Skip to content
สรุปเนื้อเรื่องซีรีส์ The Good Bad Mother (2023) แม่ดี แม่ร้าย

สรุปเนื้อเรื่องซีรีส์ The Good Bad Mother (2023) แม่ดี แม่ร้าย

The Good Bad Mother สปอยล์ : หลังจากอุบัติเหตุสุดสลด อัยการหนุ่มก็กลายเป็นเด็กในร่างผู้ใหญ่ ทำให้เขาและแม่ต้องแสวงหาหนทางที่จะเยียวยาความสัมพันธ์ …

EP.1 มันเป็นความผิดของใคร ?

เรื่องราวเริ่มต้นในปี 1986 ในหมู่บ้านแถบชนบทแห่งหนึ่งของเกาหลีใต้ จินยองซุน (รับบทโดย รามีรัน) สาวชาวบ้านที่เป็นพนักงานขายอาหารสัตว์ ได้แต่งงานกับชเวแฮชิก (รับบทโดย โจจินอุง) หนุ่มคนรักเจ้าของฟาร์มหมู ทั้งสองใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุข ณ บ้านฟาร์มหมูของแฮชิก

กระทั่งยองซุนตั้งท้อง ทั้งสองต้องเจอกับอุปสรรคครั้งสำคัญในชีวิต เมื่อรัฐบาลมีโครงการปรับปรุงพื้นที่เพื่อเตรียมตัวเป็นเจ้าภาพโอลิมปิก 1988 และกลายเป็นว่า ฟาร์มหมูของเขาอยู่บนเส้นทางวิ่งมาราธอน ทำให้บริษัทรับเหมาก่อสร้างเข้ามาเจรจาเพื่อขอเวนคืนที่ดิน แต่แฮชิกไม่ยอม เขารักและหวงแหนฟาร์มหมูของเขาเป็นอย่างมาก เพราะเป็นมรดกตกทอดที่สืบทอดต่อมาจากคุณปู่

ทีนี้ เมื่อเจรจาดี ๆ ไม่ได้ ทางบริษัทรับเหมาก่อสร้างจึงส่งคนมาวางเพลิง ฟาร์มหมูของแฮชิกวอดวายไปพร้อมกับหมูที่ตายยกเล้า

แฮชิกลุกขึ้นสู้ เอาเรื่องไปฟ้องศาลเพื่อดำเนินคดีเอาผิดบริษัทรับเหมาก่อสร้าง จนเมื่อมีการพิจารณาคดีสิ้นสุดลง ศาลยกฟ้องจำเลยในคดีลอบวางเพลิง เนื่องจากหลักฐานไม่เพียงพอ

อย่างไรก็ตาม แฮชิกสู้ไม่ถอย เขาเดินเรื่องหาหลักฐานด้วยตัวเอง จนทำให้พบหลักฐานที่ชี้ให้เห็นว่า มีการลอบวางเพลิงหลายเคส ในพื้นที่ที่มีการขอเวนคืนที่ดินแต่เจ้าของปฏิเสธ แฮชิกนำหลักฐานไปมอบให้กับอัยการ เพื่อขอให้มีการพิจารณาคดีใหม่ อีกทั้งเขาได้ติดต่อนักข่าวเพื่อแฉเรื่องที่เกิดขึ้น

แต่มีสิ่งหนึ่งที่แฮชิกไม่รู้ อัยการเป็นพวกเดียวกับบริษัทรับเหมาก่อสร้าง เพียงแค่แฮชิกเดินออกไปจากห้อง อัยการก็โทร. ไปแจ้งกับซงอูบยอก (รับบทโดย ชเวมูซอง) ประธานบริษัทรับเหมาก่อสร้างทันทีว่า แฮชิกมีหลักฐานสำคัญที่สามารถทำให้เรื่องบานปลายได้

ระหว่างทางกลับบ้าน แฮชิกโดนอูบยองและลูกน้องฆาตกรรม แล้วจัดฉากให้เป็นการฆ่าตัวตาย !

นับตั้งแต่วินาทีแรกที่ยองซุนรู้ข่าวการตายของสามี เธอไม่เคยเชื่อเลยว่าสามีจะฆ่าตัวตาย หลังจากจัดแจงงานศพ เธอจึงรีบเอาความสงสัยที่มีไปแจ้งกับอัยการเพื่อร้องขอความเป็นธรรมทันที แต่สิ่งที่เธอได้ยินจากปากอัยการก็คือ “วันนั้นเขามาหาผมในสภาพเมามาย แล้วก็บ่นว่าอยากตาย” ทนายความตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จออกไปอย่างเนียนสนิท เนียนจนชนิดที่ยองซุนไม่สงสัยเลยแม้แต่นิดเดียวว่า อัยการชั่วคนนี้เพิ่งได้รับเงินก้อนโตจากประธานบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ฆาตกรที่เพิ่งฆ่าสามีเธอไป ยองซุนไม่รู้เลยจริง ๆ !

ชีวิตใหม่ที่หมู่บ้านโจอูรี

หลังจากได้รับความไม่เป็นธรรม เสียสามี เสียฟาร์มหมู เสียทุกอย่าง แต่ยองซุนยังเหลืออยู่สามสิ่งในชีวิตที่ทำให้เธอตัดสินใจใช้ชีวิตต่อไป หนึ่งคือลูกในท้องที่ใกล้คลอด สองคือแม่หมูที่กำลังท้องเช่นกัน สามคือเงินก้อนหนึ่งในบัญชีที่สามีทิ้งไว้ให้

ยองซุนได้ติดต่อซื้อฟาร์มร้างแห่งหนึ่งที่หมู่บ้านโจอูรี และสร้างฟาร์มหมูขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ในตอนแรกชาวบ้านแถวนั้นไม่พอใจที่เธอมาทำฟาร์มหมู เพราะสกปรกและส่งกลิ่นเหม็น แต่หลังจากมีปากมีเสียงกันสักพักหนึ่ง ชาวบ้านก็ยอมอ่อนข้อให้เพราะเห็นว่ายองซุนกำลังท้อง

เรื่องราวดำเนินไปจนถึงวันคลอด มีเด็กสองคนในหมู่บ้านเกิดพร้อมกันพอดีอย่างไม่น่าเชื่อ หนึ่งคือเด็กชาย ชเวคังโฮ (รับบทโดย อีโดฮยอน) ลูกชายของยอนซุน อีกคนหนึ่งคือเด็กหญิง อีมีจู (รับบทโดย อันอึนจิน)

เด็กชายคังโฮ

ตัดภาพที่เด็กชายคังโฮที่กำลังเรียนอยู่ชั้น ป.4 เขาดูไม่เหมือนเด็กทั่วไปเลยแม้แต่นิดเดียว ที่บ้านเขาต้องใช้ชีวิตกับแม่ที่เข้มงวด ชีวิตของเขามีเพียงแต่อ่านหนังสือ ทำแบบทดสอบ ทำทุกอย่างเพื่อให้เขาเรียนเก่งที่สุดเพื่อจะได้เป็นอัยการ … ที่โรงเรียน คังโฮก็โดนเพื่อนล้อที่ตัวเหม็นอย่างกับอึหมู แต่เขาไม่เคยโต้เถียงหรือต่อปากต่อคำกลับเลยแม้แต่คำเดียว

วันหนึ่ง คังโฮฟ้องแม่เรื่องที่เขาถูกเพื่อนแกล้ง และล้อว่าตัวเหม็นอย่างกับอึหมู แต่คำตอบที่เขาได้รับคือ “ใครจะด่าก็ปล่อยให้ด่าไป พอเรียนเก่งจนสอบเป็นอัยการได้ วันนั้นจะไม่มีใครรังแกแกได้อีก” เมื่อพูดจบก็ไล่ให้เขาไปกินข้าว แล้วก็ย้ำว่าอย่ากินจนอิ่มเพราะจะทำให้ง่วงจนอ่านหนังสือไม่ได้

อย่างไรก็ตาม แม้คังโฮจะทำตามที่แม่บอกทุกอย่าง แต่ในใจของเขาที่รู้สึกมาตลอดคือ “แม่ร้าย”

หนุ่มคังโฮ สาวมีจู

วันนี้ มีจูในวัยมัธยมปลายถือกล่องคิมบับมาให้พ่อหนุ่มสุดหล่อคังโฮเพื่อฉลองวันเกิด วันเกิดของทั้งคู่ และวันนั้น มีจูก็สารภาพว่าเธอชอบเขา และขอเป็นแฟนกับเขา

