Why Her? สปอยล์ : ทนายความหญิงที่ทำทุกอย่างเพื่อก้าวขึ้นไปสู่จุดสูงสุด แม้ผู้คนจะมองว่าเธอเป็นคนเย่อหยิ่งและหยาบคาย แต่เธอไม่สนใจเลยแม้แต่นิดเดียว …
EP.1 การขึ้นไปสู่จุดสูงสุด
EP.2 อำนาจและรากฐานที่มั่นคง
EP.3 การล้ำเส้น
EP.4 หัวใจมูลค่า 70 ล้านล้านวอน
EP.5 อดีตเมื่อเจ็ดปีก่อน
EP.6 ข้อเสนอที่มิอาจปฏิเสธได้
EP.7 ถ้าไม่ไหวก็บอกไม่ไหว
EP.8 มาสเตอร์มายด์
EP.9 เอาชนะทุกคน
EP.10 พื้นดินถล่มแผ่นดินทลาย
EP.11 ร่มพกผ้าใบสีดำ
EP.12 ความจริงและความรู้สึกผิด
EP.13 ลูกสาว
EP.14 หัวใจที่แตกสลาย
EP.15 ตกที่นั่งลำบาก
EP.16 ตอนจบ
เรต 15 + คะแนน 7/10 เรตติ้งเฉลี่ย 8.2 %
แนว : ดราม่า กฎหมาย
EP.1 การขึ้นไปสู่จุดสูงสุด
ทนายเบอร์หนึ่ง
โอซูแจ (รับบทโดย ซอฮยอนจิน) เป็นทนายความหญิงที่ TK Law Firm สำนักงานกฎหมายชั้นนำของเกาหลี ด้วยความพยายามและความมุ่งมั่นเกินร้อย ทำให้อัตราการชนะคดีของเธอนั้นขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของสำนักงาน พ่วงด้วยตำแหน่งทนายความที่ทำรายได้สูงสุด
ด้วยผลงานอันประจักษ์ เธอจึงเป็นหนึ่งในตัวเต็งที่จะได้รับการโปรโมตให้ขึ้นเป็น “ประธานหุ้นส่วน” แต่กว่าที่โอซูแจจะก้าวขึ้นมาถึง ณ จุดนี้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย โดยเฉพาะความที่เธอเป็นผู้หญิงที่เรียนจบเพียงระดับมัธยมปลาย ซึ่งมักจะโดนดูถูกในสังคมของนักกฎหมาย
ในตอนแรก ประธานชเวแทกุก (รับบทโดย ฮอจุนโฮ) ตั้งใจที่จะเลือกคนอื่นขึ้นเป็นประธานหุ้นส่วน แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้เขาจำต้องเลือกโอซูแจแทนอย่างไม่เต็มใจนัก
แล้วภาพแฟลชแบ็กก็แสดงให้เห็นตอนที่โอซูแจยังเป็นแค่เพียงทนายสมทบ ตอนนั้นทุกคนต่างมองเธอเป็นเพียงอากาศธาตุ แม้แต่การประชุมคดี เธอก็ถูกทนายรุ่นพี่ไล่ออกจากห้อง เพราะไม่ต้องการให้เธอนั่งร่วมประชุมด้วย
ภาพตัดกลับมาปัจจุบัน ภาพของโอซูแจขึ้นจอภายในบริษัทว่าเธอได้รับตำแหน่งประธานหุ้นส่วน และจะมีพิธีรับตำแหน่งเร็ว ๆ นี้ ทุกคนต่างโค้งหัวแทบจะถึงพื้นพร้อมกับกล่าวคำทักทายเมื่อโอซูแจเดินผ่าน แต่ไม่ว่าใครจะทักเธอยังไง โอซูแจก็ไม่ยิ้มหรือหันไปมองเลยแม้แต่ครั้งเดียว … แท้จริงแล้วภายในใจของเธอเต็มไปด้วยความสะใจ ที่ได้เมินเฉยต่อคำทักทายของคนพวกนั้น คนที่เมื่อก่อนเคยเพิกเฉยต่อคำทักทายของเธอเช่นกัน
คนละชั้น
ข่าวฉาวเรื่องที่ ส.ส.อันคังวอน ล่วงละเมิดทางเพศเด็กนั่งดริ๊งก์ชื่อพัคโซยองกำลังกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในสังคม ด้วยความที่เขาเป็นนักการเมืองที่มีภาพลักษณ์ดีมาตลอด ประชาชนจึงให้ความสนใจคดีนี้เป็นอย่างมาก ซึ่งถ้าเรื่องนี้มีมูล อนาคตทางการเมืองของเขาต้องจบลงอย่างแน่นอน
โอซูแจได้รับมอบหมายให้ทำคดีนี้ โดยที่ไม่มีใครรู้มาก่อนเลยว่า เธอกับ ส.ส.อันคังวอนแอบคบหากันอยู่ เบื้องต้นเมื่อได้เห็นภาพถ่ายและหลักฐานต่าง ๆ โอซูแจถึงกับหน้าเสีย (เสียใจในฐานะคนรัก) แต่ไม่ว่าจะโกรธแค้นแค่ไหน เสียใจแค่ไหน ด้วยความเป็นมืออาชีพเธอจำต้องช่วยเขาให้พ้นข้อกล่าวหา มีเพียงเงื่อนไขเดียวเท่านั้น คือ ส.ส.อันคังวอนต้องคุกเข่าขอร้อง “ช่วยผมให้พ้นข้อกล่าวหานี้ด้วยเถอะครับ”
ใบหน้าของโอซูแจแสดงให้เห็นถึงความสุข สุขที่ได้รับจากการเหยียบย่ำผู้คน เพื่อก้าวขึ้นไปสู่จุดที่สูงขึ้น มันเป็นเหมือนหมุดหมายของหญิงสาวที่โดนเหยียบย่ำดูถูกจากผู้คนมาทั้งชีวิต
ต่อมาโอซูแจได้นัดพบกับพัคโซยอง เหยื่อล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งมาพร้อมกับทนายความ
โอซูแจเปิดฉากรุกไล่ฝ่ายตรงข้ามตามสไตล์ เริ่มด้วยการยกอาชีพ “พาร์ตเนอร์” ของพัคโซยองขึ้นมาใช้ข่มขู่ว่าจะเปิดโปงให้คนทั้งโลกรวมถึงครอบครัวเธอได้รู้ …
“คุณพัคโซยอง ด้วยความเมาเลยทำให้คุณเสียความสามารถในการตัดสินใจ คุณไม่เคยเจอ ส.ส.อันคังวอนเลยด้วยซ้ำ แบบนี้โอเคมั้ย” โอซูแจกล่าวด้วยน้ำเสียงของผู้ชนะ
“นี่คือความฝันของคุณใช่มั้ย ที่ได้เป็นทนายข่มขู่เหยื่อ และทำให้พวกเขาเลือกจบชีวิตตัวเอง” พัคโซยองลั่นออกมาด้วยความโกรธ
“ทำไมต้องจบชีวิตตัวเองด้วยล่ะ อยู่ต่อไปสิ คุณควรอยู่เพื่อสาปแช่งฉันต่อไป การสาปแช่งมันทำให้คนเรามีแรงที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปนะ ลองดูนะ มันเป็นวิธีที่มหัศจรรย์มาก ๆ เลยล่ะ …” มันเป็นคำพูดเยาะเย้ยที่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามปวดใจเป็นอย่างยิ่ง แม้จะตายก็ยังตายไม่ได้ หรือความตายสำหรับโอซูแจมันเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเกมเท่านั้น “… ความฝันของฉันคืออะไรรู้มั้ย มันคือการได้ขึ้นไปอยู่จุดสูงสุด ตอนนี้ฉันเดินมาครึ่งทางแล้ว ฉันไม่เหมือนกับเธอหรอกนะ”
โอซูแจเอื้อมมืออันเรียวยาวไปสัมผัสผมของพัคโซยองอย่างแผ่วเบาเหมือนเป็นการปลอบประโลม เป็นเพียงแต่สายตาของเธอนั้นกลับตรงกันข้าม สายตาของโอซูแจในเวลานี้มองพัคโซยองเป็นเหมือนสิ่งมีชีวิตที่ต่ำต้อยน่าสมเพช !
จุดเปลี่ยน
ต่อมาหลังเลิกงานในตอนค่ำ ขณะที่โอซูแจกำลังเดินออกจากตึกสำนักงานบริเวณด้านหน้า ทันใดนั้นเองก็เกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น ร่างของพัคโซยองหล่นลงมาจากดาดฟ้าของตึก เลือดสด ๆ กระเซ็นไปทั่วบริเวณ โอซูแจตกใจสุดขีด เลือดของพัคโซยองเปรอะไปทั่วตัวโอซูแจ
ตำรวจสรุปคดีว่า พัคโซยองฆ่าตัวตายเพราะเหตุผลส่วนตัว แม้จะไม่มีใครรู้ว่าเธอขึ้นไปบนดาดฟ้าของตึกได้อย่างไร แต่เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้โอซูแจและ TK Law Firm เสื่อมเสียชื่อเสียงเป็นอย่างมาก
เมื่อเป็นเช่นนั้น ประธานชเวแทกุกจึงตัดสินใจลงดาบโอซูแจทันที โดยออกคำสั่งให้เธอไปเป็นอาจารย์สอนกฎหมายที่มหาวิทยาลัยซอจอง ซึ่งได้มีการล็อกตำแหน่งไว้ให้เธอแล้ว
โอซูแจโกรธจนฟิวส์ขาด “ฉันยอมทิ้งทุกอย่างในชีวิตเพื่อจะได้มายืนอยู่ ณ จุดนี้” เธอกำลังจะได้เข้าพิธีรับตำแหน่งประธานหุ้นส่วนอีกไม่กี่วันข้างหน้า แต่ความฝันของเธอกลับพังทลายไม่เป็นท่า
โอซูแจหัวฟัดหัวเหวี่ยงออกไป โดยไม่กล่าวลาหรือแม้แต่หันไปมองประธานชเวแทกุกแม้สักแวบเดียว
แม้จะโกรธแค้น แม้จะเสียใจแค่ไหน แต่โอซูแจก็คือโอซูแจ เธอตั้งสติและมูฟออนในวันต่อมา
ในคลาสกฎหมายวันแรกที่มหาวิทยาลัยซอจอง โอซูแจไปสายจนเกือบจะหมดเวลา เมื่อไปถึง เธอเขียนชื่อตัวเองบนกระดานดำเพื่อแนะนำตัว ขณะที่มือข้างซ้ายยังคงถือกระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพงอยู่ในมือ จากนั้นเธอก็เขียนข้อความ “อย่าปล่อยให้ลูกความติดคุก”
โอซูแจหันหน้ามองนักเรียนในคลาส พร้อมกับกล่าวออกไปว่า “นี่คือกฎข้อแรกและข้อสุดท้ายในการทำงานของทนายภาคสนาม”
EP.2 อำนาจและรากฐานที่มั่นคง
นักศึกษาในคลาสคนหนึ่งชื่อ กงชาน (รับบทโดย ฮวังอินยอบ) จ้องมองโอซูแจที่ยืนอยู่หน้าชั้นเรียนตาไม่กะพริบ เขารู้สึกเหมือนรู้จักเธอมาก่อน
ผ่านไปหลายนาทีเขาก็จำได้แล้วว่า โอซูแจเคยเป็นทนายแก้ต่างให้เขา ในคดีความผิดด้านอาชญากรรมเมื่อหลายปีก่อน แต่โอซูแจจำกงชานไม่ได้
วันถัดมา นักศึกษากฎหมายกลุ่มหนึ่งนัดกันไม่เข้าเรียนคลาสของโอซูแจเพื่อเป็นการประท้วง มีเพียงสองคนที่เข้าคลาสในวันนั้น คือ กงชานและยุนซัง (รับบทโดย แบอินฮยอก) แต่โอซูแจก็ใช้ความสามารถด้านการเจรจาต่อรอง ยื่นข้อเสนอที่มิอาจปฏิเสธได้ให้นักศึกษาที่กลับเข้ามาเรียน ทุกคนจึงกลับเข้าคลาสมาเรียนอย่างเต็มใจ (หมายเหตุ : ยุนซังเป็นลูกชายคนเล็กของประธานชเวอินกุก เขาไม่พอใจที่พ่อปลดโอซูแจออกจากตำแหน่งประธานหุ้นส่วน)
ระหว่างที่เรื่องราวในรั้วมหาวิทยาลัยดำเนินไป ก็มีนักศึกษาหญิงคนหนึ่งติดประกาศที่บอร์ดว่าเธอโดนอาจารย์ลวนลาม และมาขอความช่วยเหลือจากโอซูแจ ซึ่งเธอก็ให้ความช่วยเหลือจนสำเร็จ
กงชานชื่นชมโอซูแจเป็นอย่างมากที่ช่วยเหลือนักศึกษาหญิงคนนั้นได้สำเร็จ เขาจึงชวนเธอไปกินข้าวด้วยกัน พร้อมกับจับมือและบอกว่าเขาชอบเธอ
อำนาจและรากฐานที่มั่นคง
ภาพแฟลชแบ็กย้อนกลับไปเมื่อตอนที่กงชาน (ชื่อเดิมคือ คิมดงกู) ถูกศาลอ่านคำพิพากษาตัดสินจำคุกสิบปี โอซูแจในฐานะทนายความได้เอื้อมไปกุมมือกงชานและบอกว่า “เราต้องมีอำนาจและรากฐานที่มั่นคง ทั้งนายและฉัน เราจะได้ไม่หลงทาง” (หมายความว่าต้องมีอำนาจถึงจะมีความยุติธรรม)
หลังจากถูกจองจำนานกว่าหนึ่งปี ตำรวจสามารถจับคนร้ายตัวจริงได้ กงชานจึงได้รับการปล่อยตัว เขาได้เปลี่ยนชื่อจากคิมดงกูเป็นกงชานเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ เขาจึงตั้งใจสอบเข้ามหาวิทยาลัยกฎหมายตามที่โอซูแจได้บอกกับเขาในวันนั้น
EP.3 การล้ำเส้น
โอซูแจเป็นฆาตกร !?
