1899 สปอยล์ : ไม่มีอะไรเป็นอย่างที่เห็นเลยแม้แต่นิดเดียว เหล่าผู้โดยสารบนเรือเคอร์เบอรอสจะไขปริศนาที่อาจเปลี่ยนชีวิตของพวกเขาให้กลายเป็นฝันร้ายได้หรือไม่ ?
EP.1 The Ship เรือลำนั้น
EP.2 The Boy เด็กชาย
EP.3 The Fog ม่านหมอก
EP.4 The Fight การต่อสู้
EP.5 The Calling เสียงเพรียก
EP.6 The Pyramid พีระมิด
EP.7 The Storm พายุ
EP.8 The Key กุญแจ
เรต : 16+ คะแนน IMDb : 8.2/10 คะแนนรีวิว : 8/10
แนว : ดราม่าย้อนยุค ลึกลับ
ประเทศผู้ผลิต : เยอรมัน
EP.1 The Ship เรือลำนั้น
เปิดเรื่องด้วยการเสียงหญิงสาวที่อ่านบทกวี ในขณะที่ภาพที่วิ่งให้เห็นสภาพท้องฟ้าผืนดิน และจบที่ผืนมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ที่หมุนวนจนกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่
หญิงสาวคนหนึ่งตะโกนพูดกับพ่อ เธอพยายามเรียกหาพี่ พี่ที่เธอเชื่อว่าขึ้นเรือโพรมีเธียสมาด้วย “หนูรุ้ว่าหนูเห็นอะไร หนูไม่ได้บ้า พี่ชายหนูอยู่ไหน พี่ขึ้นเรือโพรมีเธียส พี่รู้ว่าพ่อทำอะไรบนเรือ แต่ทำไมหนูจำไม่ได้ พ่อทำอะไรกับความทรงจำหนู หนูไม่ได้บ้า” เวลาเดียวกันนั้นเธอก็โดนลากตัวเข้าไปในสถานบำบัดถูกมัดมือทั้งสองข้างและฉีดยาระงับประสาท
ตัดมาอีกช่วงเวลาหนึ่ง … มอร่า (รับบทโดย เอมิลี่ บีแชม) ตื่นขึ้นมา ข้อมือทั้งสองข้างมีรอยคล้ายถูกเชือกมัดเอาไว้เป็นเวลานาน เธอต้องใช้เสื้อแขนยาวปกปิดรอยนั้นเอาไว้ตลอดเวลา ที่ข้างเตียงมีข่าวที่ตัดจากหนังสือพิมพ์เซาแธมป์ตันโพสต์พาดหัวว่า “เรือจักรไอน้ำสาบสูญกลางทะเล สี่เดือนต่อมายังไม่พบโพรมีเธียส : ผู้โดยสารกว่า 1,400 คนและลูกเรือราว 500 คนหายสาบสูญ” จากนั้น เธอก็เดินไปที่โต๊ะทำงานแล้วหยิบจดหมายที่ระบุชื่อผู้รับว่า “เฮนรี่” ขึ้นมาอ่าน ข้อความสั้น ๆ ระบุว่า “พี่รู้แล้วว่าพ่อเราทำอะไรลงไป เจอกันที่นิวยอร์ก อย่าไว้ใจใครทั้งนั้น จากพี่ชาย”
หญิงสาวเริ่มแนะนำตัวเองให้เรารู้จัก “ฉันคือมอร่า แฟรงคลิน เกิดที่มอร์ฟิลด์ วันนี้เป็นวันที่ 19 ตุลาคม 1899” และเธอย้ำอีกครั้งว่าเธอไม่ได้บ้า
มอร่าเปิดประตูออกจากหัอง 1011 ทำให้ได้รู้ว่าเธอกำลังอยู่บนเรือโดยสารขนาดใหญ่ที่ชื่อ “เคอร์เบอรอส”
สิ่งที่หายสาบสูญจะถูกค้นพบ
ผู้คนบนเรือเคอร์เบอรอส ตั้งแต่คนงานไปจนถึงผู้โดยสารชั้นหนึ่งต่างพูดถึงแต่เรื่องการหายสาบสูญไปของเรือโพรมีเธียส … มอร่าเดินมาที่ห้องอาหารของผู้โดยสารชั้นหนึ่ง ไม่นานนักก็มีหญิงสาวอีกคนมานั่งคุยด้วย มอร่าเล่าว่าเธอเป็นนักเรียนแพทย์ที่ศึกษาสมองมนุษย์ แต่เธอไม่ได้เป็นหมอ “ผู้หญิงอังกฤษสามารถเรียนหมอได้แต่เป็นหมอไม่ได้” คู่สนทนาของมอร่าไม่เข้าใจว่าสมองมันมีอะไรน่าสนใจ มอร่าจึงบอกว่าสมองขับเคลื่อนความคิดและการกระทำ และมีความลับของจักรวาลอยู่ในนั้น จังหวะนั้นก็มีชายคนหนึ่งแต่งตัวคล้ายผู้โดยสารชั้นสาม เดินเข้ามาแล้วตะโกนหาคนเป็นหมอไปช่วยน้องสาวของเขาที่ตอนนี้อาการน่าเป็นห่วง แต่ไม่มีใครสนใจเขาเลยแม้แต่คนเดียว กระทั่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองนายลากตัวเขาออกไป มอร่าจึงรีบเดินตามออกไปอย่างร้อนใจ
มอร่าลงไปชั้นล่างของเรือซึ่งเป็นที่สำหรับผู้โดยสารชั้นสาม หญิงสาวท้องแก่ใกล้คลอดกำลังร้องด้วยความเจ็บปวดทรมาน ไม่นานนักมอร่าก็ช่วยหญิงสาวท้องแก่ให้หายเจ็บปวดได้ … เมื่อรักษาเสร็จก็มีเด็กสาวคนหนึ่งเอามือสัมผัสที่ท้องของมอร่า ถามว่าเธอมีลูกหรือไม่ ? มอร่าตอบกลับไปว่าเธอมีลูกไม่ได้
กัปตันเรือ (รับบทโดย อังเดรส์ พิตช์แมนน์) เห็นมอร่าเพิ่งขึ้นมาจากชั้นล่าง เขาจึงแจ้งกับเธอว่าบนเรือมีกฎห้ามผู้โดยสารชั้นหนึ่งลงไปด้านล่าง ระหว่างนั้นลูกเรือก็รีบวิ่งหน้าตาตื่นมาแจ้งข่าวกับกัปตันว่า ได้รับข้อความโทรเลขที่เชื่อได้ว่ามาจากเรือโพรมีเธียส !
