Enola Holmes 2 สปอยล์ : เอโนลาทำคดีแรกในฐานะนักสืบอย่างเต็มตัว แต่การจะไขปริศนาที่เกี่ยวกับเด็กสาวที่หายตัวไปนั้น เธอจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากมิตรสหาย และเชอร์ล็อกโฮล์มส์ ผู้เป็นพี่ชาย …
แนว : แอคชั่น ผจญภัย อาชญากรรม
เรต 13+
คะแนน IMDb : 6.8/10
คะแนนรีวิว : 6/10
กรุงลอนดอน ปี 1885
เปิดเรื่องมา เอโนลา โฮล์มส์ (รับบทโดย มิลลี บ็อบบี บราวน์) ก็วิ่งหน้าตั้งหนีตำรวจเข้าไปในตรอกเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ขณะวิ่งหนีจนไปเจอกับทางตัน เธอได้หันมาพูดกับเรา (break the wall) ว่า “ฉันว่าฉันควรจะอธิบายนะว่าฉันมาถึงจุดนี้ได้ยังไง” แล้วภาพก็ย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้น …
หลังจากเอโนลาไขคดีแรกของเธอได้สำเร็จ (ในภาคแรก) เธอก็เปิดสำนักงานนักสืบเป็นของตัวเอง ด้วยความฝันว่าจะก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในนักสืบผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุควิกตอเรีย และก้าวขึ้นไปเทียบชั้นกับพี่ชายของเธอ เชอร์ล็อก โฮล์มส์ (รับบทโดย เฮนรี แควิลล์) แต่เมื่อการไล่ล่าหาความฝันได้เริ่มต้นขึ้น เอโนลาก็ไม่สามารถหนีเงาของพี่ชายไปได้ ลูกค้าทุกคนที่เข้ามาที่สำนักงานนักสืบของเธอต่างพากันตั้งคำถามเดียวกัน “พี่ชายของเธอว่างหรือเปล่า ?” ทำให้ตั้งแต่เปิดสำนักงานมา เอโนลาไม่มีลูกค้าเลยแม้แต่คนเดียว
ส่วน ยูโดเรีย (รับบทโดย เฮเลนา บอนแฮม คาร์เตอร์) แม่ของเอโนลาก็หลบหนีการไล่ล่าของตำรวจ และยังคงประท้วงด้วยการวางระเบิดตู้จดหมาย เพื่อเรียกร้องสิทธิที่เท่าเทียมของผู้หญิงต่อไป … อีกคนหนึ่งคือ ทิวส์เบอรี (รับบทโดย หลุยส์ พาร์ทริดจ์) หวานใจของเอโนลา ก็ยังคงเดินหน้ารณรงค์ทางการเมืองเพื่อให้เกิดการปฏิรูปในอังกฤษต่อไป แต่เมื่อเล่าถึงตอนนี้ เอโนลาก็หันมาบอกกับเราว่า “ฉันไม่มีเวลามาฟุ้งซ่านเรื่องเขา”
เมื่อสุดจะยื้อ เอโนลาจำต้องปิดสำนักงานนักสืบที่เช่าเอาไว้และตัดสินใจเก็บข้าวของกลับบ้านเกิด แต่ระหว่างที่กำลังเก็บของอยู่นั้น ก็มีลูกค้าคนแรกเป็นเด็กสาวชื่อ เบสซี่ มาขอให้ตามหา ซาราห์ พี่สาวของเธอที่หายตัวไป
