Jirisan สปอยล์ : เรื่องราวความลึกลับบางอย่างของอุทยานแห่งชาติจีรีซาน ผ่านเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าสาวมือหนึ่ง กับเจ้าหน้าที่หนุ่มมือใหม่ …
EP.1 เขาที่มีพลังงานบางอย่าง
EP.2 โศกนาฏกรรม
EP.3 หุบเขาแห่งภูตผี
EP.4 ระเบิดมันฝรั่ง
EP.5 ผู้สมรู้ร่วมคิด
EP.6 ลมรักแรกที่พัดหวน
EP.7 ไฟเรือนยอด
EP.8 ฆาตกรรมอำพราง
EP.9 ผู้ต้องสงสัย
EP.10 หุบเขาตาปิศาจ
EP.11 เหตุผลที่กลับมาภูเขาอีกครั้ง
EP.12 แผลใจในอดีต
EP.13 ฆาตรกรรมอำพราง
EP.14 ฆาตกรตัวจริง
EP.15 แรงจูงใจ
EP.16 ตอนจบ
เรต 15+ คะแนน 6/10 เรตติ้งเฉลี่ย 8.4%
แนว : แอคชั่น ดราม่า ลึกลับ
EP.1 เขาที่มีพลังงานบางอย่าง
ปี 2018 ณ อุทยานแห่งชาติเขาจีรี หน่วยพิทักษ์ป่าแฮดง
คังฮยอนโจ (รับบทโดย จูจีฮุน) เริ่มทำงานเป็นวันแรกในฐานะเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าคนใหม่ในหน่วยพิทักษ์ป่าแฮดง แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้แนะนำตัว ภารกิจเร่งด่วนทำให้เขาถูกส่งไปช่วยเด็กมัธยมต้น อายุ 14 ปี ที่ขึ้นปีนเขาแล้วหายตัวไป
การออกค้นหาครั้งแรกของทีมค้นหาประสบความล้มเหลว ทำให้ในการออกค้นหาครั้งที่สองมีการขยายรัศมีการค้นหากว้างออกไปจาก 3 เป็น 10 กิโลเมตร ระหว่างปฏิบัติภารกิจ ฮยอนโจแสดงให้เห็นถึงความสามารถอันโดดเด่น โดยการช่วยเพื่อนร่วมทีมที่ถูกหินหล่นลงมากระแทกจนสลบด้วยเชือก
ฮยอนโจได้ร่วมทีมกับ ซออีคัง (รับบทโดย จอนจีฮยอน) เจ้าหน้าที่สาวที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นหน่วยพิทักษ์ป่าที่เก่งที่สุดในอุทยานแห่งชาติเขาจีรี จากสกิลในการเอาชีวิตรอด และความชำนาญเส้นทางในผืนป่าอันกว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้
ทีมต้องทำงานแข่งกับโกลเดนไทม์ของภารกิจนี้คือ 30 ชั่วโมง นับถึงตอนนี้เหลืออีกเพียง 7 ชั่วโมงเท่านั้น
อีคังกับฮยอนโจเดินเท้าเข้าไปยังจุดฆ่าตัวตายทั่วภูเขา จนอาทิตย์ได้ล่วงลับขอบฟ้าไปแล้ว แต่ดูเหมือนว่าอุปสรรคที่อันตรายกำลังก่อตัวขึ้นมาอีกครั้ง การพยากรณ์อากาศเตือนว่าจะมีพายุเข้า สภาพอากาศจะเลวร้ายมาก ระหว่างนั้นฮยอนโจถามกับอีคังว่า “นี่เรากำลังเสี่ยงชีวิตเพื่อตามหาเด็กที่ตายไปแล้วอยู่หรือเปล่า ?” อีคังมองค้อนแล้วตอบกลับไปว่า “คุณคงเป็นคนที่ชอบมองในอะไรในทางลบสินะ”
ฮยอนโจได้พบเป้ของเด็กหนุ่มที่ทุกคนกำลังตามหา อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสภาพอากาศที่เลวร้ายจากพายุไต้ฝุ่น ทำให้ผู้อำนวยการอุทยานแห่งชาติเขาจีรี สั่งให้ทุกคนถอนตัวจากภารกิจจนกว่าพายุจะสงบ
ท่ามกลางพายุที่กำลังพัดโหมกระหน่ำ อีคังตัดสินใจที่จะเดินทางออกตามหาเด็กหนุ่มอีกครั้ง ส่วนฮยอนโจก็แอบตามอีคังมา “จะบ้าหรือไงที่ตามฉันมา” ฮยอนโจตอบแบบติดตลก “ถ้าผมบ้า รุ่นพี่ (อีคัง) ก็บ้าเหมือนกันแหละครับ”
ทั้งสองออกตามหาเด็กหนุ่มแต่ก็ต้องคว้าน้ำเหลว เมื่อโกลเดนไทม์ 30 ชั่วโมงหมดลงแล้ว ซึ่งในเชิงทฤษฎีหมายความว่า เด็กหนุ่มคนนั้นไร้ลมหายใจไปแล้ว
ตอนรุ่งสางอีกวัน เรื่องเหลือเชื่อก็เกิดขึ้น เมื่อฮยอนโจเกิดเห็นนิมิตภาพแปลกประหลาด ในนิมิตนั้นเขาเห็นว่าเด็กหนุ่มยังมีชีวิตอยู่ในสถานที่หนึ่ง ซึ่งเป็นบริเวณที่มีโขดหินสีดำ และมีต้นโอ๊กอยู่แถวนั้น เขาเอาเรื่องนี้ไปบอกอีคัง หลังจากนั้นทั้งสองก็เดินทางไปที่โขดหินซังซูรี
แม้อีคังจะยังงง ๆ และไม่เข้าใจว่าทำไมฮยอนโจถึงสามารถระบุตำแหน่งได้เจาะจงขนาดนั้น แต่เมื่อไปถึงทั้งสองก็พบร่างของเด็กน้อยนอนไร้สติอยู่ในซอกโขดหินนั้นจริง ๆ ในที่สุด การภารกิจครั้งนี้ก็ประสบความสำเร็จด้วยนิมิตอันเหลือเชื่อของฮยอนโจ
หลังจากวันนั้น ฮยอนโจบอกกับอีคังว่า “เขาลูกนี้บอกผมว่าเด็กคนนั้นอยู่ที่ไหน” ดูเหมือนว่าคำพูดของเขาจะได้รับการสนับสนุนจากความเชื่อที่มีมาเนิ่นนาน คนเกาหลีบูชาเขาจีรีมาตั้งแต่ก่อนยุคสามก๊ก แม้จะมีผู้มากมายเชื่อเรื่องลี้ลับนี้ แต่คนหนึ่งที่ไม่เชื่อเรื่องนี้ก็คือ อีคัง
EP.2 โศกนาฏกรรม
คืนนั้น มีพิธีรำลึกเหตุการณ์โศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นที่เขาจีรี ฮยอนโจจึงเข้าไปถามถึงเหตุการณ์นั้น “ในฤดูร้อนปี 1995 ตอนนั้นฝนตกหนักมากจนทำให้เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ และมันโชคร้ายหนักไปกว่าเดิม เพราะมันไปตรงกับช่วงวันหยุดในฤดูกาลท่องเที่ยว ทำให้มีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก แถมหน่วยกู้ภัยและอาสาสมัครต่าง ๆ ที่พากันระดมมาช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่พลัดหลง หลายคนก็เสียชีวิตหรือไม่ก็หายสาบสูญไป ในเหตุการณ์นั้นมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 100 คน ซึ่งรวมถึงชาวบ้านในหมู่บ้านนี้ด้วย ว่ากันว่ามีการจัดงานศพขึ้นทุกบ้านเลย”
อีคังก็เป็นหนึ่งในผู้เสียคนพ่อแม่ไปจากเหตุการณ์นั้น !
