Skip to content
สรุปเนื้อเรื่องซีรีส์ Doctor Cha (2023) คุณหมอชา

สรุปเนื้อเรื่องซีรีส์ Doctor Cha (2023) คุณหมอชา

Doctor Cha (2023) สปอยล์ : เมื่ออดีตนักเรียนแพทย์ใช้ชีวิตเป็นแม่บ้านมานานกว่า 20 ปี แล้ววันหนึ่ง เธอกลับไปเป็นแพทย์มือใหม่ในโรงพยาบาลเดียวกับสามีตัวเอง …

EP.1 ปลูกถ่ายตับ

เรื่องราวเริ่มต้นด้วยการเล่าชีวิตของ ชาจองซุก (รับบทโดย ออมจองฮวา) คุณแม่ลูกสองที่พรีเฟอร์ชีวิตตัวเองเป็นแม่บ้านเต็มตัว นับตั้งแต่หันหลังให้กับอาชีพหมอ ก็เป็นเวลานานกว่ายี่สิบปีแล้ว

วันนี้ ชาจองซุกมาดูแลใบหน้ากับเพื่อนหมอที่เปิดคลินิกความงามกลางกรุงโซล ระหว่างนั้น เธอได้เปิดอกกับเพื่อนว่า แยกห้องนอนกับสามีมานานกว่าสิบปีแล้ว แต่เธอก็มีทัศนคติที่ว่าชีวิตคู่มีอะไรมากกว่าความสัมพันธ์ทางกาย อีกทั้งการได้เลี้ยงดูลูก ๆ ให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพและประโยชน์ต่อสังคม ก็เป็นหน้าที่ที่สำคัญเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ลึก ๆ แล้ว จองซุกก็ยังนึกถึงช่วงชีวิตสมัยที่ยังเป็นอินเทิร์นอยู่ไม่วาย

ระหว่างนั่งรถเมล์กลับบ้าน จู่ ๆ ก็มีชายคนหนึ่งล้มขณะกำลังเดินลงจากรถ ด้วยความตกใจ จองซุกจึงพยายามเข้าไปช่วยชายคนนั้น แต่ดูเหมือนว่าสกิลความเป็นหมอของเธอที่เรียนมาจะคืนอาจารย์ไปหมดแล้ว ยังโชคดีที่คุณหมอรอยคิม (รับบทโดย มินอูฮยอก) บังเอิญผ่านมาและได้เข้าช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้น จนชายคนนั้นถูกนำตัวส่งห้องฉุกเฉินอย่างปลอดภัย

ภาพตัดมาที่ ซออินโฮ (รับบทโดย คิมบยองชอล) หัวหน้าแผนกศัลยแพทย์ลำไส้ใหญ่และทวารหนัก สามีของจองซุก เขาเป็นอาจารย์หมอที่ได้รับการยอมรับเป็นอย่างมาก แต่ดูเหมือนว่าเขากำลังแอบมีความสัมพันธ์ลับ ๆ กับแพทย์หญิงชเวซึงฮี (รับบทโดย มยองเซบิน) ซึ่งเป็นทั้งเพื่อนร่วมงานและเพื่อนร่วมชั้นตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษาแพทย์ ที่ยอมและเต็มใจกับความสัมพันธ์แบบ ‘เมียน้อย’ ที่เป็นอยู่

เมื่อถึงเวลาอาหารค่ำ จองซุกก็จัดแจงทำอาหารทุกอย่างพร้อมสรรพเหมือนทุกวัน เพราะเป็นมื้อที่ทุกคนในครอบครัวจะได้ทานอาหารพร้อมหน้า จากบทสนทนาบนโต๊ะอาหาร อินโฮแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนที่เข้มงวดกับชีวิตของลูกชายที่ตอนนี้เป็นแพทย์อินเทิร์น และลูกสาววัยมัธยมปลาย อีกทั้ง เขายังเป็นคนที่นิยมความสมบูรณ์แบบและมีรสนิยมสูง เพราะเพียงแค่จองซุกเปลี่ยนเมล็ดกาแฟที่เขาเลือกดื่มเป็นประจำ อินโฮก็ชักสีหน้าและใช้คำพูดไม่ดีออกมา

อย่างไรก็ตาม คืนนั้น จองซุกก็คิดที่จะรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับสามีให้กลับมาลึกซึ้งอีกครั้ง เธอเข้าไปเล่นปูไต่เพื่อเชิญชวนให้เขามาเล่นจ้ำจี้ แต่ทว่า อินโฮกลับไม่สนใจจองซุกเลยแม้แต่นิดเดียว นั่นอาจเป็นเพราะว่าในหัวใจของเขาตอนนี้มีแต่ซึงฮีเท่านั้น และเขากำลังเตรียมตัวไปสัมมนาที่ยุโรปกับซึงฮีในวันพรุ่งนี้

วันต่อมา ระหว่างที่จองซุกกำลังช็อปปิ้งที่ห้าง จู่ ๆ เธอก็เป็นลมล้มฟุบไปกองอยู่กับพื้น จองซุกถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที เมื่อฟื้นขึ้นมาเธอก็ได้รับแจ้งว่า ผลการตรวจเลือดมีค่าตับสูงระดับ 3,600 ซึ่งหมายความว่ามีความเสี่ยงที่จะตับวายได้ ดังนั้น ต้องแจ้งญาติทันที และก็ให้บังเอิญว่าหมอเจ้าของไข้ของเธอ คือ รอยคิม ซึ่งเขาแนะนำให้ปลูกถ่ายตับทันที

หนึ่งเดือนต่อมา หมอรอยคิมนัดแจ้งผลการตรวจการเข้ากันของผู้บริจาคการปลูกถ่ายตับ ซึ่งคนที่เหมาะสมที่สุดคืออินโฮ แต่แม่อินโฮค้านหัวชนฝาไม่ให้ลูกชายตัวเองบริจาคตับให้ลูกสะใภ้

ระหว่างนั้น จองซุกที่ต้องแอดมิตระหว่างรอการผ่าตัดอยู่ที่โรงพยาบาล ก็ได้หมอรอยคิมคอยมาคุยให้กำลังใจ จนวันนั้น เขาได้ชวนให้เธอเข้าไปดูการผ่าตัด อย่างน้อยก็ช่วยทำให้จองซุกลืมว่าตัวเองกำลังป่วยไปได้ชั่วเวลาหนึ่ง แต่มันก็ช่วยได้แค่ช่วงเวลาสั้น ๆ เพราะหลังจากนั้น จองซุกก็อาการวิกฤติ

EP.2 ยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง

หลังจากแม่อินโฮปฏิเสธที่จะให้เขาบริจาคตับให้จองซุก ก็บังเอิญมีผู้ป่วยอุบัติเหตุที่ความเข้ากันของตับตรงกับจองซุกพอดี การผ่าตัดปลูกถ่ายตับจึงเป็นไปได้ด้วยดี

ชีวิตหลังเฉียดตายของจองซุกก็ยังคงเหมือนเดิม แม่สามีและสามีปฏิบัติกับเธอไม่ต่างไปจากคนรับใช้ ที่คอยสั่งให้ทำนู่นนี่สารพัด ฝ่ายสามีพอไม่ได้ดั่งใจก็พูดจาใส่อารมณ์ ณ จุดนี้ ทำให้จองซุกรู้สึกว่าสิ่งที่เธอทุ่มเททำเพื่อครอบครัวนี้มาตลอดยี่สิบปีเป็นการทุ่มเทที่ไร้ค่า จากนี้ไปเธอจะทำในสิ่งที่เธออยากทำ

แล้ววันนั้น จองซุกก็โกทูช็อปปิ้งอย่างเต็มคราบ ซื้อทุกอย่างที่อยากได้ แบรนด์เนมทั้งนั้น เมื่ออินโฮได้รับข้อความแจ้งเตือนการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตก็ตกใจ วันเดียวช็อปไป 11,350,000 ล้านวอน (เกือบ 4 แสนบาท)

“บ้าไปแล้วหรือไงวะ !?” อินโฮสบถออกมา

จองซุกได้รับโทรศัพท์จากอินโฮที่โทร. มาบ่นไม่หยุด แต่เธอก็ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า เธอแค่อยากคำอะไรอย่างที่อยากทำบ้าง อาจเป็นเพราะเธอเพิ่งรอดจากความตายมาก็เป็นได้ “ฉันขอใช้ชีวิตของตัวเองซักหน่อย”

วันต่อมา จองซุกไปหาอินโฮที่โรงพยาบาล เธอขอให้ใส่ชื่อเธอเป็นเจ้าของบ้านร่วมกับเขา “ฉันสงสัยมาตลอดว่า ทำไมของสิ่งเดียวที่เป็นชื่อฉันคือโทรศัพท์” อินโฮตัดบทโดยให้เหตุผลว่าต้องเอาเรื่องนี้ไปบอกแม่ก่อน

แล้วผลก็เป็นตามคาด แม่อินโฮปฏิเสธที่จะใส่ชื่อจองซุกเป็นเจ้าของบ้าน โดยให้เหตุผลว่าบ้านควรจะเป็นสมบัติที่ตกทอดให้ผู้ชาย ซึ่งลูกชายคนโตของจองซุกควรจะเป็นคนที่ได้รับมรดกต่อไป จองซุกก็หน้าเจือน ๆ ด้วยความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ณ จุดนี้เองที่เธอตัดสินใจที่จะยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง

เมื่อกลับถึงบ้าน จองซุกเข้าไปเห็นหนังสือสอบแพทย์ของลูกชายคนโต เธอจึงหยิบมาลองทำดู “เอ ฉันก็มีของเหมือนกันนะเนี่ย” จากนั้น จองซุกจึงคิดที่จะกลับไปเป็นแพทย์อีกครั้ง นับแต่นั้นเป็นเวลากว่า 4 เดือนที่เธอมุ่งมั่นอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบ โดยเธอเลือกทำงานที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยกูซาน ที่เดียวกับสามี ซึ่งเธอไม่ได้บอกให้เขารู้

เมื่อถึงวันประกาศผลสอบ จองซุกนั่งลุ้นอยู่หน้าโทรศัพท์จนตัวเกร็ง เธอได้ 49 คะแนน จากคะแนนเต็ม 50 ได้คะแนนมากกว่าลูกชายของเธอซะอีก ที่ได้เพียง 45 คะแนน

อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงการสอบสัมภาษณ์ จองซุกกลับต้องเจออุปสรรคเรื่องที่เธอเคยผ่านการผ่าตัดปลูกถ่ายตับมา ซึ่งทำให้เธอเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากกว่าคนทั่วไป อีกอย่างคือเรื่องอายุที่ตอนนี้ปาเข้าไป 46 แล้ว ซึ่งมากถึงมากที่สุด

จากนั้นไม่นาน จองซุกก็ได้รับโทรศัพท์แจ้งว่าเธอสอบสัมภาษณ์ไม่ผ่าน เธอแสดงสีหน้าไม่แปลกใจเลยสักนิด เหมือนทำใจเอาไว้อยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม วันต่อมาอินโฮถึงกับตกใจจนหน้าเหลือสองนิ้ว เมื่อเขาเห็นจองซุกในเสื้อกาวน์ยืนอยู่กับกลุ่มแพทย์ โดยมีซึงฮีอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย !?