กัปตันกลับมาที่ห้องควบคุม กางแผนที่ดูพิกัดต่าง ๆ แล้วออกคำสั่งให้หันหัวเรือกลับทันที จากนั้น กัปตันก็กลับมาที่ห้องนอนส่วนตัว เขาเปิดลิ้นชักหยิบจดหมายฉบับหนึ่งขึ้นมาดู ด้านหลังซองมีข้อความเขียนเหมือนกับจดหมายพี่ชายของมอร่า ข้อความนั้นคือ “สิ่งที่หายสาบสูญจะถูกค้นพบ”
เรือโพรมีเธียส
ที่ห้องอาหาร … กัปตันมายืนต่อหน้าผู้โดยสารชั้นหนึ่งจำนวนหลายร้อยคนที่รอฟังคำชี้แจง “หกชั่วโมงก่อนเราได้รับข้อความที่เชื่อได้ว่ามาจากเรือโพรมีเธียส ซึ่งพิกัดอยู่ห่างออกไปเจ็ดชั่วโมง”
เรือโพรธีมัสมีผู้โดยสาร 1,423 คน ที่หายไปนานกว่าสี่เดือน ทำให้มีคนจำนวนมากที่ไม่เชื่อว่าข้อความที่กัปตันอ้างจะมาจากเรือโพรมีเธียส พวกเขาไม่เชื่อว่าจะมีคนรอดอยู่กลางทะเลได้นานถึงสี่เดือน
ในคืนนั้น ต้นเรือแจ้งว่าพบเรือโพรมีเธียสไร้แสงไฟลอยอยู่ไม่ห่าง กัปตันตัดสินใจนั่งเรือเล็กไปสำรวจ โดยมีลูกเรือไปด้วยไม่กี่คน หนึ่งในนั้นก็คือมอร่า ทั้งหมดขึ้นมาบนเรือโพรมีเธียส สิ่งที่เห็นไม่ต่างไปจากเรือร้าง สภาพภายในเละเทะสุดจะบรรยายว่าสิ่งใดทำให้เป็นสภาพนี้ได้ และเมื่อไปถึงห้องควบคุมก็พบเครื่องส่งโทรเลขอยู่ในสภาพพังยับเยิน คำถามที่เกิดขึ้นทันทีก็คือ “ใครเป็นคนส่งข้อความพวกนั้น ?”
ทั้งหมดเดินสำรวจไปเรื่อย ๆ กระทั่งไปเจอผู้รอดชีวิตเป็นเด็กชายที่ซ่อนอยู่ภายในตู้ เด็กชายไม่มีท่าทีตกใจหรือตื่นกลัวแต่อย่างใด เด็กชายที่ไม่ปริปากพูดออกมาแม้สักคำ เขาค่อย ๆ เอื้อมมือไปหยิบวัตถุทรงสามเหลี่ยมพีระมิดสีดำในกระเป๋าแล้วยื่นให้มอร่า
EP.2 The Boy เด็กชาย
ต้นเรือแจ้งกัปตันว่า เข็มทิศทั้งหมดบนเรือทำงานผิดปกติ และมันเกิดขึ้นนับตั้งแต่พา “เด็กชาย” คนนั้นขึ้นเรือ !?
เด็กชายเพียงคนเดียวที่รอดชีวิตเป็นที่กล่าวขานกันในหมู่คนงานบนเรือ พวกเขาลือกันว่าเด็กชายคนอาจเป็นหมาป่า หรือเป็นสิ่งที่น่ากลัวและอันตรายที่ฆ่าคนนับพันบนเรือโพมีเธียสได้ด้วยตัวคนเดียว
มอร่าพาเด็กชายมาพักที่ห้องของเธอ เมื่อเด็กน้อยตื่นเธอจึงพยายามถามเรื่องวัตถุทรงสามเหลี่ยมพีระมิดสีดำว่ามันคืออะไร ? เด็กน้อยเงียบเช่นเคย … มอร่าเล่าเรื่องราวพี่ชายของเธอให้เด็กชายฟัง เมื่อสี่เดือนก่อนพี่ชายเธอขึ้นเรือโพรมีเธียส ระหว่างนั้นเขาก็ส่งจดหมายมาหาเธอ จดหมายที่มีสัญลักษณ์รูปสามเหลี่ยมทรงพีระมิดแบบเดียวกัน เธอต้องการรู้ว่ามันหมายถึงอะไร ? เด็กชายยังคงนิ่งเงียบเช่นเดิม
เรือและครอบครัวที่จากไป
ตัดภาพมาที่กัปตัน ตอนนี้เขาเห็นภาพหลอนภรรยาและลูกสาวทั้งสามที่จากไป ภรรยาที่จุดไฟเผาตัวเองเพื่อฆ่าตัวตายไปพร้อมกับลูกสาวทั้งสามคน ไม่ว่าใครก็ไม่อาจทำใจให้ลืมได้ กัปตันหลงเข้าไปอยู่กับภาพหลอนชั่วระยะเวลาหนึ่ง เขาก็พบว่าภาพที่เห็นไม่ใช่ความจริง
กัปตันพยายามตั้งสติอีกครั้ง ก่อนจะเปิดอ่านข้อความคำสั่งจากบริษัทให้จมเรือโพรมีเธียสที่มีน้ำหนัก 54,000 ตันลงมหาสมุทร กัปตันเชื่อว่าคำสั่งนี้ผิดปกติ บริษัทต้องการปกปิดสิ่งผิดปกติบางอย่างบนเรือโพรมีเธียส จากนั้น กัปตันก็เรียกผู้โดยสารชั้นหนึ่งให้มารวมตัวกันที่ห้องอาหาร ก่อนที่เขาจะประกาศออกไปว่า …
“ผมตัดสินใจหันเรือกลับ และจะลากเรือโพรมีเธียสกลับยุโรป …” เสียงผู้โดยสารร้องดังอื้อดังกับคำประกาศของกัปตัน “… เรือเคอร์เบอรอสมีถ่านหินไม่พอที่จะลากเรือโพรมีเธียสไปถึงนนิวยอร์ก เราจึงต้องกลับยุโรปเพราะระยะทางสั้นกว่า” ดูเหมือนจะไม่มีใครใน 1,612 คนบนเรือเห็นด้วยกับการตัดสินใจครั้งนี้นอกจากตัวกัปตันเอง แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยืนยันสิ่งที่ได้ตัดสินใจไปแล้ว
