Skip to content
สรุปเนื้อเรื่องซีรีส์ The Killing Vote (2023) โหวตโทษประหาร

สรุปเนื้อเรื่องซีรีส์ The Killing Vote (2023) โหวตโทษประหาร

The Killing Vote สปอยล์ : ผู้คนมัวแต่ก้มมองหน้าจอ เมื่อบุคคลสวมหน้ากากที่เรียกกันว่า ‘หน้ากากสุนัข’ ปรากฏตัว การโหวตโทษประหารก็เริ่มขึ้น …

เรต : 15+ คะแนน : 5/10 เรตติ้งเฉลี่ย : 4.0%
แนว : อาชญากรรม ระทึกขวัญ

EP.1. ปีศาจบริสุทธิ์

เจ้าหน้าที่หญิงจูฮยอน (รับบทโดย อิมจียอน) แผนกสืบสวนทางไซเบอร์ กำลังปลอมตัวเป็นเหยื่อของแก๊งค้ามนุษย์ โดยพวกมันบังคับหญิงสาวให้ไลฟ์เซ็กส์โชว์ หน้าที่ของจูฮยอนคือแจ้งพิกัดให้ เจ้าหน้าที่มูชาน (รับบทโดย พัคแฮจิน) นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้ามาจับกุมพวกแก๊งชั่ว

เป็นแต่เพียงว่า มูชานผู้มีชื่อเสียงว่าเป็นตำรวจแหกคอก ชอบลุยเดี่ยวและไม่สนใจขั้นตอนของตำรวจ บุกเดี่ยวเข้าไปจัดการโดยยังไม่ได้หมายค้น แม้จะลุยเดี่ยว แต่สกิลการต่อสู้ของมูชานก็สามารถจัดการกับพวกแก๊งชั่วได้อย่างง่ายดาย

ระหว่างนั้นมีการปล่อยตัวนักโทษ ‘คีชอล’ ออกมาจากเรียนจำ หลังจากรับโทษเพียงแค่หนึ่งปีหกเดือน ในข้อหาหาประโยชน์จากการเผยแพร่สื่อลามกอนาจารเด็ก ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับคนเป็นจำนวนมาก ที่หน้าเรือนจำมีผู้คนมาประท้วงการปล่อยตัวคีชอลเป็นจำนวนมาก ต้องมีการระดมเจ้าหน้าที่มารักษาความปลอดภัยให้กับคีชอล ป้องกันการโดนรุมประชาทัณฑ์

เมื่อคีชอลได้รับอิสรภาพ เขาก็เตรียมแผนจะทำธุรกิจหากินกับสื่ออนาจารเด็กต่อไป … เชื้อชั่วไม่มีวันตายจริง ๆ

ต่อมา จูฮยอนพบคลิปวิดีโอแปลกประหลาดในแลปท็อปของน้องสาว ในคลิปมีชายสวมหน้ากากที่เรียกว่า ‘หน้ากากสุนัข’ พูดจาด้วยประโยคแปลก ๆ ต่อหน้ากล้อง “มีคนหลายคนที่สมควรตาย แต่กฎหมายทำอะไรพวกมันไม่ได้ และคนชั่วอย่างแกก็มีอยู่เกลื่อนเมือง เกาหลีมันเละเทะจนพัฒนาต่อไม่ได้แล้ว จำไว้นะ ฉันไปหาแกแน่”

โหวตโทษประหาร

จูฮยอนพยายามค้นหาที่มาของคลิป แต่คว้าน้ำเหลว … คืนเดียวกันนั้น ทุกคนทั่วกรุงโซลต่างได้รับข้อความหน้าตาแปลก ๆ เด้งขึ้นมาในโทรศัพท์ “โหวตโทษประหาร” แล้วก็มีปุ่มให้กดโหวต เห็นด้วย กับ ไม่เห็นด้วย กับการประหารไอ้ชั่ว ‘คีชอล’ ?

หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ตามคาด ผู้คนต่างโหวดเห็นด้วยกับการประหารคีชอลถึง 84% … แล้วคีชอลก็ถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม

มูชานได้รับการแต่งตั้งจากหน่วยสอบสวนคดีพิเศษ ให้เป็นผู้รับผิดชอบคดีฆาตกรรมคีชอล แม้คีชอลจะเป็นอาชญากรที่สมควรตาย แต่การตายของเขาเป็นฆาตกรรม ยังไงซะ ตำรวจก็ต้องหาตัวคนร้ายมาลงโทษให้ได้

ด้านจูฮยอนเองก็แอบสืบคดีนี้ด้วยตัวเอง จนเธอได้พบข้อสังเกตที่อาจนำไปสู่การจับตัวคนร้าย จูฮยอนนำหลักฐานที่มีไปหามูชานทันที เธอเปิดคลิปที่ได้จากแลปท็อปของน้องสาวให้เขาดู เทียบกับคลิปล่าสุดที่ ‘หน้ากากสุนัข’ ปล่อยออกมา

