Skip to content
สรุปเนื้อเรื่อง Alice in Borderland ซีซั่น 2 (2022) อลิสในแดนมรณะ

สรุปเนื้อเรื่อง Alice in Borderland ซีซั่น 2 (2022) อลิสในแดนมรณะ

Alice in Borderland ซีซั่น 2 : อะริสุกับเพื่อนร่วมชะตากรรมต้องร่วมกันเล่นเกมอันตรายที่คาดเดาไม่ได้ต่อไป ระหว่างนั้น ความลับของโลกแห่งนี้ก็ค่อย ๆ เผยออกมา …

EP.1 นี่มันเกมสังหารหมู่ชัด ๆ

กลางแยกชิบูย่า … อะริสุ อุซางิ ชายสวมฮูด และสาวทูพีซสุดเซ็กซี่ ทั้งสี่ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น พวกเขายืนรออยู่ตรงนั้นนานนับชั่วโมงตั้งแต่ป้ายบอกสัญญาณเริ่มเกม แต่ทุกอย่างกลับเงียบสงบ ไม่มีการลงทะเบียนเล่นเกม ไม่มีการแจ้งกฎ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น

สาวทูพีซ (รับบทโดย อายะ อะซาฮินะ) ยืนจนเมื่อยจึงนั่งลงไปกับพื้นถนน ส่วนชายสวมฮูดหรือชิชิยะ (รับบทโดย นิจิโระ มุราคามิ) ก็เอ่ยติดตลกออกมา “หรือว่าเกมมาสเตอร์จะลืมกดปุ่มสตาร์ทกันนะ” พูดไม่ทันขาดคำ เสียงรถยนต์เครื่องคาบูเรเตอร์หลายคันก็ดังขึ้น รถทั้งแปดคันจอดและพวกเขาลงมาทักทายอะริสุ (รับบทโดย เคนโตะ ยามาซากิ) ที่แท้เป็นพวกที่เคยอยู่ที่บีช

ทั้งหมดกล่าวทักทายกันได้ไม่กี่คำ เสียงปืนต่อต้านรถถังก็ดังกึกก้องจนทำเอาทุกคนช็อก ร่างของหญิงชายคู่หนึ่งกลายเป็นเศษชิ้นเนื้อปลิวว่อนในอากาศ “เกมคงเริ่มแล้วสินะ” ทุกคนเริ่มวิ่งหนีเข้าหาที่กำบัง แต่ดูเหมือนที่กำบังจะไม่ได้ช่วยอะไรมากนักเมื่อเจอกับปืนไรเฟิลที่ยิงมาจากระยะไกล ผู้คนถูกยิงตายราวใบไม้ร่วง นี่มันเกมสังหารหมู่ชัด ๆ

เรือเหาะคิงโพดำลอยอยู่เหนือหัวคนทั้งสี่ที่กำลังหลบอยู่ข้างรถ จากนั้นบอสของคิงโพดำก็ปรากฏตัวขึ้นในชุดคลุมปกปิดใบหน้า มันมาพร้อมกับห่ากระสุนที่ยิงออกมารัว ๆ ไม่มียั้ง ผู้คนตายกันเกลื่อนถนน “อยู่ที่นี่ต่อไปไม่รอดแน่” จังหวะนั้นก็มีรถมาจอดรับพวกเขาหนี อะริสุ อุซางิ และสาวทูพีซหนีขึ้นรถไป ส่วนชายสวมฮูดไม่สามารถขึ้นรถได้เพราะโดนระเบิดขวางทางไว้

จากนั้น ก็เป็นการขับรถหนีการไล่ล่าของคิงโพดำ หลังผ่านไปนานนับสิบนาที อะริสุ อุซางิ สาวทูพีซ และหนุ่มบื้อ คนจากบีชที่ขับรถมาช่วย ก็หลบเข้ามาอยู่ในอาคารหลังจากเสียงปืนเงียบสงบลง คืนนั้น พวกเขาออกไปหาเสบียงในร้านสะดวกซื้อใกล้ ๆ แถวนั้น แล้วค่ำคืนนั้นก็ผ่านพ้นไป

รุ่งขึ้น อะริสุออกไปยืนบนดาดฟ้า เขาเห็นเรือเหาะที่มีสัญลักษณ์ไพ่หน้าคน (K Q J) ลอยอยู่ทั่วเมือง อะริสุจึงรู้ในทันทีว่า “เมืองทั้งเมืองเป็นพื้นที่เล่นเกม” ดังนั้น ทางเดียวที่จะรอดจากการโจมตีของคิงโพดำก็คือการเข้าร่วมเกมอื่น และเกมที่อะริสุเลือกเล่นคือเกมคิงดอกจิก เนื่องจากเป็นเกมที่อาศัยทีมเวิร์ก ทำให้มีโอกาสชนะได้ไม่ยากนัก เมื่อตกลงกันได้ทั้งสี่จึงขับรถเปิดประทุนรุ่นคลาสสิกสีแดงสดมุ่งหน้าไปหาเรือเหาะคิงดอกจิกทันที

พื้นที่เล่นเกมคิงดอกจิกมีตู้คอนเทนเนอร์วางเรียงกันเป็นแนวกำแพง วางต่อกันสูงสามตู้ในพื้นที่ขนาดใหญ่ เมื่อมองจากทางด้านบนลงไป จะเห็นเป็นพื้นที่เล่นเกมถูกจัดวางเป็นรูปแบบคล้ายเขาวงกต ด้านนอกประตูทางเข้ามีกำไลข้อมืออิเล็กทรอนิกส์วางอยู่บนโต๊ะ มีข้อความเขียนระบุชัดเจนว่าเกมนี้ต้องการผู้เล่น 5 คน ผู้ที่ต้องการเล่นให้สวมกำไลแล้วรอจนกว่าคนจะครบ แต่เอ๊ะ ทำไมเหลือกำไลอยู่แค่ 4 อัน ?

“แหม่ รออยู่ตั้งนาน นึกว่าจะไม่ครบห้าคนซะแล้ว” เสียงนี้ทำให้ทั้งสี่ต้องตกตะลึง เพราะมันคือเสียงของ นิรากิ (รับบทโดย โดริ ซะกุระดะ) กุ๊ยขยะสังคมที่เคยพยายามล่วงละเมิดอุซางิ มันยังไม่ตายหรือนี่ ? แต่ถึงมันจะยังไม่ตายแต่สภาพมันก็ไม่ต่างไปจากครึ่งคนครึ่งผี เนื่องจากใบหน้าของมันแถบหนึ่งมีรอยบาดแผลจากการโดนไฟไหม้

ในขณะที่สาวทูพีซกับหนุ่มบื้อไม่อยากลงเล่นเกมร่วมกับนิรากิ แต่สาวปีนเขาสาว อุซางิ (รับบทโดย ทาโอะ ทสึจิยะ) ไม่สนใจ เธอเดินไปที่โต๊ะและหยิบกำไลข้อมืออิเล็กทรอนิกส์ขึ้นมาใส่ แล้วก็หันไปพูดกับทุกคนว่า “ฉันไม่สนใจหรอกว่าจะเล่นกับใคร ฉันรู้แต่เพียงว่า ถ้าเราไม่เล่นเกมนี้สักวันเราก็ต้องตายอยู่ดี” อะริสุเป็นคนต่อมาที่หยิบกำไลมาใส่ที่ข้อมือ ทำให้สาวทูพีซกับหนุ่มบื้อไม่มีทางเลือก ต้องยอมร่วมเล่นเกมนี้ด้วย

เมื่อทั้งห้าเดินเข้าไปในพื้นที่เล่นเกม ต่างก็ต้องตกตะลึงเมื่อได้เผชิญหน้ากับคิงดอกจิก ทึ่ตะลึงไม่ใช่ตะลึงเพราะความน่ากลัว แต่ตะลึงเพราะคิงดอกจิกเป็นมนุษย์ที่เชื่อในเรื่องความเป็นธรรมชาติ เขาจึงไม่ใส่เสื้อผ้าปกปิดร่างกายแม้แต่ชิ้นเดียว !