วันหนึ่ง ฮยอนโจเดินลาดตระเวนเข้าไปในเขตหวงห้าม ระหว่างนั้นภาพนิมิตก็ผุดขึ้นมาในหัวของ เป็นภาพชายคนหนึ่งที่นอนเลือดท่วมกายอยู่กลางป่าสน จากนั้นเขาก็เข้าไปเจอชายคนหนึ่งที่เดินเข้าในเขตหวงห้าม แต่เมื่อชายคนนั้นอ้างว่ามาตามหากระดูกพ่อที่หายไปเมื่อปีก่อน ทำให้ฮยอนโจปล่อยชายคนนั้นไป เพราะในกระเป๋าเป้ของชายคนนั้นมีโถเก็บอัฐิอยู่จริง ๆ
ฮยอนโจเอาเรื่องชายที่เจอในเขตหวงห้ามไปปรึกษาอีคัง เธอจึงบอกว่าที่ตำรวจไม่ออกค้นหาพ่อของชายคนนั้น ก็เพราะไม่มีหลักฐานที่ระบุได้อย่างชัดเจนว่าคนคนนั้นขึ้นมาบนเขาจีรี
วันรุ่งขึ้นฮยอนโจจึงตัดสินใจไปช่วยชายคนนั้นเพียงลำพัง อย่างไรก็ตาม อีคังรู้สึกผิดสังเกตอะไรบางอย่างจึงไปที่สถานีตำรวจเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม ทำให้อีคังได้รู้ว่าชายคนที่ฮยอนโจไปช่วยเป็นนักต้มตุ๋น ไม่ใช่ชายที่ตามหากระดูกพ่อตามที่ฮยอนโจหลงเชื่อ
ความจริงที่เกิดขึ้นในวันนั้นก็คือ ชายที่หายตัวไปเป็นหนี้ก้อนโต ทำให้เขาถูกบีบให้เข้าไปร่วมขบวนการลักลอบขนต้นสนเถื่อนในเขตหวงห้าม จนเกิดการขัดแย้งกันเรื่องแบ่งเงิน 50 ล้านวอน เขาถูกผลักจนตกหน้าผาพร้อมกับเงินก้อนนั้น ส่วนชายคนที่หลอกฮยอนโจว่าตามหากระดูกพ่อ แท้จริงแล้วเขาต้องการตามหาเงินก้อนนั้น
ต้นสนที่มีรูปแบบสวยงามจะอยู่บนภูเขา ที่มีลมพัดแรงมาเป็นเวลานาน ถึงจะมีกิ่งก้านและรูปร่างที่งดงาม การขุดต้นสนตามธรรมชาติแบบนี้เป็นเรื่องผิดกฎหมาย เป็นการทำลายธรรมชาติอย่างมากมาย ต้องเลือกเส้นทางในการลากต้นสนต้นนั้นลงมา ตั้งแต่ยอดภูเขาจนถึงด้านล่าง ทำให้ต้องโค่นต้นไม่เป็นจำนวนหลายร้อยต้น กว่าจะฟื้นฟูธรรมชาติที่เสียหายไปให้กลับมาเหมือนเดิม ต้องใช้เวลานานหลายสิบปี ทำให้มูลค่าของต้นสนเหล่านั้นมีราคากว่าร้อยล้านวอน
อย่างไรก็ตามฮยอนโจก็จับพิรุธได้ จนชายนักต้มตุ๋นคนนั้นชักมีดขึ้นมาแทงฮยอนโจจนเลือดไหลท่วม แต่ท้ายที่สุด อีคังก็พากำลังตำรวจมาจับชายคนนั้นได้ และสามารถช่วยฮยอนโจได้สำเร็จ
EP.3 หุบเขาแห่งภูตผี
คุณยายกึมรเย ซึ่งเสียคุณแม่ในแบคโทกลตั้งแต่เมื่อท่านยังเป็นเด็ก ท่านจึงมักชอบลักลอบขึ้นไปไหว้คุณแม่ปีละหลายครั้ง คุณยายกึมรเยจึงกลายเป็นที่รู้จักในหมู่ของเจ้าหน้าที่
วันนี้ คุณยายกึมรเยก็ขึ้นไปที่แบคโทกลเพื่อไหว้คุณแม่เช่นเคย ด้วยความที่หุบเขาเป็นพื้นที่เขตหวงห้าม ทำให้อีคังกับฮยอนโจได้รับมอบหมายให้ตามขึ้นไปตามคุณยาย แต่เมื่อทั้งสองขึ้นไปยังจุดที่เรียกว่า “ต้นรูกระสุน” จุดที่มีการสังหารหมู่เกิดขึ้นที่นี่ ซึ่งเป็นจุดที่คุณยายขึ้นมาเซ่นไหว้คุณแม่เป็นประจำ แต่ครั้งนี้มีบางอย่างผิดปกติไป คุณยายหายไป !?
ในตอนนั้น ฮยอนโจได้เห็นภาพนิมิตเป็นภาพเจดีย์หิน เขาจึงบอกให้อีคังไปหาคุณยายกึมรเยที่จุดเจดีย์หิน
ระหว่างเดินทางนั้นเอง ฮยอนโจได้เจอกลุ่มทหารที่ทำการฝึกรบอยู่ที่นั่น ทำให้เราได้รู้ว่า แท้ที่จริงแล้วฮยอนโจเป็นอดีตทหารยศร้อยเอก แต่ที่เขาออกจากการเป็นทหาร ก็เพราะเหตุการณ์ที่เขาฝึกจนผู้ใต้บังคับบัญชาเสียชีวิต
ฮยอนโจเล่าให้อีคังฟังว่า “มีคนเคยบอกผมว่า มีพลังงานบางอย่างอยู่ที่นี้ ผมไม่แน่ใจว่าสิ่งนั้นเรียกว่าผีหรืออะไรกันแน่ แต่ผมคิดว่าสิ่งนั้นให้บางอย่างกับผม เพื่อให้ผมได้ช่วยเหลือคน”
หลังจากตามหาไปยังจุดต่าง ๆ ในที่สุด ฮยอนโจกับอีคังก็พบคุณยายกึมรเยอยู่ในสภาพไร้ลมหายใจ … เมื่ออีคังได้พบว่าคุณยายเสียชีวิตไปแล้ว เธอก็เกิดอาการช็อกขึ้นมา เธอยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น … ย้อนกลับไปในเหตุการณ์อุทกภัยครั้งประวัติศาสตร์ อีคังได้เสียทั้งพ่อและแม่ในเหตุการณ์นั้น มันทำให้บาดแผลที่ฝังลึกในใจนี้ผุดขึ้นมาทุกครั้งเมื่อเธอได้เห็นคนตายอยู่เบื้องหน้า
ในตอนท้าย ฮยอนโจพบความจริงที่ว่า ภาพนิมิตที่เขาเห็นไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน แต่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ในวันที่ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาเสียชีวิตไปน มีคนทำให้เขาตาย นั่นหมายความว่า ฆาตกรคนคนนั้นยังคงอยู่บนเขาลูกนี้ และยังคงเข่นฆ่าผู้คนอยู่บนเขาลูกนี้เรื่อยมา !