มอร่าเดินไปคุยกับกัปตันเป็นการส่วนตัวบนดาดฟ้า กัปตันยื่นจดหมายฉบับนั้นให้มอร่า จดหมายที่มีข่าวตัดจากหนังสือพิมพ์เซาแธมป์ตันโพสต์ เนื้อข่าวเรือโพรมีเธียสหายสาบสูญ แบบเดียวกับที่มอร่าได้รับจากพี่ชาย “ผมได้รับจดหมายฉบับนี้โดยมีรูปครอบครัวผมแนบมาด้วย ผมต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบนเรือลำนั้น” กัปตันเชื่อว่าเรือโพรมีเธียสเกี่ยวข้องกับครอบครัวของเขา … สุดท้าย มอร่าก็ไม่สามารถโน้มน้าวให้กัปตันเปลี่ยนใจได้
EP.3 The Fog ม่านหมอก
ลูกเรือพบสาวน้อยเอด้านอนกลายเป็นศพอยู่กับพื้นอย่างเป็นปริศนา กัปตันจึงเรียกให้หมอบนเรือมาดูอาการ เบื้องต้นไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายหรือความผิดปกติอะไรเลย หมอคนนั้นจึงลงความเห็นว่าเป็นเรื่องทฤษฎีวิวัฒนาการของดาร์วิน ที่ผู้อ่อนแอจะถูกกำจัดทิ้ง จากนั้นหมอก็ขอตัวไปกินอาหารเช้าต่อ มอร่าที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ถึงกับส่ายหัว เพราะเธอเพิ่งเจอกับสาวน้อยเอด้าเมื่อวันก่อน และก็ยังดูแข็งแรงเป็นปกติดี
ช่วงเช้าของวันเดียวกัน เรือเคอร์เบอรอสที่กำลังลากเรือโพรมีเธียสกลับยุโรปก็ต้องเจอกับม่านหมอกหนา ทำให้ลูกเรือมองไม่เห็นอะไรเลย ม่านหมอกที่เหมือนจงใจไม่ให้พวกเขาไปต่อ อีกทั้งเข็มทิศก็ไม่สามารถหาเส้นทางได้ กัปตันจึงสั่งให้หยุดรอให้หมอกจางไปเอง … ลูกเรือต่างมองตากัน พวกเขาคิดตรงกันว่ากัปตันของพวกเขาตัดสินผิดตั้งแต่ต้น บางคนถึงกับพูดขึ้นมาว่ากัปตันเสียสติไปเสียแล้ว บางคนก็พูดลับหลังว่ากัปตันเป็นแค่ “ไอ้ขี้เมา”
สำรวจโพรมีเธียส
ที่ห้องส่วนตัวของกัปตัน … กัปตันได้ยื่นริบบิ้นที่เขาเก็บได้บนเรือโพรมีเธียสให้มอร่า มันเป็นของลูกสาวเขาที่ตายไปแล้ว หนึ่งในลูกสาวทั้งสามและภรรยาของเขาที่โดนไฟคลอกตายไปเมื่อเกือบสองปีที่แล้ว เขามองหน้ามอร่าและถามคำถามแปลกออกไป “เราเห็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงแล้วเชื่อว่ามันมีจริงได้ไหม ?”
มอร่าตอบกลับไปแทบจะทันที คำตอบที่ออกจากปากมอร่าเป็นคำตอบที่เธอได้ร่ำเรียนมาจากตำรา “สมองของเราเชื่อถือไม่ได้เสมอไป มันล้วนเป็นผลมาจากกระแสไฟฟ้าในประสาท และบางครั้งมันก็ตีความผิด นี่แหละที่ทำให้คนเรากลายเป็นบ้า” มอร่ายื่นริบบิ้นคืนกลับไปให้กัปตัน กัปตันที่น้ำตาเอ่อเบ้า กัปตันที่เสียครอบครัวไปในโศกนาฏกรรมที่เขาไม่มีวันลืม
เมื่อกัปตันคว้าริบบิ้นใส่เข้ากระเป๋า เขาก็รีบตรงปรี่ไปอีกมุมหนึ่งของห้องแล้วชี้ให้มอร่าดูว่า ตรงนี้มีประตูลับที่อยู่ดี ๆ มันก็มีขึ้นมา “ผมรู้ทุกซอกทุกมุมของเรือลำนี้ มันไม่เคยมีประตูนี้มาก่อน แล้วทำไมริบบิ้นของลูกผมถึงไปอยู่บนเรือนั่น ? ผมจะกลับขึ้นไปหาหลักฐานบนเรือโพรมีเธียส เราจะได้รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” ตอนแรกมอร่าทำเป็นไม่สนใจ แต่เมื่อสายตาของเธอเหลือบไปเห็นสัญลักษณ์รูปสามเหลี่ยมพีระมิด เธอก็สนใจขึ้นมาทันที และขอไปกับเขาด้วย
กัปตันกับมอร่าลงเรือเล็กไปยังเรือโพรมีเธียสสองคน เมื่อไปถึงกัปตันได้เล่าว่า ไม่กี่เดือนก่อน มีเรือเยอรมันสามลำถูกขายให้กับนักลงทุนชาวอังกฤษชื่อ “เฮนรี่ ซิงเกิลตัน” เรือถูกนำขึ้นบกมาซ่อมอยู่สามเดือน เปลี่ยนระบบการสื่อสารรุ่นใหม่และปรับปรุงทุกอย่าง “สัญลักษณ์รูปสามเหลี่ยมนี้เป็นสัญลักษณ์ของบริษัทเดินเรือ”
กัปตันพามอร่าเดินสำรวจต่อไปจนไปเจออุปกรณ์บางอย่างที่กัปตันเรียกว่าเครื่องวัดแรงดันไอน้ำ แต่กัปตันพบว่ามันไม่ได้มีไว้วัดแรงดันไอน้ำ มอร่าสันนิษฐานว่ามันอาจเอาไว้ใช้เผาศพมนุษย์ที่อุณหภูมิ 900 องศาเซลเซียสก็เป็นได้ เธอจึงเปิดเตาเพื่อหาเศษกระดูกและฟันในนั้น แต่ก็ไม่พบอะไร
ส่วนกัปตันเจอรายชื่อผู้โดยสารบนเรือโพรมีเธียส เมื่อเขาดูก็พบชื่อ “มอร่า” เป็นหนึ่งในผู้โดยสาร !!?
