Skip to content
สรุปเนื้อเรื่อง The Black Phone (2021) สายหลอน ซ่อนวิญญาณ

สรุปเนื้อเรื่อง The Black Phone (2021) สายหลอน ซ่อนวิญญาณ

The Black Phone สปอยล์ : เด็กชายวัย 13 ถูกฆาตกรลักพาตัวไปขังในห้องใต้ดิน เมื่อโทรศัพท์ที่โดนตัดเริ่มดัง เขาก็ได้ยินเสียงของเหยื่อรายก่อน ๆ

แนว : สยองขวัญ ระทึกขวัญ
ผู้กำกับฯ : สก็อตต์ เดอร์ริกสัน

เรต : R 18+ (ความรุนแรง ภาษา สารเสพติด)
IMDb : 6.9/10
RT : 88% | 83%
คะแนนรีวิว : 6/10

เรื่องราวเริ่มขึ้นที่เมืองเดนเวอร์ รัฐโคโลราโด ปี 1978 …

เด็ก ๆ และผู้ปกครองมารวมตัวกันดูการแข่งขันลีกเบสบอลระดับเยาวชน (Little League Baseball) … ฟินนีย์ (รับบทโดย Mason Thames) เด็กชายวัยมัธยมต้นผมยาวประบ่า กำลังขว้างลูกในตำแหน่งพิตเชอร์ ท่ามกลางแรงเชียร์ของน้องสาวเสียงแจ๋ว เกว็น (รับบทโดย Madeleine McGraw)

สองลูกแลกฟินนีย์ไม่ทำให้กองเชียร์ผิดหวัง เขาสามารถขว้างสไตรค์ได้สอง แต่เมื่อถึงลูกที่สามสีหน้าของฟินนีย์ปกคลุมไปด้วยความกังวล เมื่อลูกถูกปล่อยออกจากมือ แบตเตอร์ (หรือผู้ตี) จับไม้เบสบอลกำแน่นอยู่ในมือ ป๊อก ! เสียงลูกเบสบอลกระทบไม้ดังลั่น ก่อนลูกจะรอยละลิ่ว โฮมรัน … ฟินนีย์คอตกด้วยความผิดหวัง ในขณะที่เสียงเชียร์ “บรูซ” ดังกึกก้องไปทั้งสนาม

บรูซ ยามาดะ (รับบทโดย Tristan Pravong) เป็นแบตเตอร์เชื้อสายนิปปอน-อเมริกัน เขาเป็นเด็กยิ้มง่ายอัธยาศัยดี และป๊อปในหมู่เด็กสาวในเมือง

วันนั้น ระหว่างทางขณะที่บรูซกำลังปั่น BMX สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเมื่อเห็นรถตู้สีดำคันใหญ่เลี้ยวมาหยุดอยู่ตรงทางที่เขากำลังจะผ่าน และนั่นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เห็นบรูซ !?

สองพี่น้อง

ฟินนีย์กับเกว็นเป็นพี่น้องที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ทั้งสองอาศัยอยู่กับพ่อขี้เหล้า (รับบทโดย เจเรมี เดวีส์) ที่ค่อนข้างดุและเข้มงวด อย่างตอนที่ฟินนีย์กินอาหารเช้าเสียงดัง พ่อก็แสดงความไม่พอใจโดยใช้คำพูดแปลก ๆ “ฉันว่าแกกินดังกว่านี้ก็ได้นะ บ้านตรงข้ามเขาคงยังไม่ได้ยิน”

พ่อติดเหล้างอมแงมตั้งแต่แม่ของเด็ก ๆ ตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง มันเป็นแบบนั้น มันเป็นแบบนั้นจริง ๆ เหล้าที่ผู้คนคิดว่าช่วยบรรเทาความเศร้าได้ แต่แท้จริงมันกลับเป็นเสมือนกาวที่ยึดติดความเศร้าให้อยู่กับคนคนนั้น

