Reborn Rich EP.14 : โดจุนพลาดการเป็นประธานบริษัทซุนยังไฟแนนเชียลโฮลดิ้งเพราะโดนหักหลัง แต่ขณะอยู่ในช่วงเวลาแห่งความเศร้า เขาก็ได้รับมอบมรดกที่ประธานจินยังชอลทิ้งไว้ให้ …
หลังจากโดจุนได้หุ้น 17 เปอร์เซ็นต์ของซุนยังประกันชีวิตแล้ว เขาก็ส่งคุณย่าไปต่างประเทศ ก่อนที่การสืบสวนคดีพยายามฆ่าจะเริ่มขึ้น
เมื่อคุณย่าเดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว อัยการซอมินยองก็ได้รับรายงานทันที พร้อมกับรายงานการได้รับโอนหุ้นจำนวนมากของโดจุน อัยการหญิงจึงนัดเจอโดจุนในคืนนั้น เธอโกรธและเสียใจมากที่เขาทำให้เธอผิดหวังอีกครั้ง เธอตั้งใจสืบคดีนี้แทบตายแต่เขากลับไปทำข้อตกลงบางอย่างเพื่อผลประโยชน์ ด้านโดจุนก็บอกว่าทุกอย่างจะจบอีกไม่นาน เมื่อเขาได้ขึ้นเป็นประธาน แต่อัยการซอมินยองมองตรงกันข้ามด้วยสายตาที่บอบช้ำจากความผิดหวัง “ไม่หรอก เมื่อถึงตอนนั้นนายจะยิ่งเลวร้ายกว่าเดิม เพราะนายต้องรักษาตำแหน่งนั้นเอาไว้”
คืนเดียวกันนั้น โมฮยอนมินยื่นผลตรวจครรภ์ให้จินซองจุนแล้วบอกว่า ถ้าเขาขัดขวางไม่ให้โดจุนได้เป็นเจ้าของซุนยัง เธอก็พร้อมจะทำทุกอย่าง
ณ การประชุมผู้ถือหุ้นบริษัทซุนยังประกันชีวิต … วันนี้มีวาระสำคัญในการแต่งตั้งประธานบริษัทซุนยังไฟแนนเชียลโฮลดิ้ง มีผู้ได้รับการเสนอชื่อสองคนคือ หัวหน้าอี (คนสนิทของท่านประธานจินยังชอล) และโดจุน แต่ก่อนจะมีลงคะแนน ผู้ถือหุ้นทุกคนก็ได้รับข้อความ SMS ระบุว่า “โดจุนตะคอกใส่ท่านประธานจินยังชอลด้วยถ้อยคำรุนแรงในห้องผู้ป่วย ทำให้ท่านเกิดอาการช็อกจนเเสียชีวิต”
โดจุนพยายามปฏิเสธว่าข้อครหานั้นไม่เป็นความจริง แต่มาถึงตอนนี้สถานการณ์กลับซ้ำหนักไปกว่าเดิม หัวหน้าอีเปิดคลิปเสียงที่โดจุนโทร. มาสั่งให้ลบวิดีโอวงจรปิดในห้องผู้ป่วยทิ้ง หัวหน้าอียังทิ้งระเบิดใส่โดจุนอีกด้วยว่า “วันนั้นคงมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น เขา (โดจุน) จึงขอให้ลบวิดีโอ”
หัวหน้าอีหักหลังโดจุน !