EP.4 ระเบิดมันฝรั่ง
มีเหตุการณ์เกิดขึ้น เมื่อชายคนหนึ่งเสียชีวิตจากระเบิดที่เรียกว่าระเบิดมันฝรั่ง
ระเบิดมันฝรั่งเป็นระเบิดแสวงเครื่องชนิดหนึ่ง ที่พวกลักลอบล่าสัตว์ใช้ล่าหมีควายบนเขาจีรีช่วงปี 1960 ถึง 1970 สมัยนั้นตับกับถุงน้ำดีของหมีถือว่ามีราคาแพงมาก เลยมีการวางระเบิดเหล่านั้นบนเขาจีรี คล้าย ๆ กับทุ่นระเบิด ต่อมาในปี 1960 หลังถูกกำหนดให้เป็นอุทยานแห่งชาติ ทำให้มีการระดมชาวบ้านมาเก็บวัตถุอันตรายที่หลงเหลืออยู่บนภูเขา
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าระเบิดมันฝรั่งจะมีอายุยาวนานมากกว่า 60 ปีแล้วก็ตาม แต่มันยังทำงานได้ก็เพราะว่าผิวด้านนอกมีการเคลือบแวกซ์เอาไว้ ลมหรือน้ำเข้าไปไม่ได้ ทำให้ตัวจุดชนวนหรือดินระเบิดที่อยู่ด้านในยังใช้การได้อยู่
เรื่องที่น่าแปลกก็คือ จุดที่ชายคนนั้นเสียชีวิตเพราะระเบิดมันฝรั่ง เป็นจุดที่ฮยอนโจกับอีคังเพิ่งตรวจสอบได้ไม่นาน แล้วมีระเบิดอยู่ที่จุดนั้นได้อย่างไร ?
ฮยอนโจเชื่อว่าต้องมีคนนำเอาระเบิดนั้นไปวาง ทำให้เขาพยายามสืบที่มาของระเบิด จนตามไปถึงชาวบ้านที่เคยทำหน้าที่กู้ระเบิดเมื่อ 60 ปีที่แล้ว
แต่ที่น่าประหลาดใจก็คือ ฮยอนโจได้พบว่ามีระเบิดมันฝรั่งของชาวบ้านคนหนึ่งหายไป และที่ทำให้เขาตกใจยิ่งกว่าเมื่อรู้ว่า เป็นครอบครัวของเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่าคนหนึ่ง
EP.5 ผู้สมรู้ร่วมคิด
เซอุค เป็นเด็กที่เกิดและโตในหมู่บ้านเดียวกับอีคัง เป็นคนที่มีนิสัยไม่ค่อยพูด เขาเกิดบนภูเขาและโตมาบนภูเขา เป็นคนที่รู้จักภูเขามากกว่าใคร สมัยเด็กหลังจากเสียพ่อไป เขาก็ไปอาศัยอยู่บ้านญาติที่เป็นเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่า ตอนนี้เขาแยกตัวออกมา และหากินด้วยการเลี้ยงผึ้งอยู่ที่ตีนเขา
ฮยอนโจเชื่อมั่นว่าเซอุคเป็นคนเอาระเบิดมันฝรั่งไปวาง เพราะเขาจำรอยแผลบนหลังมือของเซอุคได้ เขาจำได้เป็นอย่างดีจากภาพนิมิตที่เขาได้เห็น อย่างไรก็ตาม อีคังไม่เห็นด้วย และต้องการให้เขามีหลักฐานที่เป็นรูปธรรมมากกว่าแค่คำพูด “ตำรวจไม่เชื่อหรอกว่าเซอุคเป็นคนที่เอาระเบิดไปวางไว้”
ระหว่างนั้นเอง เจ้าหน้าที่หญิง เด็กใหม่ในหน่วยพิทักษ์ป่าที่เป็นญาติของเซอุคก็ขึ้นภูเขากลางป่าลึก ซึ่งเป็นป่าที่ต้องอาศัยความชำนาญในการเดินป่า … ด้วยประสบการณ์ อีคังจึงรู้ว่าเจ้าหน้าที่หญิงคนนั้นไม่มีทางออกมาเองได้อย่างแน่นอน เธอจึงชวนฮยอนโจเข้าไปตามหา
สุดท้าย อีคังกับฮยอนโจก็เจอเจ้าหน้าที่หญิงนั่งหลังพิงต้นไม้ร้องไห้อยู่คนเดียว ไม่ไกลกันมีระเบิดมันฝรั่งที่วางเอาไว้อยู่ในกรงดักสัตว์ ก่อนที่เธอจะเล่าว่า เซอุคบอกว่าเห็นคุณปู่เดินเข้าป่าในวันที่เกิดเหตุ ทำให้เธอตัดสินใจเดินเข้ามาดูด้วยตาตัวเอง เพราะเธอไม่เชื่อว่าปู่จะเป็นคนทำ แต่การที่เธอได้มาเห็นกับตาว่าระเบิดมันฝรั่งถูกวางอยู่ในกรงดักสัตว์ของคุณปู่ มันทำให้เธอเสียใจเป็นอย่างมาก
จากคำให้การของยังซอน ทำให้ตำรวจจำเป็นต้องเรียกตัวคุณปู่มาสอบสวน ในขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าคุณปู่เป็นผู้ต้องสงสัย ฮยอนโจกลับคิดต่างออกไป เขายังเชื่ออย่างปราศจากข้อสงสัยว่า เซอุคคือฆาตกรตัวจริง
ฮยอนโจมุ่งหน้าหาหลักฐานต่อไป โดยการตรวจสอบกล้องวงจรปิดบนภูเขามากกว่า 30 ตัว ในท้ายที่สุดก็ได้เห็นภาพหลักฐานชัดเจนว่า คนที่เอาระเบิดมันฝรั่งไปวางไว้ก็คือเซอุค
ในขณะที่เซอุคซึ่งรู้ตัวแล้วว่าโดนจับได้ เขาได้ส่งข้อความไปหาใครบางคนว่า “เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรู้แล้วว่าเราเป็นคนทำ” ผ่านไปไม่นานนัก ข้อความก็ตอบกลับมาว่า “ทำงานให้สำเร็จ เรื่องเจ้าหน้าที่คนนั้นเดี๋ยวฉันจัดการเอง” … เซอุคไม่ได้ทำงานคนเดียว !
ข้อความที่บอกว่าให้ทำงานให้สำเร็จ นั่นก็คือ การสังหารเจ้าหน้าที่หญิงที่เป็นญาติของเขา โดยให้เธอกินนมเปรี้ยวผสมยาพิษ
อย่างไรก็ตาม อีคังกับฮยอนโจสามารถมาช่วยพาเจ้าหน้าที่หญิงไปโรงพยาบาลล้างท้องได้อย่างปลอดภัย ส่วนเซอุคก็ใช้ความชำนาญเส้นทางบนภูเขาหนีไปได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
เวลาต่อมา เซอุคถูกพบเป็นศพอยู่กลางป่า !?