EP.3 ความอึดอัด

จองซุกสอบสัมภาษณ์ไม่ผ่าน แล้วทำไมถึงถูกเรียกตัวให้มาทำงานเป็นหมอประจำบ้านล่ะ ? นั่นเป็นเพราะหมอที่สอบผ่านขอสละสิทธิ์ จองซุกซึ่งเป็นผู้สมัครที่เหลือเพียงคนเดียวจึงได้รับการคัดเลือกแบบส้มหล่น

อินโฮที่ได้เห็นจองซุกทำงานแผนกเดียวกับซึงฮีก็ถึงกับตกใจ จนต้องพาตัวเองไปนอนให้น้ำเกลือที่ห้องฉุกเฉิน พร้อมกับบ่นพึมพำว่า “คนที่รู้ว่าตัวเองอายุสั้นรู้สึกแบบนี้นี่เองสินะ”

แต่ไม่ทันไร ซึงฮีก็ส่งข้อความเรียกให้อินโฮมาเจอโดยด่วน เธอส่งเสียงตวาดลั่นใส่อินโฮด้วยความหงุดหงิด “นี่คุณจะให้ฉันย้ายโรงพยาบาล หรือลาออกตอนนี้เลยมั้ย รีบหาวิธีจัดการซะ”

ระหว่างนั้น จองซุกก็ถูกย้ายมาทำหน้าที่หมอประจำบ้านที่แผนกของอินโฮ เธอทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี แม้จะดูเงอะ ๆ เงิ่น ๆ ไปบ้างเพราะร้างมือมานานกว่ายี่สิบปี แต่ก็ทำด้วยความตั้งใจ

คืนนั้น อินโฮเข้าไปโวยวายใส่จองซุกที่ไปทำงานเป็นหมอประจำบ้านโดยไม่ได้บอก แต่เขาก็ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเจอคำถามนี้ “ทำไมคุณต้องโวยวายขนาดนี้ หรือมีเหตุผลอื่นที่คุณไม่อยากให้ฉันรู้ ?” อินโฮกลัวว่าจองซุกจะรู้เรื่องความสัมพันธ์ของเขากับซึงฮี เขาจึงอนุญาตให้เธอทำงานที่โรงพยาบาล โดยมีข้อแม้ว่าจะต้องทำเป็นไม่รู้จักกัน และเขาจะปฏิบัติกับเธอเหมือนหมอมือใหม่คนอื่น ๆ จองซุกกล่าวขอบคุณสามียกใหญ่ที่เขาอนุญาต

ในส่วนของซึงฮีก็ยังคงกดดันอินโฮให้จัดการกับจองซุก ไม่งั้นเธอจะลาออก ซึ่งอินโฮแสดงใบหน้ากระหยิ่มยิ้มย่องตอบกลับไปว่า ไม่นานหรอก จองซุกก็คงจะลาออกไปเองเพราะทนทำงานหนักไม่ไหว เพราะเขามองแล้วว่างานนี้เหนื่อยทั้งร่างกายและจิตใจ

และเย็นวันนั้น จู่ ๆ หัวหน้าหมอก็จัดงานเลี้ยงก๊งเหล้าต้อนรับหมอรอยคิม หมอสุดหล่อคนใหม่ของโรงพยาบาล เมื่ออินโฮรู้ว่าจะมีงานกินเลี้ยงคืนนี้ก็ตกใจ แต่ดูว่าเขาจะทำอะไรไม่ได้ซะแล้ว

ระหว่างที่ทุกคนต่างกันดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน หัวหน้าหมอก็ถามจองซุกว่าสามีทำงานอะไร ? เธออ้ำ ๆ อึ้ง ๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบออกไปว่า “ตายไปแล้วค่ะ” เมื่อได้ยินเช่นนั้น อินโฮก็ถึงกับสำลักโซจูที่อยู่ในปากออกมา

EP.4 พลังที่เกิดจากแบรนด์เนม

หลังงานเลี้ยงจบลง หมอรอยคิมซึ่งน่าจะเป็นคนเดียวที่ไม่เมาก็บึ่งมอเตอร์ไซค์กลับ จองซุกเมื่อเห็นเช่นนั้น จึงขอให้เขาขี่ไปส่งเธอที่บ้าน ท่ามกลางความไม่พอใจของอินโฮ ที่เห็นภรรยาแสดงความสนิทสนมกับหมอสุดหล่อรอยคิมจนเกินหน้าเกินตา

การได้ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์วิ่งฝ่าอากาศไปตามท้องถนนยามค่ำคืน มันทำให้จองซุกรู้สึกเป็นอิสระ และทำให้เธอรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก จนทั้งสองไปแวะพักคุยกันที่สวนสาธารณะ หมอรอยคิมแสดงความคิดเห็นว่า อินโฮไม่เคารพเธอในฐานะภรรยาเลย จองซุกจึงตอบกลับไป “จริง ๆ แล้ว สามีฉันไม่ใช่คนที่เลวร้ายที่สุดหรอก ก็แค่พออยู่กันไปนาน ๆ ความรักที่เคยมีให้กันก็จืดจาง และความรู้สึกขอบคุณก็น้อยลง ซึ่งมันก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ”

ส่วนการทำงานที่โรงพยาบาลของจองซุกในวันต่อ ๆ มา ก็เป็นไปด้วยความยากลำบากและแรงกดดัน เพราะเธอต้องทนกับความเหวี่ยงวีนของโซรา หมอรุ่นพี่ปีสาม แต่อายุรุ่นลูก ที่ชอบขึ้นเสียงต่อว่าเมื่อจองซุกทำผิด จองมินเห็นเช่นนั้นก็พยายามขอร้องให้โซราพูดดี ๆ กับจองซุก โดยที่ไม่ได้บอกว่านั่นเป็นแม่ของเขา

และที่จองมินไม่ได้บอกใครก็คือ เขากับโซราแอบคบกันอยู่ !

สร้อยข้อมือเพชร 24 เค

วันหยุด จองซุกจัดแจงเอาเสื้อไปซัก ปรากฏว่าไปเจอใบเสร็จที่อินโฮซื้อสร้อยข้อมือเพชร 24 เคราคา 5,820,000 วอน (1.5 แสนบาท) จองซุกจึงถามสามีด้วยความแปลกใจที่เขาซื้อเครื่องประดับแบรนด์เนมราคาแพง อินโฮอึกอัก ๆ แล้วก็เฉไฉตอบไปว่า เขาตั้งใจจะซื้อเป็นของขวัญวันเกิดให้เธอ แหม่ พอรู้ว่าได้ของขวัญชิ้นโตเท่านั้นแหละ จองซุกจึงทั้งนวดทั้งบริการต่าง ๆ ให้อินโฮเป็นอย่างดี โดยที่ไม่รู้เลยว่าเป็นสร้อยที่เขาซื้อให้ซึงฮีตอนไปทริปสัมมนาที่ยุโรปต่างหาก

รุ่งขึ้น อินโฮจึงจำใจไปซื้อสร้อยแบบเดียวกันอีกเส้นมาเตรียมไว้ โดยกัดฟันผ่อน 12 เดือน

จองซุกอารมณ์ดีสุด ๆ รุ่งขึ้นเธอจึงตัดสินใจไปพบซึงฮีเป็นการส่วนตัว เพื่อขอโทษเรื่องในอดีตสมัยเรียน ที่เธอแย่งอินโฮไปด้วยความไม่ประสีประสา ถึงซึงฮีจะยอมรับคำขอโทษและไม่ติดใจเรื่องในอดีต แต่เธอก็ยังขีดเส้นที่จะไม่ขอเป็นเพื่อนกับจองซุก “ถึงฉันจะไม่ติดใจเรื่องในอดีต แต่ก็ใช่ว่าเราจะเป็นเพื่อนกันได้นะ”

เวลาเดียวกัน จองซุกถูกเรียกตัวมาที่ห้องฉุกเฉินด่วน มีเคสคนไข้หมดสติโดยไม่รู้สาเหตุ โดยมีหมอโซรากำลังทำ CPR ให้ จนเมื่อจองซุกไปถึง หมอโซราก็เรียกให้จองซุกเตรียมเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้า

ระหว่างที่ทั้งสองกำลังช่วยชีวิตคนไข้อย่างเต็มที่ จังหวะนั้น จองซุกเหลือบไปเห็นอินโฮกับซึงฮีเดินชนแล้วยิ้มให้กัน แล้วเป็นเวลาเดียวกับที่เธอเห็นสร้อยเพชรที่ข้อมือของซึงฮี เวลานั้นเอง จองซุกเหมือนสมาธิหลุดจากการช่วยคนไข้ จึงเผลอเอามือตัวเองเข้าไปขณะที่เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้า 200 จูล กำลังทำงาน

จองซุกหมดสติล้มลงไปนอนกองอยู่กับพื้นทันที !