พัคจียอง (น้องสาวของพัคโซยอง) ยืนถือป้ายที่เขียนข้อความว่า “โอซูแจเป็นฆาตกร !!!” ที่มหาวิทยาลัยซอจอง โดยเธออ้างว่าโอซูแจเป็นคนทำให้พี่สาวของเธอฆ่าตัวตาย “พี่สาวฉันต้องตายก็เพราะเธอ”
แต่โอซูแจก็คือโอซูแจ เธอเดินเข้าไปหาพัคจียองที่กำลังตะโกนให้ร้ายว่าเธอเป็นฆาตกร สายตาที่แข็งกร้าวของทนายความหญิงอันดับหนึ่งของ TK Law Firm มองไปที่ดวงตาของพัคจียอง ก่อนจะเอ่ยวาจาอันทิ่มแทงราวใบมีดโกนออกไป …
“รู้ไหมว่าพี่สาวเธอ (พัคโซยอง) ทำงานอะไรเลี้ยงครอบครัว ? พ่อแม่ที่ไม่เอาไหนของเธอคงไม่สนหรอกว่าพี่สาวของเธอหาเงินมาได้ยังไง ส่วนตัวเธอก็คงดีใจทุกครั้งที่ได้เงินจากพี่สาว รู้ไหม พ่อแม่ แล้วก็ตัวเธอก็เป็นแค่ตัวภาระอันไร้ประโยชน์ … ฟังให้ดีนะ ฉันไม่ได้ทำให้พี่สาวของเธอตาย แต่เป็นครอบครัวของเธอเองนั่นแหละที่เป็นคนทำ !”
ในวันเดียวกันนั้น พัคจียองได้ปล่อยคลิปตอนที่โอซูแจและพัคโซยองอยู่ด้วยกันบนดาดฟ้าก่อนเกิดเหตุกระโดดตึก ทำให้ผู้คนจำนวนมากพากันเชื่อว่า โอซูแจเป็นฆาตกรตามที่ถูกกล่าวหาจริง ๆ
รอเจอใครบางคน ?
ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในคืนวันเกิดเหตุ โอซูแจกำลังกลับบ้านตามปกติ แต่เธอเกิดไปเจอเครื่องประดับที่จำได้ว่าเป็นของพัคโซยองหล่นอยู่ในลิฟต์ เธอจึงเดินหาพัคโซยองไปจนถึงดาดฟ้าเพื่อที่จะคืนเครื่องประดับชิ้นนั้นให้ …
“เธอมาทำอะไรบนนี้ ?” โอซูแจเอ่ยปากถาม
“ฉันจะมาฆ๋าตัวตาย ฉันจะทำให้คนทั้งโลกรู้ว่าฉันตายเพราะเธอ” พัคโซยองพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
โอซูแจยิ้มมุม “ฉันว่าไม่ใช่หรอก เธอมาที่นี่เพื่อเจอใครบางคนต่างหาก บอกมาสิว่าคุณรอเจอใคร ?” แต่ไม่ว่าโอซูแจจะจี้ถามยังไง พัคโซยองก็ไม่ยอมบอก
การวิเคราะห์คดีอันแหลมคม
ขณะที่ผู้คนเห็นคลิปต่างก็พากันเชื่อว่าพัคโซยองตายเพราะโอซูแจจริง ๆ โอซูแจกลับทำเรื่องที่เซอร์ไพรซ์ยิ่งกว่า โดยการเอาคดีการตายของพัคโซยองมาเป็นหัวข้อในการสอนนักศึกษา “… กฎหมายเกาหลีไม่มีบทลงโทษสำหรับการฆ่าตัวตาย เมื่อเดือนที่แล้ว มีผู้หญิงตกจากอาคารสำนักงานกฎหมายและเสียชีวิต เธออ้างว่าถูกนักการเมืองข่มขืน และนักการเมืองคนนั้นได้จ้างทนายจากสำนักงานแห่งนั้นให้ดูแลคดี ทนายกับผู้หญิงคนนั้นเจอกันในห้องประชุม และในคืนนั้น ผู้หญิงคนนั้นได้ตกลงมาจากสวนดาดฟ้าและเสียชีวิต พอดีว่าวันนั้นทนายคนนั้นเดินลงมาพอดีตอนที่เธอตกลงมา แต่ก่อนที่ผู้หญิงคนนั้นจะตกลงมาทนายเจอธอบนสวนดาดฟ้า (ตามที่ปรากฏในคลิป) การยุยงหรือสนับสนุนให้ฆ่าตัวตาย กฎหมายเกาหลีระบุโทษจำคุกเอาไว้ 1-10 ปี คำถามคือทนายจะโดนตั้งข้อหายุยงหรือสนับสนุนให้ฆ่าตัวตายได้ไหม ?”
ระหว่างนั้น นักศึกษาต่างก็วิเคราะห์กันในประเด็นต่าง ๆ จนมาถึงคิวของกงชาน ซึ่งเขาวิเคราะห์ได้อย่างแหลมคม “เราต้องหาข้อสรุปให้ได้ก่อนว่าผู้หญิงคนนั้นขึ้นไปเพื่อฆ่าตัวตายหรือเพื่อไปทำอย่างอื่น จากรายงานของตำรวจระบุว่าไม่พบจดหมายลาตาย ดังนั้น ก็ไม่มีหลักฐานที่เพียงพอที่จะชี้ว่าเป็นการฆ่าตัวตาย และถ้าจะมองให้เป็นการฆาตกรรม ทนายก็ไม่ใช่คนผลักผู้หญิงคนนั้นอย่างแน่นอน เพราะตอนที่ผู้หญิงคนนั้นตกลงมา ทนายกำลังอยู่ด้านล่างของตึก …” กงชานหยุดพูด ขณะที่ตาเขามองไปที่โอซูแจที่ยืนอยู่หน้าห้อง “… หมายความว่าอาจารย์ไม่ใช่คนร้ายแน่นอนครับ”
ไม่ใช่การฆ่าตัวตาย ?
จากนั้น โอซูแจก็มอบหมายงานให้นักศึกษาไปสืบหาความจริงว่า ใครเป็นคนร้ายตัวจริงที่อยู่เบื้องหลังการตายของพัคโซยอง เพราะเธอเชื่อว่าการตายของพัคโซยองเป็นการฆาตกรรม ไม่ใช่การฆ่าตัวตายอย่างที่ตำรวจสรุปสำนวน
นักศึกษาได้ไปสืบค้นข้อมูลคลิปวิดีโอจนได้พบว่า พัคจียองอยู่ในที่เกิดเหตุด้วยในคืนนั้น ทำให้พัคจียองเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัย แต่มีนักศึกษาคนหนึ่งที่ไม่เชื่อว่าพัคจียองจะเป็นคนลงมือฆ่าพี่สาวตัวเอง คนคนนั้นคือกงชาน “ถ้าการตายของพัคโซยองเป็นการฆาตกรรมจริง ผมคิดว่าพัคจียองไม่น่าจะเป็นคนลงมือ เพราะเธอเป็นคนที่เจ็บปวดอย่างแสนสาหัสที่สุด”
การล้ำเส้น
ต่อมาตำรวจบุกควบคุมตัวพัคจียองในข้อหาฆาตกรรมพัคโซยอง พี่สาวของเธอเอง !
ด้วยความเข้าใจผิดที่คิดว่าโอซูแจอยู่เบื้องหลังการจับพัคจียอง ทำให้กงชานเข้าไปหาโอซูแจที่ห้องพักอาจารย์เพื่อตำหนิเรื่องที่เกิดขึ้น แต่อาจารย์สาวก็ได้เตือนว่า “สิ่งที่นายทำมันคือการล้ำเส้นนะ มันไม่เท่เลย”
เมื่อโดนอาจารย์สาวที่ตัวเองชอบตำหนิ กงชานจึงร่ายยาวถึงความรู้สึกในใจออกเขาออกมา “ผมเคยขอให้ชอบผมกลับอย่างนั้นเหรอ ผมก็แค่ชอบอาจารย์ เพราะชอบผมถึงได้เป็นห่วง เวลาที่อาจารย์โดนเรื่องร้าย ๆ ถ้่งโถมเข้าใส่ ผมจึงเตรียมอาหารอร่อย ๆ เอาไว้ให้ เพราะผมเชื่อว่า ‘การได้กินอาหารอร่อย ๆ เป็นการเยียวยาที่ดีที่สุด’ ผมรู้ว่ามันเป็นการชอบข้างเดียว ถ้าสิ่งนี้เรียกว่าการล้ำเส้น งั้นผมคงต้องขอล้ำเส้นแบบนี้ไปตลอดแล้วล่ะ”
เมื่อได้ยินคำพูดจากใจที่ออกจากปากของกงชาน ทำเอาโอซูแจถึงกับหวั่นไหวอย่างบอกไม่ถูก แม้เธอจะพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองแค่ไหน แต่มันก็ยังแสดงออกมาให้เห็น ชั่ววินาทีนั้นเอง โอซูแจก็ทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด โดยเฉพาะกงชาน …
โอซูแจโน้มตัวไปจูบกงชาน พร้อมกับมือที่โอบรัดตัวเขาไว้ !