ทุกเช้า ฟินนีย์กับเกว็นจะเดินไปโรงเรียนด้วยกัน เด็กในเมืองที่นี่ส่วนใหญ่จะเดินไปโรงเรียน จะมีบ้างที่ขี่จักรยาน การเดินไปโรงเรียนในวันนี้ของทั้งสองก็เหมือนเดิม ที่แตกต่างไปสำหรับคือข้างทางมีใบปิดประกาศตามหาเด็กหาย เด็กที่ชื่อ บรูซ ยามาดะ เพิ่มมาอีกหนึ่งใบ … ฟินนีย์มองไปที่ใบประกาศนั้นด้วยความสนใจ แล้วก็พูดกับน้องสาวว่ามีเด็กหายเพิ่มอีกคนหนึ่งแล้ว

ระหว่างทางมีกลุ่มเด็ก ๆ ล้อมวงกันมุงส่งเสียงเชียร์ ขณะที่เด็กวัยมัธยมต้นสองคนกำลังชกต่อยกัน เด็กคนผอมเชื้อสายเม็กซิกันชื่อโรบิน ที่หัวมีผ้าโพกเอาไว้อย่างกับนักร้องเพื่อชีวิตเมืองไทย เด็กอีกคนเป็นเด็กผิวขาวผมยาว ดูท่าทางสกิลหมัดมวยไม่น่าจะเท่าไร แต่สกิลปากที่ใช้บูลลี่เพื่อนนี่ต้องยกให้ที่หนึ่ง แล้วก็เป็นตามคาด โรบินอัดเจ้าเผือกล้มลงไปนอนกองแน่นิ่งอยู่กับพื้น จากนั้นก็ระดมหมัดทิ้งน้ำหนักใส่หน้าอีกนับครั้งไม่ถ้วน จนเลือดกระจายเต็มพื้น

เมื่อเห็นเลือดสาด ฟินนีย์ก็รีบดึงมือเกว็นให้ออกมา เพราะไม่อยากเห็นภาพความโหดร้ายแบบนั้น ตรงกันข้ามกับเกว็นที่สะใจสุด ๆ ที่เห็นไอ้เผือกโดนอัดจนเลือดสาด เพราะเมื่อปีกลายมันเคยชกหน้าฟินนีย์จนจมูกหัก “ฟินนีย์ มันเคยอัดพี่จนจมูกพังจำไม่ได้เหรอ สะใจเป็นบ้าที่มันโดนแบบนั้น”

เห็นได้ชัดว่า ฟินนีย์เป็นเด็กแหย่ ๆ ไม่สู้คน ส่วนเกว็นเป็นสาวน้อยปากแจ๋วที่พร้อมจะเชิดหน้าท้ารบกับทุกคน

ที่โรงเรียน … ฟินนีย์โดนเด็กหัวโจก 3 คนรังแกในห้องน้ำ แต่ยังไม่ทันที่พวกนั้นจะได้ทำอะไร โรบินก็เดินเข้ามาพอดี พร้อมกับประกาศว่าห้ามใครยุ่งกับฟินนีย์ ได้ยินแบบนั้นเด็กหัวโจกสามคนจึงรีบออกจากห้องน้ำไป ใครจะกล้า โรบินเพิ่งอัดไอ้เผือกจนหน้าเละมาเมื่อกี๊

ความฝัน

วันเดียวกันที่ห้องครูใหญ่ มีนักสืบสองคนมาขอคุยกับเกว็นที่โรงเรียน เนื่องจากเกว็นฝันเห็นเดอะแกร็บเบอร์ (The Grabber) ขณะลักพาตัวบรูซ โดยสามารถระบุได้ชัดเจนว่า “เป็นชายถือลูกโป่งสีดำในรถตู้” ซึ่งมันตรงกับที่ตำรวจพบลูกโป่งสีดำตกอยู่บริเวณที่เกิดเหตุลักพาตัวของเด็กหลายคน

