Skip to content

สรุปเนื้อเรื่องซีรีส์ Reborn Rich (2022)

Reborn Rich สปอยล์ : ฮยอนอูรับใช้ซุนยังกรุ๊ปมานานนับสิบปี แต่แล้วก็โดนหักหลังและถูกฆาตกรรม กระทั่งเขากลับมาเกิดใหม่เป็นหลานชายในตระกูลซุนยังกรุ๊ป เขาจึงวางแผนล้างแค้นและเอาทุกอย่างมาเป็นของตัวเอง …

EP.1 เกิดใหม่อีกครั้ง

เปิดเรื่องมา ชายใส่แว่นหน้าตาหล่อเหลาชื่อ ฮยอนอู (รับบทโดย ซงจุงกิ) กำลังทำธุรกรรมโอนเงินจำนวน 600 ล้านดอลลาร์เข้าบัญชีของตัวเองที่ธนาคารต่างประเทศ

กรุงโซล เมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน …

ภาพจะแสดงให้เห็นความยิ่งใหญ่ของ “ซุนยังกรุ๊ป” แชโบลอันดับหนึ่งของเกาหลี ยิ่งใหญ่ขนาดไหน ? ยิ่งใหญ่ขนาดที่ศาลพิพากษาให้ ประธานจินยองกี แห่งซุนยังกรุ๊ปได้รับโทษเพียงรอลงอาญาในข้อหาทุจริตและหลบเลี่ยงภาษี

หลังจากใช้เส้นสายและเงินทองจนพาตัวเองรอดจากคุก ประธานจินยองกีก็เตรียมประกาศให้ รองประธานจินซองจุน ลูกชายของเขาสืบทอดกิจการแทน แต่เจ้าตัวกลับไม่ต้องการรับตำแหน่ง และยังประกาศต่อหน้าพ่อว่าจะสละมรดกทั้งหมดอีกด้วย ด้วยเหตุนี้ ทำให้ประธานจินยองกีเกิดอาการโรคหัวใจกำเริบลงไปนอนหมดสติอยู่กับพื้น ฮยอนอูจึงรีบวิ่งเข้ามาในห้องและรีบนำตัวท่านประธานส่งโรงพยาบาล ส่วนรองประธานจินซองจุนก็หน้าตาตื่นวิ่งหนีไปอย่างกับคนสติแตก

ประธานจินยองกีต้องเข้ารับการผ่าตัดโดยด่วนจากภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน เมื่อรู้ข่าว ญาติพี่น้องและคนในครอบครัวต่างพากันอยากเป็นผู้สืบทอดกิจการ ทุกคนตกลงกันว่าจะปิดข่าวนี้เป็นความลับเพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อราคาหุ้น

ฮยอนอูได้รับคำสั่งให้ตามหารองประธานจินซองจุนมาขึ้นเวทีในพิธีประกาศผู้สืบทอดกิจการ ซึ่งเวลาอีกแค่ครึ่งชั่วโมง ฮยอนอูจึงรีบบึ่งรถไฟฟ้า EQS ไปพาตัวรองประธานจินซองจุนมาขึ้นเวทีได้ทันเวลา … แต่สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดคือคำประกาศของเขาบนเวที ที่จะจ่ายคืนกำไรมหาศาลที่ได้จากการซื้อขายหุ้นของบริษัทลูก ซึ่งคำประกาศนี้ได้สร้างความไม่พอใจให้คนอื่น ๆ ในครอบครัวเป็นอย่างมาก

ด้านอัยการซอมินยอง (รับบทโดย ชินฮยอนบิน) อัยการหญิงแผนกต่อต้านการคอร์รัปชัน นำกำลังคนพร้อมหมายศาลเข้าค้นและยึดทรัพย์ที่ออฟฟิศซุนยังกรุ๊ป แต่กลายเป็นว่าการเข้ายึดทรัพย์ครั้งนี้ได้แต่คว้าน้ำเหลว เพราะฮยอนอูโยกย้ายไฟล์คอมพิวเตอร์และเอกสารทั้งหมดออกจากออฟฟิศไปแล้วก่อนหน้านี้

ฮยอนอูทุ่มเททำงานให้ซุนยังกรุ๊ปด้วยความซื่อสัตย์มาตลอดระยะเวลากว่าสิบปีที่ผ่านมา ปัจจุบันเขามีตำแหน่งเป็นหัวหน้าแผนกบริหารสินทรัพย์อนาคต ต่อมา ฮยอนอูได้พบหลักฐานที่ระบุได้ว่าผู้บริหารระดับสูงคนหนึ่งของซุนยังกรุ๊ปทำการยักยอกเงิน เขาจึงเอาเรื่องนี้ไปบอกกับรองประธานจินซองจุน เขาจึงได้รับมอบหมายให้นำสินทรัพย์ที่ถูกยักยอกกลับมาให้ได้

ฮยอนอูเดินทางไปต่างประเทศ และทำภารกิจสำเร็จลุล่วงด้วยดี (ซึ่งก็ไปบรรจบกับตอนต้นเรื่องที่เขาทำธุรกรรมโอนเงิน 600 ล้านดอลลาร์) แต่แล้วเรื่องร้ายก็เกินขึ้น เขาถูกลอบทำร้ายระหว่างทาง ฮยอนอูถูกยิงตาย ! ก่อนตายเขาได้รู้ความจริงที่ว่า มีใครบางคนในซุนยังกรุ๊ปสั่งฆ่าเขาเพื่อเงิน 600 ล้านดอลลาร์

ฮยอนอูรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง แต่เขาไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป ตอนนี้เขาคือ จินโดจุน (รับบทโดย ซงจุงกิ) หลานชายคนเล็กในวัยสิบกว่าปีของตระกูลซุนยัง และช่วงเวลาที่เขาเกิดใหม่นี้ก็คือปี 1987 หรือเมื่อ 35 ปีที่แล้ว !

EP.2 รู้ในสิ่งที่คนอื่นไม่รู้

กรุงโซล ปี 1987 …

ฮยอนอูเกิดใหม่อีกครั้งเป็นจินโดจุน หลานชายคนเล็กสุดวัย 12 ปีของตระกูลซุนยัง แต่ความคิดความทรงจำยังคงเป็นฮยอนอูคนเดิม ด้วยเหตุนี้ ทำให้เขารู้จักทุกคนในตระกูลนี้ มีเพียงคนเดียวที่เขาจำไม่ได้นั่นก็คือ จินโดจุน ตัวตนที่เขาเป็นอยู่ตอนนี้

ท่านประธานจินยังชอล ผู้ก่อตั้งซุนยังกรุ๊ป มีศักดิ์เป็นปู่ของจินโดจุน แต่ด้วยความที่พ่อของจินโดจุนเลือกที่จะออกจากครอบครัวไปแต่งงานกับแม่ของจินโดจุนเมื่อสิบกว่าปีก่อน ทำให้ท่านประธานจินยังชอลไม่ยอมรับจินโดจุนเป็นหลาน

วันหนึ่ง จินโดจุนได้ยิน ท่านประธานจินยังชอลกับคนอื่น ๆ กำลังพูดคุยกันเรื่องการเลือกตั้งประธานนาธิบดีที่กำลังจะมาถึง จินโดจุนที่รู้เหตุการณ์ในอนาคตอยู่แล้ว จึงพูดออกไปว่าใครจะเป็นผู้ชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ แต่ทุกคนก็มองว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นเรื่องที่อ่านมาจากหนังสือพิมพ์ จึงไม่ให้ความสนใจอะไรนัก

ต่อมาท่านประธานจินยังชอลเดินทางไปเจรจาธุรกิจที่กรุงแบกแดด ประเทศอิรัก จินโดจุนจำได้ว่าจะเกิดเหตุระเบิดในเครื่องบินลำนั้น เขาจึงได้พยายามโทร. ทางไกลข้ามประเทศไปเตือนให้คุณปู่เปลี่ยนเที่ยวบิน ซึ่งปรากฏว่าเหตุการณ์ที่จินโดจุนเตือนได้เกิดขึ้นจริง เครื่องบินลำนั้นเกิดระเบิดทำให้ผู้โดยสารตายยกลำ

ท่านประธานจินยังชอลเริ่มยอมรับในตัวจินโดจุน และยอมรับพ่อแม่ของเขากลับมาเป็นคนในครอบครัวอีกครั้ง

เรื่องราวดำเนินไปจนกระทั่ง จินโดจุนสอบได้อันดับหนึ่งคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาโซล ตามที่รับปากกับคุณปู่ไว้

EP.3 วัยรุ่นสร้างตัว

กรุงโซล ปี 1996 …

โดจุนได้เป็นนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยโซลด้วยคะแนนสูงสุด เขาสามารถทำในสิ่งที่เอ่ยปากสัญญาไว้ ท่านประธานจินยังชอลจึงมอบที่ดินให้ (ซึ่งเป็นที่ดินย่านกังนัมในปัจจุบัน) ด้วยที่ดินที่ได้นี้เองเขาจึงมีเงินไปต่อยอดในการลงทุนอื่น ๆ

ระหว่างนั้น โดจุนก็ใช้สิ่งที่รู้จากอนาคตสร้างฐานะให้ตัวเอง … เขาแนะนำให้พ่อเข้าไปลงทุนในหนังเรื่องไททานิก เพราะมันจะสร้างกำไรได้มากมายมหาศาล อีกเรื่องก็คือ Home Alone โดดเดี่ยวผู้น่ารัก ที่ก่อนหน้านี้เขาแนะนำให้พ่อนำเข้ามาฉายในเกาหลีช่วงคริสต์มาส ซึ่งมันทำกำไรให้กับพ่อได้มากมายเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่โดจุนอายุเพียง 20 ปี แต่สามารถสร้างตัวขึ้นจนมีเงินมากถึง 24,000 ล้านวอน (หรือประมาณ 640 ล้านบาท) ทำให้หลายคนในตระกูลเริ่มมองเขาเป็นศัตรู

ที่มหาวิทยาลัยโซล … มินยอง (อัยการซอมินยอง) เป็นนักศึกษาอยู่ที่นั่นเช่นกัน เธอมีนักร้องซอแทจีเป็นไอดอล โดจุนจึงชวนมินยองไปกินข้าวแลกกับข้อมูลลับของนักร้องซอแทจี เขาบอกกับเธอว่า ในปี 2000 หรืออีกสี่ปีข้างหน้า ซอแทจีจะกลับเข้าวงการอีกครั้งในฐานะศิลปินเดี่ยว

EP.4 การล้างแค้นเพิ่งเริ่มต้น

แดยองกับซุนยัง เป็นสองยักษ์ใหญ่ผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของเกาหลีตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน แม้เบื้องหน้าทั้งสองจะช่วยกันผลักเศรษฐกิจเกาหลีให้ไปข้างหน้า แต่เบื้องหลังทั้งคู่คือคู่แข่งที่แย่งชิงกันขึ้นเป็นที่หนึ่ง และตอนนี้สิ่งที่ทั้งสองกำลังแย่งชิงคือ โดฮันเหล็กกล้า

ทำไมท่านประธานจินยังชอลถึงต้องการซื้อกิจการโดฮันเหล็กกล้าให้ได้ ? นั่นก็เป็นเพราะโดฮันเหล็กกล้าเป็นจิ๊กซอว์สำคัญที่เข้ามาเติมเต็มกิจการ “ซุนยังยานยนต์” ที่เป็นความฝันอันยาวนานของประธานจินยังชอล เขาต้องการผลักดันให้ซุนยังยานยนต์ก้าวขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งให้ได้

