Skip to content
สรุปเนื้อเรื่องซีรีส์ My Lovely Liar (2023)

สรุปเนื้อเรื่องซีรีส์ My Lovely Liar (2023)

My Lovely Liar สปอยล์ : หญิงสาวผู้มีความสามารถพิเศษในการจับโกหก เธอจึงใช้มันหาเงิน ในทางกลับกัน เธอก็คิดว่ามันเป็นคำสาปที่ไม่มีวันหลุดพ้น …

EP.1 นักล่าคนโกหก

มกซลฮี (รับบทโดย คิมโซฮยอน) หญิงสาวผู้มีความสามารถพิเศษในการจับโกหกคน เมื่อไรก็ตามที่เธอได้ยินคำพูด จะมีสัญญาณเตือนในหัวว่า คำพูดนั้นเป็นความจริงหรือโกหก ซลฮีใช้ความสามารถนี้เป็นเครื่องมือในการหาเลี้ยงชีพ โดยตั้งตัวเป็น ‘นักล่าคนโกหก ผู้รับใช้จิตวิญญาณแห่งความจริง’

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2018 … แก๊งนักเลงว่าจ้างซลฮีให้มาจับผิดลูกน้องที่ทรยศ ทำให้ลูกน้องคนนั้นตามล่าล้างแค้น ซลฮีจึงต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปกรุงโซล

ระหว่างอยู่บนรถโดยสาร ซลฮีพบกับ คิมโดฮา (รับบทโดย ฮวังมินฮยอน) ชายหนุ่มที่กำลังเดินทางไปโซลเช่นเดียวกัน เขากำลังถูกพี่ชายของแฟนเก่าเข้าทำร้ายร่างกาย เพราะเข้าใจว่าโดฮานอกใจน้องสาว ซลฮีจึงเข้าไปช่วย เพราะเธอรู้ว่าสิ่งที่โดฮาพูดเป็นความจริง

5 ปีต่อมา (2023)

ซลฮียังคงรับจ้างเป็น ‘นักล่าคนโกหก’ แต่จะรับเฉพาะลูกค้าเศรษฐีไฮโซ กิจการของซลฮีเจริญรุ่งเรืองจนมีเงินทองมากมาย

ซลฮีมีคาเฟ่ไพ่ทาโรต์เป็นหน้าร้านไว้รับลูกค้าที่มาใช้บริการล่าคนโกหก คาเฟ่ตกแต่งในสไตล์หลอนจัด แม้แต่พนักงานต้อนรับของที่นี่ก็ยังแต่งตัวและทำหน้าตาหลอน ๆ อีก ไม่เพียงแต่ลูกค้าที่มาใช้บริการจะต้องเจอกับประสบการณ์หลอนเป็นด่านแรก ลูกค้ายังต้องบอกรหัสลับให้ถูกต้องอีกด้วย ก่อนที่จะได้เข้าพบซลฮีแบบตัวเป็น ๆ

ในขณะที่โดฮากลายเป็นโปรดิวเซอร์เพลงมือรางวัล ถึงอย่างนั้นเขาก็ใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว เนื่องจากปมในอดีตบางอย่างเกี่ยวกับแฟนเก่า เขามักจะปิดกั้นตัวเอง เวลาออกไปข้างนอกเขามักจะใส่แมสก์และสวมเสื้อฮูดอยู่ตลอดเวลา แม้แต่ตอนที่เขาได้รับรางวัล เขาก็ไม่เดินทางไปรับรางวัลด้วยตัวเอง

ว่าที่จริง ไม่เคยมีใครเคยเห็นหน้าตาจริง ๆ ของโดฮาเลย แม้เขาจะเป็นโปรดิวเซอร์ที่ค่ายเพลงต่าง ๆ ต้องการตัว

ถึงอย่างนั้นโดฮาก็มีเพื่อน หนึ่งคือ ‘ประธานโจดึกชาน’ (รับบทโดย ยุนจีออน) เจ้าของเจเอ็นเตอร์เทนเมนต์ สองคือไอดอลสาว ‘ชาอน’ (รับบทโดย อีชีอู) ทั้งสองเปรียบเสมือนเป็นพี่น้องของโดฮา เพราะทั้งสามร่วมกันฝ่าฟันความลำบากมาด้วยกัน จนประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้

โจรโรคจิต

คืนนั้น ซลฮีบังเอิญเจอโดฮาในร้านสะดวกซื้อ โดฮาที่สวมเสื้อฮูดใส่แมสก์ปกปิดใบหน้าจนเห็นแค่ลูกตา บังเอิญที่ร้านมีประกาศจับโจรล่วงละเมิดทางเพศแปะอยู่ เป็นภาพคนร้ายใส่เสื้อฮูดใส่แมสก์สีดำปกปิดใบหน้าเช่นเดียวกัน ซลฮีเหลือบไปเห็นประกาศนั้นเข้าพอดี เธอนึกในใจ หรือว่าเจ้านี้คือโจรโรคจิตหื่นกามที่ตำรวจกำลังตามจับ ?

หลังจากซื้อของเสร็จ ซลฮีก็เดินออกจากร้าน โดยมีโดฮาตามมาอยู่ห่าง ๆ แล้วก็ให้บังเอิญว่า โดฮาดันทำกระป๋องน้ำหล่นกลิ้งไปทางซลฮี เขาจึงวิ่งจะไปเก็บกระป๋อง … เอาล่ะสิ ซลฮีที่คิดอยู่แล้วว่าโดฮาเป็นโจรหื่นกาม จึงรีบวิ่งหนีป่าราบด้วยความเข้าใจผิด ทิ้งให้โดฮายืนถือกระป๋องยืนงงอยู่อย่างนั้น

งานงอก ชาวบ้านแถวนั้นเห็นโดฮาเดินป้วนเปี้ยนไปมาจึงคิดว่าเป็นโจรโรคจิต จึงพากันเข้าไปจับตัวส่งตำรวจ ขณะนั้นเอง มีชาวบ้านคนหนึ่งพยายามจะเอื้อมมือไปดึงแมสก์เขา ซลฮีที่ยืนอยู่ด้วยจึงตะโกนห้าม แล้วบอกกับทุกคนว่าเขาไม่ใช่คนร้าย

ชาวบ้านจำนวนหลายสิบคนที่ยืนอยู่ต่างพากันงง “รู้ได้ยังไงว่าเจ้านี่ไม่ใช่คนร้าย ?” ซลฮีจึงหันไปบอกกับทุกคนด้วยสีหน้าที่แฝงด้วยรอยยิ้มเล็ก ๆ ว่า “ฉันบอกว่าใช่ ก็คือใช่”

EP.2 ฉันบอกว่าใช่ก็คือใช่

ซลฮีแน่ใจว่าโดฮาพูดความจริง เธอจึงช่วยยืนยันต่อชาวบ้านว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ จากนั้น โดฮาก็เดินเข้าอพาร์เมนต์ที่เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ โดยไม่รู้ว่าเพื่อนบ้านข้างห้องของเขาคือซลฮี

จริง ๆ แล้วโดฮาจำซลฮีได้ตั้งแต่ที่ได้ยินเธอพูดว่า “ถ้าฉันบอกว่าใช่ ก็คือใช่” ซึ่งเป็นประโยคเดียวที่เธอเคยพูดกับเขาบนรถบัสเมื่อห้าปีก่อน และถึงตอนนี้เขาก็มั่นใจว่า ซลฮีจำเขาไม่ได้

วันแดงเดือด

คืนต่อมา ซลฮีตั้งนาฬิกาปลุกเอาไว้ตอนตีสองสี่สิบห้า เพื่อตื่นขึ้นมาดูบอลศึกวันแดงเดือด ซลฮีใช้เสื้อแมนยูเต็มยศ พร้อมด้วยพร็อพมากมายเต็มห้องที่แสดงให้เห็นว่า เธอขายวิญญาณให้ปีศาจ กลายเป็นเด็กผีเป็นที่เรียบร้อย

เวลาผ่านไปไม่นาน แมนยูก็ซัดประตูขึ้นนำ ซลฮีตะโกนเสียงหลงด้วยความดีใจ เสียงตะโกนของเธอทำเอาโดฮาที่อยู่ข้างห้องสะดุ้งตื่น และทำให้เขารู้ว่าบอลนัดแดงเดือดกำลังเตะกันอยู่ เขาจึงรีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูบอลคู่นัดหยุดโลกทันที

เชียร์บอลกลางดึกแบบนี้ก็หิว ทั้งโดฮาและซลฮีจึงสั่งไก่ทอดมากิน พนักงานมาส่งไก่ เมื่อเปิดประตูห้องออกมาทั้งสองจึงป๊ะกัน ซลฮีตกใจที่เพื่อนบ้านข้างห้องของเธอคือโดฮา แต่ที่ตกใจยิ่งกว่าคือ โดฮาสวมเสื้อหงส์แดงลิเวอร์พูล คู่แค้นตลอดกาลของแมนยูทีมที่เธอเชียร์นั่นเอง แหม่

เมื่อบอลจบ ซลฮีกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจที่แมนยูชนะ ส่วนโดฮาเด็กหงส์ผู้ปราชัยก็ต้องปิดไฟนอนรักษาแผลใจไปอย่างเงียบ ๆ เพราะนัดนี้ไม่ใช่นัด 7-0 บอกเลย 555

รุ่งขึ้น ซลฮีเห็นรถสปอร์ตสีฟ้าสุดเท่จอดอยู่หน้าอพาร์ตเมนต์ เธอได้แต่สงสัยว่าทำไมรถราคาแพงแบบนี้จึงมาจอดอยู่หน้าอพาร์ตเมนต์ถูก ๆ จนเมื่อเห็นว่าเจ้าของรถคือโดฮา ซลฮีก็ยิ่งเกิดความสงสัยเป็นเท่าทวีคูณ

จังหวะนั้น คนขับรถส่วนตัวของซลฮีก็เผลอทำโทรศัพท์หล่นใส่รถของโดฮาจนเป็นรอย แต่โดฮาก็บอกว่า “ไม่เป็นไร” คำพูดนี้ของโดฮายิ่งทำให้ซลฮีแปลกใจเข้าไปอีก เพราะคำว่าไม่เป็นไรมักจะเป็นคำที่คนมักจะใช้เป็นคำโกหกที่บ่อยที่สุด แต่เอ๊ะ ทำไมคำว่าไม่เป็นไรของโดฮาจึงไม่ใช่คำโกหกซะอย่างนั้น

โดฮาจึงขอให้ประธานโจดึกชานเปลี่ยนรถ จากรถซูเปอร์คาร์เป็นรถที่เด่นน้อยลงให้เขา

โฉมหน้าที่แท้จริง

วันนั้น นักแต่งเพลงขี้อิจฉาก็มาจ้างซลฮีเพื่อให้ไปจับโกหกโดฮา เพราะสงสัยว่าโดฮาก๊อปปี้เพลงที่เขาแต่ง เขานัดกับโดฮาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง โดยนัดแนะให้ซลฮีแอบฟังอยู่ที่ห้องเล็ก ๆ ติดกับโต๊ะที่เขากับโดฮานั่ง

โดฮามาตามนัดตรงเวลาเป๊ะ … สรุปคือ ซลฮีไม่พบว่าโดฮาพูดโกหกเลย นั่นหมายความว่าเขาไม่ได้ก๊อปปี้เพลงของนักแต่งเพลงขี้อิจฉา

เสร็จงาน ซลฮีกลับไปถึงหน้าอพาร์ตเมนต์ก็เห็นหนุ่มข้างห้องนั่งเมาหลับอยู่ เธอจึงเดินเข้าไปดูอาการ แต่เอ๊ะ ทำไมเขาเหมือนกับโดฮาเลยล่ะ ?