คำถามคือ เกว็นรู้เรื่องลูกโป่งสีดำจากไหน เพราะตำรวจไม่เคยเปิดเผยเรื่องนี้ ซึ่งเกว็นก็ยังยืนยันคำพูดที่ว่าเธอก็แค่ฝัน และเมื่อนักสืบทำท่าจะไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูด สกิลปากแจ๋วของเกว็นก็เริ่มทำงานอีกครั้งจนครูใหญ่ต้องตวาดลั่นเพื่อปราม สุดท้ายเกว็นก็เสียงอ่อยแล้วพูดออกไปว่า “บางครั้งสิ่งที่หนูฝันก็เป็นเรื่องจริง”

เช้ารุ่งขึ้น วันนี้เป็นวันเสาร์ ฟินนีย์ถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงร้องของน้องสาว เกว็นที่กำลังยืนหันหน้าพิงโต๊ะในครัว ก้นที่กำลังโก่งรับแรงกระแทกจากสายเข็มขัดที่พ่อกำลังระดมฟาดมันลงที่ก้นของเธอ มันแรงเกินกว่าที่เกว็นจะรับไหว ฟินนีย์ตวาดลั่นใส่พ่อให้หยุด แทนที่จะหยุดพ่อกลับกระหน่ำฟาดสายเข็มขัดลงไปก้นของเกว็นอีกเกือบสิบที จนเกว็นทนไม่ไหวต้องบิดตัวหลบออกมา ในมือก็คว้าเอาขวดวอดก้าที่มีอยู่เกือบเต็มเอามาไว้ในมือ แล้วก็กรีดร้องให้พ่อหยุดตี ไม่งั้นเธอจะทิ้งวอดก้าขวดนี้ลงพื้น แล้วเธอก็ทิ้งมันลงบนพื้นจริง ๆ

“นี่มันวอดก้าราคาขวดละแปดดอลลาร์เชียวนะโว้ย !” พ่อขี้เมาตวาดลั่นใส่หน้าลูกสาวที่กำลังร้องไห้ออกมาไม่หยุด … แล้วทำไมพ่อต้องโกรธและตีเกว็นรุนแรงขนาดนี้ ? นั่นเป็นเพราะตำรวจนักสืบไปหาเขาที่ทำงาน เพื่อสอบถามเกี่ยวกับความฝันของเกว็นที่เชื่อมโยงกับการที่เด็ก ๆ ถูกลักพาตัวไป

ความฝันนี่แหละเป็นสิ่งที่ทำให้พ่อโกรธ พ่อไม่ต้องการให้เกว็นคิดว่าความฝันเป็นความจริง เขาไม่ต้องการให้เกว็นเหมือนแม่ แม่ที่เชื่อสิ่งที่เห็นและเสียงที่ได้ยินในฝันจนนำไปสู่การจบชีวิตตัวเอง พ่อไม่ต้องการให้เกว็นเดินตามรอยแม่ พ่อทำไปแบบนั้นก็เพื่อต้องการให้เกว็นจำขึ้นใจว่า “ความฝันมันเป็นเพียงความฝัน”

เกว็นมีความสามารถพิเศษที่ฝันเห็นเหตุการณ์บางอย่างได้ ซึ่งเธอได้รับความสามารถนี้มาจากแม่ พ่อต้องการปกป้องเกว็นไม่ให้เป็นเหมือนแม่

แล้วคืนนั้น พ่อก็ได้รับโทรศัพท์แจ้งว่า โรบินหายตัวไปอีกคน !

โรบินเป็นเพื่อนที่คอยปกป้องฟินนีย์จากพวกเด็กหัวโจกที่ชอบรังแกเขา เกว็นมาปลอบพี่ชาย และเมื่อกลับไปห้องนอนเธอก็อ้อนวอนพระเจ้า ขอให้ฝันเห็นโรบินว่าเขาอยู่ที่ไหน หรืออะไรก็ได้ที่ช่วยทำให้หาเขาเจอ