เบสซี่พาเอโนลามาที่บ้านเพื่อหาเบาะแส จากนั้น เอโนลาก็ปลอมตัวเข้าไปทำงานในโรงงานไม้ขีดไฟไลออน โรงงานที่ซาราห์ เบสซี่ และสาว ๆ อีกหลายร้อยคนทำงาน เอโนลาใช้สิ่งที่เรียนรู้จากแม่เบี่ยงเบนความสนใจของหัวหน้าคนงาน เผลอแวบเดียว เธอก็แอบเข้าไปในห้องของผู้จัดการโรงงานได้สำเร็จ ที่นั่นเอโนลาได้เจอสมุดบันทึกที่ถูกฉีกออกไปหลายหน้า เมื่อเอามาเปรียบเทียบเศษกระดาษที่เขียนว่า “12 มีนาคม” ที่อยู่ภายในห้องนอนซาราห์ ปรากฏว่าตรงกันเป๊ะ นั่นหมายความว่าซาราห์ขโมยมันก่อนจะหายตัวไป
คืนนั้น เอโนลาสะกดรอยตาม เม เพื่อนคนหนึ่งของซาราห์ที่ดูมีพิรุธ ตามไปจนถึงโรงละครพารากอนซึ่งเมทำงานเป็นนักแสดงละครเวทีที่นั่น … เอโนลาจ่ายเงินให้ผู้จัดการโรงละครเพื่อแลกกับข้อมูล ซาราห์ทำงานที่นี่ด้วยเช่นกัน และเธอก็หลงรักกับชายคนหนึ่ง ซึ่งเอโนลาไม่รู้ว่าชายคนนั้นเป็นใคร แต่เธอได้จดหมายรักที่เขาเขียนถึงซาราห์มาเป็นหลักฐาน
ระหว่างทางที่เอโนลาเดินกลับจากโรงละครเพียงลำพัง มีชายถือไม้เท้าเดินสะกดรอยตามเธอมา เอโนลาเริ่มรู้สึกว่าตัวเองไม่ปลอดภัยจึงรีบเดินจ้ำเอา ๆ เดินไปเดินมาเอโนลาก็บังเอิญไปเจอเข้ากับเชอร์ล็อก ที่ถูกจับโยนออกมาจากผับในสภาพเมาเต็มคราบ เอโนลาจึงต้องกึ่งประคองกึ่งแบกพี่ชายกลับมาที่อพาร์ตเมนต์ของเขา
ที่อพาร์ตเมนต์ของเชอร์ล็อก … หลังพี่ชายเมามายจนหลับใหลไป เอโนลาได้เห็นกระดานไขคดีล่าสุดของเขอร์ล็อกที่ยังรอการคลี่คลาย และเป็นคดีที่ยังไขปริศนาไม่ได้ … ตัดภาพไปรุ่งเช้าอีกวัน เชอร์ล็อกตื่นขึ้นมามองไปที่ไปเอโนลา และสังเกตเห็นฟอสฟอรัสที่ใช้ทำไม้ขีดไฟติดอยู่ที่มือของน้องสาว เขาจึงเตือนด้วยความเป็นห่วงว่า เธอกำลังตกอยู่ในอันตราย และไม่จำเป็นต้องพาตัวเองไปเสี่ยงเพื่อพิสูจน์ตัวเองขนาดนั้นก็ได้ แต่เอโนลาก็หัวเสียจากคำพูดของเชอร์ล็อกและเดินออกจากอพาร์ตเมนต์เขาทันที