ยึดอำนาจควบคุมเรือ
ระหว่างนั้น มีศพคนนอนตายอยู่บนเรือเพิ่มขึ้นนับสิบศพ ทุกศพเหมือนกันคือไม่มีเลือดหรือร่องรอยการถูกทำร้าย แบบเดียวกับหนูน้อยเอด้า หนึ่งในลูกเรือเห็นว่าถ้าปล่อยไปแบบนี้ทุกคนบนเรือจะตายกันหมด และเชื่อว่ามีบางสิ่งที่อันตรายอยู่บนเรือโพรมีเธียส บริษัทจึงมีคำสั่งให้จมเรือ เขาไม่เชื่อในตัวกัปตันอีกต่อไป
อย่างที่บอก บนเรือลำนี้มีคนทั้งหมด 1,612 คน แต่มี 1,611 คนที่ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของกัปตัน การปลุกระดมให้ยึดอำนาจจากกัปตันจึงไม่ใช่เรื่องยาก พวกผู้โดยสารชั้นสามเอาด้วย แต่ละคนคว้าเอาสิ่งที่พอจะใช้เป็นอาวุธได้ติดมือ รวมถึงปืนหลายกระบอกแล้วมุ่งหน้าไปที่ห้องกัปตัน
EP.4 The Fight การต่อสู้
ลูกเรือบางส่วนและผู้โดยสารชั้นสามกลุ่มหนึ่งร่วมมือกันยึดอำนาจจากกัปตันได้ไม่ยากเย็นนัก แต่ทว่า พวกเขากลับต้องพบบางสิ่งที่แปลกประหลาด เรือโพรมีเธียสที่กำลังลากอยู่เกิดหายไป และตำแหน่งปัจจุบันของเรือเคอร์เบอรอสกลับเป็นตำแหน่งเมื่อสามวันก่อน !!?
ในขณะที่บนดาดฟ้าเรือ มีศพนับสิบยี่สิบถูกนำมากองทับกันไปมา พวกนั้นสั่งให้คนงานโยนศพเหล่านั้นทิ้งออกไปนอกเรือ … คนงานคุยกันว่าบางทีคนบนเรือโพรมีเธียสอาจจะตายแบบนี้ก็เป็นได้
พวกผู้โดยสารชั้นสามโดนหญิงวัยกลางคนปั่นหัว เธอพูดให้ทุกคนเชื่อว่าเด็กชายที่รอดชีวิตจากเรือโพรมีเธียส เป็นซาตานที่ปลอมตัวมา จากนั้นก็ตะโกนสั่งให้ทุกคนค้นหาเด็กชายคนนั้นให้เจอ
อำนาจเมื่ออยู่ในมือของคนที่ไม่สมควร ก็ไม่ต่างอะไรกับส่งปืนพร้อมลูกกระสุนในรังเพลิงให้เด็กน้อย ตอนนี้ผู้โดยสารชั้นสามอาวุธครบมือกำลังตามล่าเด็กชายคนนั้น พวกเขาไล่หาทุกซอกทุกมุมในทุกห้อง เด็กชายที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นซาตาน เด็กชายที่เขาเชื่อว่าเป็นต้นเหตุความหายนะของเรือโพรมีเธียส พวกเขาเชื่อว่าต้องหาเด็กชายให้เจอก่อนที่ทุกคนบนเรือลำนี้จะตายกันหมด พวกเขาเชื่อแบบนั้นจริง ๆ
แมลงตัวนั้น
ระหว่างนั้น เด็กชายที่หลบอยู่ในห้องของมอร่าก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเอาแมลงตัวหนึ่งออกมา แมลงหน้าตาประหลาด ๆ ขนาดครึ่งหนึ่งของแมลงสาบ มอร่ามองดูด้วยความสงสัย แมลงตัวนั้นรอดออกไปทางช่องประตูแล้วไปปลดล็อกลูกบิดด้านนอก เด็กชายจูงมือมอร่าให้เดินตามแมลงตัวนั้นไป
อีกด้านหนึ่ง จากที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่ามีคนบนเรือ 1,611 คนไม่เห็นด้วยกับกัปตัน ผิด … ไม่ใช่ทั้งหมดจะไม่เห็นด้วยกับกัปตัน แม้จะเป็นคนจำนวนน้อยแต่คนพวกนี้ก็อยู่ฝ่ายเดียวกับกัปตัน พวกเขาร่วมมือกันช่วยกัปตันออกมา กัปตันเตรียมจะพายเรือชูชีพหนีไปที่เรือโพรมีเธียส จังหวะนั้นก็เป็นจังหวะเดียวกับที่แมลงนำทางเด็กชายกับมอร่ามาพบกับกัปตัน
แต่พวกผู้โดยสารชั้นสามที่กำลังตามล่าตัวเด็กชายก็ตามมาจนเจอเช่นกัน “เราต้องการตัวเด็กนั่น แค่นั้น” มอร่าทำท่าจะเอาตัวเข้าขวาง แต่ยังไม่ทันที่เธอจะทำอะไร เด็กชายก็เดินไปหาคนพวกนั้นอย่างเต็มใจ … ชายผิวดำชื่อเจอโรมเห็นเหตุการณ์พยายามจะเข้าไปดึงตัวเด็กชาย ทำให้เขาถูกกระสุนปืนลูกซองยิงเข้าใส่เต็มหน้าอก เจอโรมลงไปนอนกองอยู่กับพื้น
ตะลุมบอน
พวกนั้นพาเด็กชายขึ้นมาบนดาดฟ้า ผู้โดยสารชั้นสามจำนวนนับร้อยอาวุธครบมือยืนออกันแน่น โดยมีหญิงวัยกลางคนพูดปลุกใจเรื่องซาตานให้เชื่อมโยงกับเด็กชาย “มันจะเอาวิญญาณของเราไปเหมือนกับที่ทำกับเรืออีกลำ มันจะทำลายเราไม่ได้ โยนเด็กออกไปจากเรือ !!!”