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับคิมบับคือ คังโฮกินไปแค่นิดเดียว มีจูถึงกับออกปากถามด้วยความสงสัยว่าทำไมเขากินแค่นั้น คำตอบคือ “ฉันกินอิ่มไม่ได้ ถ้ากินอิ่มแล้วจะง่วง ถ้าง่วงแล้วจะอ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง ถ้าอ่านหนังสือไม่รู้เรื่องก็จะสอบเป็นอัยการไม่ได้”

เรื่องราวดำเนินไปจนถึงวันสอบเข้ามหาวิทยาลัย 2007 (ซูนึง หรือ CSAT) มีจูมาให้กำลังใจคังโฮอยู่หน้าสนามสอบ ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี แล้วจู่ ๆ ก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น มีจูเกิดอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์พุ่งเข้าชน สิ่งที่คังโฮเลือกทำก็คือ เขาทิ้งการสอบที่จัดขึ้นปีละครั้งเพื่อไปดูอาการมีจูที่โรงพยาบาล

ทางออกทางเดียว

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความไม่พอใจให้กับยอนซุนเป็นอย่างมาก ที่คังโฮเลือกทิ้งอนาคตของตัวเองเพื่อผู้หญิงแค่คนเดียว “ทำไมแกต้องทำชีวิตพังเพราะผู้หญิงเพียงคนเดียวด้วย”

แต่คำตอบที่ออกจากปากคังโฮกลับเป็นคำตอบที่ยองซุนไม่คาดคิดว่าจะได้ยิน “ชีวิตของผมที่ไหน มันเป็นชีวิตของแม่ต่างหาก มันเป็นความผิดของผมที่ไหนกันล่ะที่พ่อต้องมาตายอย่างไม่เป็นธรรม”

ยองซุนวาดฝ่ามือตบไปที่หน้าลูกชายอย่างแรง ก่อนจะยิงคำถามที่คังโฮถึงกับอึ้ง “นั่นสิ แล้วมันเป็นความผิดของใคร ? พ่อแกต้องมาตายอย่างนั้นเพราะอะไร ?” ก่อนยองซุนจะยืนยันคำเดิม ทางเดิมที่คังโฮจะออกไปจากสิ่งที่เป็นอยู่นี้ได้ คือ ต้องเป็นอัยการให้ได้ “อัยการคือทางเดียวที่แกจะหนีไปให้พ้นจากกลิ่นอึหมูเน่า ๆ ในเล้า กับแม่ร้ายคนนี้” !

หลายปีต่อมา … คังโฮได้เป็นอัยการตามที่ตั้งใจ แต่ที่น่าตกใจก็คือ เขาเป็นอัยการที่ทำคดีของบริษัทรับเหมาก่อสร้างของอูบยอก และดูเหมือนว่าเขากำลังเป็นสุนัขรับใช้ให้กับอูบยอก คนที่ฆ่าพ่อของเขา !?

EP.2 ข้าวของแม่

ปัจจุบัน … คังโฮเดินทางไปหาอูบยอก ทั้งสองพูดคุยกันอย่างสนิทสนม เขาใช้อำนาจของอัยการเคลียร์ปัญหาทางด้านกฎหมายให้กับอูบยอกเป็นอย่างดี ดีขนาดที่อูบยอกออกปากขอเขาเป็นลูกบุญธรรม

แม้ตอนแรกคังโฮจะออกอาการตกใจ แต่เขาก็ตกปากรับคำเรียกอูบยอกว่า “พ่อ” โดยที่ไม่รู้เลยว่า คนที่เขาเรียกว่าพ่อคนนี้ เป็นคนที่ฆ่าพ่อแท้ ๆ ของเขา !

ณ หมู่บ้านโจอูรี ยองซุนกำลังทำอาหารจำนวนมากเพื่อเอาไปฝากคังโฮในวันเกิด เมื่อทำเสร็จก็จัดแจงขับรถขนหมูไปหาลูกชายที่คอนโดหรูใจกลางกรุงโซล แต่ทว่าเมื่อมาถึง คังโฮกลับแจ้ง รปภ. ให้บอกแม่ว่าเขาไม่อยู่ ยองซุนจึงหยิบเอาอาหารฝากไว้กับลุงยามแล้วกลับไปด้วยความผิดหวัง

แม่ที่ตั้งใจทำอาหารตั้งแต่เช้า แล้วขับรถเอามาให้ลูกตอนกลางคืน แม่ที่อยากให้ลูกได้กินของดี ๆ แต่ตัวเองกินขนมช็อกโกพายรองท้องขณะขับรถกลับบ้าน

เลือดเย็น

ระหว่างนั้น คังโฮกำลังเตรียมแผนการเพื่อกรุยทางให้ตัวเองก้าวขึ้นเป็นใหญ่ เพื่อจะหนีชาติกำเนิดของตัวเองไปสุดกู่ เขาเข้าหาฮายอง และไม่นานทั้งสองก็ตกลงคบหากันอย่างจริงจัง

ฮายองเป็นลูกสาวของ ส.ส.โอแทซู ผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่มีคะแนนนิยมนำมาเป็นอันดับหนึ่ง ที่สำคัญยังเป็นอัยการที่มีส่วนทำให้พ่อของเขาตาย !

อย่างไรก็ตาม ส.ส.โอแทซูไม่ถูกชะตากับคังโฮตั้งแต่แรกเห็น และขู่ให้เขาเลิกกับฮายอง

ทีนี้ เมื่อโดนขัดขวาง คังโฮจึงไปขุดเอาเรื่องฉาวที่ ส.ส.โอแทซูเคยมีความสัมพันธ์กับเลขาส่วนตัว จนเธอตั้งท้อง แต่ด้วยความกลัวเลขาสาวจึงชิงลาออก โดยไม่บอกเรื่องนี้กับใคร

คังโฮมีหลักฐานดีเอ็นเออยู่ในมือ เขาเอาเรื่องนี้ไปบอกกับอูบยอก เพื่อเป็นหลักประกันว่า เมื่อ ส.ส.โอแทซูก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีจะไม่สามารถทำอะไรอูบยอกได้ โดยคังโฮขอให้อูบยอกรับเขาเป็นลูกบุญธรรมที่ถูกต้องตามกฎหมาย

แผนก็คือ คังโฮแต่งงานกับลูกสาว ส.ส.โอแทซู ว่าที่ประธานาธิบดี ซึ่งจะทำให้อูบยอกยิ่งแข็งแกร่ง พูดง่าย ๆ คือ เขาเป็นตัวกลางที่จะปราสานและถ่วงดุลอำนาจทุกฝ่าย วินวินวิน

และเพื่อพิสูจน์ว่าเขาสมควรจะเป็นตัวกลาง คังโฮจึงลวงอดีตเลขาสาวของ ส.ส.โอแทซูพร้อมกับลูกน้อยไปฆ่า โดยจัดฉากว่าเป็นอุบัติเหตุรถจมน้ำ ! มันเป็นการฆ่าที่เลือดเย็น และโหดร้ายกว่าที่อูบยอกเคยทำกับพ่อเขาเสียอีก !

ข้าวของแม่

ตัดภาพมาที่หมู่บ้านโจอูรี … ยองซุนและคนในหมู่บ้านต่างตื่นเต้นที่ได้รู้ว่า คังโฮจะพาฮายองมาเยี่ยม ทุกคนคิดว่าคังโฮจะมาประกาศเรื่องการแต่งงาน ทุกคนเตรียมทำอาหาร แต่งตัวแต่งหน้าทำผมเป็นอย่างดี แต่ …

แต่เมื่อคังโฮมาถึง เขาไม่ได้มาบอกข่าวแม่เรื่องแต่งงาน เขาต้องการเพียงให้แม่เซ็นชื่อยินยอมให้เขาเป็นลูกบุญธรรมของอูบยอก เขามาเพื่อแค่นั้นจริง ๆ …

“ถึงเงินและอำนาจจะสำคัญแค่ไหน แต่ทำไมต้องถึงกับตัดแม่ตัดลูกกันด้วย” ยองซุนเอ่ยปากด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความงุนงง

“มันเป็นสิ่งที่แม่ต้องการมาตลอดไม่ใช่เหรอ !?”

สุดท้าย ยองซุนก็ลงตราประทับให้ เมื่อได้สิ่งที่ต้องการ คังโฮจึงคว้าเอากระดาษและเดินออกไปทันที ยองซุนรีบเดินไปขวางลูกชายที่ประตู “เดี๋ยว ๆ อย่างน้อยก็กินข้าวก่อนค่อยกลับสิ”

แต่คำตอบที่ออกจากปากคังโฮเต็มไปด้วยความเย็นชา แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด “ข้าวที่ผมไม่เคยมีความสุขที่ได้กินตลอดเวลาที่อยู่กับแม่น่ะเหรอ”

ระหว่างขับรถกลับโซล คังโฮรู้สึกอึดอัดและดูเหมือนจะไม่สบาย ฮายองจึงอาสาขับรถแทนให้ ระหว่างทางเธอลดกระจกเพื่อสูดอากาศ ทำให้ลมพัดผ้าพันคอปลิวออกไปหล่นบนพื้นถนน ฮายองจึงจอดรถข้างทาง ตอนนั้นเองสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น รถบรรทุกที่วิ่งมาชนท้ายรถของคังโฮจนตกลงไปที่หน้าผา !

ฮายองกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ

EP.3 เด็กชายวัยเจ็ดขวบ

ยองซุนรีบมาดูอาการลูกชายด้วยความร้อนใจ เธอเข้าไปเห็นคังโฮที่นอนอาการโคม่าก็ร้องไห้โวยวายออกมาด้วยความเสียใจ จนเจ้าหน้าที่ต้องพาตัวออกไปสงบสติอารมณ์

ยองซุนได้รับแจ้งจากหมอเจ้าของไข้ว่า คังโฮมีอาการสมองบวม รวมทั้งกระดูกสันหลังส่วนคอหัก ส่งผลให้ไขสันหลังเสีย นั่นหมายความว่า แม้เขาจะฟื้นขึ้นมาก็ยากที่จะกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ … ถึงใครจะมองว่าเป็นข่าวร้าย แต่ยองซุนมองว่าเป็นข่าวดีที่ลูกชายของเธอยังไม่ตาย

ระหว่างนั้น ความจริงอันน่าตกตะลึงก็เผยออกมา ส.ส.โอแทซูกับฮายอง เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการจัดฉากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น โดยฮายองแอบวางยานอนหลับในน้ำดื่ม เมื่อคังโฮรู้สึกง่วงเธอจึงสลับไปเป็นคนขับแทน จากนั้นเมื่อถึงจุดนัดที่ไม่มีกล้องวงจรปิด ฮายองก็แกล้งทำผ้าพันคอหล่น และขณะที่เธอลงไปเก็บผ้าพันคอ คนขับรถบรรทุกก็บึ่งรถพุ่งเข้าชนรถที่คังโฮนอนหลับไม่ได้สติจนตกถนน

อุบัติเหตุที่สมบูรณ์แบบ ?

อย่างไรก็ตาม อูบยอกรู้ว่าเหตุการณ์นี้ไม่ใช่อุบัติเหตุ เพราะมันเป็นอุบัติเหตุที่สมบูรณ์แบบเกินไป เนื่องจากจุดนั้นไม่มีกล้องวงจรปิด คนขับรถก็หายไป โดยเผารถบรรทุกคันนั้นจนไม่หลงเหลือลายนิ้วมือ แถมยังเป็นรถบรรทุกเถื่อนที่ไม่มีการจดทะเบียนเจ้าของอีกด้วย และที่สำคัญ ฮายองไม่อยู่บนรถขณะเกิดอุบัติเหตุ อูบยอกรู้ดีว่ามันเป็นการจัดฉากโดยฝีมือของ ส.ส.โอแทซู

ด้านฮายอง แม้จะเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับพ่อของเธอในการจัดฉากสังหารคังโฮ แต่เธอก็ยังรู้สึกผิดกับชายที่เธอรัก และเรื่องราวในวันนั้นยังตามหลอกหลอน

ผ่านไปนานนับเดือน คังโฮฟื้นขึ้นมาด้วยอาการที่ไม่เหมือนเดิม หมอเจ้าของไข้แจ้งอาการกับยองซุนว่า ความทรงจำส่วนใหญ่ของคังโฮหายไป ทำให้เขากลับไปเป็นเด็ก 7 ขวบอีกครั้ง

ยองซุนพาลูกชายกลับไปดูแลที่บ้าน โดยได้จัดการปรับปรุงดูแลบ้านเสียใหม่ ทำเล้าหมูให้ทันสมัยเป็นเล้าหมูที่สะอาดและปราศจากกลิ่น … แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ คังโฮที่ป่วยติดเตียงไม่ยอมกินข้าว จนยองซุนได้ยินคำพูด ๆ หนึ่งที่ออกจากปากของลูกชาย “ถ้ากินอิ่มจะง่วง ถ้าง่วงจะอ่านหนังสือไม่ได้”

เมื่อได้ยินประโยคนี้ ภาพในอดีตย้อนกลับเข้ามาในหัวของยองซุน เธอรู้ในทันทีว่าสิ่งที่เธอทำกับลูกชายมาตลอดมันเป็นการสร้างแรงกดดัน แม้เธอจะเชื่อว่ามันเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเขาก็ตาม ยองซุนจึงคิดที่จะแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดในอดีต โดยพยายามทำดีเพื่อลบภาพ ‘แม่ร้าย’ ออกจากหัวของคังโฮทีละนิด ๆ ในที่สุดคังโฮก็ยอมกินข้าว

เวลาผ่านไป คังโฮก็ยังคงเป็นผู้ป่วยติดเตียงที่ทำอะไรด้วยตัวเองไม่ได้ จนวันหนึ่ง ยองซุนได้ไอเดียแปลก ๆ เธอตั้งใจเอาอาหารวางไปโดยไม่ป้อน เธอต้องการให้คังโฮใช้มือตักกินด้วยตัวเอง ผ่านไปหลายวัน จู่ ๆ คังโฮก็สามารถตักช้อนกินข้าวได้ราวปาฏิหาริย์ … ความหิวสามารถทำให้ร่างกายที่เป็นอัมพาตขยับได้อย่างนั้นเหรอ !?

EP.4 เผชิญหน้า

คังโฮที่มีความทรงจำในวัยเจ็ดขวบ กลับมาใช้ร่างกายท่อนบนได้เกือบจะเป็นปกติ แม้ร่างกายท่อนล่างจะยังเป็นอัมพาต แต่เขาก็ใช้วีลแชร์ไปไหนมาได้ โดยเฉพาะการออกไปเล่นกับซอจินและเยจิน สองพี่น้องลูกฝาแฝดชายหญิงของมีจู ที่อายุราว ๆ เจ็ดขวบเช่นเดียวกัน

ทั้งสามเล่นลูกบอลไฟกะพริบอย่างสนุกสนาน แต่ทว่า ด้วยร่างกายที่เป็นผู้ใหญ่ของคังโฮ ทำให้เขาเล่นแรงจนทำลูกบอลกระเด็นกระดอนหายไปไกล หนูน้อยเยจินจึงโวยวายใส่คังโฮเป็นการใหญ่ เพราะลูกบอลลูกนั้นเป็นลูกบอลที่เธออ้างว่าแม่ซื้อมาให้จากอเมริกา

ภาพตัดมาที่มีจู มีจูที่ตอนนี้สีหน้าเต็มไปด้วยความวิตกกังวล หลังจากถูกเพื่อนรุ่นพี่หุ้นส่วนร้านทำเล็บโกงเงินไปจนหมด เงินที่เธอเก็บไว้เพื่ออนาคตของซอจินเยจิน ลูก ๆ ที่ไม่มีพ่อ … ตอนนั้นเองที่เธอหวนกลับไปคิดถึงเรื่องราวในอดีต ตอนที่เธอกับคังโฮใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันที่กรุงโซล ระหว่างที่เขากำลังเตรียมสอบเนติบัณฑิต

ย้อนกลับไปในตอนนั้น หลังจากมีจูเกิดอุบัติเหตุจากมอเตอร์ไซค์จนทำให้คังโฮเสียเวลาสอบไปหนึ่งปีเต็ม ๆ ระหว่างนั้น คังโฮก็มาเตรียมตัวสอบที่กรุงโซล โดยมีจูคอยดูแลทุกอย่างเพื่อให้เขาอ่านหนังสือเตรียมสอบได้อย่างเต็มที่ มีจูเป็นลูกจ้างร้านทำเล็บหาเงิน หาข้าวหาปลา รวมไปถึงทำงานบ้านให้ทุกอย่าง จนในที่สุดคังโฮก็สอบเนติบัณฑิตได้สำเร็จ มีจูเข้าไปจูบคังโฮด้วยความดีใจ ที่ชายคนรักทำตามความฝันได้สำเร็จ

ตัดกลับมาปัจจุบัน … อูบยอกเผชิญหน้ากับ ส.ส.โอแทซูในสถานที่ลับส่วนตัว“ใครจะไปคิดว่าท่าน ส.ส.ผู้ทรงเกียรติจะฆ่าว่าที่ลูกเขยของตัวเองได้ล่ะ”