คิงดอกจิกหรือคิวมะ (รับบทโดย ยามะพี) กล่าวทักทายผู้เล่นทั้งห้าที่ยืนพะอืดพะอมที่ได้เห็นของสงวนของเขา จากนั้น เขาก็สาธยายความเชื่อแปลก ๆ ของตัวเอง “การเปลือยกายเป็นธรรมชาติของมนุษย์ เสื้อผ้าต่างหากเป็นสิ่งปลอมแปลงที่สังคมกำหนดขึ้นมา ทางชีววิทยาถือว่าเสื้อผ้าเป็นสิ่งไม่จำเป็น นี่แหละคือรูปลักษณ์ของมนุษย์อย่างแท้จริง”

“นี่มันคิงดอกจิกจริงหรือวะเนี่ย !?” มีใครบางคนบ่นเป็นเสียงพึมพำออกมา

EP.2 ความกลัวคือสิ่งที่เหนี่ยวรั้งเราไว้

ภาพแฟลชแบ็กสั้น ๆ เผยให้เห็นว่า คิงดอกจิกและเพื่อน ๆ ทำวงดนตรีร็อคเล่นคอนเสิร์ตตามคลับด้วยกัน ด้วยความผูกพันร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา พวกเขาพร้อมและเต็มใจที่จะตายเพื่อกันและกัน สิ่งนี้จึงเป็นจุดเด่นของทีมคิงดอกจิก นั่นคือ ทีมเวิร์ก

เกมนับแต้ม คิงดอกจิก ♣️

คิงดอกจิกอธิบายกติกาการเล่นเกมนับแต้มให้ทุกคนเข้าใจ อธิบายสั้น ๆ ง่าย ๆ (ซึ่งจริง ๆ มันเป็นเกมที่โคตรจะซับซ้อนเลย) คือ การเล่นจะแบ่งออกเป็นสองทีม ทีมละ 5 คน (ทีมคิงดอกจิก VS ทีมผู้เล่น) แต่ละทีมจะมีแต้มทีมละ 10,000 แต้ม มีเวลาเล่นเกม 2 ชั่วโมง ทีมไหนแต้มมากกว่าเป็นฝ่ายชนะ ทีมแพ้ก็แบบเก่า คือ โดนแสงเลเซอร์จากฟ้ายิงใส่กบาล

เมื่อเกมเริ่มขึ้น อะริสุให้ความเทพในการเล่นเกมช่วยให้ทีมได้เปรียบในตอนแรก แต่อย่างที่บอกว่าทีมคิกดอกจิกเป็นทีมที่ทุกคนต่างเป็นเพื่อนรักกัน หนึ่งในนั้นจึงยอมสละชีวิตทำให้ทีมพลิกขึ้นมาได้เปรียบทีมของอะริสุ

ระหว่างนั้น ทุกคนในทีมอะริสุกำลังนั่งรอเวลาให้หมดลงไปเรื่อย ๆ เพราะไม่มีใครกล้าออกไปสู้ ต่างคนต่างก็กลัวตาย คิงดอกจิกจึงพูดสะกิดต่อมบางอย่างของอะริสุเข้า “เวลาคนเราเล่นเกมก็มักจะแสดงสันดานที่แท้จริงของตัวเองออกมา เกมนี้เป็นเกมที่เดิมพันด้วยชีวิต นายลองแสดงออกมาให้ฉันเห็นสิว่า ชีวิตของนายเป็นยังไง”

คำพูดนี้เองทำให้อะริสุคิดอะไรบางอย่างขึ้นมา เขาบอกกับทุกคนว่า “พวกเรามาร่วมกันพังกำแพงแห่งความกลัวตายกันสักครั้งเถอะ สิ่งที่พวกเราต่างจากพวกนั้นคือ ‘ความกลัวที่คอยเหนี่ยวรั้งเราเอาไว้’ ถึงเวลาแล้วที่เราต้องสลัดความกลัวทิ้งไปซะ” แต่ไม่มีใครเห็นด้วยกับความคิดของอะริสุเลยสักนิด ต่างคนต่างก็ไม่อยากเอาชีวิตไปทิ้งกับแผนโง่ ๆ แบบนั้น

แต่คนแรกที่ตกลงร่วมมือกับอะริสุก็คือ นิรากิ … นิรากิ ไอ้กุ๊ยสถุลข้างถนนที่ใคร ๆ ก็ไม่อยากยุ่งด้วย กลับเป็นคนแรกที่ตกลงร่วมมือกับแผนของอะริสุ “ฉันน่ะ ไม่สนใจเรื่องความตายอะไรนั่นหรอก ฉันทิ้งความกลัวตายไปนานแล้ว” เมื่อสมาชิกในทีมที่สถุลที่สุดกลับยืดอกขึ้นต่อสู้ ทุกคนจึงตกลงไปสู้ตายกับอะริสุ

ทั้งหมดยกเว้นหนุ่มบื้อ ร่วมมือกันไปบุกฐานคิงดอกจิกเพื่อแย่งแต้มกลับคืนมา แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่สามารถทำแต้มขึ้นนำได้อยู่ดี เมื่อกลับมาที่ฐาน นิรากิจึงต่อว่าหนุ่มบื้อว่าเป็นตัวถ่วงของทีม ที่ไม่ช่วยทีมทำอะไรเลย ได้แต่นั่งบื้ออยู่เฉย ๆ ขณะที่คนอื่น ๆ กำลังเสี่ยงชีวิต

EP.3 อย่าใช้ชีวิตใต้ร่มเงาคนอื่น

ภาพแฟลชแบ็กสั้น ๆ เผยให้เห็นว่า หนุ่มบื้อทัตตะเคยเป็นช่างซ่อมรถที่อู่แห่งหนึ่ง แต่ด้วยความไม่เอาไหน ทำให้รุ่นพี่ที่ทำงานต้องพิการเพราะความสะเพร่าของเขา

เหลือเวลาอีกหกนาที ทีมคิงดอกจิกนำอยู่ 500 แต้ม … แต่ละวินาทีนับถอยหลังใกล้ถึงเวลาตายของทีมอะริสุ

คิงดอกจิกยืนสูดอากาศมองดูน้ำทะเล รับลม และแสงแดด เขายืนรออะริสุอยู่ตรงนั้น แล้วอะริสุก็มาจริง ๆ อะริสุยอมรับความพ่ายแพ้ พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณที่ทำให้เขาเข้าใจธรรมชาติที่แท้จริงของคนเป็นผู้นำ จากนั้น อะริสุก็ขอทำสิ่งหนึ่งเป็นสิ่งสุดท้ายก่อนตาย “ฉันขอจับมือกับนายได้มั้ย ?”

คิงดอกจิกยื่นมือไปจับกับอะริสุด้วยมิตรภาพ มันเป็นมิตรภาพที่ทั้งสองมีต่อกันระหว่างเล่นเกม แล้วเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ทีมอะริสุกลับขึ้นมานำ 500 แต้ม !

มันเป็นไปได้ยังไงที่อะริสุจะมีแต้มมากกว่า คิงดอกจิกถึงกับทำหน้าไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น ?

ที่แท้ก่อนหน้านี้ หนุ่มบื้อเอาประตูตู้คอนเทนเนอร์กระแทกมือตัวเอง เขาพยายามตัดมือตัวเองเพื่อเอากำไลข้อมือที่มีแต้ม 10,100 แต้มให้กับอะริสุ ทำให้แต้มของอะริสุเพิ่มขึ้นจนสามารถเอาชนะคิงดอกจิกได้ และสุดท้ายหนุ่มบื้อก็เสื้อเลือดจนตาย อย่างน้อยก่อนตายเขาก็ได้ทำให้ตัวเองมีค่า มีค่าพอที่จะทำให้เพื่อน ๆ ในทีมรอด

คิงดอกจิกยังคงนิ่งอยู่แม้รู้ว่าตัวเองแพ้ เขานิ่งมาก ไม่เกรงกลัวความตายเลยแม้แต่นิดเดียว เขาพูดกับอะริสุเป็นประโยคสุดท้าย “ขอให้นายเจอเหตุผลในการมีชีวิต ที่ไม่ได้อยู่ใต้ร่มเงาคนอื่น” จากนั้นเขาก็ไปยืนเงยหน้ามองฟ้า รอรับแสงเลเซอร์โดยไม่มีความหวาดกลัวใด ๆ แสดงออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว ในขณะที่อะริสุก็ได้แต่ยืนมองเพื่อนที่เขานับถืออีกคนจากไป ด้วยน้ำตาที่เอ่อล้นเป็นสองเบ้า

ส่วนเพื่อน ๆ ทีมคิงดอกจิกที่รู้ว่าแพ้ก็ยิ้มรับความตาย พวกเขาไม่โทษคิงดอกจิกที่ประมาทไปจับมือกับอะริสุ เพราะพวกเขาเป็นเพื่อนกัน จริง ๆ แล้วถ้าไม่มีคิงดอกจิกพวกเขาก็คงไม่มีชีวิตรอดมาถึงตอนนี้ ทุกคนยิ้มรับความตาย ความตายที่หยิบยื่นจากแสงเลเซอร์สีแดงที่ยิงจากบนฟ้าลงกลางกบาลพวกเขาทีละคน ๆ