ด้วยความสงสัย ซลฮีจึงถือวิสาสะเปิดแมสก์ของเขาออก แล้วเธอก็เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของโดฮา ทันใดนั้นเอง โดฮาก็ได้สติขึ้นมาคว้ามือเธอเอาไว้ แล้วทั้งคู่ก็มองหน้ากันด้วยความตกใจ

EP.3 ทุกครอบครัวล้วนแล้วแต่มีปัญหา

โดฮาตกใจ อีกทั้งยังไม่พอใจที่ซลฮีเปิดแมสก์ของเขาออก โดฮาจึงรีบเดินหนีไปโดยที่ไม่ได้พูดอะไร เขากลับมาที่คอนโดสุดหรูเพื่อหลบหน้าซลฮี

โดฮากระวนกระวายใจที่ซลฮีเห็นหน้าของเขา เพราะกลัวเธอจะจำได้ว่า เขาเคยมีข่าวเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมแฟนสาว ถ้าเรื่องนี้ไปถึงหูนักข่าวจะส่งผลกระทบไปถึงธุรกิจเพลงของเจเอ็นเตอร์เทนเมนต์

ส่วนซลฮีเองก็รู้สึกผิดที่ถือวิสาสะ แต่ก็ไม่เข้าใจว่าแค่เปิดแมสก์ดูหน้าจะอะไรกันนักกันหนา เธอจึงเสิร์ชข้อมูลของโดฮา จึงได้รู้ว่าที่เขาย้ายมาอยู่ที่อพาร์ตเมนต์แห่งนี้ เพราะต้องการหลบนักข่าวที่คอยตามจิก และเธอก็ได้รู้อีกว่า เขาเป็นนักแต่งเพลงที่มีค่าลิขสิทธิ์สูงสุดในสังกัดเจเอ็นเตอร์เทนเมนต์

ผ่านไปหลายวัน โดฮาต้องหนีนักข่าวที่คอนโดกลับมาที่อพาร์ตเมนต์ เขาบังเอิญเจอกับซลฮี เธอจึงขอโทษเขาที่ถือวิสาสะเปิดหน้าเขา “ฉันสงสัยว่าทำไมคุณต้องใส่แมสก์ตลอดเวลา ก็เลยทำไปโดยไม่ได้คิดให้ดี”

คืนนั้น ระหว่างที่โดฮากำลังทำงานอยู่ในห้อง ก็มีคนมาเคาะประตู เขาจึงหยิบแมสก์มาใส่ก่อนจะเปิดประตูออกไป ก็เห็นหญิงคนหนึ่งถือกระดาษแผ่นใหญ่มีข้อความเขียนว่า เธอพูดไม่ได้เนื่องจากป่วยเป็นโรคเส้นเสียงอักเสบ ต้องการเงินไปผ่าตัด พูดง่าย ๆ ก็คือมาขอเรี่ยไรเงินบริจาคนั่นแหละ

เจอมุกนี้เข้าไป โดฮาก็งง แต่ที่งงยิ่งกว่าคือหญิงคนนั้น เพราะเธอดันเคาะประตูผิดห้อง จังหวะนั้น ซลฮีเดินออกมาจากลิฟต์พอดี จึงทักหญิงคนนั้นว่า “แม่ นี่แม่คิดจะต้มตุ๋นลูกสาวตัวเองเลยเหรอ” ที่แท้หญิงคนนั้นคือแม่ของซลฮีนั่นเอง และตั้งใจจะเคาะประตูห้องลูกสาวแต่ดันเคาะผิดห้อง

ซลฮีสวดแม่ตัวเองยกใหญ่ ตั้งแต่เธอเกิดมาถึงตอนนี้ แม่ก็ยังไม่เลิกเป็น ‘มิจ’ หลอกต้มตุ๋นเงินชาวบ้าน แต่ด้วยความเป็นแม่ ซลฮีจึงยื่นเงินให้แม่ไปก้อนหนึ่งอย่างจำใจ เพราะไม่ต้องการให้แม่ไปหลอกต้มตุ๋นเงินคนอื่นอีก ทั้งสองโต้เถียงกันอยู่พักใหญ่ก่อนแม่จะกลับไป

ซลฮีออกมายืนรับลมที่ระเบียง เธอเห็นโดฮายืนอยู่ที่ระเบียงเช่นกัน เขาจึงพูดปลอบใจเธอว่า ทุกครอบครัวก็มีปัญหากันทั้งนั้นแหละ “คุณลองมองรอบ ๆ ตัวดูสิ แล้วคุณก็จะเห็นว่าไม่มีครอบครัวไหนไม่มีปัญหา ครอบครัวผมก็เป็นเหมือนกันนะ”

ความรักกับการโกหก

วันนี้ มีลูกค้าสาวมาจ้างซลฮีให้จับโกหกผู้ชายที่กำลังคบกัน เนื่องจากไม่แน่ใจว่าที่เขาคบกับเธอ เพราะความรักหรือสถานะทางครอบครัว … ซลฮีแจ้งกับลูกค้าว่า ว่าที่เจ้าบ่าวพูดโกหกหลายอย่าง แต่ถึงอย่างนั้น ลูกค้าสาวก็ยังยืนยันว่ายังจะคบกับเขาต่อไป เพราะเธอรักเขามาก ซลฮีได้ยินแบบนั้นจึงแนะนำว่า ถ้าต้องแต่งงานกับผู้ชายที่ชอบโกหกแบบนี้ ชีวิตคู่จะไม่มีความสุขนะ … ทันใดนั้น ชายหนุ่มก็เดินมาหาลูกค้าสาวพร้อมกับเพื่อน ๆ แล้วเขาก็เซอร์ไพรส์ด้วยการขอเธอแต่งงาน

ซลฮีรู้สึกผิดที่ไปแนะนำให้ลูกค้าสาวเลิกกับแฟน จึงเอาเงินค่าจ้างไปคืน ระหว่างนั้น ซลฮีก็นึกย้อนกลับไปในอดีต ตอนที่เธอบอกเลิกกับ อีคังมิน (รับบทโดย ซอจีฮุน) ในตอนนั้นเธอบอกเลิกเขา เพียงเพราะเขาโกหกว่าตั้งใจจะแต่งงานกับเธอ

ความรักในอดีตทำให้ซลฮีรู้สึกอีน ๆ เธอจึงแวะไปดื่มที่คลับแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นร้านที่โดฮาเล่นเปียโนอยู่ เมื่อเห็นซลฮีดื่มจนเมามาย โดฮาจึงชวนเธอกลับด้วยกัน

เมื่อมาถึงอพาร์ตเมนต์ ซลฮีสังเกตเห็นชายท่าทางแปลก ๆ สองคนกำลังรื้อตู้จดหมาย เธอจึงแกล้งเข้าไปถามนู่นนี่นั่น คำตอบของชายทั้งสองมีแต่คำโกหก ซลฮีจับสังเกตจนรู้ว่าทั้งสองเป็นนักข่าวที่มาตามสืบเรื่องโดฮา เธอจึงรีบเดินไปหาโดฮาที่รถแล้วทำทีเป็นแฟน กอดกันตัวกลมเดินตุปัดตุเป๋พาเขาหลบหน้านักข่าวขึ้นอพาร์ตเมนต์ได้สำเร็จ

EP.4 กงล้อแห่งโชคชะตา

หลังหลบนักข่าวได้สำเร็จ ซลฮีจึงให้โดฮามาซ่อนตัวอยู่ที่ห้องของเธอ ระหว่างนั้นเธอก็ชวนเขาคุยนู่นนี่นั่นสารพัดเพื่อจับโกหก แต่กลายเป็นว่าเขาพูดความจริงทุกเรื่อง จนทำให้ซลฮีถึงกับเกิดอาการสับสน หรือว่าพลังจับโกหกของเธอจะใช้ไม่ได้ผลกับเขา ?

