้าหาพัคฮโยรินที่นอนอยู่ในห้อง จากนั้นทั้งสามก็เข้าไปช่วยอินฮเยออกมาได้

รุ่งเช้า อินจูมาหาแม่พัคฮโยรินที่คฤหาสน์ และได้ยื่นจดหมายลาของพัคฮโยรินที่เขียนด้วยลายมือยื่นให้กับแม่ของเธอ อินจูบอกว่าตอนแรกเธอตั้งใจจะพาพัคฮโยรินมาส่งในตอนเช้า แต่ปรากฏว่าเด็กทั้งสองหนีไปด้วยกันตั้งแต่ช่วงรุ่งสาง “แม่, นึกถึงแม่ทีไร หนูเศร้าตลอดเลย เพราะความเศร้าและความอาภัพของแม่มันฝังลึกลงไปในใจหนู แต่ตอนนี้หนูอยากตัดความรู้สึกพวกนั้นและใช้ชีวิตของตัวเองค่ะ เมื่อไรที่ฝนตกหนูจะตากฝน เมื่อไรที่ลมพัดหนูจะตากลม หนูอยากลองใช้ชีวิตแบบนั้นค่ะ อย่าออกตามหาหนูเลยนะคะ แต่ถึงอย่างนั้น หนูก็รักแม่นะคะ”

พัคฮโยรินจูงมืออินฮเยไปซื้อตั๋วเรือโดยสารเพื่อเดินทางไปฟุกุโอกะ และได้ใช้ชีวิตตามที่ใจปรารถนา

ในขณะที่อินกยองก็ยังคงเดินหน้าหาข้อมูลที่จะเอามาใช้เปิดโปงพัคแจซัง แต่สุดท้ายแล้วก็ยังทำอะไรพัคแจซังไม่ได้อยู่ดี จนถึงงานปราศรัยใหญ่ก่อนถึงวันหย่อนบัตร ระหว่างที่พัคแจซังกำลังปราศรัยอยู่นั้น ก็เกิดมีคลิปลับที่แสดงภาพขณะที่พัคแจซังกำลังสังหารประธานวอนซังอู

คลิปนั้นเป็นคลิปที่ประธานวอนซังอูตั้งใจสละชีวิตตัวเองเพื่อให้ได้คลิปนั้นมา คลิปถูกอัปโหลดขึ้นไปยังคลาวด์เซิร์ฟเวอร์โดยอัตโนมัติหลังจากตัวเขาตาย ก่อนที่จะถูกส่งต่อมาให้อินกยอง … ประธานวอนซังอูยอมสละชีวิตตัวเองเพื่อคลิปที่เขาคิดว่าสามารถใช้ทำลายพัคแจซังได้ เขาเชื่ออย่างนั้น และมันก็เป็นเพียงแค่ความเชื่อจริง ๆ เมื่อสุดท้ายแล้ว ผลการเลือกตั้งออกมาพัคแจซังก็ยังชนะคู่แข่งอันดับสองขาดลอย

พัคแจซังนั่งลุ้นผลการเลือกตั้งอยู่ที่บ้าน แม่พัคฮโยรินก็นั่งปลอกแอปเปิ้ลกินอยู่ข้าง ๆ เช่นกัน เมื่อรู้ผลพัคแจซังถึงกับถอนหายใจออกมา

และในคืนนั้นเอง ก็มีข่าวด่วนรายงานว่า พัคแจซังกระโดดตึกฆ่าตัวตาย !

ภาพตัดกลับมาให้เห็นศพของพัคแจซังที่ในมือกำกล้วยไม้ผีสีน้ำเงินเอาไว้แน่น … คนที่ตกใจกับการตายของพัคแจซังมากที่สุดก็คืออินกยอง ความตายของเขาเท่ากับความพยายามที่เธอทำมาทั้งหมดสูญเปล่าใช่หรือไม่ ?