หญิงวัยกลางคนบอกให้ทุกคนโยนเด็กชายออกไปจากเรือ ทุกคนร้องเฮพร้อมกับซูมือขึ้นด้วยความสะใจ ทันใดนั้น มอร่าก็โผล่ขึ้นมาพร้อมกับตะโกนลั่นว่า “เด็กคนนั้นไม่ใช่สาเหตุที่พวกเราต้องตาย” เท่านั้นแหละ เสียงปืนก็ดังขึ้นสองนัด แล้วทุกคนที่อยู่บนนั้นก็ตะลุมบอนกันไม่รู้ใครเป็นใคร
หญิงวัยกลางคนรีบวิ่งมาที่เด็กชาย เด็กชายที่ยืนนิ่งแต่สายตามองไปที่มอร่า สายตาของเด็กชายไม่แสดงอาการสะทกสะท้านใด ๆ แม้แต่นิดเดียว แล้วหญิงวัยกลางคนก็จับเด็กชายโดนลงมหาสมุทรไป เด็กชายคนนั้นไม่แม้แต่จะขัดขืน
ผู้คนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมากจากการต่อสู้ตะลุมบอน แต่ชายผิวดำเจอโรมกลับรอดชีวิตจากกระสุนปืนลูกซองมาได้ รอดมาได้อย่างเหลือเชื่อ
ไม่เพียงเท่านั้น มอร่าที่กำลังสับสนกับเรื่องที่เกิดขึ้น เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเด็กชายคนนั้นไม่แม้แต่จะขัดขืน ทันใดนั้นเองแสงสว่างวูบหนึ่งก็วาบขึ้นมาภายในตู้เก็บของ แล้วเด็กชายที่ในมือถือวัตถุทรงสามเหลี่ยมพีระมิดสีดำก็เปิดตู้แล้วเดินออกมากอดเอวมอร่า ที่กำลังยืนนิ่งอยู่ด้วยความมึนงง !?
EP.5 The Calling เสียงเพรียก
เด็กชายถูกจับขังในตู้ มอร่าพยายามบอกให้กัปตันปล่อยตัวเด็กออกมาแต่กัปตันปฏิเสธ “เด็กนั่นถูกจับโยนออกนอกเรือไปแล้ว” กัปตันและคนอื่น ๆ เชื่อว่าเด็กชายที่ออกมาจากตู้ไม่ใช่คน แต่เป็นปีศาจร้าย จากนั้น เขาก็จี้ถามมอร่าว่าเธอไปอยู่ในรายชื่อผู้โดยสารเรือโพรมีเธียสได้อย่างไร ?
ยังไม่ทันที่มอร่าจะได้ตอบอะไร ลูกเรือและผู้โดยสารชั้นสามที่ต้องการฆ่าเด็กชายคนนั้น เพราะคิดว่าเขาเป็นซาตานก็มารวมตัวกัน แต่ยังไม่ทันที่จะมีใครได้พูดอะไร ชายคนหนึ่งก็ลั่นกระสุนปืนลูกซองใส่เข้าไปในตู้ที่เด็กชายถูกขังอยู่ ทันใดนั้น สิ่งเหลือเชื่อเหนือธรรมชาติก็เกิดขึ้น ทุกสิ่งหยุด ลูกกระสุนที่กำลังแหวกอากาศหยุดนิ่ง กัปตันและคนอื่น ๆ นับสิบนับร้อยหยุดนิ่ง มีเพียงมอร่ากับเด็กชายที่สามารถเคลื่อนไหวได้ มอร่าจึงรีบพาเด็กชายออกมาจากตู้และถามด้วยความตกใจว่า “หนูเป็นคนทำใช่มั้ย หนูใช้ไอ้นั่น (วัตถุสามเหลี่ยมพีระมิดสีดำ) ทำใช่มั้ย ?” เด็กชายไม่ปริปาก เขาดึงมือมอร่าให้รีบหนีตามเขาไป
จนเมื่อเด็กชายและมอร่าหนีไปได้แล้ว กัปตันและคนอื่น ๆ ก็รู้ตัวพร้อมกับมึนงงที่เด็กชายกับมอร่าหายตัวไป
เสียงสัญญาณ
เสียงสัญญาณเตือนภัยดังขึ้น จากนั้นก็เป็นเสียงติ๊ก ๆ ที่ดังจากด้านนอก ไม่มีใครรู้ว่ามันคือเสียงอะไร แต่เสียงนั้นมันทำให้ผู้โดยสารบนเรือแทบจะทั้งหมดเดินไปบนดาดฟ้าด้วยท่าทางเหมือนโดนสะกดจิต พวกเขาขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือแล้วกระโดดลงน้ำฆ่าตัวตาย คนนับร้อยนับพันกระโดดออกจากเรือเพื่อฆ่าตัวตาย ไม่มีอะไรหยุดพวกเขาได้ พวกเขาโดนสะกดจิตให้ไปตาย !
เด็กชายพามอร่ามาที่ห้อง ใต้เตียงมีประตูลับซ่อนอยู่ มอร่าพยายามถามว่าเกิดอะไรขึ้น ? เด็กชายไม่ตอบ เขาหยิบดินสอเขียนลงบนกระดาษ …
“พวกเขาแอบฟังอยู่ ผมตอบไม่ได้ ต้องถามผู้สร้างเอาเอง”
เด็กชายยื่นมือไปให้มอร่าแล้วพูดว่าไม่ต้องกลัว มอร่าเดินไปเรื่อย ๆ จนมาโผล่ที่ช่องลับ ช่องที่เป็นเหมือนประตูมิติพามอร่ามายังสถานที่หนึ่ง สถานที่ที่มีไม้กางเขนปักอยู่บนโขดหินเหมือนสถานที่ที่เธอฝันเห็น เมื่อโผล่มามอร่าก็วิ่งหายไป
ไม่นานนัก ชายลึกลับ (รับบทโดย แอนูริ บาร์นาร์ด) ที่อยู่ข้างห้องมอร่าบนเรือก็เข้าประตูมิตินั้นตามมาจนเจอกับเด็กชายที่ยืนอยู่ตรงไม้กางเขน เด็กชายพูดกับชายลึกลับคนนั้นว่า “เราไม่เคยมาไกลเท่านี้มาก่อน รอบนี้อาจสำเร็จก็ได้ … เธอจำไม่ได้”
จากนั้นชายลึกลับก็บอกกับเด็กชายว่า “เราต้องหยุดเรื่องนี้ก่อนพวกเขาจะจมเรือ”
มอร่าเดินมาเจอสถานที่แห่งหนึ่ง เธอได้เจอกับพ่อที่นั่น สิ่งแรกที่เธอถามหาคือพี่ชายของเธอ พ่อไม่ตอบ แล้วก็มีคนสองคนจับเธอลากเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ ก่อนที่พ่อของเธอจะฉีดยาบางอย่างเข้าไปในตัวเธอ แล้วภาพก็ตัดไป
ความจริงเกี่ยวกับเรือของพ่อ
มอร่ากลับมาตื่นบนเตียงนอนภายในห้องบนเรือเคอร์เบอรอสอีกครั้ง คนแรกที่เจอคือกัปตัน เธอตัดสินใจเล่าความจริงทุกอย่างให้เขาฟังทันที …
จริง ๆ แล้วเธอชื่อ มอร่า ซิงเกิลตัน และ เฮนรี่ ซิงเกิลตัน ก็คือพ่อของเธอ (ซิงเกิลตันเป็นบริษัทที่ซื้อเรือไป) เธอคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการทดลองอะไรบางอย่างของพ่อ “พ่อฉันอุทิศทั้งชีวิตเพื่อศึกษาพฤติกรรมมนุษย์ เขาหมกมุ่นอยากเข้าใจการทำงานของสมองมนุษย์ เขาไม่เคยอยากธุรกิจเดินเรือ ฉันคิดว่าเขาซื้อเรือเพราะต้องการศึกษาสมองของผู้โดยสารบนเรือ”
มอร่ายื่นซองจดหมายแบบเดียวกับที่กัปตันได้รับ มันจ่าหน้าถึง “เฮนรี่” ซึ่งย่อมาจาก “เฮนเรียต” ชื่อกลางของมอร่า เธอบอกกัปตันว่าพี่ชอบเรียกเธอแบบนั้น … เมื่อสี่เดือนก่อน พี่ชายนัดเจอเธอที่ท่าเรือเซาแธมป์ตัน เมื่อถึงเวลานัดพี่ก็ไม่มา ซึ่งเธอรู้มาว่าเรือโพรมีเธียสได้ออกจากท่าก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน
กัปตันสงสัย “พ่อคุณทำให้คนกระโดดน้ำตายอย่างนั้นเหรอ ?”