จูฮยอนบอกว่า คนร้ายพูดประโยคหนึ่งเหมือนกันในทุกคลิป ประโยคนั้นคือ “ปีศาจผู้บริสุทธิ์” เมื่อสืบค้นก็พบว่า มีคดีเมื่อแปดปีที่แล้วที่พ่อฆ่าลูกสาวตัวเอง ประโยคสุดท้ายที่พ่อคนนั้นพูดก็คือ “ปีศาจผู้บริสุทธิ์” เช่นกัน ที่สำคัญคดีนั้น มูชานเป็นผู้รับผิดชอบคดี

จูฮยอนสรุปว่า ‘ควอนซอกจู’ พ่อที่ฆ่าลูกสาวในคดีนั้นคือ ‘หน้ากากสุนัข’ !

มูชานตกใจเมื่อได้ยินจูฮยอนสรุปแบบนั้น มันจะเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อควอนซอกจูยังอยู่ในคุก !?

EP.2 อึม ไซยาไนด์

เมื่อ 8 ปีก่อน … ควอนซอกจู (รับบทโดย พัคซองอุง) ถูกจับในข้อหาฆาตกรรม ชายที่ฆ่าลูกสาววัยแปดขวบของเขา … ซอกจูแถลงต่อหน้าศาลด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจที่มีต่อกระบวนการยุติธรรม ที่ปล่อยให้ฆาตกรที่ฆ่าลูกสาวเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่กลับตีตราเขาเป็นฆาตกร ทั้งที่การฆ่าไอ้ชั่วนั่นเป็นสิ่งที่มันสมควรจะได้รับ

จูฮยอนสรุปว่า ‘หน้ากากสุนัข’ คือ ‘ซอกจู’ และขอเข้ารวมทีมสอบสวนคดีพิเศษทำคดีนี้ด้วย แต่มูชานปฏิเสธ มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่ซอกจูจะอยู่เบื้องหลัง เพราะซอกจูอยู่ในเรือนจำ

ทีนี้ หัวหน้าของจูฮยอนที่จ้องจะย้ายเธอออกจากแผนกอยู่แล้ว เมื่อรู้ว่าจูฮยอนเอาหลักฐานในแผนกไซเบอร์ไปให้มูชาน เขาจึงสั่งย้ายเธอไปอยู่ทีมสอบสวนคดีพิเศษซะเลย … แม้จะถูกถีบหัวส่ง แต่จูฮยอนกลับดีใจขอบคุณหัวหน้ายกใหญ่

ด้านมูชานก็ตามสืบไปถึงคนขับรถแท็กซี่ที่ไปส่ง คีชอล เหยื่อรายแรกของโหวดโทษประหาร ในคืนเกิดเหตุ แต่ก็ไม่ได้ข้อมูลอะไรที่เป็นประโยชน์มากนัก และเมื่อตามรถแท็กซี่คันนั้น ก็พบอยู่ที่สุสานรถยนต์ สถาพรถถูกบี้ทำลายไปทั้งคันแล้ว

เหยื่อ

โหวตโทษประหารครั้งที่สองจะเริ่มในอีก 6 วัน … เบื้องบนกดดันมูชานให้รีบตามจับ ‘หน้ากากสุนัข’ ให้ได้

มูชานสั่งให้จูฮยอนเข้าไปสอบปากคำนักโทษในเรือนจำ นักโทษทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ซอกจูเป็นผู้มีพระคุณ แถมยังเป็นคนช่วยให้คีชอลไม่ถูกฆ่าตายในคุก

ซอกจูเห็นจูฮยอนถามคำถามด้วยประโยค “ปีศาจผู้บริสุทธิ์” กับนักโทษคนอื่น ๆ เขาจึงแจ้งกับผู้คุมว่าต้องการพบจูฮยอน … ซอกจูแนะนำจูฮยอนด้วยประโยคที่ว่า “ถ้าหาฆาตกรไม่เจอทำไมไม่หาเหยื่อก่อนล่ะ แสดงว่าฆาตกรมีเหยื่ออยู่ในใจ เหยื่อที่จะทำให้ฆาตกรดูเป็นฮีโร่”

มูชานเชื่อว่า ซอกจูอาจไม่เกี่ยวกับฆาตกรโดยตรง แต่ฆาตกรอาจเป็นคนที่อยู่รอบข้างเขา

จูฮยอนทำตามคำแนะนำของซอกจู เธอเร่งหาตัวคนที่เข้าข่ายจะตกเป็นเหยื่อของหน้ากากสุนัข แต่มันก็สายเกินไป