EP.4 หัวใจมูลค่า 70 ล้านล้านวอน
โอซูแจได้รับมอบหมายให้ทำคดีพัคจียอง ซึ่งถือเป็นคดีแรกของคลินิกกฎหมายมหาวิทยาลัยซอจอง เพราะไหน ๆ เธอก็ใช้คดีนี้เป็นบทเรียนให้นักศึกษาอยู่แล้ว โดยกลุ่มนักศึกษาจะได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ช่วยในการหาข้อมูล เป้าหมายคือการสืบให้ได้ว่าใครคือคนร้ายตัวจริง ?
การสืบสวนทำให้ได้ข้อมูลที่น่าตกใจ คือ ขณะเสียชีวิต พัคโซยองตั้งท้องได้ 4 สัปดาห์ แต่ที่แพทย์นิติเวชไม่ได้ระบุเอาไว้ในผลการชันสูตรพลิกศพ ก็เพราะโดนสั่งจาก “มือที่มองไม่เห็น”
อย่างไรก็ตาม การที่พัคจียองโดนตำรวจจับกุม เป็นแผนการที่โอซูแจร่วมกับพัคจียองเอาไว้ตั้งแต่แรก ที่ต้องทำแบบนี้ก็เพื่อให้ตำรวรื้อคดีขึ้นมาทำใหม่ (จากเดิมที่ตำรวจสรุปสำนวนว่าเป็นการฆ่าตัวตาย)
โดยโอซูแจให้พัคจียองเขียนไดอารีที่แสดงความเกลียดชังพี่สาว ในไดอารีของพัคจียองที่ตำรวจยึดเอาไว้เป็นหลักฐานจึงมีข้อความ “ถ้าพี่ตายไปวันนี้ได้ก็คงจะดีสินะ” หรือ “ฉันอยากฆ่าเธอจัง” เขียนเอาไว้แทบทุกวัน เมื่อประกอบกับภาพจากกล้องวงจรปิดที่แสดงให้เห็นว่าพัคจียองอยู่ในที่เกิดเหตุ จึงนำมาสู่การจับกุมในครั้งนี้ ซึ่งจากหลักฐานที่ตำรวจมี โอซูแจรู้อยู่แล้วว่าตำรวจไม่สามารถแจ้งข้อหาใด ๆ กับพัคจียองได้
หัวใจมูลค่า 70 ล้านล้านวอน
โอซูแจนัดเจอกับคนคนหนึ่งที่ห้องสวีตของโรงแรมหรู เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลสำคัญบางอย่าง ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกับที่กงชานบังเอิญไปได้ยินอะไรบางอย่าง ทำให้เขาเข้าใจผิดคิดว่าโอซูแจกำลังคบกับผู้ชายคนหนึ่งที่มีมูลค่า 7 ล้านล้านวอน สิ่งนี้มันทำให้เขาปวดใจเป็นอย่างมาก
คืนนั้น โอซูแจนั่งดื่มโซจูที่ร้านแห่งหนึ่ง แล้วให้บังเอิญว่ากงชานก็มานั่งที่ร้านนั้นพอดี ระหว่างที่นั่งดื่มไปเขาก็ระบายความในใจกับเจ้าของร้านไปด้วย โดยที่โอซูแจที่นั่งอยู่ไม่ห่างกันนักได้ยินทุกคำพูดจากปากของชายหนุ่มอย่างชัดเจน …
“ผมมีคนที่แอบชอบอยู่ เธอสวย เจ๋ง แล้วก็เท่สุด ๆ ไปเลย แต่ทำไมไม่รู้มักจะมีเรื่องแย่ ๆ เกิดขึ้นกับเธอตลอดเวลา เหมือนกับว่าคนรอบตัวต้องการให้เธอทรมานไม่สิ้นสุด เพราะงั้นเธอจึงดูเหมือนเป็นคนเย็นชาต่อทุกสิ่ง ผมอยากช่วยเธอให้หลุดออกมาจากจุดนั้น … แต่ที่แย่คืออะไรรู้มั้ย ผมว่าเธอมีแฟนอยู่แล้ว เป็นผู้ชายที่มีมูลค่า 7 ล้านล้านวอน แต่ผู้ชายคนนั้นไม่มีทางเอาชนะผมไปได้หรอก เพราะหัวใจผมมีมูลค่า 70 ล้านล้านวอนยังไงล่ะ ” เมื่อโอซูแจได้ยินกงชานพูดจาเว่อร์วังอลังการขนาดนั้นก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้
ด้วยความร่วมด้วยช่วยกันของเหล่านักศึกษา ทำให้ได้ข้อมูลที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าพัคจียองบริสุทธิ์ และได้รับการปล่อยตัวในที่สุด
กงชานโทร. ไปขอโทษโอซูแจเรื่องที่เขาเคยพูดจาไม่ดีใส่เธอจากความเข้าใจผิดก่อนหน้านี้ โอซูแจก็เลยหลุดปากบอกเขาไปเช่นกันว่า “ผู้ชาย 7 ล้านล้านวอนไม่ใช่แฟนของฉันนะ” งานนี้ทำเอากงชานอึ้งไปเลย แต่ดูเหมือนว่าคนที่อึ้งยิ่งกว่ากลับเป็นตัวโอซูแจเองที่เผลอหลุดปากพูดออกไป เธอจึงรีบกดวางสายไปในทันที !
เมื่อโอซูแจกลับถึงบ้าน เธอโทร. ไปหากงชานอีกครั้งเมื่อเห็นคอนโดโดนงัด ทันใดนั้นเอง โอซูแจก็กรีดร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ เมื่อบุคคลในชุดไอ้โม่งพุ่งตรงเข้าทำร้ายเธอ กงชานเมื่อได้ยินเช่นนั้นจึงรีบวิ่งไปหาด้วยความร้อนใจ
EP.5 อดีตเมื่อเจ็ดปีก่อน
โอซูแจถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ กงชานมาทันเวลาพอดี คนร้ายหนีไปได้โดยทำ USB Flash Drive ที่ขโมยมาหล่นลง กงชานจึงเก็บมันเอาไว้โดยไม่บอกใคร (แม้แต่โอซูแจ)
ตำรวจเข้ามาสอบปากคำขณะที่โอซูแจกำลังทำแผลอยู่ที่โรงพยาบาล แต่เธอแจ้งความประสงค์ว่าไม่ต้องการดำเนินคดีความใด ๆ เพราะเธอต้องการสืบเรื่องนี้ด้วยตัวเอง
ระหว่างนั้น กงชานก็นอนเฝ้าดูอาการของโอซูแจจนหลับไป ทำให้เธอไม่อาจต้านทานความรู้สึกของกงชานที่ต้องการปกป้องเธอได้ แม้ว่าเธออยากจะจัดการเรื่องทั้งหมดด้วยตัวเองเพียงลำพังก็ตาม
กงชานเอา USB Flash Drive ไปถอดรหัสจนรู้ว่า เป็นข้อมูลบัญชีการฟอกเงินของประธานชเวแทกุก และมีชื่อของโอซูแจอยู่ในนั้นด้วย หลังจากนั้นเขาก็เอา USB Flash Drive ไปคืนให้โอซูแจ โดยได้ทำสำเนาเอาไว้อีกชุดหนึ่งแล้ว
ประธานชเวแทกุกส่งลูกน้องมาขอ USB Flash Drive คืน แต่โอซูแจไม่ให้ แถมยังตอกกลับด้วยการเรียกเงิน 7 หมื่นล้านวอน (ประมาณ 1,900 ล้านบาท) ที่นำชื่อเธอไปใช้ในบัญชีฟอกเงินที่หมู่เกาะบาฮามัสโดยไม่ได้รับอนุญาตอีกด้วย ในตอนนี้เองที่เรื่องราวในอดีตเมื่อ 7 ปีก่อนของโอซูแจได้ถูกเปิดเผย …
เมื่อ 7 ปีที่แล้ว โอซูแจยังเป็นพนักงานฝึกหัดของ TK Law Firm ตอนนั้นเธอเกิดไปมีความสัมพันธ์กับชเวจูวาน (ลูกชายของประธานชเวแทกุก) จนตั้งท้อง ด้วยความใสซื่อของโอซูแจในขณะนั้น ทำให้ประธานชเวแทกุกคิดแผนหว่านล้อมให้เธอเดินทางไปคลอดลูกที่อเมริกาเพื่อปิดข่าวฉาว “เธอไปอเมริกาเถอะนะ ฉันจะบอกทุกคนว่าเธอไปอบรม จากนั้นพวกเธอก็เจอกันระหว่างอบรม ตกหลุมรักกัน แล้วก็แต่งงานกัน นี่คือเรื่องราวที่ทุกคนจะชอบ ฉันอยากให้ลูกสะใภ้ฉันเป็นนางเอกในนิยายรักหวานแหวว”
คำพูดของประธานชเวแทกุกในตอนนั้นทำเอาโอซูแจเคลิบเคลิ้ม เธอเดินทางไปอเมริกาด้วยความเต็มใจ ด้วยหวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปอย่างที่เธอได้ยิน แต่มันกลับตรงกันข้าม ชเวจูวานไม่บินไปหาเธอที่อเมริกา และมันเลวร้ายไปกว่านั้น เมื่อเธอต้องเสียลูกไประหว่างการคลอด !