ส.ส.โอแทซูยิ้มที่มุมปาก ค่อย ๆ รินขวดบรันดีใส่แก้วช้า ๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมาพูดกับอูบยอกว่า เขาจำเป็นต้องฆ่าเพราะคังโฮเข้าหาเขาอย่างน่าสงสัย ที่สำคัญพ่อของคังโฮถูกอูบยอกฆ่าตั้งแต่เขายังไม่ได้ลืมตาดูโลก แต่อูบยอกไม่ตกใจเลยสักนิด เขารู้มาตลอดว่าคังโฮเป็นใคร “คิดเหรอว่าผมจะให้เจ้าเด็กนั่นมาทำงานโดยไม่สืบประวัติ” อูบยอกเพียงอยากใช้ประโยชน์จากความสามารถของคังโฮให้มากที่สุด แล้วค่อยกำจัดทีหลัง

ระหว่างนั้น ยองซุนเดินทางไปเก็บข้าวของที่อพาร์ตเมนต์ของคังโฮที่กรุงโซล รวมถึงไปเก็บของใช้ส่วนตัวที่สำนักงานอัยการ มันทำให้เธอได้รู้ความจริงว่า ลูกชายของเธอไม่ใช่อัยการที่ทำงานเพื่อผดุงความยุติธรรม แต่กลับเป็นอัยการขี้ฉ้อที่ทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง

ยองซุนกลับมาบ้านด้วยความทุกข์ใจ เธอมองไปที่คังโฮ คังโฮที่นั่งอยู่บนวีลแชร์ทำหน้างง ๆ ไร้เดียงสา ยองซุนร้องไห้โวยวายออกมาไม่หยุด คำต่อว่าด่าทอพรั่งพรูออกมา แต่เป็นคำต่อว่าที่เธอว่าตัวเอง

ยองซุนตั้งใจเลี้ยงลูกอย่างเข้มงวด เพื่อหวังให้มีเงินและอำนาจ จะได้ไม่ถูกรังแกเหมือนเธอกับสามี แต่กลายเป็นว่า การเลี้ยงดูที่เข้มงวดกลับสร้างปีศาจร้ายให้เติบโตจนไปรังแกคนอื่นขึ้นมาแทน ยองซุนโผเข้าไปกอดลูกชายด้วยความรู้สึกผิด

บ่ายวันนั้น คังโฮขอแม่ออกไปหาลูกบอล เขาใช้มือปั่นวีลแชร์ออกไปหาลูกบอลเพื่อเอาไปคืนเยจินกับซอจิน แต่หาเท่าไรก็หาไม่เจอ กระทั่งเวลาล่วงไปถึงค่ำมืด ในที่สุด คังโฮก็หาลูกบอลจนเจอ มันไปติดอยู่บนต้นไม้ ด้วยความดีใจ เขารีบปั่นวีลแชร์ไปที่บ้านซอจินเยจินทันที “ซอจินอา เยจินอา ๆ ๆ” อยู่พักใหญ่ แล้วจังหวะนั้นเสียงเปิดกลอนประตูรั้วก็ดังขึ้น …

คนที่ปรากฏขึ้นหลังประตูรั้วคือ มีจู !

EP.5 เรื่องปวดใจในอดีต

มีจูเผชิญหน้ากับคังโฮที่นั่งอยู่บนวีลแชร์ เธออึ้งไปชั่ววินาทีก่อนที่จะรีบปิดประตูแล้วนั่งทรุดลงกับพื้นด้วยความตกใจ ระหว่างนั้นภาพก็ย้อนเหตุการณ์กลับไปในอดีต ตอนที่ทั้งสองกำลังคบกันอย่างหวานชื่น …

มีจูรับผิดชอบทุกอย่าง ทำงานหาเงิน ทำงานบ้าน ทำกับข้าว คือทำทุกอย่างเพื่อให้คังโฮได้มีเวลาอ่านหนังสือเตรียมสอบเนติบัณฑิต แต่เมื่อเขาสอบผ่านจนได้เป็นอัยการตามที่ตั้งใจ เขาก็ขอเลิกกับมีจู โดยให้เหตุผลว่ามีเรื่องบางอย่างที่ต้องทำ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่มีเธออยู่ในแผน !

ไม่มีใครคิดว่าจะถูกบอกเลิกแบบนี้ มีจูก็เช่นกัน เธอรู้สึกเหมือนคนโง่ที่ทำทุกอย่างเพื่อให้คังโฮไปถึงฝั่ง แล้วก็ถูกถีบหัวส่งอย่างไร้ค่า

คืนเดียวกัน คังโฮกลับมาบ้านแล้วรู้สึกปวดใจอย่างประหลาด เขาไม่รู้ว่าทำไมการได้เห็นหน้ามีจูถึงทำให้ปวดใจขนาดนี้ มันมีแต่ความเจ็บปวดที่ไม่มีความทรงจำเหลืออยู่เลย

เรื่องราวดำเนินไป ส.ส.โอแทซู ตัวเต็งที่จะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดี รู้สึกว่าคังโฮอาจเป็นปัญหากับในอนาคตถ้าความทรงจำของเขาฟื้นคืนมา โอแทซูจึงสั่งให้ลูกนอกไปจัดการกับคังโฮซะ

คืนนั้น บุคคลปริศนาแต่งตัวชุดดำสวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า บุกเข้ามาที่บ้านขณะที่คังโฮอยู่เพียงลำพัง จังหวะที่ชายชุดดำกำลังเข้าทำร้ายคังโฮ ทันใดนั้น ลูกน้องของอูบยอกก็ปรากฏตัวขึ้นเพื่อช่วยคังโฮ !?

EP.6 มะเร็งระยะสุดท้าย

ที่แท้แล้ว อูบยอกสั่งให้ลูกน้องมาหาหลักฐานสำคัญบางอย่างกับคังโฮ แต่บังเอิญเป็นจังหวะเดียวกับที่มือสังหารของโอแทซูมาพอดี เมื่อเห็นลูกน้องของอูบยอก มือสังหารจึงรีบหนีไปด้วยความตกใจ

เมื่อยองซุนกลับมาเห็นบ้านเละเทะก็ต่อว่าคังโฮยกใหญ่ แม้ว่าคังโฮพยายามอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่แม่ก็ไม่เชื่อสิ่งที่เขาพูด

วันต่อมา แม่ให้เงินเก็บก้อนหนึ่งกับมีจูเพื่อเอาไปใช้เปิดร้านทำเล็บ มีจูดีใจรีบเข้าเมืองหาเช่าทำเลเปิดร้านทันที อย่างไรก็ตาม การหาพื้นที่เช่าร้านทำเล็บแบบแสตนด์อโลนมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก แต่ก็ให้บังเอิญว่าเธอเจอคุณยายใจดี แนะนำให้มีจูใช้มุมเล็ก ๆ ของร้านขายปุ๋ยเป็นมุมเปิดร้านทำเล็บโดยไม่คิดค่าเช่า

ระหว่างที่มีจูอยู่ในเมือง เธอเกิดทำกระเป๋าสตางค์ตก ยังดีที่คังโฮเห็นพอดี เขาจึงเก็บกระเป๋าสตางค์และเอาไปคืน การได้เจอหน้ากันอีกครั้ง เห็นได้ชัดเจนเลยว่ามีจูมีสีหน้ากระอักกระอ่วนที่ได้เจอคังโฮในสภาพนี้

ทีนี้ นักแต่งเพลงแพคอุนฮา ย้ายกลับมาอยู่ที่หมู่บ้านโจอูรี เขารังเกียจกลิ่นเหม็นขี้หมู แมลง และความสกปรกที่เกิดจากฟาร์มหมูของยองซุน เขาจึงพยายามโน้มน้าวชาวบ้านให้ร่วมกันลงชื่อขับไล่ฟาร์มหมูของยองซุนออกไป

คืนนั้น คังโฮแวะไปหาสองหนูน้อยคู่แฝดที่บ้าน เขาจึงถูกเชิญให้ร่วมกินข้าวด้วย ตอนนั้น มีจูตักแครอทออกจากกิมจิให้คังโฮ เขาสงสัยว่าทำไมถึงรู้ว่าเขาไม่ชอบกินแครอท มีจูจึงเลี่ยงตอบไปว่าเพราะเคยเรียนโรงเรียนเดียวกัน คังโฮจึงยิ้มและตอบกลับไปอย่างไร้เดียงสา “อ๋อ เพราะงี้นี่เอง ผมถึงได้คิดถึงแต่คุณ”

มันเป็นเพียงคำพูดจากปากของชายหนุ่มที่ความทรงจำกลับไปเป็นเด็กเจ็ดขวบ แต่มันกลับสร้างแรงกระเพื่อมให้เกิดขึ้นในใจของมีจูอย่างรุนแรง เธอต้องพยายามควบคุมความรู้สึกและน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา

รุ่งขึ้น ยองซุนเกิดเป็นลมล้มพับไป เมื่อฟื้นขึ้นมาก็ได้รับข่าวร้ายจากปากของหมอเจ้าของไข้ว่า เธอเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารระยะสุดท้าย !