เอโนลานั่งกินแซนด์วิชเป็นมื้อเช้าที่ม้านั่งสวนสาธารณะ แล้วก็หันมาบ่นเรื่องพี่ชายให้เราฟัง “ทำไมถึงกล้ามาสั่งสอนฉัน ในเมื่อไขคดีของตัวเองยังไม่ได้เลย ที่นอนก็มีแต่กระดาษกับเชื้อราเต็มไปหมด มันไม่ยุติธรรมเลย” หลังบ่นได้สักพัก ทิวส์เบอรีก็เดินผ่านมาพอดี ทั้งสองพูดคุยกัน คือชอบกันแหละดูออก แต่ต่างฝ่ายต่างมีหน้าที่ที่ตัวเองต้องทำให้สำเร็จก่อน … เมื่อทิวส์เบอรีเดินจากไปแล้ว เอโนลาก็หยิบจดหมายที่ชายลึกลับคนนั้นส่งให้กับซาราห์ขึ้นมาอ่าน มันเป็นบทกวีที่แต่งได้แย่มาก ๆ แต่เมื่อเอโนอาอ่านวนไปวนมาเธอก็แกะรหัสลับที่ซ่อนอยู่ในบทกวีได้สำเร็จ “เลขที่ 28 เบลล์เพลซ ไวต์แชพเพิล” เอโนลากรี๊ดลั่นดีใจจนยิ้มไม่หุบที่แก้ปริศนาได้ เธอบอกกับเราว่าเกมได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
เอโนลามาตามบ้านเลขที่ที่เธอถอดรหัสได้ เมื่อมาถึงสิ่งแรกที่ทำให้เธอประหลาดใจก็คือ ประตูถูกเปิดเอาไว้ เธอจึงถึงวิสาสะเดินเข้ามาภายในบ้าน เมื่อเดินมาถึงห้องนอนสิ่งที่เธอพบคือ เมนอนอยู่บนเตียงที่มีเลือดเปรอะไปทั่วบริเวณ เมื่อมองไปที่ท้องของเมก็มีวัตถุบางอย่างปักคาอยู่ เอโนลาตกใจพยายามเข้าไปช่วย จังหวะนั้นเองที่เมเอาโน้ตดนตรีในมือยื่นให้เอโนลา ไม่กี่อึดใจจากนั้นเมก็สิ้นใจ จังหวะนั้นเอง … สิ่งประหลาดอย่างที่สามก็เกิดขึ้น เมื่อ สารวัตรเลสตราด นายตำรวจหัวทึ่มเดินเข้ามาในห้อง ซึ่งเอโนลาพยายามอธิบายว่าเธอกำลังสืบคดีหนึ่งอยู่ เข้ามาก็พบเมนอนจมกองเลือดอยู่บนเตียงแล้ว จังหวะนั้น เอโนลาก็ได้ยินเสียงกระแทกไม้เท้ากับพื้น ซึ่งเธอจำได้ว่าเป็นเสียงเดียวกับคนที่ตามเธอเมื่อคืน ไม่นานนัก ผู้กำกับเกรล (รับบทโดย เดวิด ธิวลิส) ก็เปิดประตูห้องนั้นเข้ามา แล้วก็ตั้งคำถามนู่นนี่นั่นกับเอโนลา ซึ่งแต่ละคำถามแสดงให้รู้ว่าเขามองว่าเอโนลาเป็นคนฆ่าเม แล้วสัญชาตญาณผสมกับไหวพริบการเอาตัวรอดทำให้เอโนลาตัดสินใจเตะผ่าหมากผู้กำกับเกรล แล้วก็วิ่งหนี วิ่งหนีไปวิ่งหนีมาก็จะไปจนมุมอยู่ที่ตรอกเล็ก ๆ แล้วเรื่องก็จะไปบรรจบกับตอนเริ่มเรื่อง …
จากนั้น เอโนลาก็หนีไปซ่อนตัวอยู่ในอพาร์ตเมนต์ของเชอร์ล็อก
มอริอาร์ตี้ – MORIARTY
ที่อพาร์ตเมนต์ของเชอร์ล็อก … เชอร์ล็อกต้องการให้เอโนลาเล่าว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งเธอขอแลกเปลี่ยนด้วยการที่เขาต้องเล่าคดีที่เขาทำอยู่เช่นกัน เชอร์ล็อกจึงจำใจเล่าไปว่า “มีการโอนเงินเข้าออกจากสถานที่ราชการที่อธิบายไม่ได้ เขาเดาว่าอาจจะเป็นการติดสินบน