EP.5 เงื่อนไขที่ไม่อาจปฏิเสธได้

เมื่อเห็นจองซุกสลบเหมือนไปจากการโดนไฟช็อต อินโฮจึงรีบอุ้มร่างของจองซุกไปดูแล ซึงฮีที่เห็นภาพบาดตาบาดใจจึงเกิดอาการน้อยใจ เธอจึงถอดสร้อยข้อมือที่อินโฮซื้อให้เก็บเอาไว้ในลิ้นชักที่โต๊ะทำงาน

ผ่านไปไม่นาน จองซุกก็ฟื้นได้สติ สิ่งแรกที่ทำคือสังเกตที่ข้อมือของซึงฮีให้แน่ใจอีกที แต่คราวนี้ปรากฏว่าไม่มีสร้อยข้อมือ จองซุกจึงคิดว่า “ตาฝาด”

คืนนั้น อินโฮเอาสร้อยข้อมือเพชรมาให้จองซุกเป็นของขวัญวันเกิด จองซุกดีใจจนน้ำตาแทบไหล เพราะเป็นของขวัญชิ้นแรกที่เคยได้จากสามีหลังจากอยู่กินกันมานานยี่สิบกว่าปี อินโฮจึงอาศัยจังหวะนี้พูดโน้มน้าวให้จองซุกลาออกจากโรงพยาบาล เพื่อมาดูแลลูกสาวคนเล็กจนกว่าจะสอบติดมหาวิทยาลัย … จองซุกเริ่มเห็นด้วยกับสามี เพราะระยะหลังเธอละเลยลูกสาวคนเล็กจนมีปากเสียงกันอยู่บ่อยครั้ง

ต่อมา ที่โรงพยาบาล … ซึงฮีบังเอิญเห็นสร้อยข้อมือเพชรที่ข้อมือของจองซุก อาการหึงแรงพุ่งออกมาจากแววตาของซึงฮีจนแทบเก็บอาการไม่อยู่ คืนนั้นเธอจึงนัดเจอกับอินโฮทันที

ซึงฮีปาสร้อยข้อมือเพชรราคาแพงใส่อินโฮด้วยความโกรธ “กล้าดียังไงถึงซื้อสร้อยแบบเดียวให้ทั้งสองคน จะให้ฉันใส่สร้อยข้อมือเหมือนเมียคุณอย่างงั้นเหรอ !”

อินโฮต้องใช้เวลาพักใหญ่เพื่ออธิบายที่เขาต้องซื้อสร้อยเส้นนั้นให้จองซุก และสัญญาว่าจะซื้อของขวัญชิ้นอื่นให้ … ว่าที่จริง สิ่งที่ซึงฮีต้องการไม่ใช่ของขวัญราคาแพงอะไรหรอก สิ่งที่เธอต้องการมากที่สุดคือให้เขาเลิกกับจองซุก แต่มันก็ไม่เคยเกิดขึ้น ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีก็ตาม

ทีนี้ เรื่องราวยิ่งซับซ้อนมากขึ้น ในคืนเดียวกัน ซึงฮีทะเลาะกับอึนซอ ลูกสาววัยมัธยมปลาย เนื่องจากรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจที่ตัวเองมีแม่เป็นเมียน้อย มีพ่อแต่ก็เรียกพ่อไม่ได้

นั่นหมายความว่า อึนซอ ลูกของซึงฮี ที่เป็นเพื่อนสนิทของอีรัง ลูกสาวของจองซุก มีพ่อคนเดียวกัน ก็คือ อินโฮ !

นับแต่นั้น ซึงฮีจึงคิดหาทางกำจัดจองซุกให้ออกไปจากโรงพยาบาล เพราะเป็นขวากหนามที่ทิ่มแทงหัวใจเสียเหลือเกิน เธอจึงจงใจใช้งานจองซุกสารพัด ตั้งแต่ค้นข้อมูลในห้องสมุด เขียนบันทึกรายงานการประชุม ให้เตรียมข้อมูลสำหรับการประชุม พิมพ์วิทยานิพนธ์ บลา ๆ ๆ แม้จะหนักแต่จองซุกก็ก้มหน้าก้มตาทำไปโดยไม่บ่นออกมาซักคำ

อย่างไรก็ตาม การทำงานหนักทำให้หมอรอยคิมเริ่มเป็นห่วงจองซุก จากผลการตรวจล่าสุดทำให้พบว่าค่าตับสูงขึ้น หมอรอยคิมจึงแนะนำให้ทำงานน้อยลง และดูแลสุขภาพมากขึ้น

ระหว่างนั้น จองซุกก็ก่อเรื่องขึ้นมาอีก เมื่อนักโทษรุ่นคุณยายที่ฆาตกรรมสามี ซึ่งจองซุกเป็นเจ้าของไข้เกิดหนีออกจากโรงพยาบาล จนกลายเป็นเรื่องวุ่นวายไปทั่ว แม้ต่อมาตำรวจจะตามจับยายฆาตกรคนนั้นได้ก็ตาม แต่จองซุกก็โดนหัวหน้าต่อว่าอย่างไม่ไว้หน้า

ท่ามกลางปัญหาสารพัดสารเพที่เข้ามารุมเร้า วันนั้น จองซุกจึงไปหาอินโฮที่ห้องทำงาน แล้วบอกว่าจะลาออกไปดูแลลูก

อินโฮดีใจแทบเก็บอาการไม่อยู่ เขารีบโทร. ไปแจ้งข่าวดีนี้กับซึงฮีทันที ทั้งสองยิ้มหน้าบานด้วยความอิ่มเอิ่มที่กำจัดเสี้ยนหนามหัวใจออกไปได้ซะที … จังหวะนั้น ก็มีข้อความส่งให้หมอทุกคน แจ้งว่า ผอ. สั่งให้มารวมตัวกันที่ห้องประชุมด่วน และคนที่ ผอ. ย้ำว่าต้องเข้าร่วมการประชุมคือ “คุณหมอชาจองซุก”

ณ ห้องประชุม … คนไข้วีไอพีที่จองซุกเป็นเจ้าของไข้ยืนอยู่ด้านหน้าห้องประชุม เขาประกาศบริจาคเงิน 1 หมื่นล้านวอน (ประมาณ 255 ล้านบาท) ให้กับโรงพยาบาล โดยมีเงื่อนไขเพียงอย่างเดียว คือ จองซุกต้องทำงานกับโรงพยาบาลนี้ จนกว่าเขาจะสิ้นลมหายใจ “ถ้าโรงพยาบาลเสียบุคลากรคนนี้ไป ผมจะเรียกเงินหนึ่งหมื่นล้านคืนทั้งหมด”

หลังพูดจบ ทุกคนในห้องประชุมลุกขึ้นตบมือแสดงความยินดี จองซุกยิ้มจนแก้มปริ

EP.6 ความลับที่ (ไม่) อยากให้รู้

คืนนั้น ซึงฮีชวนอินโฮไปต่อกันที่โรงแรมหลังจากไดนิ่ง แต่อินโฮทำท่าทางแปลก ๆ นั่งหน้าห่อเหี่ยวอยู่บนโซฟาภายในห้องโรงแรมห้าดาว แม้ซึงฮีจะเชิญชวนให้มีซัมติงกันก็ตาม สุดท้ายเขาจึงสารภาพว่าช่วงนี้ผมร่วงเยอะ จึงต้องกินยา ‘ฟินาสเตอร์ไรต์’ ซึ่งมีผลข้างเคียงทำให้น้องชายนอนหลับสนิท ซึงฮีได้ยินก็หัวเราะออกมาไม่หยุด “โอ้ย นึกว่าอะไร อีกเดือนนึงรอให้ร่างกายปรับตัวเดี๋ยวก็กลับมาฟิตปั๋งเหมือนเดิม งั้นวันนี้เรามานอนจับมือกันเถอะ ฮะฮ่า ๆ”

แต่เมื่อถึงตอนกลับนี่สิ หมอโซราดันบังเอิญเห็นซึงฮีกับอินโฮเดินท่าทางสนิทสนมออกมาขึ้นรถด้านหน้าโรงแรมด้วยกัน ไม่เพียงเท่านั้น หมอรอยคิมที่จอดรถอยู่ด้านนอกก็บังเอิญเห็นเช่นกัน

รุ่งขึ้น รอยคิมจึงหาจังหวะเข้าไปพูดกับอินโฮเป็นการส่วนตัวด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ “เลิกนอกใจภรรยาซะ !”

คำพูดของรอยคิมทำให้อินโฮวิปขึ้นมาด้วยความโกรธเช่นกัน เขาจึงตอกกลับไปว่า “อย่ามาจุ้นเรื่องของคนอื่น”

จากนั้น จองซุกและทีมแพทย์ประจำบ้านก็บรีฟการรักษาคนไข้ให้อินโฮ แต่จองซุกดันให้ยาตัวที่มีผลข้างเคียงในเชิงลบกับคนไข้ อินโฮที่อารมณ์เสียอยู่แล้ว ก็ตวาดใส่จองซุกอย่างไม่ไว้หน้า “ต่อไปนี้ไม่ต้องมาออกกราวน์แล้ว จริง ๆ ไม่ต้องมาเลยก็ได้ ถ้าหัวกลวงจนเรื่องง่าย ๆ ยังไม่รู้ก็กลับไปเรียนมาก่อนสิ”

หลังจากนั้นทั้งวัน อินโฮก็ทำเหมือนจองซุกเป็นอากาศธาตุ จนเมื่อกลับไปถึงบ้าน จองซุกก็ระเบิดอารมณ์ใส่อินโฮเช่นกัน ทั้งสองโต้เถียงกันด้วยอารมณ์ที่อยู่เหนือเหตุผล จนที่สุด จองซุกพยายามควบคุมอารมณ์และกล่าวความรู้สึกของตัวเองออกไป “นี่เป็นโอกาสสุดท้ายในชีวิตของฉันแล้วที่จะออกจากก้นครัวของบ้านหลังนี้ ขอโอกาสนี้ให้ฉันเถอะ ฉันขอแค่นั้นจริง ๆ”

แต่ก็นั่นแหละ วันต่อมาอินโฮก็ยังคงปฏิบัติกับจองซุกเหมือนเป็นอากาศธาตุเหมือนเคย จนเธอต้องแอบไปนั่งเศร้าอยู่คนเดียวเพียงลำพัง

เวลาผ่านไปจนถึงวันหนึ่ง มีเคสคนไข้ที่อินโฮวินิจฉัยว่าคนไข้เป็นมะเร็ง แต่จองซุกกลับมีความเห็นว่าสิ่งที่อินโฮคิดว่าเป็นเนื้อเยื่อมะเร็ง แท้จริงแล้วมันเป็นเพียงแค่ ‘ฝี’ เท่านั้น อินโฮหัวเราะใส่หน้าจองซุกด้วยความขบขัน ถึงอย่างนั้นก็เถอะจองซุกก็ยืนยันว่าเธอเคยเจอเคสคล้าย ๆ กันสมัยเป็นอินเทิร์น

เมื่อความเห็นไม่ตรงกันการพนันจึงเกิดขึ้น ทั้งสองจึงเดิมพันกัน ถ้าจองซุกวินิจฉัยถูกว่าคนไข้เป็นเพียง ‘ฝี’ อินโฮจะต้องยอมให้เธอกลับเข้าไปร่วมทีมเหมือนเดิม แต่หากเป็น ‘เนื้อเยื่อมะเร็ง’ เธอจะยอมลาออกทันที !