อึม ไซยาไนด์

แล้วก็ถึงเวลาสี่หุ่มของวันโหวตการประหารครั้งที่สอง หน้ากากสุนัขมาไลฟ์สดตรงตามเวลาเป๊ะ เหยื่อวันนี้ คือ อึมยุนคยอง หรือ อึม ไซยาไนด์ หญิงสาวที่วางยาฆ่าคนรอบข้างเพื่อเอาเงินประกัน แต่ตำรวจไม่สามารถดำเนินคดีเธอได้เพราะไม่มีหลักฐาน

อดีตของ อึม ไซยาไนด์ เคยวางแผนฆ่าสามีโดยการวางยา แล้วจัดฉากว่าเกิดอุบัติเหตุขับรถตกน้ำ ส่วนเธอมีรอยถลอกตามร่างกายเพียงเล็กน้อย เหตุการณ์นี้ทำให้เธอได้เงินประกันมูลค่า 2,760 ล้านวอน (ประมาณ 73 ล้านบาท) … เธอเคยแต่งงานมาแล้วสามครั้ง และสามีตายทุกคน !

ตอนสามีคนที่สามของ อึม ไซยาไนด์ เสียชีวิต ศาลชั้นต้นตัดสินจำคุกตลอดชีวิต ในข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา แต่ในชั้นศาลอุทธรณ์ ศาลกลับตัดสินยกฟ้อง โดยระบุว่าโจทก์ไม่สามารถพิสูจน์เรื่องเจตนาได้ … แล้วตอนนี้ เธอกำลังจัดการกับเหยื่อซึ่งเป็นสามีคนที่สี่

“ทุกคนเชิญโหวดเพื่อ ‘ฆ่า’ หรือ ‘ไม่ฆ่า’ หญิงสาวใจชั่วคนนี้ได้เลย” ชายภายใต้หน้ากากสุนัข ประกาศผ่านเครื่องแปลงเสียง จากนั้น เวลาหนึ่งชั่วโมงก็เริ่มนับถอยหลัง

ระหว่างนั้นจูฮยอนก็ตรวจจับสัญญาณโทรศัพท์มือถือของ อึม ไซยาไนด์ ได้ กำลังตำรวจออกตามหาทันที จนพบเธอถูกจับเอาไว้บนรถพร้อมด้วยระเบิดเวลา ระเบิดที่จะทำให้ชาวบ้านที่อยู่บริเวณนั้นได้รับอันตราย !

จูฮยอนแนะนำมูชานให้เคลื่อนย้ายรถไปไว้ที่โรงเรียนของน้องสาวเธอ ซึ่งเวลาดึกขนาดนี้น่าจะมีนักเรียนเหลืออยู่ไม่มาก เจ้าหน้าที่อีกส่วนหนึ่งก็เร่งเข้าไปเคลียร์เด็ก ๆ ออกจากรัศมีระเบิด

มูชานนำรถมาถึงลานกว้างภายในโรงเรียน อึม ซายาไนด์ ยังนั่งบนเบาะรถที่ถูกติดตั้งเข้ากับวงจรกับระเบิด ระเบิดที่เวลาเหลืออีกไม่ถึง 2 นาที แต่มูชานไม่ลงจากรถ เขาตะโกนใส่หน้ากากสุนัขผ่านโทรศัพท์ “ถ้าแกรักความยุติธรรม จะตอบคนอื่นยังไงถ้าฉันต้องตายไปด้วย … หยุดระเบิดบ้านี่ซะ ไอ้ชั่ว”

ไม่ทันสิ้นเสียงพูดของมูชาน แสงวาบที่เกิดจากแรงระเบิดก็ลุกท่วมรถ จูฮยอนมองดูด้วยสีหน้าตกตะลึง !

EP.3 เฟกนิวส์

แรงระเบิดทำให้ อึม ไซยาไนด์ เสียชีวิตคาที่ ในขณะที่มูชานได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ทางการให้ข่าวกับประชาชนว่า มูชานได้รับบาดเจ็บสาหัสเป็นตายเท่ากัน

ที่จริงแล้วมันเป็นแผนที่มูชานวางเอาไว้ เขาหนีออกมาจากรถก่อนที่จะเกิดระเบิด เขาต้องการเปลี่ยนกระแสสังคมที่กำลังมองว่า หน้ากากสุนัขเป็นฮีโร่ … นักข่าวสาวจากโทรทัศน์ช่องหนึ่งแสดงความคิดเห็นว่า “การทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจจนได้รับบาดเจ็บสาหัส นี่หรือคือความยุติธรรมที่หน้ากากสุนัขอ้าง”