ด้านนักข่าวทั้งสองก็ยังคงไม่ไปไหน กระทั่งมีพนักงานส่งของเดินออกมาจากลิฟต์ นักข่าวจึงถือวิสาสะถ่ายรูป เป็นเรื่องสิ พนักงานส่งของไม่พอใจที่อยู่ดี ๆ มาถ่ายรูปเขา จึงเกิดมีปากเสียงกันจนกล้องหล่นกระแทกกับพื้น … เจ้าหน้าที่อีคังมิน (แฟนเก่าซลฮี) จึงเชิญทั้งสามไปโรงพัก แล้ว …

แล้วซลฮีก็เปิดประตูออกมาป๊ะกับอีคังมินพอดี๊พอดี โมเมนต์เดดแอร์จึงเกิดขึ้น ในหัวของอีคังมินอยากจะกล่าวขอโทษถึงเรื่องในอดีต และอยากจะบอกว่าคิดถึงเธอมาก ๆ แต่ทว่า สายตาของเขาดันเหลือบไปเห็นรองเท้าโดฮาอยู่หน้าห้องของเธอ เขาจึงเข้าใจผิดว่าเธอมีแฟนใหม่แล้ว คำพูดที่คิดเอาไว้ในหัวจึงอยู่ในหัวต่อไป โดยที่เขาไม่ได้พูดมันออกมา

คังมินกลับไปแล้ว โดฮาจึงบอกกับซลฮีให้ไปอธิบายคังมิน เพราะดูเหมือนเขาจะเข้าใจผิด

ต่อมา ซลฮีได้เจอคังมินโดยบังเอิญ คราวนี้คังมินกล่าวคำขอโทษกับสิ่งที่เขาทำในอดีต ซลฮีสีหน้าเรียบเฉยแล้วตอกกลับ “ที่ขอโทษเนี่ย ขอโทษเรื่องไหนล่ะ เรื่องที่ขอแต่งงานแล้วเปลี่ยนใจ หรือเรื่องที่ฉันบอกเลิก แล้วพี่ก็เปลี่ยนเบอร์โทร. แล้วย้ายบ้านหนี” คังมินก้มหน้าด้วยความรู้สึกผิด

“ตลอดสามปีพี่ไม่เคยติดต่อหาฉันเลย พอบังเอิญมาเจอแล้วก็มาขอโทษอะไรไร้สาระเนี่ย” น้ำตาเริ่มเอ่อล้นดวงตาของซลฮี แล้วเธอก็บอกไปว่าเธอมีแฟนใหม่แล้ว ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่โดฮาเดินมาพอดี ซลฮีจึงทำสีหน้าส่งซิก โดฮาก็เออ ๆ ออ ๆ ไปตามน้ำ แล้วก็เอื้อมมือไปจับมือซลฮีเพื่อแสดงความเป็นแฟน เมื่อคังมินเห็นแบบนั้นจึงขอโทษแล้วเดินจากไป

ซลฮีพยายามจะดึงมือออกจากมือโดฮา แต่โดฮายังกำมือเธอเอาไว้แน่น เขาอ้างว่าต้องแสดงให้เนียนเผื่อคังมินกลับมาเห็น นั่นแหละ ทั้งสองจึงเดินจูงมือกันจนไปถึงอพาร์ตเมนต์

คำโกหกแรก

วันต่อมา โดฮาแจ้งกับประธานโจดึกชานว่าเขาอยากเลิกทำเพลงให้กับชาอน เพราะตอนนี้มีโปรดิวเซอร์มือดีมากมายพร้อมที่จะทำเพลงให้กับชาอน … ประธานโจดึกชานจึงเอาเรื่องนี้ไปบอกกับชาอน เหมือนฟ้าผ่าลงกลางหัวใจ

สำหรับชาอนแล้ว โดฮาคือที่สุดของหัวใจ เธอรักเขาสุดหัวใจแม้จะเป็นรักข้างเดียวก็เถอะ เพราะเขาเป็นคนเดียวที่เชื่อมั่นในตัวเธอตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็กฝึก ตอนนั้นเธอตัวอวบอ้วนทำให้ไม่ได้เดบิวต์เหมือนคนอื่น ๆ กำลังใจจากโดฮานี่แหละ ที่ทำให้เธอมุ่งมั่นสู้จนวันนี้ได้เป็นไอดอลชื่อดัง วันนั้นทั้งวันชาอนได้แต่ร้องไห้จนตาบวม

ทีนี้ ซลฮีก็ยังคงคาใจ เธอต้องการจับโกหกโดฮาให้ได้ คนอะไรจะไม่เคยโกหกเลย ซลฮีจึงทำทีเป็นตีสนิทกับโดฮาด้วยการชวนเขาไปกินอาหารที่ร้านอร่อย ๆ คืนนั้นทั้งสองจึงไปกินข้าวด้วยกัน ระหว่างนั้นโดฮาก็รับโทรศัพท์จากชาอน …

“ห้ามวางสาย ถ้าวางสาย พี่จะได้ยินเสียงฉันเป็นครั้งสุดท้าย … ฉันรู้สึกว่าถ้าไม่ได้ร้องเพลงที่พี่แต่งอีก มันทำให้ฉันดูไร้ค่า ขอบคุณนะที่ทนกับความงี่เง่าของฉันมาตลอด” น้ำเสียงชาอนดูเศร้าอย่างบอกไม่ถูก พูดจบเธอก็กดวางสายทันที โดฮาพยายามโทร. กลับแต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ เขารู้ในทันทีว่าต้องเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแน่นอน

โดฮารีบเดินออกขึ้นรถเพื่อขับไปหาชาอน แต่ด้วยความที่อาการแพนิคกำเริบ ซลฮีจึงอาสาจะเป็นคนขับรถให้ ระหว่างทางเขาขอร้องให้เธอเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ห้ามไม่ให้ใครรู้เรื่องนี้เด็ดขาด

เมื่อไปถึงชายหาด โดฮาจึงรีบวิ่งไปดึงตัวชาอนที่กำลังเดินลงทะเล เขาลากเธอขึ้นมาบนรถ เมื่อชาอนเห็นซลฮีนั่งอยู่ก็ถามรัว ๆ ด้วยความสงสัยว่าคือใคร แต่โดฮาไม่ตอบ ทำให้ชาอนเข้าใจว่าทั้งสองกำลังคบกัน ก่อนจะตวาดใส่หน้าโดฮา “ถ้าเป็นแบบนี้ก็น่าจะปล่อยฉันให้ตาย ๆ ไปซะเลย” … ซลฮีได้ยินคำพูดนี้ของชาอนก็รู้ทันทีว่าเธอโกหก

โดฮาเห็นชาอนแสดงนิสัยแย่ ๆ ออกมาจึงว้ากใส่ แล้วไล่ให้ออกมาจากรถ ก่อนจะส่งตัวไปให้ผู้จัดการส่วนตัวของเธอดูแลต่อไป

ระหว่างทางที่ซลฮีขับรถพาโดฮากลับอพาร์ตเมนต์ เขาก็หลับไปแล้วก็ฝันถึงเหตุการณ์ในอดีตตอนที่เขาถูกตำรวจสอบสวนในฐานะผู้ต้องสงสัยฆ่าคนตาย โดฮาถึงกับละเมอออกมาว่า “ไม่ใช่ ผมไม่ได้ฆ่าเธอ” ซลฮีได้ยินประโยคนี้จากปากโดฮา แล้วก็พบว่าเขาโกหก !

หรือว่าโดฮาจะเป็นฆาตกรจริง ๆ ?

EP.5 คำโกหกแรก

หลังได้ยินคำโกหกแรกจากปากโดฮา ซลฮีก็พาเขาไปนอนพักที่ห้อง และได้อยู่ดูแลเขาตลอดทั้งคืนเพราะเขาไข้ขึ้นสูงและหมดสติไป ซลฮีเองก็เผลอหลับไปเช่นกัน … เมื่อตื่นขึ้นมาตอนเช้า โดฮากลับบอกซลฮี ให้คิดว่าเขาไม่มีตัวตนและเลิกสนใจเขา

คืนนั้น โดฮาไปเล่นเปียโนที่คลับตามปกติ แต่คืนนี้เขาไม่มีสมาธิเลย เพราะมีเรื่องกวนใจเต็มหัวไปหมด เขาจึงบอกกับเจ้าของคลับว่าเขาอยากย้ายมาอยู่ที่นี่ชั่วคราว … ระหว่างนั้น ซลฮีก็อดคิดถึงและเป็นห่วงโดฮาไม่ได้ เธอได้แต่คิดว่าเขาคงย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้ว

ระหว่างนั้น ก็มีผู้แอบอ้างว่าตัวเองเป็นโดฮา โดยใส่แมสก์ใส่เสื้อฮูดปกปิดใบหน้า โดฮาตัวปลอมอัดคลิปใส่ร้ายเจเอ็นเตอร์เทนเมนต์ว่าเป็นแหล่งรวมของนักก๊อบปี้เพลง หลังคลิปนี้เผยแพร่ในอินเทอร์เน็ต ราคาหุ้นของเจเอ็นเตอร์เทนเมนต์ก็ร่วงลงทันที

ประธานโจดึกชานพยายามโทร. ติดต่อโดฮา เพื่อให้ออกมาชี้แจง แต่โทร. เท่าไรก็โทร. ไม่ติด เพราะโดฮาปิดโทรศัพท์ตลอดเวลาขณะที่อาศัยอยู่ที่คลับ … ทางเดียวที่ประธานโจดึกชานนึกออกในตอนนี้ คือไปขอความช่วยเหลือจากซลฮี

ซลฮีไปที่คลับ และบอกเรื่องคลิปที่กำลังเป็นข่าวดัง แต่โดฮากลับพูดอย่างไม่แยแส “เดี๋ยวทางบริษัทก็ออกมาปฏิเสธเอง ถ้าคนไม่เชื่อก็ช่วยไม่ได้” พูดจบ เขาหันหลังแล้วก็เดินจากไป

ซลฮีไม่ยอม เธอตวาดไล่หลังโดฮา “คุณนี่ไม่ได้เรื่องเลย โยนภาระให้คนอื่น” จากนั้นทั้งสองก็เถียงกันไปมา ก่อนที่ซลฮีจะจบการโต้เถียงด้วยการขอให้เขาโทร. ไปหาประธานโจดึกชาน “เขาเป็นห่วงนายมากนะ”

ในที่สุด โดฮาก็ตัดสินใจกลับไปที่เจเอ็นเตอร์เทนเมนต์ เมื่อปัญหาคลี่คลาย โดฮาจึงเปิดอกคุยกับชาอนว่า เขาไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับเธอไปมากกว่าเพื่อนร่วมงานและน้องสาว

โดฮากลับมาอยู่ที่อพาร์ตเมนต์เหมือนเดิม เขาส่งข้อความชวนซลฮีไปที่ดูการเล่นเปียโนของเขาที่คลับ … คืนนั้น โดฮาถอดแมสก์และเล่นเปียโนอย่างมีความสุข โดยไม่ต้องหวาดระแวงหรือกังวลอะไรอีกต่อไป

EP.6 แขกที่ไม่ได้รับเชิญ

หลังชมการแสดงเปียโนที่คลับ โดฮาก็ชวนซลฮีไปออกเดตครั้งแรกที่ร้านอาหาร แล้วซลฮีก็ชวนเขาไปก๊งโซจูกันต่อ ดื่มไปดื่มมา ซลฮีก็เมามายหน้าแดงอย่างกับเด็ก ๆ โดฮามองหน้าเธอแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ พักเดียวเท่านั้นแหละ ซลฮีก็ภาพตัดไป หมดสติหัวฟาดไปกับโต๊ะ เสื้อผ้าเปรอะซอสต๊อกบ๊กกีไปทั้งตัว 555