ยองซุนถึงกับเข่าทรุดต่อหน้าหมอ ด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจยอมรับความจริงนี้ได้ เพราะเธอมีลูกชายที่ต้องดูแล

EP.7 โรคระบาด

ยองซุนรู้ดีว่าตัวเองอยู่ดูแลคังโฮได้อีกไม่นาน เธอจึงเริ่มสอนให้เขาเรียนรู้และใช้ชีวิตกับสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเอง ไปจนถึงการสอนการเลี้ยงหมูและการขายหมูกับพ่อค้า

แต่มรสุมยังไม่จบเพียงแค่นั้น เมื่อหมูทุกตัวในฟาร์มของเธอต้องถูกเจ้าหน้าที่กำจัดตามกฎหมายป้องกันโรคระบาด ซึ่งฟาร์มแพะบริเวณใกล้เคียงตรวจพบโรคปากเท้าเปื่อย ตามกฎหมายระบุไว้ให้กำจัดสัตว์ที่อยู่ในรัศมี 3 กิโลเมตรทั้งหมด

ความหวังทุกสิ่งอย่างของยองซุนจบสิ้นแล้ว เธอไม่เหลืออะไรอีกแล้ว คืนนั้นทั้งคืนเธอนั่งทรุดหลังพิงกำแพงเล้าหมูที่ไม่มีหมูเหลืออยู่แม้แต่ตัวเดียว

รุ่งเช้า ยองซุนรีบไปที่ร้านขายปุ๋ยและซื้อย่าฆ่าวัชพืชไปจำนวนหนึ่ง จากนั้นเธอก็พาคังโฮไปที่หลุมฝังศพของพ่อ เหมือนกับเป็นการบอกลา

เวลาเดียวกัน มีจูที่เปิดร้านทำเล็บอยู่ที่ร้านขายปุ๋ย ก็ได้ยินเจ้าของร้านบ่นเรื่องที่ยองซุนมาซื้อยาฆ่าวัชพืช ซึ่งเธอไม่เคยซื้อมาก่อน มีจูได้ยินจึงรู้ได้ทันทีเลยว่า ยองซุนต้องคิดไม่ดีแน่ ๆ เธอจึงรีบออกจากร้านไปหายองซุนกับคังโฮทันที

มีจูทำเสียงดุใส่ยองซุน ทำทีเป็นขอยาฆ่าวัชพืชที่อยู่ในถุง แล้วก็ขอให้คังโฮไปอยู่กับที่บ้านเธอชั่วคราว เพื่อเป็นการขัดขวางไม่ให้ยองซุนทำเรื่องไม่ดี ยองซุนมองตามีจูแล้วก็ตกลง

ต่อมา ยองซุนนำเอาเงินเก็บไปเป็นค่าใช้จ่ายรายเดือนให้กับศูนย์พักฟื้นและฟื้นฟู เพื่อคังโฮจะได้รับการดูแลตอนเธอไม่อยู่ คังโฮร้องไห้เสียใจที่ถูกทิ้งไว้คนเดียว

ส่วนยองซุนก็กลับมาที่บ้าน เธอเขียนจดหมายลาตาย และจัดแจงผูกเชือกเอาไว้กับชื่อเตรียมจบชีวิตตัวเอง

ขณะที่ร่างกำลังดิ้นไปมาก่อนจะขาดใจตาย คังโฮที่ใช้มือปั่นวีลแชร์หนีออกมาจากศูนย์พักฟื้นก็มาถึงบ้านพอดี เขาเห็นร่างแม่แขวนอยู่กับเชือกที่ผูกอยู่กับขื่อ คังโฮปั่นวีลแชร์ไปตรงร่างแม่แล้วให้มือกอดขาแม่เอาไว้

แล้วทันใดนั้นเองปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น คังโฮสามารถยกตัวแม่ขึ้นได้ด้วยขาของตัวเอง ขาของเขากลับมาใช้งานได้อีกครั้ง และทำให้แม่ของเขายังไม่ตาย !

EP.8 ความทรงจำข้างหลังภาพ

ยองซุนกอดคังโฮทั้งน้ำตาแห่งความปิติ ที่ได้เห็นลูกชายกลับมายืนได้อีกครั้ง

ตรงข้ามกับคังโฮที่รู้สึกผิดหวังที่แม่ตัดสินใจทิ้งเขาไปด้วยวิธีนี้ เขาใช้มือปั่นวีลแชร์ออกมานอกบ้านไปเจอกับมีจู จังหวะนั้น คังโฮร้องไห้โฮออกมาอย่างกับเด็ก ๆ มีจูจึงเข้าไปปลอบ และเมื่อฟังเรื่องที่เกิดขึ้น มีจูก็ปลอบประโลมเขาว่า แม่ไม่มีวันทิ้งเขาให้อยู่อย่างโดดเดี่ยวหรอก เพียงแต่แม่อาจจะมีเหตุผลบางอย่าง ที่เข้าใจเพราะเธอก็เคยโดนทิ้งอย่างไม่รู้สาเหตุเช่นกัน

นับจากนั้น ยองซุนก็เลิกคิดที่จะหนีปัญหา เธอตัดสินใจกลับมาเป็นแม่ร้ายอีกครั้ง ด้วยการสอนสิ่งที่จำเป็นสำหรับการใช้ชีวิตประจำวันให้กับคังโฮ เริ่มด้วยการทำให้เขากลับมาเดินได้อีกครั้ง

ยองซุนเข็นวีลแชร์พาคังโฮฝ่าสายฝนไปที่แอ่งน้ำ แล้วผลักเขาให้จมน้ำเพียงลำพังโดยไม่เข้าไปช่วย เพื่อบีบให้เขาใช้ขาเพื่อช่วยให้ตัวเองไม่จมน้ำ

หลังจากผ่านการฝึกและทำกายภาพบำบัดด้วยวิธีการต่าง ๆ ในที่สุดคังโฮก็ค่อย ๆ กลับมาเดินได้อีกครั้งอย่างช้า ๆ

เมื่อทุกคนในหมู่บ้านรู้เรื่องที่คังโฮกลับมาเดินได้ก็แสดงความดีใจกันยกใหญ่ มีการรวมตัวกันจัดเลี้ยงที่บ้านคังโฮเพื่อฉลอง ทุกคนเต็มไปด้วยความสุข มีเพียงคนเดียวที่นั่งมองคังโฮเล่นกับซอจิน-เยจิน แล้วน้ำตาก็ไหลออกมาไม่หยุด คนคนนั้นคือมีจู (ที่แท้แล้วเด็กแฝดเป็นลูกของคังโฮหรือเปล่านะ ?)

หลังจากยองซุนจัดการเรื่องราวต่าง ๆ และสอนการใช้ชีวิตให้กับคังโฮจนหมดแล้ว ยองซุนจึงไปถ่ายรูปเพื่อใชัในพิธีศพ

คืนนั้น เธอสอนให้คังโฮเรียนรู้พิธีการและคำพูดต่าง ๆ ที่ใช้ในงานศพจนเสร็จสิ้น ทั้งสองแม่ลูกจึงมานั่งมาส์กแตงกวากันอย่างมีความสุข จังหวะนั้น คังโฮได้พูดถึงรูปครอบครัวพ่อแม่ลูกที่แขวนอยู่บนผนัง คำพูดของคังโฮทำให้ยองซุนเอะใจอะไรบางอย่างขึ้นมา ยองซุนเปิดกรอบรูปออกมา จึงเห็นว่าด้านหลังภาพมี SD Card ซ่อนอยู่ !?