หัวหน้าอีได้รับการโหวตให้ขึ้นเป็นประธาน ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่หัวหน้าอีตกลงไว้กับจินซองจุน แต่ไม่นานจินซองจุนก็ดัดหลังหัวหน้าอี โดยการบีบให้เขาลาออก แถมเบี้ยวเงินก้อนโตที่ตกลงกันไว้ด้วย หัวหน้าอีรู้ว่าตัวเองโดนหลอกก็โกรธแทบเส้นเลือดในสมองแตก
ประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจ
โดจุนหันกลับมาใช้แผนเดิม หลอกใช้นายกชเว (สามีฮวายอง) ที่กำลังลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ให้สนับสนุนการออกกฎหมายยับยั้งการเลี่ยงภาษีมรดกโดยใช้บริษัทโฮลดิ้งของซุนยัง หลังนายกชเวประกาศนโยบายนี้ออกไปต่อหน้าสาธารณชน คะแนนนิยมของเขาก็พุ่งขึ้นทันที พร้อมกับการยกย่องให้เขาเป็น “ไอคอนประธิปไตยทางเศรษฐกิจ” ในขณะที่หุ้นบริษัทซุนยังไฟแนนเชียลโฮลดิ้งกลับดิ่งลงเหว
ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามนี้ก็เท่ากับว่า บริษัทซุนยังไฟแนนเชียลโฮลดิ้งก็จะไม่มีความหมายอะไรเลย และทายาทก็ต้องเสียภาษีมรดกจำนวนมหาศาล
ต่อมา หัวหน้าอีก็ส่งมอบพินัยกรรมของประธานจินยังชอล ที่เป็นเงินจำนวนมหาศาลที่ซุกซ่อนอยู่ในต่างประเทศให้โดจุน … ด้วยความสงสัย โดจุนจึงถามหัวหน้าอีว่าทำไมไม่เก็บเงินเหล่านี้เอาไว้เอง เพราะเป็นเงินที่ฟอกจนขาวสะอาดและไม่มีใครรู้ หัวหน้าอีจึงตอบกลับอย่างจริงจังว่าเป็นเพราะความซื่อสัตย์ที่เขามีต่อท่านประธานจินยังชอล … ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งจะหักหลังโดจุนแลกกับทรัพย์สินเพียงเล็กน้อยก็ตาม !!?
จากนั้น โดจุนก็ใช้สิ่งที่เขารู้เมื่อชาติที่แล้วมาใช้ประโยชน์เหมือนเดิม เขาขายซุนยังการ์ด บริษัทธุรกิจบัตรเครดิตในเครือให้กับจินดงกี (ลูกชายคนที่สองของท่านประธานจินยังชอล) เพราะธุรกิจบัตรเครดิตถือเป็นธุรกิจดาวรุ่งในช่วงนั้น โดยโก่งราคามากเป็นสองเท่า จินดงกีที่ใช้หมอดูในการบริหารก็ได้รับคำแนะนำให้ซื้อซุนยังการ์ด โดยใช้หุ้นซุนยังคอร์ปอเรชันของเขาค้ำประกัน
ทีนี้ ช่วงหอมหวานของธุรกิจบัตรเครดิตได้จบลง แทนที่จะเป็นธุรกิจดาวรุ่ง กลับเป็นธุรกิจที่สร้างแต่หนี้ คนเกาหลีใช้เงินเกินตัวและกดเงินสดจากบัตรอีกใบเพื่อมาโปะบัตรอีกใบ ทำให้หนี้สินพะรุงพะรังจนเกิดเป็นหนี้เสีย มันส่งผลร้ายแรงถึงขั้นทำให้ซุนยังการ์ดล้มละลาย
ผลก็คือโดจุนได้หุ้นซุนยังคอร์ปอเรชัน 2 เปอร์เซ็นต์โดยแทบไม่เสียอะไรเลย แต่ประเด็นไม่ได้อยู่ตรงที่ได้มาฟรี ประเด็นอยู่ตรงที่โดจุนเอาหุ้นซุนยังคอร์ปอเรชัน 2 เปอร์เซ็นต์ที่อยู่ในมือขายให้กับจินยองกี (พี่ชายคนโต) โดยมีเป้าหมายให้เป็นชนวนเหตุของสงครามแย่งชิงมรดกระหว่างพี่น้อง เพราะหุ้น 2% นี้ จะทำให้จินยองกีได้ขึ้นเป็นประธานของซุนยัง
Source : JTBC Korea