จูฮยอนแอบเข้าไปเยี่ยมมูชานที่โรงพยาบาลตำรวจ แวบแรกที่เปิดห้องผู้ป่วยเข้าไปเห็นมูชานได้รับบาดเจ็บเป็นแผลที่หน้าผากเพียงเล็กน้อย เธอถึงกับยืนนิ่งอึ้งไป ก่อนจะตวาดเสียงลั่นออกมา “นี่คุณหลอกลวงคนทั้งประเทศเลยเหรอ”

มูชานพูดโดยไม่กล้าสบตาจูฮยอน เขาอ้างว่ามันเป็นวิธีการใช้สื่อทำการตลาดกู้ภาพลักษณ์ตำรวจ หลังจากถูกหน้ากากสุนัขแหกจนเละ แต่ไม่ว่าข้ออ้างจะเป็นอะไรจูฮยอนก็ไม่เห็นด้วยแม้แต่นิดเดียว เธอไม่เห็นด้วยที่ตำรวจทำเรื่องน่าขายหน้าแบบนี้ “แทนที่จะเอาเวลาไปจับคนร้าย กลับมัวเสียเวลามาทำเรื่องอัปยศแบบนี้ น่าทุเรศ”

อย่างไรก็ตาม แผนของมูชานได้ผลจริง ๆ ประชาชนเริ่มมีความเห็นเปลี่ยนไป คอมเมนต์ในเน็ตจำนวนมากให้กำลังใจตำรวจ และสาปแช่งหน้ากากสุนัขว่าเป็นแค่ไอ้ฆาตกรชั่ว

ครั้งที่ 13 พลาด

ต่อมา ด้วยความช่วยเหลือจากเพื่อนน้องสาว จูฮยอนค้นพบสถานที่ที่หน้ากากสุนัขใช้ไลฟ์สด ซึ่งมันคือบ้านของซอกจู เธอจึงรีบไปตรวจสอบที่นั่นทันที

ที่บ้านหลังนั้น จูฮยอนพบข้อความบนผนังบ้านที่พ่นด้วยสีสเปรย์สีแดง “ครั้งที่ 13 พลาด” ทันใดนั้น ชายปริศนาก็ปรากฏตัวขึ้นแล้วใช้ของแข็งตีเข้าที่ท้ายทอยจูฮยอนจนสลบไป ยังดีที่มูชานมาพอดี จึงช่วยจูฮยอนเอาไว้ได้ ส่วนชายปริศนาก็หนีไปได้เช่นกัน

รุ่งขึ้น จูฮยอนกับมูชานไปหาซอกจูในเรือนจำเพื่อสอบถามข้อมูล เมื่อไปถึง จูฮยอนยื่นรูปข้อความ “ครั้งที่ 13 พลาด” บนผนังบ้านให้ซอกจูดู เธอถามว่ามันหมายความว่าอะไร ?

“ลูกสาวผมถูกแทง 22 แผล ผมแทงไอ้ฆาตกรชั่วนั่นแบบเดียวกัน แต่การแทงครั้งที่ 13 ผมแทงพลาด มันคงหมายถึงเรื่องนั้น … แม้เรื่องนี้จะไม่มีระบุอยู่ในผลการชันสูตร แต่คนที่ติดตามคดีนี้มากตลอดก็จะรู้” ซอกจูตอบด้วยน้ำเสียงมั่นคง

“แล้วคุณคิดว่าเป็นใครคะ ที่จะสนใจคดีนี้ขนาดนั้น ?” จูฮยอนถามต่อทันที

ซอกจูค่อย ๆ เบือนหน้าจากจูฮยอนไปมองหน้ามูชาน ก่อนจะเอ่ยออกไปว่า “คิมมูชาน … เมื่อก่อนเราสนิทกันมาก คนเดียวที่ตรงกับสิ่งที่คุณถามคือ คิมมูชาน” พูดจบ ซอกจูก็ยิ้มเล็ก ๆ ออกมา แล้วเรียกผู้คุมให้พาตัวเขาออกไปจากห้องเยี่ยม

ขณะที่มูชานกับจูฮยอนกำลังเดินออกจากเรือนจำ หน้ากากสุนัขก็ไลฟ์สดโหวตโทษประหารภาคพิเศษ มันเปิดคลิปหลักฐานให้ประชาชนคนเกาหลีได้เห็นว่า มูชานที่ตำรวจอ้างว่ากำลังนอนโคม่าอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นเรื่องหลอกลวง คลิปแสดงให้เห็นชัดเจนว่ามูชานหนีออกมาจากรถก่อนที่จะเกิดระเบิด

เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เปิดประตูเรือนจำ ไม่ทันที่มูชานจะก้าวเท้าออกมา แสงแฟลชจากกล้องนักข่าวนับร้อยชีวิตส่องแสงวูบวาบออกมาไม่หยุด มูชานยืนนิ่งหน้าคิ้วขมวดอยู่อย่างนั้น ก่อนจะตัดสินใจเดินก้าวเท้าออกไปแล้วพูดว่า “แกอย่าเข้าใจผิดคิดว่าตัวเองเป็นฮีโร่ ยังไงแกก็หนีไม่รอด”

