Skip to content
สรุปเนื้อเรื่อง ใจฟูสตอรี่ (2022)

สรุปเนื้อเรื่อง ใจฟูสตอรี่ (2022)

ใจฟูสตอรี่ สปอยล์ : นักเขียนหนุ่มเขียนบทหนังรักสี่เรื่อง แต่ไม่มีเรื่องไหนมีตอนจบแบบ “แฮปปี้เอ็นดิ้ง” เลยแม้แต่เรื่องเดียว จนกระทั่งได้เห็นความสุขในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด …

แนว : รอมคอม
เรต : 13+
ผู้กำกับฯ : พฤกษ์ เอมะรุจิ
คะแนน : 3.5/10

เดี่ยว (รับบทโดย พีช พชร) คนเขียนบทหนังที่ได้รับมอบหมายให้เขียนบทแนวรอมคอม แนวที่เขาไม่เคยเขียนมาก่อน แถมยังต้องมานั่งปั่นงานอยู่หน้าห้อง I.C.U. ที่แม่กำลังนอนใส่เครื่องช่วยหายใจจากอาการโรคหัวใจกำเริบ ขณะที่กำลังไอเดียตีบตันอยู่นั้น เขาก็ได้แต่ตั้งคำถามกับตัวเองว่า “การเขียนบทหนังโรแมนติกคอมเมดี้ในสถานที่แบบนี้ มันทำได้เหรอวะ ?”

แม้สถานที่และบรรยากาศไม่เป็นใจ แต่เดี่ยวก็พยายามคิดและเขียนบทให้เสร็จทันเดดไลน์ แล้วจู่ ๆ เขาก็เกิดสะอึกขึ้นมาไม่หยุด บัว (รับบทโดย มินนี่ ภัณฑิรา) หญิงสาวที่มาเฝ้าไข้แฟนของเธออยู่หน้าห้อง I.C.U. เช่นกัน จึงเอาถุงมะม่วงดองที่เพิ่งกินหมดมาเป่าลม แล้วเอาไปตบให้ถุงระเบิดดัง “ปัง” ข้าง ๆ หูเดี่ยว มันได้ผล เดี่ยวหายสะอึกทันที … และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทั้งสองคนเริ่มรู้จักกัน

บัวเป็นสาวฟีลกู๊ดพูดเก่งจ้อไม่หยุด เธอสนใจงานเขียนบทที่เดี่ยวกำลังทำอยู่ จนถึงขั้นขออ่านงานที่กำลังเขียนอยู่ เดี่ยวอึ้งไปหลายวินาทีก่อนที่จะตอบตกลง เพราะความน่ารักของบัวนั่นแหละ แต่ก็นะ บัวอ่านไปได้ไม่กี่บรรทัดก็หยุดอ่านแล้วหันมายิ้มให้เดี่ยวพร้อมกับพูดว่า “คุณ ฉันขี้เกียจอ่านแล้วอะ คุณเล่าตอนจบให้ฉันฟังเลยได้ปะ” เดี่ยวพยายามอธิบายว่าบทหนังของเขามันเป็นแค่สี่เรื่องย่อยในเรื่องเดียว ค่อย ๆ อ่านไปเดี๋ยวก็จบ …

ในยุคที่โรคระบาดทำให้การกักตัวอยู่คอนโดเป็นเรื่องปกติ โขม (รับบทโดย ณัฏฐ์ กิจจริต) หนุ่มไอทีวัยสามสิบนิด ๆ ก็หยุดอยู่คอนโดมาหลายวันเช่นกัน โขมชอบเล่นเกมท้าพนันกับเพื่อนสนิทที่ชื่อ กอล์ฟ ดูบอลกันไปก็พนันนับจำนวนลูกทุ่มลูกเตะมุมกันไป ซึ่งโขมก็เอาชนะได้ทุกครั้ง จนกอล์ฟท้าพนันโขมด้วยเบียร์สองลัง “มึงทนอยู่ในคอนโดไม่ถึง 14 วันแน่นอน”