เดตแรกนะ โดฮาก็ต้องแบกซลฮีในสภาพเมาคอตกออกมาจากร้านซะแล้ว เขาแบกซลฮีมาถึงห้อง แล้วก็พาเธอไปนอนบนเตียง ก่อนจะตัดสินใจถอดเสื้อนอกที่เปรอะซอสต๊อกบ๊กกีของเธอออก แหม่ แล้วอยู่ดี ๆ ซลฮีก็ได้งัวเงียลลุกขึ้นมาตบหน้าเขาไปหนึ่งฉาด “ฉันนึกว่าคุณเป็นคนดีซะอีก” อ้าว โดฮาได้แต่ยืนงง ๆ ก่อนที่ซลฮีจะภาพตัดล้มพับไปนอนบนเตียง

เที่ยงอีกวัน ซลฮีงัวเงียตื่นขึ้นมาด้วยอาการเมาค้าง เมื่อจำได้ว่าไปตบหน้าโดฮา เพราะเข้าใจผิดว่าเขาจะทำมิดีมิร้าย ซลฮีก็รู้สึกผิดขึ้นมา “โอ๊ย ฉันทำอะไรลงไปเนี่ย”

แล้วเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น โดฮายื่นเครื่องดื่มแก้เมาค้างให้ ซลฮียื่นมือไปรับถุงเครื่องดื่มแล้วก็ยืนบิดไปบิดมาไม่รู้จะพูดยังไงเรื่องที่ตบหน้าเขาเมื่อคืน โดฮาจึงบอกว่าเขาไม่ได้ติดใจอะไร จากนั้นก็ชวนซลฮีไปดูบอลทีมชาตินัดอุ่นเครื่องที่ร้านอาหารที่มีจอขนาดใหญ่ ทีนี้แหละ ซลฮียิ้มจมแก้มแทบปริ

ถูกบีบให้ต้องเลือก

ระหว่างนั้น ฮยางซุก แม่ของซลฮีกำลังวางแผนจับหนุ่มใหญ่ ฐานะดีที่ภรรยากำลังป่วยด้วยโรคร้าย ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของลูกสาวทั้งสอง เพราะสงสัยว่าฮยางซุกทำดีกับพ่อเพราะหลังสมบัติ พวกเธอจึงไปจ้างซลฮีให้มาจับโกหกฮยางซุก โดยนัดไปเจอกันนที่สนามเทนนิส

เมื่อถึงวันนัด ทั้งฮยางซุกและซลฮีต่างตกตกใจ … ไอ้ลูกสาวคนนี้จะมาขัดขวางช่องทางการทำมาหากินของแม่งั้นเหรอ ? ฮยางซุกจึงหาจังหวะต่อรองกับลูกสาว โดยเสนอเงินเป็นสองเท่าของค่าจ้างได้ซลฮีได้รับ ซลฮีอึดอัดที่ถูกบีบให้ต้องเลือกระหว่างสิ่งที่ถูกต้องกับแม่

ลูกสาวคนเล็กของหนุ่มใหญ่ยิงคำถามใส่ฮยางซุก “คุณรักพ่อฉันอย่างจริงใจหรือเปล่าคะ ?” แน่นอนว่าฮยางซุกตอบว่า “รัก” สัญญาณเตือนในหัวบอกซลฮีทันทีว่า แม่โกหก … แผนต้มตุ๋นของฮยางซุกจึงพังไม่เป็นท่า ด้วยฝีมือลูกสาวตัวเอง

คืนนั้น ฮยางซุกไปหาซลฮีด้วยความโกรธควันออกหู เธอต่อว่าด่าทอลูกสาวที่ทำให้แผนต้มตุ๋นของเธอพังพินาศ แถมยังขุดเอาเรื่องในอดีตขึ้นมาทำร้ายความรู้สึกของซลฮี ด้วยความโกรธจนขาดสติ ฮยางซุกคว้าเอาวัตถุของแข็งเตรียมปาใส่ซลฮี แต่ยังไม่ทันได้ปา โดฮาก็เดินเข้ามาซะก่อน ฮยางซุกจึงวางวัตถุนั้นลงแล้วเดินออกไปด้วยสายตาไม่พอใจโดฮาที่เข้ามาสอด

ซลฮีรู้สึกอายจนไม่กล้าสู้หน้าโดฮา และคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอคงเป็นไปไม่ได้ อีกทั้งยังสารภาพว่า ความสามารถพิเศษของเธอคือการจับโกหก ซึ่งทำให้ต้องห่างเหินครอบครัว และไม่สามารถคบกับใครได้

EP.7 ทำตามความรู้สึกของหัวใจ

โดฮาเชื่อซลฮีอย่างสนิทใจเรื่องที่เธอสามารถจับโกหกคนได้จากคำพูด เขาไม่ได้มีท่าทีปฏิบัติกับเปลี่ยนไปเลยแม้แต่นิดเดียว

วันต่อมา ลูกค้าร้านเบเกอรีพากันมารวมตัวกันโวยวาย เนื่องจากพบแมลงสาบในขนมปัง ซลฮีรู้สึกแปลก ๆ แต่เธอก็รู้ว่าลูกค้าทุกคนไม่มีใครโกหก จากนั้น ก็มีคนโพสต์เรื่องแมลงสาบในขนมปังลงอินเทอร์เน็ต จนทำให้แทบไม่มีลูกค้าเข้าร้านเบเกอรีร้านนั้นเลย

อย่างไรตาม ด้วยความช่วยเหลือของซลฮีและโดฮา ทำให้ความจริงเปิดเผย แท้จริงแล้วเรื่องทั้งหมดเป็นการจัดฉากเพื่อให้ร้านเบเกอรีเจ๊ง โดยสองผัวเมียนายหน้าค้าที่ดิน ที่ต้องการได้ตึกร้านเบเกอรีให้ลูกชายตัวเอง

ต่อมา ด้วยความคิดถึงที่มันแน่นอก ชาอนจึงพรางตัวด้วยการสวมแมสก์และใส่หมวกมาดักรอโดฮา แต่การเจอหน้าโดฮาไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นเลย เพราะโดฮายังคงยืนยันว่ามองเขาเป็นเพียงเพื่อนร่วมงานเท่านั้น ท่าทางเย็นชาของเขาทำให้เธอยิ่งเจ็บปวดไปกว่าเดิม

อย่างไรก็ตาม ชาอนยังไม่เลิกล้มความพยายามที่จะทำตามความรู้สึกของหัวใจ เธอจึงไปขอร้องพร้อมกับเสนอเงินก้อนโตให้ซลฮีย้ายไปอยู่ที่อื่น และขอให้ตัดขาดจากโดฮา เพราะชาอนเชื่ออยู่ลึก ๆ ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างซลฮีกับโดฮาไม่ได้เป็นเพียงแค่เพื่อนบ้าน แต่ซลฮีปฏิเสธที่จะย้าย และปฏิเสธว่าไม่ได้คบกับโดฮา

คำปฏิเสธของซลฮี ทำให้ชาอนงัดไม้ตายที่เคยใช้มาตลอด นั่นคือการขู่ว่าจะฆ่าตัวตาย คำพูดคำว่า “ตาย” จากปากชาอนเมื่อเปล่งออกมา ซลฮีก็รู้ในทันทีว่าเป็นคำโกหก มันเป็นคำที่ชาอนมักจะพูดเพื่อเรียกร้องความสนใจคนอื่นจนเป็นนิสัย

ตอนนั้นเอง ชาอนได้เผยความจริง “ที่ฉันต้องพูดคำว่า ‘ตาย’ เพราะมันเป็นจุดอ่อนที่ทำให้พี่โดฮาสนใจฉัน”

ซลฮียิงคำถามใส่ชาอนว่าจุดอ่อนของโดฮาคืออะไร ? คำตอบจากปากชาอนทำเอาซลฮีถึงกับตกตะลึง “พี่เขาเคยฆ่าคนตาย” !

คืนเดียวกัน ซลฮีไม่อาจเก็บงำความเคลือบแคลงเอาไว้ได้ เธอถามโดฮาตรง ๆ ว่าเขาเคยฆ่าคนตายจริงหรือเปล่า ?

โดฮาอึ้งไปนานนับนาทีก่อนที่จะตอบกลับไปว่า “ผมเคยตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรม แต่ผมไม่ได้ฆ่าใคร” แล้วสัญญาณบางอย่างก็ดังขึ้นในหัวของซลฮี … โดฮาพูดจริงหรือพูดโกหก ?

EP.8 คำโกหกที่เลวร้ายที่สุด

เมื่อโดฮาบอกว่าเขาไม่ได้ฆ่าคนตาย สัญญาณเตือนในหัวซลฮีบอกว่าเขาโกหก นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่โดฮาโกหกเรื่องที่เขาไม่ได้ฆ่าคน … คืนนั้นทั้งคืน ซลฮีได้แต่ครุ่นคิดถึงคำพูดของโดฮา ใจหนึ่งเธอก็เชื่อสัญญาณจับโกหก แต่อีกใจหนึ่งก็อยากเชื่อว่าหูฝาดไป

วันต่อมา ซลฮีนัดเจอกับโดฮาอีกครั้ง เธอต้องการได้ยินเขาพูดอีกครั้ง พูดว่าเขาไม่ได้ฆ่าใครอีกครั้ง … “ผมไม่ได้ฆ่าเธอ” คำพูดที่เปล่งออกจากปากโดฮาแหวกผ่านอากาศเข้าสู่โสตประสาทของซลฮี ณ วินาทีเดียวกันนั้น สัญญาณในหัวของเธอก็บอกว่า ‘โกหก’

ซลฮีตกใจ เธอพยายามหลอกตัวเองให้เชื่อว่าเขาไม่ได้ฆ่าใคร แต่ทุกครั้งล้วนแล้วแต่เป็นคำโกหก

คืนนั้น ซลฮีดื่มโซจูจนเมามายหน้าแดงก่ำ เธอชอบโดฮามากจริง ๆ มากจนไม่อาจทำใจให้เชื่อได้ว่าเขาเป็นฆาตกรฆ่าคน มันเชื่อยากจริง ๆ … และนับจากวันนั้นอีกหลายวัน ซลฮีก็อยู่ในอาการซึมกะทือ เหม่อลอย คนรอบข้างเห็นก็รู้ในทันทีว่าเป็นอาการของคนอกหัก

คำโกหกที่จริงใจ

ระหว่างนั้น ซลฮีก็ได้รู้ความจริงเกี่ยวกับคังมิน แฟนเก่าของเธอ เขาเคยเข้ารับการผ่าตัดโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร และนั่นก็เป็นสาเหตุแท้จริงที่ทำให้เขาเลื่อนการแต่งงานกับเธอ จนเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอบอกเลิกกับเขา … คังมินโกหกเพราะไม่ต้องการให้ซลฮีเป็นกังวลกับโรคร้ายที่เขาเป็น … มันเป็นคำโกหกที่มีเจตนาดีไม่ใช่เหรอ ?