ดันดีล … อินโฮโทร. สั่งให้ทำการผ่าตัดคนไข้ทันที แต่ผลออกมาก็คือ ไม่ใช่เนื้อเยื่อมะเร็งจริง ๆ

เวลาเดียวกันนั้น อินโฮก็รับโทรศัพท์จากครูที่โรงเรียนของอีรัง ลูกสาวคนเล็ก เขาเพิ่งรู้ความจริงว่า อีรังกำลังวางแผนที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยศิลปะ แทนที่จะสอบเป็นหมอตามที่เขาวางแผนไว้ อินโฮรีบกลับมาค้นห้องอีรังก็พบอุปกรณ์วาดรูปซ่อนอยู่เป็นจำนวนมาก เขาจึงเอาข้าวของทั้งหมดมาทิ้งที่กลางบ้านรออีรังกลับมาด้วยความโกรธ

EP.7 ความฝันของลูก

จองซุกมาถึงบ้านก็พบ อีรัง ลูกสาวคนเล็กนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้น เบื้องหน้ามีอุปกรณ์ศิลปะวางระเกะระกะ ส่วนอึนโฮนั่งหน้างอด้วยความโกรธอยู่บนเก้าอี้ เขาหันไปมองหน้าจองซุกแล้วยิงคำถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยโทสะ “นี่คุณรู้มาตลอดใช่มั้ยว่าอีรังจะสอบเข้าคณะวิจิตรศิลป์” อินโฮไม่พอใจที่เขาถูกหลอกมาตลอด เงินจำนวนมากที่เขาจ่ายให้ไปติวสอบเป็นหมอทุกเดือน กลับถูกเอาไปซื้ออุปกรณ์ศิลปะที่อินโฮเรียกว่า ‘ขยะ’ !

พ่อเรียกอุปกรณ์ที่ลูกสาวใช้เป็นเครื่องมือตามหาฝันว่า ‘ขยะ’ อย่างนั้นเหรอ อีรังนั่งคุกเข่าอยู่อย่างนั้นด้วยความกดดันที่ถาโถม น้ำตาไหลออกมาไม่หยุด เธอก้มหน้าอดทนฟังพ่อแม่ทะเลาะกันเรื่องชีวิตของเธอ นี่มันความฝันและชีวิตของเธอนะ มันไม่ใช่ความฝันหรือชีวิตของพ่อแม่ !? แต่ …

แต่มันไม่สำคัญหรอก อินโฮคว้าถุงขยะมาเก็บอุปกรณ์ศิลปะเหล่านั้นใส่ถุง แล้วเอามันไปทิ้งถังขยะ จากนั้นก็ยื่นข้อเสนอให้จองซุกลาออกจากโรงพยาบาลถ้าต้องการให้อีรังเรียนวิจิตรศิลป์ แต่จองซุกปฏิเสธ และจากนี้เธอจะส่งอีรังเรียนด้วยตัวเอง

ที่โรงพยาบาล … มีคนไข้หนุ่มรายหนึ่งที่รู้สึกท้อแท้กับชีวิต หลังจากการผ่าตัดลำไส้ล้มเหลว ทำให้เขารู้สึกหมดอาลัยตายอยากกับชีวิตในอนาคต ที่ไม่ต่างอะไรกับคนพิการ แล้ววันนั้น ฟางเส้นสุดท้ายก็ขาดสะบั้น ชายหนุ่มขึ้นไปบนดาดฟ้าของโรงพยาบาลเพื่อจบชีวิตของตัวเองซะ

เวลาเดียวกัน จองซุกกำลังเดินตรวจคนไข้ตามปกติ เมื่อเห็นคนไข้หนุ่มหายไปจากห้อง และมีจดหมายลาตายวางอยู่บนเตียง เธอก็รู้ได้ในทันทีว่าต้องเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแน่ ๆ จองซุกรีบโทร. หา 119 ทันที ก่อนที่จะรีบวิ่งขึ้นไปบนดาดฟ้า

จองซุกนั่งชันเข่าอยู่ข้าง ๆ คนไข้หนุ่มที่กำลังตัดสินใจจะกระโดดลงไป เธอพยายามโน้มน้าวให้เขาล้มเลิกความตั้งใจ ชายหนุ่มลุกขึ้นเหมือนจะทำตามจองซุก แต่จังหวะนั้นเองเขากลับทำสิ่งที่ไม่คาดคิด เขาพุ่งตัวทำท่ากระโดดลงไป จองซุกที่ตกใจจึงคว้าแขนของคนไข้หนุ่มเอาไว้ แต่ด้วยโมเมนตัมแหละหลักฟิสิกส์ จองซุกจึงร่วงลงไปด้วย !

โชคดีที่เจ้าหน้าที่เตรียมเบาะลมขนาดใหญ่เอาไว้ด้านล่างเป็นที่เรียบร้อย ทั้งจองซุกและคนไข้หนุ่มจึงรอดจากความตายไปได้อย่างเหลือเชื่อ ท่ามกลางความตกใจของผู้คนที่ยืนมุงดูเหตุการณ์ แต่คนที่ตกใจที่สุดคือ อินโฮกับรอยคิม

จองซุกลุกออกมาจากเบาะลมด้วยท่าทางปกติ จู่ ๆ รอยคิมก็โผเข้าไปสวมกอดจองซุกเอาไว้แล้วพูดขึ้นว่า “ผมดีใจที่คุณปลอดภัยนะครับ” อินโฮที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็มองตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ

EP.8 ภาพสะท้อน

หลังจากเหตุการณ์คนไข้กระโดดตึก ทำให้ข่าวลือเรื่องรักสามเส้าระหว่าง จองซุก, รอยคิม และอินโฮ แพร่กระจายไปทั่วทั้งโรงพยาบาล หมอใหญ่หมอเล็กพยาบาลต่างเอาเรื่องนี้มาซุบซิบนินทากันสนุกปาก

จองซุกพาคนไข้หนุ่มคนนั้นนั่งวีลแชร์ไปดูคนไข้คนอื่น ๆ ในโรงพยาบาล เพื่อบอกกับเขาว่า มีคนที่โชคร้ายกว่าเขามากมาย แต่คนไข้เหล่านั้นก็ยังสู้เพื่อที่จะมีชีวิตต่อไป รวมถึงญาติของคนไข้เหล่านั้นก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน “การมีชีวิตอยู่เป็นสิ่งสวยงามมากกว่าที่คุณคิด อย่าตาย และใช้ชีวิตต่อไปเถอะค่ะ”

จองซุกทำสำเร็จ คนไข้หนุ่มมีแรงใจกลับมาใช้ชีวิตอีกครั้ง

พี่น้องต่างแม่

ค่ำวันนั้น ซึงฮีขอให้อินโฮมาร่วมฉลองกับอึนซอ ที่ได้รางวัลการประกวดผลงานศิลปะระดับชาติ ทั้งสามร่วมโต๊ะ ณ ร้านอาหารชั้นดีแห่งหนึ่ง ระหว่างนั้น อึนซอก็เผยแผนการบางอย่างออกมา เธอนัดให้อีรังมาที่นี่ด้วย !

อีรังเดินมาถึงโต๊ะก็งงที่เห็นพ่อนั่งอยู่ด้วย ตอนนี้เองที่อึนซอยืนขึ้นแล้วหันไปมองอีรัง “ความจริงพ่อเธอก็คือพ่อฉัน เห็นทำหน้าซื่อ ๆ แล้วน่ารำคาญ จะบอกให้รู้เอาไว้ว่าเธอกับฉันคือพี่น้องต่างแม่”

อีรังรู้ความจริงก็วิ่งออกจากร้านทันที เธอเดินข้ามทางม้าลายด้วยความเศร้าสร้อย ก่อนจะทรุดเข่าลงไปปล่อยโฮร้องไห้ออกมาไม่หยุดตรงเกาะกลางถนน

อินโฮรีบกลับมารออีรังอยู่ที่บ้าน จนเมื่ออีรังกลับมา เธอก็บอกคุณย่าว่า “คุณย่ามีหลานอีกคนแล้วนะ” คุณย่าฟังแล้วก็ทำหน้างง ๆ ก่อนที่อีรังจะเดินไปเผชิญหน้ากับอินโฮแล้วเอ่ยปากพูดในสิ่งที่ผู้เป็นพ่อไม่คาดคิด …

“อย่าให้แม่รู้เรื่องนี้เด็ดขาด”

ด้านแม่อินโฮเมื่อได้ฟังความจริงจากปากอินโฮก็ตกใจ ที่เมียหลวงกับเมียน้อยของลูกชายดันมาทำงานร่วมกันซะอีก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังให้ท้ายลูกชาย และย้ำว่าห้ามไม่ให้จองซุกรู้เด็ดขาด

เรื่องก็เหมือนจะโอเค แต่รุ่งขึ้น จองมินดันบังเอิญได้ยินและได้เห็นอินโฮกับซึงฮีแอบนัดเจอกัน ทำให้เขารู้ความจริงว่าซึงฮีเป็นเมียอีกคนของพ่อ !

จองมินเปิดอกคุยกับอินโฮ เขาย้ำว่าห้ามให้แม่รู้เรื่องนี้เด็ดขาด

อย่างไรก็ตาม ด้วยความบังเอิญทำให้จองซุกไปเห็นไอจีของซึงฮี ในนั้นมีจุดสังเกตหลายอย่างที่ทำให้เชื่อได้ว่า ซึงฮีกับอินโฮคบกัน จนในที่สุด จองซุกไถไปจนเจอรูปหนึ่งที่มีภาพสะท้อนของอินโฮอยู่ในกระจก ความจริงนี้ทำให้จองซุกสั่นเทาไปทั้งตัว

วันต่อมา ตรงกับวันเกิดของจองซุก วันนี้ทุกคนในครอบครัวจัดเลี้ยงฉลองวันเกิดให้ที่ร้านอาหารสุดหรูแห่งหนึ่ง จองซุกมาในชุดเดรสสีดำซึ่งเป็นลุคที่ต่างไปจากปกติ ในขณะที่ซึงฮีก็มาที่ร้านอาหารนี้เช่นกัน ทั้งสามกำลังเผชิญหน้ากันด้วยสีหน้าตึงเครียด

หรือว่าความพังพินาศกำลังจะเริ่มต้นขึ้น !?

