Skip to content
รีแคปซีรีส์ Bad Guys ล่าล้างเมือง EP.11 : ปั่นหัว

รีแคปซีรีส์ Bad Guys ล่าล้างเมือง EP.11 : ปั่นหัว

Bad Guys ล่าล้างเมือง EP.11 : ไอ้ยักษ์มุ่งมั่นที่จะตามล่าหาตัวฆาตกรที่ฆ่าเฮียเหม คนที่เขารักและนับถือมากที่สุดในชีวิต ส่วนสกายพยายามสืบเบาะแสค้นหาความจริงว่า ตัวเองเป็นฆาตกรตัวจริงหรือไม่ ?

เฮียเหมถูกฆ่าปาดคอกลายเป็นศพอย่างน่าอนาถ ฆาตกรสวมสูทและรู้จักเขาเป็นอย่างดี มันใช้มีดปาดคอจากทางด้านหลัง ขณะที่เฮียเหมยังหัวเราะร่าคุยกับมันอยู่เลย

เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานแจ้งผู้กองอลิสเบื้องต้นว่า ลักษณะการลงมือคล้ายกับคดีฆาตกรรมที่มีสกายเป็นผู้ต้องสงสัยเมื่อ 2 ปีก่อน แต่ผู้กองสาวยังไม่ปักใจเชื่อว่าฆาตกรคือสกาย เพราะในที่เกิดเหตุมีแก้วเหล้าวางอยู่สองแก้ว บุหรี่วางอยู่บนที่เขี่ย ดังนั้น ฆาตกรกับเฮียเหมน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดี ซึ่งไม่ใช่สกายอย่างแน่นอน

การตายของเฮียเหม ในโลกนี้ไม่มีใครเสียใจมากกว่าไอ้ยักษ์อีกแล้ว มันเข้าไปดูศพในห้องดับจิต มือมันก็จับมืออันเย็นเฉียบของเฮียเหมไว้อย่างนั้น น้ำตามันก็ไหลออกมาไม่หยุด

เวลานี้เฮียเหมไม่อาจฟื้นกลับมามีชีวิต ใช่ คนตายแล้วไม่อาจฟื้น แต่สิ่งที่ไอ้ยักษ์จะทำจากนี้ก็คือ มันจะตามล่าฆ่าล้างแค้นไอ้คนที่มันทำแบบนี้กับเฮียเหม มันไปถามผู้กองอลิสแบบซื่อ ๆ ตรง ๆ ตามสไตล์ไอ้ยักษ์ “ใครฆ่าเฮียเหม ?”

ผู้กองอลิสบอกทุกอย่างไปตามจริง แต่ไอ้ยักษ์ที่มีร่างและกล้ามเนื้อใหญ่กว่าทุกคน กลับกลายเป็นมีเนื้อสมองเล็กกว่าทุกคน มันไม่สนใจเหตุผลใด ๆ จากปากของผู้กองอลิส สิ่งที่มันต้องการมากที่สุดในตอนนี้คือตามล่าหาตัวสกาย

ส่วนเรสก็ได้รู้ความจริงจากปากผู้กองอลิสเช่นกันว่า สารวัตรพิทักษ์คือคนที่จ้างฆ่าสกาย เรสจึงพูดขึ้นมาว่า “มันนี่เองที่ปั่นหัวให้เราฆ่ากันเอง”

ตาชั่งยุติธรรม

ตาชั่งยุติธรรม หรือ Scale of Justice ถูกสักอยู่กลางหลังของอัยการเผด็จ ตอนนี้อัยการหนุ่มไม่เหลือคราบของนักกฎหมายใส่แว่นเคร่งตำราอีกต่อไป เขาเปลือยท่อนบนต่อสู้กับคู่ต่อสู้ในสังเวียนที่เรียกว่าไฟต์คลับ กำปั้นที่ไร้เครื่องป้องกันตะบันเข้าใส่เบ้าหน้าคู่ต่อสู้ไม่ยั้ง เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ หน้าของอัยการเผด็จก็เต็มไปด้วยเลือดผสมปนเปกับเหงื่อ นี่ใช่มั้ยที่เรียกว่าการต่อสู้แบบลูกผู้ชายพันธุ์แท้ หรือควรจะเรียกมันว่าการต่อสู้ของพวกป่าเถื่อนกันนะ