EP.9 บันทึกลับความทรงจำ

ยองซุนนำเอา SD Card มาเปิดดู ในนั้นมีไฟล์ที่คังโฮพิมพ์บันทึกเรื่องราวของตัวเองเอาไว้ ตั้งแต่เรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล ซึ่งเป็นที่ที่ทำให้เขาเข้าใจอย่างแท้จริงว่า ทำไมแม่ต้องเคี่ยวเข็ญให้เขาเป็นอัยการ นั่นก็เพราะสังคมนี้เต็มไปด้วยการเอารัดเอาเปรียบ ดังนั้น การเป็นอัยการที่มีกฎหมายอยู่ในมือคืออำนาจที่เป็นเกราะปกป้องเขาได้

ในบันทึกยังได้เล่าเรื่องราวความรักของเขากับมีจู จนเขาได้เป็นอัยการเต็มตัว ตอนนั้น คังโฮได้ใช้อำนาจอัยการขอดูรายงานการพิจารณาคดีของพ่อ และได้กลับไปสอบถามพยานในคดีต่าง ๆ ที่ดูมีพิรุธ จนในที่สุดเขาก็ได้รู้ความจริงว่า อูบยอกคือคนที่อยู่เบื้องหลังการวางเพลิงฟาร์มหมู อีกทั้งยังพบว่าพ่อของเขาถูกฆาตกรรมอำพราง ส่วนโอแทซูที่เป็นอัยการผู้รับผิดชอบคดี ก็เป็นคนช่วยทำให้อูบยอกรอดพ้นในการพิจารณาคดี

เมื่อคังโฮรู้ความจริง เขาก็คิดแผนการล้างแค้น แผนขั้นแรกคือจีบ ฮายอง ลูกสาวคนเดียวของโอแทซู ตอนนั้นเองที่เขาจำใจบอกเลิกกับมีจูโดยไม่บอกแม้กระทั่งเหตุผล

เรื่องราวบันทึกจนถึงตอนที่คังโฮสังหารเลขาสาวที่มีความสัมพันธ์กับโอแทซู โดยการวางยาและจัดฉากเป็นอุบัติเหตุรถตกน้ำ ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นการจัดฉากลวงเพื่อให้โอแทซูกับอูบยอกเชื่อใจ ความจริงเขาส่งเลขาสาวกับลูกน้อยไปอยู่ที่ฟิลิปปินส์อย่างปลอดภัย

สรุปเนื้อหาในบันทึก คือ ทุกสิ่งอย่างที่คังโฮทำไปก็เพื่อล้างแค้นให้พ่อ ซึ่งการบอกเลิกกับมีจู และการแสดงท่าทีเกลียดแม่ก็เป็นส่วนหนึ่งของแผน

เมื่อยองซุนอ่านบันทึกของคังโฮก็ทำให้เข้าใจทุกอย่าง เธอโผกอดลูกชายด้วยทั้งน้ำตา ความรู้สึกของแม่จะเจ็บปวดแค่ไหนที่ได้รู้ว่าลูกชายต้องจมอยู่กับแผนการแก้แค้น ที่ทำให้เขาต้องโดดเดี่ยว ที่ต้องทำให้เขาต้องทำทุกอย่างตรงกันข้ามกับความรู้สึก

ยองซุนไปที่ห้องเก็บของ เอาเอกสารต่าง ๆ ของคังโฮมาเผาทิ้งทั้งหมด รวมถึง SD Card … คังโฮที่มีความจำเพียงเจ็ดขวบ ก็ยืนมองแม่เผาทำลายกองเอกสารด้วยสีหน้างุนงง

EP.10 ซ้ำรอยจูบ

ยองซุนไม่ต้องการให้คังโฮจบชีวิตลงเหมือนพ่อของเขา เธอจึงพร่ำสอนให้เขาเป็นเกษตรกรและใช้ชีวิตอย่างมีความสุข โดยไม่ต้องสนใจอดีตที่เคยเป็นอัยการ คังโฮยิ้มและรับปากแม่ “ผมสัญญาว่าจะทำฟาร์มให้ดีครับ”

จากนั้น ยองซุนก็ไปหาผู้ใหญ่บ้านเพื่อให้เขาเป็นพ่อสื่อหาหญิงสาวมาแต่งงานกับคังโฮ เธอเชื่อว่ามันจะเป็นหลักประกันให้คังโฮใช้ชีวิตเป็นเกษตรกรโดยไม่กลับไปเป็นอัยการอีก

แต่เมื่อถึงนัดดูตัว คังโฮกลับถูกหญิงสาวเท เพราะเขาแสดงกิริยาเป็นเด็กเจ็ดขวบ ตรงกันข้ามกับหน้าตาและเกียรติประวัติที่เขามีอย่างสิ้นเชิง นั่นสิ ใครจะยอมแต่งงานร่วมหัวจมท้ายกับชายหนุ่มอายุ 35 ที่มีสมองเท่ากับเด็ก 7 ขวบ

ระหว่างนั้น คังโฮก็เข้าไปช่วยมีจูที่ถูกลูกค้าลวนลาม แล้วไปทำอีท่าไหนก็ไม่รู้ คังโฮหัวฟาดขมำลงไปกับพื้น ณ จุดนี้ ความทรงจำตอนที่มีจูเกิดอุบัติเหตุมอเตอร์ไซค์ชนก็ย้อนกลับเข้ามาในหัว ทันใดนั้น คังโฮก็โน้มตัวไปจูบมีจู ด้านมีจูก็โอบมือไปที่ตัวคังโฮ ทั้งสองจึงจูบกันอยู่อย่างนั้นที่กลางถนน ท่ามกลางสายตาของผู้คนที่มองด้วยความตกตะลึง

รอยจูบนั้นทำให้คังโฮกับมีจูเริ่มมีช่วงเวลาที่ใกล้ชิดกันมากขึ้น ความรู้สึกเก่า ๆ ของมีจูที่มีต่อคังโฮก็ยิ่งชัดเจนมากยิ่งขึ้น ส่วนคังโฮ ตอนนี้เขาอยากกลับไปเป็นอัยการอีกครั้ง

คืนนั้น คังโฮเปิดใจกับแม่ว่าเขาอยากกลับไปเป็นอัยการอีกครั้ง แต่แม่ไม่ยอม คังโฮจึงเผยความรู้สึกที่แท้จริงออกมา ที่ผ่านมาเขาต้องอดทนมาตลอดเพราะต้องคอยทำตามที่แม่บอก เพราะเขาอยากเห็นแม่มีความสุข มาตอนนี้ทำไมแม่ถึงไม่ยอมให้เขาทำในสิ่งที่เขาชอบบ้าง … ทำไมเขาต้องเป็นฝ่ายที่ทำตามใจแม่ตลอด !?

ด้านยองซุนเห็นท่าไม่ดี เธอจึงไปขอร้องมีจูให้เลิกยุ่งกับคังโฮ ณ จุดนี้เองที่ทำให้มีจูเริ่มย้อนกลับไปนึกถึงเรื่องเก่า ๆ คืนเดียวกันนั้น มีจูตัดสินใจบอกความจริงกับแม่ว่า คังโฮเป็นพ่อแท้ ๆ ของซอจิน-เยจิน

รุ่งขึ้น มีจูก็จูงมือพาลุก ๆ ไปที่บ้านคังโฮ … หรือเธอจะลูก ๆ ไปเปิดตัว ?

EP.11 ความจริงสุดกล้ำกลืน

มีจูจูงมือซอจิน-เยจินไปบ้านคังโฮ เพื่อเปิดเผยความจริงเรื่องที่คังโฮเป็นพ่อของเด็กแฝด แต่เมื่อไปถึงก็พบยองซุนนอนเป็นลมล้มพับไม่ได้สติอยู่กับพื้น เธอจึงล้มเลิกแผนที่ตั้งใจไว้ แล้วรีบขับรถพายองซุนไปโรงพยาบาล

ที่โรงพยาบาล แพทย์ได้แจ้งคังโฮว่า มะเร็งได้แพร่กระจายไปทั่วร่างแม่ของเขาแล้ว … ท่ามกลางความเสียใจที่ได้รู้ข่าวร้ายสุดกล้ำกลืน มีจูก็คอยอยู่เคียงข้างคอยปลอบประโลมใจ

แล้วเรื่องเหลือเชื่อก็เกิดขึ้นอีกครั้ง ซัมชิกบังเอิญไปเจอผลตรวจดีเอ็นเอกับ SD card ซ่อนอยู่ในกระเป๋าแบรนด์เนมที่คังโฮซื้อให้แม่ก่อนที่เขาจะประสบอุบัติเหตุ ในนั้นมีบันทึกไฟล์เสียงที่คังโฮ อูบยอก และ ส.ส.โอแทซู กำลังตกลงกันเรื่องฆ่าปิดปากเลขาสาวและลูกน้อยที่โอแทซูมีความสัมพันธ์ด้วย

คังโฮฟังไฟล์เสียงจนจบแต่ก็จำเหตุการณ์วันนั้นไม่ได้ ตรงกันข้ามกับซัมชิกที่เห็นเงินก้อนโตกองอยู่ตรงหน้า เพราะเสียงนั้นคือเสียงของผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี … ซัมชิกจึงขอเก็บผลตรวจดีเอ็นเอและ SD card เอาไว้

แบล็กเมลเลือด

ซัมชิกไปพบฮายอง พร้อมกับยื่นผลตรวจดีเอ็นเอกับไฟล์เสียงให้ฮายองฟัง ซัมชิกยื่นข้อเสนอเป็นเงิน 202 ล้านวอน (ประมาณ 5.3 ล้านบาท) ฮายองรับข้อเสนอและนัดมาเจอกันอีกทีพรุ่งนี้