โอซูแจทานทนกับความบอบช้ำทั้งทางร่างกายและจิตใจไม่ไหว จึงพยายามฆ่าตัวตาย แต่สุดท้ายเธอก็ไม่ตายและได้กลับมาเกาหลี หลังจากยอมทำตามข้อเสนอของประธานชเวแทกุก “เลือกเอาว่าจะกลับมาทำงานกับฉัน หรือจะเก็บขยะอยู่ข้างถนน”
นับแต่นั้น โอซูแจก็ได้แต่เก็บงำความแค้นเอาไว้ และมุ่งมั่นที่จะก้าวขึ้นไปยืนอยู่ ณ จุดที่สูงที่สุด จุดที่ทุกอย่างเป็นของเธอ
EP.6 ข้อเสนอที่มิอาจปฏิเสธได้
ประธานชเวแทกุกโกรธจนควันแทบออกจากหัว เมื่อได้ยินข้อเสนอที่มิอาจปฏิเสธได้จากปากของโอซูแจ “เลือกเอาค่ะ ระหว่างเงิน 7 หมื่นล้านวอน กับการที่ฉันจะทำลายความฝันที่คุณพยายามสร้างมาทั้งชีวิตด้วยความยากลำบาก” … ประธานชเวแทกุกตอบตกลง และเขาก็ทิ้งท้ายโดยขอให้เธอรีบทำเรื่องหย่าของชเวจูวานให้เรียบร้อยด้วย
ที่ TK Law Firm ประธานชเวแทกุกเรียกชเวจูวานมาพบที่ห้องทำงาน เขาสั่งให้ลูกชายจัดการเรื่องหย่ากับภรรยาคนปัจจุบัน แล้วรีบแต่งงานกับโอซูแจให้เร็วที่สุด เพราะสถานการณ์ตอนนี้วิธีที่ดีที่สุดคือการดึงโอซูแจมาเป็นพวก
ที่คลาสเรียนกฎหมาย โอซูแจได้เปิดคลิปภาพชายปริศนาคนหนึ่งผลักพัคโซยองตกลงมาจากดาดฟ้า และมอบหมายงานให้นักศึกษาไปสืบหามาว่าชายปริศนาคนนั้นเป็นใคร โดยไม่บอกเหตุผลที่มอบหมายงานชิ้นนี้ให้ว่าทำไม
โอซูแจไปพบภรรยาของชเวจูวานเพื่อคุยเรื่องข้อตกลงในการหย่า จากการสนทนาทำให้โอซูแจได้รู้ว่าเธอก็เสียลูกไปตั้งแต่อยู่ในครรภ์เช่นเดียวกัน และเด็กที่ตอนนี้ทุกคนเข้าใจว่าเป็นลูกสาวของเธอนั้น แท้จริงแล้วเป็นเด็กที่ประธานชเวแทกุกหามาให้เป็นลูกสาวปลอม ๆ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ต่อสังคม … เรื่องที่โอซูแจได้ยิน มันทำให้นึกถึงลูกสาวของเธอที่เสียไปขณะไปคลอดที่อเมริกาเช่นเดียวกัน โอซูแจจึงขอตัวกลับก่อนทั้ง ๆ ที่ยังคุยข้อตกลงได้ไม่ถึงไหน
สิ่งที่แม่ทุกคนไม่ต้องการมากที่สุดในที่ชีวิตคือการมองลูกจากไปต่อหน้าต่อตา โอซูแจก็เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีแต่ความเจ็บปวดก็ยังคาอยู่ในหัวใจของแม่ตลอดไป … โอซูแจขับรถเมอซีดีสสีขาวขณะที่น้ำตาของเธอไหลออกมาเป็นทาง ปากก็ได้แต่พร่ำชื่อลูกสาวของเธอออกมา “ฮานึล”
โอซูแจไม่สามารถหยุดคิดถึงฮานึลได้เลย เธอคิดว่าต้องเล่าเรื่องนี้ระบายเรื่องนี้ให้ใครฟังสักคน เธอเลือกโทร. ไปเล่าให้เพื่อนสนิทของเธอฟัง และคนต่อไปที่เธออยากจะเล่าให้ฟังคือกงชาน … แต่แล้วจู่ ๆ ฮงซอกพัล ก็โทร. มานัดโอซูแจ เขาสารภาพว่าตัวเองเป็นคนฆ่าพัคโซยอง
โอซูแจรีบขับรถไปที่จุดนัดทันที แต่เมื่อไปถึงก็พบฮงซอกพัลเสียชีวิตอยู่ในรถ ทันใดนั้นเอง รถของฮงซอกพัลก็เกิดระเบิดขึ้น … จังหวะนั้นเอง กงชานโด้โทร. หาโอซูแจพอดีก่อนที่เธอจะหมดสติ
EP.7 ถ้าไม่ไหวก็บอกไม่ไหว
โอซูแจรอดตายจากเหตุระเบิดไปได้อย่างหวุดหวิด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เธอกลัวจนตัวสั่น แต่เธอไม่อาจแสดงตัวตนที่อ่อนแอให้ใครเห็นได้
คืนนั้น ด้วยความที่อดเป็นไม่ได้ กงชานจึงถือวิสาสะมานอนที่บ้านของโอซูแจ เขาเลือกนอนที่โซฟาและจัดแจงเครื่องนอนเอง โดยที่ไม่สนใจคำพูดของเจ้าของบ้านที่บ่นพึมพำออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว … จนเมื่อกงชานหลับไปแล้ว โอซูแจก็หลับไปด้วยที่คนละมุมของโซฟา
กลางดึกคืนนั้น โอซูแจฝันร้ายกับเหตุการณ์เฉียดตายที่เพิ่งเกิดขึ้น และเรื่องร้าย ๆ เกี่ยวกับความตายของผู้คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต โอซูแจสะดุ้งตื่นแล้วเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ และฝังตัวเองอยู่อย่างนั้น ทุกอย่างอยู่ในสายตาของกงชาน
ผ่านไปชั่วเวลาหนึ่ง กงชานเดินตามเข้ามาในห้องน้ำ นั่งยอง ๆ ลงข้าง ๆ กับโอซูแจที่นั่งชันเข่าเอาหน้าซุกเอามือปิด เหมือนดั่งต้องการจะปิดบังไม่ให้ใครเห็นคราบน้ำตาที่เกรอะกรังทั่วใบหน้าของเธอ …
“มาแอบร้องไห้แบบนี้ มันไม่เท่เลยนะ” กงชานทำลายความเงียบ
“ถ้าไม่เท่แล้วมานั่งข้าง ๆ ทำไม” โอซูแจตอบด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ
“เพราะผมคิดว่าอาจารย์เท่ยังไงล่ะ”
“ก็เมื่อกี้ยังบอกว่าไม่เท่อยู่เลย” โอซูแจพูดไปพลางเอาหน้าหันไปมาเพื่อใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตา
“ทุกคนล้วนแล้วแต่มีตัวตนหลายด้านทั้งนั้น การมีด้านที่ไม่เท่บ้านก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะงั้นถ้าอยากร้องไห้ก็ร้องออกมาเลยครับ ถ้าไม่ไหวก็บอกไม่ไหว เพราะยังไงอาจารย์ก็ยังเท่อยู่ดี”
คำพูดของกงชานเหมือนเป็นกุญแจ ที่ไขความอัดอั้นที่ค้างคาในห้วงความคิดของโอซูแจให้ทะลักทลายออกมา โอซูแจค่อย ๆ ระบายมันออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินออกมาเป็นสาย … กงชานที่เห็นคนที่ตัวเองรักร้องไห้ออกมาไม่หยุด ตัวเขาเองก็กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่เช่นกัน จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ เอื้อมมือไปโอบกอดเธอ
ค่ำคืนอันเจ็บปวดผ่านไป โอซูแจตื่นขึ้นมาพบกับอาหารเช้าที่กงชานทำไว้ให้วางอยู่บนโต๊ะอาหาร พร้อมด้วยข้อความบนโพสต์อิตที่เขียนด้วยลายมือ “กินให้อิ่ม นอนให้หลับ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นห้ามบาดเจ็บเด็ดขาด ทั้งร่างกายและจิตใจ” โอซูแจยิ้มจนแก้มแทบปริ
คำสารภาพ
โอซูแจพยายามตามสืบด้วยตัวเองว่าใครเป็นคนวางระเบิดรถของฮงซอกพัล เพราะเธอไม่เชื่อว่าเขาจะฆ่าตัวตายตามข้อสรุปคดีเบื้องต้นของตำรวจ และเธอเชื่อว่าผู้ที่ลงมือจะมาจัดการกับเธอในไม่ช้า
ที่มหาวิทยาลัย ตำรวจสายสืบสองนายเดินทางไปสอบปากคำโอซูแจในคดีฮงซอกพัล และอยู่ดี ๆ ก็มีคำสั่งด่วนผ่านทางโทรศัพท์ให้จับกุมตัวโอซูแจโดยไม่มีหมายจับ !
โอซูแจถูกจับใส่กุญแจมือต่อหน้านักศึกษาในมหาวิทยาลัย แต่กงชานทนเห็นสภาพที่เธอโดนใส่กุญแจมือไม่ได้ เขาจึงใช้ผ้าพันคอของตัวเองปิดบังข้อมือของเธอไว้ ก่อนจะถูกนำตัวไปควบคุมตัวเพื่อทำการสอบสวนต่อไป
เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ โอซูแจคิดว่ามันมีเงื่อนงำ เธอเชื่อว่าประธานชเวแทกุกอาจจะอยู่เบื้องหลังเรื่องที่เกิดขึ้น
ภายในห้องสอบสวนของสถานีตำรวจ โอซูแจนั่งนิ่งไม่ปริปากพูดออกมาแม้แต่คำเดียว ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดคลิปสารภาพของฮงซอกพัลที่บันทึกเอาไว้ก่อนตายให้เธอดู “ผมฆ่าพัคโซยอง ตามคำสั่งของทนายโอซูแจครับ คนที่ผลักพัคโซยองตกจากดาดฟ้าคือผมเอง …” จากนั้น ฮงซอกพัลก็เปิดคลิปเสียงการสนทนาทางโทรศัพท์กับโอซูแจที่เขาบันทึกเสียงเอาไว้ คำพูดของโอซูแจพูดในลักษณะที่ต้องการให้พัคโซยองตาย เพราะไม่พอใจที่พัคโซยองแอบมีความสัมพันธ์กับ ส.ส.อันคังวอน ซึ่งกำลังคบหาอยู่กับเธอในขณะนั้น
ในตอนท้ายของคลิป ฮงซอกพัลยังระบุด้วยว่าเขาจะไปพบโอซูแจและฆ่าตัวตายต่อหน้าเธอ
ระหว่างนั้น ผลการชันสูตรของแพทย์นิติเวชก็ออกมา ศพผู้ตายไม่มีร่องรอยการถูกทำร้ายร่างกาย ส่วนสาเหตุการตายคือขาดอากาศหายใจจากคาร์บอนมอนอกไซด์ และแผลไฟไหม้ สรุป แพทย์ลงความเห็นว่าเป็นการฆ่าตัวตาย
โอซูแจนิ่งอึ้งถึงกับพูดอะไรไม่ออก เธอรู้ว่าจากหลักฐานทั้งหมดชะตากรรมของเธอต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร … โอซูแจถูกนำตัวไปขังที่ทัณฑสถานหญิง จากนี้เธอจะมีคำนำหน้าชื่อว่า ข.ญ. !!!