แม่พัคฮโยรินโทร. ไปหาอินจู “ทำไมถึงเมินคำพูดฉัน บอกแล้วไงว่าฉันจะไม่อยู่เฉย คอยดูแล้วกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง”

เมื่อวางสาย อินจูจึงมากดปุ่มรีเฟรชเช็กยอดเงินในบัญชี ที่ตอนแรกมียอด 54 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่เมื่อกดปุ่มรีเฟรชเพื่ออัปเดต ยอดเงินมันกลายเป็น 0.00 USD เงินหายไปหมดเลย !!?

EP.11 ชดใช้ด้วยความเจ็บปวด

พัคแจซังรักแม่พัคฮโยรินมากมายเหลือเกิน มากขนาดที่ยอมตายแทนได้โดยไม่ลังเลแม้แต่วินาทีเดียว มากขนาดที่เขาจะยอมทำทุกอย่างเพื่อปกป้องแม่พัคฮโยริน ว่าที่จริงความรักที่เขามีให้เธอนั้นมันยากเสียยิ่งกว่าความฝันที่จะครอบครองโลกนี้ด้วยซ้ำไป มันมากมายเหลือเกิน … พัคแจซังสูดกลิ่นดอกกล้วยไม้ผีสีน้ำเงินไปตลอดทางระหว่างเดินขึ้นไปบนตึก ตึกที่เขาตั้งใจจะกระโดดลงมาเพื่อจบชีวิตตัวเอง การจบชีวิตตัวเองเพื่อให้ความผิดทั้งหมดจบลงที่เขาเพียงคนเดียว

ในขณะที่เงิน 54 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในบัญชีอินจูก็อันตรธานหายไป ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เจ้าหน้าที่เข้ามาจับกุมตัวเธอตามหมายจับ ส่วนผู้จัดการชเวโดอิลกับแม่ก็ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ระหว่างเดินทางไปสนามบิน

อินจูอาจโดนฟ้องในข้อหาละเมิด พ.ร.บ.อาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ที่มีมูลค่าความเสียหายมากถึง 7 หมื่นล้านวอน … เมื่อถึงวันขึ้นศาล อินจูพยายามโต้เถียงเรื่องลายเซ็นในเอกสารการซื้ออพาร์ตเมนต์หรูที่สิงคโปร์และทรัพย์สินอื่น ๆ ในชื่อของเธอ โดยเธออ้างว่าเป็นการเซ็นโดยไม่เข้าในเนื้อหาภาษาอังกฤษ แต่ทั้งหลักฐานจากกล้องวงจรปิดที่แสดงให้เห็นว่าเธอเป็นคนไปถอนเงินนั้นด้วยตัวเอง มันเป็นหลักฐานที่เธอไม่อาจปฏิเสธได้จริง ๆ

ความเจ็บปวดมูลค่า 7 หมื่นล้าน

แม่พัคฮโยรินวางแผนเอาคืนสามสาวพี่น้องไว้หมดแล้ว เธอสั่งให้คนจับตัวอินกยองไปทรมาน จากนั้นก็ไปปั่นประสาทอินจูที่อยู่ในเรือนจำ แม่พัคฮโยรินบอกว่าเธอจะจัดการสังหารน้อง ๆ ของอินจู “พี่ชายฉันก็ตาย สามีฉันก็ตาย ลูกสาวฉันก็หนีไป น้อง ๆ เธอจะตายบ้างไม่ได้เลยเหรอ”