วันเดียวกัน ซลฮีได้รับการว่าจ้างจากคุณลุงที่ป่วยเป็นโรคร้าย คุณลุงต้องการให้เธอจับโกหกหมอและครอบครัว … ซลฮีไปตามนัด เธอฟังการสรุปการผ่าตัดของหมอที่บอกกับคุณลุงว่า “การผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดี” ซลฮีรู้ในทันทีว่ามันเป็นคำโกหก

หลังครอบครัวของคุณลุงกลับไปแล้ว ซลฮีบอกกับคุณลุงว่าทุกคนโกหก แต่ทว่า คุณลุงไม่ได้มีอาการแปลกใจเลยแม้แต่นิดเดียว แถมยังพูดออกมาว่า “เมื่อพวกเขาพยายามทำถึงขนาดนี้ ผมคงต้องทำเป็นเชื่อในสิ่งที่พวกเขาบอก”

ซลฮีแปลกใจที่คุณลุงพูดด้วยรอยยิ้มทั้งที่โดนทุกคนโกหก คุณลุงกล่าวว่า “คำโกหกบางคำก็ทำให้เรารู้สึกได้ถึงความจริงใจ” … ประโยคนี้จากปากคุณลุงเป็นเหมือนประโยคเบิกเนตรให้ซลฮีเข้าใจ เข้าใจแก่นแท้และความหมายในอีกแง่มุมหนึ่งของการโกหก บางทีสิ่งที่สำคัญกว่าการโกหกคือเจตนาที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังคำโกหก

ค่ำวันหนึ่ง คังมินนัดเจอกับซลฮี ทั้งสองได้คุยเปิดอกคุยกันถึงเรื่องในอดีต เขายอมรับกับเธอว่าตอนนั้นเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารระยะที่สาม ซลฮีกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ เธอเสียใจที่วันนั้นไม่ได้อยู่เคียงข้างเขาในวันที่เขาต้องการมากที่สุด “ฉันไม่รู้มาก่อนเลย ฉันขอโทษ”

คืนนั้น คังมินขอเริ่มต้นใหม่อีกครั้งกับซลฮี ถึงอย่างนั้น เธอก็บอกความจริงกับเขาว่าตอนนี้เธอมีคนที่รักอยู่แล้ว คังมินเข้าใจและอวยพรให้ซลฮีสมหวัง ก่อนจะเดินคอตกกลับไป

ซลฮีรีบขับรถไปหาโดฮาที่คอนโด เมื่อขับมาหยุดที่หน้าป้อมยาม แล้วชายท่าทางแปลก ๆ ในชุดรปภ. ก็เดินมาที่รถของซลฮีแล้วถามว่ามาหาใคร ? โดฮาที่อยู่ในสายโทรศัพท์ได้ยินเสียงชายคนนั้นก็รู้ทันทีว่า มันคือคนที่จ้องจะฆ่าเขา โดฮาจึงบอกให้ซลฮีรีบหนีไป

โดฮารีบวิ่งลงมาหาซลฮี ไม่นานหลังจากนั้น ชายในชุดรปภ. ก็ถูกตำรวจควบคุมตัวไป … เวลานั้น ซลฮีบอกกับโดฮา “ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ฉันเชื่อใจคุณ”

EP.9 ความจริงเบื้องหลังคดีฆาตกรรม

โดฮาเล่าเรื่องในอดีตของเขากับ ออมจี (รับบทโดย ซงจีฮยอน) ให้ซลฮีฟัง … เขากับออมจีเป็นรักแรกของกันและกัน ด้วยความที่โดฮาสอบติดมหาวิทยาลัยโซล ทำให้ทั้งสองจำต้องห่างกัน แต่ออมจีไม่คิดเช่นนั้น เธอพยายามขอร้องไม่ให้เขาไปด้วยความกระวนกระวายใจ ตลอดเวลาเอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด

พูดง่าย ๆ คือออมจีคลั่งรักโดฮาชนิดที่เรียกว่า ถ้ามีอะไรนิดเดียวที่ทำให้เธอรู้สึกว่าเขาไม่รัก เธอจะทำร้ายตัวเอง ไม่กี่วันก่อนโดฮาจะเดินทางไปโซล ออมจีถือวิสาสะพิมพ์ข้อความไปหาเพื่อนผู้หญิงในโทรศัพท์ของโดฮา เธอไม่ต้องการให้ผู้หญิงคนไหนเข้ามายุ่มย่ามกับเขาเลย ด้วยความหึงแรงโดยไร้เหตุผล ทำให้โดฮาโกรธ เขาขว้างปาแก้วลงพื้นเพื่อระบายโทสะต่อหน้าออมจี ก่อนจะตัดสินใจบอกเลิก “ฉันทนต่อไปไม่ไหวแล้ว เราเลิกกันเถอะ”

และด้วยอารมณ์ชั่ววูบ โดฮาจึงโกหกไปว่ามีผู้หญิงคนอื่นที่ชอบแล้ว ออมจีหัวใจสลาย เพราะเขาคือความฝันเดียวที่เธอมี เธอตัดสินใจหยิบเศษแก้วขึ้นมาทำร้ายตัวเอง โดฮาเห็นแบบนั้นแต่ก็ยังทำใจแข็งเดินจากไปโดยไม่หันหลังกลับไปมอง เขาทิ้งหญิงสาวที่หัวใจแตกสลายจมกองเลือด เพราะคำโกหกของเขาไว้เพียงลำพัง โดยไม่แม้แต่จะหันหลังกลับไปมอง

รุ่งขึ้น โดฮาถูกตำรวจจับในข้อหาฆาตกรรม โดยมีหลักฐานเป็นคราบเลือดของออมจีติดอยู่ที่เสื้อ ระหว่างการสอบปากคำ โดฮาสารภาพทั้งน้ำตาว่าเขาเป็นคนฆ่าเธอ อย่างไรก็ตาม ในหลักกฎหมาย เมื่อยังไม่พบศพตำรวจจะไม่สามารถแจ้งข้อหาฆาตกรรมได้ โดฮาจึงพ้นข้อกล่าวหาในที่สุด

ถึงจะไม่มีความผิดในทางกฎหมาย แต่มันเป็นความผิดบาปที่ติดคาอยู่ในใจโดฮามาตลอด คำพูดโกหกของเขาคำนั้นทำให้ออมจีต้องตาย … ซลฮีฟังเรื่องทั้งหมดก็เข้าไปโอบกอดโดฮาที่หลั่งน้ำตาออกมาไม่หยุด

และชายที่ปลอมเป็นรปภ. คนนั้นก็คือออมโฮ พี่ชายของออมจี คนที่ตามล่าหาโดฮาเพื่อฆ่าล้างแค้นให้น้องสาว

คืนนั้น โดฮาจึงขอให้ซลฮีนอนค้างกับเขาที่คอนโด … ทีนี้ ด้วยความที่นอนต่างที่ซลฮีจึงนอนไม่หลับ โดฮาจึงชวนเธอมาดูบอลด้วยกันที่ห้องเธียเตอร์รูม แล้วเด็กผีกับเด็กหงส์ก็นั่งดูบอลกันอย่างสนุกสนาน ช่างเป็นภาพการดูบอลของเด็กผีและเด็กหงส์ที่น่ารักอะไรแบบนี้

พรหมลิขิต

ต่อมา โดฮากับซลฮีนัดไปตั้งเต็นท์แคมปิ้งด้วยกัน ตกค่ำก็ตั้งเตาย่างเนื้อกิน แต่ไม่รู้ย่างอีท่าไหน ย่างไปย่างมาไฟลุกท่ามซะอย่างนั้น ซลฮีตกใจจนตกเก้าอี้ก้นจ้ำเบ้า ก่อนที่จะหัวเราะออกมาด้วยความตลกขบขัน ค่ำคืนนี้ซลฮียิ้มไม่หุบเลยจริง ๆ ยิ้มที่ออกมาจากความสุข

“มันน่าทึ่งมากนะ เมื่อห้าปีก่อนคุณนั่งรถบัสข้าง ๆ ฉัน แล้วก็มาเป็นเพื่อนบ้านข้างห้อง และตอนนี้เราก็ได้มานั่งข้าง ๆ กัน ฉันคิดว่าคุณเป็นพรหมลิขิตของฉัน” ซลฮีพูดไปก็บิดไปบิดมาด้วยความเขินอาย

“คนที่ผมชอบมากที่สุดตอนนี้คือคุณซลฮีครับ” หลังพูดจบ โดฮาก็หันหน้าไปหาซลฮี แล้วทั้งสองก็จูบอย่างหวานซึ้ง เพื่อยืนยันความรู้สึกของกันและกัน

ในขณะที่ออมโฮเปลี่ยนแผนใหม่ เมื่อเข้าถึงตัวโดฮาไม่ได้ เขาจึงตัดสินใจลักพาตัวชาอน เพื่อบีบให้โดฮาออกมาเจอ … โดฮามาตามนัด ออมโฮไม่ฟังเสียงระดมหมัดใส่โดฮาหมัดแล้วหมัดเล่า โดฮาได้แต่ยืนนิ่งโดยไม่ตอบโต้แม้แต่นิดเดียว ก่อนที่เขาจะบอกความจริงในคืนนั้น “ออมจีฆ่าตัวตาย ผมรู้ว่าเป็นความผิดของผม และผมจะสำนึกผิดไปชั่วชีวิต”

ออมโฮไม่สนใจสิ่งที่โดฮาพูด เขาชักมีดออกมาทำท่าจะแทงใส่โดฮา ทันใดนั้นคังมินก็ปรากฏตัวขึ้น กระโดดถีบใส่ออมโฮจนมีดในมือกระเด็น

EP.10 ลูกบอลพร้อมลายเซ็นรูนีย์ ?