สามวันแรกโขมก็หานู่นนี่นั่นทำฆ่าเวลา ล้างแอร์ ล้างพัดลม บลา ๆ ๆ เรียกว่าทำสารพัดจนไม่มีอะไรจะให้ทำแล้ว เขาจึงคิดไอเดียกระฉูดขึ้นมา ใช้โดรนบินส่งอาหาร แต่ไม่รู้บินส่งอาหารยังไง ดันไปบินอยู่ที่ระเบียงห้องของ จิงจิง (รับบทโดย เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา) ที่กำลังนุ่งผ้าขนหนูผืนเดียวตากชุดชั้นในอยู่ที่คอนโดตึกตรงข้าม จิงจิงคิดว่าเป็นพวกโรคจิตใช้เทคโนโลยีถ้ำมอง จึงใช้ไม้ตียุงตบโดรนจนร่วงลงไปกระแทกพื้น

โขมเอาเรื่องที่สาวตึกตรงข้ามทำโดรนพังไประบายกับกอล์ฟ เท่านั้นแหละ กอล์ฟจึงขอเปลี่ยนคำท้า ให้โขมจีบสาวตึกตรงข้ามให้ได้ภายใน 14 วัน โดยเพิ่มเงินเดิมพันอีก 2 หมื่น ดันดีล

วันต่อมา โขมใช้โดรนส่งขนมไปให้จิงจิง พร้อมด้วยข้อความเขียนด้วยลายมือบนกระดาษโพสต์อิท “Sorry. Line: Kongkait69” จิงจิงมองกระดาษแผ่นนั้นพักใหญ่ สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจแอดไลน์ไปด้วยเหตุผลที่ว่า อยากลืมแฟนเก่า … นับแต่นั้น โขมกับจิงจิงก็พัฒนาความสัมพันธ์ขึ้นไปอย่างรวดเร็ว จนคืนหนึ่ง จิงจิงได้บอกรักโขมผ่านสัญลักษณ์รูปหัวใจ

รุ่งขึ้น โขมโอนเงินให้กอล์ฟ 2 หมื่น เขาไม่อยากเล่นเกมนี้ต่อแล้ว โขมรู้สึกผิดที่โกหกจิงจิง เขาไม่อยากทำร้ายความรู้สึกเธอด้วยเกมพนันโง่ ๆ อีกอย่าง วันนี้แฟนของโขมก็กำลังจะกลับมาจากการรักษาตัวจากโรคระบาด แต่ปัญหาที่หนักอึ้งสำหรับโขมในตอนนี้ก็คือ เขารู้สึกชอบจิงจิงขึ้นมาจริง ๆ น่ะสิ โขมคิดทั้งวันว่าจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง

ค่ำวันนั้น ก่อนที่แฟนโขมจะมาถึงห้องที่คอนโด โขมตัดสินใจวิ่งไปหาจิงจิงที่ตึกตรงข้าม ซึ่งก่อนหน้านั้นไม่นาน ไอซ์ เพื่อนสนิทของจิงจิงก็แวะมาหาที่ห้องพอดี … จิงจิงเปิดประตูห้องก็ดีใจปนแปลกใจเล็ก ๆ ที่เห็นโขมมายืนอยู่หน้าห้อง ตรงกันข้ามกับโขมที่ดูสีหน้าซีเรียสจริงจัง “คุณ ผมมีเรื่องจะคุยด้วย” จิงจิงชวนโขมเข้ามาในห้องด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม …

“ผมมีเรื่องจะสารภาพ สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับคุณ ผมแค่พนันกับเพื่อน พน้นกันโง่ ๆ” น้ำเสียงของโขมทุกคำพูดที่ออกจากปากราบเรียบ แต่มันทำร้ายจิตใจของจิงจิงได้รุนแรงยิ่งนัก

จิงจิงยังคงนิ่งอึ้งกับความจริงที่ออกจากปากโขม และยิ่งอึ้งยิ่งกว่าเมื่อโขมบอกว่า “แต่ความจริงก็คือ ผมมีแฟนแล้ว !”

