Skip to content
รีแคปซีรีส์ 1899 EP.3 : The Fog ม่านหมอก

รีแคปซีรีส์ 1899 EP.3 : The Fog ม่านหมอก

1899 EP.3 : สาวน้อยและผู้โดยสารคนอื่น ๆ ประสบชะตากรรมอันน่าเศร้า ในขณะที่กัปตันกับมอร่าพากันไปสำรวจเรือโพรมีเธียสอีกครั้ง …

ลูกเรือพบสาวน้อยเอด้านอนกลายเป็นศพอยู่กับพื้นอย่างเป็นปริศนา กัปตันจึงเรียกให้หมอบนเรือมาดูอาการ เบื้องต้นไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายหรือความผิดปกติอะไรเลย หมอคนนั้นจึงลงความเห็นว่าเป็นเรื่องทฤษฎีวิวัฒนาการของดาร์วิน ที่ผู้อ่อนแอจะถูกกำจัดทิ้ง จากนั้นหมอก็ขอตัวไปกินอาหารเช้าต่อ มอร่าที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ถึงกับส่ายหัว เพราะเธอเพิ่งเจอกับสาวน้อยเอด้าเมื่อวันก่อน และก็ยังดูแข็งแรงเป็นปกติดี

ช่วงเช้าของวันเดียวกัน เรือเคอร์เบอรอสที่กำลังลากเรือโพรมีเธียสกลับยุโรปก็ต้องเจอกับม่านหมอกหนา ทำให้ลูกเรือมองไม่เห็นอะไรเลย ม่านหมอกที่เหมือนจงใจไม่ให้พวกเขาไปต่อ อีกทั้งเข็มทิศก็ไม่สามารถหาเส้นทางได้ กัปตันจึงสั่งให้หยุดรอให้หมอกจางไปเอง … ลูกเรือต่างมองตากัน พวกเขาคิดตรงกันว่ากัปตันของพวกเขาตัดสินผิดตั้งแต่ต้น บางคนถึงกับพูดขึ้นมาว่ากัปตันเสียสติไปเสียแล้ว บางคนก็พูดลับหลังว่ากัปตันเป็นแค่ “ไอ้ขี้เมา”

สำรวจโพรมีเธียส

ที่ห้องส่วนตัวของกัปตัน … กัปตันได้ยื่นริบบิ้นที่เขาเก็บได้บนเรือโพรมีเธียสให้มอร่า มันเป็นของลูกสาวเขาที่ตายไปแล้ว หนึ่งในลูกสาวทั้งสามและภรรยาของเขาที่โดนไฟคลอกตายไปเมื่อเกือบสองปีที่แล้ว เขามองหน้ามอร่าและถามคำถามแปลกออกไป “เราเห็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงแล้วเชื่อว่ามันมีจริงได้ไหม ?”

มอร่าตอบกลับไปแทบจะทันที คำตอบที่ออกจากปากมอร่าเป็นคำตอบที่เธอได้ร่ำเรียนมาจากตำรา “สมองของเราเชื่อถือไม่ได้เสมอไป มันล้วนเป็นผลมาจากกระแสไฟฟ้าในประสาท และบางครั้งมันก็ตีความผิด นี่แหละที่ทำให้คนเรากลายเป็นบ้า” มอร่ายื่นริบบิ้นคืนกลับไปให้กัปตัน กัปตันที่น้ำตาเอ่อเบ้า กัปตันที่เสียครอบครัวไปในโศกนาฏกรรมที่เขาไม่มีวันลืม

เมื่อกัปตันคว้าริบบิ้นใส่เข้ากระเป๋า เขาก็รีบตรงปรี่ไปอีกมุมหนึ่งของห้องแล้วชี้ให้มอร่าดูว่า ตรงนี้มีประตูลับที่อยู่ดี ๆ มันก็มีขึ้นมา “ผมรู้ทุกซอกทุกมุมของเรือลำนี้ มันไม่เคยมีประตูนี้มาก่อน แล้วทำไมริบบิ้นของลูกผมถึงไปอยู่บนเรือนั่น ? ผมจะกลับขึ้นไปหาหลักฐานบนเรือโพรมีเธียส เราจะได้รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” ตอนแรกมอร่าทำเป็นไม่สนใจ แต่เมื่อสายตาของเธอเหลือบไปเห็นสัญลักษณ์รูปสามเหลี่ยมปิรามิด เธอก็สนใจขึ้นมาทันที และขอไปกับเขาด้วย

กัปตันกับมอร่าลงเรือเล็กไปยังเรือโพรมีเธียสสองคน เมื่อไปถึงกัปตันได้เล่าว่า ไม่กี่เดือนก่อน มีเรือเยอรมันสามลำถูกขายให้กับนักลงทุนชาวอังกฤษชื่อ “เฮนรี่ ซิงเกิลตัน” เรือถูกนำขึ้นบกมาซ่อมอยู่สามเดือน เปลี่ยนระบบการสื่อสารรุ่นใหม่และปรับปรุงทุกอย่าง “สัญลักษณ์รูปสามเหลี่ยมนี้เป็นสัญลักษณ์ของบริษัทเดินเรือ”

กัปตันพามอร่าเดินสำรวจต่อไปจนไปเจออุปกรณ์บางอย่างที่กัปตันเรียกว่าเครื่องวัดแรงดันไอน้ำ แต่กัปตันพบว่ามันไม่ได้มีไว้วัดแรงดันไอน้ำ มอร่าสันนิษฐานว่ามันอาจเอาไว้ใช้เผาศพมนุษย์ที่อุณหภูมิ 900 องศาเซลเซียสก็เป็นได้ เธอจึงเปิดเตาเพื่อหาเศษกระดูกและฟันในนั้น แต่ก็ไม่พบอะไร

ส่วนกัปตันเจอรายชื่อผู้โดยสารบนเรือโพรมีเธียส เมื่อเขาดูก็พบชื่อ “มอร่า” เป็นหนึ่งในผู้โดยสาร !!?

ยึดอำนาจควบคุมเรือ

ระหว่างนั้น มีศพคนนอนตายอยู่บนเรือเพิ่มขึ้นนับสิบศพ ทุกศพเหมือนกันคือไม่มีเลือดหรือร่องรอยการถูกทำร้าย แบบเดียวกับหนูน้อยเอด้า หนึ่งในลูกเรือเห็นว่าถ้าปล่อยไปแบบนี้ทุกคนบนเรือจะตายกันหมด และเชื่อว่ามีบางสิ่งที่อันตรายอยู่บนเรือโพรมีเธียส บริษัทจึงมีคำสั่งให้จมเรือ เขาไม่เชื่อในตัวกัปตันอีกต่อไป

อย่างที่บอก บนเรือลำนี้มีคนทั้งหมด 1,612 คน แต่มี 1,611 คนที่ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของกัปตัน การปลุกระดมให้ยึดอำนาจจากกัปตันจึงไม่ใช่เรื่องยาก พวกผู้โดยสารชั้นสามเอาด้วย แต่ละคนคว้าเอาสิ่งที่พอจะใช้เป็นอาวุธได้ติดมือ รวมถึงปืนหลายกระบอกแล้วมุ่งหน้าไปที่ห้องกัปตัน

ดูซ๊รีส์เรื่องนี้ที่ Netflix : คลิกที่นี่