หลังโดนคังมินถีบจนมีดกระเด็นหลุดออกจากมือ ออมโฮก็รีบลุกขึ้นมาหยิบมีดแล้ววิ่งหนีไป คังมินจึงพยายามวิ่งไล่ตามจับ แต่ทว่า โดฮาก็วิ่งไล่ตามไปกอดคังมินแล้วตะโกนให้ออมโฮรีบหนีไป

คังมินเป็นห่วงซลฮี เขาไม่เชื่อใจดาโฮ เพราะมีประวัติเคยเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรม เขาจึงไปเตือนซลฮี ถึงอย่างนั้นซลฮีก็ยังยืนยันที่จะเชื่อใจโดฮา “พี่ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอกนะ”

ระหว่างนั้น เรื่องในอดีตของโดฮาก็ยังคงตามกวนใจคังมินไม่เลิก คังมินจึงตามสืบคดีในอดีตของโดฮาต่อไป … คังมินไปหาหัวหน้าเก่าที่ทำคดีของโดฮา หัวหน้าชี้แจงกับคังมินชัดเจนว่ามันเป็นการฆ่าตัวตาย และไม่มีหลักฐานอะไรที่บ่งชี้ว่าเป็นการฆาตกรรม

ซลฮีกับโดฮา รวมถึงพนักงานคาเฟ่ไพ่ทาโรต์มาออกบูธขายเครื่องดื่มที่ตลาดนัด แต่ไม่มีลูกค้าเลยแม้แต่คนเดียว นั่งหาวนั่งตบยกกันเพลินเลย ซลฮีจึงวางแผนให้โดฮาเป็นหน้าม้าเข้ามาซื้อเครื่องดื่ม แล้วตะโกนดัง ๆ ว่าอร่อยมาก เฮ้ย ได้ผลจริง ๆ มีลูกค้ามาต่อแถวรุมซื้อกันยกใหญ่

เมื่อถึงเวลาที่มีการแสดงดนตรี ซลฮีจึงสนับสนุนให้โดฮาขึ้นเวทีไปแสดงฝีมือการเล่นเปียโน เพราะมาก เพราะขนาดที่ได้รางวัลชนะเลิศ เยี่ยมไปเลย

หลังตลาดนัดเลิก โดฮาให้ของขวัญเซอร์ไพรส์ซลฮี เป็นลูกบอลลายแมนยูพร้อมลายเซ็นของเวย์น รูนีย์ ที่เขาเพิ่งซื้อมาจากร้านที่วางขายในตลาดนัด โดฮาพาซลฮีกลับไปถามคนขายว่าลายเซ็นบนลูกบอลเป็นลายเซ็นของรูนีย์จริงหรือเปล่า​ ?

คนขายก็ตอบอย่างมั่นใจว่า “จริง … ฉันไปโอลด์แทรฟฟอร์ดเมื่อปี 2010 แล้วขอลายเซ็นมากับมือตัวเองเลยค่ะ” ซลฮียิ้มแหย่ ๆ เพราะในหัวเธอส่งสัญญาณว่าคนขายโกหก ถึงอย่างนั้นเธอก็บอกกับโดฮาไปว่าคนขายพูดจริง เพื่อไม่ให้เขาเสียความรู้สึก … แล้วภาพก็อินเสิร์ตให้เห็นว่า คนขายยังมีลูกบอลพร้อมลายเซ็นของนักเตะดังกองอยู่บนพื้นอีกมากมาย หนึ่งในนั้นคือลายเซ็นของโรนัลโด้ 555555

EP.11 ข้อจำกัดของการจับโกหก

ตำรวจได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า พบเจอกระดูกมนุษย์ถูกฝังอยู่บนเนินเขา คังมินที่ขอตามไปด้วยจึงบอกกับหัวหน้าว่า โครงกระดูกมนุษย์ที่พบอาจเป็นออมจี เพราะจุดที่พบอยู่บริเวณเดียวกับจุดที่ออมจีหายตัวไป … ระหว่างนั้น หัวหน้าลงไปดูโครงกระดูกและได้พบแหวนคู่ของผู้ชาย แต่เขาได้แอบเก็บเอาไว้โดยไม่บอกใคร !?

หัวหน้ากลับมาดูแฟ้มคดี ‘ออมจี’ แล้วก็พบว่า โครงกระดูกที่พบเป็นออมจี เขาจึงรีบโทร. ไปหา สส.จองยอนมี (แม่ของโดฮา) เพื่อแจ้งการพบศพออมจี และบอกว่าเขาได้ทำลายแหวนคู่ผู้ชาย หลักฐานชิ้นเดียวที่พบไปแล้ว

ด้านคังมินก็ไปหาซลฮีด้วยความเป็นห่วง เขาถามถึงข้อจำกัดในความสามารถจับโกหกของเธอ ซลฮีจึงบอกว่า เธอไม่สามารถจับโกหกผ่านทางทีวีหรือโทรศัพท์ได้ ต้องได้ยินด้วยหูตัวเองเท่านั้น ที่สำคัญ ไม่ว่าความจริงจะเป็นยังไง แต่ถ้าคนพูดเชื่อว่าเป็นความจริง เธอก็จะได้ยินว่าเป็นความจริง

เมื่อรู้ถึงข้อจำกัด คังมินจึงตั้งคำถามจี้ไปว่า “ถ้าอย่างนั้น สมมติว่ามีคนฆ่าคนตายโดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นคนฆ่า เธอจะได้ยินว่าเป็นความจริงสินะ” ซลฮีได้ยินแบบนั้นก็อึ้งไป คังมินจึงอธิบายต่อว่า โดฮากินยานอนหลับกับยาระงับประสาท ซึ่งมีผลข้างเคียงทำให้ความสามารถในการรับรู้และความจำลดลง

ซลฮีนึกย้อนกลับไปคืนที่ไปนอนค้างที่คอนโดของโดฮา เขาพบยานอนหลับกับยาระงับประสาทอย่างที่คังมินพูดจริง ๆ … ซลฮีเริ่มรู้สึกสับสน

ตำรวจเรียกโดฮามาสอบปากคำอีกครั้ง ซึ่งหัวหน้าเป็นคนสอบปากคำด้วยตัวเอง แต่ทว่า โดฮากลับให้การไม่ตรงกับครั้งก่อน … ครั้งนี้เขาต้องการเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ในขณะที่ครั้งก่อนเขาให้การตามคำแนะนำของทนายที่แม่เขาจ้างให้ทำคดี … ครั้งนั้นเขามีแหล่งที่อยู่ชัดเจนตอนที่ออมจีหายตัวไป แต่ครั้งนี้ เขาพูดความจริงว่าอยู่กับออมจีเป็นคนสุดท้ายที่ชายหาด

ความจริงที่ออกจากปากโดฮา ทำให้เขากลายเป็นผู้ต้องสงสัยหลักอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เมื่อได้ยินโดฮาให้การไม่ตรงกับครั้งก่อน หัวหน้าจึงปิดเครื่องบันทึกวิดีโอและบันทึกเสียงทันที เขากล่าวเตือนโดฮาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “นายพูดแบบนี้ นายไม่นึกถึงแม่และโจดึกชานเลยงั้นเหรอ” พูดจบ หัวหน้าก็เปิดเครื่องบันทึกวิดีโอ แล้วไล่ให้โดฮากลับไป … หัวหน้าพยายามช่วยโดฮา

หลังรู้เรื่องการพบศพของน้องสาว ออมโฮก็ไปหานักข่าวที่เกาะติดคดีนี้ นักข่าวจึงได้รู้ว่า คิมซึงจู ผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมได้เปลี่ยนชื่อเป็น โดฮา และกลายเป็นนักแต่งเพลงชื่อดัง

แล้วคืนนั้น ออมโฮก็ไปดักรอโดฮาที่อพาร์ตเมนต์ เขานั่งรอพร้อมกับมีดปลายแหลม เขานั่งรออยู่อย่างนั้นนานนับชั่วโมง กระทั่งชายคนหนึ่งเดินมาที่หน้าห้องโดฮา ออมโฮจึงออกมาจากมุมมืดพร้อมมีดในมือ ก่อนจะแทงชายคนนั้นเข้าที่ท้อง ชายคนนั้นล้มลงเลือดไหลออกมาไม่หยุด … ชายคนนั้นใช่โดฮาหรือไม่ ?

EP.12 ตามล่าหาความจริง

ชายที่ออมโฮแทงไม่ใช่โดฮา เพราะความมืด และมาสก์ที่ปิดบังใบหน้าทำให้ออมโฮเข้าใจผิด … ซึ่งเวลาเดียวกัน โดฮาก็มาถึงห้องพอดี จึงเข้าไปต่อสู้และยื้อแย่งมีดในมือของออมโฮ สุดท้าย ตำรวจก็มาที่เกิดเหตุและจับออมโฮเอาไว้ได้

ที่สถานีตำรวจ คังมินสอบปากคำโดฮาถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น คังมินกล่าวตำหนิโดฮาว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ อีกทั้งยังทำให้ซลฮีตกอยู่ในอันตราย ซ้ำร้ายตัวโดฮาเองกลับเป็นคนเดียวที่ไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่นิดเดียว

อย่างไรก็ตาม ข่าวที่โดฮาเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมก็ถูกเผยแพร่ นักข่าวหลายสิบคนตามมาดักรอสัมภาษณ์ ครั้งนี้เขาไม่ใส่มาสก์ปิดบังหน้าตาหรือหนีนักข่าวอีกต่อไป เขาเผชิญหน้าพร้อมกับตอบยอมรับ ที่ผ่านมาเขาปิดบังตัวตนเพราะไม่อยากให้คนรู้ว่า เขาเคยเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมจริง ๆ พร้อมทั้งประกาศจะสืบหาตัวฆาตกรตัวจริงให้ได้

ข่าวของโดฮาส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง สส.จองยอนมีก็ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากในทางการเมือง เธอกำลังถูกบีบให้ลาออกจากตำแหน่งจากข่าวอื้อฉาวของลูกชาย ด้านประธานโจดึกชานเองก็ตกที่นั่งลำบากเช่นกัน … ไม่เว้นแม้แต่แม่ของซลฮีที่มาโวยวายขอให้ซลฮีเลิกยุ่งกับโดฮา แต่ซลฮีเชื่อใจเขา เธอเชื่ออยากหมดใจว่าเขาไม่ใช่ฆาตกร

ระหว่างนำตัวออมโฮส่งเรือนจำ ออมโฮได้มอบสมุดโน้ตหลักฐานทั้งหมดในคดีออมจีให้คังมิน พร้อมกับย้ำว่า หัวหน้าตำรวจที่รับผิดชอบคดีรับเงินสินบนจาก สส.จองยอนมี

คังมินเปิดสมุดบันทึกเล่มนั้นอ่านทีละหน้า มีหลักฐานหลายอย่างที่เป็นประโยชน์ แต่ก็ไม่มีหลักฐานอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันจนหนักแน่นพอที่จะฟันธงได้ว่าโดฮาเป็นฆาตกร ในทางกลับกันก็ไม่มีหลักฐานอะไรที่พิสูจน์ได้ว่าออมจีฆ่าตัวตายเช่นกัน