อินจูได้ฟังคำพูดปั่นประสาทจากปากของแม่พัคฮโยรินก็ทนไม่ไหว ลุกขึ้นคว้าเอาเก้าอี้ที่นั่งทุ่มเข้าไปที่กระจกที่กั้นกลางด้วยลูกกรงเหล็ก อินจูทุ่มมันโดยที่รู้ว่าไม่มีประโยชน์อะไรเลย มันไม่มีความหมายอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะเก้าอี้ที่เธอทุ่มไปอย่างไรก็ไม่มีทางที่จะไปสัมผัสตัวของผู้ที่นั่งอยู่ตรงข้ามได้เลย แม่พัคฮโยรินยิ้มเยาะ “เธอต้องชดใช้เงิน 7 หมื่นล้านวอนให้ฉันด้วยความเจ็บปวดมูลค่า 7 หมื่นล้าน เธอรู้มั้ยว่าการได้ยินข่าวร้ายระหว่างอยู่ในคุกน่ะ เธอจะทำอะไรไม่ได้เลย แล้วแต่ละวันมันก็จะยืดยาวเหลือเกิน”

การพิจารณาคดีนัดที่สองได้เริ่มต้นขึ้น นัดนี้ผู้จัดการชเวโดอิลมาขึ้นให้การเป็นพยานฝ่ายอัยการ คำให้การของเขาปัดอินจูให้พันผิด โดยอ้างว่าเธอเป็นเพียงพนักงานระดับเล็ก ไม่รู้เรื่องการเงินและอ่านสัญญาภาษาอังกฤษไม่ออก ส่วนตัวเขาเองที่เป็นคนจัดการโยกย้ายเงินทุกอย่าง โดยสุดท้ายแล้วเงิน 7 หมื่นล้านวอนถูกโอนกลับไปที่บัญชีของแม่พัคฮโยรินที่ปานามาเพื่อทำการฟอกเงิน ซึ่งจากคำให้การปรักปรำตัวเองนี้ ทำให้เขามีความผิดตาม พ.ร.บ.อาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ส่วนอินจูก็มีโอกาสได้รับการรอลงอาญาสูงขึ้นด้วยเช่นกัน

แม่พัคฮโยรินที่นั่งอยู่ในห้องพิจารณาคดีถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก เงิน 7 หมื่นล้านวอนโอนเข้าบัญชีที่ปานามาตั้งแต่เมื่อไร แล้วทำไมผู้จัดการชเวโดอิลถึงโอนเงิน 7 หมื่นล้านวอนคืนให้เธอ แทนที่จะเก็บเอาไว้เสียเอง มันเป็นคำถามที่งงไปหมด

ตัดภาพมาภายในห้องที่ถูกจัดเตรียมเป็นห้องเชือด อินกยองถูกมัดเอาไว้ที่เก้าอี้ อาจารย์จาง คนที่แม่พัคฮโยรินใช้ให้จัดการกับอินกยองถือมีดอยู่ในมือ แต่แทนที่อาจารย์จะจัดการอินกยอง อินกยองกลับพูดจนอาจารย์จางไม่ฆ่าเธอ แถมยังเปลี่ยนใจมาช่วยเธอเปิดโปงเรื่องราวที่ท่านนายพล (พ่อของแม่พัคฮโยริน) ที่เขานับถือมาทั้งชีวิต เพียงคำพูดของนักข่าวสาวขี้เหล้าไม่กี่คำก็ทำให้ความศรัทธาที่อาจารย์จางมีมาทั้งชีวิตพังทลายไปเฉยเลย

อาจารย์จางออกรายการข่าวเปิดโปงท่านนายพลและแม่พัคฮโยรินกับอินกยอง เปิดโปงเรื่องกล้วยไม้ผีสีน้ำเงินที่อยู่เบื้องหลังการตายของคนหลายคนที่ผ่านมา แม่พัคฮโยรินนั่งดูทีวีอยู่ที่บ้านถึงกับถอนหายใจที่โดนหักหลัง

อินจูแถลงต่อศาลในวันพิจารณาคดีนัดที่สาม เธอกล่าวเปิดใจ “วินาทีที่ฉันเห็นเงินก้อนนั้นความโลภก็เข้าครอบงำจนทำให้ฉันรู้สึกตัวสั่น ศาลที่เคารพ ได้โปรดลงโทษฉันเถอะค่ะที่ฉันโลภ เงินนั้นทำให้ฉันและคนที่ฉันรักเกือบตาย ฉันเข้าใจแล้วว่าเงินก้อนนั้นไม่อาจชดเชยชีวิตจน ๆ ของฉันได้เลย”