เกมขังเดี่ยว แจ็คโพแดง ♥️

ณ เรือนจำแห่งหนึ่ง … เกมอีกเกมได้เริ่มต้นขึ้น โดยมีชายสวมฮูดเป็นหนึ่งในผู้เล่นทั้งหมด 20 คน เกมนี้มีชื่อว่าเกมขังเดี่ยว ระดับความยากแจ็คโพแดง ♥️ โดยผู้เล่นทุกคนจะสวมปลอกคอ ที่ด้านหลังจะมีจอเล็ก ๆ แสดงสัญลักษณ์ ♣️♦️♥️♠️ ซึ่งผู้ที่สวมปลอกคอจะมองไม่เห็นสัญลักษณ์ของตัวเอง

กติกาคือ ให้ผู้เล่นบอกสัญลักษณ์ที่ปรากฏบนปลอกคอ โดยในแต่ละรอบจะมีเวลาการเล่นหนึ่งชั่วโมง ห้านาทีสุดท้าย ผู้เล่นจะต้องเข้าห้องขังเดี่ยวเพื่อบอกว่าสัญลักษณ์บนปลอกคอของตัวเองคืออะไร ถ้าตอบผิด ปลอกคอจะระเบิดหัวของผู้เล่นคนนั้นทันที

สัญลักษณ์ที่อยู่ด้านหลังปลอกคอจะเปลี่ยนไปทุกรอบ ที่สำคัญหนึ่งในผู้เล่นมีแจ็คโพแดงแฝงตัวอยู่ เงื่อนไขการเคลียร์เกม คือต้องฆ่าแจ็คโพแดงที่แฝงตัวอยู่ให้ได้ ข้อห้ามคือห้ามใช้วัสดุสะท้านแสงดูสัญลักษณ์บนปลอกคอตัวเอง และห้ามฆ่าผู้อื่น โดยเกมนี้ไม่จำกัดเวลาในการเล่น มีอาหารเตรียมไว้ให้มากมาย

ชายสวมฮูดตั้งใจฟังกติกาจนจบก็สรุปออกมาสั้น ๆ ว่า “นั่นเท่ากับว่า เราต้องหลอกแจ็คโพแดงเพื่อเคลียร์เกมนี้สินะ และถ้าทุกคนไม่โกหกกันเลย ก็จะไม่มีใครออกจากเกมนี้ได้”

มันเป็นเกมทดสอบความไว้ใจอย่างแท้จริง ชายสวมฮูดจับคู่กับชายคนหนึ่ง แต่มีหญิงสาวคนหนึ่งแต่งตัวคล้ายอลิซ (in Wonderland) พยายามรวมกลุ่มคนเกือบสิบคนให้มาช่วยเหลือกัน ในรอบแรกทุกคนตอบถูกกันหมด

ผ่านไปไม่กี่รอบ หญิงสาวแต่งตัวคล้ายอลิซก็พยายามปั่นคนในกลุ่ม ให้โกหกหญิงคนหนึ่งที่เธอสงสัยว่าเป็นแจ็คโพแดง โดยที่เธอไม่รู้เลยว่ามันกลายเป็นการบ่มเพาะความไม่ไว้ใจ จนในที่สุดต่างคนต่างก็ไม่ไว้ใจกัน แล้วสุดท้ายหญิงคล้ายอลิซก็โดนคนอื่นโกหก เธอโดนระเบิดหัวในห้องขังเดี่ยว เศษสมองและเลือดกระจายไปทั่วห้อง น่าสยดสยองยิ่งนัก

การแข่งขันรอบนี้เหลือผู้เล่น 6 คน คู่หูของชายสวมฮูดเริ่มออกอาการสติแตก ซึ่งชายสวมฮูดต้องพยายามพูดให้กำลังใจ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นผล คู่หูของชายสวมฮูดเข้าห้องขังเดี่ยวโดยที่ไม่ตอบสัญลักษณ์ของตัวเอง เพราะเขาทนแรงกดดันในการเล่นเกมนี้อีกต่อไปไม่ได้แล้ว เขาจึงตัดสินใจตายไปซะตอนนี้เลย

ชายสวมฮูดเดินมาหยุดที่ห้องขังเดี่ยวของคู่หู เขามองรอดช่องประตูเล็ก ๆ เข้าไปมองศพอันเละเทะนอนนิ่งอยู่ในนั้น แล้วก็พึมพำขึ้นมาว่า “นายบอบบางเกินกว่าที่จะเล่นเกมนี้นะ”

EP.4 ความไว้ใจอยู่บนความเท่าเทียม

รีแคปซีรีส์ Alice in Borderland ซีซั่น 2 EP.4 : ความไว้ใจอยู่บนความเท่าเทียม

Alice in Borderland ซีซั่น 2 EP.4 : เหลือผู้เล่นอีกเพียงไม่กี่คน ชายสวมฮูดเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่คู่ รอบต่อไปในการแข่งขันอาจเป็นตาสุดท้ายของเกมนี้ !?

ตอนนี้ ชายสวมฮูดไม่มีคู่หูที่คอยบอกสัญลักษณ์ด้านหลังปลอกคอแล้ว เขาจึงมานั่งรอที่ชั้นวางอาหารเพื่อรอถามกับผู้เล่นที่ยังเหลืออีก 4 คน 2 คู่ … ชายสวมฮูดพยายามใช้จิตวิทยาหาว่าใครคือแจ็คโพแดง แล้วก็ต้องรู้ให้ได้ด้วยว่าสัญลักษณ์บนปลอกคอของตัวเองคืออะไร ?

ชายสวมฮูดถามกับชายที่ชื่อมัทสึชิตะว่าสัญลักษณ์บนปลอกคอของเขาคืออะไร มัตสึชิตะตอบแต่เขาเลือกที่จะโกหก … ต่อมา หญิงสาวขี้อายก็มาหยิบอาหารบนชั้นวาง ชายสวมฮูดก็พยายามคุยตีสนิทกับเธอ และถามว่าสัญลักษณ์บนปลอกคอของเขาคืออะไร แต่หญิงสาวไม่ตอบและรีบเดินหนีไป

ใกล้หมดเวลาของรอบนี้แล้ว หญิงสาวท่าทางขี้อายบอกสัญลักษณ์ที่อยู่ด้านหลังปลอกคอกับคู่ของเธอ ส่วนมัทสึชิตะก็เช่นกัน แต่คนทั้งคู่ต่างโกหกคู่ของตัวเอง … ชายสวมฮูดเข้าห้องขังเดี่ยว เขาบ่นพึมพำออกมาคนเดียว “มัทสึชิตะมันต้องโกหกแน่ ๆ สุดท้ายก็คงต้องพึ่งเซ้นส์ตัวเองสินะ” ชายสวมฮูดต้องเดา โดยมีโอกาสตอบถูก 50/50

แล้วประตูห้องขังของผู้รอดชีวิตก็เปิดขึ้น มัทสึชิตะก้าวเท้าออกมาเป็นคนแรก เขาหัวเราะอย่างบ้าคลั่งเพราะคิดว่าตัวเองเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียว แต่ยังไม่ทันที่จะหายดีใจ ประตูห้องขังอีกสามห้องก็เปิดออก ชายสวมฮูดก้าวเท้าออกมา พร้อมกับชายอีกสองคน … นั่นหมายความว่าหญิงสาวขี้อายสมองระเบิดไปแล้ว !