พูดง่าย ๆ ถ้าคดียังคลุมเครืออยู่แบบนี้ โดฮาก็จะตกเป็นจำเลยของสังคมต่อไป

โดฮาตัดสินใจกลับไปที่ฮักชอน บ้านเกิดอีกครั้ง เขากลับมาเพื่อสืบหาตัวฆาตกรด้วยตัวเอง แต่ดูเหมือนชาวบ้านจะปักใจเชื่อแล้วว่าเขาเป็นฆาตกร เขาโดนทั้งปาของใส่และด่าทอ

ระหว่างนั้น ซลฮีทนอยู่เฉยไม่ไหว จึงตามไปฮักชอนเพื่อช่วยโดฮาตามล่าหาความจริง โดยใช้ความสามารถในการจับโกหก เป้าหมายที่ทั้งสองต้องการตามหาคือ ‘ชเวยงกุก’ พ่อของออมจี เพราะโดฮาเชื่อว่า ชเวยงกุกนี่แหละคือฆาตกรตัวจริง ที่ฆ่าลูกสาวเพื่อหวังเงินประกัน

EP.13 แหวนคู่ปริศนา

โดฮาตามหาพ่อของออมจีจนเจอ พ่อออมจียอมรับว่าการตายของออมจีทำให้เขาได้รับเงินประกันก้อนโต แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของลูกสาว จากนั้นก็เปิดเผยว่า แจชานคอยแอบตามออมจีอยู่ตลอดเวลา

โดฮาขับรถไล่ตามมอเตอร์ไซค์ขอแจชานไปจนทัน แจชานสารภาพว่าเขาเป็นลงมือฆ่าออมจี ก่อนจะหัวเราะเยาะใส่โดฮา แล้วบอกว่าล้อเล่น เมื่อแจชานเห็นซลฮีมาถึง เขาจึงใช้มีดเข้าไปจี้เธอ แล้วสั่งให้โดฮาโยนกุญแจรถมา โดฮายอมทำตาม แจชานจึงรีบขึ้นรถขับหนีไป

ซลฮีบอกโดฮาว่า สิ่งที่แจชานพูดเป็นเรื่องโกหก แต่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องโกหก

ด้านคังมินก็สืบเรื่องนี้ต่อไปจนพบกับพยานที่เห็นโดฮากับออมจีที่ชายหาดในคืนนั้น ทำให้คังมินรู้ว่าโดฮาให้การเท็จกับตำรวจ ที่ไปสนามฟุตบอลและไปเที่ยวผับ

คังมินนัดเจอโดฮาเพื่อคุยเรื่องนี้ โดฮาสารภาพว่าคืนนั้นเขาไปที่ชายหาดกับออมจีจริง ๆ แต่เขาอยู่กับเธอแค่แป๊บเดียว จากนั้นเขาก็เดินกลับบ้าน คืนนั้นไม่มีใครอยู่บ้าน โจดึกชานกับแจชานจึงสร้างพยานที่อยู่ให้เขา เป็นที่สนามฟุตบอลและผับ เพื่อให้เขาพ้นจากการเป็นผู้ต้องสงสัย และคนที่อยู่ในกล้องวงจรปิดก็คือโจดึกชาน

คังมินบอกโดฮาต่อว่า พยานคนนั้นเห็นคนสวมชุดแดงไปพบออมจี “คุณคิดว่าคนคนนั้นเป็นใคร ?” โดฮาตอบโดยแทบไม่ต้องคิดเลยว่า แจชาน เขาเชื่อว่าแจชานเป็นคนฆ่าออมจี เพราะเขาเพิ่งรู้ว่าแจชานแอบชอบออมจีมาตลอด

เมื่อได้ยินคำตอบจากปากโดฮา คังมินก็อดแปลกใจไม่น้อย เพราะแจชานเป็นหนึ่งในคนที่สร้างหลักฐานที่อยู่เพื่อช่วยโดฮาให้พ้นจากการเป็นผู้ต้องสงสัย ถ้าแจชานเป็นฆาตกรจริง เขาจะช่วยโดฮาทำไม ฟังดูมันย้อนแย้งในเหตุและผลไม่น้อย

หัวหน้าไม่ต้องการตกอยู่ใต้อำนาจของ สส.จองยอนมี (แม่ของโดฮา) อีกต่อไป เขาจึงมาพบคังมิน พร้อมกับรับสารภาพว่าเขารับเงินจาก สส.จองยอนมี เพราะต้องการเงินไปรักษาลูกสาว จากนั้นก็มอบแหวนคู่ผู้ชายที่พบที่ศพออมจี เพื่อให้คังมินสืบคดีนี้ต่อไป

ไม่เท่านั้น หัวหน้ายังนำคลิปการสนทนากับ สส.จองยอนมี ที่เขาแอบบันทึกเอาไว้ไปให้นักข่าว เพื่อนำไปเปิดเผยความจริง เพราะต้องการรับผิดชอบกับสิ่งที่เขาทำในอดีต

คังมินนำแหวนไปสืบ เขาพบว่าเป็นแหวนที่สั่งทำขึ้นเป็นพิเศษ ทำให้เป็นแหวนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ ในที่สุดเขาก็รู้ว่าผู้สั่งทำแหวนก็คือโดฮา ที่น่าแปลกก็คือ คนทำแหวนบอกว่ามีการสั่งทำแหวนแบบเดียวกันนี้ถึงสองครั้ง โดยมีขนาดต่างกัน แต่เมื่อคังมินไปถามโดฮา เขากลับบอกว่าเขาสั่งทำแหวนนี้ด้วยตัวเอง และสั่งทำเพียงครั้งเดียว หลังจากเลิกกับออมจี เขาก็โยนแหวนวงนี้ทิ้งลงทะเล

โดฮานัดเจอโจดึกชานที่แจ๊สคลับที่เขาไปเล่นเปียโน โดยให้ซลฮีซ่อนตัวเพื่อฟังสิ่งที่โจดึกชานพูด … เมื่อโจดึกชานมาถึง โดฮาก็ยิงคำถามใส่ทั้งเรื่องแหวนและเรื่องแจชาน มีหลายคำตอบของโจดึกชานที่ซลฮีได้ยินว่าเป็นคำโกหก เธอจะกดปุ่มรีโมตส่งสัญญาณ อุปกรณ์รับสัญญาณในมือของโดฮาก็สั่นขึ้น

เมื่อโดฮาถามว่าแจชานอยู่ไหน โจดึกชานจึงตอบไปว่า แจชานกำลังเดินทางไปมอบตัวที่สถานีตำรวจ อุปกรณ์ในมือโดฮาก็สั่นขึ้น … หรือว่าโจดึกชานคือฆาตกรตัวจริง !?

EP.14 ความรู้สึกในหัวใจของฆาตกร

ซลฮีแอบฟังสิ่งที่โจดึกชานพูดออกมา แทบทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องโกหก มีเพียงเรื่องเดียวที่เป็นเรื่องจริง คือคำพูดที่โจดึกชานบอกว่าเป็นห่วงโดฮามากกว่าแจชาน ซึ่งเป็นน้องชายของเขาเสียอีก

ด้าน สส.จองยอนมีก็ถูกเรื่องอื้อฉาว ในการให้สินบนหัวหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยคดีโดฮา จนทำให้หมดอนาคตทางการเมือง

หลังคดีคลี่คลาย ซลฮีก็เป็นเจ้าภาพเลี้ยงฉลอง โดฮาและเพื่อน ๆ ต่างยิ้มแย้มด้วยความสุข

แต่ทว่า คังมินมีข้อสงสัยในคำให้การของแจชาน ที่บอกว่าเขาถอดแหวนออกจากมือเธอก่อนที่จะลงมือฆ่า และสั่งทำแหวนแบบเดียวกัน เพื่อจะได้รู้สึกดีเหมือนได้เป็นแฟนกับเธอ

แจชานเห็นออมจีทะเลาะกับโดฮาที่ชายหาดอย่างรุนแรง เหมือนกับว่าทั้งสองเลิกกันแล้ว แจชานจึงดึงมือชวนออมจีไปคุยในป่า แล้วขอร้องให้เธอคบกับเขา แต่ออมจีปฏิเสธ เขาจึงผลักเธอด้วยความโกรธ ออมจีหัวล้มไปฟาดเข้ากับหินเสียชีวิตคาที่ จากนั้นเขาก็ขุดหลุมฝังร่างของเธอ สุดท้ายก็เอาเสื้อผ้าของเธอทิ้งลงทะเล … ตรงนี้แหละที่คังมินสงสัย เพราะในบันทึกคำให้การที่เป็นลายลักษณ์อักษรระบุว่า เขาเผาเสื้อผ้าของออมจี !?

คังมินจี้ถามต่อถึงเหตุผลที่ทำให้แจชานยอมเข้ามามอบตัว แจชานพูดโดยไม่สบตา เขาอ้างว่าเพราะกลัว เนื่องจากตำรวจพบแหวนของเขาอยู่กับศพ และรู้สึกผิดกับสิ่งที่ได้ทำลงไป แล้วแจชานก็พูดประโยคที่ทำให้คังมินถึงกับแปลกใจ “ถ้าผมพ้นผิดเพราะหลักฐานไม่เพียงพอ มันก็เป็นเรื่องของกฎหมาย ใช่มั้ยครับ”

ด้วยเซนส์ของความเป็นตำรวจ คังมินค่อนข้างมั่นใจว่าแจชานไม่ใช่คนร้ายตัวจริง และคนที่น่าสงสัยที่สุดก็คือ โจดึกชาน เขาจึงเอาเรื่องนี้ไปบอกซลฮี เพื่อขอให้เธอช่วย

ซลฮีเข้าเยี่ยมแจชาน เธอถามคำถามมากมายเกี่ยวคดี แต่ทุกคำที่ออกจากปากแจชานล้วนแล้วแต่เป็นคำโกหกทั้งสิ้น นั่นหมายความว่าแจชานไม่ใช่ฆาตกร และฆาตกรตัวจริงก็คือ โจดึกชาน !