ทันใดนั้นเอง คนที่ช็อกกลับเปลี่ยนเป็นโขม เมื่อไอซ์เพื่อนของจิงจิงเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วทักเขาว่า “อ้าว ตัวเองมาได้ไงอะ” แล้วไอซ์ก็หันไปพูดกับจิงจิง “ไอ้จิง นี่ไงแฟนฉันที่อยู่คอนโดเดียวกับแก !”

จิงจิงจ้องหน้าโขมตาไม่กะพริบ เมื่อได้รู้ว่าโขมคือแฟนของไอซ์เพื่อนสนิทของเธอ แล้วความโกรธก็ของจิงจิงก็ไปรวมศูนย์อยู่ที่มือขวาของเธอ มือขวาที่ง้างแล้วสะบัดไปตบหน้าโขมอย่างแรง ! [จบตอน]

บัวอ่านมาถึงตอนจบที่หักมุมแบบเวรี่แซดก็ถึงกับสบถคำว่า “เฮีย” ออกมา เดี่ยวจึงอธิบายว่าเขาเป็นคนไม่ชอบพล็อตเรื่องแบบแฮปปี้เอ็นดิ้ง เพราะชีวิตจริงไม่ได้จบแบบสมหวังกันทุกคน

วันต่อมา บัวจึงขอเดี่ยวอ่านบทเรื่องต่อไป …

เต๋อ (รับบทโดย ทิกเกอร์ อชิระ) นักเรียนมัธยมปลาย โรงเรียนเดียวกับ ชาเย็น (รับบทโดย เพียว เพียววรินทร์) ​​เจ้าของฉายาเจ้าแม่เย็นชา นักเรียนดีเด่นประจำโรงเรียน จริง ๆ ชาเย็นก็เป็นเด็กสาวที่น่ารักคนหนึ่งถ้าตัดเรื่องที่ไม่ค่อยยิ้มออกไป แต่เต๋อกลับไม่ถูกชะตาเพื่อนสาวร่วมโรงเรียนคนนี้เอาเสียเลย เพราะบ้านของเธอดันมาอยู่ข้างบ้านของเขา แต่ทั้งสองเหมือนอยู่กันคนละมิติ

เมื่อนักเรียนดีเด่นอย่างชาเย็น อยู่ข้างบ้านกับนักเรียนผู้หลงใหลในความไม่เอาอ่าวอย่างเต๋อ ทำให้เต๋อต้องทนกับการเปรียบเทียบจาก ครูนภาพร ผู้เป็นทั้งแม่และครูฝ่ายปกครองโรงเรียน จนเขารู้สึกเซ็งอยู่บ่อย ๆ มันจึงทำให้เขาคิดเสมอว่า เขาและเธอเหมือนอยู่กันคนละโลกคนละมิติ

กระทั่งวันหนึ่งก็มาถึงจุดเปลี่ยน ชาเย็นได้รับทุนไปเรียนที่จีน 3 เดือน เธอจึงขอร้องให้เขาช่วยดูแลอาม่าที่ต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง ช่วงเวลาที่เขาได้ใกล้ชิดกับอาม่ากลายเป็นทำให้เขารู้สึกอิ่มเอมใจอย่างบอกไม่ถูก และมันก็ทำให้เขารู้สึกดีกับชาเย็นในเวลาเดียวกัน อีกอย่าง เต๋อได้รู้ว่าฉายาเจ้าแม่เย็นชานั้นไม่จริง เพราะรอยยิ้มของชาเย็นมันทำหัวใจเขาแทบละลาย

และแล้วเต๋อก็เกิดความรู้สึกดี ๆ กับชาเย็น ปัญหาคือเธอจะรู้สึกว่าอยู่กันคนละมิติกับเขาหรือเปล่านะ ?