ชายสวมฮูดเผยความจริงว่า รู้อยู่แล้วว่ามัทสึชิตะกับหญิงสาวแอบร่วมมือกันอย่างลับ ๆ และสุดท้ายก็หักหลังเธอ และชายสวมฮูดก็ฟันธงว่า มัทสึชิตะก็คือแจ็คโพแดง

สุดท้ายแจ็คโพแดงก็ตาย เรือเหาะแจ็คโพแดงที่ลอยอยู่เหนือเรือนจำก็ระเบิดพังพินาศในที่สุด ชายสวมฮูด และชายอีกสองคนรอดจากเกมนี้ไปได้

ความคลาดเคลื่อนของเวลา

ตัดภาพมาที่กลุ่มอะริสุ … ตอนนี้อะริสุอยู่กับอุซางิเพียงสองคน โดยสาวทูพีซขอเดินทางออกไปตามหาตัวชายสวมฮูดและคนอื่น ๆ เพื่อรวมกำลังกันโค่นคิงโพดำ ที่เชื่อกันว่าเป็นลาสต์บอส

อะริสุกับอุซางิออกไปล่าสัตว์เพื่อมาทำอาหารกินกัน ทั้งสองพยายามวิ่งจับกระต่ายตัวหนึ่ง ทำให้หลงเข้ามาในพื้นที่หนึ่ง พื้นที่ที่มีศพคนตายเกลื่อนอย่างน่าสยดสยอง ทั้งสองเดินไปเรื่อย ๆ ก็พบว่าสถานที่นี้เหมือนเป็นชุมชนเล็ก ๆ ที่ผู้คนจำนวนหนึ่งมาอยู่รวมกัน บ้างก็อยู่บนรถบ้าน บ้างก็อยู่ตามเต็นท์ มีที่อยู่อาศัยคล้ายเพิงที่ทำขึ้นง่าย ๆ แต่ตอนนี้พวกเขาตายกันหมดแล้ว จังหวะนั้น อะริสุเหลือบตาไปเห็นชายคนหนึ่งนั่งพิงรถบ้านขยับตัวไปมา เขาจึงรีบวิ่งเข้าไปดู ชายที่มีเลือดเปรอะเต็มร่างกายพูดออกมาอย่างแผ่วเบาว่า “ฟิล์ม …” คำเดียวที่ออกจากปากแล้วชายคนนั้นก็สิ้นใจ

อะริสุกับอุซางิจึงขึ้นไปบนรถบ้าน บนรถมีฟิล์ม 8 มม. พร้อมกับเครื่องฉายแบบมือหมุนวางอยู่ อะริสุจึงเปิดม้วนฟิล์มดู เป็นวิดีโอที่ถ่ายโดยชายที่พิงรถบ้าน เขาแนะนำตัวเองในวิดีโอว่าชื่อไคโตะ โดยบอกว่าเขาต้องการบันทึกเรื่องราวที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ เพื่อหาความจริงให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่

ช่วงกลางวิดีโอมีภาพของ อัน (รับบทโดย อายากะ มิโยชิ) ตำรวจหญิง แผนกนิติเวช อดีตหนึ่งสมาชิกระดับสูงของบีช เธอบอกว่าพบพวกพืชมีอัตราการเติบโตเร็วผิดปกติในพื้นที่นอกเมือง หรือบางอย่างก็เน่าเปื่อยเร็วขึ้น อันตั้งสมมติฐานว่าอาจมีการคลาดเคลื่อนของเวลาระหว่างที่แต่ละคนมายังโลกนี้ ในตอนท้าย อันพูดกับกล้องว่า “ฉันจะไปไปนอกโตเกียว ฉันต้องการรู้ว่าโลกนี้มันคืออะไรกันแน่”

ในตอนท้าย คิงโพดำก็ปรากฏตัวขึ้น ปรากฏตัวขึ้นด้วยกระสุน ปัง ๆ ๆ ๆ การกราดยิง การสังหารหมู่ได้เริ่มต้นอีกครั้ง และมันฆ่าคนที่อยู่ในชุมชนตายทั้งหมด !

อะริสุกับอุซางิดูวิดีโอจนจบ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เรือเหาะคิงโพดำลอยมาเหนือรถบ้าน ไม่นานนัก เสียงปืนก็ดังกึกก้อง ทั้งสองรีบวิ่งหนีเอาชีวิตรอดเข้าไปในป่า ด้วยความมืดในป่าที่รกทึบ ทั้งสองก็หลงกันไปคนละทิศคนละทาง ก่อนที่จะเจอฟาดเข้าที่หัวจนสลบไป

เมื่อเขาตื่นขึ้น อะริสุได้พบหญิงสาววัยรุ่นหน้าตาน่ารัก ขาข้างหนึ่งของเธอสวมด้วยเหล็ก และอีกคนที่เขาได้เจอก็คืออดีตเบอร์สองของบีช อะงุนิ !

EP.5 จะมีชีวิตอยู่ไม่ต้องมีเหตุผลหรอก

อะริสุคุยกับอะงุนิ ซึ่งรอดตายจากโศกนาฏกรรมที่บีช อะงุนิเผยความตั้งใจของเขาว่า ต้องการฆ่าคิงโพดำจะได้จบ ๆ เกมนี้ไปซะ แม้ดูเป็นความพยายามรนหาที่ตายก็เถอะ

ทีนี้ ภาพก็แฟลชแบ็กตัดกลับไปเล่าเรื่องของหญิงสาวขาเหล็ก เธอมีชื่อว่า อาคาเนะ (รับบทโดย ยูริ ทสึเนะมัตสึ) เป็นเด็กนักเรียนชั้นมัธยมปลาย ระหว่างที่กำลังเที่ยวเล่นอยู่กับเพื่อน ๆ นักเรียน จู่ ๆ ก็เกิดมีเสียงคล้ายพลุดังขึ้น เมื่อเงยหน้ามองขึ้นไปบนฟ้า เธอก็วาร์ปมาที่การสนามฟุตบอลขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งกลายเป็นเกมแรกและเป็นเกมสุดท้ายของเธอ

เกมต้มทั้งเป็น ระดับความยาก 7 โพดำ ♠️ กติกาคือ ถ้าผู้เล่นหนีออกจากพื้นที่ได้ก่อนสนามถล่มจะถือเป็นผู้ชนะ ระหว่างที่ผู้ร่วมเล่นเกมคนอื่น ๆ กำลังทำท่างง ๆ กันอยู่นั้น อาคาเนะรีบวิ่งออกจากสนามด้วยความกลัว ทันใดนั้น สนามก็พังทลายและพื้นก็ระเบิดขึ้น ร่างของหญิงสาวโดนระเบิดจนกระเด็น หน้าแข้งของเธอโดนเหล็กแหลมแทง หญิงสาวฟื้นขึ้นหลังจากหมดสติไปสักพัก เธอมองไปรอบ ๆ ตัวเห็นเพียงซากปรักหักพัง ไม่มีใครมีชีวิตเหลืออยู่แล้ว อุณหภูมิในตอนนี้ก็สูงขึ้นมากเข้าใกล้จุดเดือดเต็มที อาคาเนะดึงขาตัวเองออกจากเหล็กแหลมที่ปักคาอยู่ ก่อนจะค่อย ๆ คลานออกมาทีละนิด ๆ ผ่านช่องระบายอากาศจนรอดชีวิตได้

อย่างไรก็ตาม แม้จะรอดจากเกม แต่แผลที่ขาของอาคาเนะกลับติดเชื้อ จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตัดขาตัวเองเพื่อเอาชีวิตรอด โดยได้รับความช่วยเหลือจากหมอขี้เมาที่ผ่านมาเจอพอดี

จริง ๆ หมอก็ไม่ได้ช่วยเพราะจรรยาบรรณแพทย์อะไรนั่นหรอก เพียงแต่เขาต้องการระบายอารมณ์บางอย่างกับเด็กสาวเป็นข้อแลกเปลี่ยน ซึ่งอาคาเนะก็จำใจแบะขาให้หมอขี้เมาแลกกับการมีชีวิตรอด

ตัดกลับมาปัจจุบัน อะงุนิส่งปืนให้กับอะริสุ จากนั้นทั้งสามก็พากันมาตั้งเต็นท์ที่บริเวณหน้าผา ซึ่งอะงุนิวางกับดักและเลือกชัยภูมิโดยใช้ทักษะทางการทหารเพื่อให้ได้เปรียบเหนือคิงโพดำ

คืนนี้ คิงโพดำมันมาจริง ๆ มันมาพร้อมกับ Night Vision อะงุนิที่ดักรออยู่สาดกระสุนเข้าใส่คิงโพดำไปชุดใหญ่ แต่มันไม่เป็นอะไร “มันคงใส่เสื้อเกราะกันกระสุนอยู่สินะ” … จากนั้น การต่อสู้อย่างดุเดือดก็ได้เริ่มต้นขึ้น อะริสุกระโดดลงแม่น้ำจากหน้าผาเพื่อหลบระเบิดมือ อย่างไรก็ตาม หลังต่อสู้กันพักใหญ่ เสียงปืนก็เงียบลงโดยไม่มีใครตาย

อะริสุถูกน้ำซัดมาที่เมืองร้าง เมืองที่ตอนนี้ถูกปกคลุมโดยต้นไม้และพืชนานาชนิด เขาเดินไปเรื่อย ๆ จนเห็นเรือเหาะลำหนึ่งกำลังไฟลุกไหม้ เสียงผู้คนโห่ร้องด้วยความดีใจที่ชนะเกมได้ อะริสุพยายามมองหาว่ามีอุซางิอยู่ในกลุ่มคนเหล่านั้นหรือไม่ แต่แล้วเขาก็ต้องผิดหวัง