จากนั้น ขณะที่ซัมชิกเดินออกไปที่ถนน เขาก็โดนกลุ่มชายฉกรรจ์ลากตัวขึ้นรถตู้สีดำไปยังโกดังร้าง พวกมันรุมซ้อมเพื่อเค้นให้เขาปริปากว่าทำงานให้ใคร ก่อนที่ชายคนหนึ่งจะเอามีดสั้นออกมาจ่อที่คอหอยซัมชิก ตายซะ ทันใดนั้นเอง สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้นอีกครั้ง ลูกน้องสองคนของอูบยอกก็ตามมาช่วยซัมชิกเอาไว้ได้เฉยเลย (คนเดิมที่เคยช่วยคังโฮนั่นแหละ)

อย่างไรก็ตาม ผลที่ตามมาคือฮายองเริ่มเป็นปฏิปักษ์กับพ่อตัวเอง โอแทซูขู่ลูกสาวตัวเองให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับ เพราะตัวเธอก็เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในแผนจัดฉากสังหารคังโฮเช่นกัน

พ่อมีสัมพันธ์กับเลขาจนท้อง จึงตกลงกับคังโฮให้ไปฆ่าเลขากับลูก ส่วนตัวลูกก็เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในแผนฆาตกรรมอำพรางคังโฮ … ต่อมาลูกรู้ความจริงว่าพ่อสั่งฆ่าเลขากับลูก ก็เลยรู้สึกแย่ที่พ่อชั่ว จากนั้นก็เริ่มสำนึกผิด

เมื่อถึงวันแต่งงาน ฮายองจึงแอบหนีออกจากงาน โอแทซูโกรธมากจึงสั่งให้ลูกน้องเอาตัวเธอไปขังที่โรงพยาบาลจนกว่าจะจบการเลือกตั้ง ตอนนี้เองที่โอแทซูตัดสินใจว่าต้องจัดการกับคังโฮขั้นเด็ดขาดซะที

คืนนั้น ขณะที่คังโฮกับยองซุนกำลังนอนกอดกันตามภาษาแม่ลูกอย่างมีความสุขในห้องนอน จู่ ๆ ก็เกิดไฟไหม้ขึ้นที่ฟาร์มหมู ทั้งสองจึงเข้าไปในฟาร์ม แต่ปรากฏว่าเมื่อเข้ามาแล้วประตูถูกล็อกจากด้านนอก

คังโฮจึงหยิบเอาเหล็กมากระทุ้งกระจกให้แตกพอที่จะเอาตัวปีนข้ามออกไปด้านนอกได้ เขาให้แม่ออกไปก่อนโดยใช้แรงดันแม่ออกไปได้สำเร็จ แต่ขณะที่ตัวเขากำลังจะปีนออกมา ในฟาร์มเกิดระเบิดขึ้นจนทำให้ตัวเขาลอยกระเด็นตกลงไปนอนอยู่กับตะแกรงเหล็ก รอบ ๆ ตัวของเขามีแต่เพลิงไฟสีแดงที่ลุกโชน

คังโฮนอนแน่นิ่งอยู่อย่างนั้น ขณะที่ความทรงจำช่วงที่เขาโดนรถบรรทุกพุ่งเข้าชนก็กลับคืนมา …

EP.12 ยินดีต้อนรับกลับมา

ยองซุนรีบวิ่งออกไปหาคนมาช่วยคังโฮที่ติดอยู่ในฟาร์มหมูที่เพลิงกำลังลุกไหม้ แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วยเลยแม้แต่คนเดียว มีจูจึงทำท่ากล้า ๆ กลัว ๆ ที่จะเข้าไปด้วยตัวเอง ซัมชิกเห็นเช่นนั้นจึงทำตัวเป็นฮีโร่ขึ้นมาทันที เขาเอาน้ำราดตัวแล้วรีบพังประตูเข้าไปช่วยคังโฮทันที แต่ …

แต่ไหงตอนออกมา กลับเป็นคังโฮที่แบกร่างซัมชิกจนหลังแอ่นออกมาอย่างนั้นล่ะ แหม่ ! สรุปคือทุกคนปลอดภัย ส่วนหมูตายเกลี้ยงฟาร์มเหมือนเดิม

ตำรวจมาสอบปากคำเพื่อหาสาเหตุเพลิงไหม้ ซัมชิกแจ้งเบาะแสว่าเห็นคนต้องสงสัยที่คาดว่าน่าจะเป็นผู้ที่แอบวางเพลิง ยองซุนที่อยู่ในการสอบสวนจึงบอกปัด และรับว่าตัวเธอเป็นคนทำให้เกิดเพลิงไหม้เอง เนื่องจากไม่ต้องการให้เรื่องบานปลาย

ยองซุนไม่ต้องการให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย เหมือนอย่างที่เกิดขึ้นกับสามีเธอในอดีต ยิ่งเข้าใกล้ความจริงมากเท่าไรก็ยิ่งอันตรายมากขึ้นเท่านั้น

มีจูที่อยู่ด้วยเห็นบางอย่างผิดสังเกต จึงไปเค้นความจริงกับซัมชิก จนได้รู้ความจริงว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคือ “โอแทซู”

มีจูเอาเรื่องโอแทซูไปบอกยองซุนเพื่อให้แจ้งตำรวจ … “ไม่” คือคำตอบ … ยองซุนเล่าเรื่องในอดีตที่สามีของเธอพยายามเรียกร้องความเป็นธรรม จาการที่ฟาร์มหมูถูกลอบวางเพลิง สุดท้ายเขาก็ต้องมาตายอย่างไม่เป็นธรรมเสียเอง “ฉันไม่อยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้นซ้ำรอยกับคังโฮ”

คุยกันไปสักพัก มีจูก็บอกความจริงกับยองซุนว่า ซอจิน เยจิน เป็นลูกของคังโฮ … แล้วสิ่งที่มีจูพูด คังโฮที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยก็ได้ยินทุกอย่าง

ต่อมา คังโฮถูกตำรวจจับกุมในฐานะผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรม (เลขาของโอแทซู) อย่างไรก็ตาม ระหว่างการสอบสวนอยู่ดี ๆ คังโฮก็แกล้งบ้าขึ้นมา จนวุ่นวายไปหมด เจ้าหน้าที่จึงยอมปล่อยตัว เนื่องจากความพิการทางสมอง

ความทรงจำที่กลับมา

คืนนั้นเมื่อกลับมาถึงบ้าน ยองซุนสังเกตเห็นบางอย่างในตัวคังโฮที่เปลี่ยนไป “ลูกชายแม่กลับมาแล้วสินะ แม่รอแกอยู่นานเลย … แม่ขอโทษนะที่เคยทำผิดไว้กับแก” สองแม่ลูกโผเข้ากอดกันด้วยน้ำตาแห่งความปีติที่ไหลออกมาไม่หยุด

ความทรงจำของคังโฮกลับมาโดยสมบูรณ์แล้ว

คังโฮบอกกับแม่ว่าเขาจะดำเนินการตามแผนที่เคยวางเอาไว้ ส่วนตอนนี้ห้ามให้ใครรู้เด็ดขาดว่าความทรงจำของเขากลับมาแล้ว

จากนั้น คังโฮก็ไปหามีจูเพื่อบอกว่าความทรงจำของเขากลับมาแล้ว ทว่าสิ่งที่เขาได้ยินจากปากมีจูคือ คำพูดที่พรั่งพรูจากความรู้สึกอัดอั้นที่เก็บเอาไว้นานหลายปี อย่างไรก็ตาม คังโฮก็ขอร้องให้มีจูเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ จนกว่าเขาจะทำตามแผนที่วางเอาไว้จนสำเร็จ

ณ จุดนี้ เรื่องเหลือเชื่อก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อมีจูบังเอิญไปเจอคลิปวิดีโอที่เยจินถ่ายเอาไว้ในโทรศัพท์ เป็นคลิปที่แสดงให้เห็นว่าฮายองแอบใส่อะไรบางอย่างลงไปในขวดน้ำ … มีจูคิดว่ามันเป็นยานอนหลับ

มูจีวางแผนกับซัมชิกเพื่อไปพบฮายอง ทั้งสองไม่เจอฮายอง แต่ได้ข้อมูลว่าเธอกำลังถูกโอแทซูสั่งขังไว้ในโรงพยาบาล

ด้านคังโฮเมื่อความทรงจำกลับคืน ก็ออกตามหาหลักฐานที่จะเอาผิดโอแทซูข้อหาฆาตกรรม เขามาตามหาจนเจอเจ้าของร้านปลาดิบที่เป็นพยานบุคคลคนสำคัญ