EP.9 ท่าทีที่แปลกไป

จองซุกใส่เดรสสีดำรองเท้าส้นสูงสีดำ เดินทางมาที่ร้านอาหารที่เตรียมไว้สำหรับจัดเลี้ยงงานวันเกิดของเธอ ทั้งเค้กก้อนโตทั้งอาหารถูกเตรียมเอาไว้อย่างดี ทุกคนยิ้มแย้มอย่างมีความสุข แต่จองซุกเป็นเพียงคนเดียวที่สีหน้าเรียบเฉย ไม่มีรอยยิ้มปรากฏให้เห็นเลยแม้แต่นิดเดียว

ในขณะที่ซึงฮีก็แอบดูครอบครัวอินโฮเลี้ยงฉลองวันเกิดให้จองซุกด้วยความอิจฉา เธออยากให้คนคนนั้นเป็นเธอกับลูกสาว ซึงฮีแอบดูสักพักก่อนจะเดินตาละห้อยกลับไป … ระหว่างขับรถกลับ ซึงฮีก็ร้องไห้โหออกมา

เห็นได้ชัดว่าจองซุกพยายามควบคุมอารมณ์ กระทั่งถึงตอนที่อินโฮตัดเค้กวันเกิดให้ จองซุกก็ทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด เธอกดหัวอินโฮจมลงไปในเค้กก้อนมหึมาเบื้องหน้า ทุกคนอึ้งไปหลายวินาที ก่อนที่จองซุกจะหัวเราะออกมาดังลั่น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย “ตลกดีเนอะ เป็นสิ่งที่อยากทำมานานแล้ว ถือว่าเป็นของขวัญวันเกิดก็แล้วกันนะ ฮะฮะฮ่า”

อย่างไรก็ตาม จองซุกก็เก็บความรู้สึกเอาไว้ไม่ไหว ระหว่างนั่งรถกลับบ้าน จู่ ๆ จองซุกก็ปล่อยโฮออกมา เธอขอลงระหว่างทาง ก่อนจะเดินกลับบ้านด้วยใจที่เหม่อลอย

รุ่งขึ้น จองซุกตัดสินใจบอกกับทุกคนในบ้านว่าจะย้ายออกไปอยู่หอพักแพทย์ของโรงพยาบาล โดยอ้างเหตุผลเรื่องความสะดวกในการเดินทาง

ระหว่างนั้น รอยคิมเห็นจองซุกสีหน้าไม่ค่อยสบายใจ จึงชวนเธอไปเป็นอาสาสมัครทางการแพทย์ด้วยกัน จองซุกตกลง

ทีนี้ เมื่อเห็นภรรยามีท่าทีที่แปลกไป อินโฮจึงตัดสินใจตามไปเป็นอาสาสมัครทางการแพทย์ด้วย ทั้งที่ปกติไม่มีทางได้เห็นหัว แต่กลายเป็นว่าจองซุกกับมีท่าทีเมินเฉยกับอินโฮ โดยไปให้ความสนิทสนมกับรอยคิมมากกว่า จนทำให้อินโฮเขม่นรอยคิม

คืนนั้น แพทย์อาสาต่างพากันดื่มกินกันอย่างเต็มคราบ โดยเฉพาะอินโฮกับรอยคิม ที่ดื่มไปดื่มมากับคุยกันถูกคอซะอย่างนั้น ยิ่งดื่มก็ยิ่งเมา ยิ่งเมาก็ยิ่งอยากร้องเพลง อินโฮคว้าไมค์ขึ้นมาร้องเพลงดังลั่น จนเมื่อตาเหลือบไปเห็นจองซุกเดินผ่านมา เขาจึงตะโกนดังลั่นใส่ไมค์จนได้ยินกันทั้งหลายสิบชีวิตได้ยิน “ที่รัก มานี่หน่อยสิ”

จองซุกกับรอยคิมถึงกับหน้าเหวอด้วยความตกใจ !

EP.10 อนาคตที่ต้องตัดสินใจ

อินโฮประกาศออกไมค์ชัดเจนว่า เขากับจองซุกเป็นสามีภรรยากัน งานนี้เล่นเอาหลายคนสร่างเมากันเลยทีเดียว เพราะไม่คาดคิดว่าสองผัวเมียคู่นี้จะตีเนียนหลอกคนได้ทั้งโรงพยาบาลแบบนี้

แต่คนที่ดูเหมือนจะไม่โอเคก็คือหมอโซรา แฟนสาวของจองมิน เพราะที่ผ่านมาเธอทำกิริยาไม่ดีใส่จองซุกมาตลอด แล้วจู่ ๆ จองซุกก็มากลายเป็นแม่แฟนซะอย่างงั้น

ระหว่างนั้น แม่อินโฮมาหาซึงฮีเพื่อขอให้เลิกยุ่งกับอินโฮ … ทำให้ซึงฮีเริ่มตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคตของตัวเอง เธอสั่งให้นายหน้าขายทรัพย์สินที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ เพื่อย้ายกลับไปอยู่อเมริกา

ค่ำวันนั้น ซึงฮีไปไดนิ่งกับอินโฮตามปกติ ที่ไม่ปกติคือสีหน้าของเธอที่ดูเรียบเฉยไร้รอยยิ้ม จู่ ๆ เธอก็ยิงคำถามใส่ “คุณคิดจะหย่ากับเมียหรือเปล่า ?”

อินโฮอึ้ง เขาไม่คิดว่าจะได้ยินคำถามนี้จากปากซึงฮีเวลานี้ “ก็เธอ [จองซุก] ไม่ได้ทำผิดอะไร ถึงผมจะเลวแค่ไหนก็ไม่มีหน้าไปขอหย่าหรอก”

ซึงฮีถอดสร้อยข้อมือที่อินโฮซื้อให้วางไว้บนโต๊ะ “ฉันว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องตัดสินใจ เราอยู่กันแบบนี้ต่อไปไม่ได้หรอก” พูดจบก็ลงเดินออกไปทันที

ต่อมา อีรังกับอึนซอทะเลาะกันรุนแรงถึงขั้นตบตี อีรังทำร้ายอึนซอจนได้รับบาดเจ็บที่ข้อมือถึงขั้นต้องใส่เฝือก ซึงฮีกับอินโฮจึงรีบไปดูอาการอึนซอที่โรงพยาบาล เวลานั้นเองที่จองซุกแอบตามไปจนรู้ความจริง ความจริงที่รู้ยิ่งปวดใจ

จองซุกนั่งหน้าละห้อยด้วยความเศร้าอยู่บนม้านั่งหน้าโรงพยาบาล หมอโซราเดินมาพอดีจึงชวนไปนั่งรถสปอร์ตเปิดประทุนกินลมชิล ๆ จองซุกอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ไม่กล้าบอกสิ่งที่เธอทุกข์ใจ โซราเห็นเช่นนั้นจึงบอกว่า “ไม่สบายใจเรื่องที่อาจารย์อินโฮนอกใจใช่มั้ย”

จองซุกทำหน้าแปลกใจที่โซรารู้เรื่องความสัมพันธ์ของอินโฮกับซึงฮี แล้วจู่ ๆ ฝนก็เกิดเทลงมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย โซราเอื้อมมือไปกดปุ่มให้รถปิดหลังคา แต่กดยังไงก็ไม่ปิด ก่อนจะสารภาพว่านี่เป็นครั้งแรกที่เปิดหลังคาจึงปิดไม่เป็น ทำเอาจองซุกหัวเราะออกมาด้วยความตลกที่โซรากดปิดหลังคารถไม่เปิด ทั้งคู่ฝ่าสายฝนจนเปียกปอน

EP.11 บ้าไปแล้วเหรอ !

หลังจากขับรถเปิดประทุนฝ่าสายฝนกันอย่างสนุกสนาน จองซุกก้บโซราก็กลับมาที่หอพักแพทย์ โซราปลอบประโลมความรู้สึกของจองซุก ที่ชีวิตครอบครัวต้องมาตกอยู่ในสถานะลำบาก ในขณะที่จองซุกก็สารภาพว่า รู้มาตลอดเรื่องที่จองมิน ลูกชายของเธอคบอยู่กับโซรา และยอมรับว่าทั้งคู่เหมาะสมกันดี

รุ่งขึ้น จองซุกมาทำงานพร้อมกับรังสีอำมหิตที่ปกคลุมทั้งร่าง เธอใช้น้ำเสียงแข็งกร้าวเรียกให้ซึงฮีกับอินโฮมาคุยกันที่ห้องทำงานซึงฮี … อินโฮนั่งทำหน้าเหมือนหมาหงอย ขณะที่สองสาวทำตาแข็งใส่กัน จองซุกก็ยิงคำถามใส่ซึงฮีทำลายความเงียบ “ฉันรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว แต่ลูกสาวเธอน่ะ เป็นลูกของอินโฮด้วยหรือเปล่า ?”

ซึงฮีตอบเสียงแข็งกลับไป “ใช่”

จริง ๆ แล้วเมื่อยี่สิบปีก่อน อินโฮไปอบรมที่อเมริกา โรงพยาบาลเดียวกับที่ซึงฮีฝึกงานอยู่ ทั้งคู่บังเอิญเจอกันและมีความสัมพันธ์กัน เมื่ออินโฮกลับเกาหลี ซึงฮีก็คลอดลูกสาวและใช้ชีวิตเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวอยู่ที่อเมริกา เวลาผ่านไปจนซึงฮีกลับมาเกาหลีเมื่อ 3 ปีก่อน ซึงฮีมาทำงานที่โรงพยาบาลเดียวกับอินโฮ จึงทำให้ทั้งสองกลับมาใกล้ชิดกันอีกครั้ง

ส่วนเหตุผลที่ทำให้ซึงฮีรู้สึกว่าจองซุกก็ผิดเช่นเดียวกัน นั่นเป็นเพราะสมัยที่ทั้งสามเรียนอยู่มัธยมปลาย ซึงฮีคบอยู่กับอินโฮ แต่ในวันทัศนศึกษาจองซุกเกิดไปสปาร์กกับอินโฮจนเกิดตั้งท้องขึ้นมา ซึงฮีรู้สึกว่าตัวเองถูกจองซุกแย่งคนรัก แต่ที่เธอเลือกที่จะเงียบก็เป็นเพราะเธอเห็นกับเด็กที่กำลังจะเกิด … ในมุมมองของซึงฮีคือ เธอกับจองซุกต่างก็ผิดด้วยกันทั้งคู่

จองซุกทนฟังเรื่องราวความรักของคนทั้งสองอย่างสะอิดสะเอียนเต็มทน ก่อนที่จะยื่นคำขาดกับซึงฮี “เธอออกจากโรงพยาบาลนี้ไปซะ ฉันให้เวลาหนึ่งเดือน”

แล้วจองซุกก็หันไปมองหน้าอินโฮด้วยสายตามัจจุราชที่อินโฮไม่เคยเห็นมาก่อน “สำหรับแกอินโฮ จงทำตัวเหมือนคนตายซะ ฉันกำลังคิดอยู่ว่าจะจัดการกับแกยังไงดี”