EP.6 ลมรักแรกที่พัดหวน
ในปี 2018 คริสต์มาสที่หิมะตกและอากาศหนาวอย่างงรุนแรง …
อีคังได้รับแจ้งเหตุมีผู้ประสบภัยขาแพลงระหว่างขึ้นไปศูนย์พักพิงบีดัม อีคังตัดสินใจไปช่วยผู้ประสบภัยเพียงคนเดียว โดยให้ฮยอนโจรออยู่ที่สำนักงานศูนย์พักพิง
อีคังฝ่าสภาพอากาศจนไปช่วยหญิงสาวขาแพลง เธอแนะนำตัวเองว่าเป็นตำรวจหน่วยปราบปรามยาเสพติด และมาเอาหลักฐานบางอย่างที่ศูนย์พักพิง … เมื่อกลับมาที่ศูนย์พักพิง อีคังกลับพบเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่าอีกคนหนึ่งนอนจมกองเลือดอยู่กับพื้น !
อีคังตกใจ รีบโทร. แจ้งตำรวจ แต่ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร ชายปริศนาก็ได้เข้ามาทำร้ายเธอจากทางด้านหลังจนสลบไป ก่อนที่ อิมชอลกยอง ก็ปรากฏตัวขึ้นและจัดการคนร้ายได้อย่างง่ายดาย
เมื่ออีคังฟื้นตื่นได้สติขึ้นมา ภาพเบื้องหน้าที่เธอได้เจอคือรักแรก รักแรกที่ทำให้เธอตกอยู่ในภวังค์ อิมชอลกยองเป็นรักแรกที่ฝังอยู่ในหัวใจของอีคัง ที่แม้ผ่านไปกว่ายี่สิบปีแต่เธอก็ไม่อาจลืมเลือน
อีคังรักอิมชอลกยองมาตั้งแต่เด็ก จนมาวันหนึ่งเขาเกิดไปขโมยเงินเจ้าของร้านอาหาร เพื่อเอาไปซื้อมอเตอร์ไซค์พาอีคังไปเที่ยวทะเล เจ้าของร้านสงสัยว่าเขาเป็นคนขโมยเงินจึงไล่ออกและพูดจาดูถูก ณ จุดนั้นเอง มันทำให้อิมชอลกยองตัดสินใจหนีออกไปจากที่นั่น และหนีไปจากอีคัง “ฉันไม่รู้หรอกนะว่าต่อจากนี้ไปฉันจะเป็นอะไร แต่ที่แน่ ๆ ฉันจะไม่ใช้ชีวิตที่น่าอับอายแบบนี้อย่างแน่นอน”
วันเวลาผ่านไปนานหลายปี อีคังตัดสินใจที่จะทำงานในหน่วยพิทักษ์ป่า ว่าที่จริงเธอเป็นคนเกลียดและกลัวภูเขา เพราะพ่อแม่ของเธอต้องมาตายเพราะภูเขา แต่มันเหมือนกับว่าเธอตั้งใจอยู่ที่นี่เพื่อรอใครบางคน ใช่ เธอรอใครบางคนอยู่ที่นี่ จนมาถึงวันนี้ …
“ที่จริงแล้ว ฉันมีเรื่องจะสารภาพกับเธอ …” อิมชอลกยองเอ่ยปากพูดกับอีคัง “… ตอนนั้นฉันเป็นคนขโมยเงินไปเองล่ะ เพราะฉันอยากได้มอเตอร์ไซค์พาเธอไปเที่ยวทะเล แต่ตอนนั้นฉันอายจนไม่กล้าบอกความจริง ขอโทษนะที่โกหก”
แล้วอิมชอลกยองก็พูดประโยคที่ทำให้อีคังได้แต่ยิ้มอ่อนออกมา มันเหมือนกับเป็นคำเฉลยที่เธอได้รับหลังจากรอคำตอบมานานกว่ายี่สิบปี ชายหนุ่มกล่าวว่า “คราวหน้าถ้ามาปีนเขาฉันจะโทร. หาเธอนะ เพราะภรรยาของฉันก็ชอบภูเขาเหมือนกัน”
ในคืนนั้น อีคังดื่มมักกอลลีมันเทศจนเมามายแทนการตอบคำถาม คำถามของฮยอนโจที่ว่า “รุ่นพี่ชอบคนที่ชื่ออิมชอลกยองมากขนาดนั้นเลยเหรอ ชอบจนออกไปจากภูเขาไม่ได้ ต้องรอเขาอยู่ที่นี่” สุดท้ายแล้วฮยอนโจก็ต้องแบกรุ่นพี่อีคังที่เมาพับไร้สติไปส่งที่บ้าน
ระหว่างที่อยู่บ้านอีคัง ภาพนิมิตได้ปรากฏขึ้นในหัวของฮยอนโจ มันเป็นภาพไฟป่าที่กำลังลุกไหม้อย่างรุนแรง !!?
EP.7 ไฟเรือนยอด
เกิดไฟป่าขึ้นจริง ๆ ตามที่ฮยอนโจเห็นภาพนิมิต แต่ด้วยความร่วมแรงร่วมใจและการทำงานประสานกันอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมไฟป่าเอาไว้ได้
โดยปกติแล้วไฟป่าจะเกิดขึ้นในพื้นที่ที่รถดับเพลิงไม่สามารถเข้าไปได้ ทำให้ต้องระดมเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าเข้าไปสร้างแนวกันไฟ เพื่อพยายามป้องกันสิ่งที่เรียกว่า “ไฟเรือนยอด” (수관 화) ซึ่งเป็นไฟที่เผาไหม้กิ่งไม้และใบไม้ แล้วลมก็จะพัดเชื้อไฟเหล่านั้นออกไปเป็นวงกว้างจนเป็นอันตรายร้ายแรง เมื่อสร้างแนวกันไฟได้แล้วก็จะให้เฮลิคอปเตอร์โปรยน้ำเพื่อดับไฟ
แต่ถึงแม้จะดับไฟได้แล้วก็ยังไม่จบกระบวนการ จะต้องมีทีมเก็บกวาดเดินเท้าไปสำรวจเชื้อไฟที่ยังคุอยู่ด้านใต้ เพราะเชื้อไฟเล็ก ๆ เหล่านั้นอาจทำให้เกิดเพลิงไหม้ที่ใหญ่กว่าเดิมก็ได้ ซึ่งตามปกติแล้วจะต้องคอยตามดูประมาณ 3 วันเป็นอย่างน้อย
คืนนั้น ฮยอนโจยังไม่วางใจ เพราะภาพนิมิตที่เขาเห็นมีป้ายเตือนไฟป่าอยู่ในนั้นด้วย เมื่อสอบถามชาวบ้านที่มาเก็บสมุนไพรก็ได้รู้ว่า ป้ายนั้นเก็บเอาไว้ที่บ้านของชายคนที่โดนระเบิดมันฝรั่ง ฮยอนโจจึงรีบเดินทางไปที่นั่นทันที
ฮยอนโจมาถึงที่บ้านหลังนั้นก็พบลูกทั้งสามของคุณป้าเก็บสมุนไพร แต่ทันใดนั้นเอง ก็มีบุคคลปริศนาได้มาล็อกกุญแจขังเขากับเด็ก ๆ เอาไว้ภายในบ้าน (บ้านมีลักษณะเป็นโกดัง จึงมีทางเข้าออกทางเดียวและไม่มีหน้าต่าง)
ในเวลาเดียวกันนั้น ทีมเก็บกวาดไฟป่าก็ลงสำรวจพื้นที่ แล้วสิ่งที่ทุกคนกลัวก็เกิดขึ้น เมื่อลมพัดแรงโหมทำให้เกิดไฟเรือนยอดขึ้น ไฟมันลุกลามอย่างรวดเร็วและน่ากลัวมาก ๆ แต่สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือทิศทางลมมันพัดไปทางหมู่บ้านแฮดง และบ้านที่ฮยอนโจกับเด็ก ๆ ถูกขังอยู่ด้านใน !