เกมหมากรุก ระดับความยาก ควีนโพดำ ♠️

อะริสุคิดว่าอุซางิต้องเข้าร่วมเล่นเกมโพดำอย่างแน่นอน เพราะเป็นเกมใช้กำลังที่เธอถนัดที่สุด และตอนนี้ก็เหลือแค่ควีนโพดำเท่านั้น อะริสุมั่นใจว่าต้องได้เจออุซางิที่สถานที่เล่นเกมแห่งนั้นแน่นอน

แล้วก็เป็นตามที่คิด อะริสุเจออุซางิที่นั่น หลังจากกอดกันให้หายคิดถึงเกมก็เริ่มต้นขึ้น เกมนี้มีชื่อเกมว่า ‘เกมหมากรุก’ มีระดับความยากอยู่ที่ควีนโพดำ ♠️ กติกาการเล่นแสดงบนหน้าจอแอลอีดีขนาดใหญ่ …

ผู้เล่นจะถูกแบ่งออกเป็นสองทีม ทีมควีนโพดำ (4 คน) VS ทีมผู้เล่น (16 คน) โดยทุกคนต้องใส่ปลอกคอที่มีไฟสีแสดงสัญลักษณ์ ทีมควีนสีแดง ทีมผู้เล่นสีฟ้า โดยด้านหลังปลอกคอจะมีปุ่มให้กดหนึ่งปุ่ม … การเล่นจะแบ่งออกเป็น 16 รอบ โดยผลัดกันเป็นฝ่ายวิ่งไล่จับเพื่อกดปุ่มผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม ผู้เล่นที่ถูกกดปุ่มสีปลอกคอก็จะเปลี่ยน และกลายเป็นผู้เล่นของฝ่ายที่กดปุ่มได้

อธิบายง่าย ๆ แบบไม่งงก็คือ มันคือเกมวิ่งไล่จับ เมื่อครบ 16 รอบ ทีมไหนมีคนมากกว่าก็ชนะ ทีมแพ้ก็โดนเลเซอร์ยิงกบาลแบบเก่า ทั้งนี้จะมีกฎอยู่หนึ่งข้อก็คือ แต่ละทีมจะมีหนึ่งคนที่ถูกเลือกให้เป็นคิง ซึ่งคิงจะไม่สามารถเปลี่ยนฝังได้ พูดง่าย ๆ ก็คือ คนที่เป็นคิงจะต้องตายสถานเดียวถ้าทีมแพ้ ในขณะที่ผู้เล่นคนอื่น ๆ ถ้าย้ายไปอยู่ฝั่งทีมผู้ชนะก็รอด

แล้วคิงของทีมผู้เล่นก็คือเด็กน้อยโคตะ วัยไม่ถึงสิบขวบ เด็กชายที่อุซางิพามาเล่นเกมนี้ด้วย เพราะวีซ่าของเด็กน้อยเหลือวันนี้เป็นวันสุดท้าย …

มันคือเกมที่ต้องเลือกว่า จะฆ่าเด็กหรือช่วยเด็กนั่นเอง !

ตัดช่วงการต่อสู้วิ่งไล่ล่าออกไป ด้วยสกิลการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดาของหญิงสาวที่ถูกเรียกว่า “ควีนโพดำ” ทำให้ตอนนี้ทีมควีนนำทีมผู้เล่นอยู่ 17 ต่อ 3 … ทีมผู้เล่นเหลือแค่อะริสุ อุซางิ แล้วก็เด็กน้อยโคตะ ทุกคนต้องการที่จะอยู่ทีมควีนโดยไม่สนใจเด็กน้อยโคตะเลยแม้แต่นิดเดียว

ในขณะที่ทีมชนะใส ๆ ควีนโพดำก็กล่าวกับทุกคนว่า เธอต้องการเก็บอะริสุไว้ เพราะเป็นผู้ชายในสเปคของเธอ

EP.6 ความยุติธรรมไม่มีอยู่จริง

อุซางิดวลหมัดต่อหมัดกับควีนโพดำ เธอพยายามทำทุกอย่างเพื่อช่วยเด็กน้อยโคตะ ซึ่งตรงกันข้ามกับคิงโพดำ “เด็กนั่นก็น่าสงสารอยู่นะ แต่คนเราก็มักจะมองว่าชีวิตตัวเองสำคัญกว่าชีวิตคนอื่น มนุษย์ก็เป็นแบบนี้แหละนะ” … การดวลกันครั้งนี้อุซางิเจอควีนโพดำอัดซะหมอบลงไปนอนกองอยู่กับพื้น ก่อนที่ควีนโพดำจะปล่อยอุซางิให้นอนอยู่ยังนั้นด้วยสายตาสมเพช

อุซางิคิดแผนบางอย่างขึ้นมาได้ เธอต้องทำให้ผู้เล่นคนอื่น ๆ เชื่อว่ามีสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าการชนะเกมนี้ เธอจึงพยายามดึงให้ทุกคนดราม่ากับการได้กลับไปใช้ชีวิตในโลกเดิม “ตอนนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่การชนะเกมนี้นะ แต่การกลับไปโลกเดิมต่างหาก ถ้าคิดจะชนะเกมนี้อย่างเดียวก็ทำตามคำสั่งควีนไปเถอะ” … อะริสุพูดเสริมว่าเราอาจจะได้กลับไปยังโลกเดิมถ้าเคลียร์เกมจนหมด ซึ่งตอนนี้ก็เหลืออีกแค่ไม่กี่เกมเท่านั้น

การแข่งขันดำเนินไปจนเหลือเพียงตาสุดท้าย ทุกอย่างกลับพลิกกลับตาลปัตรอย่างไม่น่าเชื่อ ทีมผู้เล่นกลับมาชนะด้วยคะแนน 1-19

อะริสุพยายามเค้นหาคำตอบจากควีนโพดำว่า เมื่อเล่นเกมจบทุกเกมแล้วจะได้อะไร ควีนโพดำตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “นายจะรู้คำตอบได้ก็ต่อเมื่อเคลียร์เกมสุดท้ายแล้วเท่านั้น” แล้วเธอก็กระโดดลงมาจากความสูงหลายสิบชั้น เธอกางแขนออกราวกับนกที่โบยบิน แล้วเลเซอร์สีแดงก็ยิงลงมาจากฟ้าเข้ากลางกบาลก่อนที่เธอจะตกลงสู่พื้น มันเป็นการตายที่เย่อหยิ่งยิ่งนัก

หลังจัดการกับควีนโพดำได้แล้ว อุซางิกับอะริสุก็ออกเดินทางต่อ เดินไปเดินมาก็ไปเจอเข้ากับซากปรักหักพังของสนามกีฬาที่อาคาเนะเคยเล่นใน ‘เกมต้มทั้งเป็น’ ด้านในมีบ่อน้ำพุร้อน ทั้งสองจึงชวนกันลงไปออนเซ็น “ไม่ได้อาบน้ำมานานแค่ไหนแล้วเนี่ย”

ทีนี้ ระหว่างที่แช่น้ำกันอย่างมีความสุข ทั้งสองก็ตกใจอึ้งไปยี่สิบแปดตลบ เมื่อจู่ ๆ ช้างโผล่มาเล่นน้ำหลายตัว เป็นความอึ้งอยู่อย่างนั้นนานหลายนาที และเมื่อสุดท้ายทั้งสองพบว่าช้างไม่มีทีท่าทำอันตราย ความโรแมนซ์ก็เกิดขึ้น ทั้งสองค่อย ๆ ประกบฝีปากเข้าหากันเพื่อแสดงความรัก แต่ความโรแมนซ์ก็ถูกกระชากอารมณ์ทันที เมื่อพวกเขาเหลือบตาไปเห็นศพที่เรียงรายอยู่ใต้ซากปรักหักพัง !