ในการยื่นประมูลเข้าซื้อกิจการโดฮันเหล็กกล้ามีคู่แข่งสามราย แดยอง ซุนยัง และเพาเวอร์แชร์ส ซึ่งเพาเวอร์แชร์สเป็นกองทุนของผู้จัดการการลงทุนชาวเกาหลีคนหนึ่งที่โดจุนไปเจอที่นิวยอร์ก เขาจึงขอให้เพาเวอร์แชร์สเป็นฉากหน้า โดยใช้เงินของโดจุนเข้าซื้อกิจการโดฮันเหล็กกล้า

แต่ทั้งหมดนี้เป็นแผนของโดจุน เพื่อบีบให้ซุนยังเข้าซื้อกิจการโดฮันเหล็กกล้าในราคาแพงเกินจริงที่ 750,000 ล้านวอน และทุกอย่างก็เป็นไปตามแผนที่โดจุนวางเอาไว้

ท่ามกลางความยินดีที่ดีลซื้อกิจการโดจุนเหล็กกล้าสำเร็จ แต่ทว่า ไม่นานหลังจากนั้นก็เกิดวิกฤติต้มยำกุ้งขึ้น วิกฤติเริ่มต้นที่ประเทศไทยแล้วลุกลามไปทั่วโลก รัฐบาลเกาหลีต้องขอความช่วยเหลือจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เป็นเงิน 20 ล้านล้านวอน ในขณะที่บริษัทขนาดใหญ่ในเกาหลีต่างพากันล้มละลายเป็นรายวัน

โดจุนเฝ้าดูเหตุการณ์อย่างไม่สะทกสะท้าน เพราะเขาเคยรู้และผ่านเหตุการณ์เหล่านี้มาแล้ว เขาเพียงพูดด้วยใบหน้าอันเรียบเฉยว่า “นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น”

EP.5 วิกฤติต้มยำกุ้ง

วิกฤติต้มยำกุ้งส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจเกาหลีรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน บางคนเรียกว่า “ประเทศล้มละลาย” และด้วยความที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จึงไม่มีใครในเกาหลีเตรียมรับมือกับวิกฤติที่เกิดขึ้นนี้เลย ยกเว้นเพียงคนเดียว จินโดจุน

ว่าที่จริง โดจุนวางแผนรับมือวิกฤตินี้ตั้งแต่ต้น ทุกอย่างที่เขาลงทุนก็เพื่อจะได้เงินดอลลาร์เก็บเอาไว้ จนวันนี้กลายเป็นหนึ่งในคนที่มีเงินดอลลาร์มากที่สุดในประเทศ โดยเงินทั้งหมดอยู่ในกองทุนมิราเคิลอินเวสต์เมนต์ และบริษัทแรกที่โดจุนเตรียมเข้าช้อนซื้อกิจการคือ อาจินยานยนต์ ผู้ผลิตรถยนต์อันดับสองของเกาหลี ที่ตอนนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัวมากถึง 4.5 ล้านล้านวอน

ไม่เพียงมิราเคิลอินเวสต์เมนต์เท่านั้นที่ต้องการซื้ออาจิน ประธานจินยังชอลก็ต้องการซื้อกิจการอาจินยานยนต์เช่นกัน เพื่อยกระดับซุนยังยานยนต์ที่ตอนนี้รั้งที่โหล่ในอุตสาหกรรม

โดจุนรู้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาต้องวางแผนให้ซุนยังใช้เงินทั้งหมดที่มีทุ่มไปกับการซื้อกิจการโดฮันเหล็กกล้า เพื่อจะได้ไม่มีเงินทุนเพียงพอจะมาซื้อกิจการอาจินยานยนต์ แต่สิ่งที่โดจุนไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ประชาชนชาวเกาหลีลุกขึ้นประท้วงการเข้าซื้อกิจการของมิราเคิลอินเวสต์เมนต์ เพราะมองว่าเป็นกลุ่มทุนชาวต่างชาติ

เมื่อทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผน สุดท้ายแล้ว โดจุนจึงให้มิราเคิลอินเวสต์เมนต์เป็นแหล่งเงินทุนให้กับซุนยังในการเข้าซื้ออาจินยานยนต์ โดยมีเงื่อนไขสำคัญประการเดียว นั่นก็คือ ห้ามปลดพนักงานออก ซึ่งประธานจินยังชอลก็ยอมรับข้อเสนอที่ไม่อาจปฏิเสธได้นี้ทันที

คำถามคือ ทำไมโดจุนต้องวางแผนให้ซับซ้อน ยาวนาน และใช้เงินมากมายหลายหมื่นล้านดอลลาร์ขนาดนั้น ? เหตุผลง่าย ๆ เพียงข้อเดียวก็คือ เขาต้องการเปลี่ยนแปลงอนาคตที่แม่ของเขาในชาติที่แล้วต้องช็อกตาย จากเหตุการณ์ที่พ่อของเขาไปประท้วงกับสหภาพแรงงานอาจินยานยนต์ … พูดง่าย ๆ คือเขาทำทั้งหมดเพื่อไม่ให้แม่จากไป

ทุกอย่างเป็นไปตามที่โดจุนต้องการ พนักงานอาจินยานยนต์ไม่ถูกไล่ออก พ่อของเขาก็ไม่ต้องไปร่วมประท้วงกับสหภาพแรงงาน แม่ของเขาก็ไม่ต้องช็อกจนเสียชีวิต แต่ …

โดจุนกำลังไปหาแม่ที่บ้าน กลับพบว่าแม่ของเขาเสียชีวิตไปแล้ว !?

EP.6 ผู้ที่ชักใยอยู่เบื้องหลัง

เมื่อชาติที่แล้วแม่ของโดจุนหัวใจวายจนเสียชีวิต แต่ชาตินี้แม่ของเขากลับฆ่าตัวตายโดยไม่รู้สาเหตุ … โดจุนรู้จักแม่ของตัวเองดี เขารู้ว่าแม่ไม่มีทางฆ่าตัวตายอย่างแน่นอน แล้วมันเกิดอะไรขึ้น ?

เบาะแสเดียวที่มีตอนนี้คือ “บัญชีหุ้นซุนยังชีววิทยา” ที่แม่ทิ้งเอาไว้ โดจุนเห็นความผิดปกติ … แม่กู้หนี้ยืมสินเป็นเงินก้อนโตมาลงทุนในหุ้นบริษัทซุนยังชีววิทยา ทำไม ? ทำไมต้องทุ่มลงทุนในซุนยังชีววิทยาที่สุดท้ายก็ปิดตัวลง ?

โดจุนสืบจนรู้ว่า ซุนยังชีววิทยาเป็นบริษัทที่ถูกปั่นราคาและสร้างสตอรี่ขึ้นมาล่อแมงเม่าเพื่อทำกำไร แล้วผลกำไรเหล่านั้นจะถูกนำไปจ่ายสินบนให้ผู้บริหารประเทศระดับสูง อีกทั้งยังถูกใช้เป็นการโอนถ่ายทรัพย์สินภายในเครือญาติโดยไม่ต้องเสียภาษีมรดกอีกด้วย ทีนี้ แม่โดจุนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวข่าววงในก็เป็นหนึ่งในแมงเม่า กู้หนี้ยิมสินนำมาลงทุนในบริษัทซุนยังชีววิทยา สุดท้ายก็สิ้นเนื้อประดาตัว และตัดสินใจฆ่าตัวตายในที่สุด

โดจุนได้แต่เก็บความแค้นเหล่านั้นเอาไว้ในใจ ความแค้นที่มีต่อท่านประธานจินยังชอล

โซลทาวน์ย่านซังอัม

ท่านประธานจินยังชอลมีแผนสร้างโซลทาวน์ ซึ่งมีสนามฟุตบอลที่ใช้สำหรับแข่งขันฟุตบอลโลกด้วย เขาจึงมอบหมายให้กับ จินซองจุน (รองประธานฯ เมื่อชาติที่แล้ว) หลานชายคนโตจัดการทั้งหมด ตั้งแต่เริ่มประมูลจนถึงดำเนินการก่อสร้าง แต่โครงการจะต้องได้รับการอนุมัติจากนายกเทศมนตรีคนใหม่หลังการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นเสียก่อน

เวลาเดียวกันนั้น โดจุนก็บังเอิญปิ๊งไอเดียเรื่องอนาคตของโซลทาวน์ ที่เขาคิดว่ามันจะกลายเป็นสื่อกลางดิจิทัลในอนาคต และจะทำเงินได้มหาศาล แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับการขัดแข้งขัดขาซุนยัง เพราะในชาติที่แล้ว โซลทาวน์ใหม่ย่านซังอัมกลายเป็นแหล่งทำเงินให้ซุนยังหลังเกิดวิกฤติต้มยำกุ้ง

แผนการเริ่มต้นด้วยการเข้าเทคโอเวอร์บริษัท “แจอาการก่อสร้าง” เพื่อใช้เป็นหน้าฉากในการเข้าประมูลโครงการ ต่อมาคือการวางตัวนายกเทศมนตรีที่เป็นคนของตัวเอง เพื่อจะได้สิทธิ์ในการสร้างโครงการโซลทาวน์ … โดจุนให้คนไปทาบทามอัยการชเว ซึ่งเป็นลูกเขยของท่านประธานจินยังชอล ให้ลงสมัครนายกเทศมนตรี โดยจะให้เงินทุนสำหรับหาเสียง 2 หมื่นล้านวอน โดจุนสร้างภาพให้กับอัยการชเวเป็นอัยการผู้เที่ยงธรรมที่ต่อสู้เพื่อประชาชน ด้วยคำคมที่ว่า “ทำไมประชาชนที่ไร้อำนาจต้องทุกข์ทรมานอยู่ฝ่ายเดียว”

จากอัยการชเวที่อยู่ใต้อุ้งเท้าภรรยา ลูกสาวเพียงคนเดียวของซุนยัง กลับกลายเป็นอัยการชเวผู้หาญกล้าออกมายืนเบื้องหน้าต่อสู้เพื่อประชาชน การสร้างภาพของโดจุนได้ผลจริง ๆ

เมื่อผลการเลือกตั้งออกมา อัยการชเวก็ได้เป็นนายกเทศมนตรีตามที่โดจุนหวังเอาไว้ “นายกเทศมนตรีตกอยู่ในกำมือของเราแล้ว” … แล้วสิทธิ์การสร้างโซลทาวน์ก็เป็นของแจอาการก่อสร้าง ที่มีมิราเคิลอินเวสต์เมนต์เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่

ท่านประธานจินยังชอลเอาคืนด้วยการสั่งให้อัยการจับประธานมิราเคิลอินเวสต์เมนต์ ในข้อหาให้สินบนการเลือกตั้งนายกเทศมนตรี เพื่อบีบให้ผู้ถือหุ้นใหญ่ของมิราเคิลอินเวสต์เมนต์ปรากฏตัวออกมา

ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่ง …​ ท่านประธานจินยังชอลกำลังจิบชารอแขกผู้นัดหมาย ไม่นานนัก โดจุนก็ปรากฏตัวตรงหน้าพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า “ผมเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของมิราเคิล จินโดจุนครับ” ท่านประธานจินยังชอลได้แต่จ้องหน้าของหลานชายคนเล็กด้วยความตกตะลึง !