มอร่าตอบกลับทันทีว่า เธอไม่คิดว่าไม่ได้ตายจริง “เรื่องทั้งหมดนี้มันจะจริงได้ยังไง …” มอร่าบอกว่าเธอเคยรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้มันคืออะไร แต่พ่อทำให้เธอลืม “ฉันจำได้ว่าฉันเคยเป็นหมอ (หมอหญิงคนแรกของอังกฤษ) อยู่ที่โรงพยาบาลจิตเวช แต่เขาทำให้ฉันคิดว่าตัวเองเป็นคนไข้” ส่วนชื่อเธอที่อยู่ในรายชื่อผู้โดยสารบนเรือโพรมีเธียส เธอจำไม่ได้ว่าเคยขึ้นเรือลำนั้น
เมื่อมอร่าพูดถึงรายชื่อบนเรือโพรมีเธียส กัปตันหยิงกระดาษรายชื่อนั้นออกมาให้เธอดู มือของกัปตันสั่นเทาด้วยความกลัว เขาชี้ให้เธอดูที่ลายเซ็น มันเป็นลายเซ็นของเขา กัปตันเรือโพรมีเธียสคือตัวเขาเอง !!?
เสียงสัญญาณติ๊ก ๆ หยุดลงแล้ว กัปตันชวนมอร่าขึ้นไปบนดาดฟ้า คนอื่น ๆ ที่ยังรอดชีวิตก็เดินตามขึ้นมา ทั้งหมดที่ยังมีชีวิตอยู่บนเรือมีไม่ถึงยี่สิบคนจากทั้งหมด 1,612 คน !
EP.6 The Pyramid พีระมิด
มอร่ามุดกลับไปห้องใต้เตียงที่มีประตูลับอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เธอพากัปตันมาด้วย ทั้งสองมุดผ่านช่องไปยังอีกมิติหนึ่ง ที่เดิมที่มอร่าเคยมาครั้งก่อน ที่ที่มีไม้กางเขนปักอยู่ที่โขดหิน เธอชี้ให้เขาเห็นอาคารของพ่อที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าออกไปไม่ไกลมากนัก มันคือโรงพยาบาลจิตเวช ทั้งสองจึงพากันเดินไปที่นั่น
เมื่อมาถึงด้านใน มอร่าเล่าว่า “พ่อฉันสร้างที่นี่ให้แม่ หลังจากคลอดพวกเราสองพี่น้องออกมา แม่ก็เริ่มมีอาการหลงลืมจนลืมทุกอย่างไปจนหมด พ่อจึงสร้างที่นี่ขึ้นมาเพื่อศึกษาอาการหลงลืมของมนุษย์ พ่อต้องการรักษาโรคสมองเสื่อมของแม่”
ไม่มีอะไรจริงเลยแม้แต่นิดเดียว
กัปตันและมอร่าเดินสำรวจทั่วโรงพยาบาล แต่ก็พบว่าทุกอย่างมันผิดปกติไปหมด จุดที่เธอจำได้ว่าเคยเป็นประตูก็กลายเป็นกำแพง จุดที่เคยเป็นห้องทำงานของพ่อตอนนี้ก็หายไป ทันใดนั้น ชายลึกลับก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับเตือนให้เธออย่าเข้าใกล้วัตถุแปลกประหลาดสีดำที่อยู่เบื้องหน้า แต่มอร่าไม่ไว้ใจเขา เธอเชื่อว่าชายลึกลับผู้นี้ทำงานให้กับพ่อเธอ กัปตันจึงคว้าปืนขึ้นเล็งไปที่ชายลึกลับผู้นั้น แต่ …
แต่ก่อนที่กัปตันจะลั่นไกออกไป ชายลึกลับก็กดปุ่มบนอุปกรณ์หน้าตาแปลกประหลาดคล้ายเครื่องควบคุม เมื่อกดลงไป กัปตันก็หายเข้าไปอยู่อีกมิติหนึ่งทันที จากนั้นชายลึกลับพยายามพูดกับมอร่าให้เธอจำเขาให้ได้ ก่อนที่เขาจะบอกว่าเขาชื่อแดเนียล และเขากับเธอแต่งงานกันเมื่อ 12 ปีที่แล้ว
มอร่าไม่เชื่อ มอร่าถือปืนเล็งไปที่แดเนียลแล้วบังคับให้เขาเข้าไปอยู่ในห้องข้างหน้า แล้วเธอก็ล็อกให้เขาอยู่ข้างในนั้น สายตาของแดเนียลเหมือนสิ้นหวัง คำสุดท้ายที่เขาพูดกับเธอก็คือ “ผมรักคุณ ขอร้องล่ะตื่นซะทีเถอะ” มอร่าหยิบเครื่องควบคุมหน้าตาประหลาดนั้นเก็บใส่กระเป๋าแล้วรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไปจากที่นั่นทันที
มอร่าออกมาอยู่ด้านนอก เธอตะโกนร้องหาพ่อ “หนูรู้นะว่าพ่อดูหนูอยู่” มอร่าปาปืนในมือไปข้างหน้าด้วยความโกรธ ปรากฏว่าปืนนั้นไปกระแทกวัตถุบางอย่างเบื้องหน้าจนแตกออก มันคือกระจก ภาพกว้างใหญ่ไพศาลที่เห็นเป็นเพียงกระจกสะท้อน ?