แต่ไม่เท่านั้น จองซุกยิ่งทวีความโกรธเดือดดาลมากขึ้นเป็นร้อยเท่าพันเท่า เมื่อเธอได้รู้จากปากอินโฮว่าทุกคนในบ้านรู้เรื่องนี้หมดแล้ว ! “ไอ้ชาติชั่ว ใช้ชีวิตที่เหลือของแกชดใช้กรรมกับลูก ๆ ซะ” จองซุกตวาดใส่หน้าอินโฮด้วยความโกรธที่แปรเปลี่ยนเป็นน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด

คืนนั้น หลังจากไปปรับความเข้าใจกับลูก ๆ แล้วไปดื่มต่อกับเพื่อนรัก จองซุกก็กลับมานอนที่หอพักแพทย์ตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือระบบไฟของหอพักที่เกิดลัดวงจรขึ้นมากลางดึก ไฟไหม้หอพักอย่างรวดเร็ว อินโฮเห็นเช่นนั้นจึงฝ่าควันและแสงเพลิงเข้าไปอุ้มจองซุกออกมาจากตึก คือทำเท่อย่างกับซูเปอร์ฮีโร่ แต่เมื่อมาถึงชั้นล่างอย่างปลอดภัยจองซุกไม่ได้สนใจเลยสักนิด มีเพียงสายตาที่มองด้วยหางตาให้กับอินโฮ

ทีนี้ปัญหาเกิด จองซุกไม่มีที่อยู่ ไม่มีที่อาบน้ำแต่งตัว แม้แต่ที่ซุกหัวนอนก็ยังไม่มี หมอโซราจึงแนะนำให้ไปอยู่กับหมอรอยคิม ที่เปิดบ้านให้เช่าเพื่อช่วยเหลือคนที่ไม่มีที่พัก โซรากับจองซุกจึงได้ไปอยู่กับรอยคิม

เมื่อเห็นเมียตัวเองไปอยู่บ้านผู้ชายอื่นก็ของขึ้นน่ะสิ วันนั้นทั้งวันอินโฮเขม่นรอยคิมแบบกัดไม่ปล่อย จนเมื่อทะลุจุดเดือด อินโฮกับรอยคิมจึงชกต่อยกันกลางโรงพยาบาลอย่างกับเด็ก ๆ จองซุกมาเห็นถึงกับร้องเสียงหลงออกมาด้วยความตกใจ “บ้าไปแล้วเหรอ !”

EP.12 การตัดสินใจที่คาดไม่ถึง

จองซุกตวาดลั่นใส่อินโฮและรอยคิมที่ชกต่อยกันต่อหน้าพยาบาลและคนไข้ เธอเรียกให้ทั้งสองไปพบบนดาดฟ้า จากนั้นก็สั่งสอนทั้งสองอย่างกับแม่กำลังสอนลูกชายวัยเด็กน้อย

ซึงฮีนัดเจอกับจองซุกเป็นการส่วนตัวอีกครั้ง เพื่อยืนยันว่าจะไม่ลาออก แต่ขอให้จองซุกเป็นฝ่ายลาออก “ฉันเหม็นขี้หน้าเธอจะแย่ ที่ต้องรำคาญลูกตาเห็นเธอตั้งแต่เช้ายันเย็น ฉันไม่ออก ถ้าอยากจะแฉก็แฉไป แล้วจะได้เห็นดีกัน” ซึงฮีถลึงตาใส่จองซุกด้วยความโกรธ ก่อนจะเดินจ้ำเท้าไป ทิ้งให้จองซุกกระวนกระวายใจที่ถูกโต้กลับแบบนี้

วันเดียวกัน ซึงฮีไปกดดันอินโฮเพื่อถามหาความชัดเจน เธอต้องการให้เขาหย่ากับจองซุก แต่ทว่าคำตอบจากปากอินโฮกลับตรงกันข้าม เขาเลือกที่จะเลิกกับเธอ แทนที่จะหย่ากับจองซุก !

ซึงฮีร้องไห้ออกมาไม่หยุด ร้องกรี๊ดดังลั่นอย่างกับคนบ้า “ไอ้ผู้ชายชาติหมา !!!”

ความผิดพลาดทางการแพทย์

ระหว่างนั้นที่โรงพยาบาล หลังจากเข้าเวรต่อเนื่องด้วยความเหน็ดเหนื่อย จองมินเกิดวินิจฉัยโรคผู้ป่วยผิดพลาด ทำให้ผู้ป่วยอาการหนักและเข้ารับการผ่าตัดล่าช้ากว่าที่ควรจะเป็น ในที่สุดผู้ป่วยก็เสียชีวิต เคสนี้ทำให้จองมินรู้สึกผิดและโทษตัวเอง

ภายในงานศพ จองซุกไปเคารพศพผู้เสียชีวิต แม้ต้องเจอคำก่นด่าจากญาติผู้เสียชีวิต แต่จองซุกก็ก้มหน้ารับฟังคำด่าทอเหล่านั้นทั้งน้ำตา เพราะเธอรู้ดีว่าความสูญเสียคนที่รักมันเป็นยังไง โดยเฉพาะกับความสูญเสียที่เกิดจากความผิดพลาดของแพทย์

จองซุกคุยปัญหาที่เกิดขึ้นกับอินโฮ ซึ่งเขารับหน้าเสื่อว่าจะเป็นคนจัดการเรื่องนี้ให้เอง

รุ่งขึ้นอินโฮจึงเรียกจองมินมาคุยทำความเข้าใจ โดยเล่าประสบการณ์ตอนที่เขายังเป็นหมอประจำบ้าน ซึ่งก็เจอเหตุการณ์ที่ยากลำบากแบบนี้เช่นกัน และหมออีกหลายคนก็ต้องเจอเหตุการณ์คล้ายกันนี้ วิธีที่ถูกต้องคือการยอมรับความผิดพลาดและเรียนรู้ เพื่อนำไปช่วยคนที่ยังรอการรักษาอีกมาก

อย่างไรก็ตามในเรื่องความรับผิดชอบ อินโฮเลือกวิธีที่จะโบ้ยความผิดให้พ้นคอจองมินและแผนกของตัวเอง โดยการโยนความผิดไปให้ซึงฮี เนื่องจากผู้เสียชีวิตแอดมิตในแผนกของซึงฮี !

ซึงฮีโกรธจัดลมออกหู เธอเดินปรี่ไปโต้เถียงกับอินโฮกลางโรงพยาบาล โดยยืนยันว่าเธอให้หมอประจำบ้านในแผนกโทร. ไปขอรับคำปรึกษาจากจองมิน และได้รับคำยืนยันว่าให้กลับบ้านได้ ในทางตรงกันข้าม อินโฮกลับบอกว่าแผนกที่รับแอดมิตต้องเป็นผู้รับผิดชอบ

งานนี้ดูอินโฮจะเป็นหมอที่หัวหมออย่างชัดเจน

พิธีไหว้พ่อครั้งสุดท้าย

ต่อมา จองซุกได้มากลับมาที่บ้านเพื่อจัดเตรียมอาหารเครื่องเซ่นไหว้พิธีไหว้พ่ออินโฮ ทำให้ทุกคนเข้าใจว่าจองซุกจะกลับมาอยู่บ้านเหมือนเดิม หลังจัดแจงอะไรเสร็จเรียบร้อย จองซุกก็บอกกับอินโฮว่าการจัดเตรียมอาหารครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้น จองซุกก็พูดคำที่อินโฮไม่คาดคิดว่าจะได้ยิน …

“เราหย่ากันเถอะ” คำพูดประโยคสั้น ๆ จากปากของจองซุกทำเอาอินโฮถึงกับหมดสติล้มพับไปทันที ตอนแรกจองซุกก็คิดว่าเขาล้อเล่น แต่ไม่ว่าเรียกยังไงอินโฮก็นอนนิ่งไม่มีอาการตอบสนอง !?

EP.13 เข้าทางแม่ยาย

จองซุกตกใจที่อินโฮนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น เธอกำลังจะกดโทร. 119 เรียกรถฉุกเฉิน จังหวะนั้นเองที่จองซุกลองเปิดเปลือกตาอินโฮขึ้น แหม่ ลูกตาอินโฮดุ๊กดิ๊กไปมา จองซุกถึงกับเบ้ปากพร้อมกับถอนหายใจ เพราะทั้งหมดเป็นการเล่นละครตบตาของอินโฮ เขารีบลุกขึ้นมาคุกเข่าต่อหน้าจองซุกเพื่อออดอ้อนขอร้องให้เธอเปลี่ยนใจ อย่าไปจากฉันเลย

แต่มันเป็นสิ่งที่จองซุกตัดสินใจแน่วแน่ เธอออกมาประกาศว่าเธอจะหย่ากับจองซุกต่อหน้าทุกคนในครอบครัว

แน่นอนว่าการหย่าไม่ใช่การตัดสินใจที่ง่ายขนาดนั้น หากทว่ามันเป็นการตัดสินใจทั้งน้ำตาเพื่อชีวิตจะได้ก้าวต่อไป จองซุกโอบกอดลูก ๆ ทั้งสอง จองมิน-อีรัง ลูก ๆ ที่เข้าใจการตัดสินใจของแม่เป็นอย่างดี คืนนั้น จองซุกนอนร้องไห้อยู่อย่างนั้นเพียงลำพัง อย่างน้อยเธอก็หวังว่ามันจะเป็นการเสียน้ำตาครั้งสุดท้ายให้กับเรื่องนี้

หลังจากโดนขอหย่า อินโฮก็เสียการทรงตัว ไม่เป็นอันทำการทำงาน ไม่มีสมาธิหรือแม้แต่สติสตังที่จะรักษาผู้ป่วย นั่งเหม่อลอยหายใจเข้าออกไปวัน ๆ เมื่อเห็นจองมินเดินผ่านมา อินโฮก็ขอให้ลูกชายช่วยไปพูดกับแม่ แต่จองมินก็เซย์โน

เมื่อคิดอะไรไม่ออก ก็ต้องเจอกับมุกลิเกละครกันหน่อย … ระหว่างจองซุกกำลังเดินไปตรวจผู้ป่วย เธอได้รับข้อความจากอินโฮ “วันนี้อากาศดีจัง มันเลยทำให้ฉันคิดถึงเธอ” ถถถ จองซุกยี้หน้าใส่ให้กับความไร้สาระของว่าที่อดีตสามี

ต่อมา อินโฮสั่งดอกไม้ช่อโตไปให้จองซุก พร้อมกับเขียนข้อความระบุว่าเขาจะใส่ชื่อเธอเป็นเจ้าของบ้านร่วม จองซุกรีบเดินถือดอกไม้ช่อนั้นเอามาคืนอินโฮพร้อมกับตวาดใส่หน้า “มันสายไปแล้ว !”