หรือแบล็กเมล … มีเงินจากห้าบัญชีโอนเข้าไปที่กระทรวงการคลังถูกโอนออกไปยังธนาคารเอกชนแห่งหนึ่ง ไม่มีชื่อคนที่ได้รับเงินดังกล่าว มีแต่หมายเลขผู้รับ เมื่อไปถามที่ธนาคารก็ปรากฏว่าเงินถูกโอนไปอีกธนาคารแล้วก็ไปอีกธนาคาร ทำแบบนี้นับครั้งไม่ถ้วนโดยใช้เลขบัญชีต่างกันรวมทั้งหมด 27 บัญชี”
จากนั้น เอโนลาก็เล่าสิ่งที่เธอเจอให้เชอร์ล็อกฟัง จนเขาถามว่าในเมื่อเธอไม่ได้เป็นคนฆ่าแล้วจะหนีทำไม เอโนลาจึงตอบไปว่าเธอสงสัยตำรวจที่ชื่อเกรล สุดท้ายแล้วด้วยความเป็นพี่ชาย เชอร์ล็อกจึงยื่นมือเข้ามาสืบคดีซาราห์ และขอให้เอโนลาอยู่แต่ในห้อง เพราะเรื่องมันบานปลายจนกลายเป็นคดีฆาตกรรมไปแล้ว ก่อนจะทิ้งท้ายด้วยคำสั่งสอนแรกของการเป็นนักสืบ “ความผิดพลาดแรกของนักสืบคือการคิดว่าคดีที่ทำเป็นเรื่องส่วนตัว …”
วันนั้นทั้งวัน สองพี่น้องต่างใช้เวลาหาเบาะแส เชอร์ล็อกไปบ้านที่เมถูกฆ่า ส่วนเอโนลาก็เปิดดูข้อมูลต่าง ๆ จนไปพบว่าชายลึกลับคนนั้นอาจจะไปร่วมงานเต้นรำที่จัดขึ้นในคืนนี้ … แหม่ หญิงสาวที่ถูกเลี้ยงมาจากแม่ที่เป็นเฟมินิสต์แบบสุดขั้วอย่างเอโนลา กำลังเตรียมตัวไปงานเต้นรำมันจะเป็นยังไงนะ
คืนนั้น เอโนลาเข้าไปร่วมงานเต้นรำและพยายามหาจังหวะเข้าไปพูดคุยกับ วิลเลียม โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าตามธรรมเนียมปฏิบัติแล้ว หญิงสาวจะไม่สามารถพูดคุยกับชายหนุ่มได้ถ้าเธอไม่มีพี่เลี้ยงหรือผู้ดูแลอยู่ด้วย เอโนลาจึงทำท่างง ๆ แล้วเดินออกมา ระหว่างนั้นเธอได้เรียนรู้วิธีการคุยของคนชั้นสูง นั่นคือหญิงสาวจะพูดกับหนุ่ม ๆ โดยใช้รหัสพัดที่ถืออยู่ในมือ ซึ่งก็มีหญิงสาวใจดีมอบพัดให้เอโนลา … วิธีเดียวที่เอโนลาจะได้ใกล้ชิดกับวิลเลียมนั่นก็คือการเต้นรำ โดยเธอต้องไปจองคิวในบัตรเต้นรำของเขา ซึ่งเธอได้เป็นคิวสุดท้าย
เอโนลาเอาลายมือในจดหมายที่เขียนถึงซาราห์มาเทียบกับลายมือในบัตรเต้นรำของวิลเลียม เธอมั่นใจเลยว่าเขานี่แหละคือชายปริศนาคนนั้นที่เธอกำลังตามหา