หลังคู่ต่อสู้พ่ายแพ้ไปอย่างราบคาบ อัยการเผด็จเดินออกมายืนข้าง ๆ ลานไฟต์คลับที่มีหมอสาธิตยืนอยู่ ก่อนเขาจะหยิบหนังสือ “Monte Cristo Kreivi” (The Count of Monte Cristo) ให้กับชายคนหนึ่ง

ตัดภาพมาที่เซฟเฮ้าส์ … ท่านนำชัยมาหาสารวัตรพิทักษ์ที่กำลังซ่อนตัวอยู่ สารวัตรหมาบ้าบอกว่าที่ต้องมาหลบอยู่ที่นี่เพราะโดนคนอุ้มฆ่า แต่ไม่รู้ว่าใคร รู้อย่างเดียวคือคนคนนั้นมีรอยสักตาชั่งอยู่กลางหลัง

จากนั้นสารวัตรพิทักษ์ก็ขอให้ท่านนำชัยหาข้อมูลของสกายที่คลินิกจิตเวช ข้อมูลที่ได้กล้บกลายเป็นข้อมูลที่แตกต่างจากที่เคยรู้ สกายไม่ได้เป็นโรคจิตเภทที่ทำให้เกิดอารมณ์รุนแรงสองขั้วอย่างที่หมอสาธิตได้ทำการวินิจฉัย แต่สกายมีอาการแค่ไบโพลาร์เท่านั้น

อัยการเผด็จรู้ดีว่าเอกสารการรักษาสกายเป็นสิ่งที่ต้องปกปิดและทำลาย เขาจึงไปดักรอเจ้าหน้าที่ที่มีเอกสารนั้น อัยการเผด็จที่สวมหน้ากากปกปิดใบหน้าใช้มีดแทงเข้าที่ท้องเจ้าหน้าที่คนนั้น ก่อนจะเอาแฟ้มการรักษาสกายไปได้อย่างง่ายดาย

ผู้กองอลิสตามไปที่คลินิกจิตเวชเพื่อถามข้อมูลจากหมอกิ๊ฟ (หมอที่รักษาสกายคู่กับหมอสาธิต) และสิ่งที่ออกจากปากของหมอกิ๊ฟทำให้ผู้กองอลิสถึงกับตกอยู่ในสภาวะงงงวย “จากการวินิจฉัยของหมอ สกายไม่ได้มีอาการบ่งชี้ว่าจะเป็นโรคหลายอัตลักษณ์ ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าทำไมหมอสาธิตถึงวินิจฉัยแบบนั้น เพราะองค์ประกอบสำคัญของการเป็นโรคหลายอัตลักษณ์ก็คือ ต้องมีอาการความจำขาดหาย แต่สกายไม่ได้มีอาการแบบนั้นเลย หมอคิดว่าสกายเป็นแค่ไบโพลาร์ … และคิดว่าครั้งเดียวที่สกายฆ่าคนก็คือโจรที่ฆ่าพ่อแม่ของเขา”

ผู้กองอลิสไม่เข้าใจว่าทำไมหมอสาธิตถึงได้วินิจฉัยไปแบบนั้น ซึ่งตัวหมอกิ๊ฟเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน

ระหว่างนั้นสกายก็ออกตามหาแจน แฟนสาวที่เขารักจนสุดหัวใจ ผู้หญิงที่ถูกสารวัตรพิทักษ์เอาเงินฟาดหัวเพื่อเป็นพยานปรักปรำจนเขาถูกศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิต แต่ยังไม่ทันได้เจอแจน สกายก็ได้เจอกับลูกน้องของไอ้ยักษ์ แม้สกายจะหนีไปได้แต่ก็โดนกระสุนยิงทะลุท้อง เขาจึงหนีเข้าไปหลบที่บ้านเพื่อนแจนที่อยู่ใกล้ ๆ แถวนั้น