เดอะแกร็บเบอร์

เย็นวันศุกร์หลังโรงเรียนเลิก เมื่อไม่มีโรบิน พวกเด็กหัวโจกก็วิ่งไล่ตามฟินนีย์เพื่อจะกระทืบเขา เกว็นวิ่งตามมาช่วยทันที เธอคว้าหินก้อนเท่าลูกมะม่วงฟาดเข้าไปที่หน้าของไปเด็กหัวโจก ถึงเกว็นจะกล้าบ้าดีเดือดแค่ไหน แต่ทางกายภาพเธอก็เป็นแค่เด็กหญิง เกว็นพลาดท่าล้มลงไปกับพื้น ไอ้เด็กหัวโจกอีกคนได้ที จึงให้คอนเวิร์สข้างขวางัดเข้าที่หน้าของเกว็นเต็มแรง ก่อนที่มันจะรีบวิ่งหนีไปด้วยความภาคภูมิใจที่ได้เตะเด็กผู้หญิงจนเลือดสาด

วันเดียวกันนั้น ฟินนีย์ต้องเดินกลับบ้านคนเดียว เพราะวันศุกร์เกว็นจะไปนอนค้างบ้านเพื่อนสนิทเป็นประจำ ระหว่างทางฟินนีย์เจอรถตู้สีดำของเดอะแกร็บเบอร์ (รับบทโดย อีธาน ฮอว์ก) จอดอยู่ มันแสร้งทำของหล่น ด้วยความที่เป็นเด็กมีน้ำใจ ฟินนีย์จึงอาสาช่วยเก็บของ เมื่อฟินนีย์เดินไปที่รถตู้ มันก็เอาลูกโป่งสีดำออกมาบังแล้วใช้สเปรย์ยาสลบพ่นใส่ เมื่อเด็กชายหมดสติ เดอะแก็บเบอร์ก็รีบปิดประตู ก่อนจะรีบบึ่งรถตู้สีดำคันโตออกไปอย่างรวดเร็ว

ฟินนีย์ค่อย ๆ ได้สติขึ้น เขาพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงที่มีความนุ่มแต่หาความสะอาดไม่ได้เลย เมื่อมองไปรอบ ๆ ก็พบว่ามันเป็นห้องใต้ดิน ด้านบนเกือบถึงเพดานมีกระจกใสที่แสงทะลุผ่านเข้ามาได้เล็กน้อย มีตะแกรงเหล็กกั้นอีกชั้นที่ด้านใน อีกมุมหนึ่งก็มีชักโครกสีขาวที่ถูกกลบด้วยคราบเหลือง สิ่งของอีกอย่างคือโทรศัพท์แบบมือหมุนสีดำที่ติดผนังอยู่ไม่ห่างไปจากเตียง … ฟินนีย์ที่พยายามหาทางหนีเมื่อเห็นกระจกก็คิดเอาเองว่า ถ้าเขาตะโกนขอความช่วยเหลือสุดเสียงก็น่าจะมีคนได้ยิน เมื่อฟินนีย์ลองแหกปากสุดเสียงทุกอย่างกลับเงียบสนิทเช่นเดิม

เดอะเแกร็บเบอร์เห็นความพยายามของฟินนีย์ก็เปิดประตูห้องเข้ามา ทำท่าทางยิ้มเยาะแสดงออกมาผ่านหน้ากากรูปร่างน่าเกลียดที่ปกปิดหน้าที่แท้จริงของมัน แล้วก็พูดกวนประสาทว่า “ถ้าทำแค่นี้แล้วมีคนมา เด็ก ๆ ก่อนหน้านี้คงจะมีคนมาช่วยไปหมดแล้วล่ะ” ก่อนกลับไปมันมองไปที่โทรศัพท์สีดำเครื่องนั้น “มันเสียตั้งแต่สมัยที่ฉันยังเด็ก” มันยังบอกฟินนี่ด้วยว่า มันเคยได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังครั้งหนึ่ง แต่มันคิดว่าเสียงโทรศัพท์ดังเพราะไฟฟ้าสถิตในอากาศ

วันเวลาผ่านไปตกกลางคืน ฟินนีย์ที่เผลอหลับไปก็ถูกปลุกขึ้นมาด้วยเสียงดังกริ๊งของโทรศัพท์ ไหนบอกว่าใช้ไม่ได้แล้วไง ? ฟินนีย์เหลือบไปเห็นสายโทรศัพท์มันขาด แล้วโทรศัพท์มันดังได้ยังไง !? ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจคว้าหูโทรศัพท์ขึ้นมา เสียงปลายสายที่เขาได้ยินคือเสียงของบรูซ … บรูซที่ตายไปแล้ว !