EP.8 ฆาตกรรมอำพราง
ไฟป่าลุกลามเป็นวงกว้าง เจ้าหน้าที่ต้องทำการอพยพชาวบ้านออกจากหมู่บ้านแฮดง รถดับเพลิงถูกระดมมาช่วยกันปกป้องชีวิต และทรัพย์สินบ้านเรือนของชาวบ้าน ไฟไหม้ป่าครั้งนี้ถือเป็นไฟไหม้ป่าครั้งใหญ่ มีการรายงานข่าวทางทีวีออกไปทั่วประเทศ
ตัดภาพมาที่ฮยอนโจ เขาพยายามพังผนังโกดังจนกลายเป็นรูเล็ก ๆ เพื่อให้เด็กน้อยทั้งสามสามารถลอดออกไปได้
ระหว่างนั้นเองที่เขายังติดอยู่ด้านในที่เพลิงกำลังลุกไหม้โหมกระหน่ำ รถดับเพลิงก็มาถึงและเข้าช่วยเหลือฮยอนโจเอาไว้ได้ทัน แต่ปัญหาที่ตามต่อมาก็คือ เด็ก ๆ ทั้งสามคนวิ่งหนีไฟเข้าไปในเขา ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องพากันออกตามหาเด็ก ๆ บนเขา และในท้ายที่สุด อีคังก็ช่วยเด็ก ๆ ทั้งสามคนเอาไว้ได้ ทุกคนปลอดภัย
ฮยอนโจมาเยี่ยมอีคังที่โรงพยาบาล เขาเล่าเรื่องเซอุคที่ถูกพบเป็นศพในป่าสนในสภาพศพไหม้เป็นตอตะโก จากการชันสูตรพบกระดูกร้าวไปทั่วทั้งตัว ตำรวจเลยสันนิษฐานว่าเป็นการเสียชีวิตจากการตกหน้าผา
แต่สิ่งที่ฮยอนโจสงสัยก็คือ การตายของเซอุคอาจเป็นคดีฆาตกรรมอำพราง สรุปก็คือ ฮยอนโจคิดว่า เซอุคมีผู้สมรู้ร่วมคิดร่วมมือก่อเหตุ
EP.9 ผู้ต้องสงสัย
ตัดภาพมาในปี 2020 ณ หน่วยพิทักษ์ป่าแฮดง
อีคัง ตอนนี้กลายเป็นคนขาพิการนั่งอยู่บนวีลแชร์ เธอกลับเข้าขอมาทำงานที่หน่วยพิทักษ์ป่าแฮดงอีกครั้ง … การกลับมาครั้งนี้ อีคังต้องการหาคำตอบอะไรบางอย่าง หลังจากที่เธอต้องสูญเสียขาไป !?
อีคังไปเยี่ยมฮยอนโจที่โรงพยาบาล ซึ่งนอนเป็นผักไม่ได้สติอยู่บนเตียง พร้อมด้วยเครื่องช่วยหายใจ
ต่อมา มีผู้ประสบภัยกำลังนอนน้ำลายฟูมปากอยู่บริเวณลำธาร ใกล้ ๆ ตัวมีขวดนมเปรี้ยวตกอยู่ จากนั้นเฮลิคอปเตอร์กู้ภัยได้พาตัวนำส่งโรงพยาบาลล้างท้องได้ทัน เมื่ออาการดีขึ้น อีคังจึงเดินทางไปสอบถามเพิ่มเติม ซึ่งคำตอบที่ได้ทำเอาเธอถึงกับตกตะลึง …
ผู้ประสบภัยเล่าถึงผีผู้ชายที่อยู่บนภูเขา ว่ากันว่าใครเห็นผีตนนั้นไม่นานจะต้องตาย อีคังเปิดรูปของฮยอนโจในโทรศัพท์ให้ชายผู้ประสบภัยดู เขากับร้องด้วยความมั่นใจว่า ฮยอนโจเป็นผีตนนั้นที่เขาเห็นจริง ๆ !!!
จากนั้น อีคังก็ใช้ให้เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าน้องใหม่ อีดาวอน (รับบทโดย โกมินซี) ไปติดตั้งกล้องวงจรปิดตามที่ต่าง ๆ ระหว่างนั้นเธอได้ไปเจอเข้ากับสิ่งที่น่าตกตะลึง คนใส่ชุดเครื่องแบบฤดูหนาวของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า ในสภาพที่บนเสื้อผ้าและมือมีเลือดเต็มไปหมด แต่ขณะที่ดาวอนกำลังช็อกจนแน่นิ่งไปได้ไม่นาน คนคนนั้นก็หายตัวไปต่อหน้าต่อตา … ดาวอนรีบวิ่งหน้าตาตื่นกลับมาหาอีคัง พร้อมทั้งเล่าเรื่องเหลือเชื่อที่เธอเพิ่งเจอ อีคังรู้ได้ในทันทีว่า สิ่งนั้นหรือคนคนนั้นที่ดาวอนเห็นก็คือ วิญญาณของฮยอนโจ !
จากสิ่งที่ดาวอนเห็น มันทำให้เธอคิดว่าฮยอนโจรอคอยอีคังมานานแสนนาน เขาได้ยินและรับรู้เรื่องราวทุกอย่าง เป็นเพียงแต่ว่าเขาไม่สามารถสื่อสารได้โดยตรง แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้อีคังได้รู้ว่า สิ่งที่เขาต้องการคือหยุดฆาตกรที่คร่าชีวิตผู้คนบนเขาแห่งนี้
ดาวอนกำลังขึ้นเขาไปเก็บเมมโมรีการ์ดจากกล้องวงจรปิด ระหว่างนั้นเองเธอได้เจอใครบางคนที่สวมชุดเครื่องแบบของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า ในมือของคนคนนั้นถือขวดนมเปรี้ยวอยู่ในมือ ดาวอนตกใจเป็นอย่างมาก แต่เมื่อเธอหันมาเจอคนคนนั้นก็ถึงกับยิ้มออกมา “ตกใจหมดเลย แล้วมาทำอะไรที่นี่คะ ?”