แล้วจังหวะนั้นเองเสียงเปิดประตูห้องพิจารณาคดีก็ดังขึ้น หญิงสาวคนหนึ่งกระแทกรองเท้าส้นสูงลงกับพื้นตามจังหวะการเดิน คนที่นั่งอยู่ภายในห้องพิจารณาคดีต่างพากันตกตะลึง หญิงสาวคนนั้นคือเพื่อนรุ่นพี่จินฮวายอง … เธอยังไม่ตาย !!?

EP.12 ตอนจบ

จู่ ๆ คนที่ตายไปแล้วอย่างเพื่อนรุ่นพี่จินฮวายองก็ปรากฏตัวต่อหน้าศาล และขอขึ้นให้การในฐานะเป็นการฉุกเฉิน เพื่อนรุ่นพี่ให้การต่อศาลว่าเธอเป็นคนผิดเอง เรื่องทั้งหมดไม่เกี่ยวกับอินจูเลยแม้แต่นิดเดียว เมื่อถูกอัยการถามว่าทำไมถึงให้เงิน 2 พันล้านกับอินจู เพื่อนรุ่นพี่ก็ตอบว่า “เพราะต้องการให้อินจูมีความสุข”

อัยการถามต่อว่า ทำไมต้องฝากเงิน 7 หมื่นล้านวอนในชื่ออินจู เพื่อนรุ่นพี่ก็ตอบว่า “เพราะเมื่อฉันตายก็ต้องมีใครสักคนที่สามารถเข้าถึงบัญชีนั้น และอินจูก็เป็นคนเดียวฉันอยากให้ค่ะ” แต่เมื่อถูกถามว่าคนที่ตายในที่เกิดเหตุเป็นใคร ? เพื่อนรุ่นพี่กลับบอกว่าเรื่องนั้นมันไม่เกี่ยวกับคดีนี้ และเธอจะค่อย ๆ เปิดเผยมันออกมาในภายหลัง

บทสรุปของคดี พ.ร.บ.อาชญากรรมทางเศรษฐกิจร้ายแรง ที่เกี่ยวข้องกับเงิน 7 หมื่นล้านวอน ศาลยกฟ้องอินจู แต่สำหรับคดีความผิดที่เกี่ยวข้องกับเงิน 2 พันล้านวอนนั้น ศาลตัดสินให้มีความผิดและต้องโทษจำคุกหนึ่งปีหกเดือน แต่ให้รอลงอาญาเอาไว้สองปี

ในเวลาเดียวกันนั้น ผู้จัดการชเวโดอิลก็ถูกปล่อยตัวเพราะศาลยกฟ้องเช่นกัน เพราะไม่มีหลักฐานอะไรที่ใช้เอาผิดเขาได้เลยยกเว้นคำรับสารภาพเพียงอย่างเดียว (เท่ากับว่าคำรับสารภาพของเขามีน้ำหนักมากพอที่จะช่วยอินจูให้พ้นผิดได้ แต่ไม่มีน้ำหนักมากพอที่จะทำให้เขาได้รับโทษ)

ตายแล้วฟื้น ?

ส่วนเพื่อนรุ่นพี่ก็มาตั้งโต๊ะแถลงข่าวชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้น เธอเล่าว่าได้ไปเจอหญิงสาวคนหนึ่งที่มีรูปร่างคล้ายกับเธอบนเว็บไซต์ฆ่าตัวตายเมื่อสองปีก่อน หญิงสาวคนนั้นต้องการตายจากโลกนี้ไปแต่ก็ต้องการทิ้งเงินก้อนหนึ่งไว้ให้ครอบครัว ช่วงสองปีนั้นเพื่อนรุ่นพี่กับหญิงสาวคนนั้นพยายามทำตัวให้เหมือนกันที่สุด ตัดผมแบบเดียวกัน สักแบบเดียวกัน คุมน้ำหนักให้เท่ากัน