บรูซแนะนำฟินนีย์ถึงวิธีการหลบหนีออกไปจากที่นี่ ตรงทางเดินจะมีกระเบื้องหลุดออกมา “ขุดมันลงไปแล้วจะทะลุไปอีกฝั่งได้” ฟินนีย์ทำตามคำแนะนำ เขาเอาฝาชักโครกมาขุดพื้นตรงนั้นลึกลงไป แล้วเอาเศษดินทิ้งลงในชักโครก แต่ดูเหมือนว่าการขุดอุโมงค์เพื่อหนีมันไม่ง่ายอย่างนั้น

ต่อมา เดอะแกร็บเบอร์เอาอาหารมาให้ฟินนีย์ ตอนกลับขึ้นไปมันแกล้งเปิดประตูทิ้งไว้ ระหว่างนั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เสียงปลายสายเป็นเสียงของบิลลี เด็กส่งหนังสือพิมพ์ที่โดนลักพาตัวก่อนหน้านี้ บิลลีเตือนฟินนีย์ว่าอย่าเปิดประตูออกไป เพราะเป็นกับดัก ถ้าฟินนีย์หนีออกไปมันจะฆ่าทิ้งทันที บิลลีได้บอกวิธีหนี มีสายเคเบิลซ่อนอยู่ตรงรอยแยกบนพื้น ให้เอาสายเคเบิลปีนหนีไปทางตะแกรงเหล็ก … ฟินนีย์ทำตามที่บิลลีแนะนำ เขาปีนไปถึงช่องตะแกรงเหล็ก แต่ทว่าน้ำหนักตัวที่มากเกินไปทำให้ตะแกรงเหล็กหลุดออกมา ร่างฟินนีย์ร่วงกระแทกพื้น แผนการหนีล้มเหลวอีกครั้ง

ตามหา

เกว็นเปิดอกคุยกับพ่อ เกว็นเข้าใจความรู้สึกพ่อที่ไม่ต้องการให้เธอฝัน พ่อไม่ต้องการให้เธอมีอาการหลอนเหมือนที่แม่เป็น แต่ครั้งนี้เธอต้องการใช้ความฝันตามหาฟินนีย์ “ถ้ามันช่วยให้หาฟินนีย์เจอล่ะ ?” พ่อจำใจตกลงอย่างไม่มีทางเลือก

ผ่านไปหลายวัน เกว็นยังไม่ฝันเห็นเบาะแสสำคัญ เข้าวันนั้น เธอตื่นขึ้นมาพบว่าเมื่อคืนไม่ฝันถึงอะไรเลย เธอจึงแสดงความเดือดดาลปากแจ๋วต่อหน้ารูปปั้นพระเยซู “ท่านยัดเยือดความสามารถพิเศษนี้มาให้ แต่ทำไมไม่ให้หนูฝันเห็นเบาะแสที่ช่วยตามฟินนีย์ได้ล่ะ หรือว่าท่านไม่มีอยู่จริง !?”

ระหว่างนั้น นักสืบก็ไปเคาะตามบ้านละแวกใกล้เคียงที่ต้องสงสัย จนไปเจอบ้านของชายที่ชื่อแม็กซ์ เขากระตือรือร้นที่จะให้นักสืบทั้งสองเข้ามาในบ้าน มันเป็นบ้านของพี่ชายเขา จากนั้นแม็กซ์ก็ให้ดูแผ่นชาร์ตที่เต็มไปด้วยข้อมูลคดีเดอะแกร็บเบอร์ เขาชี้จุดต้องสงสัยที่คาดว่าจะเป็นที่ที่เดอะแกร็บเบอร์ใช้ขังเด็ก “มันต้องลักพาตัวเด็กกลับบ้านมันให้เร็วที่สุด แล้วบ้านมันก็ต้องมีโรงรถ” นักสืบทั้งสองฟังแม็กซ์จ้อเหมือนกับพวกสติเฟื่อง จึงให้นามบัตรไว้แล้ว (พี่ชายของแม็กซ์คือเดอะแกร็บเบอร์ และชั้นใต้ดินก็เป็นที่ขังฟินนีย์ แต่แม็กซ์ไม่รู้)