ดาวอนตกใจเป็นอย่างมากเมื่อได้พบกับหัวหน้าบนภูเขา ทั้งสองกล่าวทักทายกัน ก่อนที่เธอจะขอตัวไปปฏิบัติภารกิจของตัวเองต่อ และหลังจากนั้นก็ไม่มีใครสามารถติดต่อดาวอนได้อีกเลย
อีคังร้อนใจเป็นอย่างมากเมื่อรู้ว่าดาวอนหายตัวไป เธอจึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ฯ คนอื่น ๆ ช่วยกันออกตามหา หลังขึ้นเขาออกตามหาไม่นานนัก สิ่งแรกที่พวกเขาพบก็คือโทรศัพท์มือถือที่เปื้อนเลือดของดาวอน … เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบโทรศัพท์พบว่า มีคลิปบันทึกเสียงสนทนาระหว่างดาวอนกับหัวหน้าถูกบันทึกเอาไว้ นั่นทำให้ตั้งเป็นข้อสงสัยได้ว่า ดาวอนพบกับหัวหน้าก่อนที่เธอจะหายตัวไป
ต่อมาแรนเจอร์ก็พบศพของดาวอน ในมือของเธอกำถุงมือปืนเขาสีดำที่ปักชื่อของหัวหน้าโจแดจินเอาไว้แน่น หลักฐานชิ้นนี้ทำให้ตำรวจขอเชิญตัวหัวหน้าโจแดจินไปสอบปากคำ ส่วนอีคังก็ปักใจเชื่อไปแล้วว่าหัวหน้าของเธอเป็นคนฆ่าดาวอน !
EP.10 หุบเขาตาปิศาจ
ปี 2019 …
วันหนึ่งมียูทูบเบอรืหนุ่มแจ้งว่า พบหญิงสาววัยกลางคนคนหนึ่งนั่งขอความช่วยเหลืออยู่บริเวณหุบเขาสะพานดำ ซึ่งได้รับการกล่าวขานว่าเป็นหุบเขาหลอกลวงผู้คน หรือบางคนก็เรียกว่าหุบเขาตาปิศาจ มันเป็นหุบเขาที่แม้แต่อีคังเองก็ไม่คุ้นเคยกับพื้นที่ เพราะมันเป็นเส้นทางที่อันตรายมากแถมวิวยังไม่ได้สวยงามเหมือนพื้นที่อื่น ๆ
ฮยอนโจกับอีคังเดินทางไปยังหุบเขาสะพานดำเพื่อไปช่วยเหลือหญิงคนดังกล่าว ปัญหาคือทั้งสองไม่รู้ตำแหน่งที่แน่นอน ระหว่างทางจู่ ๆ ทั้งสองก็เหมือนถูกตัดขาดออกจากโลกภายนอก สัญญาณโทรศัพท์มือถือและสัญญาณ GPS ถูกตัดขาด แถมยังมีหมอกลงจัดจนมองแทบไม่เห็นทางไปไกลเกินกว่าหนึ่งช่วงตัว ทันใดนั้น อีคังเกิดไปเห็นดวงตาสองคู่สะท้อนกับแสง เธอจึงรีบตะโกนให้ฮยอนโจรีบวิ่งหนีจนเข้าไปหลบในถ้ำ อีคังสันนิษฐานว่าดวงตาที่เห็นนั้นคือหมีควาย
ต่อมา ฮยอนโจได้รู้ว่า เมื่อกว่ายี่สิบปีมาแล้วมีหมู่บ้านตั้งอยู่ที่หุบเขาสะพานดำ แต่ชาวบ้านเหล่านั้นได้อพยพออกจากพื้นที่ไปเพราะสิ่งลึกลับที่เรียกว่า “ตาปิศาจ” และเขาก็ได้รับการบอกเล่าว่าสิ่งที่เขาเห็นนั้นไม่ใช่หมีควาย หากแต่มันคือตาปิศาจ ซึ่งมันได้ช่วยนำทางให้เจ้าหน้าที่เจอตำแหน่งของหญิงที่รอรับการช่วยเหลือคนนั้น
ชายที่บอกเรื่องราวต่าง ๆ กับฮยอนโจคือ ซอล ซึ่งตอนที่ซอลเดินจากไป เขาได้หยิบถุงมือสีดำขึ้นมาสวม ที่น่าสังเกตก็คือมันเป็นถุงมือแบบเดียวกับที่ฆาตกรที่สังหารดาวอนใส่ มันทำให้เกิดความสงสัยว่า ซอลคือฆาตกรที่ฆ่าดาวอนหรือไม่ ?
EP.11 เหตุผลที่กลับมาภูเขาอีกครั้ง
ตัดกลับมาปัจจุบัน ปี 2021 …
อีคังไปเยี่ยมหัวหน้าที่ตอนนี้ถูกคุมขังอยู่ที่สถานีตำรวจ
เวลาเดียวกันนั้นmujโรงพยาบาล ฮยอนโจที่นอนเป็นผักอาการแย่ลงอย่างกะทันหัน เขาไม่สามารถหายใจได้ด้วยตัวเอง ซึ่งอาจมีผลทำให้เกิดภาวะสมองตายได้ อีคังคิดว่าถ้าเธอสามารถจับตัวคนร้ายได้ ฮยอนโจก็อาจจะฟื้นขึ้นมา
จากนั้นอีคังก็บอกว่า “ฮยอนโจรู้อยู่แล้วว่าคนร้ายคือใคร” แล้วเธอก็เล่าเรื่องที่เธอกับฮยอนโจขึ้นไปบนหุบเขาสะพานดำท่ามกลางหิมะในวันนั้น จนเป็นที่ทำให้เธอกลายเป็นคนพิการท่อนล่าง และทำให้ฮยอนโจอาการสาหัสจนต้องนอนเป็นผักมานานนับปี
ในวันนั้นเมื่อปี 2019 … มีคนจงใจทำกับดักให้อีคังเกิดอุบัติเหตุจนล่วงลงจากขอบหน้าผาหิมะ ทำให้เธอได้รับบาดเจ็บสาหัส ฮยอนโจช่วยปฐมพยาบาลให้อีคังเบื้องต้น ก่อนที่จะเดินเท้าไปหาสัญญาณโทรศัพท์เพื่อติดต่อให้คนมาช่วย แต่หลังจากที่เขาติดต่อให้คนมาช่วยได้แล้ว ฮยอนโจก็โดนทำร้ายนอนหมดสติอยู่กลางหิมะ
ก่อนหน้านั้น ฮยอนโจสืบเรื่องราวต่าง ๆ จนได้รู้ความจริงว่า “เหยื่อทุกคน (ที่ตายบนภูเขาอย่างผิดธรรมชาติ) เกี่ยวข้องกับอุทกภัยในปี 1995”
EP.12 แผลใจในอดีต
อีคังยังจำคำถามที่ฮยอนโจถามเธอเรื่องอุทกภัยใหญ่เมื่อปี 1995 ได้เป็นอย่างดี “ตอนนั้นมีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ ? เหตุการณ์ที่พอจะเป็นเหตุผลให้คนร้ายทำเรื่องแบบนี้”
คำถามของแรนเจอร์รุ่นน้องทำให้อีคังฉุกคิดถึงเรื่องราวในอดีตขึ้นมา เหตุการณ์ที่ดูเหมือนจะเป็นแผลในใจที่ถูกกดทับเอาไว้มาต่อเนื่องยาวนานกว่า 25 ปี ในตอนนั้น พ่อแม่ของอีคังเกิดปัญหาด้านการเงิน จากการที่ไปเซ็นสัญญาค้ำประกันให้กับคนอื่น เหตุการณ์ย่ำแย่ถึงขั้นอาจจะโดนยึดบ้าน ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเองก็ได้เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ พ่อแม่ของอีคังก็เสียชีวิตในเหตุการณ์นั้น
ต่อมาเจ้าหน้าที่ประกันได้มาแจ้งเรื่องการรับเงินประกันว่า พ่อแม่ของเธอฆ่าตัวตาย ซึ่งเด็กน้อยอีคังในตอนนั้นไม่เชื่อ แม้ถึงตอนนี้ อีคังก็ยังเชื่ออย่างนั้น ภัยพิบัติเป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้น มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่พ่อแม่ของเธอจะตั้งใจฆ่าตัวตายในเหตุการณ์ครั้งนั้น
อีคังเริ่มระบายความรู้สึกที่เก็บเอาไว้มานานแสนนานให้ฮยอนโจได้รู้ ที่เธอบอกว่าพ่อแม่ของเธอไม่มีทางฆ่าตัวตายนั้น จริง ๆ แล้วลึก ๆ เธอก็กลัวว่ามันจะเป็นความจริง เธอกลัวว่าพวกท่านจะเลือกทางนั้น อีคังร้องไห้ออกมาไม่หยุดอย่างกับเด็ก ๆ โดยมีฮยอนโจคอยปลอบประโลมอยู่ข้าง ๆ
EP.13 ฆาตรกรรมอำพราง
ปี 2019 …
สถานการณ์น้ำเข้าขั้นวิกฤติ ความรุนแรงเริ่มก่อตัวเหมือนปี 1995 ทำให้มีคำสั่งให้ทุกคนรีบออกมาทันที
อีกเหตุการณ์ รถโดยสารประจำทางที่มีผู้โดยสารเป็นชาวบ้านที่อพยพออกจากพื้นที่เกือบเต็มคัน โดยมีคุณยายของอีคังอยู่ในนั้นด้วย ได้ประสบอุบัติเหตุตกลงไปในแม่น้ำขณะรถกำลังข้ามสะพาน ทุกคนเสียชีวิต !