EP.7 ระเบิดเวลาที่อยู่ในสมอง

โดจุนเปิดเผยตัวตนว่าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของมิราเคิลอินเวสต์เมนต์ ท่านประธานจินยังชอลโกรธจัด และคิดว่าที่เขาทำแบบนี้เพื่อต้องการเป็นผู้สืบทอดบริษัทซุนยัง โดจุนปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ไม่ใช่ครับคุณปู่ ผมจะซื้อซุนยังด้วยเงินของผมเองต่างหาก” นั่นยิ่งทำให้ท่านประธานจินยังชอลช็อกไปกว่าเดิม ก่อนจะตอกกลับไปว่าซุนยังไม่สามารถซื้อได้ด้วยเงิน

ทำไมอยู่ดี ๆ โดจุนถึงอยากซื้อซุนยัง ? นั่นเป็นเพราะเขาต้องการขัดขวางไม่ให้ลูกหลานได้สืบทอดกิจการต่อจากท่านประธานจินยังชอล เนื่องจากมันเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องสูญเสียแม่

ต่อมาท่านประธานจินยังชอลจึงใช้อิทธิพลที่กุมสื่อผ่านการซื้อโฆษณา บังคับไม่ให้บริษัทสื่อต่าง ๆ เหล่านั้นเข้าร่วมโครงการเมืองดิจิตอลของมิราเคิลอินเวสต์เมนต์ ส่งผลให้โครงการที่โดจุนได้วางแผนเอาไว้เสียหายอย่างหนัก … เกาหลีเป็นประเทศที่มีประชากรไม่มาก สื่อจะอยู่ได้ก็ต้องพึ่งพาเงินโฆษณาจากบริษัทขนาดใหญ่อย่างซุนยัง ทำให้สื่ออยู่ภายในการครอบงำของซุนยังไปโดยปริยาย

จากนั้น ท่านประธานจินยังชอลก็เร่งดำเนินการการสืบทอดกิจการให้กับหลานชายคนโต จินซองจุน โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าเหตุผลที่แท้จริงที่ท่านประธานต้องรีบดำเนินการสืบทอดกิจการในช่วงนี้ก็เพราะว่า หมอตรวจพบความผิดปกติของเส้นเลือดในสมองของท่านประธาน ซึ่งส่วนที่ผิดปกติอยู่ในจุดที่มีความเสี่ยงในการผ่าตัด ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือการติดตามอาการอย่างใกล้ชิด

ท่านประธานจินยังชอลดูภาพเอกซเรย์สมองของตัวเองแล้วพูดขึ้นมาว่า “ในหัวของจินยังชอลมีระเบิดเวลาที่รอการระเบิดอยู่”

EP.8 กฎทายาทคนโตสืบทอดมรดก

โดจุนได้รับคำแนะนำให้ล้มเลิกโครงการเมืองสื่อดิจิทัล (DMC: Digital Media City) แต่เขารู้อนาคตว่าโครงการนี้ต้องรุ่งอย่างแน่นอน จึงยืนยันที่จะเดินหน้าต่อไป แล้วจู่ ๆ เขาก็คิดแผนการบางอย่างขึ้นมาได้

ที่โรงพยาบาลซุนยัง … โดจุนขึ้นไปยังห้องพักผู้ป่วยวีไอพี เพื่อไปเจอกับประธานแดยองกรุ๊ป ซึ่งเข้ามาผ่าตัดใหญ่ แล้วโดจุนก็กล่าวว่า เขาจะบอกวิธีที่แดยองโลจิสติกส์จะก้าวขึ้นเป็นที่หนึ่งแซงหน้าซุนยังในอุตสาหกรรมกระจายสินค้า

โดจุนแนะนำให้แดยองเข้าซื้อกิจการโฮมช็อปปิ้ง เพราะอนาคตคนจะไม่ซื้อสินค้าเพราะความจำเป็นอีกต่อไป แต่จะซื้อเพราะอยากได้ ดังนั้น ธุรกิจโฮมช็อปปิ้งที่เป็นตัวกระตุ้นความอยากจึงมีอนาคตอันสดใส และจะทำให้แดยองค่อย ๆ แซงหน้าซุนยังขึ้นเป็นที่หนึ่งในธุรกิจกระจายสินค้า … ประธานแดยองตกลงทำตามข้อเสนอของโดจุน

การที่แดยองเข้าซื้อกิจการโฮมช็อปปิ้ง ทำให้พื้นที่เช่าของ DMC ของมิราเคิลถูกจองเต็มพื้นที่ตามข้อกำหนด ส่งผลให้สิทธิ์การทำ DMC ไม่ตกเป็นของซุนยังตามแผนที่จินซองจุนวางเอาไว้ ด้วยเหตุผลนี้เอง ทำให้ท่านประธานจินยังชอลเปลี่ยนใจกะทันหัน จากเดิมที่จะให้จินซองจุนเป็นผู้สืบทอดกิจการ เปลี่ยนเป็นประกาศว่า จะไม่ยึดถือกฎทายาทคนโตสืบทอดมรดกอีกต่อไป และจะส่งต่อบริษัทให้กับใครก็ตามที่พิสูจน์ความสามารถของตัวเองได้ ส่วนจินซองจุนถูกส่งให้ไปทำงานที่โกดังกระจายสินค้าอันกระจอกงอกง่อย

ท่านประธานจินยังชอลตัดสินใจอย่างนั้น เพราะทายาทคนโตของเขาล้วนแล้วแต่ไม่ได้เรื่อง ลูกชายคนโต หลานชายคนโต ล้วนแล้วแต่ทำงานที่ได้รับมอบหมายล้มเหลวไม่เป็นท่า “พวกแกรู้มั้ย ลูกชายคนไหนที่ฉันรักมากที่สุด ก็ซุนยังไงล่ะ” เสียงประกาศกร้าวของท่านประธาน ทำเอาทุกคนช็อก

จากนั้น ลูกทั้งสามของท่านประธานจินยังชอลก็ได้รับมอบหมายให้ดูแลกิจการที่แตกต่างกันออกไป เพื่อให้แสดงฝีมือการบริหาร และเป็นการทำตามข้อกำหนดของรัฐบาลและไอเอ็มเอฟ ที่ต้องการให้แยกกิจการต่าง ๆ ออกเป็นบริษัท ไม่ใช่บริษัทเดียวแต่ทำหลายธุรกิจเหมือนแต่ก่อน

โดจุนจำได้ดีว่า เมื่อชาติที่แล้วมีหุ้นโคตรอภินิหารตัวหนึ่งโผล่เข้ามาในยุคฟองสบู่ธุรกิจดอทคอม “นิวดาต้าเทคโนโลยี” บริษัทไอทีน้องใหม่ที่เพิ่งเข้าตลาดหุ้นด้วยราคา IPO 1,500 วอน และราคาพุ่งไปถึง 300,000 วอนภายในระยะเวลาหนึ่งปี หรือเพิ่มขึ้น 200 เท่า เป็นหุ้นที่สร้างโคตรปาฏิหาริย์ในประวัติศาสตร์ตลาดหุ้นเกาหลี … โดจุนกำลังคิดจะใช้สิ่งที่เขารู้ทำอะไรบางอย่าง

ฮวายอง ลูกสาวคนเล็กได้ดูแลกิจการห้างสรรพสินค้า ผ่านไปไม่นานนัก ฮวายองก็ต้องเผชิญกับปัญหาสภาพคล่อง พูดง่าย ๆ คือกิจการซุนยังห้างสรรพสินค้าที่เธอดูแลไม่มีเงินสดจ่ายหนี้ เธอจึงมองหาทางออกสุดท้าย นั่นคือ กู้เงินจากมิราเคิลอินเวสต์เมนต์ บริษัทที่มีเงินสดเป็นสกุลดอลลาร์อยู่ล้นมือ … ฮวายองขอกู้เงิน 4 แสนล้านวอน ด้านประธานโอตัวแทนของโดจุนจึงขอหุ้นของซุนยังห้างสรรพสินค้า 30 เปอร์เซ็นต์เอาไว้เป็นหลักประกัน

ระหว่างทำการเซ็นสัญญา ประธานโอได้เอาข้อมูลของ “นิวดาต้าเทคโนโลยี” ที่กำลังพุ่งแรงไม่หยุด ไปบอกกับฮวายอง … เขาบอกให้เธอซื้อที่ราคา 1 หมื่นและขายที่ราคา 4 หมื่น

เชื้อความโลภของฮวายองพองโตขึ้นทันที เธอสั่งให้เลขาฯ ไปหาเงินสดของบริษัทมา 3 พันล้านวอน เพื่อเอาไปลงทุนในหุ้น “นิวดาต้าเทคโนโลยี” หุ่นที่ขึ้นไป 7 เท่า หลังเข้าตลาดได้เพียงหนึ่งอาทิตย์ สายตาของฮวายองลุกวาว สายตาที่เต็มไปด้วยความโลภ และความโง่ !

แน่นอนว่า อนาคตของหุ้นนิวดาต้าเทคโนโลยี ราคาจะพุ่งขึ้นไปแตะ 200 เท่า ไม่ได้เป็นเพราะตัวมันเอง แต่เป็นเพราะความโลภของคนที่ผลักดันให้ราคามันไปไกลได้ขนาดนั้น แถมยังได้รับการสนับสนุนจากความโง่ของแมงเม่า ที่สุดท้ายแล้วก็ตายอย่างอนาถน่าสมเพช !

โดจุนรู้จิตวิทยาการลงทุนของแมงเม่าเป็นอย่างดี เมื่อฮวายองขายหุ้นแล้วทำกำไรได้ 4 เท่า หรือ 12,000 ล้านวอน แต่แมงเม่าอย่างฮวายองจะไม่มองว่าเป็นความสำเร็จ เธอมองว่าเป้นความล้มเหลวที่ราคาหุ้นพุ่งขึ้นไม่หยุดหลังจากที่ตัวเองขายออกไป (ขายหมู)

เมื่อทนไม่ไหว แมงเม่า (ฮวายอง) จะทุ่มเงินที่มีเข้าซื้อหุ้นตัวนั้นอีกครั้ง ในขณะที่ราคาขึ้นไปสูงลิบลิ่วจนรอแค่เวลาดิ่งลงเหว และนี่แหละเป็นสิ่งที่โดจุนต้องการ

EP.9 ติดกับดักของตัวเอง

หนึ่งวันก่อน Y2K ทั่วโลกต่างหวาดวิตกกับบั๊กคอมพิวเตอร์ที่จะเกิดขึ้นในวันแรกของปี 2000 มีการกระพือข่าวจนคนพากันแตกตื่นไปถึงขั้นจะมีการยิงระเบิดหรือขีปนาวุธนิวเคลียร์โดยมนุษย์ไม่ได้สั่ง บางคนก็เชื่อถึงขนาดที่ว่า วันสิ้นโลกได้เดินทางมาถึงแล้ว โดยมีความพยายามตีความคำทำนายของนอสตราดามุสเชื่อมโยงกับ Y2K และวันสิ้นโลกเข้าด้วยกัน

เมื่อเข้าวันที่ 1 มกราคม 2000 เหตุการณ์ Y2K กลับผ่านไปได้โดยไม่มีปัญหาใด ๆ ไม่มีวันสิ้นโลก ไม่มีอะไรทั้งนั้นที่คนวิตกกัน เป็นเพียงวันขึ้นปีใหม่วันหนึ่ง จะแตกต่างกันก็ตรงที่วันนี้เป็นวันเริ่มต้นสหัสวรรษใหม่

ในขณะที่หุ้นนิวดาต้าเทคโนโลยีที่ผูกกับกระแส Y2K ยังคงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึง 280,000 วอน โดจุนได้สั่งให้เทขายหุ้นที่มิราเคิลอินเวสต์เมนต์ถืออยู่ทั้งหมด เพราะเขารู้อนาคตว่า อีกไม่นานฟองสบู่จะแตก และราคาหุ้นจะดิ่งลงเหว