โทรศัพท์สีดำดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้ปลายสายเป็นเด็กชายชื่อกริฟฟิน จังหวะนั้นเอง ผีเด็กกริฟฟินก็โผล่ออกมาในสภาพถูกปาดคอเลือดเต็มตัว ฟินนีย์ตกใจแต่ก็พยายามควบคุมความกลัวเอาไว้ … กริฟฟินบอกกับฟินนีย์ว่า ตอนนี้เดอะแกร็บเบอร์หลับอยู่ แล้วบอกรหัสเปิดกุญแจประตูด้านนอก

ฟินนีย์ทำตาม เดอะแกร็บเบอร์มันหลับอยู่จริง ๆ ฟินนีย์เดินออกไปที่ประตูและใช้รหัสนั้นเปิดกุญแจที่ใช้ล็อกประตูจนหนีออกไปได้ แต่ดูเหมือนว่าโชคจะไม่เข้าข้าง เมื่อฟินนีย์โผล่ร่างออกไป เจ้าแซมสัน หมาของเดอะแกร็บเบอร์ก็เห่าดังลั่น เดอะแกร็บเบอร์สะดุ้งตื่นและรีบขับรถออกไปตามฟินนีย์กลับมาได้ “ถ้าแกส่งเสียงแม้แต่แอะเดียว ฉันจะฆ่าแกซะ”

ฟินนีย์ถูกจับมาขังไว้ที่เดิม แล้วเสียงโทรศัพท์จาก Black Phone ก็ดังขึ้น ครั้งนี้ปลายสายเป็นเสียงของแวนซ์ เด็กหนุ่มทรงเฮฟวีเมทัลเลือดร้อนสุดโหด จังหวะนั้นภาพได้ย้อนกลับไปให้เห็นวีรกรรมความเถื่อนของแวนซ์ ที่อัดเด็กคนหนึ่งจนหมอบแล้วใช้มีดกรีดที่มือของเด็กคนนั้น

ตัดกลับมาที่ห้องขังใต้ดิน ฟินนีย์ได้รับคำแนะนำจากแวนซ์ให้ทุบกำแพงที่ห้องน้ำออกไป ตรงนั้นเป็นจุดที่กำแพงบางสามารถทุบได้ เมื่อทุบออกไปแล้วจะเจอทางหนี … ฟินนีย์ทุบกำแพงออกไปจริง ๆ แต่ก็ต้องไปติดกับตู้แช่ขนาดใหญ่ที่วางขวางเอาไว้

สายสุดท้าย

ระหว่างที่ฟินนีย์กำลังนั่งร้องไห้กับความล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า เสียงโทรศัพท์ก็ดัง คราวนี้ปลายสายคือโรบินเพื่อนซี้ โรบินบิวต์ให้ฟินนีย์สู้อย่ายอมแพ้ “นายต้องสู้แล้วแก้แค้นให้ฉัน” โรบินสอนให้ฟินนีย์ใช้หูโทรศัพท์เป็นอาวุธ โดยเอาดินใส่เข้าไปในหูโทรศัพท์เพื่อให้มีน้ำหนัก แล้วใช้มันฟาดใส่เดอะแกร็บเบอร์ “ขอให้นายโชคดีนะฟินนีย์ สายนี้จะเป็นสายสุดท้าย จากนี้ไปนายต้องสู้ด้วยตัวเอง ลาก่อน”