ฮยอนโจมาร่วมพิธีศพของคุณยาย แต่อีคังไล่เขาไปอย่างไม่สนใจไยดีแม้แต่นิดเดียว “นายไปซะเถอะ ไปซะ … ถ้าไม่ใช่เพราะนายที่ให้คุณยายขึ้นรถคันนั้น ท่านก็คงไม่จากไปแบบนี้” น้ำตาของอีคังร่วงออกจากเบ้าอย่างที่ฮยอนโจไม่เคยเห็นมาก่อน หญิงสาวที่แสดงท่าทีเข้มแข็งมาตลอด แต่ไม่ใช่วันนี้ ไม่ใช่วันที่คุณยายคนที่ถือว่าเป็นญาติผู้ใหญ่ของเธอเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ต้องมาจากไป จากไปอย่างไม่มีวันกลับ
ท่ามกลางความเสียใจที่มิอาจหาคำใดมาบรรยาย ความเสียใจที่ทำให้ผู้คนเหมือนยืนอยู่กลางหุบเหวอันเคว้งคว้างว่างเปล่าไร้ซึ่งผู้คน มันยากจริง ๆ ที่ใครจะมูฟออนก้าวข้ามมันไปได้ แต่ …
ดูเหมือนว่าฮยอนโจจะพบเบาะแสสำคัญบางอย่างที่บ่งบอกว่า อุบัติเหตุรถประจำทางตกแม่น้ำอาจจะไม่ใช่อุบัติเหตุอย่างที่ทุกคนเข้าใจ หากทว่ามันเป็นการฆาตกรรมหมู่ !!!
ฮยอนโจตัดสินลาออกจากการเป็นเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า เขาตั้งใจที่จะสืบหาตัวคนร้ายให้ได้ หลังจากสืบไปสืบมา ฮยอนโจเกิดความสงสัยเรื่อง “หมู่บ้านหุบเขาสะพานดำ” จนเขาได้รู้จากปากของหัวหน้าว่า …
“เมื่อปี 1991 มีโครงการสร้างรถกระเช้าเกิดขึ้นที่หมู่บ้าน (ชาวบ้านไม่เห็นด้วยกับการโครงการ) มันแต่นั้นก็มีเรื่องแปลกประหลาดเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีคนแอบเอาซากสัตว์ใส่ลงไปในบ่อน้ำส่วนกลางของหมู่บ้าน จากนั้นก็มีชาวบ้านเสียชีวิตไปหลายคน เหตุการณ์น่าสลดเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการฆ่าตัวตาย … เราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในหมู่บ้านแห่งนั้น แต่ที่แน่ ๆ คือโครงการรถกระเช้าก็ถูกพับโครงการไป สุดท้ายทางอุทยานแห่งชาติก็มีโครงการให้ชาวบ้านอพยพออกจากพื้นที่ (โครงการย้ายถิ่นฐาน) และหมู่บ้านแห่งนั้นก็กลายเป็นหมู่บ้านร้างอย่างเช่นทุกวันนี้”
และเมื่อฮยอนโจได้เห็นรายชื่อของคนที่เข้าโครงการย้ายถิ่นฐานก็พบว่า ผู้เสียชีวิตที่ผ่านมาอยู่ในรายชื่อโครงการนั้นทั้งสิ้น !!?
EP.14 ฆาตกรตัวจริง
ฮยอนโจขึ้นไปที่หมู่บ้านหุบเขาสะพานดำเพื่อสืบหาข้อมูล จากข้อมูลที่ได้ มันทำให้ฮยอนโจเชื่อในทันทีว่า ซอล และ อุงซุน คือฆาตกรตัวจริง แต่สิ่งที่เขาไม่เข้าใจก็คือ ทำไมอุงซุนต้องตามฆ่าคนในบ้านเกิดของตัวเองด้วย ?