EP.7 The Storm พายุ
ผู้โดยสารที่รอดชีวิตมีสิ่งที่เหมือนกันอยู่ พวกเขาจะหลับไปและฝันถึงเหตุการณ์ร้ายสะเทือนขวัญในอดีต อย่างหญิงสาวชาวจีนที่ชื่อเหล่งยี่ เธอวางยาคนจนตายเพราะต้องการขโมยตั๋วเรือเพื่อหนีชีวิตเฮงซวยไปอเมริกา บางคนก็โดนเพื่อนหักหลัง บางคนก็ฆ่าคนตายเพราะตัวเองโดนทารุณกรรม หรืออย่างกัปตันก็เห็นครอบครัวที่จากไปแล้ว ครอบครัวที่แม่จุดไฟเผาตัวเองตายไปพร้อมกับลูกสาวสามคน แดเนียลกับมอร่าก็เช่นกัน ทุกคนมีอดีตอันสะเทือนขวัญ และพวกเขาจะตื่นเมื่อได้ยินเสียงเรียก “Wake up” ตื่นขึ้น !
พ่อแม่ลูก
มอร่ากลับมาที่เรือเคอร์เบอรอสอีกครั้ง เรือที่ตอนนี้กำลังโดนพายุซัดกระหน่ำ พายุที่มาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย พายุที่สูงเท่าภูเขาพัดมาทุกทิศทุกทาง ผู้โดยสารหญิงสาวคนหนึ่งถึงกับบอกว่าเรือลำนี้ต้องจมลงไปสู่ก้นมหาสมุทรถ้าไม่มีกัปตันมาบังคับเรือ ใช่ พวกเขาเป็นแค่ผู้โดยสาร ไม่มีใครบังคับเรือเป็นแม้แต่คนเดียว … ทุกคนรีบออกไปตามกัปตัน มอร่าเองก็เช่นกัน
ระหว่างนั้น บนเรือก็ปรากฏแท่งสีดำค่อย ๆ โผล่ออกมา มันเป็นแท่งสีดำรูปร่างแปลกประหลาด แท่งเดียวกับที่แดเนียลตะโกนอย่าให้มอร่าเข้าใกล้ แต่ไม่ว่ามันคืออะไรมันต้องเป็นสิ่งที่ไม่ดีแน่
มอร่าเข้าไปในห้องของแดเนียลค้นหาข้าวของต่าง ๆ ด้วยความสงสัย จนไปเจอรูปถ่ายครอบครัว รูปถ่ายของเธอ แดเนียล และเด็กขาย … มอร่ายืนถือรูปนี้แล้วมองด้วยสีหน้าตกตะลึง !
ส่วนแดเนียลก็หาทางออกจากห้องที่โดนขังได้ โดยผ่านทางประตูมิติ เขาออกมายังสถานที่หนึ่ง แล้วลงไปในบ่อน้ำ แล้วก็มุดเข้าประตูมิติหนึ่งไปสู่อีกมิติหนึ่ง จนเขาได้ไปเจอกับเด็กชายที่หลบซ่อนอยู่ในสถานที่หนึ่ง เด็กชายเรียกแดเนียลว่า “พ่อ” แดเนียลเข้าไปสวมกอดเด็กชายแล้วพูดว่า …
“แม่ยังจำไม่ได้ แต่เราต้องช่วยแม่ออกมา แม่จะได้หลุดออกมาจากลูปนี้ซะที”
แล้วเด็กชายก็ยื่นแหวนวงหนึ่งให้กับแดเนียลผู้เป็นพ่อ “ครั้งนี้แม่จะต้องตื่น”
เพียงแค่เงาบนกำแพง
ณ จุดนี้ จู่ ๆ ภาพก็ตัดมาให้แดเนียลกับมอร่าอยู่ด้วยกัน ทั้งสองนั่งอยู่บนม้านั่ง เขาพูด “เราไม่มีทางรู้ว่าสิ่งที่สมองสร้างขึ้นมาเกิดจากความจริงหรือถูกสร้างขึ้น แต่ที่นี่ไม่มีจริง มันคือโลกจำลอง …” จากนั้นแดเนียลก็อ้างถึง อุปมานิทัศน์เรื่องถ้ำของเพลโต ที่คนกำลังมองดูเงาบนกำแพงแล้วคิดไปเองว่ามันคือโลกความจริง เพียงแค่หันหลังกลับไปก็จะรู้ว่าเงาเกิดจากอะไร แล้วตอนนั้นก็จะรู้ว่าความจริงคืออะไร “… ถ้าคุณไม่ตื่น จิตใต้สำนึกของคุณจะติดอยู่ในนี้ตลอดไป”
แดเนียลพามอร่ากลับขึ้นมาบนเรือเคอร์เบอรอสอีกครั้ง เขาบอกเธอว่าโลกจำลองนี้กำลังจะถูกปิด มันจะรีเซตระบบแล้วทุกอย่างจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง เธอมีรหัสที่จะใช้ยกเลิกมันได้และเป็นทางเดียวที่จะออกไปจากนี้ “คุณต้องจำให้ได้ว่าซ่อนรหัสผ่านนั่นไว้ที่ไหน” … มอร่านึกขึ้นได้ว่ามีกุญแจดอกเล็กอยู่ในล็อกเกตที่ห้อยคอเธอมาตลอด
แล้วแดเนียลก็ลากมอร่าไปยังห้องหนึ่ง เขาล้วงไปหยิบอุปกรณ์คล้ายแท็บเล็ตไซซ์ใกล้เคียงไอแพดมินิออกมาจากที่ซ่อน เมื่อเปิดเครื่องขึ้นมา หน้าจอจะแสดงผลคล้ายเทอร์มินอล จากนั้นเขาก็ทำการใส่โค้ดอะไรบางอย่างเข้าไป
มอร่าท่าทางมึนงงกับสิ่งที่เห็นเป็นอย่างมาก แดเนียลพยายามอธิบายทั้งที่รู้ว่ามอร่าไม่เข้าใจ คือ ทุกอย่างในโลกจำลองนี้เกิดจากการเขียนโปรแกรม มันจะรีเซตระบบทุกแปดวัน สิ่งที่เขาทำก็คือทำให้ตัวเขา มอร่า และเด็กชาย ติดอยู่กับโลกจำลองเดิม เพื่อที่ว่าจะได้หาทางออกได้
อีกไม่กี่นาทีระบบจะถูกรีเซต ทุกคนจะตายเพื่อไปเริ่มต้นกับการทดลองครั้งใหม่ ตอนนั้นเองที่พ่อของมอร่าใช้อุปกรณ์บางอย่างพูดกับเธอและแดเนียล “มอร่า แกมีของที่ฉันต้องการ กุญแจ เอามันมาแล้วฉันจะปล่อยลูกของแกไป”
EP.8 The Key กุญแจ
อยู่ดี ๆ พายุก็สงบลง บนท้องมหาสมุทรมีเรือจอดอยู่เต็มไปหมด กัปตัน มอร่า และผู้โดยสารที่เหลืออยู่ไม่กี่คนก็มารวมกลุ่มกัน มอร่าได้เล่าความจริงที่ไม่มีใครเข้าใจเกี่ยวกับโลกจำลองที่ทุกคนกำลังอยู่ตอนนี้ ว่าที่จริงแม้แต่ตัวมอร่าเองก็ไม่เข้าใจสิ่งที่เธอพูดเช่นกัน
จากนั้น มอร่าและกัปตันก็ไปค้นหาทางไปห้องทำงานของพ่อที่เธอเชื่อว่าซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่งบนเรือ แล้วทั้งสองก็โผล่เข้ามาในพีระมิดขนาดใหญ่ สุดท้ายแล้วมอร่าก็ได้เจอพ่อ และเจอเด็กชายอยู่ด้วย ส่วนกัปตันก็ถูกทำให้หมดสติไป
มอร่าเจอหน้าพ่อก็โวยวายใส่เป็นการใหญ่ “พ่อเป็นพ่อประสาอะไรถึงทำแบบนี้กับหนู” พ่อไม่ตอบโต้ใด ๆ เพียงขอกุญแจจากมอร่า ซึ่งเธอก็ส่งกุญแจให้ แล้วเธอก็ถูกจับมานั่งเก้าอี้ฉีดยาอีกครั้ง พ่อบอกกับเธอว่า โลกจำลองนี้เป็นโลกที่เธอกับแดเนียลเป็นคนสร้างขึ้นมาเอง !?