อีกนั่นแหละ เอโนลาถูกสอนตั้งแต่เด็กให้เต้นรำด้วยท่าเต้นแร้งเต้นกา 💃 ทีนี้เมื่อต้องมาเต้นรำแบบชนชั้นสูงจะทำยังไงล่ะ ก็ให้บังเอิญว่าทิวส์เบอรีก็มาร่วมงานเต้นรำนี้เช่นกัน เอโนลาจึงขอให้เขาสอนเต้นรำด้วยหลักสูตรแบบเร่งรัด สุดท้ายแล้วเอโนลาก็เต้นรำเป็น แม้จะดูเก้ ๆ กัง ๆ ไปบ้าง จังหวะนั้นทั้งสองเกือบจะได้จุมพิตเฟิสต์คิสกัน แต่ก็มีคนเข้ามาขัดจังหวะซะอย่างงั้น
เมื่อถึงคิวที่เอโนลาต้องเต้นรำกับวิลเลียม เธอใช้โอกาสนี้แสดงตัวว่าเป็นนักสืบแล้วจี้ถามตรงประเด็นว่าเขารู้จักซาราห์หรือไม่ วิลเลียมแสดงท่าทีมีพิรุธขึ้นมาทันที ก่อนที่เขาจะบอกให้เธอหยุดพูด เพราะมีคนจับตาดูอยู่เต็มไปหมด ถ้าอยากรู้อะไรมากกว่านี้ให้ไปเจอกันที่ห้องสมุดตอนเที่ยงคืน
อีกไม่กี่นาทีจะถึงเที่ยงคืน จู่ ๆ ทิวส์เบอรีก็เข้ามาในห้องที่เอโนลากำลังรอพบกับวิลเลียม แต่เมื่อนาฬิกาดังบอกเวลาตอนเที่ยงคืน สารวัตรเลสตราดก็ปรากฏตัวขึ้นเพื่อจับตัวเอโนลาในข้อหาฆาตกรรม เอโนลาอาศัยจังหวะนั้นเอากระดาษโน้ตเพลงใส่ไว้ในเสื้อสูทของทิวส์เบอรี แล้วกำชับให้เขารักษามันไว้ให้ดีที่สุด
ที่ห้องขังสถานีตำรวจ … ผู้กำกับเกรลบอกเอโนลาให้หยุดสืบเรื่องนี้ซะ เพราะซาราห์เป็นโจรที่ชอบก่อปัญหาไม่จบสิ้น ไม่คุ้มเสี่ยงที่เอโนลาจะเอาชีวิตมาเสี่ยงให้กับคนแบบนี้ และสิ่งที่ผู้กำกับเกรลต้องการจากเอโนลาคือ “ซาราห์อยู่ที่ไหน ?” ซึ่งแน่นอนว่าเธอก็ไม่รู้เช่นกัน
ตัดภาพมาที่อพาร์ตเมนต์ … เชอร์ล็อกไขปริศนาบนกระดานได้แล้ว ทั้งหมดมันเป็นข้อความที่ส่งถึงเขา “ยินดีที่ได้รู้จัก เชอร์ล็อก โฮล์มส์” ส่วนบัญชีที่เป็นตัวเลขเขาก็แกะออกมาได้เป็นข้อความว่า มอริอาร์ตี้ “MORIARTY” (ซึ่งตอนนี้ยังไม่รู้ว่ามันมีความหมายว่าอะไร)
หลังเชอร์ล็อกรู้ข่าวว่าเอโนลาถูกจับขังคุก เขาก็รีบไปประกันตัวน้องสาวทันที ตอนแรกผู้กำกับเกรลจะไม่ให้ประกันตัวเพราะเป็นคดีฆาตกรรม แต่เชอร์ล็อกก็เล่าฉากในการฆาตกรรมนั้นเป็นขั้น สุดท้ายผู้กำกับเกรลก็ตอกกลับด้วยหลักฐานลายนิ้วมือของเอโนลาที่ปรากฏอยู่บนอาวุธสังหาร เชอร์ล็อกจึงต้องเดินคอตกกลับไปอย่างผิดหวัง
พันธมิตร
เชอร์ล็อกรู้ได้ในทันทีว่าคดีนี้มันมากกว่าคดีฆาตกรรมทั่วไป มันเป็นคดีที่ไปไกลกว่าที่เขาคิด และเขาต้องการผู้ช่วย เชอร์ล็อกจำใจต้องไปขอความช่วยเหลือจากยูโดเรียและ อีดิธ เนื่องจากเอโนลาถูกพาตัวไปขับอยู่ในทัณฑสถานหญิง และกำลังจะถูกแขวนคอ !