ผ่านไปเกือบสามเดือน จู่ ๆ ทางการจีนก็ประกาศล็อกดาวน์เพื่อป้องกันโรคระบาด ชาเย็นต้องอยู่แต่ในห้อง เน็ตก็เล่นได้เป็นเวลา จะดีก็ตรงที่มีเจ้าหน้าที่เอาอาหารมาแจกตลอด คืนนั้น ชาเย็นวิดีโอคอลสารภาพกับเต๋อ “เราขอ …” แต่ยังพูดไม่ทันจบ เน็ตก็ตัดไปซะอย่างนั้น ชาเย็นจึงยิ้มและพูดต่อกับตัวเองว่า “… เราขอไปอยู่มิติเดียวกับนายได้ปะ”

แล้วภาพก็แฟลชแบ็กแสดงให้เห็นว่า จริง ๆ แล้วชาเย็นแอบชอบเต๋อมาตลอด แอบตามถ่ายรูป ก็ชอบขนาดที่ตั้งรูปเต๋อเป็นวอลล์เปเปอร์ในแมคบุ๊กเลยล่ะ [จบตอน]

“โรคจิต !” บัวสบถออกมาอีกครั้งเมื่ออ่านถึงตอนจบ “ทำไมคุณชอบเขียนตอนจบแบบห่วย ๆ อะ หนังของคุณเจ๊งแน่” เดี่ยวยืนทำหน้างง ๆ ที่อยู่ดี ๆ ก็โดนด่าเป็นรอบที่สอง แล้วบัวก็ก้มหน้าอ่านเรื่องต่อไป …

อ๊อด (รับบทโดย ซิม่อน วชิรวิชญ์) หนุ่มวัย 20 หน่อย ๆ อดีตเด็กแว๊นที่ผันตัวมาเป็นไรเดอร์ส่งอาหาร เพื่อเลี้ยงดู อิ๊งค์ น้องสาววัยประถม ที่มีความฝันว่าเมื่อโตขึ้นเธอจะสร้างจรวดที่สามารถเดินทางไปไหนก็ได้ และที่เขาต้องดูแลอีกหนึ่งคนก็คือพ่อที่มีอาชีพขับรถแท็กซี่ ซึ่งตอนนี้กำลังป่วยหนักนอนรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล

แม้อ๊อดจะผันตัวมาเป็นไรเดอร์ แต่เขาก็ยังเชื่อว่าตัวเองเป็นแว๊นมือวางอันดับหนึ่งในย่านนี้ … ไรเดอร์หัวใจเด็กแว๊นว่างั้น … แต่ความเชื่อของเขากลับโดนทำลาย เมื่อเขาเจอไรเดอร์คู่แข่งที่จอดติดไฟแดงอยู่คู่กัน ไรเดอร์ที่ไม่เคยเปิดหมวกกันน็อคออกมาให้เห็นหน้า แต่เป็นคนที่เขา “เกลียด” อย่างจับใจ เพราะมันสามารถแว๊นชนะเขาได้ตอนออกตัวหลังติดไฟแดงแทบทุกครั้ง

วันนั้น อ๊อดพาอิ๊งค์ไปเยี่ยมพ่อที่นอนเป็นผักอยู่ที่โรงพยาบาล พร้อมกับรับใบแจ้งค่ารักษากว่าครึ่งแสน คืนนั้น อ๊อดจึงตัดสินใจเอาทองสองสลึงที่ตัวเองมีอยู่ไปเดิมพันแข่งแว๊นมอไซค์ แต่ยังไม่ทันที่จะเริ่ม ตำรวจก็มาไล่จับจนแก๊งเด็กแว๊นหนีแตกกระเจิงอย่างกับผึ้งแตกรัง แต่รถเจ้ากรรมของอ๊อดนี่สิ เกิดเครื่องดับระหว่างหนี ขณะที่รถตำรวจกำลังไล่หลังตามมา “มัน” ก็พาอ๊อดซ้อนท้ายหนีตำรวจไปได้อย่างหวุดหวิด มันคนนั้นแหละ ไรเดอร์คู่ปรับที่อ๊อดเกลียด

“มัน” พาอ๊อดหนีจากตำรวจมาได้ ก่อนจะเปิดหมวกกันน็อคเผยโฉมหน้าอันแท้จริงของมัน แวบแรกที่อ๊อดเห็นหน้าของมัน อ๊อดถึงกับช็อก เพราะมันไม่เหมือนหน้าไหน ๆ ในจินตนาการของอ๊อดมาก่อนเลย เพราะมันเป็นผู้หญิงสาวสวยผมหน้าม้า มันที่อ๊อดเกลียดมาตลอดเป็นผู้หญิง ! แต่ไม่ทันที่อ๊อดจะหายอึ้ง หญิงสาวลึกลับ (รับบทโดย ปั๋น ดริสา) ก็ชวนอ๊อดไปหาอะไรกินกัน

หญิงสาวลึกลับพาอ๊อดมากินมาม่าที่หน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง อ๊อดแปลกในที่หญิงสาวเลือกมาม่ารสที่เขาชอบกิน รู้ได้ไงนะ ?

หลังนั่งซดมาม่าจนหมดถ้วย หญิงสาวลึกลับก็พูดขึ้นว่า “พรุ่งนี้นายจะตาย” อ๊อดมองหน้าหญิงสาวแล้วก็ถามทีเล่นทีจริงว่าเป็นหมอดูเหรอถึงได้รู้อนาคต ? หญิงสาวตอบ “เปล่า ฉันมาจากอนาคต” แล้วทั้งสองก็มองหน้าแล้วหัวเราะลั่นออกมา

ใช่ ใครจะเชื่อว่าจะมีหญิงสาวมาจากอนาคต เพื่อที่จะมาเตือนเราว่าพรุ่งนี้จะตาย เชื่อก็ควายละ … แต่หญิงสาวพูดทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงจริงจัง ก่อนจะจากไป “อืม เหลือเชื่อ แต่มันเป็นเรื่องจริงนะ พรุ่งนี้ ถ้านายไปแข่งรถนายจะตายอย่างอนาถ”

อ๊อดคิดหนักทั้งคืนกับคำพูดของหญิงสาว แต่เมื่อหยิบบิลค่ารักษาพ่อขึ้นมาดูเขาก็ตัดสินใจไปแว๊นรถตามที่ตั้งใจไว้แต่แรก ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ก่อนจะบิดคันเร่งออกจากจุดสตาร์ท อ๊อดเกิดเปลี่ยนใจแล้วรีบบึ่งรถมาหาพ่อที่โรงพยาบาล และที่นั่นเอง อ๊อดได้เจอกับหญิงสาวลึกลับคนนั้นอีกครั้ง หญิงสาวยื่นกล่องเงินที่มีมากพอจะเอาไปใช้รักษาพ่อให้

หญิงสาวกำลังเดินจากไป อ๊อดตะโกนถามด้วยความสงสัย “เอ่อ นี่เธอเป็นใครกันแน่ ?”

หญิงสาวมองหน้าอ๊อดพร้อมด้วยรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก “นี่จำไม่ได้จริง ๆ เหรอ อืม โง่จริง ๆ ด้วย” แล้วเธอก็ใช้มือปัดผมที่ปิดช่วงคอออก เผยให้เห็นรอยสัก “จรวด” ที่อยู่บริเวณต้นคอ …

เธอคือ อิ๊งค์ น้องสาวของอ๊อดที่เดินทางมาจากอนาคต !!! [จบตอน]

“เฮ้ย นี่มาเวย์ไซไฟเลยเหรอ ?” บัวโพล่งขึ้นมาหลังจากอ่านจบ แล้วเสียงพยาบาลก็ประกาศเตือนว่าหมดเวลาเยี่ยมแล้ว ทั้งสองจึงต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน …

เสือ (รับบทโดย ลี ฐานัฐพ์) หนุ่มพนักงานร้านสะดวกซื้อกะกลางคืนวัย 24 ปี เพื่อนร่วมงานตั้งฉายาให้เขาว่า “มนุษย์พยายาม” คือ เสือจะพยายามจัดวางน้ำให้ยี่ห้อตรงกันทุกขวด พยายามจับเห็บให้หมา พยายามจำซื้อลูกค้าประจำ เรียกว่าพยายามไปซะทุกอย่าง แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาไม่เคยพยายามเลย นั่นคือการบอกรักสาวที่แอบชอบมานาน