ตรงกันข้ามกับฮวายองที่ยังหมกมุ่นอยู่กับราคาหุ้นนิวดาต้าเทคโนโลยี เธอหวังให้มันพุ่งไปที่ราคา 300,000 วอน ด้วยความโลภที่ไร้ขีดจำกัดนี้เอง สุดท้ายแล้วหุ้นก็ราคาดิ่งลง จนในที่สุด ฮวายองต้องสูญเสียเงินลงทุนไป 140,000 ล้านวอน ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ทำให้ห้างสรรพสินค้าซุนยังที่เธอบริหารขาดสภาพคล่อง ต้องค้างจ่ายเงินคู่ค้า

ด้านโดจุนนัดเจอกับอัยการหญิงซอมินยอง เพื่อชี้เบาะแสการยักยอกเงินห้างสรรพสินค้าซุนยังของฮวายอง … อัยการซอมินยองทำการตรวจสอบเส้นทางการเงินและก็พบธุรกรรมทางการเงินที่น่าสงสัย โดยพบบริษัทที่ตั้งขึ้นมาเพื่อใช้ฟอกเงิน ฮวายองถูกตั้งข้อหายักยอกทรัพย์

โดจุนใช้คดียักยอกบีบฮวายองยอมขายหุ้น 25% ให้กับมิราเคิลอินเวสต์เมนต์ แลกกับเงิน 140,000 ล้านวอน เมื่อรวมกับหุ้น 30% ที่ได้ไปก่อนหน้านี้ มิราเคิลอินเวสต์เมนต์ก็จะกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในห้างสรรพสินค้าซุนยังทันที … แต่ฮวายองไม่ยอม ไม่ว่ายังไง จนแล้วจนรอด ฮวายองก็ไม่ยอมขายหุ้นที่ตัวเองถือออกไป

ระหว่างนั้น ฮวายองก็ได้รับคำแนะนำจากทนายว่า ให้ปฏิเสธข้อกล่าวหายักยอกทรัพย์ และตอบโต้กลับด้วยการระบุว่า โดจุนแจ้งเบาะแสเท็จ เพราะเขาต้องการทุบราคาหุ้น เพื่อจะได้หุบหุ้นห้างสรรพสินค้าซุนยัง ตามสัญญาที่ฮวายองเซ็นตกลงเอาไว้กับมิราคาอินเวสต์เมนต์ ตอนกู้ยืมเงิน 4 แสนล้านวอน

อัยการซอมินยองรับฟังสิ่งที่ฮวายองให้การ อย่างแรก เธอไม่สามารถหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่าฮวายองยักยอกเงินบริษัทไปจริง ทำให้เธอสั่งลูกน้องตามหาหลักฐานเรื่องการให้เบาะแสเท็จของโดจุน

ในวันประชุมกรรมการห้างสรรพสินค้าซุนยัง โดจุนเข้าร่วมประชุมด้วย วาระการประชุมมีการเสนอให้ปลดฮวายองออกจากตำแหน่งประธาน ด้วยข้อหายักยอกเงินบริษัท แต่ดูเหมือนแผนการของโดจินจะไม่เป็นไปตามคาด เพราะจู่ ๆ อัยการซอมินยองก็ปรากฏตัวกลางที่ประชุม พร้อมกับประกาศว่าเธอมีหลักฐานการเบาะแสเท็จ

โดจุนจ้องหน้าอัยการซอมินยองด้วยความประหลาดใจ

EP.10 อย่าไว้ใจใครเด็ดขาด

อัยการซอมินยองเปิดคลิปเสียงที่พิสูจน์ได้ว่า ฮวายองทำการยักยอกเงินของห้างสรรพสินค้าซุนยังที่เธอเป็นผู้บริหาร และระบุว่าผู้ที่แจ้งเบาะแสเท็จก็คือตัวฮวายองเอง

จากนั้น โดจุนจึงยื่นข้อเสนอที่ไม่อาจปฏิเสธได้ให้กับฮวายอง เป็นเงิน 140,000 ล้านวอนแลกกับหุ้น 25% ในมือของเธอ ซึ่งฮวายองมาถึงจุดที่ไม่มีทางเลือกจริง ๆ แล้ว เธอยอมเซ็นขายหุ้นทั้งน้ำตา

ประธานจินยังชอลพูดคุยกับโดจุน เขาบอกกับหลานชายคนเล็กว่า เขาสร้างซุนยังขึ้นมาจากสามสิ่ง หนึ่งคือความโลภ สองคือความไม่ไว้ใจลูกน้อง และสามคือความกลับกลอกที่พร้อมจะหักหลังได้ทุกคน “แกจะไว้ใจใครไม่ได้ อย่าไว้ใจใครเด็ดขาด เพราะสุดท้ายแล้วความไว้ใจมันจะกลายเป็นจุดอ่อน”

“แล้วถ้าผมหักหลังคุณปู่ แบบนั้นมันจะไม่เป็นอะไรเหรอครับ” โดจุนถามกลับ ประธานจินยังชอลหัวเราะลั่นออกมาทันที “แล้วแกคิดว่าฉันไว้ใจแกงั้นเหรอ ฮะ ฮะ ฮ่า“

อัยการซอมินยองนัดก๊งโซจูกับโดจุน เพราะคดีฮวายองที่เธอทำถูกโอนไปให้อัยการคนอื่นรับผิดชอบ เนื่องจากเธอไม่ทำตามคำสั่งหัวหน้า เธอต่อว่าที่เขาโกหกว่าเธอจะเป็นอัยการที่ดีได้ จากนั้นเธอก็เดินออกจากร้านด้วยความเสียใจ

ระหว่างนั้น โดจุนเห็นข่าวการกลับมาของนักร้องซอแทจินทางทีวี เขาจึงรีบวิ่งไปหาอัยการซอมินยองแล้วบอกกับเธอว่า “ยังหาว่าฉันโกหกเธออยู่มั้ย ?” อัยการสาวตื้นตันที่ไอดอลของเธอกลับมาอีกครั้ง สิ่งที่โดจุนบอกเกิดขึ้นจริง !เธอไม่ตอบเขาเป็นคำพูดใด ๆ เธอโน้มตัวเข้าไปจูบเขาด้วยความรัก และทั้งสองก็มีช่วงเวลาดี ๆ ต่อกันในคืนนั้น

รัฐบาลเกาหลีประกาศคืนเงินกู้ฉุกเฉินจากไอเอ็มเอฟก่อนกำหนด 3 ปี โดจุนเป็นคนเดียวที่ไม่ตื่นเต้นกับข่าวนี้เพราะเขารู้เรื่องนี้ตั้งแต่แรก เขายังมองอีกว่าธุรกิจการเงินคืออนาคตของประเทศนี้ เช่นเดียวกับประธานจินยังชอลที่มองแบบเหมือนกัน เขาจึงวางแผนตั้งบริษัทซุนยังไฟแนเชียลโฮลดิ้งขึ้น ด้วยการมองที่ว่า “ยุคต่อไปการเงินจะมีความสำคัญมากกว่าการผลิต”

ตอนนี้ โดจุนกับอัยการซอมินยองคบกันแล้ว แต่เธอกลับได้รับมอบหมายให้ทำคดีการปั่นหุ้นนิวดาต้าเทคโนโลยี โดยมีมิราเคิลอินเวสต์เมนต์ของโดจุนเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง อัยการหญิงนำหมายค้นพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่บุกไปค้นหาหลักฐาน โดจุนตกใจเพราะไม่คิดมาก่อนว่าจะโดนเล่นงานไม้นี้

ในทางเทคนิคกฎหมาย การหาหลักฐานเพื่อเอาผิดในข้อหาปั่นหุ้นไม่ใช่เรื่องง่าย และผู้ที่วางแผนบงการอยู่เบื้องหลังรู้เรื่องนี้ดี เขาต้องการทำให้คดีปั่นหุ้นทำลายชื่อเสียงของมิราเคิลอินเวสต์เมนต์ ส่งผลต่อความเชื่อมั่น และทำให้ผู้ลงทุนขอถอนเงินออกเป็นจำนวนเงินรวมกันมากถึง 480,000 ล้านวอน ซึ่งไม่มีทางที่มิราเคิลจะหาเงินสดจำนวนมากขนาดนั้นได้ในระยะเวลาอันสั้น

ประธานจินยังชอลเรียกโดจุนเข้าพบเพื่อถามถึงปัญหาที่เกิดขึ้น จินดงกี ลูกชายคนที่สองจึงเสนอว่าจะเข้าซื้อมิราเคิลอินเวสต์เมนต์ เพราะเป็นทางเดียวที่จะหยุดการถอนเงินและเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนให้กลับคืนมา แม้โดจุนจะไม่เห็นด้วยกับแผนนี้แต่เขาก็ไม่มีอะไรจะไปโต้แย้ง … แต่อย่างน้อยโดจุนก็ได้รู้ว่า ผู้ที่วางแผนทั้งหมดก็คือจินดงกี

โดจุนสั่งให้ขายหุ้นที่ลงทุนอยู่ในต่างประเทศทั้งหมด แล้วโอนกลับมาเพื่อจ่ายคืนให้กับนักลงทุนที่ยื่นคำร้องขอถอนเงิน เขาย้ำว่าจะต้องทำทุกอย่างไม่ให้มีการจ่ายเงินล่าช้าเด็ดขาด เพราะความเชื่อมั่นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในธุรกิจการเงินการลงทุน แม้จะต้องเสียภาษีจากเงินก้อนนั้นมากเท่าไรก็ตาม

แล้ววันแห่งหายนะก็มาถึง 9/11 … มิราเคิลอินเวสต์เมนต์ที่ขายหุ้นทั้งหมดไปแล้วก่อนหน้านี้ รอดพ้นจากความเสียหายอันใหญ่หลวงครั้งนี้ไปได้ แต่ไม่มีใครดีใจกับเหตุการณ์ก่อการร้ายที่เกิดขึ้นกลางเมืองนิวยอร์กเลย แม้แต่โดจุนก็ยังตกอยู่ในความเศร้า ในตอนนั้นเขาได้สั่งให้ส่งเงินไปข่วยเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายในนามมิราเคิลอีกด้วย

ต่อจากนั้น มิราเคิลอินเวสต์เมนต์ได้ออกกองทุนใหม่ แล้วทำการตลาดเชิงรุกเพื่อให้คนเข้าถึงการลงทุนได้ง่าย จนสามารถมียอดผู้ลงทุนมากถึง 1 ล้านล้านวอนในสัปดาห์แรกของการเปิดตัว และพุ่งไปถึง 4 ล้านล้านวอนภายในสองสัปดาห์

ตรงกันข้ามกับการลงทุนของจินดงกี ที่ขาดทุนจากการลงทุนไปกับการเล่นออปชันกว่าหมื่นล้านวอน ทำให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก … จังหวะนั้นเอง โดจุนก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าจินดงกี พร้อมกับยื่นข้อเสนอขอซื้อกิจการเพื่อลดความเสียหายที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยให้มิราเคิลอินเวสต์เมนต์เข้ามารับช่วงต่อ จินดงกีจำใจต้องยอมเซ็นขายหุ้นให้กับโดจุนอย่างไม่มีทางเลือก

จินดงกีที่ดื่มเหล้าจนเมามายสติแตกมาโวยวายท่านประธานจินยังชอลว่าอยู่เบื้องหลังโดจุน เขาไม่เชื่อว่าเด็กอย่างโดจุนจะทำเรื่องนี้ได้ด้วยตัวเอง สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ประธานจินยังชอลตัดสินใจบางอย่างขึ้นมาทันที

ท่านประธานจินยังชอลรับโดจุนมาที่งานแถลงข่าวเปิดบริษัทซุนยังไฟแนนเชียลโฮลดิ้ง ระหว่างอยู่บนรถ ท่านประธานจินยังชอลถามหลานชายคนเล็กว่าไปทำแบบนั้นกับป้ากับอาแบบนั้นมันถูกต้องแล้วเหรอ แต่โดจุนก็ใช้คำพูดของคุณปู่ตอบกลับไป เขาทำไปเพราะเขามีสามสิ่ง นั่นก็คือ ความโลภ ความไม่ไว้ใจ และการหักหลัง ท่านประธานจินยังชอลได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับหัวเราะออกมาไม่หยุดในความร้ายของหลานชาย

แล้วท่านประธานจินยังชอลก็บอกกับโดจุนว่า จะยกบริษัทซุนยังไฟแนนเชียลโฮลดิ้งให้เขาดูแล เมื่อพูดจบสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น …

รถยนต์ที่ทั้งสองนั้งเกิดอุบัติเหตุ รถคันหนึ่งพุ่งเข้าชนด้านข้างฝั่งท่านประธานจินยังชอล ส่วนรถบรรทุกหกล้อก็กำลังพุ่งเข้าชนด้านข้างฝั่งของโดจุน แล้วเสียงของโดจุนก็บรรยายขึ้นมา “ตอนนี้รู้แล้วว่าทำไมความทรงจำของฉันถึงไม่มีจินโดจุนอยู่เลย นั่นเป็นเพราะฉันตายไปแล้ว”

EP.11 ใครคือผู้จ้างวาน ?