EP.4 อะไรคือความยุติธรรมสำหรับคุณ

มูชานยอมรับว่าตัวเองโกหกประชาชนว่าตัวเองได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาโค้งขอโทษต่อหน้าประชาชน มูชานพูดต่อโดยใช้คำพูดเรียกรถทัวร์ “แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมก็ยังจะเลือกทำแบบเดิม เพราะแก [หน้ากากสุนัข] ไม่ใช่ฮีโร่ แกมันก็แค่ฆาตกร”

ทีนี้ นักข่าวสาวคนหนึ่งก็ยิงคำถามใส่ “การกระทำแบบนี้ไม่ถือเป็นการขัดขวางกระบวนการยุติธรรมหรือคะ ?” โดนคำถามนี้เข้าไป มูชานถึงกับอึ้ง จูฮยอนจึงทำเป็นแกล้งตะโกนเสียงดังลั่นว่าไฟไหม้ แล้วรีบดึงแขนของมูชานวิ่งหนีนักข่าวออกไปเฉยเลย

หลังข่าวเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตจำนวนมากก็เข้ามาตั้งกระทู้ด่าจนเว็บของสำนักงานตำรวจล่ม

คืนนั้น มูชานได้รับคำสั่งจากเบื้องบนให้เก็บตัวเงียบ ๆ จูฮยอนจึงชวนเขามาอยู่ที่บ้านเธอชั่วคราว … ทั้งสองก๊งจิบโซจูด้วยกัน มูชานเหลือบไปเห็นรอยแผลเป็นด้านหลังหูของจูฮยอน เธอจึงเล่าให้เขาฟังว่าเป็นรอยแผลเป็นจากอุบัติเหตุทางรถยนต์สมัยยังเด็ก อุบัติเหตุที่ทำให้พอแม่เธอเสียชีวิต

จากนั้น มูชานก็เล่าความจริงเมื่อ 8 ปีก่อน ในการพิจารณาคดีฆาตกรรมลูกสาวตัวน้อยของซอกจู … ณ ห้องพิจารณาคดี ทนายจำเลยยกเอาประเด็นเรื่องตุ๊กตาที่ตกในที่เกิดเหตุมาเป็นข้อโต้แย้ง โดยชี้ว่าตุ๊กตาของเหยื่อเป็นหลักฐานปลอม ซึ่งทำให้ศาลพิพากษายกฟ้องจำเลย

มูชานยอมรับว่าเป็นความผิดของเขา หลักฐานปลอมที่ทำให้ฆาตกรชั่วกลายเป็นผู้บริสุทธิ์เป็นฝีมือของเขาเอง

ผู้คุมเรือนจำคนหนึ่งนัดเจอมูชาน เพื่อนำเอาจดหมายจาก ‘แฟนตัวยง’ ที่เขียนถึงซอกจูมาให้ จดหมายที่เขียนเป็นประจำทุกเดือนตลอดระยะเวลาหลายปี มูชานจึงนำเอาจดหมายปึกใหญ่มาให้จูฮยอนวิเคราะห์

ผ่านไปหลายชั่วโมง จูฮยอนก็ฟันธงว่า ‘แฟนตัวยง’ คือหน้ากากสุนัข เพราะเนื้อหาในจดหมายได้เขียนเล่ารายละเอียดแผนการฆ่าก่อนที่จะเกิดขึ้น แต่มีอย่างหนึ่งที่ผิดปกติ มีข้อความบางหน้าของจดหมายหายไป … มูชานสันนิษฐานว่า ส่วนที่หายไปอาจจะเป็นการเขียนชื่อเหยื่อ และซอกจูคือคนเดียวเท่านั้นที่รู้

ข้อเสนอที่ยากจะปฏิเสธได้

ที่ห้องเยี่ยมเรือนจำ … จูฮยอนเผชิญหน้ากับซอกจู ทั้งสองนั่งอยู่อย่างนั้นนานหลายนาทีโดยไม่ได้พูดอะไร กระทั่งจูฮยอนเอื้อมมือไปกดเครื่องเล่นเพลง เพลงที่เอามาจากแผ่นซีดีในบ้านซอกจู เพลงที่เขาไม่ได้ยินมานาน ซอกจูทำทีเป็นหลับตาพริ้มเคลิบเคลิ้มไปกับบทเพลง

จูฮยอนยิงคำถามเรื่องหน้าจดหมายที่หายไป ซอกจูยิ้มอย่างผู้ชนะ ก่อนที่จะกล่าวออกไปว่า “ถ้าผมได้รับการอภัยโทษกรณีพิเศษ ผมจะให้ความร่วมมือในการสืบคดีของคุณ”