มีเหตุผลมากมายที่เสือบอกกับทุกคนว่าทำไมเขาถึงเลือกทำงานกะกลางคืน ลูกค้าน้อย อากาศเย็น บลา ๆ ๆ แต่เขาไม่เคยบอกเหตุผลจริง ๆ ก็คือ เขาจะได้เจอกับ จ๋า (รับบทโดย ฝน ศนันธฉัตร) พยาบาลสาวแผนกทำฟัน ที่มักจะมาซื้อของกินจุ๊กจิ๊กไปฝากหมอฟันทันตแพทย์ที่เธอแอบชอบอยู่

คืนหนึ่ง จ๋ามาที่ร้านสะดวกซื้อด้วยใบหน้าเปื้อนน้ำตา เธอบอกกับเสือว่าเธอเพิ่งรู้ว่าหมอมีแฟนแล้ว “หมอเขามีแฟนแล้ว เรามันโง่เองแหละที่โดนหมอฟันหลอกฟัน”

เสือรีบจ้ำออกจากร้านไปทันที เขาเดินตรงไปที่แผนกทำฟัน ปรี่เข้าไปหาหมอฟัน เสือสาวหมัดเข้าตะบันหน้าหมอฟันไม่ยั้งหมัดแล้วหมัดเล่า จนหมอฟันนอนนิ่งกองอยู่กับพื้น เสือก็ยังคงตะบันหมัดออกไปไม่ยั้ง หน้าของหมอฟันต้องรับกับแรงกระแทกจากหมัดของเสือเท่าที่เสือหมดแรงไปเอง … หรือนี่จะเป็นความพยายามของเสือที่จะบอกรักใครสักคน !?

นับจากวันนั้น จ๋าก็ไม่มาที่ร้านสะดวกซื้ออีกเลย เธอลาออกและกลับไปอยู่บ้านที่เชียงใหม่ มีข่าวว่าเธอมีลูกโดยที่ไม่ได้แต่งงานกับใคร ส่วนเสือก็ลาออกเช่นกันโดยที่ไม่มีใครรู้ว่าเขาไปทำอะไรที่ไหน

ผ่านไปหลายปี ที่เชียงใหม่ … จ๋าพาลูกชายวัย 5 ขวบไปทำฟัน ที่นั่นเธอได้เจอกับเสือ เสือที่ตอนนี้เป็นหมอฟันอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนั้น แล้วเรื่องก็จบอย่างแฮปปี้เอ็นดิ้ง [จบตอน]

บัวยิ้มไม่หุบเมื่ออ่านถึงตอนจบของเรื่องนี้ แล้วก็ให้สัญญาว่าเธอจะไปดูหนังของเดี่ยว

แม่ของเดี่ยวออกจากห้อง I.C.U. แต่แฟนของบัวต้องจากไป … นับแต่นั้น เดี่ยวก็ไม่ได้เจอบัวอีกเลย แต่เดี่ยวก็ยังคงคิดถึงบัวอยู่เสมอ เขาได้แต่หวังว่าเธอจะคิดถึงเขาบ้าง

เวลาผ่านไป กระทั่งหนังเรื่อง “เลิฟ ดิสแทนซิ่ง” เข้าโรง เดี่ยวที่มาดูหนังของตัวเองก็ได้เจอกับบัว ที่กำลังมาตีตั๋วดูหนังของเขาตามที่เธอได้ให้สัญญาเอาไว้ แล้วทั้งสองก็มองตาส่งยิ้มให้กันด้วยความดีใจ ณ วินาทีนั้น เดี่ยวได้แต่คิดว่า “การมีตอนจบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งมันก็ดีเหมือนกันนะ”

จบบริบูรณ์

Source: FB @M39MovieClub