โดจุนรู้ตั้งแต่ก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้แล้วว่า เขาจะถูกลอบสังหาร เขาจึงเตรียมการเอาไว้เป็นอย่างดี เขาจะไม่ยอมตายอย่างน่าอนาถเหมือนชาติที่แล้วอย่างแน่นอน โดจุนจ้างทีมรักษาความปลอดภัยให้ติดตามดูแลเขาอยู่ห่าง ๆ ตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้เขารอดมาได้ ส่วนประธานจินยังชอลถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที

ที่โรงพยาบาล … ท่านประธานจินยังชอลบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยที่ศีรษะเท่านั้น เขาให้ลูกน้องคนสนิทไปจัดการให้ตำรวจปิดคดีไปว่า คนขับรถบรรทุกคันก่อเหตุเมาแล้วขับและระบบเบรกเกิดขัดข้อง ที่สั่งไปแบบนั้นเพราะท่านประธานจินยังชอลเชื่อว่า เรื่องทั้งหมดต้องเป็นฝีมือหนึ่งในลูกสามคนอย่างแน่นอน เพราะไม่ต้องการให้โดจุนได้ครอบครองบริษัทซุนยังไฟแนนเชียลโฮลดิ้ง ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นหัวเรือของบริษัทในเครือทั้งหมด

ประธานจินยังชอลก็จับมือโดจุนแล้วพูดว่า “สัญญากับฉันอย่างหนึ่งนะ ว่าแกจะไม่ไว้ใจใคร” โดจุนพยักหน้าเล็กน้อยเป็นการตอบตกลง

ระหว่างนั้น คนในครอบครัวทุกคนที่ได้ข่าวอุบัติเหตุก็รีบมาที่โรงพยาบาลทันที แต่หมอเจ้าของไข้แจ้ง (ตามที่ถูกสั่งมา) ว่า ท่านประธานจินยังชอลอยู่ในอาการโคม่า ไม่สามารถเข้าเยี่ยมได้ เมื่อรู้ว่าพ่ออยู่ในอาการโคม่าไม่ได้สติ เหล่าพี่น้องจึงโต้เถียงกันเรื่องการสืบทอดตำแหน่ง โดยที่ทั้งหมดไม่รู้เลยว่า จริง ๆ แล้วเป็นแผนของประธานจินยังชอลที่ต้องการหลอกทุกคนว่าเขาอาการโคม่า

จากนั้น โดจุนจึงสั่งให้ทีมตามสืบหาผู้จ้างวานตัวจริง โดยมีอัยการซอมินยองช่วยในการสืบสวนด้วย เบาะแสที่ได้คือ ผู้จ้างวานใช้ภาพวาดศิลปะ (ของศิลปินที่ไม่เป็นที่รู้จัก) จ่ายค่าจ้างแทนเงิน

ต่อมา อัยการซอมินยองจึงไปที่แกลเลอรีผลงานศิลปะของโมฮยอนมิน (ภรรยาของจินซองจุน) เพื่อขอดู “ภาพวาดดอกไม้กับนก” ที่จัดแสดงอยู่ที่นี่ ภาพดังกล่าวอาจถูกใช้ทำธุรกรรมผิดกฎหมาย โดยผู้จ้างวานในคดีฆาตกรรมอำพรางใช้ภาพวาดนี้จ่ายเป็นค่าจ้าง … โมฮยอนมินจึงตอบกลับไปว่าภาพต้องสงสัยที่ว่านี้ ถูกขโมยไปตั้งแต่เมื่อหนึ่งเดือนก่อน

ที่แท้แล้วคนที่เอา “ภาพวาดดอกไม้กับนก” ไปก็คือจินซองจุน ในคืนนั้น โมฮยอนมินจึงถามผู้เป็นสามีว่า “คุณเอาภาพวาดนั้นไปให้ใคร ?” จินซองจุนได้แต่นิ่งอึ้งอยู่อย่างนั้น

ภาพตัดมาที่โรงพยาบาล … โดจุนเอา “ภาพวาดดอกไม้กับนก” ไปให้ท่านประธานจินยังชอลดู เขาให้ข้อมูลว่า ภาพวาดนี้เป็นภาพที่อยู่ในแกลเลอรีของภรรยาจินซองจุน แน่นอนว่ายังไม่มีหลักฐานที่ชี้ชัดว่าใครเป็นผู้จ้างวาน แต่หลักฐานก็ชี้ไปที่จินซองจุน …

ทันใดนั้น ประธานจินยังชอลก็เกิดสติแตกขึ้นมา เขาทำท่าทางตกใจกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พร้อมกับตวาดลั่นเสียงสั่นแล้วชี้นิ้วไปที่โดจุน “แกเป็นใคร แกฆ่าฉันทำไม แกมันเป็นเด็กน่ากลัวที่พยายามจะฆ่าฉัน” !!?

EP.12 วาระซ่อนเร้น

แม้หลังเกิดอุบัติเหตุ ท่านประธานจินยังชอลดูจะไม่เป็นอะไรมาก แต่ผลจากอุบัติเหตุทำให้มีเลือดออกในสมอง ส่งผลให้มีอาการเพ้อ ท่านประธานจินยังชอลจึงไม่สามารถเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการ ในการขออนุมัติจัดตั้งบริษัทซุนยังไฟแนนเชียลโฮลดิ้ง และเสนอชื่อให้โดจุนเป็นประธานกรรมการในวันพรุ่งนี้ได้

โดจุนคิดไม่ตกว่าจะทำยังไง ถึงทำให้คณะกรรมการอนุมัติโดยไม่มีท่านประธานจินยังชอลเข้าร่วมประชุม เขาจึงตัดสินใจไปหาจินซองจุน โดยบอกความจริงไปว่า ท่านประธานจินยังชอลไม่ได้อาการโคม่า เพียงแต่ต้องการหาตัวผู้จ้างวานที่อยู่เบื้องหลังการจัดฉากอุบัติเหตุ และคนที่ไม่ยกมืออนุมัติก็จะกลายเป็นผู้ต้องสงสัยเบอร์หนึ่งทันที

ณ ห้องประชุมคณะกรรมการ … วาระแรกของการประชุมคือขออนุมัติให้มีการจัดตั้งบริษัทซุนยังไฟแนนเชียลโฮลดิ้ง จินซองจุนกับคณะกรรมการที่อยู่ฝั่งเขายกมืออนุมัติ ท่ามกลางความประหลาดใจของผู้เข้าร่วมประชุม แต่เมื่อมาถึงวาระการเลือกตัวประธาน จินซองจุนกลับดัดหลังทุกคนด้วยการเสนอชื่อ จินยองกี พ่อของเขาขึ้นชิงตำแหน่งประธานกับโดจุน นั่นหมายความว่า ด้วยคะแนนเสียงที่มีอยู่ในมือ โดจุนไม่มีทางเอาชนะได้เลย !

ขณะที่โดจุนกำลังตกที่นั่งลำบาก จู่ ๆ ท่านประธานจินยังชอลก็ปรากฏตัว … เนื่องจากหมอได้ให้ยาเพื่อหยุดอาการเพ้อ ซึ่งประธานจินยังชอลยืนยันที่จะกินยา แม้ผลข้างเคียงอาจร้ายแรงถึงชีวิตก็ตาม … เมื่อท่านประธานจินยังชอลปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน ผลการโหวตก็พลิกกลับมาเป็นโดจุนได้รับเลือกให้เป็นประธานด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น

หลังเสร็จการประชุม โดจุนรีบพาท่านประธานจินยังชอลกลับทันที แต่ระหว่างอยู่ในลิฟต์ ผู้ก่อตั้งซุนยังกรุ๊ปผู้ยิ่งใหญ่กลับฉี่ราดกางเกง โดจุนจึงต้องรีบเข้าไปเช็ดฉี่ของคุณปู่เพื่อไม่ให้คนอื่นเห็น … ตลกร้ายสิ้นดี ผู้ยิ่งใหญ่ที่ควบคุมซุนยังกรุ๊ป ณ เวลานี้ แม้แต่ควบคุมฉี่ของตัวเองยังทำไม่ได้ !

โดจุนสืบจนรู้ว่าผู้จ้างวานที่อยู่เบื้องหลังการจัดฉากอุบัติเหตุก็คือ คุณย่า ภรรยาของท่านประธานจินยังชอล ! ที่ทำไปก็เพราะไม่ต้องการเห็นหลานนอกคอกอย่างโดจุนฮุบทุกอย่างไป

คุณย่าเข้าเยี่ยมท่านประธานจินยังชอลที่โรงพยาบาล เมื่อเห็นสามีมีอาการเพ้อ ก็พาตัวสามีกลับบ้านทันที ในคืนนั้น คุณย่านัดให้ครอบครัวลูก ๆ มากินอาหารที่บ้าน ยกเว้นเว้นครอบครัวของโดจุน คุณย่ามีแผนที่จะบอกอาการเพ้อของท่านประธานจินยังชอลให้ทุกคนรู้ แต่ …

แต่ยังไม่ท่านที่คุณย่าจะได้พูดอะไร โดจุนก็ปรากฏตัวขึ้น พร้อมกับยื่นหลักฐานในซองเอกสาร ที่พิสูจน์ได้ว่าคุณย่าเป็นผู้จ้างวานจัดฉากอุบัติเหตุ คุณย่าเห็นหลักฐานถึงกับอึ้งไปหลายวินาที ก่อนจะเอ่ยกับทุกคนว่า ท่านประธานจินชอลสุขภาพแข็งแรงดี

ในห้องวาดภาพของคุณย่า … โดจุนยื่นข้อเสนอให้คุณย่าเก็บความลับเรื่องอาการเพ้อของท่านประธานจินยังชอลเอาไว้เป็นความลับ จนกว่าการประชุมคณะกรรมการจะจบ “ถ้ามีใครรู้เรื่องอาการเพ้อของคุณปู่ ผมก็จะไม่เก็บความลับของคุณย่าไว้เหมือนกัน ถึงเวลานั้น หลักฐานทั้งหมดจะไปอยู่ในมืออัยการ”