นั่นแหละ ยังไม่ทันที่กลิ่นคุกจะติดตัว แม่กับอีดิธก็จัดการวางระเบิดกำแพงคุกและพาตัวเอโนลาหนีออกมาจากคุกได้ ก่อนจะกลายเป็นฉากขี่รถม้าไล่ล่า ระหว่างอยู่บนรถม้าแม่ก็ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับคดีที่เธอกำลังสืบมากมาย ยูโดเรียใช้ระเบิดควันทำให้รถม้าของตำรวจที่ไล่ตามมาพุ่งตกลงข้างทาง แต่ไม่ทันที่จะหนีได้ไปไหนไกล ผู้กำกับเกรลก็ควบม้าไล่ตามมาอย่างกระชั้นชิด และยิงปืนสาดกระสุนเฉียดหัวเอโนอาไปเส้นยาแดงผ่าแปด สุดท้ายรถม้าของเอโนลาก็เกิดพลิกคว่ำ ยังดีที่ทั้งสามสาวไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร
ผู้กำกับเกรลเรียกให้เจ้าหน้าที่มาจับตัวทั้งสามสาวไป แต่รีเบลเลี่ยนเฟมินิสต์อย่างยูโดเรียกับอีดิธมีหรือจะยอมให้จับได้ง่าย ๆ สุดท้ายแล้วก็จัดการตำรวจทั้งหมดลงไปกองอยู่กับพื้นแล้วก็หนีไปได้อย่างชิล ๆ … ระหว่างนั้น ยูโดเรียก็สอนลูกสาวให้รู้จักพันธมิตรและการร่วมมือกับคนอื่นถึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดี จากนั้น เอโนลาก็แยกทางกับแม่
เอโนลากลับไปหาเบสซี่อีกครั้ง ครั้งนี้เธอได้พบความแตกต่างของหัวไม้ขีดสีขาวกับหัวสีแดง เธอคิดว่าหัวไม้ขีดสีขาวมีส่วนผสมของฟอสฟอรัส ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตเป็นจำนวนมากของคนงานหญิงที่ทำงานในโรงงานไม้ขีดไฟไลออน
เอโนลารีบไปหาทิวส์เบอรีเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ระหว่างนั้น หญิงสาวที่ชื่อ ซิซิลี ได้เข้าหาทิวส์เบอรีเพื่อขอให้เขาช่วยผลักดันเรื่องการแก้กฎหมายโรงงาน หลังซิซิลีกลับไปแล้ว เอโนลาเอาทุกสิ่งอย่างมาประมวลผลทำให้เธอปิ๊งขึ้นมาทันทีว่า ซิซิลีคือซาราห์ และซาราห์ก็คือซิซิลี นั่นเอง … ระหว่างนั้นทิวส์เบอรีบอกรักเอโนลา คำบอกรักของเขานี่เองที่ทำให้เอโนลาเข้าใจว่า ซิซิลีกับวิลเลียมรักกันและร่วมมือกันเปิดโปงการทุจริตในโรงงานที่เกิดขึ้น วิลเลียมต้องการหยุดสิ่งที่พ่อของเขาทำ แล้วเอโนลาก็เผยความรู้สึกตัวเองออกไปว่าเธอก็รักทิวส์เบอรีเช่นกัน
มาสเตอร์มายด์
ที่โรงงานไม้ขีดไฟไลออน … ทิวส์เบอรีช่วยพาเอโนลาแอบเข้าไปหาหลักฐานบางอย่าง ที่นั่นเธอได้เจอกับเชอร์ล็อกโดยบังเอิญ เขาบอกกับเธอว่า “ดูท่าคดีที่เราทำจะเชื่อมโยงกัน” และที่นั่น ทั้งสองพบวิลเลียมนั่งตายอยู่บนเก้าอี้หน้าเตาผิงไฟ เมื่อตรวจสอบศพพบว่าเขาถูกมีดสั้นปาดเข้าที่คอ และดูเหมือนเอกสารบางอย่างของเขาจะหายไป เอโนลายังพบรอยขีดที่เกิดจากไม้เท้าที่มีหัวเป็นโลหะ ซึ่งทำให้เธอมั่นใจว่าคนที่ลงมือฆ่าวิลเลียมก็คือผู้กำกับเกรลอย่างแน่นอน แต่สิ่งที่เชอร์ล็อกตั้งคำถามตามมาคือ “ใครเป็นคนสั่งฆ่า ?” … เอโนลาตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้วก็ตั้งสมมติฐานขึ้นมาทันทีว่า มีคนอยู่ในห้องนี้อีกคนตอนที่วิลเลียมโดนฆ่า คนคนนั้นสูบซิการ์ที่มีด้ามจับ และพบขนแกะติดอยู่กับเก้าอี้ เป็นขนแกะชนิดอัสตราคาน ซึ่งเป็นขนแกะที่ดีที่สุด เอโนลาทบทวนความทรงจำไม่นานเธอก็จำได้ทันทีว่า คนคนนั้นคือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ลอร์ดแมคอินไทร์
เอโนลาอธิบายให้เชอร์ล็อกฟังว่า วิลเลียมไปขโมยหลักฐานการทุจริตของตระกูลไลออน (พ่อของวิลเลียม) กับ ลอร์ดแมคอินไทร์ ที่สมคบคิดกัน และลอร์ดแมคอินไทร์กำลังแอบทำกำไรอย่างงามจากโรงงานไม้ขีด โดยการเปลี่ยนสูตรไม้ขีดไฟเป็นฟอสฟอรัสที่ถูกกว่า ซึ่งมันเป็นอันตรายถึงตายกับคนงาน
แต่จู่ ๆ เชอร์ล็อกก็พูดขึ้นมาว่า “ไม่ใช่ลอร์ดแมคอินไทร์” เพราะเขาดูแล้วไม่มีใครนั่งเก้าอี้ตัวนี้ ไม่มีรอยบนพรมและไม่มีรอยคนนั่ง ส่วนซิการ์มันก็เย็นมากแล้วก็ไม่มีขี้เถ้า และไม่มีรอยริมฝีปากอยู่บนแก้วเหล้าใบที่วางอยู่ด้วย ซึ่งเชอร์ล็อกตีความว่าเป็นการจัดฉากเพื่อให้ไขว้เขว … เอโนลาหยิบกระดาษโน้ตดนตรีที่เมให้ก่อนตายขึ้นมาดูซึ่งเธอไม่รู้ว่ามันหมายความว่ายังไง จังหวะนั้น ทิวส์เบอรีพูดขึ้นมาว่า “ความจริงแห่งทวยเทพ” ซึ่งเป็นชื่อโน้ตเพลงมันหมายถึงที่นั่งชั้นบนสุดของโรงละคร เมื่อได้ยินเช่นนั้น เอโนลาจึงคิดได้ทันทีเลยว่า กระดาษโน้ตเพลงนี้มันคือแผนที่
ทั้งสามนั่งรถม้าพากันเดินทางไปโรงละครพารากอนทันที (ระหว่างทางเอโนลากับทิวส์เบอรีที่นั่งกันอยู่ด้านในเก๋งก็ได้เฟิสต์คิสยืนยันความรักต่อกัน 💋) … ที่นั่นเอโนลาได้พบกับซาราห์ ซึ่งเธอได้แจ้งข่าวการตายของวิลเลียมให้ซาราห์ได้รู้ จังหวะนั้นเอง ผู้กำกับเกรลก็โผล่ออกมาพร้อมด้วยมีดที่จี้คอหอยเบสซี่ เขาต้องการเอกสาร แต่เบสซี่ไม่ใช่เด็กหญิงธรรมดา เธออาศัยจังหวะที่ผู้กำกับเกรลเผลออ้าปากกัดเข้าไปที่มือของเขา หลังจากนั้นก็เกิดการต่อสู้อย่างชุลมุน สุดท้าย เอโนลาก็จัดการผู้กำกับเกรลจนตกลงจากที่สูงตัวกระแทกพื้นตายคาที่
เมื่อการต่อสู้จบลง ลอร์ดแมคอินไทร์และ มิร่า ทรอย เลขาสาวของเขาก็เดินเข้ามา พร้อมกับสารวัตรเลสตราด เวลานั้นเองทั้งเชอร์ล็อกและเอโนลารู้ทันทีว่า ผู้ที่ชักใยอยู่เบื้องหลังคือ มิร่า ทรอย (ซึ่งก็คือ MORIARTY = MIRA TROY สลับอักษรนั่นเอง)