ใช่ สิ่งที่พ่อพูดนั้นคือความจริง พ่อไม่ได้เป็นผู้สร้างโลกจำลองนี้ขึ้นมา “แกนั่นแหละคือ ‘ผู้สร้าง’ แกเป็นผู้สร้างเกมวิปริตนี้ขึ้นมา แกกับผัวแกออกแบบมันขึ้นมาแล้วแกก็บังคับให้ทุกคนเข้ามาในนี้ ทุกคนติดอยู่ในนี้ก็เพราะแก”
มอร่าถูกฉีดยาแล้วภาพก็ตัดไป ส่วนพ่อ ต้นเรือ (ลูกน้องพ่อ) และเด็กชาย ก็มายืนพร้อมหน้ากัน พ่อเปิดวัตถุทรงสามเหลี่ยมพีระมิดออก ด้านในมีรูกุญแจพร้อมข้อความว่า “ตื่นขึ้น” พ่อเสียบกุญแจเข้าไปในรูนั้น แต่มันไม่มีอะไรเกิดขึ้น !
ต้นเรือถามพ่อด้วยความประหลาดใจว่าเกิดอะไรขึ้น พ่อมอร่าตอบกลับไปว่า “กุญแจถูกเปลี่ยน”
ความจริงของความจริงของความจริง
แดเนียลทำการแฮกเข้าระบบโลกจำลองแล้วแก้ไขโค้ด ทำให้กุญแจเดิมของมอร่าใช้ไม่ได้ แล้วก็แก้โค้ดสั่งให้มอร่ามาอยู่กับเขาที่นี่ มอร่ายิ่งงงไปอีกหลายตลบกับสิ่งที่แดเนียลพยายามอธิบาย เขาบอกว่าที่ที่เราอยู่ตอนนี้ไม่ใช่โลกจริง แต่เป็นโลกจำลองที่เขาและเธอช่วยกันสร้างมันขึ้นมา คำถามพรั่งพรูออกมาจากปากมอร่า ทำไมฉันจำอะไรไม่ได้ ? ทำไมฉันมาอยู่ตรงนี้ ? แดเนียลเพียงตอบว่าทุกสิ่งในโลกจำลองเขียนขึ้นโดยโค้ด เขาแค่เปลี่ยนโค้ดใหม่เข้าไป มอร่าจึงมาอยู่ที่นี่
จากนั้น เขาก็หยิบวัตถุทรงสามเหลี่ยมพีระมิดที่มีสีสันสดใสขึ้นมา มันเป็นพีระมิดที่เขาโปรแกรมมันขึ้นมาใหม่เพื่อให้ใช้งานแทนพีระมิดสีดำของพ่อมอร่า และเขาได้โปรแกรมให้แหวน (แหวนที่เด็กชายฝากแดเนียลให้มอร่า) เป็นกุญแจ
แดเนียลอธิบาย “พี่ชายคุณยึดโปรแกรมทั้งหมดระหว่างที่คุณอยู่ในนี้ เขาเป็นคนควบคุมทุกอย่าง คุณต้องออกไปจากที่นี่ คุณต้องตื่นแล้วต้องไปหยุดเขา ก่อนที่ทุกอย่างจะสูญสลายไป”
แดเนียลเปิดพีระมิดออกแล้วมอร่าก็วางแหวนลงไปในพีระมิด …
มอร่าตื่นขึ้นมาในห้องทดลองที่มีอุปกรณ์ไฮเทคล้ำยุค ล้อมรอบไปด้วยคนที่มีอุปกรณ์หน้าตาแปลกประหลาดแปะอยู่ที่หัว กำลังนอนหลับอยู่เรียงกัน มอร่าตกใจที่แต่ละคนเป็นคนที่อยู่บนเรือเคอร์เบอรอส มอร่ามองออกไปที่หน้าต่างทรงกลม ภาพที่เห็นคืออวกาศ เธอกำลังอยู่ในห้องทดลองบนยานอวกาศ ?
ติ๊ด ๆ เสียงสัญญาณเตือนจากมอนิเตอร์ดังขึ้น มอร่าเดินเข้าไปดู มอนิเตอร์ขึ้นข้อความว่า …
// โปรเจกต์โพรมีเธียส:/
> ภารกิจอยู่รอดถึง 42.043240 -40.375760
> ผู้โดยสาร= 1423
> ลูกเรือ= 550
> วันที่= 19 ตุลาคม 2099
// เคียรัน [พี่ชายมอร่า]:
> สวัสดีน้องสาว.
> ต้อนรับสู่โลกความจริง.
จบบริบูรณ์
ดูซีรีส์เรื่องนี้ที่ Netflix : คลิกที่นี่