ต่อมา จินซองจุนใช้หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ของพ่อตา ในการปล่อยข่าวการบริหารที่ล้มเหลว จนก่อหนี้มากมายของประธานจินยังซอล โดยเฉพาะหนี้ของซุนยังยานยนต์ที่มีมากถึง 4 ล้านล้านวอน ทำให้เกิดแรงกระเพื่อมตั้งแต่ผู้ถือหุ้นไปยันการเมือง ผู้ถือหุ้นจึงเตรียมจัดประชุมเพื่อถอดถอนประธานจินยังชอลในเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้

ในตอนท้าย โดจุนกำลังคิดแก้ปัญหานี้ แล้วเขาก็นึกถึงฟุตบอลโลก ญี่ปุ่น-เกาหลี 2002 ที่จัดขึ้นในเดือนมิถุนายนพอดี

EP.13 คำสั่งเสียครั้งสุดท้าย

ในขณะที่ซุนยังยานยนต์กำลังกลายเป็นหลุมฝังประธานจินยังชอล ให้จมอยู่กับความฝันและความดื้อด้านของตัวเอง ด้วยหนี้จำนวนมากมายมหาศาล โดจุนที่อยากจะช่วยคุณปู่ จึงเข้าไปขออำนาจในการบริหารโปรเจ็กต์รถยนต์ขนาดเล็กรุ่นอะพอลโลทั้งหมด

สายตาของโดจุนที่มองรถยนต์ของซุนยังยานยนต์นั้น เขามองว่าเป็นรถยนต์ที่ด้อยกว่าคู่แข่งในตลาด โดยเฉพาะรุ่นอะพอลโลที่เป็นรถขนาดเล็กที่ใช้วัสดุพรีเมียม ทำให้เป็นรถยนต์ขนาดเล็กที่ต้องขายราคาแพง เมื่อตัวผลิตภัณฑ์ด้อยกว่าคู่แข่ง เขาจึงต้องใช้กลยุทธ์ทางการตลาดทำให้คนอยากซื้อด้วยความรู้สึกแทนเหตุผล

โดจุนเอาผลการแข่งขันฟุตบอลโลกที่เกิดขึ้นเมื่อชาติที่แล้วมาใช้ให้เป็นประโยชน์ เขาจัดกิจกรรมแจกรถรุ่นอะพอลโลขึ้น ถ้าทีมชาติเกาหลีผ่านรอบแรกแจก 100 คัน รอบ 16 ทีมสุดท้าย 400 คัน รอบ 8 ทีมสุดท้ายแจก 500 คัน และรอบรองชนะเลิศแจก 1,000 คัน นั่นหมายความว่ายิ่งทีมชาติเกาหลีเข้ารอบลึกมากเท่าไร คนก็ยิ่งให้ความสนใจรถรุ่นอะพอลโลมากขึ้นเท่านั้น

จากนั้น โดจุนก็เดินเรื่องให้บริษัทในเครือสนับสนุนตัวเลือกทางการเงินให้กับลูกค้า โดยการยืดระยะเวลาการผ่อนเป็นสูงสุด 60 เดือน

เมื่อการเปิดตัวรถรุ่นอะพอลโลและฟุตบอลโลกมาถึง ทีมชาติเกาหลีสามารถเข้าถึงรอบรองชนะเลิศได้จริง ๆ (แม้ในซีรีส์จะไม่ได้บอกว่า จริง ๆ แล้วเป็นชัยชนะที่ได้มาจากการโกงก็เถอะนะ) แล้วแผนการตลาดที่วางเอาไว้ของโดจุนก็กลายเป็นจริง อะพอลโลได้รับการบันทึกลงกินเนสส์บุ๊กว่า เป็นรถยนต์ขนาดเล็กที่ขายได้มากที่สุดในเวลาที่สั้นที่สุดในโลก โดยมียอดขาย 20,710 คัน

ในวันเดียวกันนั้น ท่านประธานจินยังชอลก็จากไปอย่างสงบในวัย 76 ปี หลังจากบริหารซุนยังกรุ๊ปมาตลอด 32 ปี จนได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผู้พัฒนาเศรษฐกิจของเกาหลีให้เติบโตอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ท่ามกลางความเสียใจของคนในครอบครัว ผู้คนในแวดวงธุรกิจและการเงินต่างจับตามองว่าใครจะได้ขึ้นเป็นประธานคนต่อไปของซุนยังกรุ๊ป

ต่อมามีการเปิดพินัยกรรม ซึ่งมีการแก้ไขก่อนที่ท่านประธานจินยังชอลจะเสียชีวิตไม่นาน ในพินัยกรรมระบุว่าโดจุนไม่ได้อะไรเลย !

การที่พินัยกรรมระบุว่าไม่ให้อะไรเลยกับโดจุน ส่งผลให้มิราเคิลอินเวสต์เมนต์เสียหายเป็นเงิน 2.6 ล้านล้านวอน เวลานั้น โดจุนปล่อยอารมณ์เดือดดาลใส่ประธานโออย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาบอกว่าตัวเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมประธานจินยังชอลถึงบอกว่าจะยกซุนยังให้ แต่กลับแก้พินัยกรรมไม่ให้อะไรเขาเลย … นี่มันเล่นตลกกันชัด ๆ

ต่อมาคุณย่า (ภรรยาของท่านประธานจินยังชอล) ได้กล่าวกับลูก ๆ ว่า เธอมีหุ้นซุนยังประกันชีวิตอยู่ในมือ 17% และพร้อมที่จะยกให้กับคนที่รักษาความปรองดองในครอบครัว

เมื่อโดจุนรู้ เขาจึงต้องการหุ้น 17% ของคุณย่า เพื่อเขาจะได้กุมอำนาจการบริหารในบริษัทโฮลดิ้งอย่างเต็มที่ ซึ่งก็ให้บังเอิญว่าอัยการซอมินยองสืบจนพบหลักฐานบางอย่างที่เชื่อมโยงได้ว่า คุณย่ามีส่วนในคดีพยายามฆ่าโดจุนกับท่านประธานจินยังชอล … โดจุนจึงเอาหลักฐานสำคัญที่เขามีอยู่ในมือไปขู่คุณย่า เพื่อให้คุณย่ายอมยกหุ้น 17% ให้

EP.14 สงครามแย่งชิงมรดก

หลังจากโดจุนได้หุ้น 17 เปอร์เซ็นต์ของซุนยังประกันชีวิตแล้ว เขาก็ส่งคุณย่าไปต่างประเทศ ก่อนที่การสืบสวนคดีพยายามฆ่าจะเริ่มขึ้น

เมื่อคุณย่าเดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว อัยการซอมินยองก็ได้รับรายงานทันที พร้อมกับรายงานการได้รับโอนหุ้นจำนวนมากของโดจุน อัยการหญิงจึงนัดเจอโดจุนในคืนนั้น เธอโกรธและเสียใจมากที่เขาทำให้เธอผิดหวังอีกครั้ง เธอตั้งใจสืบคดีนี้แทบตายแต่เขากลับไปทำข้อตกลงบางอย่างเพื่อผลประโยชน์ ด้านโดจุนก็บอกว่าทุกอย่างจะจบอีกไม่นาน เมื่อเขาได้ขึ้นเป็นประธาน แต่อัยการซอมินยองมองตรงกันข้ามด้วยสายตาที่บอบช้ำจากความผิดหวัง “ไม่หรอก เมื่อถึงตอนนั้นนายจะยิ่งเลวร้ายกว่าเดิม เพราะนายต้องรักษาตำแหน่งนั้นเอาไว้”

คืนเดียวกันนั้น โมฮยอนมินยื่นผลตรวจครรภ์ให้จินซองจุนแล้วบอกว่า ถ้าเขาขัดขวางไม่ให้โดจุนได้เป็นเจ้าของซุนยัง เธอก็พร้อมจะทำทุกอย่าง

ณ การประชุมผู้ถือหุ้นบริษัทซุนยังประกันชีวิต … วันนี้มีวาระสำคัญในการแต่งตั้งประธานบริษัทซุนยังไฟแนนเชียลโฮลดิ้ง มีผู้ได้รับการเสนอชื่อสองคนคือ หัวหน้าอี (คนสนิทของท่านประธานจินยังชอล) และโดจุน แต่ก่อนจะมีลงคะแนน ผู้ถือหุ้นทุกคนก็ได้รับข้อความ SMS ระบุว่า “โดจุนตะคอกใส่ท่านประธานจินยังชอลด้วยถ้อยคำรุนแรงในห้องผู้ป่วย ทำให้ท่านเกิดอาการช็อกจนเเสียชีวิต”

โดจุนพยายามปฏิเสธว่าข้อครหานั้นไม่เป็นความจริง แต่มาถึงตอนนี้สถานการณ์กลับซ้ำหนักไปกว่าเดิม หัวหน้าอีเปิดคลิปเสียงที่โดจุนโทร. มาสั่งให้ลบวิดีโอวงจรปิดในห้องผู้ป่วยทิ้ง หัวหน้าอียังทิ้งระเบิดใส่โดจุนอีกด้วยว่า “วันนั้นคงมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น เขา (โดจุน) จึงขอให้ลบวิดีโอ”

หัวหน้าอีหักหลังโดจุน !

หัวหน้าอีได้รับการโหวตให้ขึ้นเป็นประธาน ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่หัวหน้าอีตกลงไว้กับจินซองจุน แต่ไม่นานจินซองจุนก็ดัดหลังหัวหน้าอี โดยการบีบให้เขาลาออก แถมเบี้ยวเงินก้อนโตที่ตกลงกันไว้ด้วย หัวหน้าอีรู้ว่าตัวเองโดนหลอกก็โกรธแทบเส้นเลือดในสมองแตก

ประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจ

โดจุนหันกลับมาใช้แผนเดิม หลอกใช้นายกชเว (สามีฮวายอง) ที่กำลังลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ให้สนับสนุนการออกกฎหมายยับยั้งการเลี่ยงภาษีมรดกโดยใช้บริษัทโฮลดิ้งของซุนยัง หลังนายกชเวประกาศนโยบายนี้ออกไปต่อหน้าสาธารณชน คะแนนนิยมของเขาก็พุ่งขึ้นทันที พร้อมกับการยกย่องให้เขาเป็น “ไอคอนประธิปไตยทางเศรษฐกิจ” ในขณะที่หุ้นบริษัทซุนยังไฟแนนเชียลโฮลดิ้งกลับดิ่งลงเหว

ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามนี้ก็เท่ากับว่า บริษัทซุนยังไฟแนนเชียลโฮลดิ้งก็จะไม่มีความหมายอะไรเลย และทายาทก็ต้องเสียภาษีมรดกจำนวนมหาศาล

ต่อมา หัวหน้าอีก็ส่งมอบพินัยกรรมของประธานจินยังชอล ที่เป็นเงินจำนวนมหาศาลที่ซุกซ่อนอยู่ในต่างประเทศให้โดจุน … ด้วยความสงสัย โดจุนจึงถามหัวหน้าอีว่าทำไมไม่เก็บเงินเหล่านี้เอาไว้เอง เพราะเป็นเงินที่ฟอกจนขาวสะอาดและไม่มีใครรู้ หัวหน้าอีจึงตอบกลับอย่างจริงจังว่าเป็นเพราะความซื่อสัตย์ที่เขามีต่อท่านประธานจินยังชอล … ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งจะหักหลังโดจุนแลกกับทรัพย์สินเพียงเล็กน้อยก็ตาม !!?