สกายฟื้นได้สติขึ้นมาก็เจอแจนคอยทำแผลและดูอาการเขาอยู่ไม่ห่าง เขาพูดประโยคแรกออกจากปาก ประโยคที่เขาอยากบอกกับเธอมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา “แจน ผมไม่เคยจะทำร้ายแจนเลยนะ จริง ๆ”

“แจนขอโทษที่ร่วมมือกับสารวัตรพิทักษ์ใส่ร้ายคุณ จนทำให้คุณต้องติดคุก แจนขอโทษ แจนขอโทษนะ” หญิงสาวพูดออกไปทั้งน้ำตา แจนพูดกับสกายทั้งน้ำตา แต่สิ่งที่สกายตอบกลับ ยิ่งทำให้เธอน้ำตาไหลหนักขึ้นไปกว่าเดิม “ไม่เป็นไร ผมไม่เคยโกรธคุณเลยนะ” มันจะดีแค่ไหน เมื่อคนที่เรารู้สึกผิดต่อเขาพูดออกมาอย่างจริงใจว่าไม่เป็นไร สิ่งที่เราทำผิดต่อเขาในอดีตคือไม่เป็นไร ความรู้สึกแจนในตอนนี้เหมือนยกทุกสิ่งทุกอย่างอันหนักอึ้งออกไปจากอก จากนั้นสกายก็โอบกอดแจนเอาไว้ในอ้อมอกของเขา

น้ำมันลินสีด

ผู้กองอลิสนำกำลังไปตรวจค้นบ้านหมอสาธิต แต่ตรวจแล้วไม่พบอะไรเลย เป็นเหมือนบ้านที่ไม่เคยมีคนอยู่ด้วยซ้ำไป จังหวะนั้นเองที่อัยการเผด็จอาสาขับรถพาผู้กองสาวไปส่งบ้าน ระหว่างที่ผู้กองอลิสกำลังช่วยเก็บของไว้ท้ายรถเธอบังเอิญไปเจอน้ำมันลินสีดใส่อยู่ในกล่อง ทำให้เธอสงสัยเป็นอย่างมากจึงถ่ายรูปเก็บเอาไว้ “ทำไมอัยการเผด็จถึงมีน้ำมันลินสีด ที่เป็นอุปกรณ์ของฆาตกรต่อเนื่องอยู่ท้ายรถนะ ?” (น้ำมันลินสีด คือน้ำมันที่ใช้ผสมสีน้ำมันเพื่อทำให้สีน้ำมันโปร่งแสงและเจือจางลง)

ในขณะที่ท่านนำชัยไปอบซาวน่ากับอัยการเผด็จ ทำให้ได้เห็นรอยสักตาชั่งที่ประทับอยู่บนหลังของอัยการหนุ่ม ท่านนำชัยนึกถึงคำพูดของสารวัตรพิทักษ์ทันที “ผมไม่เห็นหน้ามัน แต่มันมีรอยสักตาชั่งอยู่กลางหลัง” ท่านนำชัยจึงสั่งให้ลูกน้องไปสืบประวัติของอัยการเผด็จ

ในตอนท้าย ไอ้ยักษ์ตามล่าสกายจนเจอ มันเค้นถามสกายซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าฆ่าเฮียเหมทำไม สกายก็ได้แต่บอกว่าไม่ได้เป็นคนฆ่า มีคนใส่ร้าย ไอ้ยักษ์ไม่เชื่อ ระดมหมัดเข้าที่เบ้าหน้าของสกายจนแทบสิ้นสติคามือไอ้ยักษ์ ไอ้ยักษ์ระดมทิ้งหมัดอันหนักหน่วงของมันเข้าหน้าสกายไม่ยั้ง แต่ก่อนที่ไอ้ยักษ์จะทิ้งหมัดสุดท้ายเพื่อจบชีวิตสกาย สารวัตรพิทักษ์ก็โผล่เข้ามา พร้อมกับปืนรีวอลเวอร์ในมือเล็ง “เฮ้ย หยุด !!!”

Photos : ภาพหน้าจอจาก TrueID