EP.8 มาสเตอร์มายด์
ก่อนที่โอซูแจจะถูกควบคุมตัวไปที่ทัณฑสถานหญิง เธอได้บอกซงมีริม ผู้ช่วยคนสนิทของเธอว่า ในตอนท้ายของคลิปช่วงประโยคสุดท้ายเป็นของปลอม … ทำให้ซงมีริม กงชาน และนักศึกษาต่างช่วยกันหาหลักฐานเพื่อนำมาใช้หักล้างคลิปรับสารภาพของฮงซอกพัล เพื่อช่วยให้โอซูแจออกมาจากคุกให้เร็วที่สุด แต่ปัญหาคือ การจะพิสูจน์ได้ว่าคลิปสารภาพเป็นคลิปปลอม จำเป็นต้องตรวจสอบจากคลิปต้นฉบับ
ถึงจุดนี้ ชัดเจนแล้วว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังก็คือประธานชเวแทกุก เขาสร้างหลักฐานเท็จขึ้นมา ใช้เส้นสายของตำรวจจับโอซูแจเข้าอยู่ในคุก และใช้นายตำรวจระดับผู้กำกับฯ เข้าไปค้นบ้านโอซูแจ จนได้ USB Flash Drive มา ส่วนรถของฮงซอกพัลก็ถูกนำไปกำจัดทิ้งที่สุสานรถ
ขณะที่ทุกคนมองไปทางไหนก็เห็นแต่ทางตัน ก็ให้บังเอิญว่ารรุ่นพี่ของกงชานเกิดไปเห็นพิรุธบางอย่างในคลิปรับสารภาพ เขาสังเกตเห็นสัญญาณมือของฮงซอกพัลที่กำลังขยับเป็นรหัส ซึ่งเมื่อถอดความก็รู้ว่ารหัสนั้นหมายถึง “หัวหน้าฮาอิลกู” สมุนมือขวาของประธานชเวแทกุก
กงชานจึงวางแผนกับเพื่อน ๆ ล่อให้หัวหน้าฮาออกมาข้างนอก ก่อนที่ตัวเขาจะเข้าไปขโมยไฟล์เสีนงต้นฉบับออกมา
แล้ววันพิจารณาหมายจับก็มาถึง ซงมีริมในฐานะทนายความได้ยื่นเรื่องต่อศาลให้พิสูจน์เสียงในคลิปของโอซูแจ อีกทั้งยังได้ตัวพยานที่มีส่วนในการปลอมแปลงเสียงของโอซูแจ ทำให้ศาลพิจารณาให้ปล่อยตัวโอซูแจโดยไม่มีเงื่อนไข
ภาพแฟลชแบ็ก หัวหน้าฮาเป็นคนเกลี้ยกล่อมหลอกใช้ฮงซอกพัล เขาหลอกให้ฮงซอกพัลอัดคลิปสารภาพโดยโยนความผิดไปให้โอซูแจ ส่วนการระเบิดรถ หัวหน้าฮาก็หลอกฮงซอกพัลว่าเป็นเพียงแค่การจัดฉากเท่านั้น และฮงซอกพัลจะได้หนีไปอยู่ต่างประเทศตามที่ต้องการ โดยเรื่องทั้งหมดจะไม่มมีคนตาย … ซึ่งฮงซอกพัลคงได้ดูแล้วว่าตัวเองโดนหลอก !
โอซูแจได้รับการปล่อยตัวออกมาแล้ว คนคนแรกที่เธอเจอก็คือกงชาน ที่มายืนรอรับเธอด้วยความเป็นห่วง และได้ขอร้องให้เธอไปพักที่บ้านของเขาเพื่อความปลอดภัย … เวลานั้น สายตาคู่นั้นเปี่ยมไปด้วยความอ่อนหวานอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน สายตาของทนายหญิงเบอร์หนึ่งของเกาหลีที่มองมาที่เขาด้วยความรู้สึกอันอ่อนโยน ก่อนที่เธอจะค่อย ๆ เอาใบหน้าซบลงไปที่ไหล่เขา
EP.9 เอาชนะทุกคน
การได้อยู่บ้านของกงชานกับพวกรุ่นพี่ของเขา ทำให้เธอรู้สึกสบายใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และที่นี่ก็เป็นสถานที่ที่เธอสามารถหลับได้อย่างเต็มอิ่ม นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้หลับลึกด้วยความรู้สึกที่ปลอดภัยอย่างนี้
หลังจากทานอาหารค่ำกันเสร็จ กงชานกับโอซูแจก็ออกมาเดินเล่น ระหว่างนั้นเธอได้เล่าเรื่องตึกที่เธอเพิ่งซื้อเอาไว้ให้เขาฟัง “เมื่อตอนฉัน 7 ขวบ ตึกนั้นเป็นของบริษัทพ่อฉัน แต่พอฉันอายุ 18 มันก็ตกเป็นของคนอื่น พ่อฉันเชื่อคนง่ายเกินไปทำให้เขาล้มละลายเพียงชั่วข้ามคืน นับแต่นั้น เขาก็ขึ้นไปร้องไห้บนดาดฟ้าทุกคืน ฉันเกลียดภาพนั้นมาก ฉันเกลียดที่เห็นพ่ออ่อนแอ นั่นคือตอนที่ฉันบอกตัวเองว่าฉันจะต้องเอาชนะทุกคน” เมื่อสามปีก่อน เพราะเจ้าของตึกไม่ยอมขาย ทำให้โอซูแจเสนอราคาซื้อตึกนั้นเป็นสองเท่าของราคาตลาด เธอไม่รู้สึกว่ามันแพงไปเลย แต่กลับรู้สึกคุ้มค่ากับเงินทุกวอนที่จ่ายไป … ในคืนวันที่ได้กรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของ เธอขึ้นไปนั่งบนดาดฟ้าตรงที่พ่อเคยนั่ง แล้วก็พูดกับพ่อว่า “บอกแล้วใช่ไหมว่าหนูต้องเอามันคืนมาให้ได้ หนูจะเอาชนะทุกคน”
กงชานฟังเรื่องที่โอซูแจเล่าจบก็ถึงกับตาเบิกโพลงขึ้นมาทันที “เท่จัง ทำไมคนเราถึงเท่ได้ขนาดนี้เนี่ย” จากนั้น ทั้งสองก็ยิ้มให้กันแล้วก็หลุดขำออกมา
เรื่องราวดำเนินไป โอซูแจได้ตำแหน่งทนายหุ้นส่วนที่ TK Law Firm พร้อมกับห้องทำงานขนาดใหญ่ที่ตกแต่งอย่างหรูหรา แม้จะเพิ่งผ่านเรื่องร้าย ๆ มา แต่หน้าตาของเธอดูสดชื่นและสดใสยิ่งกว่าเมื่อก่อนเสียอีก
กลางดึกคืนหนึ่ง โอซูแจได้รับโทรศัพท์ด่วนจากแม่ที่โดนจับข้อหาเมาแล้วขับ ทำให้เธอต้องรีบไปสถานีตำรวจในทันที กงชานจึงอาสาที่จะขับรถไปให้ เพราะเธอเพิ่งดื่มโซจูมาเมื่อตอนหัวค่ำ หลังจากจัดการเรื่องราวชวนปวดหัวของแม่ที่โรงพักจนเรียบร้อย กงชานจึงชวนเธอไปดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยกันเพื่อให้เธอรู้สึกผ่านคลาย
พระอาทิตย์ค่อย ๆ โผล่ขึ้นพ้นขอบฟ้าที่ตัดด้วยสีของน้ำทะเล โอซูแจจึงพูดขึ้น “ต่อไปนายคงได้รู้จักฉันมากขึ้น มันมีเรื่องบางเรื่องที่ฉันบอกกับนายไม่ได้ และฉันก็ไม่อยากให้ใครรู้ แต่สักวันฉันจะเล่าให้นายฟังได้ใช่มั้ย ถึงนายจะคิดว่ามันไม่เท่ก็ตาม”
กงชานมองโอซูแจด้วยรอยยิ้ม “ผมก็มีเรื่องที่ไม่อยากบอกให้คุณรู้เหมือนกัน แต่ผมก็คงต้องบอก ซึ่งถึงตอนนั้นคุณจะเกลียดผมก็ได้ แต่อย่าหนีผมไปไหนนะครับ” ทั้งสองมองตากันแทบไม่กะพริบ ก่อนที่จะค่อย ๆ เยื้องใบหน้าเข้าหากัน ริมฝีปากสัมผัสกันอย่างแผ่วเบา ดั่งเหมือนเป็นจูบแทนคำสัญญาว่า “เมื่อถึงเวลานั้นเราจะไม่ทิ้งกันไปไหน”
EP.10 พื้นดินถล่มแผ่นดินทลาย
เพื่อน ๆ ของซุนอ๊กพาเธอไปขอความช่วยเหลือที่คลินิกกฎหมายมหาวิทยาลัยซอจอง ซึ่งเป็นช่วงที่โอซูแจไม่อยู่ จึงมีนักศึกษาเข้ามาช่วยกันต้อนรับ และหนึ่งในนั้นก็คือกงชาน
แม้สายตาของซุนอ๊กในตอนนี้จะมองอะไรพร่ามัว แต่เธอจำเสียงของกงชานได้เป็นอย่างดี เสียงของคนที่เธอเชื่ออย่างฝังใจว่าเป็นฆาตกรที่ฆ่าข่มขืนลูกสาวของเธอ (จอนนาจอง) ซุนอ๊กมีท่าทีเปลี่ยนไปทันที เธอตรงปรี่เข้าไปหาที่มาของเสียงและร้องตะโกนลั่นจนเสียงหลง “คิมดงกู !!!” เธอตะโกนซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้นต่อหน้ากงชาน ขณะที่เพื่อนนักศึกษาต่างเข้าใจว่าซุนอ๊กจำคนผิด เพราะเขาชื่อกงชานไม่ใช่คิมดงกู
ในที่สุดกงชานก็วิ่งออกมาจากห้องนั้นด้วยหัวใจที่เจ็บปวด ขาของเขาอ่อนแรงจนทรุดลงไประหว่างเดินลงจากบันได น้ำตาที่เอ่อล้น
โอซูแจเดินมาพอดี เธอเห็นกงชานนั่งก้มหน้าร้องไห้อยู่คนเดียวที่บริเวณม้านั่งด้านนอกอาคารเรียน เธอกำลังจะเดินเข้าไปหา แต่จังหวะนั้นเสียงโทรศัพท์เกิดดังขึ้นมาก่อน เป็นสายที่แจ้งข่าวอุบัตืเหตุพื้นดินถล่มที่เขตก่อสร้างยองพยอง มีคนงานจำนวนมากติดอยู่ใต้ดิน เป็นเหตุด่วนที่เธอต้องรีบไปที่เกิดเหตุเพื่อจัดการกับวิกฤติที่เกิดขึ้น
โอซูแจรีบเดินทางไปที่เขตก่อสร้างยองพยองทันที เจ้าหน้าที่กู้ภ้ยจากหน่วยต่าง ๆ ถูกระดมให้มาช่วยชีวิตคนงานที่ติดอยู่ใต้ดิน … ก่อนหน้าเกิดเหตุ เขคก่อสร้างยองพยองถูกวางแผนให้เป็นเมืองอัจฉริยะขนาด 8 พันหลังคาเรือน โดยใช้เงินลงทุนจากต่างประเทศเป็นจำนวนมาก
ระหว่างการช่วยเหลือผู้รอดชีวิตและผู้บาดเจ็บที่ติดอยู่ในซากปรักหักพังที่เกิดจากดินถล่ม เจ้าหน้าที่เกิดไปพบซากโครงกระดูกมนุษย์ พร้อมกับเครื่องประดับชนิดหนึ่ง … ภาพข่าวการพบโครงกระดูกถูกนำเสนอผ่านข่าวทางหน้าจอโทรทัศน์ กงชานได้เห็นข่าวนั้นก็รู้ได้ในทันทีว่า เครื่องประดับชิ้นนั้นเป็นเหมือนกับที่จอนนาจองเคยให้เขาเป็นของขวัญ หรือว่าโครงกระดูกนั้นจะเป็นจอนนาจอง !?
โอซูแจกลับมา เมื่อไม่เห็นกงชาน เธอจึงเดินไปหาเขาบนดาดฟ้าและเข้าไปในห้องเก็บของ ที่นั่นเธอได้เห็นสิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะได้เห็น ภาพและข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับคดีคิมดงกูถูกเรียบเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบที่บอร์ดบนผนังห้อง และจากบัตรประชาชนที่พบ ทำให้เธอรู้ได้ในทันทีว่า กงชานคือคิมดงกู !