จากนั้น โดจุนก็ใช้สิ่งที่เขารู้เมื่อชาติที่แล้วมาใช้ประโยชน์เหมือนเดิม เขาขายซุนยังการ์ด บริษัทธุรกิจบัตรเครดิตในเครือให้กับจินดงกี (ลูกชายคนที่สองของท่านประธานจินยังชอล) เพราะธุรกิจบัตรเครดิตถือเป็นธุรกิจดาวรุ่งในช่วงนั้น โดยโก่งราคามากเป็นสองเท่า จินดงกีที่ใช้หมอดูในการบริหารก็ได้รับคำแนะนำให้ซื้อซุนยังการ์ด โดยใช้หุ้นซุนยังคอร์ปอเรชันของเขาค้ำประกัน

ทีนี้ ช่วงหอมหวานของธุรกิจบัตรเครดิตได้จบลง แทนที่จะเป็นธุรกิจดาวรุ่ง กลับเป็นธุรกิจที่สร้างแต่หนี้ คนเกาหลีใช้เงินเกินตัวและกดเงินสดจากบัตรอีกใบเพื่อมาโปะบัตรอีกใบ ทำให้หนี้สินพะรุงพะรังจนเกิดเป็นหนี้เสีย มันส่งผลร้ายแรงถึงขั้นทำให้ซุนยังการ์ดล้มละลาย

ผลก็คือโดจุนได้หุ้นซุนยังคอร์ปอเรชัน 2 เปอร์เซ็นต์โดยแทบไม่เสียอะไรเลย แต่ประเด็นไม่ได้อยู่ตรงที่ได้มาฟรี ประเด็นอยู่ตรงที่โดจุนเอาหุ้นซุนยังคอร์ปอเรชัน 2 เปอร์เซ็นต์ที่อยู่ในมือขายให้กับจินยองกี (พี่ชายคนโต) โดยมีเป้าหมายให้เป็นชนวนเหตุของสงครามแย่งชิงมรดกระหว่างพี่น้อง เพราะหุ้น 2% นี้ จะทำให้จินยองกีได้ขึ้นเป็นประธานของซุนยัง

EP.15 กฎที่ไม่มีข้อยกเว้น

โดจุนเสนอตัวเข้าซื้อกิจการซุนยังการ์ดและแดยองการ์ด ซึ่งเป็นสองบริษัทที่มีหนี้สินล้นพ้นตัว จากการออกบัตรเครดิตจนกลายเป็นหนี้เสียจำนวนมาก โดยโดจุนขอแลกเปลี่ยนกับการที่รัฐบาลจะออกกฎหมายแก้ไขปัญหาหนี้เสียรายบุคคลออกมา เพื่อทำให้คนที่เป็นหนี้ได้มีโอกาสในการจ่ายหนี้ และได้เริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง

ประธานโอไม่เข้าใจว่า โดจุนจะเข้าซื้อสองบริษัทที่มีแต่หนี้เสียของคน 3 ล้านคนทำไม แต่โดจุนที่รู้อนาคตอยู่แล้วว่าบัตรเครดิตจะเป็นช่องทางการชำระเงินในอนาคต และทำกำไรได้อย่างงามในยามที่ประเทศเข้าวัฏจักรเศรษฐกิจขาขึ้น

และทุกอย่างก็เป็นไปตามที่โดจุนวางแผนเอาไว้ เขาสามารถกู้วิกฤติหนี้ของซุนยังการ์ดได้สำเร็จ นั่นหมายความว่าโดจุนจะกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในซุนยังคอร์ปอเรชั่น

ขณะที่ทุกอย่างกำลังได้สวย อยู่ดี ๆ โดจุนก็ถูกออกหมายจับฉุกเฉิน ในข้อหาสนับสนุนเงินทุนที่ใช้ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีอย่างผิดกฎหมาย และคดีของเขาก็รับผิดชอบโดยอัยการซอมินยอง

“สุดท้ายเราก็ต้องเจอกันแบบนี้อีกแล้วนะ” ประโยคแรกที่อัยการซอพูดกับโดจุนภายในห้องสอบสวน จากนั้น เธอก็กล่าวถึงหลักฐานเป็นคำรับสารภาพจากที่ปรึกษากฎหมายของพรรคการเมือง โดยระบุว่าได้รับเงินสดจำนวน 1 หมื่นล้านวอนจากเลขาของโดจุน ซึ่งมีหลักฐานการโทร. และหลักฐานการนัดเจอกันจริง

แล้วจู่ ๆ ขณะที่โดจุนกำลังจนมุมต่อหลักฐาน จินดงกีก็ไล่ลูกน้องคนสนิทของตัวเองออก แล้วลูกน้องคนนี้แหละก็ล้างแค้นเจ้านายเก่า ด้วยการสารภาพความจริงกับอัยการซอมินยองว่า ผู้ที่ให้เงินทุนผิดกฎหมายตัวจริงคือ จินดงกี !

แต่ถึงจะได้คำรับสารภาพ แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานที่พิสูจน์ได้อยู่ดีว่าใครคือผู้อยู่เบื้องหลัง ไม่ว่าจะเป็นโดจุนกรือจินดงกี อัยการซอมินยองก็ยังเดินหน้าหาหลักฐานต่อไป แล้วจู่ ๆ หลักฐานก็โผล่มาให้เองซะอย่างนั้น เมื่อภรรยาของจินดงกีเกิดสติแตก ออกมาให้ข้อมูลกับอัยการ เรื่องกองทุนซุกซ่อนที่ใช้เพื่อหลบเลี่ยงภาษีของจินยองกี

แล้วก็อีกเช่นเคย ทั้งหมดเป็นแผนของโดจุนที่วางล่อเอาไว้ให้ตัวเองถูกจับ เพื่อให้มีการสืบสวนกองทุนผิดกฎหมายต่าง ๆ ของสองพี่น้องตระกูลจิน

อัยการซอมินยองเข้าไปหาโดจุนในห้องสอบสวน เขาจึงขอคืนดีกับเธอ “มินยอง เธอเคยบอกว่า ถ้าฉันได้เป็นประธานซุนยังฉันจะเลวร้ายยิ่งกว่าเดิม เธอถึงได้บอกเลิกฉัน มาเริ่มต้นกันใหม่เถอะนะ ฉันจะไม่เป็นแบบนั้นแน่นอน …” อัยการซอทำเป็นไม่สนใจสิ่งที่โดจุนพูด เธอตัดบทโดยทำท่าจะเปิดประตูเดินออกไปจากห้อง โดจุนจึงพูดต่อว่า “ถ้านักกีฬาจางมีรันได้เหรียญเงิน (นักกีฬายกน้ำหนักในโอลิมปิกที่ปักกิ่ง) ถึงวันนั้นเรามาแต่งงานกันเถอะนะ” อัยการหญิงได้แต่ยืนนิ่งโดยไม่ได้พูดอะไร

ทีนี้ เมื่อกองทุนผิดกฎหมายถูกเปิดโปง จินยองกี ผู้เป็นพ่อก็โยนความรับผิดชอบไปให้จินซองจุน ผู้เป็นลูก … แต่โมฮยอนมินก็ปั่นหัวจินซองจุนให้หักหลักพ่อ เมื่อถึงเวลาที่เขาขึ้นให้การกับอัยการและสัมภาษณ์นักข่าว จินซองจุนกลับโยนความผิดไปให้ผู้เป็นพ่อ

ระหว่างที่คนในตระกูลต่างใช้เล่ห์เหลี่ยมต่าง ๆ เพื่อจะได้ครองซุนยัง โดจุนที่ได้เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ซุนยังแล้วกลับประกาศบริจาคเงิน 7 แสนล้านที่ได้รับมรดกมา … ข่าวทางทีวีขยี้ประเด็นที่ลูกชายทั้งสองของท่านประธานจินยังชอลทำทุกอย่างเพื่อเลี่ยงภาษี แต่โดจุนกลับบริจาคเงินที่ได้รับมรดก ทำให้เขากลายเป็นขวัญใจของประชาชน และช่วยให้ภาพลักษณ์ของซุนยังกลับมาดีขึ้นอีกครั้ง

ต่อมา โดจุนก็ได้รับเลือกให้เป็นประธานของซุนยังกรุ๊ป ด้วยเสียงสนับสนุนจากประชาชนอย่างท่วมท้น

หลังจากนั้น โดจุนได้ไปยืนต่อหน้ารูปของท่านประธานจินยังชอล เขาพูดกับรูปของคุณปู่ว่า “ผมเคยบอกแล้วไงว่าผมจะซื้อซุนยังให้ได้ ผมรักษาสัญญาแล้วนะ” โดจุนทำความเคารพแล้วเดินหันหลังออกมา ตอนนั้นเขาได้ตั้งคำถามกับตัวเองว่า ตอนนี้เขาแก้แค้นสำเร็จแล้วหรือยัง ? เขาเพียงแต่รู้ว่าตอนนี้เขาคิดถึงคุณปู่เหลือเกิน

ตัดภาพมาที่อัยการซอมินยอง เธอเห็นข่าวนักกีฬาจางมีรันได้เหรียญเงินโอลิมปิก เธอจึงรีบโทร. หาโดจุนทันที ทั้งสองนัดเจอกัน ระหว่างโดจุนกำลังเดินทางไปหาอัยการซอมินยอง เกิดอุบัติเหตุรถบรรทุกชนจากทางด้านหลังอย่างแรง เลือดเปรอะเปื้อนเต็มใบหน้า โดจุนที่ยังพอมีสติหันหน้าไปมองชายสวมแว่นใส่หมวกแกป แล้วเสียงโดจุนก็บรรยายขึ้นว่า …

“กฎนี้ไม่มีข้อยกเว้น ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชาติก่อนจะเกิดอีกครั้งในชาตินี้โดยไม่มีข้อยกเว้น และคนที่ฆ่าฉันก็คือตัวฉันเอง” ชายคนนั้นคือฮยอนอู ตัวเขาเอง !!?

EP.16 กลับใจสำนึกผิด (ตอนจบ)

ฮยอนอูฟื้นขึ้นมาที่โรงพยาบาลในต่างประเทศ (จากสัญลักษณ์บนป้ายของเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์คนหนึ่ง น่าจะเป็นประเทศตุรกี) หลังจากอาการเขาเริ่มดีขึ้น อัยการซอมินยองมาเยี่ยมพร้อมกับหนังสือเดินทางชั่วคราวและตั๋วเครื่องบิน เธอเป็นคนช่วยชีวิตเขา !

อัยการซอมินยองขอความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่สำนักข่าวกรอง (KCIA) ให้ติดตามหาตำแหน่งของฮยอนอู จึงสามารถช่วยชีวิตเขาเอาไว้ได้ทัน ที่อัยการซอมินยองทำไปทั้งหมดก็เพราะต้องการให้เขาเป็นพยานในคดีฟ้องร้องประธานจินยองกี ในข้อหาสืบทอดอำนาจโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

อัยการซอยิงคำถามใส่ฮยอนอู “รู้มั้ย ว่าใครเป็นคนสั่งฆ่าคุณ ?” แต่คำตอบของฮยอนอูทำเอาอัยการหญิงถึงกับพูดไม่ออก หน้าที่ของเขาคือทำตามคำสั่งของเจ้านายโดยไม่มีเงื่อนไข ไม่ว่าผลของมันจะเป็นอย่างไรก็ตาม

ที่สนามบินอินชอน … ทั้งสองบินกลับมาเกาหลีใต้ด้วยกัน ทันทีที่เหยียบเท้าบนแผ่นดินบ้านเกิด อัยการจากสำนักงานอัยการเขตตะวันออกก็แสดงตัวพร้อมหมายจับฮยอนอู ในคดียักยอกเงิน 7 แสนล้านวอน ทันใดนั้น ฮยอนอูก็ทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด เขาวิ่งหนีการจับกุมของอัยการ แล้วขึ้นแท็กซี่ของสนามบินหนีไป

ไม่ว่าจะคิดเท่าไรฮยอนอูก็ไม่เข้าใจว่า เขาทำทุกอย่างตามที่จินซองจุนสั่งด้วยความซื่อสัตย์ แต่ทำไมเขาถึงเกือบโดนฆ่าตาย ? ฮยอนอูจึงไปถามกับคนที่แนะนำให้เขาทำงานกับจินซองจุน คำตอบที่ได้คือ จินซองจุนต้องการขึ้นรับตำแหน่งอย่างโปร่งใส จึงโยนความผิดทั้งหมดให้เขาเป็นแพะรับบาป !