เมื่อถึงคืนนั้น คืนที่เกิดเหตุ แม่พัคฮโยรินบุกเข้ามาที่บ้านของเธอ และฆ่าหญิงสาวคนนั้นที่คิดว่าเป็นเพื่อนรุ่นพี่ ก่อนจะจับแขวนคอในตู้เสื้อผ้าเพื่อเป็นการจัดฉาก เพื่อนรุ่นพี่พูดไปพร้อมกับเปิดภาพจากกล้องวงจรปิดภายในบ้านให้ทุกคนได้เห็น

เพื่อนรุ่นพี่ขอร้องให้ตำรวจจับกุมตัวเธอ เพื่อจะได้มีการสืบสวนเรื่องนี้โดยละเอียด แล้วเธอก็เปิดหลักฐาน “บัญชีเงินทุนซุกซ่อน” ในรูปแบบดิจิตอลให้ทุกคนได้ดาวน์โหลดไปดูกันได้แบบฟรี ๆ บัญชีเดียวกับที่พัคแจซังเผาทิ้งไปนั่นแหละ

แม่พัคฮโยรินในเวลานี้อยู่ในสถานการณ์วิกฤติที่สุดในชีวิต แต่ดูเหมือนว่าสถานการณ์แบบนี้กลับทำให้เธอเลือกทำอะไรที่บ้าอย่างเหลือเชื่อ … อันดับแรก แม่พัคฮโยรินจัดการสังหารอาจารย์จาง แล้วสั่งให้โกซูอิมเอาศพไปแขวนคอประจาน เพื่อแสดงให้ทุกคนได้รู้ว่าตัวเธอเป็นคนลงมือฆ่า แล้วเธอก็เอาน้ำกล้วยไม้ผีสีน้ำเงินให้พ่อที่นอนเป็นผักของเธอกิน สุดท้ายนายพลวีรบุรุษสงครามผู้ยิ่งใหญ่ก็ตายไปอย่างน่าอนาถ

จากนั้นแม่พัคฮโยรินก็ลักพาตัวเพื่อนรุ่นพี่มามัดเอาไว้ใต้ต้นกล้วยไม้ผีสีน้ำเงินภายในสวนลับ แล้วก็ส่งข้อความไปบอกอินจู เมื่อได้เห็นข้อความอินจูจึงรีบมาที่สวนลับทันที เมื่ออินจูมาถึงคำแรกที่ออกจากปากเพื่อนรุ่นพี่ก็คือ “มาทำไมเล่ายัยโง่”

แต่บางทีแล้วอินจูอาจจะเป็นยัยโง่อย่างที่เพื่อนรุ่นพี่ว่าไว้จริง ๆ อินจูควักวัตถุบางอย่างออกมาจากกระเป๋า มันคือระเบิดลูกเกลี้ยงที่เรียกว่า “เลดี้บั๊ก” ระเบิดมือที่ออกแบบมาสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ ระเบิดที่เธอตั้งใจจะเอามาฆ่าแม่พัคฮโยริน !?

ระเบิดเลดี้บั๊กเป็นระเบิดที่ชเวฮีแจ (พ่อของผู้จัดการชเวโดอิล) ให้อินจูพกติดตัวเอาไว้ อานุภาพการทำลายล้างของมันสามารถฆ่าทุกสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในรัศมี 5 เมตร และทำอันตรายในรัศมี 15 เมตร วิธีการใช้ก็คือดึงสลักแล้ววิ่งหนีออกมา 15 เมตรให้ได้ภายใน 5 วินาที แต่แม่พัคฮโยรินเห็นเลดี้บั๊กในมือของอินจูก็ถึงกับหัวเราะลั่นออกมา เพราะดูเหมือนว่ารัศมีทำการของระเบิดจะไม่มีความหมายอะไรเมื่ออยู่ในสวนลับ ที่เป็นสถานที่ปิดแบบนี้ แรงระเบิดจะทำให้ทุกคนตายกันหมด

อินจูเมื่อได้ยินแบบนั้นก็ทำหน้าเอ๋อ ๆ แล้วก็พูดว่า “งั้นก็เลือกมาสิว่าจะตายกันหมด หรือจะรอดกันหมด ?”