เกมตาชั่ง คิงข้าวหลามตัด ♦️

ณ อาคารศาลฎีกา … เกมนี้มีผู้เล่นทั้งหมด 5 คน ชายสวมฮูดนั่งอยู่พร้อมกับผู้เข้าแข่งขันอีก 3 คน บวกกับคิงข้าวหลามตัด ทั้งหมดนั่งล้อมกันรอบโต๊ะกลมขนาดใหญ่ ที่เอวมีเข็มขัดขนาดใหญ่ล็อกทุกคนเอาไว้กับเก้าอี้ เหนือหัวของแต่ละคนจะมีภาชนะเอาไว้ใส่น้ำกรด ซึ่งจะไหลออกมาจากก๊อกเมื่อผู้เล่นจนนั้นแพ้ทีละนิด ๆ เมื่อผู้เล่นคนใดแพ้ น้ำกรดก็จะถูกเทลงมา ร่างจะสูญสลายไปด้วยฤทธิ์ของน้ำกรดเพียงไม่กี่วินาที

ด้านหน้าของผู้เล่นแต่ละคนจะมีอุปกรณ์คล้าย iPad วางอยู่ หน้าจอถูกล็อกเอาไว้แสดงตัวเลข 1-100

ส่วนวิธีการเล่นก็เหมือนจะง่ายแสนง่ายแต่ซับซ้อนชวนปวดหัวยิ่งนัก ในแต่ละรอบมีเวลา 3 นาทีในการเลือกตัวเลข 0-100 จากนั้น ระบบจะเอาตัวเลขที่ทั้งห้าคนเลือกมาหาค่าเฉลี่ย แล้วค่าเฉลี่ยที่ได้นี้แหละก็จะเอามาคูณกับ 0.8 ผู้ชนะคือคนที่เลือกตัวเลขที่ใกล้ผลลัพธ์มากที่สุดนั่นเอง เล่นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ผู้แพ้จะถูก -1 แต้ม ใครก็ตามที่มีแต้ม -10 ก็จะโดนน้ำกรดราดตัว ตายไปอย่างน่าอนาถ

การเล่นรอบแรก ๆ ผู้เล่นยังคงงงงวยกับเกม พอผ่านไปไม่กี่รอบแต่ละคนก็เริ่มเข้าใจมากขึ้น มีผู้เล่นคนหนึ่งเหมือนสวมจิตวิญญาณของพิธากอรัส คิดคำนวณออกมาเป็นฉาก ๆ สูตรคำนวณในหัววิ่งอย่างกับฝัง RTX 4900 เอาไว้ในหัว อีกคนเป็นโบรกเกอร์ค้าหลักทรัพย์ ตรรกะที่เขาคิดคือ วิธีจะเอาชนะจะต้องคาดการณ์ตัวเลขที่คนหมู่มากเลือกให้ได้ ส่วนเจ๊ผู้หญิงอีกคน ตอนแรกก็ออกจะงง ๆ แต่เล่นไปเล่นมากลับคิดนู่นนี่นั่นจนซับซ้อนหัวจะปวดไปหมด

ทุกคนต่างกับชายสวมฮูดโดยสิ้นเชิง เขาเป็นเพียงคนเดียวที่คิดนอกกรอบ เมื่อทุกคนต่างใช้ตรรกะในการหาตัวเลขที่ดีที่สุด โดยตั้งสมมติฐานว่าทุกคนต้องใช้ตรรกะเดียวกัน ชายสวมฮูดมาเหนือโดยการทำลายตรรกะเหล่านั้น เกมตานั้นเขาจึงเลือกเลข 100 เลขที่ผู้เลือกมีโอกาสชนะเท่ากับศูนย์ … ผลก็คือ ชายนักคณิตศาสตร์กับชายมาร์เก็ตติ้งตลาดหุ้นตายไปก่อนเลยสองคนแรก

ระหว่างนั้น ภาพแฟลชแบ็กเผยว่า คิงข้าวหลามตัดเป็นอดีตทนายความที่ต้องการทำให้โลกดำรงความยุติธรรม แต่ความเป็นจริงมันไม่ได้ใกล้เคียงอย่างนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว เขาต้องเจ็บปวดกับคำพูดที่ว่า กฎหมายสร้างอุดมคติลวงที่เรียกว่า “ความยุติธรรม” ขึ้นมา เพื่อให้ทุกคนยึดถือมัน ทั้ง ๆ ที่ความยุติธรรมไม่มีอยู่จริง !

จากนั้น ภาพก็แฟลชแบ็กกลับไปในอดีตของชายสวมฮูด เขาเป็นหมอ … เขายังจำได้ดีว่าเขาต้องเลือกผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะให้ผู้ให้อุปการะโรงพยาบาล และต้องปล่อยให้เด็กชายคนหนึ่งต้องตาย เขาเจ็บปวดที่ต้องเลือกให้ใครตาย แต่เขาก็ยอมรับมัน เพราะชายสวมฮูดรู้ดีว่าความยุติธรรมมันไม่มีจริง !?

ตัดกลับมาที่เกม … เจ๊ผู้หญิงมีคะแนน -10 ต้องตายไป ตอนนี้เหลือเพียงคิงข้าวหลามตัด (คะแนน -7) กับชายสวมฮูด (คะแนน -9) สถานการณ์ตอนนี้บอกได้คำเดียวว่า ชายสวมฮูดรอดยาก

ด้วยความที่คิงข้าวหลามตัดเป็นผู้ที่ยึดติดกับอุดมคติเรื่องความยุติธรรม เมื่อมาสร้างเกมของตัวเอง เขาก็พยายามจะทำทุกอย่างให้ยุติธรรมมากที่สุด โดยการตั้งกฎเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งข้อ “หากมีผู้เล่นเลือกเลข 0 ผู้เล่นอีกคนที่เลือกเลข 100 จะเป็นฝ่ายชนะ”

ชายสวมฮูดพูดเปรยออกไปด้วยน้ำเสียงอันราบเรียบ “นายก็น่าจะรู้อยู่แล้วนี่นา ว่าโลกนี้ไม่มีความยุติธรรมหรือความเท่าเทียม”

“ก็เพราะมันไม่มียังไงล่ะ เราถึงต้องดิ้นรนต่อสู้” คิงข้าวหลามตัดตวาดกลับไป

ชายสวมฮูดตัดสินใจเลือกเลข 100 “เชิญนายตัดสินได้เลยว่าชีวิตของฉันมีค่าพอที่ควรจะได้อยู่ต่อหรือเปล่า” นั่นหมายความว่าถ้าคิงข้าวหลามตัดเลือก 0 ชายสวมฮูดก็จะสิ้นชื่อ แต่ที่เขาเลือกทำแบบนี้เพราะต้องการหยิบยื่น “ความยุติธรรม” ให้คิงข้าวหลามตัดเป็นผู้ตัดสิน และคิงข้าวหลามตัดก็เลือกกดศูนย์เพื่อให้ตัวเองแพ้ จนแต้มมาเสมอกันที่ -9

มาถึงตาสุดท้าย ชายสวมฮูดก็เลือกเลข 100 เช่นเดิม คิงข้าวหลามตัดต้องเลือกแล้วว่า กด 0 เพื่อฆ่าตัวเอง หรือว่ากด 1 เพื่อฆ่าชายสวมฮูด

“ฉันไม่เคยเข้าใจคุณค่าของชีวิต ฉันไม่สามารถตัดสินคุณค่าของมันได้ แต่ตอนนี้สิ่งที่ฉันตัดสินได้ …” คิงข้าวหลามตัดพูดไม่จบประโยคมือเขาก็เอื้อมไปกดเลข 0 ก่อนจะพูดด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้มอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เหมือนตัวเองบรรลุสัจธรรมของชีวิตอะไรแบบนั้น “… อย่างน้อยเกมที่ฉันเป็นคนกำหนดกติกา ฉันก็ทำให้มันยุติธรรม”

EP.7 คิงโพดำนี่มันคนหรือปีศาจ

อะริสุบังเอิญเจอกับชายสวมฮูดที่กลางแยกชิบุยะ ที่ตอนนี้มีสภาพไม่ต่างไปจากป่าคอนกรีต ทั้งสองกล่าวทักทายกันได้ไม่กี่คำ ไอ้บ้านิรากิก็ปรากฏตัวขึ้น และประกาศให้ทั้งสองร่วมเล่นเกมบ้าบอคอแตกของมัน เกมที่ต้องใช้ปืนไล่ยิงกันให้ตาย

ในมือของนิรากิถือปืนลูกโม่ลำกล้อง 5 นิ้วหนึ่งกระบอก มันโยนอีกกระบอกให้ชายสวมฮูด ส่วนอะริสุก็พกปืนลูกซองในมืออยู่ก่อนแล้ว จากนั้นนิราก็เริ่มฉากยิงต่อสู้กัน มันนึกว่าตัวเองเป็นคาวบอยมาจากเท็กซัสหรือไง ระหว่างนั้น อุซางิมาหาอะริสุพอดี นิรากิจึงหันปากกระบอกปืนไปที่เธอและเหนี่ยวไก ทันใดนั้นได้เกิดเสียงกระสุนลั่นพร้อมกันจากปืนสองกระบอก … กระสุนนัดหนึ่งออกจากปืนลูกซองในมือของอะริสุ ด้วยความแรงทำให้ร่างของนิรากิกระเด็นไปไกล … อีกนัดออกจากปืนในมือของนิรากิ เล็งเป้าไปที่อุซางิ แต่ชายสวมฮูดกลับมาขวางทางกระสุน เขายอมตายโดยยอมเป็นโล่กำบังให้อุซางิ !!!