ฮยอนโจจึงเดินหน้าสืบเรื่องนี้ต่อไป เขาต้องรู้ให้ได้ว่าตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นที่หมู่บ้านหุบเขาสะพานดำ
EP.15 แรงจูงใจ
ตัดกลับมาปัจจุบัน ปี 2020 …
อีคังขอให้เพื่อนร่วมงานพาเธอขึ้นไปที่หมู่บ้านหุบเขาสะพานดำ ณ ที่นั้นเอง เธอได้เจอกับวิญญาณฮยอนโจ วิญญาณที่เฝ้ารอที่จะได้เจอเธอมานานแสนนาน และวันนี้มันก็เป็นจริง
วิญญาณฮยอนโจบอกกับอีคังว่า คนร้ายตัวจริงคืออุงซุน แน่นอนว่ามันยากที่อีคังจะเชื่อได้ เพราะอุงซุนเป็นตำรวจที่ยิ้มแย้มอ่อนโยนในสายตาของทุกคน วิญญาณฮยอนโจจึงบอกตำแหน่งที่คนร้ายจะก่อเหตุในอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้น
อีคังกลับมาดูเอกสารและรายงานคดีต่าง ๆ เธอสันนิษฐานว่า แรงจูงใจของคนร้ายน่าจะเกี่ยวข้องกับโครงการกระเช้าลอยฟ้าอย่างแน่นอน เพราะการสร้างโครงการมีทั้งคนได้ประโยชน์และเสียประโยชน์
อีคังสืบเรื่องราวต่อไป จนได้พบว่าซอลและอุงซุนเป็นผู้ต้องสงสัยจริง ๆ
EP.16 ตอนจบ
ความจริงที่เกิดขึ้นเมื่อปี 1991 ก็คือ ในตอนนั้น พ่อของซอลเป็นเพียงคนเดียวที่ปฏิเสธการลงนามอนุญาตให้โครงการกระเช้าลอยฟ้าดำเนินการก่อสร้างได้ เพราะเขาไม่ต้องการจะย้ายออกจากไปจากบ้านเกิดของตัวเอง
ระหว่างนั้น เด็กน้อยซอลได้แอบเอาตราประทับในหนังสือลงนาม และเอาไปให้ผู้ดำเนินโครงการ ในตอนนั้น เด็กชายซอลแอบได้ยินว่า พวกมันเป็นคนทำเรื่องเลวร้ายต่าง ๆ ขึ้นมาในหมู่บ้าน รวมถึงฆ่าแม่ของเขา และวางยาผึ้งของพ่อเขา ทำให้พ่อของซอลกลายเป็นบ้า สุดท้ายก็ตัดสินใจฆ่าตัวตาย
ซอลยืนยันกับอีคังว่าเขาไม่ใช่คนร้าย “รุ่นพี่ (อีคัง) มั่นใจว่าผมเป็นคนร้ายหรือครับ แต่ทำไมรุ่นพี่ถึงไม่ไปแจ้งตำรวจเลยล่ะครับ จะมาหาคนเพียงลำพังให้ตัวเองเสี่ยงอันตรายทำไม หรือเป็นเพราะว่ารุ่นพี่ไม่มีหลักฐาน ก็เลยมาที่นี่เพื่อหาหลักฐาน” แท้จริงแล้ว อีคังมาหาซอลเพื่อแอบเอา GPS ใส่เอาไว้ในเป้ของเขา เพราะเธอเชื่อมั่นว่า เขาต้องแอบขึ้นเขาไปทำลายหลักฐานที่ซ่อนเอาไว้อย่างแน่นอน
แล้วสิ่งที่อีคังคิดก็เป็นจริง ซอลแอบขึ้นไปบนเขา
ซอลเผชิญหน้ากับวิญญาณฮยอนโจที่ยิงคำถามใส่เขาว่าทำไมถึงฆ่าคนพวกนั้น ? คำตอบจากปากคิมซอลก็คือ “ก็เพราะว่าคนพวกนั้นจำไม่ได้ยังไงล่ะ คนพวกนั้นจำไม่ได้ว่าตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น … ตอนแรกผมไม่คิดจะฆ่าใครเลย แต่ผมคิดจะฆ่าตัวตายต่างหาก จริง ๆ ผมพยายามฆ่าตัวตายมาหลายครั้งแล้ว แต่ก็มีบางสิ่งช่วยผมเอาไว้ทุกครั้ง วันนั้นผมจึงเอานมเปรี้ยวผสมยาพิษขึ้นไป เพื่อที่จะฆ่าตัวตาย แต่ …”
ในวันนั้น ซอลบังเอิญเจอกับพลทหารคนหนึ่งที่เดินหลงทางมาพอดี (คือทหารในหน่วยของฮยอนโจที่เสียชีวิต ซึ่งเป็นเหตุให้ฮยอนโจลาออกจากกองทัพ) ซอลจำพลทหารคนนั้นได้เป็นอย่างดี แต่อีกฝ่ายกลับจำซอลไม่ได้ แถมยังถามถึงพ่อของซอลด้วยว่าสบายดีอยู่หรือเปล่า คำทักทายที่เรียบง่ายมันบาดจี๊ดเข้าไปในใจของซอล พ่อของเขาฆ่าตัวตาย แต่กลับไม่มีใครจำเหตุการณ์นั้นได้เลย !!?
ณ จุดนี้เองที่เป็นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง ซอลเอี้อมมือล้วงเข้าไปในกระเป๋าเพื่อหยิบน้ำเปรี้ยวผสมยาพิษให้กับพลทหารคนนั้นดื่ม จากนั้นซอลก็ไปโน้มน้าวเซอุคให้มาร่วมกับเขาด้วย ที่สำคัญคือ ซอลเชื่อว่าภูเขาอยู่ข้างเขา
วิญญาณฮยอนโจกล่าวกับซอลว่า “แท้จริงแล้วภูเขาไม่ได้อยู่ข้างคุณ แต่ต้องการลงโทษคุณต่างหาก ภูเขาจึงทำให้ผมได้เห็นภาพต่าง ๆ ที่คุณได้ทำมันขึ้น ทำให้ผมได้เห็นความเลวร้ายที่คุณได้ก่อขึ้น และสุดท้ายคุณก็จะโดนลงโทษ” แต่ซอลก็ตอบกลับไปว่า “ถ้าคุณเชื่ออย่างนั้น ก็จับผมให้ได้สิ”
ตัดภาพกลับมาที่โรงพยาบาล วันนี้ทางพ่อแม่และครอบครัวของฮยอนโจได้เดินทางมาพบเขาเป็นครั้งสุดท้าย เพราะทุกคนตัดสินใจที่จะถอดสายออกซิเจนของฮยอนโจในวันนี้ ทุกคนตัดสินในที่จะปล่อยเขาไปในวันนี้ … เครื่องช่วยหายใจถูกปิดลง !
เวลาเดียวกันนั้น อีคังขอให้หัวหน้าแบกเธอขึ้นหลังไปบนภูเขา เพื่อไปหาเบาะแสที่วิญญาณฮยอนโจได้ทิ้งเอาไว้ สรุปคือหลักฐานที่เอาผิดคนร้ายก็คือโทรศัพท์ของเซอุคที่เก็บอยู่ที่สถานีตำรวจ
ในโทรศัพท์ของเซอุคมีข้อความที่ใช้ติดต่อกับซอล จึงใช้เป็นหลักฐานที่ตำรวจใช้ในการเอาผิดซอล
ซอลไหวตัวทัน เขาหนีการจับกุมของตำรวจไปได้ และไปลักพาตัวอีคังเพื่อเอาไปฆ่าบนภูเขา แต่ระหว่างทางอีคังเลือกที่จะกระโดดออกมาจากรถ ทั้งสองเกิดต่อสู้กัน อีคังก็ตะโกนด่าซอลว่าเขาเป็นเพียงแค่คนบ้า ด้านซอลก็บอกว่าสิ่งที่เขาทำเป็นสิ่งที่ภูเขาต้องการ แล้วจู่ ๆ สิ่งไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น …
ดินถล่มลงมาทับร่างของซอลตายไปต่อหน้าต่อตาอีคัง !!!
หนึ่งปีต่อมา …
อีคังมีตำแหน่งเป็นคนสัมภาษณ์งานที่สำนักงานอุทยานแห่งชาติ ที่สำคัญคือ อีคังกลับมาเดินได้เป็นปกติ ส่วนฮยอนโจก็ฟื้นขึ้นมาจากความตายได้อย่างน่าเหลือเชื่อ แล้วเรื่องราวก็จบลงไปแบบนี้อย่างมีความสุข
จบบริบูรณ์
Source: tvN Korea