แต่แม่พัคฮโยรินไม่สนใจคำพูดของอินจูแม้แต่นิดเดียว เธอยิ้มเยาะใส่ เพราะทุกอย่างมันถูกกำหนดเอาไว้หมดแล้ว “ฉันกำหนดฉากจบเอาไว้แล้ว คนที่รอดไปจากที่นี่ได้เท่ากับศูนย์ …” จากนั้นเธอก็เล่าฉากอันน่าสยดสยองที่กำลังจะเกิดขึ้น “… สปริงเกอร์ที่อยู่บนหัวพวกเธอ ฉันได้เติมกรดไฮโดรคลอริกที่มีความเข้มข้นหนึ่งตันลงไป ฮวายองคงจะตายเป็นคนแรก (เพราะอยู่ใต้สปริงเกอร์) ตาจะบอดและผิวหนังจะไหม้ และเมื่อผ่านไปไม่กี่นาที เธอก็คงอยากจะตายตามฮวายองไป เพราะในอากาศที่เต็มไปด้วยกรดไฮโดรคลอริกนั้น จะทำให้ปอดละลายทุกครั้งที่สูดลมหายใจเข้าไป ส่วนตัวฉันคงพอจะทนไหวอยู่นะที่ได้เห็นพวกเธอดิ้นพล่านตายไปด้วยความทรมาน”

อินจูพยายามตั้งสติ แล้วก็พูดจี้ใจดำปมในใจของแม่พัคฮโยริน การตายของแม่ทำให้เธอกลายเป็นปีศาจอย่างทุกวันนี้ ใช่จริง ๆ ด้วย การฆาตกรรมทุกครั้งจะถูกจัดฉากให้เป็นฉากการตายของแม่ แม่ที่เธอทำให้ตายโดยไม่ได้ตั้งใจ เธอเป็นคนทำแม่ตาย !

แม่พัคฮโยรินโดนจี้ใจดำก็น้ำตาไหลพรากออกมาไม่หยุด เธอทำให้แม่ตายโดยไม่ได้ตั้งใจ เธอผลักแม่จนแม่เสียหลักหัวไปกระแทกกับขอบโต๊ะ แม่ตายด้วยมือของเธอ

อินจูวิเคราะห์จิตใจของแม่พัคฮโยรินออกมาได้อย่างกับสวมวิญญาณ ซิกมันด์ ฟรอยด์ “ฉันสงสัยมาตลอดว่าที่คุณทำไปทั้งหมดนี้เพื่ออะไร ที่แท้คนที่คุณอยากจะฆ่ามากที่สุดก็คือตัวคุณเอง”

แม่พัคฮโยรินไม่สนใจคำพูดของอินจู เธอกดรีโมตเพื่อสั่งให้สปริงเกอร์ทำงาน น้ำกรดไฮโดรคลอริกถูกปล่อยลงมาสัมผัสผิวเพื่อนรุ่นพี่ กรดไฮโดรคลอริกมันทำให้ผิวหนังไหม้จริง ๆ จังหวะนั้นเองที่อินจูตัดสินใจทำอะไรบางอย่างที่น่าเหลือเชื่อ เธอเปิดฝาท่อน้ำทิ้งแล้วปลดสลักระเบิดเลดี้บั๊กแล้วโยนมันลงไปในนั้น เพื่อ ? ฝาท่อโดนแรงระเบิดทำให้หลุดออกจากบานพับ อินจูใช้ฝาท่อเหล็กอันนั้นเป็นกำบังน้ำกรดไฮโดรคลอริกเพื่อเข้าไปช่วยเพื่อนรุ่นพี่ เธอช่วยเพื่อนรุ่นพี่ออกมาได้ และจังหวะนั้นเองผู้จัดการชเวโดอิลก็เข้ามาพาตัวเพื่อนรุ่นพี่ออกไป