ในที่สุด แจชานก็สารภาพหมดเปลือก เขามอบตัวแทนพี่ชาย ที่เป็นคนฆ่าออมจี เนื่องจากโจดึกชานสัญญาว่าจะยกทรัพย์สินทั้งหมดให้ และจะเข้ามอบตัวในภายหลัง พร้อมทั้งบอกที่ซ่อนของหลักฐานสำคัญ ซึ่งถูกเก็บเอาไว้ในเซฟที่ห้องทำงานของโจดึกชาน

ซลฮีรีบขับรถไปที่ออฟฟิศของโจดึกชานทันที ระหว่างกำลังหารหัสเปิดตู้เซฟ เธอก็เจอรูปถ่ายของโดฮา ซึ่งเขียนเลขวันเกิดกำกับเอาไว้ ซลฮีจึงลองเอาเลขนั้นไปใส่รหัส ปรากฏว่ารหัสถูกต้อง ณ จุดนี้เอง ซลฮีจึงคิดขึ้นมาได้ว่า แท้จริงแล้วโจดึกชานแอบรักโดฮามาตลอด

จังหวะนั้น โจดึกชานกลับมาที่ห้องแล้วเจอกับซลฮีที่ถือกล่องหลักฐานในมือ เขาวิ่งไล่ตามเธอ แต่โดฮากับคังมินพร้อมด้วยกำลังตำรวจมาถึงพอดี โจดึกชานจึงสารภาพทั้งน้ำตาว่าชอบโดฮามาตลอด พูดจบก็รีบวิ่งหนีไปด้วยความอับอาย ก่อนจะขึ้นรถแล้วขับหนีไปด้วยความเร็ว รถของโจดึกชานพุ่งไปชนแบริเออร์จนเกิดการพลิกคว่ำ เขาตั้งใจจะจบชีวิตตัวเองแบบนี้ เขาตั้งใจจะให้เรื่องทั้งหมดจบไปพร้อมกับชีวิตของตัวเอง

โดฮา ซลฮี และคังมิน ขับรถตามมาถึง โจดึกชานอยู่ในสภาพเลือดท่วมตัว คังมินจึงรีบเข้าไปทำ CPR ทันที ทันใดนั้นก็เกิดประกายไฟขึ้น และแสงวูบที่เกิดจากแรงระเบิดก็ส่องประกายไปทั่วบริเวณ

EP.15 โอปป้าโดฮา

ที่โรงพยาบาล … ชลฮีฟื้นขึ้นมาโดยไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ ในขณะที่โจดึกชานก็รอดชีวิตหลังเข้ารับการผ่าตัด

โดฮาไปเยี่ยมโจดึกชานที่ห้องผู้ป่วย โจดึกชานจึงเผยเรื่องที่เกิดขึ้น คืนนั้นโดฮาไม่มาดูบอลตามนัด โจดึกชานจึงไปตามที่ชายหาด ปรากฏว่าออมจีบอกให้เขาเลิกยุ่งกับโดฮา เธอรู้เรื่องที่เขาแอบชอบโดฮามาตลอด จากนั้น ทั้งสองก็พากันไปทะเลาะโต้เถียงกันต่อบนเนินเขา โจดึกชานโกรธจึงผลักออมจีจนล้ม หัวกระแทกหินจนแน่นิ่ง เลือดไหลออกมาไม่หยุด

โจดึกชานจึงคิดอำพรางคดีให้เป็นการฆ่าตัวตาย และเพื่อไม่ให้โดฮาตกเป็นผู้ต้องสงสัย โจดึกชานจึงเอาแหวนกับเสื้อผ้าเก็บไว้โดยไม่เผาทำลาย เพราะเขาตั้งใจจะเก็บเอาไว้ใช้เป็นหลักฐานในการเข้ามอบตัว ถ้าเกิดโดฮาถูกจับติดคุก

หลังฟังเรื่องทั้งหมด โดฮาก็เดินออกจากห้องไป

ออมโฮได้รับอนุญาตให้ออกมาจากคุกเพื่อมางานศพออมจี ออมโฮคุกเข่าขอโทษโดฮาที่เข้าใจผิดมาตลอด

เมื่อเรื่องราวว้าวุ่นจบลง โดฮาก็ใกล้ชิดกับชลฮีมากขึ้น ระหว่างนั้น โดฮาจึงเข้าไปถามชลฮีด้วยน้ำเสียงที่ออกแนวน้อยใจ เขาถามว่าทำไมยังเรียกคังมินว่าโอปป้าอยู่อีก “ผมว่าเรียกคุณอีคังมินเฉย ๆ ก็ได้นะ”

ชลฮียิ้มจนแก้มยุ้ย แล้วก็พูดออกไปว่า “อย่างงั้นเหรอคะ โอปป้าโดฮา” 5555

โดฮาได้ยินชลฮีเรียกเขาว่าโอปป้าก็ทำเอาน้ำในปากแทบพุ่ง ก่อนจะยิ้มเขิน ๆ ออกมา … โอ๊ย เขินตามไปด้วยเลยล่ะ ^-^’

ต่อมา ชลฮีได้รู้ความจริงอันน่าตกใจ เธอไม่สามารถจับโกหกได้อีกต่อไป ทำให้ต้องคืนเงินลูกค้าที่ว่าจ้างเต็มจำนวน จากนั้นชลฮีก็ไปหาโดฮา เพื่อปรับทุกข์เรื่องที่ไม่สามารถจับโกหกได้อีกต่อไป โดฮาจึงบอกว่าอาจจะเกิดจากแรงระเบิด และอาจจะดีขึ้นเองตามธรรมชาติ อีกอย่างคือเขาไม่ใช่คนที่ชอบโกหกอยู่แล้ว

คืนต่อมา โดฮาเซอร์ไพรส์ซลฮีด้วยการชวนเธอมาที่ห้องของเขา เพื่อดินเนอร์อาหารอิตาเลียนที่เขาทำด้วยฝีมือตัวเอง ซลฮีลองชิมแล้วถึงกับประหลาดใจที่รสชาติอร่อยมาก ๆ โดฮายิ้มเขิน ๆ แล้วบอกว่าที่อร่อยก็เพราะทำจากใจ

กินอาหารเสร็จ ทั้งคู่ก็มานั่งดูหนังกันที่เธียเตอร์รูม ก่อนที่ซลฮีจะโน้มตัวไปจูบโดฮา

EP.16 ใช้ชีวิตอย่างคนปกติ (ตอนจบ)

ซลฮีไม่ชินกับการที่ไม่รู้ว่าใครพูดจริงพูดโกหก จึงมาปรึกษากับโดฮา เขาจึงแนะนำให้เชื่อในสิ่งที่อยากเชื่อ เหมือนกับตอนที่เธอเชื่อใจว่าเขาไม่ใช่ฆาตกรยังไงล่ะ แต่สีหน้าของชลฮีก็ดูจะยังเป็นกังวลอยู่ โดฮาจึงพูดขึ้นมาว่า “แค่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองคิดก็พอ พี่รักเธอนะ” คำพูดของโดฮาทำให้ชลฮียิ้มออกจนแก้มแทบปริ

คังมินมาลาชลฮี เขาตัดสินใจจะจากไป เพราะความรู้สึกอันลึกซึ้งที่เขามีต่อเธอนั้น มันมีมากเกินกว่าจะเป็นเพื่อนกับเธอได้

ต่อมา ชลฮีพยายามทำให้พ่อแม่กลับมาคืนดีกัน แต่ดูเหมือนความพยายามของเธอจะว่างเปล่า เพราะเมื่อแม่เจอกับพ่อก็เอาแต่ทะเลาะกัน พูดจารุนแรงใส่กัน

ทีนี้ ชลฮีจึงเดินเกมใหม่ โดยได้รับความช่วยเหลือจากโดฮา เธอจัดแจงแต่งหล่อให้พ่อ ตัดผมตัดเพ่า และหาชุดสูทสุดเท่มาให้พ่อใส่

เมื่อแม่เห็นพ่อในลุคสุดเท่เท่านั้นแหละก็ถึงกับตกตะลึง พ่อหยิบแหวนแต่งงานออกมาจากกระเป๋าแล้วขอแม่แต่งงานอีกครั้ง แม่รีบปฏิเสธทันที “ฉันไม่มีทางกลับไปอยู่กับคุณหรอก”

ทันใดนั้นเอง ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อชลฮีที่ดูเหตุการณ์อยู่ใกล้ ๆ ได้รับสัญญาณเตือนในหูว่าแม่พูดโกหก ความสามารถของเธอกลับมาใช้ได้อีกครั้ง

ชลฮีรีบเดินไปหาแม่ แล้วบอกพ่อว่าแม่พูดโกหก เพราะจริง ๆ แล้วแม่อยากกลับไปอยู่กับพ่อ แม่ได้ยินชลฮีพูดแบบนั้นก็ถึงกับปล่อยโฮออกมาไม่หยุด พ่อจึงโผเข้าไปโอบกอดแม่เพื่อปลอบโยน

อย่างไรก็ตาม แม้ความสามารถจับโกหกจะกลับมาใช้ได้อีกครั้ง แต่ชลฮีตัดสินใจจะเลิกเป็นนักล่าคนโกหก เธออยากจะใช้ชีวิตเหมือนคนปกติ

ด้านโดฮาก็ทำเพลงให้อีธาน ซึ่งเวลาต่อมาในปี 2024 โดฮาก็ได้รับรางวัลนักแต่งเพลงยอดเยี่ยมแห่งปีอีกครั้ง ครั้งนี้โดฮาเปิดหน้าขึ้นไปรับรางวัลด้วยตัวเองอย่างภาคภูมิใจ

ส่วนชาอนก็กุ๊กกิ๊กกับอดีตคนขับรถของชลฮี ที่ตอนนี้กลายเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของชาอนไปแล้ว ด้วยความใกล้ชิดนั่นแหละ ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองพัฒนาอย่างรวดเร็ว

ในขณะที่ พ่อของชลฮีก็เปิดร้านอาหาร กิจการรุ่งเรืองมีลูกค้ามากินมากมาย ต้องมายืนต่อคิวกันอย่างกับแจกฟรี แม่ของชลฮีเสิร์ฟอาหารมือเป็นระวิง

ตอนท้าย ที่คาเฟ่ไพ่ทาโรต์ โดฮายื่นไพ่ให้ชลฮี ด้านหลังของไพ่เขียนข้อความว่า “แต่งงานกันนะ” ก่อนที่โดฮาจะคุกเข่าลงเพื่อขอชลฮีแต่งงาน ชลฮีตอบเยสทั้งรอยยิ้มแห่งความสุข จากนั้น โดฮาก็ยื่นของขวัญให้ชลฮี เป็นของขวัญเป็นตั๋วชมการแข่งขันระหว่างแมนยูกับเวสต์แฮม ที่สนามโอลด์แทรฟฟอร์ด ชลฮีดีใจมากที่จะได้ไปดูแรชฟอร์ดตัวเป็น ๆ อย่างที่ฝันไว้มานาน

Images : tvN Korea
ดู My Lovely Liar ที่ VIU : คลิกที่นี่