ที่บ้านแม่ … หมอชาจองซุกสังเกตเห็นช่วงหลัง ๆ มานี้แม่เริ่มสุขภาพแย่ลง กินไม่ได้นอนไม่หลับ น้ำหนักก็ลดลง เธอจึงแนะนำให้แม่แอดมิตที่โรงพยาบาล

รุ่งขึ้น แม่จองซุกก็มาแอดมิตโดยแพทย์เจ้าของไข้คือ ซึงฮี ! จองซุกทำหน้ากระอักกระอ่วน หมอมีเต็มโรงพยาบาล ไหงต้องมาเป็นยัยซึงฮีนี่ด้วย หลังจากนั้น จองซุกพยายามบอกแม่ให้ขอเปลี่ยนหมอเจ้าของไข้ แต่แม่กลับชื่นชมซึงฮีซะยกใหญ่ว่าเป็นหมอที่เก่งอย่างงั้นอย่างงี้ โดยที่ไม่รู้เลยว่า ยัยซึงฮีนี่แหละที่กำลังทำให้ลูกสาวแม่ต้องหย่ากับสามี

ด้านอินโฮเองก็ไม่ยอมลดละที่จะออดอ้อนง้องอนขอคืนดี เขาคิดแผนใหม่ขึ้นมา “เข้าทางแม่ยาย” อินโฮหวังสุด ๆ ว่างานนี้ต้องสำเร็จแน่นอนถ้าได้แม่ยายมาคอยหนุน

ณ ร้านอาหารหรู … แม่ยาย แม่ผัว จองซุก อินโฮ ทั้งสี่มาทานอาหารกัน ก็ไม่รู้จะบังเอิญยังไง แม่อินโฮดันไปเจอผู้ชายที่เธอกำลังเดตด้วยกินข้าวอยู่กับภรรยา ด้วยความโกรธเธอจึงเดินไปอาละวาด

แต่เรื่องราวกลับไปกันใหญ่ เมื่ออยู่ดีฝ่ายเมียหลวงก็ตวาดโพล่งออกมาว่า “ลูกชายคนนี้ของแก [อินโฮ] ใช่มั้ยที่มีชู้แล้วแอบไปไข่ทิ้งเอาไว้ที่อเมริกา” … งานนี้คนที่ช็อกอ้าปากค้างคือแม่ของจองซุก

เวลาเดียวกันนั้น ซึงฮีก็เดินจูงมืออึนซอมาพอดี ทำให้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น … นำไปสู่เรื่องราวที่ซับซ้อนและวุ่นวายมากยิ่งขึ้น !?

EP.14 หนทางสู่ความสุขที่แท้จริง

แม่ของจองซุกอึ้งไปหลายวินาทีเมื่อรู้ว่าอินโฮมีชู้ และอึ้งยิ่งกว่าเมื่อรู้ว่าทุกคนรู้เรื่องนี้กันหมด แถมหญิงชู้ดันเป็นหมอเจ้าของไข้ที่กำลังรักษาอาการป่วยของเธออีกด้วย ระหว่างนั้น อินโฮเห็นท่าไม่ดีจึงรีบไปขอร้องให้ซึงฮีกับอึนซอไปกินข้าวกันที่ร้านอื่น ก่อนที่เรื่องจะบานปลายลุกลามไปกว่านี้

ต่อมาที่โรงพยาบาล … ลึก ๆ แล้วจองซุกไม่สบายใจที่ซึงฮีเป็นแพทย์รักษาแม่ เพราะเกรงว่าซึงฮีจะเอาความรู้สึกส่วนตัวไปปนกับการรักษา แต่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น วันนั้น บังเอิญจองซุกเข้าไปที่ห้องทำงานของซึงฮี เธอได้เห็นเอกสารต่าง ๆ ที่แสดงให้เห็นว่า ซึงฮีทำงานอย่างหนักเพื่อหาสาเหตุการป่วยของแม่จองซุก ถึงขนาดเอาเคสนี้ไปปรึกษาอาจารย์แพทย์ระดับศาสตราจารย์ที่อเมริกา จนในที่สุดซึงฮีก็วินิจฉัยโรคออกมาว่า แม่ของซุกเป็นโรค PMR หรือโรคกล้ามเนื้ออักเสบเรื้อรัง

หมอชาจองซุกกล่าวคำขอบคุณที่ซึงฮีรักษาแม่ของเธอ “ขอบคุณนะที่ช่วยรักษาแม่ของฉัน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าฉันจะยกโทษให้เธอนะ” ใช่ จองซุกไม่ยกโทษให้ แต่เธอเลือกที่จะขอบคุณแทน

ใช้ชีวิตเพื่อตัวเอง

เมื่อการรักษาเสร็จสิ้น แม่ของจองซุกได้กล่าวขอบคุณ และทิ้งจดหมายเอาไว้ให้ซึงฮี เนื้อหาตอนหนึ่งระบุว่า “… อย่าทิ้งโอกาสที่จะเป็นคนดีและเป็นแม่ที่ดีเลย จากนี้ไปขอให้คุณหมอใช้ชีวิตอย่างสง่างามเพื่อตัวเองเถอะค่ะ ถึงตอนนั้นคุณหมอจะได้พบกับความสุขที่แท้จริง”

ซึงฮีอ่านจดหมายฉบับนี้จบน้ำตาก็ไหลออกมาไม่หยุด นี่อาจจะเป็นจดหมายที่ทำให้เธอเข้าใจอย่างแท้จริงซะทีว่า ควรจะปล่อยอินโฮ รักแรกรักแท้และรักเดียวของเธอไป และกลับไปอยู่อเมริกากับอึนซออย่างสง่างาม

จากนั้น จองซุกก็ยื่นเอกสารขอหย่าให้อึนโฮ แต่เขายังคงดึงดันดื้อรั้นว่า “ไม่หย่า ถ้าอยากหย่านักก็ไปฟ้องเอา” อินโฮประกาศเสียงแข็งต่อหน้าจองซุกว่า เขาจะทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้การหย่าเกิดขึ้น แม้จะต้องแลกด้วยทรัพย์สินทั้งหมดที่มีเขาก็จะทำ

พอรุ่งขึ้น อินโฮก็ได้หมายศาลคดีฟ้องหย่า ฮะ ! ที่หมายศาลมาเร็วขนาดนี้ก็เป็นเพราะจองซุกรู้อยู่แล้วว่าอินโฮจะไม่ยอมหย่า เธอเลยยืนเรื่องฟ้องหย่าต่อศาลเอาไว้ล่วงหน้า

แล้ววันนั้นที่โรงพยาบาล อินโฮก็ยิงคำถามใส่จองซุก คำถามที่ทำเอาหมอชาถึงกับเบ้ปากใส่ให้กับความบ้องตื้นของว่าที่อดีตสามี “ที่คุณต้องการหย่าเป็นเพราะรอยคิมงั้นเหรอ ?” จองซุกไม่ตอบ แต่เบ้ปากให้อีกรอบกับความคิดต่ำ ๆ แบบนั้น

ต่อมา รอยคิมแจ้งข่าวดีให้จองซุกรู้ว่าเขาตามหาพ่อผู้ให้กำเนิดเจอแล้ว จองซุกแสดงท่าทางดีใจราวกับว่าเป็นพ่อของตัวเอง ดังนั้น รอยคิมจึงชวนจองซุกไปเจอพ่อของเขาด้วยกัน แม้จะรู้สึกแปลก ๆ แต่จองซุกก็ตอบตกลง

หลายวันต่อมา รอยคิมกับจองซุกก็เดินทางไปพบครอบครัว ทุกอย่างกลับตาลปัตร ที่แท้พ่อที่ต้องการเจอรอยคิมเป็นเพราะต้องการการปลูกถ่ายไขกระดูก เนื่องจากป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน … รอยคิมช็อก ครอบครัวที่พยายามตามหามานานนับสิบปีกลับกลายเป็นขยะ !

ขากลับ จองซุกเห็นท่าทางรอยคิมดูซึม ๆ ตรงข้ามกับขามาอย่างชัดเจน เธอจึงชวนเขาวิ่งกลับแทนที่จะเรียกแท็กซี่ ทั้งสองพากันไปซื้อรองเท้าผ้าใบ แล้วก็พากันวิ่งกลับโรงพยาบาลระยะทาง 9.8 กิโลฯ ด้วยรอยยิ้มของความสนุกสนาน

ทุกอย่างเหมือนจะเป็นไปด้วยดี แม่ก็หายป่วย ปัญหาครอบครัวก็เลือกจัดการด้วยการหย่า กับซึงฮีก็ไม่ได้โกรธกันเอาเป็นเอาตายเหมือนเมื่อก่อน แถมหมอชาจองซุกยังได้รับเลือกเป็นหมอประจำบ้านดีเด่นประจำแผนกดีด้วย … แล้วกฎเมอร์ฟีก็ทำงาน

จองซุกเข้าห้องน้ำ ขณะกำลังก้มหน้าล้างมือ เธอก็เกิดอาการวิงเวียนขึ้น จากนั้น ก็ไอออกมาเป็นเลือด !!?