เมื่อคืน เกว็นฝันเห็นตัวเลขสี่ตัวเหมือนเป็นบ้านเลขที่ เธอจึงใส่เสื้อกันฝนออกขี่จักรยานระหว่างที่ฝนกำลังแทลงมาอย่างหนัก เพื่อตามหาบ้านเลขที่ที่เห็นในฝัน ระหว่างขี่จักรยานเธอก็กล่าวขอโทษพระเยซูที่กล่าวล่วงเกินไปเมื่อวันก่อน และอ้อนวอนขอให้หาฟินนีย์เจอ … ทันใดนั้น เกว็นก็ถึงกับตกใจรถจักรยานล้ม เมื่อเจอเด็กชาย 5 คนยืนขวางถนนอยู่ เมื่อเธอเงยหน้าลุกมาจากพื้นถนนเด็กทั้งห้าก็หายวับไปแล้ว

เกว็นมองไปรอบ ๆ บ้านที่อยู่บริเวณนั้นก็พบว่าตรงกับที่เธอฝัน มันต้องเป็นที่ที่ใช้ขังฟินนีย์เอาไว้แน่ ๆ เกว็นรีบโทร. หานักสืบทันที

ในส่วนของแม็กซ์ที่กำลังหมกมุ่นอยู่กับคดีเดอะแกร็บเบอร์ เขาเกิดสงสัยขึ้นมาว่า เดอะแกร็บเบอร์อาจจะเป็นพี่ชายของเขา เพื่อให้หายสงสัยเขาจึงเดินลงมาที่ชั้นใต้ดิน เมื่อเปิดประตูแม็กซ์ถึงกับสบถออกมาเมื่อเห็นฟินนีย์ยืนอยู่ ฟินนีย์พยายามร้องขอให้แม็กซ์ช่วย แต่ยังไม่ทันที่แม็กซ์จะได้ทำอะไร ขวานจากมือเดอะแกร็บเบอร์ก็จามลงกลางกบาล หัวแม็กซ์แบะออกเป็นสองซีก ฟินนีย์กรีดร้องสุดเสียงด้วยความตกใจ !

“แกทำให้ฉันต้องฆ่าน้องตัวเอง แม้มันจะโง่แค่ไหนมันก็เป็นน้องฉัน” เดอะแกร็บเบอร์พูดจบก็เรียกเจ้าหมาแซมสันลงมา มันต้องการให้ฟินนีย์ตายอย่างทรมานที่สุด สมกับที่ทำให้น้องมันต้องตาย แต่ฟินนีย์ตอนนี้เลือดขึ้นหน้า แม้จะเป็นแค่เด็กมัธยมต้นแต่ด้วยความช่วยเหลือของผีเด็กอีกห้า ในที่สุด ฟินนีย์ก็จัดการเดอะแกร็บเบอร์ได้สำเร็จ โดยใช้หูโทรศัพท์ที่บรรจุดินอยู่ด้านในฟาดเข้าที่หน้าของมัน และใช้สายโทรศัพท์รัดคอมัดจนตายคามือ … ตายอนาถ

เกว็นกับเหล่านักสืบและตำรวจอีกจำนวนก็เข้าค้นบ้านต้องสงสัย ทว่าบ้านหลังนั้นเป็นบ้านที่ใช้ฝังศพเด็กที่มันฆ่าไปแล้วก่อนหน้าทั้งห้าคน

ฟินนีย์เดินออกมาจากบ้านอีกฟากหนึ่งเพียงลำพัง เกว็นเห็นพี่ชายก็รีบวิ่งออกไปกอดด้วยความดีใจ ต่อมา พ่อรีบตามมาคุกเข่าต่อหน้าลูกแล้วกล่าวคำว่าขอโทษทั้งน้ำตาออกมาไม่หยุด

หลังปิดคดี ตำรวจแถลงข่าวต่อประชาชนว่า เดอะแกร็บเบอร์มีบ้านสองหลัง หลังหนึ่งไว้ขังเหยื่อ อีกหลังอยู่ตรงข้ามเอาไว้เป็นที่อำพรางศพหลังก่อเหตุฆาตกรรม

ส่วนชีวิตหลังจากนั้นของฟินนีย์ ก็กลายเป็นที่กล่าวถึงในโรงเรียน แล้วก็ไม่มีใครกล้าแกล้งเขาอีกเลย

จบบริบูรณ์

ดู The Black Phone ที่ HBO GO : คลิกที่นี่