EP.11 ร่มพกผ้าใบสีดำ
หลังจากรู้ว่ากงชานปิดบังตัวตนที่แท้จริงมาตลอด โอซูแจก็โซแซด รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก คืนนั้นเธอไปนั่งก๊งโซจูกับเพื่อนสนิท เธอไม่รู้จริง ๆ ว่าจะตัดสินใจอย่างไรดี ได้แต่คิดวนไปมา ระหว่างบอกทุกอย่างที่รู้กับเขาแล้วจบไปเลย หรือแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง คำถามก็ยังคงวนเวียนในหัวของโอซูแจอยู่อย่างนั้นอย่างไม่มีคำตอบ
กงชานที่เครียดกับตัวตนในอดีตของตัวเองก็พึ่งโซจูไปหลายขวดเช่นกัน ด้วยความเมามายทำให้กงชานไปพูดจากวนประสาทวัยรุ่นเข้า เขาจึงโดนกระทืบจนล้มลงไปนอนคลุกน้ำฝนที่ตกลงมาไม่หยุด ก่อนจะค่อย ๆ เดินแบกร่างอันบอบช้ำมาที่หน้าบ้านของโอซูแจ
ฝนยังตกลงมาไม่หยุด ความรู้สึกของกงชานก็เช่นกัน เขานั่งก้มหน้าอยู่ที่ม้านั่งข้างทาง ปล่อยให้เม็ดฝนร่วงหล่นใส่ตัวเขาจนเปียกโชกเม็ดแล้วเม็ดเล่า เหมือนดั่งต้องการให้มันช่วยชำระความรู้สึกที่ดำมืดให้ออกไป แต่ไฉนเลยเม็ดฝนจะชำระล้างหัวใจได้ !? … ห้วงความคิดหยุดลงทันที เมื่อกงชานเห็นโอซูแจมายืนอยู่เบื้องหน้า ในมือของเธอถือร่มสีดำ ร่มคันเดียวกับที่เขาเคยให้เธอไว้ในวันฝนตกวันนั้นที่มหาวิทยาลัย … บางทีเราอาจไม่ต้องการชำระล้างหัวใจ เราเพียงต้องการใครสักคนยอมรับหัวใจอันดำมืดของเรา แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
กงชานลุกขึ้นยืน สายตาของเขามองไปที่โอซูแจ มือของเธอยังคงถือร่ม แต่สายตาของเธอเปลี่ยนไป สายตาของโอซูแจมองไปที่กงชาน แต่ในหัวใจของเธอกลับเห็นคิมดงกู !!!
แววตาที่แฝงด้วยความกังวลของโอซูแจค่อย ๆ ลดมองต่ำลง เธอไม่ได้มองหน้าเขาแล้ว เธอตั้งใจที่จะไม่มองหน้าเขาขณะที่พูดออกไปว่า “นายห้ามพูดอะไรทั้งนั้นจนกว่าฉันจะให้นายพูด”
พูดจบ โอซูแจใช้มือซ้ายของเธอเอื้อมไปจับมือขวาของกงชานยกขึ้นให้มาจับด้ามร่มเอาไว้ ร่มคันเดียวกับที่เขาเคยให้เธอ ร่มพกผ้าใบสีดำ … มือของกงชานจับด้ามร่มไว้แน่นแล้ว โอซูแจก็รีบปล่อยมือออกมาแล้วพูดว่า “ฉันให้คืน” … แต่ก่อนที่กงชานจะเอ่ยปากพูดอะไรต่อไป โอซูแจก็เบื้อนหน้าเดินจากไปโดยไม่สนใจสิ่งที่เขากำลังจะพูดเลยแม้แต่นิดเดียว
กงชานยืนสตันอยู่อย่างนั้นหลายวินาที มือของเขาไม่มีแรงแล้ว ร่มพกผ้าใบสีดำร่วงจากมือหล่นลงพื้น ร่มที่หล่นสู่พื้นจะมีค่าอะไรอีก ร่มที่เจ้าของไม่มีแม้แต่แรงที่จะจับมันกางเพื่อบังแดดบังฝนได้มันยังจะมีค่าอะไรอีก
คดีที่น่าอับอายที่สุดในชีวิต
กงชานเดินทางไปสถานีตำรวจ เพื่อร้องขอให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบคดีตรวจ DNA โครงกระดูกที่พบกับเส้นผมของจอนนาจองที่เขาเอาไปให้ ซึ่งแน่นอนว่าเขาถูกปฏิเสธ เพราะไม่มีหลักฐานอะไรที่บ่งชี้ให้ต้องทำเช่นนั้น
โอซูแจรู้เรื่องที่กงชานไปขอให้ตำรวจตรวจ DNA แต่ถูกปฏิเสธ ในคืนนั้นเธอจึงโทร. ไปหาเขาเพื่อแนะนำเรื่องคดี … แต่กงชานไม่คุยเรื่อง DNA เขาพยายามอธิบายว่าไม่ได้ตั้งใจหลอก และเขาชอบเป็นกงชานมากกว่าคิมดงกู
แล้วโอซูแจก็เผยให้เห็นว่า ทำไมคิมดงกูถึงมีอิทธิพลในเชิงลบกับเธอมากมายขนาดนี้ “นายหลอกฉัน คิมดงกู … รู้ไหมว่าคดีของนายมันเป็นคดีที่ฉันอยากลืม เพราะมันเป็นคดีที่ฉันพ่ายแพ้อย่างน่าอับอายที่สุดในชีวิต”
ไม่มีใครเข้าใจ แม้แต่ตัวกงชานเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมโอซูแจถึงคิดเช่นนั้น
คืนเดียวกันนั้น โอซูแจกลับไปที่บ้าน ในหัวผุดเหตุการณ์ในคดีคิมดงกูเมื่อสิบปีก่อน ตอนนั้นเธอเป็นทนายให้คิมดงกู จำเลยในคดีฆ่าข่มขืนจองนาจอง น้องสาวต่างมารดาของตัวเอง ณ เวลานั้นมีเพียงเธอที่เชื่อว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ และพยายามหาเหลี่ยมหามุมข้อพิรุธเพื่อแก้ต่างให้คิมดงกู แต่อาจารย์สอนกฎหมายของเธอบอกให้เธอเล่นบทไหลไปตามน้ำ ไม่ต้องเสียเวลาขุดคุ้ยหาอะไรอีก เพราะหลักฐานทุกอย่างชี้ไปที่คิมดงกูทั้งหมดแล้ว อีกทั้งในตอนนั้น ชเวแทกุกก็เป็นหัวหน้าอัยการที่กำลังจะเกษียณเมื่อจบคดีนี้ และจะมาเปิดสำนักงานกฎหมาย (TK Law Firm)
โอซูแจกลับมาที่ห้องพิจารณาคดีอีกครั้งด้วยท่าทีที่เปลี่ยนไป เธอเลือกที่จะปล่อยผ่านประเด็นพิรุธต่าง ๆ ที่จดเอาไว้ จนในที่สุด คิมดงกูก็ถูกพิพากษาจำคุกในความผิดที่เขาไม่ได้เป็นคนกระทำ ก่อนที่ผู้ร้ายอีกคนจะถูกจับตัวได้ และเขาก็ถูกปล่อยให้เป็นอิสระในฐานะ “แพะ” หลังจากติดคุกอยู่นาน 9 ปี
ไม่ใช่ความพ่ายแพ้ แต่เป็นการเพิกเฉยจนทำให้คิมดงกูติดคุก ตราบาปที่โอซูแจอยากลืม และเป็นคดีที่น่าอับอายที่สุดในชีวิตทนายความของเธอ เพราะเธอทำมันเพื่อแลกกับอิสรภาพของแม่และพี่ชายที่เพิ่งโดนจับในคดีฉ้อโกงเช่นเดียวกัน !!!
EP.12 ความจริงและความรู้สึกผิด
โอซูแจยังคงนั่งร้องไห้อยู่คนเดียวภายในบ้าน ที่ผ่านมาเธอพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ลืมความรู้สึกผิดที่มีต่อคิมดงกู (กงชาน) และทุกอย่างก็โล่งเมื่อเขาพ้นข้อกล่าวหาในอีกหนึ่งปีต่อมา
หลังจากศาลพิพากษาลงโทษคิมดงกูให้จำคุกเป็นเวลาสิบปี เมื่อผ่านไปหนึ่งปี อัยการผู้รับผิดชอบคดีได้ยื่นข้อเสนอที่มิอาจปฏิเสธได้ให้กับนักโทษโนบยองชอล ให้เขารับสารภาพเป็นฆาตกรตัวจริงที่ลงมือฆ่าจอนนาจอง แลกกับการที่ไม่ต้องถูกส่งตัวไปรับโทษที่อเมริกาตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน … คิมดงกูได้รับการปล่อยตัว แต่เขาก็รู้ว่าโนบยองชอลไม่ใช่คนร้ายตัวจริง
แต่สิ่งที่น่าแปลกใจยิ่งกว่าคือ นักโทษโนบยองชอลที่กำลังจะได้รับทัณฑ์บนกลับโดนจับไปขังเดียว และผูกคอตายในเวลาต่อมา !?
กงชานพยายามจะสืบเรื่องนี้ ส่วนโอซูแจเองก็ตามสืบเรื่องนี้อย่างเงียบ ๆ จนได้รู้อะไรบางอย่าง
ความจริง
โอซูแจเดือดดาลเข้าไปหา ผอ.แบค (อาจารย์สอนกฎหมายของเธอตั้งแต่สมัยเรียน) ตวาดด้วยความโกรธให้เขาเล่าความจริงทุกอย่างมาเดี๋ยวนี้ ผอ.แบคจึงพาโอซูแจไปยังสถานพักฟื้นเพื่อไปเจอกับคังอึนซอ (ลูกสาวของ ผอ.แบค ชื่อเดียวกับภรรยาของชเวจูวาน) และได้เล่าความจริงทั้งหมดให้เธอฟัง …
เมื่อสิบปีก่อน คังอึนซอไปเที่ยวคลับกับเพื่อน ๆ ตามประสาวัยรุ่น วันนั้นเธอโดนวางยาและถูกล่วงละเมิดทางเพศ เมื่อรู้สึกตัวเธอได้วิ่งออกมาจากบ้านที่เกิดเหตุ และได้มาเจอกับจอนนาจอง เธอจึงขอยืมโทรศัพท์ จังหวะเดียวกันนั้น ฮันดงโอ อีชีฮยอก (ลูกของ ส.ส. ตัวเก็งประธานาธิบดี) และชเวจูวาน (ลูกของประธานชเวแทกุก) ก็ตามมาทันพอดี คังอึนซอจึงรีบวิ่งหนีด้วยความตกใจทำให้ถูกรถชน ส่วนจอนนาจองที่เห็นเหตุการณ์ก็ถูกฆ่าตาย …
คิมดงกูออกมาตามหาน้องสาว แต่กลับพบน้องอยู่ในสภาพร่างไร้วิญญาณ และโดนจัดฉากใส่ร้ายว่าเป็นฆาตกร ส่วนคนร้ายตัวจริงคือลูกชายทั้งสามคนของผู้มีอำนาจ
โอซูแจโกรธมากที่ ผอ.แบคปิดบังความจริงทั้งหมดไว้ “คุณปิดบังฉันมาเป็นสิบปีได้ยังไง ตลอดเวลาฉันต้องทำทุกอย่างเพื่อให้หายรู้สึกผิด คุณใช้ชีวิตอยู่โดยการเอาใจพ่อของลูกสามคนนั้นได้ยังไง คนที่ทำร้ายลูกสาวของคุณ !”