EP.13 พยานคนสำคัญที่หายไป

คังโฮตามหาเจ้าของเรือประมงอดีตเจ้าของร้านปลาดิบจนเจอ … ในตอนนั้น คังโฮตกลงกับโอแทซูว่า เขาจะเป็นคนฆ่าปิดปากเลขาสาวกับลูกน้อย แต่จริง ๆ แล้วเขาจัดฉากให้เลขาสาวพาลูกน้อยหนีไปอยู่ฟิลิปปินส์ โดยจ้างเรือประมงพาหนี แต่ทว่าระหว่างอยู่กลางทะเล โอแทซูส่งลูกน้องตามมา เลขาสาวตัดสินใจกอดลูกน้อยกระโดดลงทะเล

“มันเป็นการเลือกจบชีวิตที่เธอเลือกเอง” อดีตเจ้าของร้านปลาดิบเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น คังโฮฟังถึงกับคอตก

เวลาเดียวกันนั้น มีจูปลอมตัวเป็นหมอเข้าไปหาฮายอง ที่ถูกขังให้อยู่แต่ในห้องผู้ป่วย ลูกน้องหน้าโง่สองคนของโอแทซูที่ยืนเฝ้าอยู่จึงปล่อยให้มีจูเข้าไปอย่างง่ายดาย

มีจูพยายามโน้มน้าวให้ฮายองเชื่อว่า โอแทซู พ่อของเธอโหดร้ายแค่ไหน และทำเรื่องเลว ๆ อะไรเอาไว้บ้าง แล้วคำพูดไม่กี่ประโยคของมีจู ก็ทำให้ฮายองเลือกที่จะหักหลักพ่อของตัวเอง

มีจูสร้างเรื่องว่าฮายองต้องเข้าห้องฉุกเฉิน ลูกน้องหน้าโง่ที่ยืนเฝ้าประตูอยู่ก็ทำหน้างง ๆ แต่กว่าจะรู้ตัว มีจูกับซัมชิกก็ช่วยกันพาฮายองหนีออกมาขึ้นรถที่คังโฮเป็นคนขับได้สำเร็จ

ทั้งสามพาฮายองไปหลบในสถานที่ปลอดภัย และสถานที่นั้นคือโรงแรม ที่เบื้องหลังแอบเปิดบ่อนการพนันของพวกมาเฟียหน้าโง่ คังโฮจึงอ้างตัวว่าเป็นอัยการจากกรุงโซล แล้วขอพักที่นี่สองสามวัน หัวหน้ามาเฟียจึงตอบรับคำขอแต่โดยดี

แล้วคืนนั้น ก่อนคังโฮจะกลับ เขาจูบมีจูที่หน้าผาก มีจูโวยวายออกมาว่า จริง ๆ มันควรเป็นจูบที่ปากไม่ใช่ที่หน้าผาก แล้วทั้งสองก็มีจูบอันหวานซึ้งให้กันและกัน

ณ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ … ส.ส.โอแทซูมาอ่านหนังสือนิทานให้เด็ก ๆ ฟังด้วยรอยยิ้ม ผู้ปกครองของเด็ก ๆ ต่างกล่าวชื่นชม และสนับสนุนให้เขาได้เป็นประธานาธิบดี ทันใดนั้น คังโฮก็ปรากฏตัวขึ้น เขายื่นมือไปเช็คแฮนด์กับโอแทซู ทั้งสองสัมผัสมือกัน พร้อมทั้งจ้องตากันด้วยสายตาของความตึงเครียด

EP.14 รุกฆาต (ตอนจบ)

คังโฮพบโอแทซูเพื่อยื่นข้อเสนอที่ไม่อาจปฏิเสธได้ เขาต้องการให้โอแทซูช่วยจับอูบยอกมาลงโทษ เพราะเป็นคนที่ฆ่าพ่อเขาเมื่อ 35 ปีก่อน และพยายามฆ่าเขากับแม่ โดยแลกกับปล่อยความผิดทั้งหมดของโอแทซู “ถ้าท่าน ส.ส. [โอแทซู] ไม่ยอมขึ้นเป็นพยานในชั้นศาล ฮายองจะเป็นพยานแทน … ผมมาเพื่อให้โอกาส ทำตามที่ผมบอก แล้วเป็นประธานาธิบดีตามที่วางแผนไว้เถอะ”

อูบยอกโดนลูกน้องคนสนิทหักหลัง เขาจึงเดือดดาลใส่และพยายามฆ่าลูกน้องคนนั้น ทันใดนั้น คังโฮก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับใส่กุญแจมืออูบยอกและแจ้งข้อกล่าวหาทำร้ายร่างกายและพยายามฆ่า … ทั้งหมดเป็นแผนที่คังโฮวางเอาไว้

คังโฮแถลงข่าวการจับกุมอูบยอกต่อหน้านักข่าวจนเป็นข่าวดัง

จากนั้น กระบวนการพิจารณาคดีก็เริ่มขึ้น หลักฐานที่แน่นหนาทำให้อูบยอกเสียเปรียบจนยากที่จะหลุดคดี อีกทั้งยังมีลูกน้องคนสนิทมาขึ้นให้การเป็นพยานปรักปรำ และพยานคนสำคัญ ส.ส.โอแทซูก็มาขึ้นให้การปรักปรำอูบยอกเช่นกัน แต่ …

แต่แล้วเซอร์ไพรส์ก็เกิดขึ้น ตอนเลขาสาวกระโดดน้ำลงทะเลเพื่อจบชีวิตตัวเอง เธอซ่อนลูกเอาไว้บนเรือ ก่อนที่จะใช้หมอนห่อผ้าอ้อมเพื่อตบตา และเด็กคนนั้นก็ถูกพามาภายในห้องพิจารณาคดีเพื่อเป็นพยานในวันนี้

โอแทซูสติแตก เพราะโดนหลักฐานเด็ดที่อยู่ดี ๆ ก็โผล่มาโดยไม่ทันตั้งตัว

อูบยอกกับโอแทซูถูกตัดสินว่ามีความผิด รวมถึงฮายองก็ถูกตัดสินจำคุกเช่นกัน !

บทสรุป

ที่ หมู่บ้านโจอูรี … มีการจัดเลี้ยงงานวันเกิดให้ยองซุน และดูเหมือนจะเป็นงานวันเกิดสุดท้ายของเธอ มันจึงเป็นงานวันเกิดที่เต็มไปด้วยความสุข แต่ก็แฝงไปด้วยความเศร้า

คืนนั้นหลังจบงานวันเกิด ยองซุนมอบแหวนที่ได้จากสามีให้กับมีจู … แล้วคืนนั้นก็เป็นคืนสุดท้ายที่ยองซุนมีลมหายใจอยู่บนโลกใบนี้

ในพิธีศพของยองซุน ทุกคนแสดงท่าทางร่าเริงสนุกสนาน ยองซุนสั่งเสียเอาไว้ก่อนจากไปว่า ไม่ต้องการให้พิธีศพขอเธอเป็นพิธีแห่งความเศร้า คังโฮร้องเพลงหน้ารูปของแม่ผู้ล่วงลับ ถึงอย่างนั้น น้ำตาก็ไม่อาจควบคุมให้หยุดไหลออกมาได้ มันไหลออกมาอยู่อย่างนั้น

  • ซัมชิกไปเยี่ยมฮายองที่เรือนจำ ดูเหมือนเขาจะเจอคนที่ชอบจริง ๆ แล้ว
  • ส่วนสองลูกน้องคนสนิทของอูยอกก็ผันตัวเองมาเป็นเกษตรกรที่หมู่บ้านโจอูรี ดูสองคนจะมีความสุขมาก
  • เมียผู้ใหญ่บ้านเผยหน้าและตัวตนที่แท้จริงว่าเธอเป็นลูกสาวยากูซ่า ถึงเวลาแล้วที่เธอต้องกลับญี่ปุ่น แต่ก่อนจะขึ้นรถ เธอเกิดอาการแพ้ท้องขึ้นมากะทันหัน เธอจึงตัดสินใจจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ต่อไป เธอเดินไปหาผู้ใหญ่บ้านแล้วดึงเขามาจูบอย่างดูดดื่ม

สำหรับคังโฮ เขาลาออกจากอัยการ และกลับมาเป็นเกษตรกรและใช้ชีวิตอยู่กับมีจูตามที่แม่ต้องการ แล้วทั้งสองก็แต่งงานและใช้ชีวิตคู่กันอย่างมีความสุข ณ หมู่บ้านโจอูรีแห่งนี้ตลอดไป

จบบริบูรณ์

Images : ภาพหน้าจอจาก JTBC Korea
ดู The Good Bad Mother ที่ Netflix : คลิกที่นี่