ค่ำวันนั้น ซอกจูค่อย ๆ เดินออกจากเรือนจำ เขาค่อย ๆ สูดกลิ่นของอิสรภาพ ก่อนจูฮยอนจะขับรถมารับเขาที่ด้านนอก

EP.5 แผนลวง

ซอกจูถูกนำตัวออกจากเรือนจำด้วยการอภัยโทษพิเศษ โดยซอกจูต้องติดกำไลข้อเท้าอิเล็กทรอนิกส์เอาไว้ตลอดเวลา ซึ่งตำแหน่งของซอกจูจะปรากฏบนสมาร์ทวอทช์ของจูฮยอนแบบเรียลไทม์

ซึ่งการอภัยโทษพิเศษคือการอนุญาตให้ซอกจูออกมาช่วยตำรวจสืบสวนคดีนอกเรือนจำ โดยอยู่ในความรับผิดชอบของผู้คุม

วันแรกที่ออกมาใช้ชีวิตอยู่นอกคุก ซอกจูก็งัดกับมูชานซะแล้ว ซอกจูยื่นข้อเสนอว่าเขาจะคุยแต่กับขูฮยอนเพียงคนเดียว “คนที่ผมรู้จักที่น่าจะเป็นหน้ากากสุนัขมากที่สุด ก็คือคุณนั่นแหละ คิมมูชาน” พูดจบเขาก็หลุดขำออกมา มูชานได้ยินแบบนั้นก็หัวเสียเดินออกจากห้องไป

ระหว่างนั้น จูฮยอนก็สืบหาเหยื่อรายต่อไปของหน้ากากสุนัข จนไปพบเข้ากับคดีการก่ออาชญากรรมทางเพศของทหาร ที่มีมากถึง 1,407 คดีในรอบสี่ปีที่ผ่านมา แต่มีเพียง 9 นายเท่านั้นที่ได้รับการลงโทษ จูฮยอนคิดว่าถ้าหน้ากากสุนัขพุ่งเป้าไปที่ทหาร อาจทำให้ทั้งประเทศว้าวุ่น

ทีนี้ จูฮยอนจึงนำรายชื่อผู้กระทำความผิดที่เข้าข่ายจะตกเป็นเหยื่อของหน้ากากสุนัข มาเปรียบเทียบกับเหยื่อในการโหวตโทษประหารครั้งแรก เธอวิเคราะห์ว่าหน้ากากสุนัขจะลงโทษผู้ที่ไม่สำนึกผิด และกระทำความผิดซ้ำ ๆ เพราะมันคิดว่าตัวเองเป็นผู้พิทักษ์ความยุติธรรม

จูฮยอนคัดเป้าหมายเหลือ 11 คน แล้วให้เจ้าหน้าที่นำสมาร์ทวอทช์ที่ติดตั้งระบบจีพีเอสไปให้คนเหล่านั้น

โหวตโทษประหารครั้งที่สาม

ร้อยเอกโอเป็นเหยื่อรายที่สามของโหวตโทษประหาร เขาก่อเหตุล่วงละเมิดทางเพศในกองทัพเป็นประจำ ทำให้ทหารหญิงคนหนึ่งตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง … หน้ากากสุนัขกล่าวว่า ครั้งนี้จะไม่มีการเปิดเผยชื่อจริงของเหยื่อ จนกว่าจะปิดโหวต

เอาล่ะสิ เมื่อไม่เปิดเผยชื่อเหยื่อ ทำให้ตำรวจทำงานยาก เพราะในเป้าหมาย 11 คนมีคนนามสกุลโอถึง 5 คน ระหว่างนั้นก็มีชายสวมชุดดำโทร. มาหลอกตำรวจว่าเป็น ‘ร้อยเอกโอ’ ส่วนร้อยเอกโอตัวจริงก็โทร. แจ้งตำรวจเพื่อขอความคุ้มครอง ทำให้ตำรวจต้องแบ่งกำลังออกเป็นสองชุด

ร้อยเอกโอ ปัจจุบันทำงานเป็นแพทย์แผนกฉุกเฉิน เมื่อการโหวตโทษประหารเริ่มขึ้น เขาจึงขังตัวเองอยู่ในห้องตรวจ จูฮยอนพาซอกจูไปที่โรงพยาบาล

เวลาผ่านไปจนถึงเที่ยงคืนซึ่งเป็นเวลาปิดโหวต ผลออกมามีประชาชนที่เห็นด้วยให้ประหารร้อยโทโอถึง 72 เปอร์เซ็นต์ หน้ากากสุนัขได้เผยชื่อและใบหน้าของร้อยเอกโอ ซึ่งก็เป็นแพทย์ที่ห้องฉุกเฉินจริง ๆ ตอนนั้นเองเสียงระเบิดก็ดังสนั่นไปทั่วห้องฉุกเฉิน ผู้คนต่างพากันวิ่งหนีด้วยความตกใจ มันเป็นเพียงแค่ระเบิดควันจึงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ

ในขณะที่ทุกคนกำลังว้าวุ่นกับเสียงระเบิด ซอกจูก็ถอดกำไลข้อเท้าอิเล็กทรอนิกส์ แล้วเดินหลบหนีไป

EP.6 หน้ากากสุนัข

ขณะที่จูฮยอนกำลังถูกชายชุดดำเข้าทำร้าย ซอกจูก็ปรากฏตัวขึ้นแล้วเข้ามาช่วยจูฮยอน จริง ๆ แล้วซอกจูถอดกำไลข้อเท้าอิเล็กทรอนิกส์ไม่ได้ต้องการจะหลบหนี แต่เป็นการดึงความสนใจตำรวจให้ติดตามหาตำแหน่งของเขา เพื่อให้ตำรวจมาจับชายชุดดำ

มูซานที่อยู่ด้านนอกกำลังมองหาทางเข้าโรงพยาบาล แต่ทางเข้าออกทุกทางถูกปิด มูซานจึงขับรถตำรวจพุ่งเข้าชนประตูเหล็ก และพยายามเข้าไปช่วยร้อยเอกโอ มูซานลั่นกระสุนใส่คนร้ายที่ปลอมเป็นตำรวจ ขณะเดียวกัน มีดในมือของคนร้ายก็ปาดเข้าที่คอของร้อยเอกโอจนเสียชีวิต … แผนการโหวตโทษประหารของหน้ากากสุนัขสำเร็จอีกครั้ง

มูซานจับตัวคนร้ายได้ และนำตัวไปสอบสวน คนร้ายยอมรับว่าตัวเองเป็นหน้ากากสุนัข และเป็นคนวางแผนโหวตโทษประหารด้วยตัวเองเพียงลำพัง ถึงคนร้ายจะรับสารภาพอย่างง่ายดาย แต่มูซานไม่เชื่อว่าเขาจะเป็นหน้ากากสุนัขตัวจริง

อย่างไรก็ตาม ข่าวการจับหน้ากากสุนัขได้แล้วถูกแพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งตรงกับความต้องการของผู้บัญชาการตำรวจ มูซานจึงจำใจยอมทำตามคำสั่ง แต่เขาได้วางแผนสืบหาตัวหน้ากากสุนัขอย่างลับ ๆ ต่อไป

ผ่านไปไม่นาน คนร้ายก็ยอมเปิดปากให้ข้อมูลกับมูซาน เขายอมรับว่าตัวเองไม่ใช่หน้ากากสุนัข โดยเขาติดต่อกับหน้ากากสุนัขตัวจริงผ่านดาร์กเว็บ เขาจึงไม่รู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของหน้ากากสุนัขเป็นใคร แต่มั่นใจว่าหน้ากากสุนัขต้องเป็นหนึ่งในบรรดาลูกศิษย์ของซอกจูอย่างแน่นอน

จูฮยอนสงสัยมินซู ซึ่งเป็นอาจารย์ประจำชั้นของน้องสาวเธอ จูฮยอนจึงแอบสะกดรอยตามเขาที่โรงเรียน แต่อยู่ดี ๆ ลมยางเกิดแบนอย่างไม่รู้สาเหตุ มินซูจึงถือร่มเดินมาหาเธอที่รถ และเสนอว่าจะขับรถไปส่งที่สำนักงานตำรวจ

ระหว่างทางมินซูบอกกับจูฮยอนว่า เขาเคยเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมเมื่อแปดปีก่อน จูฮยอนปฏิเสธว่าไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน “ผมคิดว่าที่คุณมาหาผมเพราะเรื่องนี้ซะอีก”

แล้วค่ำวันนั้นทุกอย่างก็เปิดเผย มินซูบนนอนตักแม่ดูทีวีด้วยกัน แม่ของมินซูคือ สส.มินจียอง นักการเมืองหญิงที่มีข่าวเข้าไปพัวพันกับการทำผิดกฎหมายหลายต่อหลายครั้ง แต่เธอก็พ้นข้อกล่าวหาได้ทุกที

แล้วจู่ ๆ แม่ก็พูดกับมินซูว่า “ทำไมแกต้องฆ่าคนอีก”

มินซูมองหน้าแม่แล้วก็ยิ้ม “โดนแม่จับได้อีกแล้ว”

จากนั้น ภาพก็เฉลยให้เห็นว่า มินซูคือหน้ากากสุนัข !