นิรากิกับชายสวมฮูดลงไปบนกองกับพื้น หายใจพะงาบ ๆ อยู่อย่างนั้น ไม่ห่างก็เป็นร่างชายสวมฮูดที่นอนรอความตายอยู่เช่นกัน

แต่อุซางิกับอะริสุไม่มีเวลาให้กับความตื่นเต้นตกใจ เพราะขณะนี้เรือเหาะของคิงโพดำได้มาลอยอยู่เหนือหัวพวกเขาแล้ว ทั้งสองจึงรีบวิ่งเพื่อหาที่กำบัง ระหว่างนั้นก็ได้เจอกับสาวทูพีซและอัน ทั้งสี่จึงตกลงจะร่วมมือกันจัดการกับคิงโพดำให้สิ้นซาก การต่อสู้อย่างดุเดือดบ้าคลั่งจึงเริ่มขึ้น โดยมีผู้เล่นคนอื่น ๆ ร่วมด้วย

คิงโพดำที่ปกปิดใบหน้าและร่างกายด้วยชุดคลุมสาดกระสุนยิงใส่ผู้คนไม่ยั้ง ทันใดนั้น มีผู้เล่นคนหนึ่งขับรถพุ่งเข้าชนคิงโพดำ แล้วรถก็เกิดระเบิดขึ้น ไฟลุกท่วมท่ามกลางความดีใจของคนขับรถคันนั้น “ฉันจัดการไอ้คิงโพดำได้แล้วโว้ย” ไม่ทันสิ้นเสียงดีใจ คิงโพดำโผล่ออกมาจากกองเพลิง มันโยนชุดคลุมทิ้งเผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของมัน นี่มันคือคนหรือปีศาจกันเนี่ย ! คิงโพดำสาดกระสุนไปที่ชายคนนั้นที่กำลังดีใจ แล้วการไล่ล่าก็ดำเนินต่อไป

ตอนนี้ มีสาวขาเดียวนักแม่นธนูอาคาเนะกับอะงุนิมาสมทบด้วย รวมกันเป็นหกคน พวกเขาจึงวางแผนโดยจะให้อะริสุพกระเบิดเพลิงเข้าไปในร้านขายยา ซึ่งในร้านขายยามีแก๊สบางอย่างที่สามารถเพิ่มแรงระเบิดได้ ส่วนคนที่เหลือก็จะล่อคิงโพดำให้เข้าไปในซอกตึก เพื่อที่เรือเหาะจะไม่สามารถส่งกระสุนเติมให้มันได้

ทั้งหมดยกเว้นอะริสุเข้ารุมคิงโพดำ แต่ไม่น่าเชื่อว่ามันจะแข็งแกร่งได้ขนาดนี้ มันโดนทั้งหมัดทั้งมีดทั้งลูกธนู แต่มันก็ไม่มีทีท่าว่าจะล้มคว่ำลงไปนอนกองกับพื้นเลยแม้แต่นิดเดียว สุดท้ายก็กลายเป็นโศกนาฏกรรม … อันโดนยิงเข้าท้องไปหลายนัด นอนนิ่งจมกองเลือด … สาวทูพีซโดยแทงนับครั้งไม่ถ้วนเข้าที่ชายโครง นอนกะพริบตาปริบ ๆ แม้ยังไม่ตายแต่ก็หมดสภาพ … อุซางิโดนเข้าที่ขา จนเดินไม่ได้ … สาวนักแม่นธนูอาคาเนะก็โดนเหวี่ยงกระเด็นไปนอนกองอยู่กับพื้น แล้วก็โดนลูกปืนไปอีกหลายนัด

อะงุนิเป็นคนเดียวที่สามารถต่อสู้กับคิงโพดำได้อย่างสูสี ยิ่งเมื่อเห็นอาคาเนะ หญิงสาวที่ตัวเองรักโดนทำร้าย ยิ่งทำให้อะงุนิยิ่งได้รับบัฟพลังความโกรธเข้าไปอีก แต่ก็นั่นแหละ ยังไงก็ยังสู้คิงโพดำไม่ได้อยู่ดี

ทีนี้ ก็มาถึงเวลาที่อะริสุต้องออกโรงตามแผน เขาล่อคิงโพดำให้ไปที่ร้านขายยา ซึ่งในขณะนี้ภายในร้านอัดแน่นไปด้วยแก๊สกระป๋องที่เตรียมเอาไว้ แล้วจังหวะนั้นอะงุนิก็พุ่งเข้าใส่ร่างของคิงโพดำให้ลงไปนอนกับพื้น ก่อนที่จะตะโกนบอกอะริสุให้จุดระเบิดเพลิง ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกับที่อะงุนิดึงร่างของอะริสุพุ่งออกไปทางกระจก แรงเบิดทำเอาทั้งสามกระเด็นไปไกล ไฟลุกขึ้นท่วมปกคลุมไปทั้งตึกร้านขายยา

แต่น่าเหลือเชื่อ ทุกคนยังไม่ตาย คิงโพตายนั่งพิงซากรถหายใจพะงาบ ๆ อะงุนิเดินเข้าไปหาคิงโพดำ ทั้งสองมองตากัน ในโลกเดิมทั้งสองเคยเป็นทหารร่วมรบกันอย่างนั้นเหรอ !? จากนั้น คิงโพดำก็ค่อย ๆ ใช้แรงทั้งหมดที่ยังเหลือยกปืนให้กับอะงุนิ เป็นสัญญาณให้ยิงกบาลเขาเพื่อจบเกมนี้ซะ พร้อมกับพูดออกมาว่าทั้งหมดที่ทำลงไปเขาทำไปด้วยความจำเป็น … เรือเหาะคิงโพดำระเบิดและร่วงลงสู่พื้น เกมเคลียร์

ภาพตัดมาที่อัน เธอตายไปแล้วหรือยังนะ !? สาวทูพีซที่เจียนตายเช่นกันมองไปที่ร่างของอัน แล้วน้ำตาก็ไหลออกมา ส่วนคนอื่น ๆ ทุกคนยังมีชีวิตอยู่ ชายสวมฮูด ไอ้บ้านิรากิ ทุกคนยังมีชีวิตอยู่ แต่พวกเขาจะอยู่รอดถึงเกมสุดท้ายหรือเปล่านะ

อะริสุค่อย ๆ ประคองอุซางิไปที่เรือเหาะควีนโพแดง เกมสุดท้าย สถานที่เล่นเกมเป็นดาดฟ้าของตึกสูง อะริสุกับอุซางิลงทะเบียนเล่นเกม ทั้งสองค่อย ๆ เดินไปยังสถานที่เล่นเกมที่ทำได้อย่างสวยงาม ตรงกลางมีสนามหญ้าที่ทำไว้สำหรับเล่นโครเกต์โดยเฉพาะ แล้วควีนโพแดงก็ปรากฏตัวขึ้นในชุดเดรสเกาะอกพร้อมด้วยรอยยิ้ม “ขอต้อนรับเข้าสู่เกมสุดท้าย”

EP.8 แดนมรณะมันคืออะไรนะ ?

ควีนโพแดงยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์พร้อมกับอธิบายเกมที่อะริสุกับอุซางิจะต้องเล่น มันเป็นเกมที่ชื่อว่า “โครเกต์” เป็นเกมที่ได้รับความนิยมในอังกฤษช่วงศตวรรษที่ 19 อะริสุทำท่างง มันคือเกมอะไร เล่นยังไง ? ว่าที่จริงคงมีคนจำนวนมากที่เพิ่งเคยได้ยินชื่อเกมนี้เป็นครั้งแรกด้วยซ้ำ แต่ควีนโพแดงก็ตอบอะริสุ “คือว่า จริง ๆ กติกาการเคลียร์เกมนี้คือเล่นให้จบสามเซต ก็ถือว่าเคลียร์เกมนี้ได้แล้ว” นั่นหมายความว่าไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ ขอแค่เล่นให้จบเท่านั้น … ทำไมมันง่ายขนาดนั้น ? อะริสุทำท่างงงวยกับกติกาที่ดูจะง่ายเกินไป

อย่างไรก็ตาม ควีนโพแดงชนะในเซตแรก ส่วนในเซตที่สองอะริสุเป็นผู้ชนะ แต่ก่อนจะเริ่มเซตที่สาม ควีนโพแดงได้บอกว่าเป็นช่วงพักดื่มชา ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของผู้ดีอังกฤษ อะริสุประคองอุซางิมาที่โต๊ะชาที่ถูกจัดวางไว้เป็นอย่างดี