ผอ.แบคได้แต่ก้มหน้ารับฟังคำต่อว่าด่าทอของโอซูแจ แต่แท้จริงแล้วเขากำลังเตรียมแผนแก้แค้น แผนที่เตรียมเอาไว้นานนับสิบปี รอเพียงจังหวะเวลาเหมาะสมที่จะลงมือเท่านั้น
คืนนั้น ชเวยุนซัง (รับบทโดย แบอินฮยอก) ลูกชายคนเล็กของประธานชเวแทกุก และเป็นนักศึกษาในคลาสของโอซูแจที่มหาวิทยาลัยซอจอง … จริง ๆ แล้วชเวยุนซังชอบโอซูแจ ทำให้เขาอิจฉากงชานมาตลอด ตอนนี้เขาจึงวางแผนบางอย่าง
ชเวยุนซังโทร. ไปหาโอซูแจเพื่อให้เธอได้ฟังบทสนทนาที่เขากำลังพูดอยู่กับกงชาน ชเวยุนซังบอกกับกงชานว่า ในตอนนั้นโอซูแจเลือกที่จะปล่อยผ่านคดีเพื่อแลกกับอิสรภาพของแม่และพี่ชายที่ถูกจับในคดีฉ้อโกง แต่กงชานกลับไม่สนใจ “ผมไม่สนใจหรอก ถ้าอาจารย์ (โอซูแจ) จะทิ้งผมเพื่อช่วยครอบครัว มันเป็นสิ่งที่ถูกแล้ว เป็นผมก็ทำแบบนั้นเหมือนกัน … รู้มั้ย ในเวลาที่คนทั้งโลกคิดว่าผมเป็นฆาตกร แม้แต่พ่อผมเองก็ยังเชื่ออย่างนั้น มีอาจารย์เพียงคนเดียวที่เชื่อผมและอยู่เคียงข้างผม มันเป็นเหตุผลเดียวที่ผมยังหายใจและมีชีวิตอยู่ต่อไป”
โอซูแจที่ฟังสิ่งที่กงชานพูดผ่านทางโทรศัพท์ก็กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่
EP.13 ลูกสาว
กงชานต้องการให้ความสัมพันธ์ของเขากับโอซูแจกลับไปเป็นเหมือนเดิม ก่อนที่เธอจะรู้ว่าเขาคือคิมดงกู เขาจึงไปบอกกับเธอตรง ๆ ว่า เขาไม่สนใจเลยที่เธอยอมแพ้คดีเพื่อช่วยเหลือครอบครัว และตัวเขาเองก็ผิดเช่นกันที่ปกปิดตัวตนที่แท้จริง
ยิ่งไปกว่านั้น กงชานยังได้รู้ความจริงทั้งหมดจากปากของ ผอ.แบค ตอนนี้เขารู้แล้วว่าคนร้ายตัวจริงที่ฆ่าจองนาจอง และโยนความผิดมาให้เขาคือใคร … กงชานจึงร่วมมือกับโอซูแจ และ ผอ.แบคในการจับคนร้ายตัวจริงมาลงโทษให้ได้
ต่อมา ข่าวทางทีวีรายงานว่า โครงกระดูกที่พบเป็นของจอนนาจอง ด้านประธานชเวแทกุกก็อาศัยจังหวะนี้ ปล่อยข่าวออกไปว่าที่นักโทษโนบยองชอลแขวนคอตาย ก็เป็นเพราะสำนึกผิดหลังจากมีการขุดพบโครงกระดูก
ด้านโอซูแจเองก็วางแผนให้นักศึกษาทำให้สังคมรู้ว่า กงชานคือคิมดงกู ที่ต้องทำเช่นนั้นก็เพื่อความปลอดภัยของกงชาน เพราะเมื่อเขากลายเป็นที่รู้จัก หัวหน้าฮาก็ยากที่จะหาจังหวะสังหารเขาได้โดยง่าย
โอซูแจพยายามเดินเกมจับคนร้ายในคดีจอนนาจองให้ได้โดยเร็วที่สุด เพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของกงชาน ด้าน ผอ.แบคไม่เห็นด้วย เพราะหลักฐานที่มียังไม่เพียงพอ แต่โอซูแจแย้งว่าต้องทำให้เร็วที่สุด เพราะตอนนี้ประธานชเวแทกุกรู้แล้วว่ากงชานคือคิมดงกู
โอซูแจเผชิญหน้ากับประธานชเวแทกุก เธอไล่เรียงไทม์ไลน์ของคดีจอนนาจองออกมาทั้งหมด พร้อมทั้งเอ่ยชื่อคนร้ายทั้งสามคนออกมา … โอซูแจต้องการแก้ไขสิ่งที่เธอเคยทำผิดพลาดในอดีตเมื่อสิบปีก่อน แต่ …
แต่ประธานชเวแทกุกยิ้มเยาะใส่หน้าโอซูแจ มันเป็นรอยยิ้มของผู้ที่รู้สึกว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่า ก่อนจะบอกว่า แท้จริงแล้วหนูน้อยแจอีคือลูกสาวของเธอกับชเวจูวาน …
แจอีคือฮานึล ลูกสาวที่โอซูแจเข้าใจมาตลอดว่าเสียชีวิตไปแล้วระหว่างคลอดที่อเมริกา !
EP.14 หัวใจที่แตกสลาย
ซูแจรู้วิธีรับมือกับเรื่องต่าง ๆ ของแทกุกดี แต่เมื่อเธอรู้ว่าเขาทำอะไรกับลูกสาวเธอ เธอก็ไปไม่เป็น หลังจากนั้น เธอก็รวบรวมสติและเตรียมตัวสำหรับสิ่งที่จะตามมา ในขณะเดียวกัน ซูแจก็ไม่สามารถสลัดความรู้สึกคุ้นเคยระหว่างเธอกับแจอีไปได้ …
โอซูแจถึงกับหูดับและสายตาพร่ามัวขึ้นมาทันเมื่อรู้ว่า แจอีคือลูกของเธอ ตรงกันข้ามกับในห้วงความคิดที่หวนนึกถึงช่วงเวลาที่เธอได้อยู่กับแจอี เสียงเรียก “คุณป้า” ที่ออกจากปากแจดีดังก้องไม่หยุด
แล้วโอซูแจก็สะดุ้งตื่นจากอาการเหม่อลอย เมื่อประธานชเวแทกุกเอาเอกสารการตรวจ DNA ที่ยืนยันการเป็นแม่ลูกของเธอกับแจอีมาวางตรงหน้า เขายื่นข้อเสนอให้หยุดขุดคุ้ยคดีจอนนาจอง และแต่งงานกับชเวจูวานซะ แต่โอซูแจปฏิเสธ “น่าขยะแขยง ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าฉันจะเกลียดใครได้มากขนาดนี้”
ต่อมา โอซูแจเอาเส้นผมและแปรงสีฟันของแจอีไปตรวจ DNA อีกครั้ง ซึ่งผลออกมายืนยันว่าทั้งสองเป็นแม่ลูกกันจริง ๆ
หลังจากมั่นใจแล้วว่าแจอีคือลูกของเธอจริง ๆ โอซูแจจึงร่างเงื่อนไขสัญญาขึ้นมาให้ประธานชเวแทกุกเซ็นยินยอม 1) เธอจะไม่แต่งงานกับชเวจูวาน 2) เธอจะยอมรับแจอีเป็นลูก และขอเป็นผู้ได้รับสิทธิ์ในการเลี้ยงดูแจอีแต่เพียงผู้เดียว 3) ชเวแทกุกต้องลงจากตำแหน่งประธาน และห้ามเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในการบริหารอีก และ 4) ตั้งให้เธอขึ้นเป็นประธานหุ้นส่วน … โดยเงื่อนไขที่กล่าวมานี้เพื่อแลกกับการที่เธอจะเก็บเรื่องชาติกำเนิดของแจอีเป็นความลับ
ไม่เท่านั้น โอซูแจยังเผยผลตรวจ DNA ที่ระบุว่าเด็กในท้องของพัคโซยองเป็นลูกของประธานชเวแทกุก (หลังจากเขาหลอกใช้พัคโซยองให้ไปสร้างเรื่องอื้อฉาวกับ ส.ส.อันคังวอน เขาก็สั่งคนให้ผลักเธอตกตึกลงมาตายอย่างโหดเหี้ยม)
วันถัดมา ขณะที่กำลังขับรถไปที่ร้านของกงชาน มีโทรศัพท์ด่วนจากคังซึงยอนเข้ามาที่มือถือของโอซูแจ แจ้งข่าวว่าแจอีหายตัวไป โอซูแจจึงรีบขับรถตามไปอย่างร้อนใจ
เมื่อไปถึง โอซูแจรีบออกเดินหาแจอีไปทั่ว ในที่สุดเธอก็พบหนูน้อยแจอีนั่งร้องไห้เด็ดดอกไม้อยู่เพียงลำพัง เพราะน้อยใจที่แม่ของเธอ (คังซึงยอน) จะไปอเมริกาโดยจะทิ้งเธออยู่ที่เกาหลีเพียงคนเดียว โอซูแจจึงพูดปลอบให้แจอีรู้สึกดีขึ้น … จังหวะนั้นเอง ชเวจูวานกับคังซึงยอนก็ตะโกนเรียกหาแจอีอยู่อีกฟากหนึ่งของถนน โอซูแจเองก็ไม่ได้คิดอะไร ปล่อยให้หนูน้อยแจอีเดินหันซ้ายหันขวาไปถึงบริเวณทางม้าลาย เพื่อจะข้ามถนนไปหาพ่อแม่ที่อยู่อีกฟากหนึ่ง แล้วสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดมันก็เกิด หนูน้อยแจอีวิ่งพรวดข้ามถนนไปในจังหวะที่มีรถวิ่งผ่านมาด้วยความเร็ว …
ร่างของแจอีกระเด็นลงไปนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น ดอกไม้ในมือของเธอที่ตั้งใจจะเด็ดเอาไปให้แม่ร่วงไปทั่วพื้นถนน ทุกคนช็อก … แม้จะนำส่งโรงพยาบาลได้อย่างรวดเร็ว แต่อาการของแจอีก็หนักเกินกว่าที่แพทย์จะยื้อชีวิตของเธอเอาไว้ !!!