แม่พัคฮโยรินที่เห็นอินจูกำลังจะหนีไปก็เข้ามาฉุดกระชากลากถู แต่สุดท้ายแม่พัคฮโยรินก็พลาดท่าตกลงไปในบ่อน้ำกรดไฮโดรคลอริกและตายในที่สุด ส่วนต้นกล้วยไม้ผีสีน้ำเงินก็แห้งเหี่ยวยืนต้นตายไปทั้งหมด

จุดเริ่มต้นและจุดจบ

อินกยองได้บันทึกจากอาจารย์จางที่ให้ไว้ก่อนตาย บันทึกนั้นเขียนเล่าถึงที่มาของสมาคมจองรัน เมื่อได้อ่านแล้วเธอก็เข้าใจทุกอย่าง เธอนำมันมาทำเป็นสกู๊ปรายงานพิเศษทางทีวี “สมาคมจองรันเริ่มต้นจากทหารหน่วยรบพิเศษที่เชื่อว่าประเทศทรยศพวกเขาในช่วงสงครามเวียดนาม มันสั่งสมความไม่พอใจจนกลายเป็นความโกรธแค้น และทำให้เกิดอุดมการณ์อันบิดเบี้ยวขึ้นมา โดยมีกล้วยไม้ผีสีน้ำเงินเป็นสัญลักษณ์ และนั่นเองทำให้ปีศาจร้ายถือกำเนิดขึ้น แต่สุดท้ายแล้วทั้งหมดก็มอดไหม้กลายเป็นเถ้าถ่าน”

ในท้ายที่สุด เพื่อนรุ่นพี่ถูกศาลตัดสินจำคุก 12 ปี แต่รอยยิ้มของเพื่อนรุ่นพี่ตอนอยู่ในคุกดูจะมีความสุขยิ่งกว่าตอนที่อยู่ภายนอกเสียอีก ส่วนอินจูก็ได้อพาร์ตเมนต์ริมแม่น้ำฮันที่ได้รับโอนจากคุณย่า มันเป็นสิ่งที่เธอตื่นเต้นและฝันอยากจะได้มันมาทั้งชีวิต แต่ทำไมเมื่อได้ครอบครองจริง ๆ อินจูกลับนิ่งเศร้าอยู่ในความทุกข์ เธอได้แต่นั่งอยู่ภายในห้องนั้นทั้งน้ำตา เหมือนกับคำถามที่มีคนใจดีบอกคำตอบแต่ไม่รู้ว่าคำตอบนั้นได้มายังไง

อินกยองได้รับการทาบทามให้กลับมาทำงานที่สำนักข่าวอีกครั้ง แต่เธอปฏิเสธ ส่วนผู้จัดการชเวโดอิลก็บินไปอยู่ต่างประเทศ

สุดท้ายและท้ายสุด เงิน 7 หมื่นล้านที่แท้แล้วผู้จัดการชเวโดอิลโอนเข้าบัญชีของพัคฮโยรินที่ปานามา เมื่อจบเรื่องเขาก็ไปหาพัคฮโยรินเพื่อให้เธอโอนเงินก้อนนั้นออกมาแจกจ่ายแบ่งกันตามส่วน อินจูได้ 3 หมื่นล้านวอน ส่วนอินกยอง ผู้จัดการชเวโดอิล พัคฮโยริน และอินฮเย ได้คนละหมื่นล้านวอน แล้วเรื่องก็จบลงไปตรงนี้

จบบริบูรณ์

Little Women สามพี่น้อง ซับไทย : ดูซีรีส์เกาหลีเรื่องนี้ที่ Netflix
Photos : ภาพหน้าจอจาก tvN Korea