สองพี่น้องปะติดปะต่อเรื่องราว เริ่มจากวิลเลียมขโมยสัญญานั่นไปซึ่งเป็นการตัดช่องการทำเงินของมิร่า ทำให้เธอต้องจ้างผู้กำกับเกรลให้เอาเอกสารนั้นคืนมา เมื่อเรื่องมันเริ่มเลยเถิดไปไกลเกินควบคุม เพราะผู้กำกับเกรลเป็นพวกนิยมความรุนแรง มิร่าจึงพยายามจัดฉากให้หลักฐานพุ่งเป้าไปที่ลอรดแมคอินไทร์ แต่แทนที่จะเป็นไปตามแผนกลายเป็นความผิดพลาด จนทำให้ปริศนาทั้งหมดถูกคลี่คลาย … มิร่ายอมรับว่าเธออยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดกับและกล่าวชื่นชมเอโนลา จากนั้น สารวัตรเลสตราดก็จับมิร่าเข้าซังเตไป ส่วนลอร์ดแมคอินไทร์ก็แอบหยิบเอาหลักฐานไปเผาทิ้งเฉยเลย หลักฐานที่พิสูจน์ว่าเขาทำการทุจริตที่โรงงานไม้ขีดไฟ
ทิวส์เบอรีเดือดดาลขึ้นมาทันที ก่อนจะตะโกนออกไปว่าลอร์ดแมคอินไทร์เป็นคนทุจริต และมีส่วนในการตายของคนงานหญิงในโรงงานไม้ขีดไฟหลายร้อยคน แต่ก็นั่นแหละหลักฐานมันถูกเผาทำลายไปแล้ว เชอร์ล็อกที่ยืนดูสถานการณ์อยู่ก็บอกให้ทิวส์เบอรีอดทน
สาวโรงงานไม้ขีดไฟ
เอโนลา, เบสซี่ และซาราห์ ทั้งสามกลับไปที่โรงงานไม้ขีดไฟอีกครั้ง เอโนลาบอกกับซาราห์ว่าแม้จะไม่มีหลักฐานในมือ แต่สิ่งที่พวกเธอมีคือความจริง ซาราห์เข้าไปในโรงงานและกระโดดขึ้นไปบนโต๊ะเพื่อเล่าความจริงให้สาว ๆ ทุกคนได้ฟังว่า สิ่งที่ทำให้พวกเธอป่วยไม่ใช่ไข้รากสาดใหญ่ แต่เป็นฟอสฟอรัสที่ทุกคนสัมผัส ซาราห์ปลุกระดมให้ทุกคนเลิกทำงานที่นี่ แล้วสาวคนงานทุกคนก็เชื่อในคำพูดของซาราห์ ทุกคนพร้อมใจกันเดินออกมาจากโรงงาน
ผ่านไประยะเวลาหนึ่ง … ทิวส์เบอรีก็จัดการหาหลักฐานมาจับกุมลอร์ดแมคอินไทร์ได้ในที่สุด แล้วคคีนี้ก็ถูกคลี่คลายโดยสมบูรณ์
เชอร์ล็อกไปหาเอโนลาที่สำนักงานนักสืบของเธอที่เปิดขึ้นมาใหม่ซึ่งอีดิธเป็นคนจัดหาให้ เขาได้ยื่นข้อเสนอให้น้องสาวมาเป็นหุ้นส่วนกับเขา แต่เอโนลาปฏิเสธด้วยเหตุผลที่ว่าเธอไม่ต้องการอยู่ภายใต้เงาของเขา แต่ก่อนที่เชอร์ล็อกจะกลับ อีดิธได้ส่งหนังสือพิมพ์ให้เขา เมื่อเปิดอ่านก็พบข่าวมิร่าหลบหนีไปได้ระหว่างการควบคุมตัว ส่วนทิวส์เบอรีก็หอบดอกไม้ช่อใหญ่มาหาเอโนลา แล้วทั้งสองก็ไปออกเดตกันอย่างมีความสุข
จากนั้นก็มีข้อความขึ้นเล่าถึงประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นจริงในเหตุการณ์ที่เรียกว่า Matchgirls’ strike การประท้วงของสาวโรงงานไม้ขีดไฟที่นำโดย “ซาราห์ แชปแมน” ซึ่งถือเป็นการเคลื่อนไหวด้านอุตสาหกรรมเป็นครั้งแรกที่นำโดยผู้หญิงเพื่อผู้หญิง
End credit
ในช่วง End credit มีชายคนหนึ่งเข้ามาเคาะห้องของเชอร์ล็อก และกล่าวว่าเขามาตามนัดที่เชอร์ล็อกได้ประกาศหาเพื่อนร่วมห้องเอาไว้ และเขาแนะนำตัวว่าเขาชื่อ “หมอจอห์น วัตสัน” (แม้ว่าบุคลิกและหน้าตาของเขาจะไม่เหมือนก้บหมอวัตสันในภาพจำของเราเลยแม้แต่นิดเดียวก็ตาม)
จบบริบูรณ์
ดูหนังเรื่องนี้ที่ Netflix : คลิกที่นี่