แม่คนไหนกันเล่าที่จะต้องเสียใจกับการจากไปของลูกสาวตัวน้อยถึงสองครั้ง โอซูแจเข้าไปในห้องผ่าตัด เธอมองดูร่างที่ไร้ลมหายใจของแจอี ก่อนที่จะเข้าไปสวมกอดเธอทั้งน้ำตา หัวใจของแม่แตกสลายเป็นครั้งที่สอง
EP.15 ตกที่นั่งลำบาก
โอซูแจร้องไห้เสียใจจนหมดสติไป ขณะนอนกอดศพของลูกสาวตัวน้อยในอ้อมกอด … เวลานั้น กงชานก็ได้รู้ว่าหนูน้อยแจอีคือลูกสาวของโอซูแจ
ในงานศพของหนูน้อยแจอี ชเวจูวานโทษโอซูแจว่าเป็นคนปล่อยให้ลูกตาย “เธอนั่นแหละที่ทำให้แจอีต้องตาย เธอฆ่าลูกตัวเอง” เสียงตวาดลั่นของชเวจูวานดังไปทั่วงาน ในขณะที่โอซูแจได้แต่นิ่งเงียบไม่ตอบโต้อะไรทั้งนั้น …
โอซูแจค่อย ๆ เดินที่โลงที่บรรจุร่างที่ไร้วิญญาณของหนูน้อยแจอี น้ำตาหลั่งไหล่ออกมาไม่หยุดแทบจะกลายเป็นสายเลือด แต่ในใจของเธอนั้นพยายามควบคุมสติเรียบเรียงคำพูด เพื่อบอกลาลูกสาวตัวน้อยเป็นครั้งสุดท้าย “แม่เสียใจจนพูดไม่ออกเลยจริง ๆ แม่ขอโทษที่แม่จำฮานึลของแม่ไม่ได้เลย ลาก่อนนะ ฮานึลลูกรักของแม่”
กงชานขับรถพาโอซูแจที่หัวใจแตกสลายกลับไปนอนพักที่บ้าน แต่ในคืนนั้นเธอไม่ได้นอนเลยทั้งคืน เธอเขียนจดหมายด้วยลายมือถึงกงชาน “ฉันตะเกียกตะกายเพื่อจะได้ขึ้นไปอยู่บนจุดที่สูงที่สุด แล้วฉันก็ได้ขึ้นไปที่จุดนั้น แต่ปรากฏว่ามันไม่มีอะไรเลย การหายใจเพื่อใช้ชีวิตต่อไปมันจะมีความหมายอะไรอีกนะ … ฉันทำลายชีวิตของนาย และชีวิตตัวเอง แถมตอนนี้ยังต้องเสียลูกไปอีก การที่ฉันยังหายใจอยู่แบบนี้มันเป็นเรื่องที่น่าละอายจริง ๆ ฉันจะปล่อยวางชีวิตทั้งหมดไปได้หรือเปล่านะ ?“
ช่วงสาย ๆ กงชานกลับมาบ้านไม่เจอโอซูแจแล้ว เจอเพียงจดหมายที่ทิ้งเอาไว้ ซึ่งเมื่อเปิดอ่านก็รู้ได้ทันทีว่ามันคือจดหมายลาตาย เขาจึงรีบออกตามหาเธอในทันที
กงชานออกตามหาโอซูแจหลายที่ สุดท้ายเขาก็เจอเธอก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป … โอซูแจกำลังจบชีวิตตัวเองด้วยการเดินลงไปสู่ท้องทะเลอันเวิ้งว้าง แต่กงชานก็ช่วยเธอเอาไว้ เขาโอบกอดเธอ ปลอบประโลมเธอด้วยความรัก ความรักที่ช่วยประสานหัวใจที่แตกสลาย
ในระหว่างที่ทุกอย่างกำลังเข้าทาง ประธานชเวแทกุกจึงเดินเกมรุกฆาตทันที 1) เดินเกมให้เนติบัณฑิตยสภาตั้งคณะกรรมการสอบวินัยโอซูแจ โดยตั้งธงเอาไว้ให้ได้รับโทษขั้นรุนแรง คือ เพิกถอนใบอนุญาตถาวร 2) เดินเกมทำลาย ผอ.แบคด้วยข้อหารับสินบน 200 ล้านวอน ระหว่างที่กำลังเขากระบวนการสอบสวนก่อนขึ้นรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
“วิธีจัดการกับหมาบ้าไม่มีวิธีอื่น นอกจากตัดขาแล้วโยนมันทิ้งซะ” มันคือวิธีที่ประธานชเวแทกุกใช้จัดการกับหมาบ้าโอซูแจ !
อย่างไรก็ตาม แม้แผนที่ดีที่สุดก็ย่อมมีวันผิดพลาด ในคืนนั้น ประธานชเวแทกุกไปพบกับหัวหน้าฮาที่เพิ่งสูญเสียลูกชายที่ป่วยเรื้อรังไป เขากล่าวกับผู้เสมือนเป็นมือขวาของเขาว่า ถ้าเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นมา ขอให้หัวหน้าฮาเป็นคนรับผิดทุกอย่างเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว หัวหน้าฮารับปาก … แต่หลังจากประธานชเวแทกุกไปแล้ว หัวหน้าฮาก็กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่
ที่เนติบัณฑิตยสภากรุงโซล การสอบสวนทางวินัยโอซูแจได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว โดยโอซูแจขอให้เปิดการสอบสวนนี้เป็นสาธารณะ โดยจะมีนักข่าวเข้ามาในห้องสอบสวน และมีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ … วันแรกผ่านไป สถานการณ์ของโอซูแจกำลังตกที่นั่งลำบาก ในเรื่องที่เธอทำผิดวิชาชีพในอดีตที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการแอบตรวจ DNA โดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม การข่มขู่พัคโซยองให้ไปตาย ทั้งที่เธอมีภาวะอ่อนไหวทางอารมณ์ หรือแม้แต่การปิดบังเรื่องความสัมพันธ์กับ ส.ส.อัน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียใจคดีนี้โดยตรง … โอซูแจแก้ลำด้วยการขอเลื่อนการสอบสวนออกไป
วันรุ่งขึ้น โอซูแจมีสีหน้าที่มั่นใจมากกว่าเมื่อวาน ระหว่างที่กำลังโดนไล่ต้อน เธอก็เผยหลักฐานเด็ดออกมา ภาพพัคโซยองกำลังควงแขนอยู่กับประธานชเวแทกุก … โอซูแจกล่าวขณะที่การสอบสวนกำลังถ่ายทอดสด คน “คนที่ทำให้พัคโซยองต้องตายคือประธานสำนักงานกฎหมายทีเค”
ประธานชเวแทกุกที่กำลังนั่งดูถ่ายทอดสดอยู่ที่ออฟฟิศถึงกับตกตะลึง !!!
EP.16 ตอนจบ
ประธานชเวแทกุกมีห้องลับที่เอาไว้เก็บหลักฐานทุกอย่าง หลักฐานที่เอาไว้ใช้เล่นงานทุกคน ห้องที่ไม่มีใครเข้ามาได้ ว่าที่จริงไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่ามันมีห้องนี้อยู่ ยกเว้นคนเดียว คือ ชเวยุนซัง ลูกชายคนเล็กของประธานชเวแทกุก ผู้ที่หลงรักโอซูแจมาตลอด
ชเวยุนซังแอบขโมยคลิปเสียงในห้องลับออกมาให้กับโอซูแจ คลิปเสียงที่ใช้เอาผิดพ่อของตัวเอง และเมื่อเขามอบคลิปเสียงนั้นให้ มันเป็นครั้งแรกที่โอซูแจเข้าไปสวมกอดเขาด้วยความเต็มใจ !
ไม่เท่านั้น โอซูแจยังสามารถเกลี้ยกล่อมหัวหน้าฮา ลูกน้องคนสนิทของประธานชเวแทกุกให้รู้สึกสำนึก ออกมายอมรับผิด และซัดทอดความผิดไปถึงประธานชเวแทกุก แต่ …
แต่ที่น่าตกตะลึงยิ่งกว่าคือ หัวหน้าฮาได้แอบซ่อนกล้องเอาไว้ในเสื้อ เพื่อบันทึกเหตุการณ์การตายของจอนนาจองเอาไว้ และคลิปที่ประธานชเวแทกุกผลักพัคโซยองตกตึก หัวหน้าฮาก็มีเก็บเอาไว้ด้วย ซึ่งตอนนี้มันไปอยู่ในมือของโอซูแจทั้งหมดแล้ว !
ณ ห้องสอบสวนของเนติบัณฑิตยสภากรุงโซล ที่กำลังถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศ โอซูแจได้เปิดหลักฐานการทำความผิดของประธานชเวแทกุก โดยได้หัวหน้าฮามาเป็นพยานให้ … ความจริงถูกเปิดเผยออกมาทั้งหมด พัคโซยองโดนประธานชเวแทกุกผลักตกลงมาจากดาดฟ้าตึก เพราะเธอเรียกร้องเงิน 5 พันล้านวอน เพื่อเอาไปทำแท้งและจะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่มที่ต่างประเทศ … ส่วนการตายของจอนนาจองก็เป็นการลงมือของประธานชเวแทกุก โดยหัวหน้าฮามีคลิปที่บันทึกเหตุการณ์เอาไว้ทั้งหมด แม้ว่าเหตุการณ์จะผ่านมานานนับสิบปีแล้วก็ตาม
ระหว่างนั้น ทุกคนที่เคยทำความผิดต่างพากันยอมรับผิดกับสิ่งที่ตัวเองก่อเอาไว้แล้วทั้งสิ้น อย่างเช่น ผอ.แบคขอให้ศาลตัดสินลงโทษตัวเองในข้อหารับสินบน 200 ล้านวอน โดยไม่เอาความดีความชอบที่เขาเคยทำเอาไว้มาลดหย่อนผ่อนโทษอีกด้วย
หัวใจที่แตกสลายของโอซูแจเริ่มดีขึ้นเมื่อได้กงชานอยู่เคียงข้าง ในคืนนั้นเองระหว่างที่ทั้งสองกำลังนั่งดื่มโซจูกัน เสียงเรียกเข้าของโอซูแจที่สายต้นทางคือประธานชเวแทกุกก็ดังขึ้น น้ำเสียงของเขายังคงแข็งกร้าวแต่ฟังดูก็รู้ว่าเป็นเสียงของคนเมา “ถ้าฉันไม่ได้รับเธอเข้ามาทำงานมันจะเป็นยังไงนะ แล้วถ้าฉันยอมรับเธอเป็นลูกสะใภ้มันจะเป็นยังไงนะ จะทำให้อะไรเปลี่ยนไปหรือเปล่า ? ซูแจ ฉันทุ่มสุดตัวมาตลอด มันทำให้ฉันมาไกลได้ขนาดนี้ …”
เสียงของประธานชเวแทกุกขาดหายไป โทรศัพท์ในมือของเขาล่วงจากมือหล่นกระแทกพื้น โอซูแจจึงรีบโทร. แจ้งหน่วยฉุกเฉินทันที แต่มันก็สายไปเสียแล้ว … ประธานชเวแทกุกกินยานอนหลับหมดกระปุกกับเซจู เขาตั้งใจที่จะจบชีวิตตัวเองไปแบบนั้น เพราะในวันรุ่งขึ้นเขาจะถูกตำรวจจับ และถูกนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วน TK Law Firm ที่เขาสร้างมากับมือ จนกลายเป็นสำนักงานกฎหมายอันดับหนึ่งของประเทศ ณ ตอนนี้มันได้พังทลายลง ความยิ่งใหญ่ของมันกลายเป็นอดีตไปแล้ว
6 เดือนต่อมา …
โอซูแจเปิดสำนักงานกฎหมายเป็นของตัวเอง และยังคงเป็นอาจารย์สอนกฎหมายที่มหาวิทยาลัยต่อไป โดยมีกงชานอยู่เคียงข้าง
วันหนึ่งหลังจบคลาส ฝนเทลงมาอย่างหนัก โอซูแจเตรียมที่จะวิ่งฝ่าฝนไปเพียงลำพัง ทันใดนั้นเอง กงชานก็ปรากฏกายขึ้นพร้อมกับร่มในมือ แล้วทั้งสองก็กางร่มเดินเคียงคู่กันไปด้วยรอยยิ้มอันเปี่ยมสุข
จบบริบูรณ์
Source : SBS Korea