EP.7 รอยยิ้มของเด็กชายอายุสิบหก

ย้อนกลับไปเมื่อแปดปีที่แล้ว ณ งานอภิปรายเรื่องสิทธิมนุษยชนในกระบวนการยุติธรรม โดยมีซอกจู และ สส.มินจียอง เป็นผู้บรรยาย เด็กชายมินซูในวัยมัธยมต้นนั่งฟังการบรรยายอยู่ที่นั่นด้วย เขาเป็น ‘แฟนตัวยง’ ของซอกจู

แต่ดูเหมือนว่าระดับความหมกมุ่นของมินซูที่มีต่อซอกจูนั้นจะเกินปกติ เขาเริ่มกำจัดสิ่งที่ซอกจูรักทีละอย่าง เริ่มจากสุนัขของลูกสาวซอกจู เขาแอบเข้าไปในบ้านซอกจูแล้วเอาสุนัขมาฆ่าแล้วฝังไว้ในสวน ถึงมินซูจะทำเรื่องร้ายแรงขนาดนั้น แต่พ่อแม่ของเขาก็ยังให้ท้าย โดยเฉพาะ สส.มินจียองที่ไม่เคยต่อว่าลูกเลยแม้แต่คำเดียว

ไม่เพียงแค่นั้น สส.มินจียองยังเลี้ยงเด็กที่ชื่ออูแท็ก เอาไว้คอยรับผิดแทนมินซู

หลังจากการตายของลูกสาว ซอกจูกลับถูกตำรวจจับกุมในฐานะผู้ต้องสงสัย ระหว่างนั้นก็มีคลิปที่เขาสัมผัสตัวกับเด็กนักเรียนหญิงว่อนในโลกอินเทอร์เน็ต ด้วยพลังของแท็ก #MeToo ซอกจูจึงถูกชาวเน็ตมองว่าเป็นตาแก่หัวงู ชอบล่วงละเมิดทางเพศเด็กหญิง แม้ความจริงจะไม่ใช่

มูซานสืบหากล้องวงจรปิด จนพบว่าอูแท็กเป็นคนสุดท้ายที่เจอลูกสาวซอกจู อูแท็กถูกจับในฐานะผู้ต้องหา อย่างไรก็ตาม มูซานสงสัยว่ามินซูคือฆาตกรตัวจริง เขาเห็นรอยยิ้มของมินซู รอยยิ้มของเด็กอายุสิบหกปีแต่เป็นรอยยิ้มที่แฝงไว้ด้วยความเลือดเย็น มูซานมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่ามินซูคือฆาตกร

สส.มินจียองไม่ได้โง่ เธอรู้ว่าลูกของเธอเป็นฆาตกร จึงสั่งให้ลูกน้องคอยจัดการปกปิดหลักฐานที่จะพาไปถึงตัวมินซู พร้อมทั้งจ้างทนายระดับเทพมาว่าความให้อูแท็ก

ในชั้นพิจารณาคดี ทนายของอูแท็กชี้ให้ศาลเห็นว่า มูซานใช้หลักฐานปลอม และยังซ้อมจำเลยให้รับสารภาพ ศาลจึงพิพากษายกฟ้อง … ทุกอย่างพังด้วยมือของมูซาน

หลังจากอูแท็กถูกพิพากษาว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ซอกจูงก็สังหารอูแท็กเพื่อแก้แค้นให้ลูกสาว

ในวันที่ศาลพิพากษาตัดสินจำคุกซอกจู มูซานได้เห็นรอยยิ้มน่ากลัวของมินซูอีกครั้ง มินซูยืนยิ้มขณะมองดูซอกจูเดินขึ้นรถรับส่งนักโทษ

ตัดกลับมาปัจจุบัน …

มินซูเข้าในการกับมูซานที่สำนักงานตำรวจ “คุณฆ่าลูกสาวของซอกจูใช่ไหม ?” มินซูได้ยินคำถามก็ยิ้มออกมา รอยยิ้มที่แฝงความเลือดเย็น มูซานจำรอยยิ้มนี้ได้ดี

ระหว่างนั้น จูฮยอนก็เข้าไปแฮกข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่โรงเรียนของมินซู แล้วเธอก็เจอหลักฐานเด็ด คลิปวิดีโอที่ถ่ายเหตุการณ์ระเบิดที่สนามฟุตบอลของโรงเรียน หลักฐานที่ได้ยิ่งทำให้มูซานเชื่อพันเปอร์เซ็นต์ว่า มินซูคือหน้ากากสุนัข อย่างไรก็ตาม ซอกจูยังมองไม่เห็นแรงจูงใจ “ถ้าเป็นมินซูจริง เขาจะทำมันไปเพื่ออะไร ?”

EP.8

เลื่อนออกากาศอย่างไม่มีกำหนด

Image : SBS Korea
ดู The Killing Vote ที่ Prime Video : คลิกที่นี่