อะริสุมานั่งที่โต๊ะชา แต่สิ่งที่เขาต้องการในตอนนี้ไม่ใช่ชาร้อน ๆ รสชาติดี ๆ สิ่งที่เขาต้องการคือคำตอบ “พอเล่นเกมนี้จบแล้วเราจะได้กลับโลกเดิมหรือเปล่า ?” ทีนี้ ควีนโพแดงก็ร่ายยาว เล่าว่าโลกพันปีหลังจากที่อะริสุและเพื่อน ๆ จากมานั้น มีเทคโนโลยีและความรู้ทางวิทยาศาสตร์ก้าวหน้ามาก ๆๆๆ จนทำให้มนุษย์ใช้ชีวิตได้ยืนยาว และโลกนี้คือเกมเสมือนจริงที่อะริสุกำลังเล่นอยู่

อะริสุงงล่ะสิ ทั้งหมดนี่คือเกมจริง ๆ เหรอ ? จังหวะนั้น อะริสุมองเห็นกล้องตัวเล็ก ๆ ที่ซ่อนอยู่ในพุ่มไม้ ทำให้เขาเริ่มเคลิ้มว่า นี่คงเป็นเกมที่เขากำลังเล่นอยู่จริง ๆ สินะ แต่ขณะที่อะริสุกำลังเชื่อ ควีนโพแดงก็หัวเราะร่าออกมา แล้วบอกว่า “ล้อเล่น”

อะริสุโดนควีนโพแดงปั่นประสาทไปหนึ่งยก ทำให้เขาเริ่มแสดงอาการโมโห จากนั้น ควีนโพแดงจึงบอกว่าเธอจะยอมพูดความจริง แล้วก็เล่าว่าโลกที่กำลังอยู่นี้เป็นเพียงเกมที่ถูกสร้างขึ้น และทุก ๆ คนที่อยู่ที่นี่ก็เป็นเพียงหุ่นแอนดรอยด์ที่ใส่โปรแกรมความทรงจำเข้าไป ส่วนตัวเธอก็เป็นผู้ควบคุมเกม … สักพัก ควีนโพแดงก็หัวเราะขึ้นมาอีกรอบ แล้วก็พูดเหมือนเดิม “นี่เชื่อจริงหรือเนี่ย ไม่ไหว ๆ”

สุดท้าย ควีนโพแดงตกลงว่าจะบอกความจริง จริง ๆ แล้วเธอเป็นจิตแพทย์ที่ดูแลอาการป่วยของอะริสุ ที่ได้รับความบอบช้ำจากการสูญเสียเพื่อนไนเหตุการณ์รถชนที่แยกชิบุยะ ส่วนอุซางิก็เป็นคนไข้ที่รักษากับเธอเช่นกัน และการที่เขาได้มาเล่นเกมในโลกนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของการรักษา มันเป็นโลกที่ไม่มีอยู่จริง จากนั้นควีนโพแดงก็บอกให้อะริสุกินยาแคปซูลเพื่อจะได้ผ่อนคลาย

คราวนี้ อะริสุเชื่อจริง ๆ เขาเชื่อว่าเขาเป็นผู้ป่วยของควีนโพแดงจริง ๆ เขากำลังจะเอื้อมมือไปหยิบยามากิน ทันใดนั้น อุซางิก็เข้ามาปัดมือของเขาจนยาตกลงบนพื้น แล้วเธอก็พยายามทวงสัญญาที่เขาเคยบอกกับเธอว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเขาจะปกป้องเธอ แล้วอะริสุก็ไม่ทำตามที่ควีนโพแดงต้องการ เขาจะเล่นเกมนี้ให้จบเพื่อเคลียร์เกมนี้

สุดท้าย อะริสุก็กลับมาเล่นโครเกต์จนจบเซตที่สาม จากนั้น ควีนโพแดงก็โดนเลเซอร์ยิงกบาลตาย เรือเหาะควีนโพแดงก็พังพินาศลง พลุดอกไม้ไฟถูกจุดขึ้นดังสนั่นสว่างไสวไปทั่วเมือง พร้อมกับเสียงที่ประกาศว่าเกมถูกเคลียร์ทั้งหมดแล้ว และผู้เล่นที่รอดชีวิตสามารถเลือกได้ว่าจะอยู่ที่นี่ต่อไป หรือว่าจะกลับไปยังโลกเดิม … ทุกคน (ที่เป็นตัวละครหลัก) ขอกลับไปโลกเดิม

กลับสู่โลกจริง

ภาพตัดกลับไปที่โลกจริง ไม่กี่นาทีก่อนที่อะริสุและคนอื่น ๆ จะได้มายัง Borderland แดนมรณะแห่งนี้ ตอนนั้นทุกคนอยู่ที่ย่านชิบุยะ จังหวะที่เกิดเสียงคล้ายดอกไม้ไฟดังที่ทุกคนหันขึ้นไปมองบนฟ้า แท้จริงแล้วมันเป็นอุกกาบาตจากนอกโลกพุ่งเข้าใส่โตเกียว มีผู้คนล้มตายและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก

อะริสุฟื้นขึ้นมาที่โรงพยาบาล เขาได้เจอพยาบาลที่บอกว่า เขาอยู่ในภาวะโคม่านานหนึ่งนาที (ก็คือช่วงเวลาที่เขาไปเล่นเกมในแดนมรณะ ซึ่งเทียบเท่ากับเวลาในโลกจริงหนึ่งนาที)

แล้วภาพก็ทยอยเผยให้เห็นชายสวมฮูดนอนเตียงผู้ป่วยใกล้ ๆ กับนิรากิ ทั้งสองคุยกันเหมือนคนไม่รู้จักกัน อาคาเนะ สาวทูพีซ อุซางิ อะงุนิ ทุกคนรอดชีวิต ส่วนอันที่นึกว่าตายไปแล้ว หมอก็พยายามช่วยกันจนพาเธอกลับฟื้นขึ้นมาอีกครั้งจนได้

ทั้งหมดได้กลับมาโลกจริงอย่างที่ต้องการ แต่ทุกคนกลับจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแดนมรณะไม่ได้ อะริสุเห็นหน้าอุซางิก็คุ้น ๆ แต่เมื่อเข้าไปทัก อุซางิก็บอกว่าเธอไม่เคยรู้จักเขามาก่อน

ในตอนท้าย ภาพตัดไปให้เห็นไพ่โจ๊กเกอร์ที่วางอยู่บนโต๊ะ แล้วก็ตัดจบไป

อธิบายตอนจบ Alice in Borderland

เริ่มจากชื่อซีรีส์ก่อน “Alice in Borderland” อลิสภาษาญี่ปุ่นจะออกเสียงว่า “อะริสุ” ส่วน Borderland ในซีรีส์จะหมายถึงดินแดนที่อยู่ระหว่างโลกจริงกับยมโลก ดังนั้น เกมทั้งหมดที่อะริสุและคนอื่น ๆ ร่วมเล่นนั้นเป็นโลกที่ยมทูต (ไพ่โจ๊กเกอร์) เป็นผู้สร้างขึ้น เพื่อให้คนเหล่านั้นได้พิสูจน์ว่า อยากกลับไปใช้ชีวิตมั้ยหรือว่าจะยอมตาย

และหนึ่งนาทีที่อะริสุมีอาการโคม่าในโลกจริง ก็คือเวลาทั้งหมดที่เล่นเกมอยู่ในแดนมรณะ

ไพ่โจ๊กเกอร์หมายถึงอะไร ?

ในซีรีส์ไม่ได้อธิบายเอาไว้ แต่ในมังงะ ไพ่โจ๊กเกอร์เป็นไพ่ตัวแทนของยมทูต และคือผู้สร้างแดนมรณะนี้ขึ้นมา อีกนัยหนึ่งก็คือเกมมาสเตอร์ เพื่อให้คนที่อยู่ในภาวะความเป็นความตาย (อย่างเช่น อะริสุอยู่ในอาการโคม่า) ได้เลือกว่าจะสู้เพื่อกลับไปโลกจริงหรือจะยอมตาย ถ้าไม่กลับไปโลกเดิมก็จะได้เป็นผู้คุมเกมต่อไป

อุซางิจำอะริสุได้มั้ย ?

จำไม่ได้ ไม่มีใครจำเรื่องราวระหว่างการเล่นเกมได้เลย แต่ประสบการณ์ที่พวกเขาได้รับตอนที่อยู่ในแดนมรณะส่งผลกลับมาในโลกจริง เช่น เห็นคุณค่าของชีวิตมากขึ้น ดังจะเห็นได้จากตัวละครทุกตัวที่กลับมาโลกจริงมีพัฒนาการไปในทางที่ดีขึ้น

ดูซีรีส์เรื่องนี้ที่เน็ตฟลิกซ์ : คลิกที่นี่​
Source: Netflix