เมื่อรู้ความจริงว่าโดนเจ้านายหักหลัง ฮยอนอูจึงไปมอบตัวกับอัยการซอมินยอง และมอบเอกสารหลักฐานทุกอย่างตั้งแต่เขาทำงานที่ซุนยัง พร้อมกับยอมเป็นพยานให้ … ระหว่างที่อัยการซอกำลังดูเอกสารต่าง ๆ เธอก็ได้รับแจ้งว่าคดียักยอกเงินของฮยอนอูถูกโอนมาให้เธอรับผิดชอบ ดังนั้น เธอจึงให้ยกเลิกหมายจับ และจะทำการสอบสวนเขาโดยไม่ควบคุมตัวเอาไว้ สุดท้าย อัยการหญิงยิ้มพร้อมกับบอกว่า คดียักยอกเงินของฮยอนอูคงจะยกฟ้องเพราะหลักฐานไม่เพียงพอ “คุณกลับบ้านได้แล้วค่ะ”

ฮยอนอูกลับมาที่คอนโด เขาหยิบปฏิทินตั้งโต๊ะขึ้นมามองดูแล้วคิดอะไรบางอย่าง “ระหว่างที่ฉันนอนอยู่โรงพยาบาลในฐานะฮยอนอูหนึ่งสัปดาห์ ฉันได้ใช้ชีวิตในฐานะโดจุน 17 ปี มันคือความฝัน การข้ามเวลา หรือมันคืออะไรกันแน่ ?”

ฮยอนอูไปพบประธานโอเพื่อหาคำตอบ เขาเสนอให้ประธานโอกลับไปจัดการเรื่องสิทธิ์ในการบริหารซุนยังที่ยังค้างคาอยู่ นับตั้งแต่โดจุนเสียชีวิตไป …

ฮยอนอูได้กลับมาที่ออฟฟิศของมิราเคิลอินเวสต์เมนต์ เริ่มต้นเขาเสนอให้ประธานโอไปเจรจาขอสิทธิในการออกเสียงในหุ้น 3% ของซุนยังคอร์ปอเรชั่นที่ตอนนี้อยู่ในมือของแม่โดจุน จากนั้น ประธานโอก็รวมกลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อย เพื่อเรียกร้องให้ครอบครัวเจ้าของสละสิทธิ์ในการบริหาร จนทำให้เกิดเป็นกระแสขึ้นมาในสังคม

ด้านจินซองจุนก็แก้ปัญหาด้วยการซื้อหุ้นจากนักลงทุนรายย่อยพวกนั้น เพื่อปิดปากด้วยกำไร และเขาก็จะได้หุ้นมาถือครองเพื่อปกป้องสิทธิ์ในการบริหารอีกด้วย แต่แท้จริงแล้ว มันเป็นกับดักที่ประธานโอกับฮยอนอูวางเอาไว้ กับดักที่ล่อให้จินซองจุนเอาเงิน 7 ล้านวอนออกมาใช้ซื้อหุ้น !

ด้วยเหตุนี้ อัยการซอมินยองจึงพบความผิดปกติจากกระแสเงินสดที่มากถึง 6 แสนล้านวอนในการเข้าซื้อหุ้นซุนยังคอร์ปอเรชั่น ซึ่งผู้ซื้อเป็นกองทุนที่อยู่ในชื่อของโมฮยอนมิน ภรรยาของจินซองจุน และเมื่อดูเส้นทางการเงินลึกเข้าไปอีกก็พบว่า กองทุนมีเงินสดไหลเข้า 7 แสนล้านวอนในช่วงเวลาเดียวกับที่ฮยอนอูถูกลอบสังหาร

อัยการซอมินยองต่อจิ๊กซอว์ได้ทันทีว่า จินซองจุนนี่แหละที่เป็นผู้จ้างวานฆ่าฮยอนอู และยังเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมโดจุนอีกด้วย !

อัยการซอมินยองเดินเกมต่อ โดยการกดดันในทางการเมืองให้สภาเรียกจินซองจุน ในฐานะประธานซุนยังเข้ารับการไต่สวน

การที่จินซองจุนถูกไต่สวนทำให้พี่น้องตระกูลจินเกิดความขัดแย้งขึ้นอีกครั้ง ทุกคนจ้องที่จะแย่งชิงกันขึ้นเป็นประธานซุนยัง โดยไม่สนใจว่าจะเหยียบหัวใครขึ้นไป ในการประชุมครอบครัว จินซองจุนถึงกับระเบิดอารมณ์ออกมาด้วยความโกรธต่อหน้าทุกคน ที่เขาถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้จ้างวานฆ่าโดจุน เหมือนเมื่อ 20 ปีก่อนที่เขาก็ตกเป็นผู้ต้องสงสัยของทุกคนในครอบครัวทั้งที่ไม่มีหลักฐาน “ทุกคนที่นี่ก็อยากให้โดจุนมันตายทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ !”

จินยองกีมารอคุยกับลูกชายอยู่ที่ห้องทำงาน เขาวางหลักฐานบางอย่างบนโต๊ะ จินซองจุนช็อก ! ที่แท้ ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา จินยองกีเก็บหลักฐานการโอนเงินจากบัญชีจินซองจุนไปให้คนขับรถบรรทุกที่พุ่งเข้าชนโดจุนจนเสียชีวิต จากนั้น เขาก็แสดงบทพ่อที่ต้องการจะปกป้องลูกชายให้พ้นการถูกชี้หน้าว่าฆาตกร แล้วเขาก็เผยความต้องการของตัวเองออกมา “แต่ก่อนอื่น แกต้องยกสิทธิ์การบริหารบริษัทให้พ่อก่อน เพื่อที่คนจะได้ไม่สงสัยแก”

ณ ห้องประชุมใหญ่ รัฐสภา … การไต่สวนซองจินซองจุนได้เริ่มต้นขึ้น อัยการซอมินยองวางหมากเอาไว้ให้การไต่สวนครั้งนี้เป็นการเปิดโปงว่า จินซองจุนเป็นผู้จ้างวานฆ่าฮยอนอู โดยการเชื่อมโยงเงินสด 7 แสนล้านที่ฮยอนอูเบิกมาจากธนาคาร กับพยานในวันที่ฮยอนอูถูกลอบสังหาร คือเจ้าหน้าที่จากหน่วยข่าวกรอง KCIA แต่ผิดคาด จินซองจุนสามารถแก้ต่างให้ตัวเองได้ทั้งหมด ส่วนเจ้าหน้าที่ KCIA คนนั้นก็เกิดไม่มาขึ้นให้การกะทันหัน

ภาพแฟลชแบ็กตัดกลับไปให้เห็นเหตุการณ์เมื่อ 20 ปีก่อน … ในวันนั้น ฮยอนอูถูกสั่งให้ไปจอดรถเส้นทางของโดจุน จนเขากลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในการจัดฉากฆาตกรรม ต่อมา ฮยอนอูได้รับข้อเสนอให้เข้ามาทำงานตำแหน่งระดับสูงในซุนยัง แลกกับการที่เขาปิดปากเรื่องที่เกิดขึ้น ในตอนนั้น ฮยอนอูตั้งใจจะทำในสิ่งที่ถูกคือโทร. แจ้งตำรวจ แต่เขากลับเลือกที่จะทำให้ชีวิตตัวเองก้าวหน้าหลุดพ้นจากความจน นับแต่นั้นเขาจึงบอกกับตัวเองว่า เขาจะทำงานให้กับซุนยังด้วยความซื่อสัตย์

ตัดกลับมาปัจจุบัน … ฮยอนอูตัดสินใจแก้ไขอดีตที่ผิดพลาดของเขา โดยการเปิดคลิปเสียงบันทึกการสนทนาทางโทรศัพท์ตอนที่เกิดเหตุการณ์ ซึ่งทำให้เห็นว่า จินยองกีเป็นผู้จ้างวานที่อยู่เบื้องหลังการฆาตกรรมจัดฉากตัวจริง !!!

เมื่อความจริงปรากฏ จินซองจุนก็ถึงกับควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ สติแตกออกมากลางที่ประชุมรัฐสภา “เพราะแบบนี้ไงล่ะ เขาถึงบอกว่าไม่ควรดีกับพวกชั้นต่ำ ฉันดันเลี้ยงหมาที่แว้งกัดเจ้าของซะได้” จินซองจุนปรี่เข้าไปจะตะบันหน้าฮยอนอู แต่ก็โดนห้ามและพาตัวออกไป

กระแสของประชาชนที่โกรธแค้นพฤติกรรมของเจ้าของซุนยัง ทำให้เกิดการแบนสินค้าจากซุนยัง แรงกดดันทำให้จินดงกีกับฮวายองออกมาขอโทษต่อประชาชน พร้อมประกาศลงจากตำแหน่งการบริหาร และจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับซุนยังอีกต่อไป

โมฮยอนมินหย่ากับจินซองจุน และทายาทรุ่นที่สี่ของซุนยังจะไม่ได้รับการสืบทอดบริษัทอีกต่อไป นั้นแต่นั้น ซุนยังจึงกลายเป็นบริษัทที่จ้างนักบริหารมืออาชีพเข้ามาบริหาร ทำให้ราคาหุ้นพุ่งสูงขึ้น

กลายเป็นความสำเร็จของฮยอนอู ที่สามารถแย้งสิทธิ์ในการบริหารจากคนตระกูลจินได้ โดยที่ไม่มีหุ้นอยู่ในมือแม้แต่หุ้นเดียว

ฮยอนอูขับเมอร์ซีดีซ EQS รถไฟฟ้าตัวท็อปของโลกข้ามสะพานแม่น้ำฮันมุ่งหน้ากลับบ้านไปหาพ่อ แล้วเสียงของเขาก็พูดเฉลยออกมาให้รู้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความฝันหรือการเดินทางข้ามเวลา แต่มันเป็นการสำนึกผิดต่อโดจุนและต่อตัวเขาเอง

เวลาผ่านไป กระทั่งวันหนึ่ง ฮยอนอูยืนดูโฆษณาบนจอแอลอีดีครบรอบ 30 ปีการเดบิวต์ของนักร้องซอแทจี ที่นั่นเขาบังเอิญได้เจอกับอัยการซอมินยองอีกครั้ง เขาทักทายเธอด้วยคำพูดที่เหมือนกับตอนที่โดจุนทักทายเธอตอนเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย เมื่อฮยอนอูขอตัว และเดินจากไปแล้ว เธอก็ได้แต่ยืนงงอยู่อย่างนั้น

ตอนจบ ยุนฮยอนอูรับโทรศัพท์ เขากล่าวแนะนำตัวเองกับปลายสายว่า “ผมยุนฮยอนอูแห่งมิราเคิลอินเวสต์เมนต์ครับ”

จบบริบูรณ์

Source : JTBC Korea