EP.15 คนที่เธอเลือก

หลังไอออกมาเป็นเลือด จองซุกรีบไปปรึกษาหมอรอยคิมทันที เมื่อเห็นผล CT สแกนเขาก็แจ้งว่า อาการน่ากังวลกว่าที่คิด มีน้ำในช่องท้องมากกว่าปกติ ตับก็อ่อนแอ มีอาการบวมน้ำที่บริเวณหลอดเลือดดำ มีน้ำในเยื่อหุ้มปอด รอยคิมวินิจฉัยว่าน่าจะเป็นอาการต่อต้านการปลูกถ่ายตับ … จองซุกถึงกับหน้าถอดสีที่ได้รู้ข่าวร้ายกะทันหัน

ระหว่างนั้น แม่ของอินโฮก็รู้ตัวว่าตกเป็นเหยื่อในคดีต้มตุ๋น จากการลงทุนเป็นเงินจำนวนมาก แต่ที่ร้ายกว่านั้นคือ เงินลงทุนเหล่านั้นเป็นเงินร้อนที่กู้ยืมมา

อินโฮโกรธจัดจนควันออกหู เมื่อรู้ว่าแม่เสียเงินให้พวกต้มตุ๋นกว่า 300 ล้านวอน (ประมาณ 8 ล้านบาท) แถมเป็นเงินที่กู้ยืมมาด้วย เพื่อหาเงินมาใช้หนี้ แม่จึงจำใจต้องขายตึกที่ซื้อมาโดยมีชื่อจองซุกเป็นเจ้าของ (เพื่อเลี่ยงภาษี)

งานนี้หนักหน้าอินโฮต้องไปขอร้องจองซุก แต่คำตอบที่ได้รับคือ “ไม่ … ทำไมฉันต้องช่วยคนที่หลอกใช้ฉันด้วย” จองซุกยิ้มอย่างผู้ชนะ ในเมื่อตึกนั้นเป็นชื่อเธอ เธอก็จะใช้สิทธิ์นั้นอย่างเต็มที่ โนสนโนแคร์สิ่งใดทั้งนั้น

คนเป็นหนี้ ก็เหมือนมีมีดมาจ่ออยู่ที่หอหอย แม่ของอินโฮดิ้นรนไม่ต่างกับคนบ้า เที่ยวหาเงินมาใช้หนี้ เมื่อถึงทางตันก็ขอร้องให้อินโฮไปยืมเงิน 300 ล้านวอนจากซึงฮี

ที่บ้ากว่าคือ อินโฮไปขอยืมเงินซึงฮีจริง ๆ ไม่รู้ว่าต้องหน้าด้านหน้าทนแค่ไหนถึงทำได้ ผู้ชายที่ทำกับผู้หญิงถึงขนาดนี้ยังมีหน้าไปขอยืมเงิน ถถถ (จริง ๆ คือจองซุกแจ้งกับนายหน้าให้ประกาศขายตึกแล้ว เพราะรู้ว่าอินโฮกำลังเจอกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก จิตใจเธอดีเหลือเกิน ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ยังทำเพื่อครอบครัวเสมอ)

หมอชาจองซุกเข้าพบหัวหน้าเพื่อขอลางานด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ เธอสอบถามเพื่อความมั่นใจว่า เมื่อรักษาตัวจนดีขึ้นแล้วจะยังกลับมาทำงานได้อีกหรือไม่ “ฉันตั้งใจว่าจะเป็นหมอจนกว่าตัวเองจะสิ้นลมหายใจค่ะ” … อย่างไรก็ตาม หัวหน้าแพทย์ต้องเอาเรื่องนี้ไปเข้าที่ประชุมก่อน เนื่องจากการลาหยุดยาวจะมีผลต่อการทำงานโดยรวมของโรงพยาบาล

แล้วหมอชาก็ถึงกับน้ำตาร่วงด้วยความซาบซึ้งใจ เมื่อรอยคิมประกาศตัวว่าจะบริจาคตับให้ … หมอรอยคิมดีกับเธอเหลือเกิน ขนาดตอนนั้นเธอใกล้ตาย คนที่อยู่กินกันมายี่สิบปีอย่างอินโฮยังไม่บริจาคให้เลย

ระหว่างนั้น อินโฮก็ได้ข่าวเรื่องอาการป่วยของจองซุก คราวนี้ความรู้สึกของเขาตรงกันข้ามกับคราวก่อน เพราะจู่ ๆ ต่อมสำนึกที่ไม่เคยมีตลอดยี่สิบปี เกิดทำงานขึ้นมาซะอย่างนั้น อินโฮน้ำตาไหลพรากไม่หยุด เขาคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เขาควรจะทำอะไรบางอย่าง เพื่อตอบแทนภรรยาผู้แสนดีคนนี้

รุ่งขึ้น อินโฮไปคุกเข่าต่อหน้าจองซุกที่แอดมิตอยู่ในห้องผู้ป่วย เขาตั้งใจที่จะบริจาคตับให้จองซุก เขาคุกเข่าอยู่อย่างนั้นทั้งน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด เขาต้องการทำสิ่งที่ถูกต้อง ทว่าคำพูดจากปากจองซุกก็ทำให้เห็นทัศนคติที่ดีงามของเธอ “ไม่ใช่ความผิดของคุณหรือความผิดของใครทั้งนั้นที่ฉันต้องมาเป็นแบบนี้ เป็นเพราะฉันเองที่ดูแลตัวเองไม่ดี มันเป็นโชคชะตาที่ฉันต้องเผชิญ”

ซึงฮีมาเยี่ยมจองซุกเพื่อขอโทษจากใจจริงกับเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านมา ต่างฝ่ายต่างยอมรับความผิดที่ตัวเองเคยทำกับอีกฝ่าย ดูเหมือนปมในใจของทั้งคู่ได้ถูกขจัดไปจนหมดสิ้นแล้ว

ณ บิ๊กไบค์ช็อป … อินโฮเผชิญหน้ากับรอยคิม ทั้งสองโต้เถึยงกันเรื่องใครกันแน่ที่มีสิทธิ์บริจาคตับให้จองซุก ระหว่างที่โต้เถึยงกันชนิดเลือดขึ้นหน้า จองซุกก็ปรากฏตัวขึ้นในชุดหนังสีดำไบเกอร์สาวสุดเท่ ณ จุดนี้ เธอต้องเลือกว่าจะเอาตับของใคร ?

จองซุกทำท่าครุ่นคิดสักพัก ก่อนจะชี้นิ้วไปที่ …

EP.16 ก้าวไกลสู่อนาคตใหม่ (จบ)

จองซุกชี้นิ้วไปที่ชอปเปอร์คันหนึ่งที่จอดอยู่ เธอเลือกรถคันนั้น พร้อมประกาศว่าจะไม่เอาตับใครทั้งไม่ว่าจะเป็นของรอยคิมหรืออินโฮ เธอต้องการจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง … จากนั้น จองซุกก็นั่งซ้อนท้ายรอยคิมรับลมอย่างมีความสุข

ณ ห้องผู้ป่วย จองซุกเข้ามารักษาตัวต่อไป รอยคิมอดเป็นห่วงไม่ได้ เนื่องจากเธอมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการตับวายเฉียบพลันเมื่อไรก็ได้ เขาคะยั้นคะยอให้เธอรับบริจาคตับจากเขา เพราะถ้ารอตับจากผู้เสียชีวิตอาจจะสายเกินไป แต่จองซุกยังคงยืนยันที่จะรอ

จองซุกกลับมาที่บ้าน จัดการทำอาหาร จัดการบ้านทำความสะอาดจนเรียบร้อย จากนั้นเธอก็เริ่มเขียนจดหมายถึงลูก ๆ ทั้งสอง ระหว่างเขียนไปน้ำตาก็หลั่งไหลออกมาไม่หยุด เหมือนกับว่าจดหมายที่เขียนด้วยลายมือฉบับนี้จะเป็นสิ่งสุดท้ายที่เธอจะมอบให้ลูก ๆ

ตอนนั้นเอง อินโฮตัดสินใจที่จะลงตราประทับหนังสือหย่าให้จองซุก เพื่อแสดงความสำนึกผิดกับสิ่งที่ได้ทำลงไป และเพื่อให้เธอยอมรับบริจาคตับจากเขาอย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ “เข้ารับการผ่าตัดเถอะนะ ต่อให้เราเลิกกันไป ผมก็ยังอยากเจอคุณบ้าง ในฐานะแม่ของลูก”

ซึงฮีมาบอกลาอินโฮ เธอยื่นหนังสือลาออกจากโรงพยาบาลแล้ว โดยจะไปรับตำแหน่งบริหารโรงพยาบาลต่อจากพ่อผู้ล่วงลับ เธอบอกว่าอาจจะได้กลับมาเจอกันบ้าง ในฐานะพ่อของอินซอ

วันผ่าตัดมาถึง … อินโฮดูท่าทางตื่นเต้นและตื่นกลัว แต่ยังดีที่คราวนี้เขาไม่หนีเหมือนคราวก่อน ตรงกันข้ามกับจองซุกที่ดูท่าทางสงบนิ่ง อาจเป็นเพราะนี่เป็นการผ่าตับครั้งที่สองของเธอ

การผ่าตัดผ่านไปด้วยดี … ทั้งสองมาจัดการเรื่องหย่าตามขั้นตอนตามกฎหมาย จากนั้นก็ไปนั่งทานอาหารด้วยกัน จองซุกกล่าวยินดีกับอินโฮที่ได้เลื่อนเป็น ผอ.โรงพยาบาลที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์

ก่อนกลับ อินโฮกล่าวขอโทษและขอบคุณจองซุก “ขอบคุณสิ่งต่าง ๆ ที่ผ่านมา ทั้งการเป็นภรรยาและแม่ของเด็ก ๆ คุณไม่ขาดบกบกพร่องเลย” ทั้งสองจับมือก่อนที่จะเดินแยกจากกัน

อินโฮกลับมาที่ห้องทำงานอันหรูหราใหญ่โตของผู้อำนวยการโรงพยาบาล เขานั่งลงแล้วก็จินตราการภาพจองซุกกับลูก ๆ เดินเข้ามาแล้วกล่าวชื่นชมยินดีกับตำแหน่งที่เขาได้รับ มันควรจะเป็นแบบนี้ แต่ความเป็นจริงเบื้องหน้ากลับว่างเปล่า เหมือนนั่งอยู่บนบัลลังก์กลางหุบเหวลึกเว้งว้างไร้ผู้คน เขานั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นแล้วน้ำตาก็ไหลออกมา

รอยคิมได้เจอกับจองซุก ครั้งนี้เขาสารภาพความรู้สึกที่มีต่อเธอย่างตรงไปตรงมา “ให้ผมอยู่เคียงข้างไปตลอดชีวิตได้มั้ย จริง ๆ แล้วผมชอบหมอชามาตลอด” หมอชาจองซุกยิ้มให้กับความรักที่รอยคิมมีให้ แต่เธอก็ปฏิเสธ จากนี้ไปเธอต้องการใช้ชีวิตเป็นตัวของตัวเอง

ชีวิตใหม่ของจองซุกคือเปิดร้านขายสลัดชั้นหนึ่ง ชั้นสองเธอเปิดคลินิกเล็ก ๆ รักษาคนไข้ในฐานะแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ชีวิตของคุณหมอชาจองซุกแฮปปี้สุด ๆ

ระหว่างนั้นจองซุกได้ยินข่าวว่ารอยคิมกำลังเดตกับหญิงสาวคนหนึ่ง เธอไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ควรจะเป็น

ในตอนท้าย จองซุกเลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพัง เธอพบว่ามันทำให้เธอรู้สึกเป็นอิสระ อิสระที่ทำให้เธอรู้สึกมีความสุขอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน … ความสุขจากอิสระที่เติมเต็มช่วงชีวิตวัยรุ่นที่ขาดหายไป

จบบริบูรณ์

Images : ภาพหน้าจอจาก JTBC Korea
ดู Doctor Cha ที่ Netflix : คลิกที่นี่